คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : อาจารย์ไม่มีอะไรจะสอนหวะ!
บทที่ 11 อาจารย์ไม่มีอะไรจะสอนหวะ~
เวลาคล้อยผ่านไปนานเกือบชั่วโมงเศษ ท่านประธานซันทำได้เพียงจ้องผ่านฝ่ากระจกออกไปมองแสงสียามค่ำของมหานครเบื้องนอกด้วยแววตาครุ่นคิด....
“ท่านปรมาจารย์ คิดอะไรอยู่?” อาแป๊ะน้ำเต้าหู้โบกมือหม้อน้ำเต้าหู้ก็ลอยมาวางลงบนโต๊ะข้างๆ พร้อมชายที่มองยังไงก็น่าจะมีอายุไม่เกินสามสิบปีใบหน้าขาวเกลี้ยงไร้หนวดแลดูหมดจด
ในแววตาแสนธรรมดาและวงหน้าแสนดาษดื่น
กลับงำประกายยอดคนไว้อย่างสมบูรณ์
“กำลังภาวนาอยู่ ให้พวกเทพเกรียนพวกนี้มันได้ศึกษาตำราคุณธรรมตามวิถีมนุษย์
ที่แท้จริงด้วยนะสิ” ตำราที่ว่านั้นเป็นตำราที่เปิดสอนอย่างแพร่หลายในดินแดนมารครองฟ้า
ซึ่งเขาจากมา ในตำราซึ่งว่าด้วยทฤษฎีและแนวการนำไปใช้เล่มนี้ กล่าวถึงสันดานเดิม
ของสัตว์โลก วัฒนธรรมซึ่งถูกปลูกฝังให้เป็นคนอยู่ในกรอบระเบียบของประเภณี และวิธีคิดนอกกรอบรวมไปถึงหนทางสู่การมองโลกตามความธรรมดา
ดวงตาเรียวของชายหนุ่มมองคนตรงหน้าด้วยแววตาทึ่งๆ แต่อาแป๊ะอาจจะทึ่งยิ่งกว่าหากรู้ว่าจริงๆ แล้วคนที่พูดสั่งสอนเป็นวักเป็นเวนอยู่ตรงหน้าโดดเรียนวิชานี้เป็นประจำ
ความลับที่ซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ก็คือ...หนทางก้าวสู่ขอบเขตลมปราณขั้นเทวดา....
เป็นกลวิธีของปราชญ์สวรรค์วินซีเรียซึ่งใช้ทดสอบปัญญาและท่านยอดยุทธ์ซันกุ้ยเซียนก็ไม่เคยเฉลียวใจมาตลอดสี่ปี
อันที่จริงลมปราณของชายหนุ่มอัดแน่นจนแทบระเบิดตั้งแต่อายุยี่สิบปี หากเขาได้ลองศึกษาตำราเล่มดังกล่าวเชื่อว่าพลังยุทธ์ของเขา คงก้าวเข้าสู่ขอบเขตธรรมชาติไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ต้องโทษตัวเขาเองที่เกลียดการเรียนหนังสือภาควิชาทฤษฎีจนเข้าใส้…..
“พลังลมปราณของท่านปรมาจารย์ข้อนข้างแตกต่างจากพวกเราอยู่มาก
พอประทานบอกได้ไหม๊ ว่าเป็นลมปราณสายไหน?” ท่านประธานซันอมยิ้มบางๆ
ก่อนย้อนถามเสียงเรียบ
“งั้นอธิบายมาก่อน ว่าชนชั้นลมปราณของโลกนี้แบ่งยังไง?”
ไม่ว่าโลกใบไหน ต่างต้องมีขอบเขตของระดับชั้นพลังอย่างชัดเจน เพื่อเปรียบเทียบและตรวจสอบความก้าวหน้าและความเสียเปรียบได้เปรียบในการต่อสู้
“โลกใบนี้แบ่งลมปราณออกเป็นหกช่วงชั้น
หนึ่งปี กำเนิดปราณ
สิบปี รวบรวมปราณ
ห้าสิบปี เหยียบนภา
ร้อยปี เคลื่อนสวรรค์
สามร้อยปี ขอบเขตเซียน
มากกว่านี้ไปเป็นขอบเขต ตำนาน” อาแป๊ะยอมเจียระไนขอบเขตของช่วงชั้นปราณ
พอทำให้ท่านประธานซันผู้มาจากต่างโลกเข้าใจอะไรเพิ่มบ้าง
“แล้วคราวนี้จะบอกผมได้รึยังท่านปรมาจารย์?” ท่านประธานซันถอดหมวกแก๊บ
ซึ่งปิดหน้าปิดตาไปกว่าคลึ่งออก
แล้วส่งยิ้มให้ชายหนุ่มที่รีบกระโดดเหยงขึ้นยืนจนเก้าอี้ไถลกลิ้งโครมไปชนผนังร้าน
คนตรงหน้านี่เกินความคาดหมายของเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้อย่างสุดกู่
“ท่านประธานแห่ง world haunt!” เสียงแหกปากของชายหนุ่มทำให้ท่านประธาน
ต้องยกมือขึ้นจุ้ปากเบาๆ
แล้วกวักมือให้เก้าอี้กลับมาตั้งตรง
“ตกใจอะไรนักหนา ลมปราณที่ผมรู้จักแบ่งออกเป็นห้าขั้นหากเปรียบเทียบเป็นกำลังลมปราณ
ที่บ่มเพาะกันก็น่าจะได้ประมาณ
ขั้นมนุษย์ น่าจะสิบปี
วิญญาณของผมก็ประมาณ ร้อยปี
เทวดา พันปี
ธรรมชาติหมื่นปี
และขอบเขตเจ้ายุทธ์ ก็มากกว่านั้น” ชายหนุ่มถึงกับเข่าอ่อนลงไปนั่งกองกับพื้นจ้องชายชรา
ตรงหน้าที่ยังคงไม่หยุดพูด
“โลกของผมเหมาะสมกับการฝึกลมปราณมาก มีสถานที่ให้ดูดรับพลังงานฟ้าดิน
และสามารถเลือกเสริมพลังของตนให้แกร่งขึ้นด้วยขั้วพลังธาตุอสูร ซึ่งได้จากการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ช่วงชิงหรือยอมมอบให้ จากสัตว์เทวะทั่วทวีป
ทำให้ทุกคนในทวีปมีพลังเริ่มต้นอยู่ที่กำลังลมปราณสิบปี สำหรับพวกคุณ
มันสามารถช่วยทุ่นแรงในการทำงาน
และลดอะไรหลายๆ อย่างที่น่ารำคาญลงได้เยอะ” ชายหนุ่มเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้อ้าปากค้างกับเรื่องเล่าของชายชราตรงหน้า
“งั้นมันคืออะไร....คุณไม่ใช่ ท่านประธานของworld haunt เหรอ?” ยอดยุทธ์ซันนิ่งคิดเล็กน้อยก่อนตอบคำถาม
“จะว่าอย่างงั้นก็ได้
มีใครบางคนเล่นตลกให้ข้ากับเจ้าแก่ดวงเฮ็งสลับวิญญาณกัน!”
“สลับวิญญาณกัน!” สิบแปดเสียงภายในร้านประสานขึ้นมาจนท่านประธานซันสะดุ้งโหยง
เหล่าศิษย์หมาดๆ แม้จะอยู่ในผะวังจิตก็ยังรับรู้ถึงเหตการณ์เรื่องราวที่เป็นไปภายนอก....
นี่เป็นความสามารถพิเศษที่มีแต่ชาวยุทธ์จากทวีปมารครองฟ้าเท่านั้นที่ทำได้ ไม่มีใครหน้าไหนในโลกจะทำได้เหมือนอีก
“ใช่ พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด ข้าชื่อซันกุ้ยเซียน เป็นเจ้าสำนักที่เท่และหื่นที่สุด”
ท่านประธานซันยิ้มแย้มบอกสรรพคุณของตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มไม่หุบ
“อาจารย์ ผมถึงว่าทำไมความรู้กับคำศัพท์หลายอย่างในโลกแห่งปราณของอาจารย์ถึงดูต่างจากโลกนี้” เทพซุสพยักหน้าให้ตัวเองอย่างเข้าใจ
พลางหันมองเหล่าลูกน้องร่วมอาจารย์ที่แลดูเยือกเย็นและโตขึ้นจากเด็กหนุ่มวัยสิบแปด
อย่างผิดหูผิดตา
“ที่พวกเจ้าได้ร่ำเรียนไปเป็น.....”
ท่านประธานซันเอ่ยถามด้วยสีหน้าคาดหวังสุดๆ บรรพบุรุษของสำนักปราณวินซีเรียนั้นคัดศิษย์โดดเด่นที่สุด
โดยไม่อิงสายเลือดจึงทำให้มีวิชากำลังภายในที่แปลกแตกต่างและข้อนข้างแหวกแนวที่สุด
“พวกเราเลือกเรียนลมปราณหลักสี่สาย” เทพซุสสามารถสรุปข้อความจากสายตาลูกสมุนได้ทันที จึงหันมารายงาน
ท่านอาจารย์ตรงหน้า
“ลมปราณอัสนีสวรรค์
ลมปราณเพลิงจันทรา
ลมปราณมารครองฟ้า
และลมปราณ เก้าชีวิต”
ไอศกรีมแท่งใกล้บูดพูดต่ออย่างเป็นงานเป็นการ
“พวกเราเลือกเรียนวิชายุทธ์ท่าเท้าคลื่นหิมะและท่าเท้าลวงสวรรค์” เซเว่นตอนตีสี่จึงกล่าวต่อจากเพื่อนส่งมา เพื่อให้อาจารย์พอใจ
“ส่วนวิชาที่เราไม่ทอดทิ้งของอาจารย์คือ
หัตถ์เทพล่าวิญญาณและหัตถ์มารลิขิตฟ้าครับ”
“วิชาที่เรายังไม่ทิ้งของสำนักปราณวินซีเรียคือ ลมปราณเต่าสวรรค์
พวกเราก็ใช้ได้ครับ” สมชายอยากเป็นสมหญิงกล่าวปิดท้าย
โดยทุกคนเพิ่งได้มองหน้าอาจารย์ที่อ้าปากค้างจนกรามแข็งไปตั้งแต่แรกแล้ว
ในหัวของท่านประธานซันว่างเปล่าขาวโพลนไปหมดจนกระทั่งน้ำตาหยดหนึ่ง
ที่ไหลซึม จึงทำให้เขารู้ตัว
“แงงงง ศิษย์ของข้า พวกเจ้ามีปราณขั้นเทวดาได้ยังไงงงงง!!!”
ดอน นอนไม่เลือกที่ยิ้มกว้างแล้วพูดเสียงระรื่น
“ก็ตำราวิถีมนุษย์ที่แท้จริงไงครับ ท่านอาจารย์ให้เราอ่านแม้จะหน้าเบื่อแต่มันก็สนุกดี”
ยอดยุทธ์ซันถึงกับอ้าปากค้างอย่างตกตลึง
“ที่แท้หนทาง......ศู่ขอบเขตเทวดา....มันอยู่แค่นี้นี่เอง!” ท่านประธานซันซาบซึ้งจนน้ำตาคลอเบ้า
“ท่านอาจารย์ค้ะ....แต่ทำไมหนูไม่ได้ฝึกเหมือนพี่ๆ เขาละค้ะ”
เด็กหญิงวัยเก้าขวบกระโดดมายืนข้างๆ เจ้าเทพซุสแล้วตบมือลงบนสะโพกไอ้หนุ่มมอเตอร์ไซค์อย่างร่าเริง
“เอ๊ย ยัยเด็กเปรด!”
“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรหรอกน้ะหลานน้ะ เดี๋ยวค่อยๆ ฝึกไปหนูก็จะเก่งเหมือนพี่เขาเอง”
ชายชราส่งยิ้มให้เด็กสาวตรงหน้า ซึ่งทำเพียงเอียงคอจ้องชายหนุ่มทั้งสิบหกคนด้วยแววตานิ่งๆ
“หนูไม่จำเป็นต้องฝึกมากกว่านี้หนูก็เก่งแล้วค่า!” พี่ๆ หลายคนอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้
แต่ก็อีกหลายคนที่มองสิษย์ร่วมสำนักด้วยแววตาหมั่นใส้
“อืม.......จะ” ท่านประธานซันทำได้เพียงตอบรับด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“คุกเข่าลงคำนับท่านเจ้าสำนักปราณวินซีเรีย และท่านผู้อาวุโสซ้ะสิษย์พี่!”
น้ำเสียงเล็กหันไปตวาดใส่ศิษย์พี่ทั้งสิบหกคนที่กำลังอ้าปากค้างและจะหัวเราะแต่พลังงานลึกลับบางอย่างกับกระแทกร่างพวกเขาจนเข่ากระแทกพื้นโครม
ท่านประธานซันอ้าปากค้างเป็นรอบที่ร้อยของวัน ดวงตาสีนิลสลับฟ้าน้ำเงินเปร่งประกายเจิดจ้า
“คารวะท่านเจ้าสำนักค่ะ หนูเทพธิดานาคีพิสุจน์ ได้มีบุญเข้าครอบครองลมปราณ
จักรพรรดิลมหนาว และวิชายุทธ์หัตถ์เทพอสงไขและเกราะร่างวิญญาณหิมะดับตะวัน
และท่าเท้าร่างเซียนวารี ขอบคุณมากน้ะค้ะ”
ชายชราอ้าปากค้างจนมือสั่นเทา อารามตกใจทำให้ชายชราถอยหลังจนเก้าอี้คว่ำโครม
แต่แววตาตกตลึงและริมฝีปากก็กระซิบเบาหวิว
“ปราณขั้นธรรมชาติ ลมปราณหมื่นปี นี่มัน.....อ่า ข้าเป็นเจ้าสำนักห่าอะไรวะเนี่ย
ลมปราณน้อยที่สุด!”
ท่านเจ้าสำนักกุมอกหน้าตาซีดเซียวเหมือนกำลังจะไปจุติใหม่อีกรอบ
“ฮ่าๆ ดีมากๆ ศิษย์ของข้าดีมาก เมื่อพวกเจ้าเรียนรู้ยอดวิชาและพลังไร้ผู้ต้าน....รู้ใช่ไหมอาจารย์ไม่ชอบอะไรที่สุด!”
ทุกคนรีบลุกขึ้นยืนในขณะที่ยังมองเด็กเก้าขวบที่มายืนยิ้มข้างหัวหน้าแก๊งเกรียนซึ่งทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมอย่างรู้สถานภาพของตนแล้ว
“อย่าซ่าไม่ดูคนอีกน้ะ ศิษย์พี่!” รอยยิ้มหวานของศิษย์น้องเล็กทำเอาศิษย์พี่ทั้งหลาย
หน้าซีดเผือดโดยเฉพาะเจ้าดอน
“พวกเรารู้ว่าท่านอาจารย์ ไม่ชอบเรียนหนังสือ ไม่ชอบอยู่นิ่งๆ ไม่ชอบความสงบไม่ชอบคนดี ชอบที่สุดคือ
โลกวุ่นวายแล้วเราสนุก!!!”
ท่านประธานซันหน้าตาแข็งค้างพลางสบถด่าเจ้าบันทึกส่วนตัวไปหลายตลบ
“เออๆ พวกแกจะเข้าใจว่าอะไรก็ช่างไปทำหน้าที่ของพวกแกเถอะ....พลังอันยิ่งใหญ่แลกมากับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง”
“แลกมากับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง!” เหล่าลูกศิษย์ขานรับพร้อมกันจนรอยยิ้มภาคภูมิ
จุดแต้มขึ้นบนมุมปากได้รูปแกร่ง
“ท่านประธานซัน พวกเราสามารถแทรกซึมเข้าไปในวงการทหาร ตำรวจ และหน่วยงานภาคความปลอดภัยได้ใช่ไหมครับ?”
เจ้าเฮสเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
“งื่ม ถ้าไม่แน่ใจก็ไปหาข้าที่บริษัทเอาละกัน......แต่ตอนนี้ใสหัวไปให้หมดข้าจะทำใจก่อน
ที่มีลมปราณอ่อนกว่าพวกเจ้าเกือบสิบเท่า!” ชายชราหันไปตวาดแหวใส่ศิษย์ที่หัวเราะคลื้นเครง
“ท่านอาจารย์รีบๆ น้ะครับเดี๋ยวจะตามพวกเราไม่ทัน” เจ้าทรพีตะโกนบอกก่อนสิบหกหนุ่ม
จะหายออกไปจากร้านน้ำเต้าหู้ข้างทางที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล
“ขอบคุณมากๆ น้ะค้ะคุณปู่ซัน หนูจะกลับบ้านไปรักษาแม่……แล้วหนูจะไปสอบหมอ
เดือนหน้า หนูหวังว่าอาจารย์จะไปให้กำลังใจน้ะค้ะ” เด็กสาวขายดอกไม้โค้งตัวให้ชายหนุ่ม
ในร่างชราที่อมยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ
“ถ้ามีอะไรสงสัยก็ไปถามพี่แสงดาว มือหนึ่งของคณะสัตวแพทย์ได้น้ะหนูน้อย”
เด็กสาวดวงตาตื่นเต้นสั่นระริก
เด็กสาวขายดอกไม้วิ่งหายไปจากร้านน้ำเต้าหู้แล้วท่านประธานซันจึงหันมองเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้ที่ยิ้มค้าง
“เก่งนะเนี่ย เจ้ามีวิชาแปลงโฉมสุดยอดมากเลย แถมยังมีฝีมือวิชาดาบที่แหลมคมมาก
และวิชาอ่านฟ้าบรรจบสวรรค์นั่นอีก ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ.....
เสริมบท
ท่านประธานซัน: ใครอีกหละ ข้าต้องกำจัดอีกแล้ว
อาแป๊ะ: ข้าไม่รู้เรื่องเจ้าพูดแมวอะไร!
โปรดติดตามตอนต่อไป บทที่ 12 ปีศาจภัยนารี
………………..***
ความคิดเห็น