ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักเจ้าฟาร์มน้อย (ตอนนั้นตั้งชื่ออะไรไป ! มาอ่านตอนนี้อายจีงๆ)

    ลำดับตอนที่ #11 : พันธสัญญาสันติภาพปัญญาธรรม

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 63


    Chapter10 พันธสัญญา

     

     

                รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่แล่นฝุ่นตลบเข้าสู่ประตูหน้าของวัดป่าปัญญาธรรม

    ด้วยความเร็วสูง

    จนล้อทั้งสี่ปัดพื้นถนนคอนกรีตที่ลาดตรงสู่หน้าวิหารเสียงดังเอี๊ยดสนั่น

    ผู้กุมพวงมาลัยเก้าลงจากรถด้วยสีหน้าบึ้งตึงแล้วหันไปลากสองลูกชายที่ไม่เต็มใจจะลงจากรถให้ก้าวตามผู้เป็นพ่อ มุ่งหน้าตรงเข้าหาคนที่มายืนรออยู่หน้าวิหารใหญ่แล้ว

    ชายชราชาวต่างชาติและหญิงชราท่าทางเป็นอาม่าแก่ๆ ยังไม่ทำให้พรายแก้วเพ่งความสนใจได้มากเท่ากับพระสงฆ์ที่ยืนสงบและทำเหมือนกำลังหยุดจากการกวาดลานวัดแล้วเหลือบมามองด้วยรอยยิ้มปรานี

    แต่กลับทำให้ฝีเท้าเก้ากระแทกส้นอย่างใส่อารมณ์ของนายอำเภอต้องชะงักไป

    อย่างตระหนกตกใจ

     

       เจริญพร คุณนายอำเภอ พรายแก้วมีความรู้สึกว่าคุ้นหน้าคุ้นตาองค์สาวกศาสดาตรงหน้า

    อยู่ แต่เขากลับนึกไม่ออกว่าเคยเจอพระตรงหน้าจากที่ไหนมา

    พระคุณเจ้า นมัสการครับ พระคุณเจ้าใช่มั้ยที่เป็นคนพูดสายกับผม

                เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ยิ้มอ่อนโยน

    ศาสนานะโยม ถ้าไม่เต็มใจจะสักการะ ไม่ใส่ใจจะบูชา โยมก็อย่าใช้จิตใจที่ไม่เต็มใจ

    นั้นมาเก้าล่วงพระพุทธองค์ดีกว่า พระญาณิลทะโล  วิริยะปัญโญพูดทักทายกับข้าราชการใหญ่ตรงหน้าด้วยอาการนิ่งสงบทั้งน้ำเสียงและแววตา

     

    นายอำเภอใหญ่กัดฟันกรอด แล้วไม่พูดอ้อมค้อม

    ผมไม่อ้อมค้อมนะครับหลวงพ่อ

    ที่ผมมาวันนี้ ก็เพราะเรื่องลูกชาย!”

    ที่ลูกชายโยม พาพวกนักเลงโรงเรียนประถมมาทำร้ายนักเรียนอนุบาลของอาตมานะหรือ? น้ำเสียงนิ่มๆ และแววตาคมกริบที่เรียบเฉยของพระคุณเจ้าทำให้นายอำเภอใหญ่หน้าบึ้งตึง

    ยิ่งกว่าเก่า

    ยังไงผมก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ถึงลูกชายผมจะเป็นคนผิดในครั้งนี้

    แต่หลวงพ่อจะมั่นใจได้ไง ว่าครั้งก่อนๆ ไอ้เด็กอนุบาลมันจะไม่ได้มาหาเรื่องลูกชายผมก่อน!”

                เจ้าอาวาสวัดป่ามองข้าราชการตรงหน้าด้วยแววตาปลง

    จริงๆ อาตมาว่าคุยกับลูกชายของโยมทั้งสองคนเข้าใจแล้วนะท่านนายอำเภอ

    แต่กลับเป็นโยมเสียอีกที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวาย

    โยมลองคิดเอาแล้วกันนะ เด็กประถมอย่างลูกชายโยมยังพูดคุยกันรู้เรื่อง แต่โยมเป็นข้าราชการท้องถิ่นตำแหน่งใหญ่โต

    กลับดื้อด้าน แถมยังไม่ยอมเข้าใจอะไร

                นายอำเภอพรายแก้วโกรธจนหน้าตาแดงก่ำ สองมือของชายร่างท้วมกำแน่น

    จนกระดูกนิ้วลั่นกรอบแกรบ

    พระพรรษากลางคนมองอาการบันดาลโทษะด้วยความนิ่งสงบ

    ก่อนนายอำเภอจะได้พูดอะไรต่อก็รู้สึกเหมือนใต้เท้าสั่นสะท้านขึ้นมาพร้อมทิวทัศน์รอบข้างที่สะเทือนครืน

    จนร่างของนายอำเภอ พร้อมลูกชายซุดลงไปกลิ้งบนพื้น

     

    แผ่นดินไหว....เกิดแผ่นดินไหว!”

                 มีเพียงอาจารย์ทั้งสามของโรงเรียนอนุบาลวัดป่าปัญญาธรรมเท่านั้นที่ไม่ล้มลง

    เศษผงคลีและใบไม้แห้งที่ปลิวว่อนร่วงหล่นลงบนพื้นเผยให้เห็นสภาพของวัดที่เสมือนไม่เคยมีอาการแผ่นดินไหวเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้

    มะ....มัน มัน เกิดอะไรขึ้น? สภาพทุลักทุเลของนายอำเภอที่ฟุบหมอบลงกับพื้น

    ไม่ทำให้แววตาสามคู่ของอาจารย์ทั้งสามของโรงเรียนอนุบาลสนใจได้เท่ากับเสียงครืนสนั่น!

    ที่อุบัติขึ้นหลังกุฏิของเจ้าอาวาส

     

     

     

     

                เมื่อกระแสน้ำท่วมทะลักขึ้นในบ่อน้ำแห้งขอดเพียงไม่ถึงยี่สิบเมตรด้วยอัตราเร็ว

    ที่มวลน้ำมหาศาลไหลบ่าเข้าสู่บ่อและท่วมร่างของคารามายและชาที่กำลังถูกเพื่อนๆ ดึงขึ้นสู่เบื้องบนอย่างเอาเป็นเอาตาย

    มายยยย!” ส้มป่อยซีม่าและเพื่อนต่างร้องเรียกไม่ต่างจากกาแฟและนมสดที่ร้องเรียกชา

    เสียงดังลั่น

    ทว่ากระแสน้ำที่ท่วมท้นแทนที่บ่อซึ่งเคยว่างเปล่าก่อนหน้านี้ไม่ปรานีต่อทุกชีวิต

    ธงขาวลอยกระเด็นขึ้นสู่ฟากฟ้า พร้อมตกลงมาข้างบ่อ

    เพื่อนๆ ต่างร่วมแรงร่วมใจดึงรั้งสองร่างของเด็กน้อยวัยห้าขวบที่เพียงพริบตาเดียว

    น้ำก็ท่วมทะลักทั้งสองจนมองไม่เห็นด้วยตา

    แต่น้ำหนักบนเชือกก็ทำให้พวกเขาออกแรงดึงกันอย่างสุดความสามารถ

    พวกเราออกแรงหน่อย ฉันกลัวจะมีน้ำวน!” หมาหล้าร้องตะโกนไม่ทันจบคำ

    เสมือนกระแสน้ำตอบรับต่อคำเรียกร้อง สายน้ำที่พุ่งทะยานสู่ท้องนภาเหนือยอดลำไยหมุนวนก่อเกิดแรงดูดรั้งมหาศาลอันรุนแรงพุ่งทะยานฉุดกระชากเด็กๆ ที่ถือเชือกอยู่ให้ปลิวละลิ่ว

    พุ่งทะยานเข้าสู่ศูนย์กลางของแรงดึงดูดอย่างไม่มีทางหลบเลี่ยง

    เสียงกรีดร้องของเด็กน้อยทั้งสิบเก้าคนที่อยู่เหนือบ่อร้องโหยหวนเมื่อร่างของพวกเขากำลังจมดิ่งลงสู่ผิวน้ำที่กลืนพวกเขาลงสู่ใต้ห้วงวารีที่หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง

     

                ในชั่วเสี้ยววินาทีที่ชาและคารามายรู้ว่าพวกเขากำลังถูกน้ำท่วมทะลักใส่

    เด็กชายก็พุ่งเข้าโอบกอดเด็กหญิงไว้อย่างรวดเร็ว

    คารามายจากตื่นตระหนกก็ผวาเข้ากอดร่างของที่พึ่งสุดท้ายไว้แน่นจนทั้งสองแทบไม่รู้สึก

    ถึงความหนาวเย็นของสายน้ำรอบตัวอีก

     

                เชือกซึ่งผูกกับต้นลำไยขาดผึงออกจากกันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

    ธงสามผืนที่พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า ถูกกระแสน้ำสาดกระเซ็นเข้าใส่จนลอยละลิ่วปลิวไป

    แสงตะวันสีแดงเพลิงราวกับลูกไฟยักษ์กลางฟากฟ้าย้อมสีเลือด เปล่งประกายลุกโชติช่วง

    ดั่งภาพนี้จะคงอยู่ตลอดกาล

    ทว่าพอสายลมเริ่มพลิ้วพัด ผืนธงที่ร่วงลงสู่พื้นทั้งสามผืนก็ก่อเกิดสิ่งมหัศจรรย์พันลึก

    จนใครได้เห็นอาจไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

    บนริ้วธงขาวสะบัดไหวค่อยๆ เรื่อเรืองแสงสว่างขึ้นจางๆ

    พร้อมกับร่างอาจารย์ทั้งสามที่ปรากฏตัวขึ้นบนผืนธงราวกับผีหลอก

    แต่ความเป็นจริงแล้วผืนผ้าสีขาวสว่างนั้น กลับกลายเป็นคล้ายแท่นอาสนให้ทั้งสามร่างนั่งลง

    พร้อมกับรัศมีเรืองรองสามสีที่ลุกสว่างเข้าท่วมร่างของสามอาจารย์แห่งโรงเรียนวัดป่า

    ปัญญาธรรม สว่างเรืองรอง

    เริ่มจากสีทองสว่างไสว

    สีขาวเจิตจ้าจากร่างของคุณครูเจ๊ติ๋มและสีน้ำเงินอมชมพูจากร่างของมาสเตอร์แซนตาคอส

    เป็นลำดับสุดท้าย

    ในชั่วขณะลมหายใจร่างของคนมากมายก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังของทั้งสามอาจารย์

    ที่โอบล้อมบ่อน้ำปริศนาให้หันหน้าเข้าหากันเป็นสามเส้า

    เริ่มจากกลุ่มคนที่ปรากฏไอหมอกสีดำฑมินโอบล้อมรอบตัวอย่างเข้มข้น

    ความรู้สึกน่าสะอิดสะเอียนที่แผ่ล้อมรอบพวกเขาทำให้เบื้องหลังมาสเตอร์แซนตาคอสกลับกลายเป็นสีดำทะมึนไป

    ทั้งแผ่นผืนฟ้า

    ติดตามมาด้วยกลุ่มคนในอาพรสีขาวพิสุทธิ์เจิตจ้านับไม่ถ้วนที่กระจายล้อมอยู่เบื้องหลังของหญิงชราเชื้อสายจีน

    และสุดท้ายเป็นเงาจางๆ สุดคณานับของผู้ทรงศีลที่ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นรอบรัศมีทองอำพัน

    ของเจ้าอาวาสวัดป่าอย่างเลือนรางทว่าแสงจรัสสีเปล่งประกายเรืองรองกลับให้ความรู้สึก

    สุขสงบ

     

                บ่อน้ำที่หยุดเคลื่อนไหวค่อยๆ สั่นกระเพื่อม ก่อนจะส่งร่างไร้สติของเด็กๆ ทั้งยี่สิบเอ็ดคนลอยขึ้นสู่ปากบ่อที่ค่อยๆ พังทลายลงกลายเป็นพื้นที่วงกลมสีใสบริสุทธิ์ไร้ซึ่งละอองฝุ่น

    แม้เพียงเม็ดธุลี ใสสว่างราวสะท้อนทุกอย่างให้ออกมาจากแผ่นกระจกใสรูปวงกลมนั้น

    ฉับพลัน วงกลมก็เริ่มปริร้าวพร้อมสายน้ำพุเล็กๆ ที่พุ่งฉีดขึ้นสูงแล้วย้อยตกลงมาพร่างพรม

    เข้าใส่ร่างของเด็กน้อย บางสายน้ำเมื่อพุ่งสาดสู่ท้องฟ้าจะรู้สึกถึงคลื่นความร้อนที่แผ่กระจาย ทว่าบางสายกลับรู้สึกถึงความหนาวเย็นเสียดกระดูกที่ตกต้องร่างของเด็กน้อยทั้งยี่สิบคน

    แล้วสาดกระเซ็นเข้าใส่กลุ่มคนที่สงบนิ่งท่ามกลางไอน้ำที่ลอยว่อนสาดใส่พวกเขา

     

                นับตั้งแต่อดีตกาลนานเนิ่นมา เหล่าเราทั้งสามฝ่าย ต่างเข้าห้ำหั่นกัน

    ตลอดห้วงประวัติศาตร์ที่ไม่เคยถูกบันทึกไว้ในหนังสือเล่มใดบนโลกใบนี้

    แต่เป็นสิ่งแน่นอน ที่พวกเรานั้น รู้และตระหนัก ว่ามีพวกเรา อาศัย ดำรงเผ่าพันธุ์ และหลบหลีกจากสังคมของสิ่งมีชีวิต

    ที่นับวัน จะขยายกว้างใหญ่ขึ้น

    พวกเรา จึงไม่อาจ ที่จะอยู่นิ่งและปล่อยให้ภาพหน้าประวัติศาสตร์อันโชกเลือดนั้นถืออุบัติขึ้น

    อีกครั้ง

    ในปัจจุบันและในอนาคต

    เหล่าเราทั้งสามฝ่าย จึงพร้อมใจ ที่จะกระทำพันธสัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเบื้องหลังฉบับนี้

     

    โดยมีเด็กน้อยทั้งยี่สิบเอ็ดชีวิตนี้ เป็นพยานว่า พันธสัญญาฉบับนี้ จะคงอยู่ นับตั้งแต่เวลานี้ตราบนิตย์นิรันดร์

                น้ำเสียงอ่อนทุ้มจากเจ้าอาวาสวัดป่าปัญญาธรรมที่ประนมมือขึ้นสรรเสริญพระพุทธคุณพร้อมกับบทสวดมนตร์ที่ค่อยๆ ถูกเปล่งจากริมฝีปากที่ขยับขะเยื่อนเคลื่อนไหวด้วยท่วงทำนองอันนุ่มนวล สงบและกลั่นเป็นละอองฝนสีทองโปรยปรายลงชโลมย้อมทั้งกระจกใส

    ให้เปล่งเลื่อมลายสีทองกระจ่างจ้าด้วยรัศมีธรรมที่ลุกโชน

     

                สัญลักษณ์หยินหยางที่ลอยเด่นเหนือศรีษะหญิงชราเชื้อสายจีน

    พร้อมสัญลักษณ์แห่งธรรมชาติและจักรวาลในรูปของงูกลืนหางสีขาวนวลเปล่งประกายสว่างจ้า สดใสจากคนที่ปรากฏตัวขึ้นในลักษณ์ของสายลมสีขาวอ่อนๆ โชยพริ้วเข้าหอบร่างของเด็กน้อยทั้งยี่สิบเอ็ดคนที่หลับไหลไร้สติให้ล่องลอยขึ้นอาบไอฝนสีทองสว่างไสว

    แล้วจึงค่อยๆ ร่วงหล่นแล้วจมดิ่งลงสู่แผ่นกระจกที่กลายเป็นสีดำมืดถูกขีดแต้มด้วยสีแดงฉานราวจะหยดออกมาเป็นสายโลหิต

    เปลวเพลิงสีดำลุกไหม้เผาผลาญร่างของยี่สิบเอ็ดเด็กน้อยจนแหลกสลายลงในหลุมบ่อ

    ที่เปรียบประดุจขุมนรกอเวจี เสียงพึมพำสวดมนตร์ด้วยความกราดเกรี้ยว

    เปลวเพลิงแห่งกิเลสตัญหาแผดผลาญด้วยสีดำฑมินอันบ้าคลั่งหลอมละลายสลายร่าง

    ดวงจิตและดวงวิญญาณของเด็กน้อยที่ไร้ทางสู้จนอณูทุกสิ่งอย่างสูญสลายหายไปจากโลก

    เพลิงสีดำมืดหม่นชวนขนลุกและลายเส้นสีชาดปานจะกลั่นหยดหยาดหลอมรวมกับบารมีสีทองกระจ่างใสเจิตจ้าแล้วพลิกเข้าล้อมหลอมรวมเป็นเนื้อหนึ่งเดียวกันของรัศมีพลังธรรมชาติ

    และจักรวาลทั้งปวง

    ทั้งสามขั้วกลายเป็นลูกบอลกลมที่ค่อยๆ เบ่งบานออกดั่งดอกบัวกระจายกลีบ

    ทั้งงดงามทรงพลังและทรงอันตราย

    ร่างของทั้งยี่สิบเอ็ดคนเกิดประกายสัญลักษณ์ของพลังสามขั้วที่แตกต่าง

    ทว่าในวันเวลานี้พวกเขายอมสงบศึกและสร้างพันธสัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเบื้องหลัง

    พันธสัญญาสันติภาพปัญญาธรรม.

     

     

     

    ………………..***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×