คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : โรงเรียนวัด
Chapter2 โรงเรียนวัด
จักรยานสีฟ้าปั่นลงจากเส้นทางของดอยหมอกรุ้งด้วยความเร็วพร้อมเจ้าของที่ผิวปากอย่างเริงร่า
สายลมเย็นพัดพลิ้วชายเสื้อและเรือนผมยาวๆ ของคนตัวเล็กบนพาหนะสองล้อปั่น
แสงแดดจ้าอาบท้องฟ้าสดใส กลิ่นหอมของไอดินชุ่มน้ำที่ล่องลอยขึ้นโอบล้อมทั่วร่างเล็กทำให้ส้มป่อยตะโกนร้องยุฮู้
แล้วจักรยานคันน้อยก็พุ่งออกจากฟาร์มไปตามเส้นทางรูกรังที่ทอดคดเคี้ยวตัดเข้าไปตามทุ่งนาของชาวบ้านที่อยู่อาศัยโดยรอบอาณาเขตฟาร์ม
ในช่วงเดือนที่พึ่งพ้นผ่านฤดูร้อนอันวอดวายที่ผ่านมา
ฝนห่าใหญ่ตกกระหน่ำลงมากับพายุฤดูร้อนที่บ่งบอกต่อชาวนาว่าถึงเวลาที่ต้องเพาะปลูกอีกครั้ง
เช่นเดียวกับเทศกาลเปิดภาคเรียนใหม่ของนักเรียนในช่วงเดือนนี้
จักรยานคันเล็กพุ่งออกสู่ถนนสายหลักของอำเภอหางดง เด็กหญิงปั่นจักรยานที่เร่งความเร็วขึ้นอีก
จนแล่นฉิวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เด็กหญิงขยับตัวเลี้ยวจักรยานเข้าสู่ถนนที่ลาดยางมะตอยสายยาวซึ่งทอดตัวเข้าไปสู่วัดป่าปัญญาธรรม
อาณาเขตของวัดขนาดเล็กซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เพียงสองไร่ มองเห็นยอดแหลมของวิหารกลางยืดขึ้นเหนือต้นโพธิ์ใหญ่
ที่ปกคลุมทั่วทั้งวัดสลับกับต้นไทรต้นฉำฉาและไม้อื่นๆ ที่ทำให้บริเวณวัดเขียวครึ้มด้วยความเงียบสงบของแดนอภัยทาน
กริ๊ง,กริ๊ง!
เสียงกริ่งจากจักรยานคันเล็กที่แล่นมาจอดลงใต้ต้นมะม่วงใหญ่ทำให้พระสงฆ์เพียงรูปเดียวของวัดนี้
เหลียวมามองแล้วร้องทัก
“ส้มป่อย มาโรงเรียนสายอีกแล้วนะ!” ส้มป่อยรีบกระโดดลงจากจักรยานแล้วพนมมือไหว้ภิกษุพรรษากลางคน
ที่เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขอนมัสการอภัยคะหลวงปู่ หนูไปเข้าโรงเรียนก่อนน้า” สาวกองค์พระศาสดาแทบจะยกไม้กวาดขึ้นตีเด็กหญิง
พระเพียงรูปเดียวดำรงตำแหน่งตั้งแต่เจ้าอาวาสยันเด็กวัดขมุบขมิบปากบ่น
“ได้นิสัยพ่อมาแรงเกินแล้วยัยหนู” ส้มป่อยหัวเราะร่าแววตาระยิบระยับ
“ก็หนูคือเจ้าฟาร์มน้อยไงค้า!” เจ้าคุณพระญาณิลทะโล วิริยะปัญโญ เจ้าคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่แยกเขี้ยว
“เป็นเจ้าฟาร์มน้อยเจ้าฟาร์มใหญ่อะไรก็โดนมะเหงกได้ รีบไปเข้าเรียนไปเร็วๆ!” ส้มป่อยร้องค่าตอบรับเสียงดัง
ก่อนร่างเล็กๆ จะรีบวิ่งอ้อมพระอุโบสถไปด้านหลัง
พระสงฆ์ผู้ดำรงสมณะศักดิ์ยิ้มบางๆ ก่อนท่านจะเดินกลับไปทำกิจวัตดั่งเช่นที่เคยเป็นมา
“เลขที่1 ชนกมาลย์ รุ้งสวรรค์!” หญิงชราร่างเล็กที่กำลังยืนจังก้าอยู่บนศาลาใหญ่เปิดโล่งสามทิศใต้ต้นโพธิใหญ่
ร้องขานชื่อของเด็กๆ ที่บ้างคลานบ้างกลิ้งและบ้างก็กำลังเล่นกันอย่างไม่สนใจคุณครูที่ฟาดก้านมะยมลงกับไวท์บอร์ด
หน้าห้องเสียงดังสนั่น
เด็กๆ ที่มีวัยตั้งแต่สองถึงหกขวบวิ่งกลูกันมารวมอยู่กลางห้อง
“อาส้มป่อยอีทามมายยังไม่มาอีก?” สำเนียงไทยไม่ชัดของคุณครูที่มีชื่อไทยว่า?
“ไม่รู้ฮะ อาคุงครูเจ๊ติ๋ม!” เด็กน้อยในชุดเสื้อยืดคอกลมและกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อนร้องบอก
และล้อเลียนคุณครูลูกครึ่งจีน
จนคุณครูเต้นผาง
“ไอ้หยา ไอ้เด็กเก๋าเจ้ง ออกมาหน้าห้องให้ครูฟากลีๆ!” ไม้มะยมกวัดแกว่งผ่านอากาศจนเสียงขวับเคี้ยวฟังสยองขวัญ
“หนูมาแล้วค่า....คุณครูเจ๊ติ๋มมมม!”
คนที่พึ่งเดินชมนกชมไม้มาถึงโรงเรียนร้องบอกพร้อมโปรยยิ้มหวานมาแต่ไกล ทำให้คุณครูเชื้อสายจีน
หันมาหรี่ตามอง แต่ด้วยช่วงวัยไม้ใกล้ฝั่งเลยต้องหยิบแว่นกลมขึ้นมาสวม
“อาชนกมาลย์ ทำไมมาโรงเรียนสาย!” ประโยคนี้ของคุณครูไม่ใช่คำถาม แต่มันคือคำบ่นต่างหาก
“หนูมาเช้าไม่ทันไงค้า....!”
ส้มป่อยรีบกระโดดหลบก้านมะยมที่ฟาดขวับเข้าใส่แล้วหัวเราะสนุก
“ไอ้พวกเด็กบ้า เรียงตัวมาให้อั๊วฟาดลีๆ!” คุณครูอนุบาลชี้นิ้วใส่ส้มป่อยที่รีบวิ่งหนีไปกองอยู่กับเพื่อนๆ ที่ร้องงอแง
แล้วทำท่าหวาดกลัวครูบาอาจารย์อย่างสำออยเป็นที่สุด
“ครูแน่จริงก็มาฟาดเลย!” ครูเจ๊ติ๋มโกรธควันออกหูหญิงชราเชื้อสายจีนกระโดดเหยงก่อนจะควงไม้มะยมในมือขวา
และไม้บรรทัดในมือซ้ายวิ่งเข้าหากลุ่มเด็กน้อยที่กรีดร้องกันอย่างตื่นเต้นและที่สำคัญกว่านั้นคือความสนุกสนาน
เด็กๆ ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีกระโดดลงจากศาลาของโรงเรียนจนไม้กระดานขัดมันดังโครมคราม มีทั้งเด็กที่ทั้งวิ่งสะดุดล้มและเด็กๆ ที่หัวเราะสนุกสนาน
แล้วโดนครูวัยชราฟาดด้วยไม้มะยมที่ทำจากโฟมเอาไว้ลงโทษเด็กๆ
“ส้มป่อย เธอมาเกาะฉันทำมายย?” เด็กกลุ่มใหญ่กรีดร้องเมื่ออาครูเจ๊ติ๋มวิ่งเข้ามาหวดไม้มะยมใส่แต่ละคน
ฟาดเสียงดังสนั่นโป้งป้าง แต่เด็กกลับหัวเราะสนุกสนานในขณะที่คุณครูหอบเหนื่อยหน้าแดงก่ำ
“กลับขึ้นไปนั่งเรียนดีๆ เดี๋ยวดื้ออั๊วจะตีให้ขาหัก!”
สิบนาทีต่อมาอาคุณครูเจ๊ติ๋มก็หอบแฮ็กและนั่งลงกลางวงเด็กๆ ที่ลากโต๊ะญี่ปุ่นของตัวเองออกมาตั้งไว้ข้างหน้า
“พวกลื้อมาสาย ต้องเคารพธงชาติก่อน สวดมนตร์ไหว้พระด้วย”
คุณครูบอกทำให้หัวหน้าห้องต้องปฏิบัติตามv
“ทั้งหมดแถวตรง!” เด็กชายวัยหกขวบตัวอ้วนผิวสีแทนสั่งเพื่อนๆ เคารพธงชาติ
แต่ด้วยความเป็นนักเรียนอนุบาลมันจึงมีนักเรียนที่ตั้งใจไม่ถึงสามคน
“ไอ้ยะ อาส้มป่อยอาซีม่าอาคารามายพวกลื้อทำอาไร
อาหมาหล้า ลื้อเป็นหัวหน้าห้องลื้อก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้เพื่อนหน่อยสิ”
คุณครูชี้นิ้วใส่หัวหน้าห้องที่ทำท่าเบ่งกล้ามใส่กลุ่มเพื่อนๆ ที่หัวเราะกันคิกคัก
“ไอ้ยะ พวกลื้อนี่!” ครูเจ๊ติ๋มสะบัดก้านไม้มะยมใส่ไวท์บอร์ดเสียงดังสนั่น
ก่อนจะเริ่มบทเรียน
“กอเอ๋ย...” คุณครูพูดนำขึ้นก่อน
“กอกา!” นักเรียนร้องรับ
เสียงปั้งของไม้เรียวที่ฟาดไวท์บอร์ดที่สั่นกราวทำท่าจะร่วงลงมาทับหัวครูทำให้เด็กๆ ร้องไอ้หยากันเสียงดัง
“อาพนมเปญ ลื้อลุกขึ้นอ่านให้เพื่อนๆ ฟังซิ!” เด็กชายหัวฟูในชุดสีส้มแปร๊ดลุกขึ้นยืนแล้วหันไปหาเพื่อนๆ
“กอเอ๋ยกอกุ๊กๆ!” คุณครูทำหน้าอิดหนาระอาใจกับนักเรียนจอมทึ่มของตัวเอง
จนต้องเรียกคนใหม่ขึ้นมา
“อาเต่างอย ลื้ออ่านซินี่คือตัวอะไร?” คุณครูชี้ไปที่ตัวอักษรไทยสี่สิบสี่ตัวบนโปรเจ๊กเตอร์ที่ฉายขึ้นเป็นแสงสวยงาม
คุณครูวางไม้มะยมลงแล้วเปลี่ยนไปถือไม้เรียวที่มีหัวเป็นปากกาเคมีชี้ตรงไปที่ตัวคอควาย!
เด็กหญิงผิวคล้ำที่ปล่อยเปียสองข้างชี้โด่เด่ไปคนละทิศละทางลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้ทุกคน
“เต่าๆๆ เต่างอยจะตอบแล้วนะคะ นี่คือตัวคอควายมีสี่ขาแต่คอครูมีสองขา!” คุณครูทำหน้าเหมือน
จะกระอักออกมาแล้ว
“เก๋าเจ้งง่า ไอ้เด็กพวกนี้ แยกย้ายพักเบรก เดี๋ยวคาบต่อไปเรียนกับคุณครูแซนตาคอสนะ!”
เมื่อพักเบรกเด็กอนุบาลก็ออกไปวิ่งเล่นกันอยู่รอบๆ ศาลาที่เป็นทั้งห้องเรียน ห้องอาหาร ห้องประชุม
เรียกง่ายๆ ว่าเป็นทุกอย่างให้หนูๆ ตัวแสบพวกนี้แล้ว
“ส้มป่อย แบ่งขนมให้เราด้วยสิ~”
ส้มป่อยและเพื่อนสนิทที่นั่งเล่นกันอยู่มุมหนึ่งของศาลาห้องเรียนขนาดใหญ่มองเด็กหญิงที่สวยราวตุ๊กตา
เรือนผมสีทองอร่ามและดวงตาสีฟ้าใสที่มองมา
“ทำไมเราต้องแบ่งให้เธอด้วยหละ เบบี้?” เด็กหญิงชาวต่างชาติหน้าหงิกแล้วทำปากยืดใส่อย่างงอนๆ
“ก็...เราจะแบ่งนมให้เธอดื่มไง เดี๋ยวเธอตัวไม่สูงนะ แล้วเราก็ชื่อบาบี้ด้วยไม่ใช่เบบี้!” ส้มป่อยหันไปหาเด็กหญิงข้างตัว
ที่ก้มหน้าก้มตาวาดเขียนแล้วหัวเราะคิกคักกับหนังสือวาดภาพและเคี้ยวขนมข้างๆ อย่างเอร็ดอร่อย
“แบ่งมั้ยคะ คุณหนูคารามาย?” ส้มป่อยถามเพื่อนซี้แต่มือแอบหยิบขนมไทยของซีม่ามาส่งให้บาบี้ที่ยื่นนมเปลี้ยว
ให้สามขวด
“นี่ๆ ส้มป่อย เธอขอคารามายแล้วไม่ขออนุญาตเราเลย?” เด็กชายซีม่าเป็นหนึ่งคน ที่ไม่สนว่าเขาจะสั่งไว้ทรงผมยังไง เพราะพ่อคุณเล่นมาโรงเรียนด้วยหัวที่ยุ่งเหยิงราวกับรังนกอยู่ทุกวัน
“โท่อาซีม่า จะแบ่งให้เบ...บาบี้หน่อยไม่ได้รึไง นายเป็นสุภาพบุรุษมั้ยเนี่ย?” ส้มป่อยโอดครวญกับสีหน้ามุ่ยของเพื่อนรัก
“ก็ได้ๆ” ซีม่ามองบาบี้แล้วถามเสียงดัง
“ยัยตุ๊กตาหัวทอง นั่นนะแม่ฉันทำด้วยใส้เดือนหลายตัวเลยนะ!” ซีม่าชี้ให้มองขนมเฉาก๊วยนมสดที่บาบี้พึ่งจะกินไปสดๆ จนเด็กหญิงบาบี้อ้าปากค้างแล้วกรีดร้อง ก่อนจะวิ่งออกไปร้องไห้งอแงกับคุณครูร่างท้วมที่วิ่งมาจากหน้าวัดไกลๆ
แล้วถามด้วยภาษาไทยสำเนียงฝรั่งดังลั่น
“เกิดอะรายขึ้นคร้าบ?” คุณครูวัยห้าสิบในชุดแดงทั้งเสื้อและกางเกงบวกกับผมสีดอกเลาของเขาพร้อมหนวดยาว
ทำให้เขาใกล้เคียงแซนตาคอสไปทุกที ถ้าไอ้ตัวที่วิ่งตามครูมาจะไม่ใช่หมาพันธ์ไทยหลังอานแทนที่จะเป็นกวางเรนเดีย
ตัวงามสง่า
คุณครูแซนตาคอสวิ่งกระโดดขึ้นมาบนห้องเรียนแล้วรีบไปปลอบบาบี้ที่ชี้ซีม่าที่หน้าจ๋อยไป
แต่พอส้มป่อยเอียงคอไปคุยอะไรนิดหน่อยก็หัวเราะคิกคักทั้งคารามายซีม่าและส้มป่อย
“ซีม่าแกล้งหนูค่าคุณครู!” คุณครูลากซีม่าออกไปขอโทษหน้าห้องแล้วบอกให้บาบี้ให้อภัยตามสไตล์โรงเรียนอนุบาล
แต่ซีม่าก็ไม่วายบอกพลางหัวเราะ
“ใส้เดือนนะตุ๊กตาผมทอง!”
ทำให้หมาหล้าพนมเปญและเต่างอยที่อยู่ไม่ห่างหัวเราะเสียงดัง
คุณครูที่สอนเอถึงแซดได้แต่ส่ายหน้าอย่างมึนๆ
……………***
ความคิดเห็น