คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ธงขาว
Chapter7 ธงขาว
ส้มป่อยซีม่าและคารามายวิ่งมาในทิศตรงข้ามกับโรงเรียน ซึ่งเป็นส่วนของห้องครัว
และสถานที่ซึ่งใช้จัดพิธีสำคัญต่างๆ ของวัด แต่เนื่องด้วยในช่วงนี้ยังไม่มีพิธีอะไรที่วัดป่า
ต้องจัดอย่างกฐินหรือผ้าป่า จึงทำให้หญ้าคาสูงท่วมเข่าของเด็กน้อยทั้งสาม ขึ้นรกครึ้มไปทั่ว
ส้มป่อยร้องเตือน
“ระวังงูด้วยนะมาย ม่า!” ซีม่าหันมองส้มป่อยอย่างเคืองๆ
ก่อนย้ำ
“เรียกฉันว่าซีไม่ได้เหรอป่อย?” ส้มป่อยหน้าเบ้
“นายก็เรียกฉันไม่เพราะเหมือนกัน!” สองสหายยังไม่ได้คุยอะไรกันต่อพวกเขาก็ต้องกระโดดฉีกตัวออกจากกันเมื่อรู้สึกถึงหญ้าคาที่สั่นไหว
แล้วเงาสีดำสลับเหลืองตัวยาวก็เลื้อยปราดผ่านช่องว่างที่ส้มป่อยกับซีม่าพึ่งคุยกันไป
“พอดีลูกพี่เขาเฝ้าแถวนี้อะ ฉันเลยต้องบังคับพี่เขาให้เปิดที่ให้พวกเราแป๊บหนึ่ง!”
คารามายโผล่หน้ามาบอกติดตลกให้สองเพื่อนรักที่เกือบจะยิ้มไม่ออก
โดยเฉพาะส้มป่อยที่ยังขนลุกเกลียว
“เจอมั้ยคะคุณหนูมาย?” คารามายกระโดดขึ้นเหยียบขอบอ่างล้างจานแล้วหมุนตัว
มองรอบข้าง
ก่อนส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีเลยแถวนี้” ซีม่ากระโดดสปริงข้อเท้ากับขอบกำแพงห้องครัวของวัดแล้วปีนขึ้นไปหมอบมองในห้องครัวที่ปิดตัวเงียบ แต่ก็ไม่พบอะไรอีกเช่นเดียวกัน
“ไม่เจอเนาะ” ส้มป่อยส่งมือให้สองเพื่อนซี้จับแล้วกระโดดลงมา
เสียงขู่ฟ่อขึ้นในพงหญ้า ทำให้พวกเขาต้องเหลือบมองอย่างหวาดระแวง
ถึงพวกเขาจะมั่นใจว่าวิ่งเร็วแต่ก็ไม่ควรประมาท
อสรพิษตัวเขื่องชูคอแผ่แม่เบี้ย จ้องดวงตาแนวตั้งทั้งคู่มองพวกเขาเขม็ง
ทั้งสามผ่อนหายใจอย่างโล่งอกซีม่าขยับมือเบาๆ โซ่เส้นเล็กที่ม้วนพันรอบข้อมือก็พุ่งวนออกไปพร้อมนำพามีดสั้นไม้ไผ่หมุนขวับออกไปพุ่งเข้าใส่สัตว์เลือดเย็นสายพันธ์น่ากลัวสำหรับหลายๆ คน จนเจ้าถิ่นสะดุ้งโหยงเมื่อความคมของมีดสั้นไม้ไผ่ตัดหญ้าคาเรียบกริบเป็นทางพุ่งเข้าหา
จนต้องรีบเลื้อยหนีไป
ซีม่าขยับมืออีกครั้งโซ่เส้นเล็กก็หมุนกลับมาม้วนแน่นเข้ากับข้อมือเหมือนเคย
ส่วนมีดสั้นไม้ไผ่แนบสนิทไปกับลำแขนเล็กๆ ในส่วนใต้ข้อมือจนถึงข้อศอกอย่างแนบเนียน
สามสหายวิ่งออกจากจุดต้องสงสัย แต่กลับคว้าน้ำเหลวแล้ววิ่งไปสมทบกับเพื่อนๆ กลุ่มอื่นๆ
ที่ต่างแยกย้ายกันออกค้นหาธงขาวของพระอาจารย์
“ไม่/ ไม่ /ไม่” กลุ่มของพนมเปญและแก๊งนางฟ้ามาสมทบกับกลุ่มใหญ่แล้วส่งสัญญาณ
ว่าไม่พบแม้แต่แก๊งเดียว
ก่อนใครจะพูดอะไรเสียงนกหวีดที่นัดแนะกันไว้ว่าเป็นสัญญาณเรียกรวมพล
เพราะพบเป้าหมายแล้วก็ดังกังวานติดต่อกัน
ทำให้ทุกคนรีบออกวิ่งตามกันไปเป็นพรวนอย่างรวดเร็ว
“หน้าวัดใช่มั้ย?” ส้มป่อยถามเหมือนฝันที่วิ่งนำไปก่อน เด็กหญิงฝันก็ยกนิ้วตอบว่าโอเค
ทำให้ทุกคนวิ่งกระจายกันออกไปมองรอบข้างอย่างไม่ประมาท เพราะอาจมีธงอีกสองผืน
ซ่อนอยู่แถวนี้
“คงเป็นพวกหมาหล้ากับกาแฟเจอนะ”
เด็กชายย่างกุ้งคาดเดา
ระหว่างทางแก๊งของซาลาเปาและกลุ่มของเวียงจันโตเกียวก็วิ่งมาสมทบพร้อมบอกข่าวดี
“เจอธงอีกผืนแล้วนะ แต่มันยังเอาไม่ได้!” ทุกคนยกนิ้วโป้งให้คุนหนิงที่รายงานเพื่อนๆ
“เอาทีละผืนมั้ยพรรคพวก?” เต่างอยที่วิ่งกลับมาหลังจากมาร์คจุดไว้เรียบร้อย
“แน่นอนอยู่แล้วหละ ไม่งั้นพวกเราคงเอามาไม่ได้หรอกนะ”
โตเกียวบอกอย่างเป็นงานเป็นการทำให้ถูกเพื่อนๆ แซวว่าทำตัวเป็นคนแก่เชียว!
กลุ่มนักเรียนอนุบาลที่วิ่งจากหลังวัดมาหน้าวัดเหนื่อยหอบแฮ่ก
“โย่ว นมสด เจอที่ไหน?” นมสดที่รอเพื่อนๆ ถูกคำถามของคารามายและเหมือนฝัน
ยิงเข้าใส่จนยิ้มแห้งๆ
แล้วชี้นิ้วเข้าไปใต้ต้นโพธิที่ชาหมาหล้ากาแฟและไวโอลีนกำลังเกาหัวกันอยู่
“ไหนอะ?” ซีม่าวิ่งเข้าไปถามกลุ่มหนุ่มๆ ที่นั่งลงกันอย่างเคร่งเครียด
สีหน้าของเด็กวัยสี่ห้าขวบทำหน้าคิดมากนี่มันน่าตลกจริงๆ
“ข้างบนเลยหรอ?” ไม่เพียงส้มป่อยที่มองเห็นและร้องอุทานอย่างตระหนกตกใจ
แต่เหมือนฝันหรือบาบี้ก็ต่าง
นั่งแหมะลงกับพื้นอย่างทำใจไม่ได้เมื่อเห็นทิวธงสะบัดปลิวไปตามสายลมอยู่
เหนือเรือนยอดต้นโพธิ์สูงลิบลิ่ว
“หมาหล้า?” เหมือนฝันเงยหน้ามองธงแล้วชี้ไปที่คันธนูซึ่งหมาหล้าสะพายไว้บนแผ่นหลัง
ได้รับการส่ายหน้าแล้วชี้ให้มองยอดไม้ที่สายลมพัดแรงจนใบไม้สะบัดพลิ้วตามกระแสลม
“ลมแรงเกินหรอ?” ส้มป่อยรำพึงแล้วนั่งลงอีกคน ทำให้เพื่อนๆ พากันนั่งกันหมด
“โตเกียว!” ไวโอลีนเรียกเด็กหญิงที่ทำหน้ายู่ยี่แล้วส่ายหน้า
“มีดบินของฉันไปไม่ถึงนะไวโอลีน แล้วหอกสั้นของนายหละ?” ไวโอลีนทำหน้าบึ้งไม่แพ้กันแต่ละคนทำหน้าสลด
“ทำไมพวกเราไม่ลองปีนขึ้นไปหละ?” เต่างอยเสนอความคิดที่ทุกคนไม่ได้มองข้ามหรอก
แต่มันยากเกินไปมั้ยเนี่ย เด็กน้อยที่ส่วนสูงยังไม่ถึงร้อยยี่สิบเซนกันสักคน
จะปีนต้นไม้สูงกว่ายี่สิบเมตร
“ปีนหรอ?” ชากับคารามายแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน
“นายว่าถึงมั้ย?” คารามายถามชาที่มองสลับระหว่างยอดไม้กับพื้นดิน
“ไม่แน่ ต้องลองก่อน”
ประโยคที่คู่กัดตลอดการคุยกันทำให้เพื่อนๆ ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก
“คุยอะไรกันน่ะ อย่าคุยเป็นภาษาที่เข้าใจสองต่อสองสิ!” ไวโอลีนได้โอกาสก็แซว
เพื่อนร่วมห้องที่กัดกันเป็นกิจวัตรด้วยรอยยิ้มแก่แดด
“ไอ้บ้าไวโอลีน
ฉันหมายถึงถ้าเราใช้บันไดลิงตรงนู่นต่างหากเล่า นายนี่ปากหาเรื่อง!”
ไวโอลีนทำหน้ากลัวเกินเหตุ ทำคารามายหมั่นใส้
เพื่อนๆ เหลียวมองตามปลายนิ้วของคารามายที่ชี้ตรงไปที่ข้างกำแพงวัดซึ่งพิงด้วยบันไดสำหรับปีนที่สูงพาดไว้
“จะถึงหรอมาย?” ส้มป่อยถามอย่างไม่มั่นใจ คารามายส่ายหน้าทำให้เพื่อนๆ ร้องอ้าวเสียงดัง
“บันไดนั่น มันจะทำให้ลดระยะห่างของธงกับพวกเราไง เราก็ให้หมาหล้าปีนขึ้นไปยิงธนู
ที่ผูกเชือกยาวไปล้อมด้ามธงแล้วพวกเราก็ดึงธงลงมาก็ได้”
คนที่ตอบคำถามในแววตาของเพื่อนๆ กลับเป็นโตเกียวที่ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น
จนทุกคนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“ตะ...แต่ฉันกลัวที่สูงนะ!” หมาหล้าหัวหน้าห้องคนเก่งบอกด้วยเสียงสั่นๆ
จนทำให้เด็กชายในห้องร้องเฮ้ยและเด็กผู้หญิงต่างอึ้ง
ก่อนเสียงโห่ร้องจะดังขึ้นเมื่อพบจุดอ่อนของหัวหน้าห้องคนเก่ง
หมาหล้าส่ายหน้าแล้วทำท่าจะเอาลูกธนูมาไล่ตีไอ้เพื่อนจอมทับถมพวกนี้
“ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ พวกเราทั้งห้องเป็นกำลังใจให้เธอนะหมาหล้า!” ซาลาเปาชูมือขึ้น
และร้องเชียร์พร้อมให้กำลังใจจนเด็กชายขัดเขินทำอะไรไม่ถูก
“ใช่ๆ เป็นหัวหน้าพวกเราก็ต้องใจๆ หน่อยสิ!” เหมือนฝันและย่างกุ้งตบไหล่หัวหน้าห้อง
ดังป้าบจนเขาหัวทิ่ม
ไวโอลีนนมสดและซีม่ารีบวิ่งไปลากบันได โดยที่มีคุนหนิงและเวียงจันไปช่วยชี้ที่ตั้งบันได
แบบกางสี่สิบห้าองศาที่ช่างใช้ทำงานเวลาต้องทำงานที่สูง
“หมาหล้าลุยๆ!” พนมเปญมาผลักดันหมาหล้าที่ทำหน้าจะร้องไห้ให้ค่อยๆ ปีนขึ้นบันไดจนขาสั่นพั่บๆ เพื่อนๆ ต่างกลูเข้ามาลุมล้อมจับฐานบันไดให้แน่นหนาแล้วร้องเชียร์ ให้หมาหล้าที่ปีนสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
เมื่อปีนขึ้นสูง เพื่อนๆ ก็ลุ้นกันจนตัวโก่ง เชือกยาวได้รับการผูกจากส้มป่อยอยู่แล้ว
หมาหล้าพาดสายธนูพร้อมผนึกสมาธิและสายตา
‘นายต้องยิงไปในทางที่ลมพัดเข้าหาธงนะ’ คำพูดของบาบี้ที่ย้ำให้หมาหล้ายิงธนูไปในในทิศเหนือลมจะทำให้กระแสลมช่วยทำให้เชือกรัดด้ามธงไว้หลายชั้น
หมาหล้านั่งลงบนยอดสูงสุดของบันได สายลมที่พุ่งปะทะใบหน้า ยังไม่สามารถดับ
ความร้อนรุ่มที่ทำให้เขาตัวสั่นกึกๆ ด้วยความกลัวแต่ยังพยายามกัดฟันจนรู้สึกเจ็บฟันน้ำนม
ฟิ้ว…!
ลูกศรพุ่งทะยานออกจากสายธนูที่เหนี่ยวรั้งกลับคืน ลูกธนูกรีดท้องฟ้าเป็นเส้นโค้ง
หมุนละลิ่วลอยคว้างอยู่เหนือเรือนยอดต้นโพธิ์ใหญ่
สายลมหอบแรงพัดพาให้ลูกศรหมุนตลบเข้ากับด้ามธงหลายรอบจนเชือกที่อยู่ด้านล่างตึงเป็นเส้นตรง ทำให้หมาหล้าค่อยๆ ผ่อนหายใจแล้วปีนลงด้วยตัวที่สั่นเทากว่าเดิมอีกหลายเท่า
เมื่อหัวหน้าห้องมาถึงพื้นเสียงโห่ร้องก็ดังลั่นไปทั้งลาน
พร้อมกันที่ส้มป่อยบาบี้เปียโนและขนมจีบช่วยกันดึงด้ามธงจนผืนผ้าสีขาวลอยลงจากต้นไม้ใหญ่ตกกระแทกพื้นเสียงดังปึก
นักเรียนอนุบาลต่างกระโดดโลดเต้นร้องไชโยอย่างยินดีเป็นที่สุด
เมื่อหมาหล้าหายใจหอบและรับธงชูขึ้นให้เพื่อนๆเห็น
“ฉันว่า ฉันเจอธงด้ามที่สองแล้วน้า!” เสียงร่าเริงของบาบี้ทำให้ทุกคนรวมสายตาไว้ที่เด็กหญิงผมทองที่ชี้นิ้วไปบนยอดหลังคาวิหาร
จนแต่ละคนทำหน้าอึ้งๆ อย่างไม่มีคำพูดจะเอ่ย.
……………..***
ความคิดเห็น