คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เรื่องง่ายๆ
Chapter8 เรื่องง่ายๆ
“ฉันสงสัยจริงๆ พระอาจารย์เอาธงขึ้นไปปักบนนั้นได้ไงอะ?” เหมือนฝันเปรยขึ้นอย่างสงสัย ในขณะที่ไม่มีใครหาคำตอบและตอบคำถามของเด็กหญิงได้
“พระอาจารย์อาจจะใช้กำลังภายในเหาะขึ้นไปก็ได้!” ส้มป่อยที่ชอบเห็นเจ้าฟาร์มธัญกาล
ผู้บริหารฝ่ายงานตรวจสอบอย่างสมหวังและผู้บริหารฝ่ายงานคลังอย่างเล็ก
ประลองยุทธ์วิจารย์กระบี่บนยอดดอยหมอกฟ้าสามวันสามคืนยังไม่เลิกรา
ตอบคำถามเหมือนฝันจนคนอื่นถอนหายใจเฮือก
“นี่ๆ หยุดไว้ก่อนเลย จะไปวิจารณ์หนังกำลังภายในเอาไว้ที่บ้าน
ว่าแต่พวกเราเนี่ยสิจะทำยังไงเอาธงผืนนั้นลงมา!” พนมเปญรีบเบรกจินตนาการอันเพ้อเจ้อ
ของแต่ละคน
“ใช่ ยอดวิหารเนี่ยนะ!” ซีม่าบ่นอุบแล้วปรายตามองบาบี้ที่ชูอาวุธไม้ของเธอขึ้น
ก่อนหรี่ตามองยอดวิหารกับอาวุธในมือ
“เธอคิดว่าจะถึงป่ะบาบี้?” หมาหล้าที่สังเกตเพื่อนๆ ทุกคนอยู่ถามบาบี้ที่กำลังทำหน้าคิดหนัก
“ลองดูก็ได้นะเบบี้” คารามายก็ยังคงติดคำว่าเบบี้จากซีม่า
“น่าจะได้นะ” ชาคาดการแล้วมองสลับระหว่างอาวุธไม้รูปทรงธรรมจักร
ในรูปของกงล้อแห่งวัฏสงสารอะไรเทือกนั้น
“ไม่อ่ะ ไม่ถึงแน่ๆ ตุ๊กตาหัวทอง นอกจากเราจะให้หมาหล้ายิงธนูตามไปกระแทกกงจักร
ของเธอหลังจากมันบินออกไปแล้วอะนะ” ซีม่าแย้งแล้วมองแขนเล็กราวกับกิ่งไม้ของเบบี้
ที่พยักหน้าเห็นด้วย
“ได้สิ เราทำเหมือนเมื่อกี้ก็ได้ ให้บาบี้ขว้างกงจักรขึ้นไปแล้วให้หมาหล้าปีนขึ้นไป
อยู่บนบันไดนี่ไง
คอยยิงกงจักรให้มีแรงหนุนให้ลอยขึ้นสูงไปน่าจะลากเชือกที่ผูกใต้กงจักรไปได้นะ”
กาแฟเสนอความคิดที่ทุกคนพยักหน้ารับ
“สมมตินะ สมมติถ้ามันยังไม่ได้อีกล่ะ?” เหมือนฝันถามหาแผนสำรอง
“ถ้ามันจะยากขนาดนั้นเราก็จุดไฟเผาวิหารเลยสิ เดี๋ยววิหารถล่มพวกเราก็เก็บธงได้
ก็พระอาจารย์บอกทำยังไงก็ได้ไม่ใช่หรอไง ฉันไม่ผิดนะ!”
ไวโอลีนเสนอความเห็น และได้รับสายตาโพยพุ่งจากเพื่อนๆ เข้าใส่ราวกับมีไฟลุก
ทำให้ต้องรีบหาทางรอด
“ก็จริงเนอะ ถ้าไม่ได้ก็เอาแบบลีนว่าก็ได้” คราวนี้สายตาหันมารวมศูนย์อย่างร้อนแรง
สาดเข้าใส่ส้มป่อยที่รีบกระโดดหนีไปยืนอยู่กับไวโอลีนที่ยกมือขึ้นโอบไหล่แล้วหัวเราะเสียงดัง
หมาหล้าบ่นอุบอิบแล้วจำใจปีนขึ้นสู่ที่สูงด้วยหัวใจที่สั่นไหว
พอเขาขึ้นถึงยอดเสา บาบี้ก็หายใจเข้าลึกแล้วเหวี่ยงมือนำพากงจักรไม้ในมือให้พุ่งฉิว
ลอยโค้งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างงดงาม
ทุกคนต่างกลั้นหายใจเมื่อหมาหล้าบรรจงเล็งธนูแล้วปล่อยสายทำให้ลูกธนูไม้
ที่ผ่านการคาดคะเนทิศทางแล้วพุ่งทะยานเข้าหากงจักร
ที่กำลังหมุนคว้างลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ
ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลกที่กำลังกดลงมา
ลูกศรจากธนูของหมาหล้าพุ่งเข้ากระแทกกับกงจักรทำให้อาวุธไม้ลอยลิ่วพุ่งทะยานด้วยแรงส่งเข้าหายอดวิหารด้วยความเร็วสูงพร้อมกับคนด้านล่างชัยโยโห่ร้องกันเสียงดัง
ทว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับไม่ได้เป็นไปดั่งคาดหมาย
เพียงไม่กี่เซนติเมตรกงจักรไม้ก็จะคล้องลงบนด้ามธงแต่กระแสลมโดยรอบกลับกระพือพัด
แรงขึ้นจนทำให้กงจักรร่วงดิ่งลงมาบนบันไดหน้าวิหารแล้วกลิ้งลงมาหยุดต่อหน้าแต่ละคน
ที่ทิ้งตัวลงกับพื้นแล้วถอนหายใจยาวกันเป็นแถว
“ใครก็ได้ เอาฉันลงไปที ฉันติดอยู่ข้างบนนน!” หมาหล้าร้องโหยหวนทำให้ทุกคนรีบลุกขึ้นหัวเราะเสียงดังให้กับสภาพของหัวหน้าคนเก่งที่ทำหน้ามุ่ย
หลังจากที่ลงมาสู่พื้นราบได้แล้ว
“เอาไงกันต่อดีหละคราวนี้?” นมสดรีบลากหูไวโอลีนที่นั่งอู้
ในขณะที่แทบทุกคนลุกขึ้นมาสุมหัวรวมกันหมดแล้ว
“งั้นเอาตามวิธีของลีนสิ!”
สีหน้าแต่ละคนยากจะบรรยายเป็นคำพูดเมื่อส้มป่อยยังไม่ล้มเลิกความคิดเดิม
“นี่ส้ม ถึงพ่อเธอจะไม่นับถือศาสนาอะไรแต่ก็ไม่ควรเผาวิหารของเขา!” ชาหันมาโวยวายใส่ส้มป่อยที่ทำหน้างงๆ
“เอาใหม่ พวกเราลองมาคิดวิธีธรรมดาๆ ดูมั้ยเวลาเตะบอลติดยอดไม้
หรือจะเอาอะไรสูงๆ” ย่างไก่แนะนำ
จนทุกคนตาเป็นประกาย
“สอยดาว!!!”
ภารกิจออกตามหาไม้ยาวเพื่อนำมาสอยธงลงจากยอดวิหารด้วยความง่ายดายเริ่มขึ้น
ด้วยความโกลาหน แต่ไม้ที่ทุกคนต้องการนั้นความยาวไม่ต่ำกว่าสิบเมตรเป็นอย่างต่ำ
ทำให้ทุกคนรีบวิ่งวุ่นหากันขวักไขว่
“ถ้าสมมติพระอาจารย์มัดด้ามธงติดกับยอดวิหารหละ จะทำไงดี?” กาแฟถามชาหมาหล้า
และเต่างอยที่เดินอยู่ไม่ห่างกันเมื่อพวกเขาเลือกที่จะมาสำรวจในเขตป่าไผ่ของโรงเรียนวัด
“เอ่อเนาะ” เต่างอยพยักหน้าเห็นด้วยก่อนที่ใครจะได้กล่าวอะไรกันอีกเสียงร้องเรียกรวมพล
ก็ดังจากป่าไผ่ในด้านหนึ่ง
ทำให้ทุกคนรีบเร่งมารวมกันแล้วมองไม้ไผ่ด้ามเหมาะมือเด็กอ่อนๆ อย่างพวกเขา
ความยาวเหมาะสม
ทำให้เด็กที่พยายามลากอย่างไวโอลีนก้นจ้ำเบ้าไปหลายรอบแล้ว
ทุกคนต่างกลูกันเข้าไปลากลำไผ่ยาวขนาดเหมาะมือวิ่งกันกลับไปหน้าวัดอย่างยินดี
ไม้ไผ่ยาวสิบห้าเมตรกว่าๆ ทำให้เด็กๆ ทุกคนต้องแยกย้ายออกยืนเป็นแถวยาว
และจับไม้ไผ่ยกขึ้นพร้อมกัน
ความยากลำบากของทุกคนคือกิ่งไผ่และใบไผ่ที่ยังไม่ถูกลิดออก แต่ในเวลานี้ไม่มีใครใส่ใจแล้วเพราะทุกคนกำลังสนุกสนานกับการเล่นกัน
“พร้อมนะทุกคน ฉันจะนับหนึ่งถึงสามแล้วทำตามที่พวกเราซ้อมกันนะ” หมาหล้าร้องบอกเพื่อนๆ ซึ่งขานรับกันเสียงดัง
แจ้วๆ
หมาหล้าให้ทุกคนจับไม้ขึ้นพร้อมนับหนึ่ง
ทำให้พวกเขารีบชูไม้ไผ่ขึ้นสูง พอหมาหล้านับสองทุกคนก็รีบเหวี่ยงไม้ไผ่ไปทางซ้าย
และพอหมาหล้านับสาม ไม้ไผ่ก็เหวี่ยงสะบัดเข้าใส่ด้ามธงจากซ้ายไปขวาอย่างรวดเร็ว จนเกิดเสียงปะทะกันบนยอดวิหารดังปั้ง
พร้อมเด็กๆ ที่ร้องโวยวายเสียงดังและกรีดร้อง
เมื่อไม้ไผ่หลุดมือกระเด็นไปอีกทาง
ด้วยความน่าเศร้าของเด็กอนุบาลวัยสี่ห้าหกขวบที่ตั้งใจกันยืนบนบันไดวิหารใหญ่
เมื่อฟาดไม้ไผ่ใส่ด้ามธงสุดแรงเกิดแล้ว
ร่างของพวกเขาต่างถลากลิ้งลงบันไดพร้อมเสียงกรีดร้องและหัวเราะร่าของเด็กๆ
ที่มานอนเป็นเด็กขึ้นอืดอยู่ตีนบันไดของวิหาร โดยมีผืนธงขาวที่ปลิวสะบัดลงมาห่มคลุมร่าง
ทุกคนที่ลุกขึ้นยืนแล้วโห่ร้องกันเสียงดังอย่างเปรมปรีดิ์
“ทำไมพวกเราไม่ใช้วิธีง่ายๆ แบบนี้แต่แรกน้า?” ทุกคนได้แต่มองค้อนบาบี้ที่พูดออกมาหลังจากต่างสำรวจแล้ว ไม่พบอาการบาดเจ็บของใครหนักหนาสาหัส
ที่ร้ายแรงที่สุดเห็นจะเป็นซีม่าที่ถลอกเล็กน้อย เพราะช่วยบาบี้ไม่ให้ปากลงไปจูบพื้น
“มันมีที่ไหนอีก หนิง จีบ หมวยเล็ก?”
พนมเปญรีบถามอาหมวยซาลาเปาคุนหนิงและขนมจีบที่ยังคงชื่นชมธงอย่างยินดี
“อยู่ในบ่อน้ำแห้งกลางสวนลำไยหลังกุฏิพระอาจารย์นี่เอง”
ทุกคนอุทานว่าฮ้า! แล้วได้ร้องโหยหวนกันอีกครั้ง
บ่อน้ำแห้งลึกกว่าสิบเมตร
ถ้าคิดจะเติมน้ำในบ่อให้เต็มแล้วรอให้ธงลอยขึ้นมา
รับรองว่าเติมน้ำใส่ถึงพรุ่งนี้เช้าก็คงยังไม่ได้มาแน่นอน
“เฮ่ออ ยังไงก็ช่าง พวกเราไปดูก่อนดีมั้ย?” ย่างกุ้งลากย่างไก่และพนมเปญให้ลุกขึ้นมายืน
ทุกๆ คนพยักหน้ารับแล้วเดินตามกันไปเป็นพรวน โดยมีธงสองผืนสะบัดโบกอย่างเริงร่า
ตามไปด้วย
ภายในวิหารหลวงของวัดป่าปัญญาธรรมพระอาจารย์ของเด็กๆ รวมถึงคุณครูเจ๊ติ๋มและมาสเตอร์แซนตาคอสกำลังหัวหมุน
“ไอ้หยา พระคุณเจ้า อั้วจาไม่ไหวกับสายโทร. เข้ามาแล้ว!”
ครูเจ๊ติ๋มบอกพลางเตรียมประเคนโทรศัพท์ปุ่มกดรุ่นคุณปู่ที่มีเสายืดออกมาด้วย
คืนเจ้าอาวาสวัดป่าปัญญาธรรมที่ทำเหมือนหลับตาภาวนาสมาธิ
“หยุดก่อนโยม โยมลื้อจะมาคืนให้อาตมาไม่ได้นะ ก็โยมลื้อตัดสินใจว่าจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับนายอำเภอฟังเองไม่ใช่เรอะ?”
ชาวต่างชาติเพียงคนเดียวกลืนน้ำลายเอื้อก พลางหาทางหนี
เพราะเขาหมดหนทางจะหลบเผือกร้อนที่กรีดเสียงร้องกังวาลขึ้นมาอีกแล้ว
“ไอ้หยา ให้อั๊วด่าไปเลยดีมั้ย?” เพศสมณะและคาราวาสสะดุ้งโหยงแล้วรีบขอโทรศัพท์คืน
โดยด่วน
“มายกอด มายกอด ยูจาทามอาไร นั่นนายอามเภอนา
ถึงท่านเจ้าคุณจาเป็นเจ้าคณะสงฆ์แต่มีปัญหาปุ๊บโรงเรียนอานุบาลของเราโดนปิดนา!” มาสเตอร์แซนตาคอสรีบรับโทรศัพท์ไปกรอกเสียงเป็นภาษาอังกฤษอย่างชัดเจนลงไปทันที
“สวัสดีครับ ผมเป็นคุณครูของโรงเรียนวัดป่าปัญญาธรรมกำลังพูดสายอยู่ครับ”
เนื่องด้วยโทรศัพท์ไม่จำเป็นต้องกดปุ่มเปิดโฟนก็ดังกังวานอยู่แล้วจึงได้ยินเสียง
ของต้นทางที่โทร.มาอย่างชัดเจน
“ผมจะสั่งปิดโรงเรียนอนุบาลบ้านป่าของพวกคุณเตรียมตัวเอาไว้เถอะ
พวกคุณมาทำร้ายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผม วันนี้ผมจะสั่งปิดทั้งวัดแล้วก็โรงเรียน
เลยคอยดู
ระวังตัวไว้เหอะ!”
หลังประโยคขู่อาฆาตยาวยืดจบลงต้นทางก็เงียบรอฟังน้ำเสียงร้องขออ้อนวอน
“อาตมาคุยเอง!”
เจ้าอาวาสวัดป่ารับไปแล้วยิ้มปรานี
“อาตมาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าปัญญาธรรม ถ้าไร้ซึ่งคำสั่งโดยตรงจากคณะสงฆ์จังหวัดวินิจฉัยว่าวัดของอาตมาต้องปิดตัวลง
ต่อให้โยมส่งคนมาเผาอาตมาก็ไม่ปิด
และโรงเรียนอนุบาลวัดป่าปัญญาธรรม เป็นโรงเรียนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าไม่มีการพิจารณาจากคณะกรรมการสถานศึกษาของกระทรวงศึกษาหรือจังหวัด อาตมาก็พูดคำเดิมว่า ไม่ปิด!
แล้วอาตมาอยากให้โยมตริตรองเสียใหม่ว่า ถ้าหากทางอาตมาต้องการเอาเรื่องทางกฎหมาย
ป่านฉะนี้ตำแหน่งนายอำเภอของโยม ปลิว ไป แล้ว!”
เสียงนุ่มนวลของผู้ทรงศีลและสมณะศักดิ์อย่างเคร่งครัดและทรงปริญัติธรรมตลอดมา
ตัดสายทิ้งไป
ทำให้คุณครูทั้งสองของโรงเรียนอนุบาลวัดป่าปัญญาธรรมอุทานขึ้นพร้อมกัน
“เก๋าเจ้ง!/มายกอด!”
………………………***
ความคิดเห็น