ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักเจ้าฟาร์มน้อย (ตอนนั้นตั้งชื่ออะไรไป ! มาอ่านตอนนี้อายจีงๆ)

    ลำดับตอนที่ #3 : โรงเรียนวัด

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 63


    Chapter2 โรงเรียนวัด

     

     

       จักรยานสีฟ้าปั่นลงจากเส้นทางของดอยหมอกรุ้งด้วยความเร็วพร้อมเจ้าของที่ผิวปากอย่างเริงร่า

    สายลมเย็นพัดพลิ้วชายเสื้อและเรือนผมยาวๆ ของคนตัวเล็กบนพาหนะสองล้อปั่น

    แสงแดดจ้าอาบท้องฟ้าสดใส กลิ่นหอมของไอดินชุ่มน้ำที่ล่องลอยขึ้นโอบล้อมทั่วร่างเล็กทำให้ส้มป่อยตะโกนร้องยุฮู้

    แล้วจักรยานคันน้อยก็พุ่งออกจากฟาร์มไปตามเส้นทางรูกรังที่ทอดคดเคี้ยวตัดเข้าไปตามทุ่งนาของชาวบ้านที่อยู่อาศัยโดยรอบอาณาเขตฟาร์ม

    ในช่วงเดือนที่พึ่งพ้นผ่านฤดูร้อนอันวอดวายที่ผ่านมา

    ฝนห่าใหญ่ตกกระหน่ำลงมากับพายุฤดูร้อนที่บ่งบอกต่อชาวนาว่าถึงเวลาที่ต้องเพาะปลูกอีกครั้ง

    เช่นเดียวกับเทศกาลเปิดภาคเรียนใหม่ของนักเรียนในช่วงเดือนนี้

     

                จักรยานคันเล็กพุ่งออกสู่ถนนสายหลักของอำเภอหางดง เด็กหญิงปั่นจักรยานที่เร่งความเร็วขึ้นอีก

    จนแล่นฉิวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

    เด็กหญิงขยับตัวเลี้ยวจักรยานเข้าสู่ถนนที่ลาดยางมะตอยสายยาวซึ่งทอดตัวเข้าไปสู่วัดป่าปัญญาธรรม

                อาณาเขตของวัดขนาดเล็กซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เพียงสองไร่ มองเห็นยอดแหลมของวิหารกลางยืดขึ้นเหนือต้นโพธิ์ใหญ่

    ที่ปกคลุมทั่วทั้งวัดสลับกับต้นไทรต้นฉำฉาและไม้อื่นๆ ที่ทำให้บริเวณวัดเขียวครึ้มด้วยความเงียบสงบของแดนอภัยทาน

     

    กริ๊ง,กริ๊ง!

                เสียงกริ่งจากจักรยานคันเล็กที่แล่นมาจอดลงใต้ต้นมะม่วงใหญ่ทำให้พระสงฆ์เพียงรูปเดียวของวัดนี้

    เหลียวมามองแล้วร้องทัก

    ส้มป่อย มาโรงเรียนสายอีกแล้วนะ!” ส้มป่อยรีบกระโดดลงจากจักรยานแล้วพนมมือไหว้ภิกษุพรรษากลางคน

    ที่เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    ขอนมัสการอภัยคะหลวงปู่ หนูไปเข้าโรงเรียนก่อนน้า สาวกองค์พระศาสดาแทบจะยกไม้กวาดขึ้นตีเด็กหญิง

    พระเพียงรูปเดียวดำรงตำแหน่งตั้งแต่เจ้าอาวาสยันเด็กวัดขมุบขมิบปากบ่น

    ได้นิสัยพ่อมาแรงเกินแล้วยัยหนู ส้มป่อยหัวเราะร่าแววตาระยิบระยับ

    ก็หนูคือเจ้าฟาร์มน้อยไงค้า!” เจ้าคุณพระญาณิลทะโล วิริยะปัญโญ เจ้าคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่แยกเขี้ยว

    เป็นเจ้าฟาร์มน้อยเจ้าฟาร์มใหญ่อะไรก็โดนมะเหงกได้ รีบไปเข้าเรียนไปเร็วๆ!” ส้มป่อยร้องค่าตอบรับเสียงดัง

    ก่อนร่างเล็กๆ จะรีบวิ่งอ้อมพระอุโบสถไปด้านหลัง

    พระสงฆ์ผู้ดำรงสมณะศักดิ์ยิ้มบางๆ ก่อนท่านจะเดินกลับไปทำกิจวัตดั่งเช่นที่เคยเป็นมา

     

     

       เลขที่1 ชนกมาลย์  รุ้งสวรรค์!” หญิงชราร่างเล็กที่กำลังยืนจังก้าอยู่บนศาลาใหญ่เปิดโล่งสามทิศใต้ต้นโพธิใหญ่

    ร้องขานชื่อของเด็กๆ ที่บ้างคลานบ้างกลิ้งและบ้างก็กำลังเล่นกันอย่างไม่สนใจคุณครูที่ฟาดก้านมะยมลงกับไวท์บอร์ด

    หน้าห้องเสียงดังสนั่น

    เด็กๆ ที่มีวัยตั้งแต่สองถึงหกขวบวิ่งกลูกันมารวมอยู่กลางห้อง

     

    อาส้มป่อยอีทามมายยังไม่มาอีก? สำเนียงไทยไม่ชัดของคุณครูที่มีชื่อไทยว่า?

    ไม่รู้ฮะ อาคุงครูเจ๊ติ๋ม!” เด็กน้อยในชุดเสื้อยืดคอกลมและกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อนร้องบอก

    และล้อเลียนคุณครูลูกครึ่งจีน

    จนคุณครูเต้นผาง

     

    ไอ้หยา ไอ้เด็กเก๋าเจ้ง ออกมาหน้าห้องให้ครูฟากลีๆ!” ไม้มะยมกวัดแกว่งผ่านอากาศจนเสียงขวับเคี้ยวฟังสยองขวัญ

     

       หนูมาแล้วค่า....คุณครูเจ๊ติ๋มมมม!”

                คนที่พึ่งเดินชมนกชมไม้มาถึงโรงเรียนร้องบอกพร้อมโปรยยิ้มหวานมาแต่ไกล ทำให้คุณครูเชื้อสายจีน

    หันมาหรี่ตามอง แต่ด้วยช่วงวัยไม้ใกล้ฝั่งเลยต้องหยิบแว่นกลมขึ้นมาสวม

    อาชนกมาลย์ ทำไมมาโรงเรียนสาย!” ประโยคนี้ของคุณครูไม่ใช่คำถาม แต่มันคือคำบ่นต่างหาก

    หนูมาเช้าไม่ทันไงค้า....!”

    ส้มป่อยรีบกระโดดหลบก้านมะยมที่ฟาดขวับเข้าใส่แล้วหัวเราะสนุก

    ไอ้พวกเด็กบ้า เรียงตัวมาให้อั๊วฟาดลีๆ!” คุณครูอนุบาลชี้นิ้วใส่ส้มป่อยที่รีบวิ่งหนีไปกองอยู่กับเพื่อนๆ ที่ร้องงอแง

    แล้วทำท่าหวาดกลัวครูบาอาจารย์อย่างสำออยเป็นที่สุด

     

    ครูแน่จริงก็มาฟาดเลย!” ครูเจ๊ติ๋มโกรธควันออกหูหญิงชราเชื้อสายจีนกระโดดเหยงก่อนจะควงไม้มะยมในมือขวา

    และไม้บรรทัดในมือซ้ายวิ่งเข้าหากลุ่มเด็กน้อยที่กรีดร้องกันอย่างตื่นเต้นและที่สำคัญกว่านั้นคือความสนุกสนาน

    เด็กๆ ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีกระโดดลงจากศาลาของโรงเรียนจนไม้กระดานขัดมันดังโครมคราม มีทั้งเด็กที่ทั้งวิ่งสะดุดล้มและเด็กๆ ที่หัวเราะสนุกสนาน

    แล้วโดนครูวัยชราฟาดด้วยไม้มะยมที่ทำจากโฟมเอาไว้ลงโทษเด็กๆ

     

        ส้มป่อย เธอมาเกาะฉันทำมายย? เด็กกลุ่มใหญ่กรีดร้องเมื่ออาครูเจ๊ติ๋มวิ่งเข้ามาหวดไม้มะยมใส่แต่ละคน

    ฟาดเสียงดังสนั่นโป้งป้าง แต่เด็กกลับหัวเราะสนุกสนานในขณะที่คุณครูหอบเหนื่อยหน้าแดงก่ำ

    กลับขึ้นไปนั่งเรียนดีๆ เดี๋ยวดื้ออั๊วจะตีให้ขาหัก!”

           

                สิบนาทีต่อมาอาคุณครูเจ๊ติ๋มก็หอบแฮ็กและนั่งลงกลางวงเด็กๆ ที่ลากโต๊ะญี่ปุ่นของตัวเองออกมาตั้งไว้ข้างหน้า

    พวกลื้อมาสาย ต้องเคารพธงชาติก่อน สวดมนตร์ไหว้พระด้วย

                คุณครูบอกทำให้หัวหน้าห้องต้องปฏิบัติตามv

    ทั้งหมดแถวตรง!” เด็กชายวัยหกขวบตัวอ้วนผิวสีแทนสั่งเพื่อนๆ เคารพธงชาติ

    แต่ด้วยความเป็นนักเรียนอนุบาลมันจึงมีนักเรียนที่ตั้งใจไม่ถึงสามคน

     

       ไอ้ยะ อาส้มป่อยอาซีม่าอาคารามายพวกลื้อทำอาไร

     อาหมาหล้า ลื้อเป็นหัวหน้าห้องลื้อก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้เพื่อนหน่อยสิ

    คุณครูชี้นิ้วใส่หัวหน้าห้องที่ทำท่าเบ่งกล้ามใส่กลุ่มเพื่อนๆ ที่หัวเราะกันคิกคัก

    ไอ้ยะ พวกลื้อนี่!” ครูเจ๊ติ๋มสะบัดก้านไม้มะยมใส่ไวท์บอร์ดเสียงดังสนั่น

    ก่อนจะเริ่มบทเรียน

     

    กอเอ๋ย... คุณครูพูดนำขึ้นก่อน

    กอกา!” นักเรียนร้องรับ

    เสียงปั้งของไม้เรียวที่ฟาดไวท์บอร์ดที่สั่นกราวทำท่าจะร่วงลงมาทับหัวครูทำให้เด็กๆ ร้องไอ้หยากันเสียงดัง

     

                อาพนมเปญ ลื้อลุกขึ้นอ่านให้เพื่อนๆ ฟังซิ!” เด็กชายหัวฟูในชุดสีส้มแปร๊ดลุกขึ้นยืนแล้วหันไปหาเพื่อนๆ

    กอเอ๋ยกอกุ๊กๆ!” คุณครูทำหน้าอิดหนาระอาใจกับนักเรียนจอมทึ่มของตัวเอง

    จนต้องเรียกคนใหม่ขึ้นมา

    อาเต่างอย ลื้ออ่านซินี่คือตัวอะไร? คุณครูชี้ไปที่ตัวอักษรไทยสี่สิบสี่ตัวบนโปรเจ๊กเตอร์ที่ฉายขึ้นเป็นแสงสวยงาม

    คุณครูวางไม้มะยมลงแล้วเปลี่ยนไปถือไม้เรียวที่มีหัวเป็นปากกาเคมีชี้ตรงไปที่ตัวคอควาย!

    เด็กหญิงผิวคล้ำที่ปล่อยเปียสองข้างชี้โด่เด่ไปคนละทิศละทางลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้ทุกคน

       เต่าๆๆ เต่างอยจะตอบแล้วนะคะ นี่คือตัวคอควายมีสี่ขาแต่คอครูมีสองขา!” คุณครูทำหน้าเหมือน

    จะกระอักออกมาแล้ว

     

                เก๋าเจ้งง่า ไอ้เด็กพวกนี้ แยกย้ายพักเบรก เดี๋ยวคาบต่อไปเรียนกับคุณครูแซนตาคอสนะ!”

     

                เมื่อพักเบรกเด็กอนุบาลก็ออกไปวิ่งเล่นกันอยู่รอบๆ ศาลาที่เป็นทั้งห้องเรียน ห้องอาหาร ห้องประชุม

    เรียกง่ายๆ ว่าเป็นทุกอย่างให้หนูๆ ตัวแสบพวกนี้แล้ว

    ส้มป่อย แบ่งขนมให้เราด้วยสิ~”

       ส้มป่อยและเพื่อนสนิทที่นั่งเล่นกันอยู่มุมหนึ่งของศาลาห้องเรียนขนาดใหญ่มองเด็กหญิงที่สวยราวตุ๊กตา

    เรือนผมสีทองอร่ามและดวงตาสีฟ้าใสที่มองมา

    ทำไมเราต้องแบ่งให้เธอด้วยหละ เบบี้? เด็กหญิงชาวต่างชาติหน้าหงิกแล้วทำปากยืดใส่อย่างงอนๆ

    ก็...เราจะแบ่งนมให้เธอดื่มไง เดี๋ยวเธอตัวไม่สูงนะ แล้วเราก็ชื่อบาบี้ด้วยไม่ใช่เบบี้!” ส้มป่อยหันไปหาเด็กหญิงข้างตัว

    ที่ก้มหน้าก้มตาวาดเขียนแล้วหัวเราะคิกคักกับหนังสือวาดภาพและเคี้ยวขนมข้างๆ อย่างเอร็ดอร่อย

    แบ่งมั้ยคะ คุณหนูคารามาย? ส้มป่อยถามเพื่อนซี้แต่มือแอบหยิบขนมไทยของซีม่ามาส่งให้บาบี้ที่ยื่นนมเปลี้ยว

    ให้สามขวด

    นี่ๆ ส้มป่อย เธอขอคารามายแล้วไม่ขออนุญาตเราเลย? เด็กชายซีม่าเป็นหนึ่งคน ที่ไม่สนว่าเขาจะสั่งไว้ทรงผมยังไง เพราะพ่อคุณเล่นมาโรงเรียนด้วยหัวที่ยุ่งเหยิงราวกับรังนกอยู่ทุกวัน

     

       โท่อาซีม่า จะแบ่งให้เบ...บาบี้หน่อยไม่ได้รึไง นายเป็นสุภาพบุรุษมั้ยเนี่ย? ส้มป่อยโอดครวญกับสีหน้ามุ่ยของเพื่อนรัก

    ก็ได้ๆ ซีม่ามองบาบี้แล้วถามเสียงดัง

    ยัยตุ๊กตาหัวทอง นั่นนะแม่ฉันทำด้วยใส้เดือนหลายตัวเลยนะ!” ซีม่าชี้ให้มองขนมเฉาก๊วยนมสดที่บาบี้พึ่งจะกินไปสดๆ จนเด็กหญิงบาบี้อ้าปากค้างแล้วกรีดร้อง ก่อนจะวิ่งออกไปร้องไห้งอแงกับคุณครูร่างท้วมที่วิ่งมาจากหน้าวัดไกลๆ

    แล้วถามด้วยภาษาไทยสำเนียงฝรั่งดังลั่น

     

    เกิดอะรายขึ้นคร้าบ? คุณครูวัยห้าสิบในชุดแดงทั้งเสื้อและกางเกงบวกกับผมสีดอกเลาของเขาพร้อมหนวดยาว

    ทำให้เขาใกล้เคียงแซนตาคอสไปทุกที ถ้าไอ้ตัวที่วิ่งตามครูมาจะไม่ใช่หมาพันธ์ไทยหลังอานแทนที่จะเป็นกวางเรนเดีย

    ตัวงามสง่า

                คุณครูแซนตาคอสวิ่งกระโดดขึ้นมาบนห้องเรียนแล้วรีบไปปลอบบาบี้ที่ชี้ซีม่าที่หน้าจ๋อยไป

    แต่พอส้มป่อยเอียงคอไปคุยอะไรนิดหน่อยก็หัวเราะคิกคักทั้งคารามายซีม่าและส้มป่อย

    ซีม่าแกล้งหนูค่าคุณครู!” คุณครูลากซีม่าออกไปขอโทษหน้าห้องแล้วบอกให้บาบี้ให้อภัยตามสไตล์โรงเรียนอนุบาล

    แต่ซีม่าก็ไม่วายบอกพลางหัวเราะ

    ใส้เดือนนะตุ๊กตาผมทอง!”

                ทำให้หมาหล้าพนมเปญและเต่างอยที่อยู่ไม่ห่างหัวเราะเสียงดัง

    คุณครูที่สอนเอถึงแซดได้แต่ส่ายหน้าอย่างมึนๆ

     

     

     

    ……………***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×