คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ปีศาจภัยนารี
บทที่ 12 ปีศาจภัยนารี
ไม่รู้ว่าใครเคลื่อนไหวก่อนกันแน่ ท่านประธานซันเพียงรู้ว่าตัวเองสะบัดมือแผ่พุ่งพลังลมปราณร้อยปีของตนเข้ากระแทกกับม่านน้ำเต้าหู้ที่สาดเทมาจากคนที่เคลื่อนตัวทะยานออกจากหน้าต่างของร้านด้วยความรวดเร็วถึงขั้นร่างเงาพล่าพลายเต็มร้านเล็กๆ
“เจ้าคิดว่าจะหนีหัตถ์เทพล่าวิญญาณของข้าได้หรือแมวน้อยแสนซน!” แม้เสียงจะดังขึ้นกระทบโสตอย่างแผ่วเบาแต่เงาร่างที่เคลื่อนตัวทะยานห่างออกมาเกือบหกร้อยเมตรแล้วยังรู้สึกขนทั่วร่างสามัคคีลุกเกลียว
ท่านประธานซันจ้องจับเหยื่อที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ด้วยแววตาไร้ความรู้สึกร่างชราเคลื่อนวาบก็หลงเหลือเพียงสายลมหอบหนึ่งที่กันโชกตามหลังผู้ที่ใช้วิชาท่าเท้าคลื่นหิมะถึงขั้นสูงสุด
ท่านประธานซันเหยียบเท้าทะยานใต่ขึ้นสูงพร้อมยกนิ้วชี้กลางมือซ้ายประกบกันเป็นรูปปืนเด็กเล่น พลังลมปราณเหลือเฟือถูกรีดเค้นออกมาจนกลายเป็นก้อนใสเท่าไข่ไก่พร้อมหัวแม่มือที่ดีดลูกกลมปราณออกไปสะกัดร่างที่ไม่มีวันหนีเขารอด
“ฝุบ!”
ลูกกลมลมปราณเคลื่อนวาบติดตามและลดระยะห่างของอาแป๊ะและท่านประธานซันลงอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวลูกกลมสีใสๆ ก็ระเบิดออกจนสายลมพัดพาออกสองข้างทางซึ่งเป็นเหนือยอดคลื่นของตึกสูงระฟ้ามากมาย
ท่านประธานซันแตะอากาศธาตุลอยตัวฉบลงหาร่างที่ตกใจกับของเล่นเล็กๆ น้อยๆ จากฝีมือของเขา ชายหนุ่มในร่างชราหมุนตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงคมแสงที่วูบผ่านตัวไป
“โอ้สาวน้อยร้อยล้าน ที่แท้ก็เป็นแค่คนเบี้ยวจ่ายเงินนี่เอง” ท่านประธานซันหัวเราะร่วนและทะยานหลบหลีกวิชายุทธ์ประจำตระกูลอหวินซึ่งไล่ติดตามมาอย่างกระชั้นชิด
“ตูม!”
หัตถ์ซ้ายที่กลายเป็นสีขาวพร่างเหมือนดวงอาทิตย์ตบฟาดพร้อมคลื่นอากาศที่แหวกออกเหมือนสายน้ำถูกหินยักษ์ตัดผ่า
รูปพลังรูปฝ่ามือทะยานเข้ากระแทกร่างของอาแป๊ะซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบสามร้อยเมตรเข้าเต็มๆ แผ่นหลัง ร่างในชุดมอซอจึงปลิวไถลไปกระแทกกับดาดฟ้าของตึกทำงานหนึ่งเสียงดังลั่น
ร่างทะยานออกไปข้างหน้าด้วยวิชาตัวเบาที่บังคับร่างพลิ้วทะยานกลางอากาศอย่างเสรี ดวงเนตรเย็นยะเยือกของ
อหวินหงหลินเป็นประกายคมกล้า เมื่อประจักรถึงพลังฝีมือที่แท้จริงของชายตรงหน้า
“พลังลมปราณร้อยปี มันยอดเยี่ยมขนาดนี้เลย?” คำถามจากเรียวปากอิ่มสีเชอรี่ทำให้ท่านประธานซันหลุดหัวเราะ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจหญิงสาวอีก
ร่างสูญสลายไปจากครองจักษุในพริบตาที่เคลื่อนผ่านทำให้หญิงสาวชาวแดนมังกรเบิกตากว้าง
ท่านประธานซันทาบฝ่ามือลงกับศีรษะของร่างที่กำลังกระอักเลือดอยู่ไม่ขาดสาย ดวงตาอาแป๊ะเริ่มสลัวเลือนรางลงเรื่อยๆ
“คืนร่างซ้ะ เจ้าหนูแล้วข้าจะไว้ชีวิตแก” ร่างที่ทอดเงาเหนือกว่านั้นประหนึ่งยมทูตกำลังยืนยิ้มจ้องรอคอยเวลาเก็บเกี่ยววิญญาณ
“ไม่” น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเป็นภาษาหนึ่งที่ตัวเองเข้าใจทำให้ชายชรากระโดดถอยห่างเจ้าของสำเนียงแห่งแดนปลาดิบด้วยท่าทางตื่นๆ
ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนวัยจนน่าใจหายและประโยคชวนใจแข็งที่ทำลายความอดทนของท่านประธานซันทำให้ชายหนุ่มในร่างชราต้องบอกเบื่อๆ
“รีบหน่อยเถอะ ถือว่าเห็นใจคนแก่ ฉันยังมีงานต้องไปเคลียร์”
คนที่ฟุบอยู่บนดาดฟ้ายังคงกระอักเลือดเสียจนหมด แล้วจึงเหยียดยืนขึ้น ดวงตาหน้ามองทั้งคู่ทอประกายบางอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มร้อนๆ หนาวๆ
“เผยร่างที่แท้จริงของคุณมา” ท่านประธานซันสะดุ้งและเผลอเก้าถอยหลังอย่างกังวลอย่างไม่ทราบสาเหต
“หยุดๆ ยอมแพ้ อย่าเก้าเข้ามาใกล้อีกได้ไหม พอดีมันไม่ชิน” ชายแก่ยกมือยอมจำนนแล้วค่อยๆ เดินเบี่ยงตัวออกจาก
ที่เดิม
“ห้ามหนี” ท่านประธานซันถึงกับกลอกตา เมื่อกี้เขาแค่ไม่ติดใจเอาความอะไรกับเธอยัยเด็กนี่ยังไม่รู้จักรุ่นไหนเป็นรุ่นไหน แถมตอนนี้ยังสร้างอาณาเขตหิมะล้อมเขาอีก คิดว่าลมปราณสิบกว่าปีของเธอมันยอดเยี่ยมมากหรือไง
ท่านประธานซันได้แต่บ่นในใจเสียงดังๆ และสูงปรี๊ดแต่ใบหน้าและรอยยิ้มของตัวเองยังต้องคงความแย้มยิ้มเป็นมิตร
“ได้” ชายหนุ่มตอบรับไปอย่างไม่อิดออด แต่พอเขาถอนพลังคุ้มครองร่างกายก็สัมผัสได้ถึงพื้นดาดฟ้าซึ่งเปลี่ยนแปลงเป็นแก้วผลึกน้ำแข็งจนครอบคลุมทั้งพื้นที่เกือบทั้งหมดไปจนสิ้น ยกเว้นเพียงแต่ที่อาแป๊ะยืนยิ้มอยู่เท่านั้น
“หลินๆ เรามีทางลัดที่จะทำให้พลังฝีมือเพิ่มแล้วน้ะ” ไม่รู้ว่าความคิดของคนตรงหน้าคืออะไร แต่ท่านประธานซันกำลังรู้สึกอยากจะลงไปนอนขำกลิ้ง เมื่อร้อยปีก่อนมียอดยุทธ์ผู้ครอบครองลมปราณดูดวิญญาณออกอาละวาดทั้งทวีปแต่
เพียงคืนเดียว ลมปราณชุดนั้นก็ถูกทำลายย่อยยับด้วยหัตถ์เทวะลิขิตสวรรค์จากเจ้าสำนักปราณฟงหวินรุ่นก่อน
ด้วยทางมารครองฟ้าเกรงว่ากลัวใครจะโกงในการเร่งรัดฝึกลมปราณจนเป็นอันตรายจึงตรากฎและบัญญัติเคล็ดวิชาสำหรับทำลายกำลังภายในซึ่งเป็นของผู้อื่นจากการดึงดูดมาโดยตรง แน่นอนละว่ายอดยุทธ์ซันย่อมได้เรียนมันมาและ
เขายังไม่ได้มีรูปแบบเดียวอีกด้วย
ดวงตาส่วนลึกของชายหนุ่มผู้เป็นจิตวิญญาณนึกถึงคำกล่าวสุดท้ายของท่านแม่ก่อนนางจะลอยขึ้นสวรรค์กลายเป็นหนึ่งในเซียนคุ้มครองภิภพร่วมกับท่านพ่อ
“เซียนน้อย ถ้าไม่ถึงเวลาเข้าตาจนอย่าปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบเถื่อนของเผ่าปีศาจออกมาละ เพราะ......” ท่านแม่ยิ้มเล็กน้อยแต่ทำให้เด็กน้อยซันกุ้ยเซียนหน้าแดงก่ำ เพราะความไม่เดียงสา
“จริงเหรอคาริเมะ?” น้ำเสียงสงสัยและไม่เชื่อถือของทายาทวิชายุทธ์เหมันต์ปรโลกเอ่ยถามกับอาแป๊ะที่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มหวาน
“ใช่และถ้าแบ่งดีๆ พวกเราจะใช้ลมปราณนี้ทะยานขึ้นถึงห้าสิบปีเลยน้ะ” อาแป๊ะแห่งร้านน้ำเต้าหู้ข้างถนนหมุนข้อมือเล็กน้อยลำแสงสีเงินจับตาสายหนึ่งก็ลอยเข้ามากระชับอยู่ในมือพร้อมส่งประกายแหลมคมออกมาตามพลังลมปราณที่ลายล้อมกาย
“ว้าว ดาบเหนือสำนึก!” ท่านประธานซันอดตลึงไปไม่ได้ เพราะสำหรับวิถีดาบแล้วทุกโลกย่อมเหมือนกันทั้งสิ้น
ทั้งมัคคาแห่งสายที่เรียบง่ายนี้ยังคงทรงพลังสำหรับทุกมิติ
ตามวิถีของผู้ฝึกดาบนั้นแบ่งออกเป็นห้าขั้นโดยรวบรัด
สำนึกดาบ
ใต้สำนึกดาบ
เหนือสำนึกดาบ
ไร้สำนึกดาบ
และว่างเปล่า
ร่างของอาแป๊ะตรงหน้าเริ่มหลุดล่วงพร้อมคลื่นแสงสว่างที่เปลี่ยนเป็นสองสายทิ่มแทงเข้าหาดวงตาของชายหนุ่มที่กำลังประเมินคู่ต่อสู้ซึ่งมีบางสิ่งบางอย่างไม่อยากให้เขาเข้าใกล้พวกเธอ ทั้งเด็กสาวจากตระกูลอหวินและทายาท
ผู้อ่านฟ้าบรรจบสวรรค์
“นี่หลานน้อยทั้งสอง ปู่คิดว่า....เปลี่ยนความคิดดีกว่าน้ะเรื่องจะดูดพลัง”
อหวินหงหลินและผู้ปรากฏตัวในร่างที่แท้จริงเผยรอยยิ้มผู้กุมชัยชนะ
พลังงานร้อนเย็นสองขุมหมุนวนเข้าโอบล้อม รัดแน่นๆ และสะกดจนชายหนุ่มในร่างชายชราแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วตะโกนบอกท่านแม่ในใจ
แม่คร้าบ ผมขอโทษไม่อาจจะครองตัวถือพรหมจรรย์ได้อีกแล้วว!
ชายหนุ่มจึงเลิกต่อต้านพลังดึงดูดสองสายจากสองทิศทางที่พุ่งเข้าสู่ร่างกายของตัวร่างที่แก่หงำเหงือกจนพลังงานทั่วร่างไหลเอ่อออกไปสู่สองอาวุธที่กำลังเคลื่อนเข้าหาเขาใกล้ๆ จากทิศทางหนึ่งหน้าหนึ่งหลัง
แม้พลังอ่านฟ้าบรรจบสวรรค์จะยอดเยี่ยมแค่ไหน สามารถอ่านทะลุม่านลมปราณทุกชนิด.....แต่ขึ้นชื่อว่ายอดวิชาย่อมมี
คู่ข่ม
และสิ่งที่ทำให้ยอดวิชาอ่านฟ้าบรรจบสวรรค์ไม่เคยจะพ่ายแพ้มาก่อนเพราะผู้ข่มเหงนั้นไม่เคยมีอยู่บนโลกใบนี้.....แต่
ราวกับสวรรค์เล่นตลกเมื่อมันกลับอยู่ในโลกอีกใบซึ่งอยู่กับบุคคลผู้สืบสายเลือดปีศาจหนึ่งในเจ็ดเผ่าใหญ่แห่งมารครองฟ้า....และซือเฟิยหลิง ท่านแม่ของยอดยุทธ์ซันก็เป็นคนส่งต่อพลังลมปราณปีศาจแห่งกลกามและฝันร้ายมาสู่ร่างเขาอย่าง
เต็มเปี่ยม
หญิงสาวผู้กระชับดาบอยู่ในมือจ้องฝ่าสายลมปราณที่ไหลเวียนเข้าสู่คมดาบของตัวเองและเพื่อนสาวอย่างบ้าคลั่ง จริงๆ แล้วชายคนนี้มีพลังสูงกว่าที่มองเห็นอีกเกือบร้อยเท่า ทำให้เส้นลมปราณของสองสาวที่รองรับกำลังทนไม่ไหวเพราะกระแสลมปราณที่หลุดรั่วออกมานั้นซัดสาดพวกเธอจนร่างปลิวกลิ้งไปคนละทาง
“อืมม ร่างนี้ก็ยังนับว่าโชคดีอยู่แฮะ!” ท่านประธานซันจ้องมองร่างของตัวเองซึ่งเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เท้าใต้ผ้าคลุมดำยาวขลิบทองลากพื้นเก้าออกมาข้างหน้าประหนึ่งวิญญาณร้ายที่ผุดโผล่มาจากขุมนรก
ไล่สายตาขึ้นมองตามเรือนผมยาวสีเปลวเพลิงที่พริ้วไหวไปข้างหลังและดวงตาสีทองแหลมคมเจิตจ้าใบหน้าเรียวรูปไข่นั้นทั้งทอประกายเย่อหยิ่งจองหองและหื่นกระหายไร้ขีดจำกัด
“ฉันขอจัดการเธอก่อนเป็นไง แมวน้อยจากแดนไกล” เสียงหัวเราะแผ่วต่ำดังสะท้อนอื้ออึงอยู่ในหูพร้อมเสื้อผ้าอาพรที่ฉีกขาดกระจุยกระจายออกจากร่างของทายาทอ่านฟ้าบรรจบสวรรค์ซึ่งกำลังถูกรุกรานร่างกายและจิตใจพร้อมกันทุกทางจากริมฝีปากแดงสดที่ฉกลงมาครอบครองเรียวปากอิ่มสีชมพูสดใส เสียงหวีดร้องมีโอกาสดังได้แต่ในคอ มือหนาสากลูบไล้ไปตามร่างเปลือยที่บิดไหวเพราะความร้อนที่แล่นพล่านไปทั้งร่างผืนฟ้าเบื้องบนมืดทะมึนลงฉับพลัน เมื่อปีศาจตัวเป็นๆ ปรากฏขึ้นบนโลกมนุษย์ เหมือนดวงตาสวรรค์เปิดออกสายฟ้าร้อยกว่าเส้นฟาดเทลงสู่พื้นราบจนนำความสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งกรุงเทพฯ
ส่วนปีศาจที่หลับใหลแห่งยอดยุทธ์ซันคู่ข่มแห่งวิชาลมปราณอ่านฟ้าบรรจบสวรรค์ ไม่ได้สนใจจะทะนุถนอมร่างงามที่ถูกกดลงบนพื้น ริมฝีปากหวานละมุนละไมถูกปลดปล่อยเป็นอิสระ ทำให้หญิงสาวสามารถกรีดร้องได้สุดเสียง จากการถูกลุกล้ำด้วยสิ่งที่ไม่คุ้นเคยบริเวณลำตัว
“เป็น เมียฉันซ้ะแม่หนูน้อย!” เสียงคำรามหัวเราะดังกึกก้อง พร้อมสายฝนที่สาดเทลงสู่พื้นภิภพ
บนดาดฟ้าอาคารสูง ก็ยังมีสายฝนจากดวงตาคู่หนึ่งที่หลั่งรินและพร่างพรมลงอาบย้อมปนเปื้อนไปกับเสียงหัวเราะระคนพึงพอใจของปีศาจในร่างมนุษย์ตรงหน้า
ดวงตาสีทองวาวจ้าเต็มไปด้วยความสุกสมใจแห่งหนึ่งในเจ็ดปีศาจผู้ทรงอำนาจแห่งทวีปมารครองฟ้า
ซันกุ้ยเซียน…….ปีศาจภัยนารี………
เสริมบท
ยอดยุทธ์ซัน: ข้าขอท่านแม่แล้วน้ะ!
คาริเมะ: ฮือ...กระซิกกระซิกวันหลังคาริเมะจะไม่ทำแบบนี้อีกกก
โปรดติดตามตอนต่อไป บทที่ 13 คืนนี้ยังอีกยาว!
…………..***
ความคิดเห็น