คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บิณฑบาต
Chapter5 บิณฑบาต
เจ้าอาวาสวัดป่าปัญญาธรรมรู้สึกสังหรณ์ประหลาดตั้งแต่รับกิจนิมนต์ไปฉันเพญชาวบ้านที่จัดทำบุญบ้านใหม่ในภาคเช้า
ท่านจึงขอตัวกลับวัดหลังเที่ยงเพียงไม่นาน
เมื่อย่างเท้าเข้าสู่ลานหน้าวิหารใหญ่แล้วท่านก็ย่างเท้าตรงดิ่งสู่หลังวัดด้วยความเร็ว
ปานเท้าติดไอพ่นพลังขับดันแรงสูง
กลางสนามฟุตบอลของโรงเรียนอนุบาลนานาชาติวัดป่าปัญญาธรรม
หลังศึกสงบคารามายซีม่าหมาหล้าเหมือนฝันก็ทำการสืบสวนอย่างเข้มแข็ง
จนนักเรียนประถมหัวหดกันเป็นแถวเพราะเกรงฤทธิ์เดชของหมามุ่ยในมือของไวโอลีนที่ถือไว้แล้วทำท่าจะหลุดมือใส่พวกเขาอยู่เรื่อยๆ
“จะเลิกแล้วต่อกันได้มั้ย ข้อผิดใจกับชานะ?” คารามายถามเสียงเรียบแต่ถ้าฟังให้ลึกลงไปแล้วจะได้เห็นแววตาอ้อนวอนของกลุ่มนักเรียนประถมสองแก๊งใหญ่ประจำตำบลถัดไป
ว่าตอนนี้อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละแค่ปล่อยพวกเขา
“ดะ...ได้...ได้เลยน้องสาว!” กุมารทองรีบระล่ำระลักบอกและกุมารดำก็พยักหน้ารับ
ตัวสั่นงันงก วันนี้บทเรียนครั้งใหญ่สอนเขาให้รู้ว่าแม้คนจะตัวเล็กกว่าดูอ่อนแอกว่า
แต่จะรังแกได้รึเปล่านั่นมันคนละเรื่อง
“เอาไงดีอาม่า?” หมาหล้าหันไปถามเด็กชายที่บอกหน้าตาเฉย
“เอาอะไร ปล่อยไว้นี่แหละ แค่นี้ก็จบแล้ว เย็นๆงูก็ชุมจะตาย
แถมพอดึกมา ที่นี่ ยังเฮี้ยนจะตาย
เมื่อก่อนแถวนี้แหละที่เป็นเมรุเก่านะ!” ซีม่ากดเสียงกระซิบลงช่วงท้าย แต่คนที่ได้ยินนะหรือตาเหลือกเป้าเปียกไปเรียบร้อย
“ปะ...ปล่อยพวกเราไปเถอะ ปล่อยไปเถอะ พวกเราสาบานว่าจะไม่ทำร้ายใคร
แม้แต่คนเดียว
ต่อไปนี้จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี ไม่เกเรอีกต่อไป!”
เสียงร้องประสานเซ็งแซ่ดังเลื่อนลั่นขึ้นจากกลุ่มนักเลงฟันน้ำนม
ที่หน้าซีดหน้าเซียวกันไปหมดแล้ว
“เรื่องจริงรึเปล่าอะ?” ไวโอลีนรีบโยนหมามุ่ยไว้กับนมสดที่แทบรับไม่ทัน
ก่อนจะถามซีม่าหน้าตื่น
“จะไปรู้ได้ไง ฉันก็มาอยู่พร้อมนาย แต่ที่นี่ไม่น่าจะเคยเป็นอะไรแบบนั้นหรอก
เพราะวัดป่าปัญญาธรรมไม่รับทำศพ”
คำตอบจากซีม่าทำให้ไวโอลีนยิ้มได้
“พวกนายแน่ใจเหรอ ว่าจะทำได้จริงๆ อย่างที่พูดนะ
คำพูดที่พูดในวัดเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ดินแดนที่ต้องพูดแต่ความจริงเท่านั้นนะ”
หมาหล้าก็รับลูกโยนจากซีม่าอย่างเข้าขากันดี
หัวหน้าห้องอนุบาลสำทับด้วยเสียงเข้มๆ ที่แม้จะไม่เป็นจริงเป็นจังนักแต่เขาก็ยังพอทำมันได้
น่าเกรงขาม
“แน่นอน!!” นักเลงกว่าหกสิบคนร้องรับกันเสียงดังอย่างหนักแน่นและแน่วแน่
“แล้วถ้าทำตามที่พวกพี่ๆ พูดไม่ได้หละ?” เหมือนฝันโหดเหี้ยมถึงขั้นขยี่ความหวังอันเรืองรองที่จะหลุดออกจากพันธนาการนี้
“จริงๆ พวกเราทำได้จริงๆ”
คนหลายสิบตะเบ็งร้องประกาศจนใบไม้สั่นไหวตามพลังเสียง
นักเรียนอนุบาลรวมตัวกันแล้วถอยมารวมกันเตรียมเผ่นได้หากพวกเขาเล่นตุกติก
แต่ไม้ตายอย่างหมามุ่ยที่ไวโอลีนถืออยู่เป็นหลักประกันชีวิตน้อยๆ ของพวกเขาได้อย่างดีเยี่ยม
“ถ้าได้จริงๆ อาตมาก็ขอบิณฑบาตความตั้งใจจริงของโยมนักเรียนนะ?”
เสียงทุ้มอ่อนโยน ของพระภิกษุที่เก้าเดินมาจากที่ไกลๆ ร้องบอกมาก่อนตัว
ทำให้ทั้งนักเรียนอนุบาลและนักเรียนประถมต่างยินดี ด้วยเหตุผลคนละแบบ
นักเรียนประถมทั้งหมดน้ำตาเจียนจะไหลที่เห็นเจ้าอาวาสวัดป่าปัญญาธรรมที่คลี่ยิ้มปรานีแล้วหันไปบอกหมาหล้า
“ปล่อยพวกเขาไปเถอะหมาหล้า ถ้าวันไหนที่โยมนักเรียนประถมเหล่านี้คิดจะกลับใจ
ยังไงผีสางในวัดที่เป็นพยานก็คงจะตามไปทักทายตามบ้านแต่ละคนเอง”
หมาหล้ายอมคลายเชือกให้นักเรียนประถมกว่าหกสิบคนมาคุกเข่าน้อมทำความเคารพพระภิกษุที่พวกเขาสามารถเรียกหลวงลุงหรือหลวงปู่เลยก็ได้
“ครั้งนี้พวกเราผิดจริงๆ ครับหลวงปู่ที่ทำผิดต่อกฎหมาย ทำผิดต่อพุทธศาสนา
แล้วก็ทำผิดสำหรับสังคมไทยด้วย”
กุมารทองร้องคร่ำครวญน้ำมูกน้ำตาไหล ก่อนเจ้าอาวาสวัดป่าจะให้โอวาทเป็นครั้งสุดท้าย
แล้วบอกให้ทุกคนแยกย้ายกลับบ้านของแต่ละคน เพราะตอนนี้เริ่มจะบ่ายคล้อย
นักเรียนประถมที่มาหาเรื่องกลับไปด้วยสภาพสะบักสะบอม
พระเทพญาณิลทะโล วิริยะปัญโญจึงหันไปเอ่ยเสียงเย็นและยังฟังสงบกับนักเรียนอนุบาล
ของตนบ้าง
“อ้าว ว่ามาซิ มันเป็นไงมาไงพวกแกนี่”
ชากาแฟและนมสดเป็นคนเล่าถึงต้นสายปลายเหตุให้พระอาจารย์รับทราบจนหมด
ก่อนท่านจะส่ายหน้าทอดถอนใจ
“สรุปพระอาจารย์จะอธิบายให้ฟังก่อนนะ ถ้าใครคิดว่าตัวเองไม่เป็นไปตามนี้สามารถแก้ตัวได้
ทุกคนร่วมแรงร่วมใจรักเพื่อน ปกป้องสถาบันและบวกกับความคึกคะนอง
เลยลืมนึกถึงสวัสดิภาพของชีวิตหรือทรัพย์สินโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ
อาตมาขอบอกว่า มีความดีที่สามารถปกป้องตัวเองได้
แต่มีความผิดที่ร้ายแรงคือ ทำร้ายชีวิตอื่นในเขตอภัยทาน ใครจะไม่ยอมรับบ้าง?”
เจ้าอาวาสวัดป่าเอ่ยเสียงเรียบทำเด็กอนุบาลหน้าจ๋อยและเจื่อนกันไปหมด
ไม่เว้นแม้แต่ชากาแฟและนมสดที่ชอบซ่า
“พวกเราทำผิดไปแล้วค่า พระอาจารย์!” เต่างอยรีบพนมมือเป็นตัวแทนเพื่อนๆขออภัยพระภิกษุที่มองเด็กน้อยด้วยแววตาดุและขรึม
“มันไม่ใช่ว่าจะขอโทษพระอาจารย์แล้วมันจะจบ
เมื่อไม่มีใครแก้ตัว พระอาจารย์ก็จะถือว่าทุกคนยอมรับผิดและต้องยอมรับในบทลงโทษ
ที่พระอาจารย์จะกำหนดขึ้นนะ”
พระอาจารย์พูดเสียงขรึม
ในขณะที่เด็กน้อยต่างหน้าซีดเป็นไก่ต้มไปหมดแล้ว
“ได้ครับ พวกเราทำผิดก็ยอมรับผิดเอง
แต่เพื่อนๆ ของพวกเราไม่ผิดนะครับพระอาจารย์” ชาบอกพระอาจารย์ที่มองแต่ละคน
ด้วยแววตาอ่อนโยน
“เลิกปากเก่งเหอะน่า ทำผิดด้วยกันหมดนี่จะมารับผิดคนเดียวได้ไง?” คารามายชักสีหน้าใส่นักเลงอนุบาล
“เอาล่ะๆ ถือว่าผิดกันหมดนี่แหละ พระอาจารย์อยู่ตรงนี้ยังจะมาทะเลาะกันอีก
ตอนนี้กลับไปที่ห้องเรียนแล้วคัดตัวเลขหนึ่งถึงพันมาส่งพระอาจารย์
หลังจากนั้นให้แต่ละคนมาออกกำลังกายที่นี่ ไปได้ ห้ามแอบอู้กันนะ
ไม่งั้นพระอาจารย์จะตีจริงๆ!”
พระอาจารย์พูดจบนักเรียนรีบกลูกันวิ่งกลับไปที่ศาลาของโรงเรียนอนุบาลทันที
“โอ๊ย ฉันจะเป็นลม!” พนมเปญและย่างไก่มองคนพูดอย่างเหมือนฝันที่ทิ้งตัวนอนแผ่ลงกลางศาลาเมื่อคัดตัวเลขพึ่งจะถึงร้อยเท่านั้นเอง
“เธอจะบ่นทำไม ฉันนี่มือจะหักแล้วยังไม่พูดอะไรเลย!” ไวโอลีนพูดอย่างเหนื่อยๆ
ก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะญี่ปุ่นของตัวเองแล้วถอนหายใจหลายเฮือก
“พวกนายนี่ บ่นอยู่ได้ ดูหมาหล้าสิยังไม่ว่าอะไรเลย!” เต่างอยชี้ให้เพื่อนมองหมาหล้า
และย่างกุ้งที่หน้าเขียวไปหมดแล้ว
“มันพูดไม่ออกต่างหากเก่งตรงไหนเนี่ย?” กาแฟบ่นบ้างพลางมองนมสด เปียโน
และบาบี้ที่มีความสามารถพิเศษชวนให้เพื่อนๆ อิจฉาตาร้อน
ทั้งสามคนสามารถเขียนหนังสือพร้อมกันได้ทั้งสองมืออย่างสบายๆ
ทำให้ทั้งสามคนเขียนตัวเลขไปถึงสี่ร้อยแล้ว
“อิจฉา อิจฉาเบบี้ ช่วยฉันเขียนหน่อยสิ!” คารามายโอดครวญทำให้หนึ่งในแก๊งนางฟ้าหันมามองสาวน้อยนักวาดภาพที่ฟุบหน้าลงไปกับสมุดเขียนเลขเรียบร้อยแล้ว
“มีมือก็ทำเองสิยาแก้คัน!” ชาประชดเสียงดังมาให้คารามายได้ยิน
ทำให้ซีม่าและส้มป่อยที่กลับมานับหนึ่งถึงพันหัวเราะเสียงดัง
“เฮ่อ พวกเธอนี่จะไม่ทะเลาะกันไม่ได้เลยหรอไง?” ซาลาเปาแบ่งลูกอมให้ทุกคนในห้อง
หลังโตเกียวแอบส่องดูแล้วว่าพระอาจารย์ไม่มาแอบมองพวกเขา
“คุนหนิงๆ ฝากทิ้งขยะหน่อยสิ” กาแฟโยนถุงลูกอมที่หมดแล้วให้เด็กสาวชาวจีนที่รีบยกมือรับแทบไม่ทัน
“คอฟฟี่ นายมีมารยาทกับผู้หญิงด้วยสิ!” กาแฟยักไหล่จนคุนหนิงมองค้อน
“เธอจะไปหาเรื่องทะเลาะกับไอ้บ้ากาแฟทำไมหละ เดี๋ยวก็เถียงกันยาว”ติ่มซำบอกเพื่อนสาว
ที่ทำปากยื่นใส่เด็กชายกาแฟ
“แม่นจ้าว แล้วนี่ไผ่ฮู้พ่องว่าพระอาจ๋านจะลงโทษอะหยังหมู่เฮา?”
เวียงจันสาวน้อยจากดินแดนแม่น้ำโขงเปิดประเด็นใหม่ทำให้แต่ละคนละมือ
จากการเขียนเลขหนึ่งถึงพันแล้วหันมามองหน้ากันอย่างอยากรู้
“ฉันว่าให้ไปคัดพระไตรปิดกแน่เลย!” หัวหน้าห้องอย่างหมาหล้าเสนอความเห็นจนแต่ละคนทำหน้าชักกระตุกแล้วเสียงร้องระงมมากมายจากทุกคนก็โหยหวน
“โอ้ยๆ ใจเย็นๆ มันอาจจะไม่ใช่อะไรแบบนี้ก็ได้!” พนมเปญพยายามเรียกสติของเพื่อนๆ
ซึ่งขวัญกระเจิงกันไปหมดแล้ว
“งั้นก็ให้เรานั่งสมาธิสามวัน!” ส้มป่อยยิ้มกว้างและโบกไม้โบกมือบอกเพื่อนๆ
ที่ทำท่าหงายหลังล้มกระแทกกับพื้นไม้กระดานขัดมันกันตึงตัง!
“อย่าพูดเรื่องน่ากลัวแบบนี้ได้มั้ยอะ?” ขนมจีบมองส้มป่อยที่หัวเราะเสียงดังสดใส
อย่างมีความสุข เมื่อเห็นแววตาไร้วิญญาณของเหล่าเพื่อนรักทุกคน
……………….***
ความคิดเห็น