ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักเจ้าฟาร์มน้อย (ตอนนั้นตั้งชื่ออะไรไป ! มาอ่านตอนนี้อายจีงๆ)

    ลำดับตอนที่ #8 : ธงขาว

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 63


    Chapter7 ธงขาว

     

     

       ส้มป่อยซีม่าและคารามายวิ่งมาในทิศตรงข้ามกับโรงเรียน ซึ่งเป็นส่วนของห้องครัว

    และสถานที่ซึ่งใช้จัดพิธีสำคัญต่างๆ ของวัด แต่เนื่องด้วยในช่วงนี้ยังไม่มีพิธีอะไรที่วัดป่า

    ต้องจัดอย่างกฐินหรือผ้าป่า จึงทำให้หญ้าคาสูงท่วมเข่าของเด็กน้อยทั้งสาม ขึ้นรกครึ้มไปทั่ว

    ส้มป่อยร้องเตือน

     

    ระวังงูด้วยนะมาย ม่า!” ซีม่าหันมองส้มป่อยอย่างเคืองๆ

    ก่อนย้ำ

    เรียกฉันว่าซีไม่ได้เหรอป่อย? ส้มป่อยหน้าเบ้

    นายก็เรียกฉันไม่เพราะเหมือนกัน!” สองสหายยังไม่ได้คุยอะไรกันต่อพวกเขาก็ต้องกระโดดฉีกตัวออกจากกันเมื่อรู้สึกถึงหญ้าคาที่สั่นไหว

    แล้วเงาสีดำสลับเหลืองตัวยาวก็เลื้อยปราดผ่านช่องว่างที่ส้มป่อยกับซีม่าพึ่งคุยกันไป

    พอดีลูกพี่เขาเฝ้าแถวนี้อะ ฉันเลยต้องบังคับพี่เขาให้เปิดที่ให้พวกเราแป๊บหนึ่ง!”

    คารามายโผล่หน้ามาบอกติดตลกให้สองเพื่อนรักที่เกือบจะยิ้มไม่ออก

    โดยเฉพาะส้มป่อยที่ยังขนลุกเกลียว

     

       เจอมั้ยคะคุณหนูมาย? คารามายกระโดดขึ้นเหยียบขอบอ่างล้างจานแล้วหมุนตัว

    มองรอบข้าง

    ก่อนส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว

    ไม่มีเลยแถวนี้ ซีม่ากระโดดสปริงข้อเท้ากับขอบกำแพงห้องครัวของวัดแล้วปีนขึ้นไปหมอบมองในห้องครัวที่ปิดตัวเงียบ แต่ก็ไม่พบอะไรอีกเช่นเดียวกัน

     

       ไม่เจอเนาะ ส้มป่อยส่งมือให้สองเพื่อนซี้จับแล้วกระโดดลงมา

    เสียงขู่ฟ่อขึ้นในพงหญ้า ทำให้พวกเขาต้องเหลือบมองอย่างหวาดระแวง

    ถึงพวกเขาจะมั่นใจว่าวิ่งเร็วแต่ก็ไม่ควรประมาท

     

                อสรพิษตัวเขื่องชูคอแผ่แม่เบี้ย จ้องดวงตาแนวตั้งทั้งคู่มองพวกเขาเขม็ง

    ทั้งสามผ่อนหายใจอย่างโล่งอกซีม่าขยับมือเบาๆ โซ่เส้นเล็กที่ม้วนพันรอบข้อมือก็พุ่งวนออกไปพร้อมนำพามีดสั้นไม้ไผ่หมุนขวับออกไปพุ่งเข้าใส่สัตว์เลือดเย็นสายพันธ์น่ากลัวสำหรับหลายๆ คน จนเจ้าถิ่นสะดุ้งโหยงเมื่อความคมของมีดสั้นไม้ไผ่ตัดหญ้าคาเรียบกริบเป็นทางพุ่งเข้าหา

    จนต้องรีบเลื้อยหนีไป

    ซีม่าขยับมืออีกครั้งโซ่เส้นเล็กก็หมุนกลับมาม้วนแน่นเข้ากับข้อมือเหมือนเคย

    ส่วนมีดสั้นไม้ไผ่แนบสนิทไปกับลำแขนเล็กๆ ในส่วนใต้ข้อมือจนถึงข้อศอกอย่างแนบเนียน

     

      สามสหายวิ่งออกจากจุดต้องสงสัย แต่กลับคว้าน้ำเหลวแล้ววิ่งไปสมทบกับเพื่อนๆ กลุ่มอื่นๆ

    ที่ต่างแยกย้ายกันออกค้นหาธงขาวของพระอาจารย์

       ไม่/ ไม่ /ไม่ กลุ่มของพนมเปญและแก๊งนางฟ้ามาสมทบกับกลุ่มใหญ่แล้วส่งสัญญาณ

    ว่าไม่พบแม้แต่แก๊งเดียว

    ก่อนใครจะพูดอะไรเสียงนกหวีดที่นัดแนะกันไว้ว่าเป็นสัญญาณเรียกรวมพล

    เพราะพบเป้าหมายแล้วก็ดังกังวานติดต่อกัน

    ทำให้ทุกคนรีบออกวิ่งตามกันไปเป็นพรวนอย่างรวดเร็ว

     

       หน้าวัดใช่มั้ย? ส้มป่อยถามเหมือนฝันที่วิ่งนำไปก่อน เด็กหญิงฝันก็ยกนิ้วตอบว่าโอเค

    ทำให้ทุกคนวิ่งกระจายกันออกไปมองรอบข้างอย่างไม่ประมาท เพราะอาจมีธงอีกสองผืน

    ซ่อนอยู่แถวนี้

     

       คงเป็นพวกหมาหล้ากับกาแฟเจอนะ

                เด็กชายย่างกุ้งคาดเดา

    ระหว่างทางแก๊งของซาลาเปาและกลุ่มของเวียงจันโตเกียวก็วิ่งมาสมทบพร้อมบอกข่าวดี

     

    เจอธงอีกผืนแล้วนะ แต่มันยังเอาไม่ได้!” ทุกคนยกนิ้วโป้งให้คุนหนิงที่รายงานเพื่อนๆ

       เอาทีละผืนมั้ยพรรคพวก? เต่างอยที่วิ่งกลับมาหลังจากมาร์คจุดไว้เรียบร้อย

     

      แน่นอนอยู่แล้วหละ ไม่งั้นพวกเราคงเอามาไม่ได้หรอกนะ

                โตเกียวบอกอย่างเป็นงานเป็นการทำให้ถูกเพื่อนๆ แซวว่าทำตัวเป็นคนแก่เชียว!

    กลุ่มนักเรียนอนุบาลที่วิ่งจากหลังวัดมาหน้าวัดเหนื่อยหอบแฮ่ก

     

                โย่ว นมสด เจอที่ไหน? นมสดที่รอเพื่อนๆ ถูกคำถามของคารามายและเหมือนฝัน

    ยิงเข้าใส่จนยิ้มแห้งๆ

    แล้วชี้นิ้วเข้าไปใต้ต้นโพธิที่ชาหมาหล้ากาแฟและไวโอลีนกำลังเกาหัวกันอยู่

    ไหนอะ? ซีม่าวิ่งเข้าไปถามกลุ่มหนุ่มๆ ที่นั่งลงกันอย่างเคร่งเครียด

    สีหน้าของเด็กวัยสี่ห้าขวบทำหน้าคิดมากนี่มันน่าตลกจริงๆ

     

       ข้างบนเลยหรอ? ไม่เพียงส้มป่อยที่มองเห็นและร้องอุทานอย่างตระหนกตกใจ

    แต่เหมือนฝันหรือบาบี้ก็ต่าง

    นั่งแหมะลงกับพื้นอย่างทำใจไม่ได้เมื่อเห็นทิวธงสะบัดปลิวไปตามสายลมอยู่

    เหนือเรือนยอดต้นโพธิ์สูงลิบลิ่ว

     

       หมาหล้า? เหมือนฝันเงยหน้ามองธงแล้วชี้ไปที่คันธนูซึ่งหมาหล้าสะพายไว้บนแผ่นหลัง

    ได้รับการส่ายหน้าแล้วชี้ให้มองยอดไม้ที่สายลมพัดแรงจนใบไม้สะบัดพลิ้วตามกระแสลม

    ลมแรงเกินหรอ? ส้มป่อยรำพึงแล้วนั่งลงอีกคน ทำให้เพื่อนๆ พากันนั่งกันหมด

     

    โตเกียว!” ไวโอลีนเรียกเด็กหญิงที่ทำหน้ายู่ยี่แล้วส่ายหน้า

    มีดบินของฉันไปไม่ถึงนะไวโอลีน แล้วหอกสั้นของนายหละ? ไวโอลีนทำหน้าบึ้งไม่แพ้กันแต่ละคนทำหน้าสลด

     

       ทำไมพวกเราไม่ลองปีนขึ้นไปหละ? เต่างอยเสนอความคิดที่ทุกคนไม่ได้มองข้ามหรอก

    แต่มันยากเกินไปมั้ยเนี่ย เด็กน้อยที่ส่วนสูงยังไม่ถึงร้อยยี่สิบเซนกันสักคน

    จะปีนต้นไม้สูงกว่ายี่สิบเมตร

     

       ปีนหรอ? ชากับคารามายแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน

    นายว่าถึงมั้ย? คารามายถามชาที่มองสลับระหว่างยอดไม้กับพื้นดิน

    ไม่แน่ ต้องลองก่อน

                ประโยคที่คู่กัดตลอดการคุยกันทำให้เพื่อนๆ ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก

     

       คุยอะไรกันน่ะ อย่าคุยเป็นภาษาที่เข้าใจสองต่อสองสิ!” ไวโอลีนได้โอกาสก็แซว

    เพื่อนร่วมห้องที่กัดกันเป็นกิจวัตรด้วยรอยยิ้มแก่แดด

     

       ไอ้บ้าไวโอลีน

    ฉันหมายถึงถ้าเราใช้บันไดลิงตรงนู่นต่างหากเล่า นายนี่ปากหาเรื่อง!”

    ไวโอลีนทำหน้ากลัวเกินเหตุ ทำคารามายหมั่นใส้

    เพื่อนๆ เหลียวมองตามปลายนิ้วของคารามายที่ชี้ตรงไปที่ข้างกำแพงวัดซึ่งพิงด้วยบันไดสำหรับปีนที่สูงพาดไว้

    จะถึงหรอมาย? ส้มป่อยถามอย่างไม่มั่นใจ คารามายส่ายหน้าทำให้เพื่อนๆ ร้องอ้าวเสียงดัง

     

       บันไดนั่น มันจะทำให้ลดระยะห่างของธงกับพวกเราไง เราก็ให้หมาหล้าปีนขึ้นไปยิงธนู

    ที่ผูกเชือกยาวไปล้อมด้ามธงแล้วพวกเราก็ดึงธงลงมาก็ได้

    คนที่ตอบคำถามในแววตาของเพื่อนๆ กลับเป็นโตเกียวที่ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น

    จนทุกคนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

     

    ตะ...แต่ฉันกลัวที่สูงนะ!” หมาหล้าหัวหน้าห้องคนเก่งบอกด้วยเสียงสั่นๆ

    จนทำให้เด็กชายในห้องร้องเฮ้ยและเด็กผู้หญิงต่างอึ้ง

    ก่อนเสียงโห่ร้องจะดังขึ้นเมื่อพบจุดอ่อนของหัวหน้าห้องคนเก่ง

    หมาหล้าส่ายหน้าแล้วทำท่าจะเอาลูกธนูมาไล่ตีไอ้เพื่อนจอมทับถมพวกนี้

    ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ พวกเราทั้งห้องเป็นกำลังใจให้เธอนะหมาหล้า!” ซาลาเปาชูมือขึ้น

    และร้องเชียร์พร้อมให้กำลังใจจนเด็กชายขัดเขินทำอะไรไม่ถูก

     

       ใช่ๆ เป็นหัวหน้าพวกเราก็ต้องใจๆ หน่อยสิ!” เหมือนฝันและย่างกุ้งตบไหล่หัวหน้าห้อง

    ดังป้าบจนเขาหัวทิ่ม

    ไวโอลีนนมสดและซีม่ารีบวิ่งไปลากบันได โดยที่มีคุนหนิงและเวียงจันไปช่วยชี้ที่ตั้งบันได

    แบบกางสี่สิบห้าองศาที่ช่างใช้ทำงานเวลาต้องทำงานที่สูง

     

                หมาหล้าลุยๆ!” พนมเปญมาผลักดันหมาหล้าที่ทำหน้าจะร้องไห้ให้ค่อยๆ ปีนขึ้นบันไดจนขาสั่นพั่บๆ เพื่อนๆ ต่างกลูเข้ามาลุมล้อมจับฐานบันไดให้แน่นหนาแล้วร้องเชียร์ ให้หมาหล้าที่ปีนสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

    เมื่อปีนขึ้นสูง เพื่อนๆ ก็ลุ้นกันจนตัวโก่ง เชือกยาวได้รับการผูกจากส้มป่อยอยู่แล้ว

    หมาหล้าพาดสายธนูพร้อมผนึกสมาธิและสายตา

    นายต้องยิงไปในทางที่ลมพัดเข้าหาธงนะ คำพูดของบาบี้ที่ย้ำให้หมาหล้ายิงธนูไปในในทิศเหนือลมจะทำให้กระแสลมช่วยทำให้เชือกรัดด้ามธงไว้หลายชั้น

    หมาหล้านั่งลงบนยอดสูงสุดของบันได สายลมที่พุ่งปะทะใบหน้า ยังไม่สามารถดับ

    ความร้อนรุ่มที่ทำให้เขาตัวสั่นกึกๆ ด้วยความกลัวแต่ยังพยายามกัดฟันจนรู้สึกเจ็บฟันน้ำนม

    ฟิ้ว…!

     

    ลูกศรพุ่งทะยานออกจากสายธนูที่เหนี่ยวรั้งกลับคืน ลูกธนูกรีดท้องฟ้าเป็นเส้นโค้ง

    หมุนละลิ่วลอยคว้างอยู่เหนือเรือนยอดต้นโพธิ์ใหญ่

    สายลมหอบแรงพัดพาให้ลูกศรหมุนตลบเข้ากับด้ามธงหลายรอบจนเชือกที่อยู่ด้านล่างตึงเป็นเส้นตรง ทำให้หมาหล้าค่อยๆ ผ่อนหายใจแล้วปีนลงด้วยตัวที่สั่นเทากว่าเดิมอีกหลายเท่า

     

                เมื่อหัวหน้าห้องมาถึงพื้นเสียงโห่ร้องก็ดังลั่นไปทั้งลาน

    พร้อมกันที่ส้มป่อยบาบี้เปียโนและขนมจีบช่วยกันดึงด้ามธงจนผืนผ้าสีขาวลอยลงจากต้นไม้ใหญ่ตกกระแทกพื้นเสียงดังปึก

    นักเรียนอนุบาลต่างกระโดดโลดเต้นร้องไชโยอย่างยินดีเป็นที่สุด

    เมื่อหมาหล้าหายใจหอบและรับธงชูขึ้นให้เพื่อนๆเห็น

     

       ฉันว่า ฉันเจอธงด้ามที่สองแล้วน้า!” เสียงร่าเริงของบาบี้ทำให้ทุกคนรวมสายตาไว้ที่เด็กหญิงผมทองที่ชี้นิ้วไปบนยอดหลังคาวิหาร

    จนแต่ละคนทำหน้าอึ้งๆ อย่างไม่มีคำพูดจะเอ่ย.

     

     

     

    ……………..***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×