คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ธงขาวผืนสุดท้าย
Chapter9 ธงขาวผืนสุดท้าย
ที่ว่าการอำเภอ
เวลาเย็นมากแล้วท่านนายอำเภอต้องเคลียร์งานจนหัวหมุน
แม้นายอำเภออย่างพรายแก้ว บ้านสุพรรณ
จะไม่ใช่นายอำเภอที่เก่งกาจหรือมีผลงานเลิศเลอเพอร์เฟคอะไรในสายตาเบื้องสูง
แต่เขาก็ขยันขันแข็งทำงานในหน้าที่อย่างสุจริตมั่นคงเสมอ
เขาจะไม่ทุจริตหากไม่จำเป็น
ข้าราชการอย่างเขา รู้ตัวเองดีว่าโอกาสจะก้าวหน้านั้นคงยากลำบาก จึงหันไปทุ่มเทดูแลลูก
และครอบครัว ด้วยการส่งให้ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆ
หาติวเตอร์มีชื่อเสียงมาติวให้ตลอด จนข้างฝาบ้านมีปริญญาบัตรการันตีคุณภาพสมอง
ของลูกชายทั้งคู่
อย่างกุมารทองและกุมารดำ
ลูกทั้งสองของเขาเก่ง ฉลาดด้วยสิ่งที่เขาพยายามประเคนให้นี่เองทำให้ลูกผยองจนลืมตัว แต่ถ้าลูกไม่ได้ก่อเรื่องมาให้เขาต้องลำบากใจ เขาก็ไม่เคยคิดจะตำหนิ
ในทางกลับกันเขากลับคิดว่าบนเส้นทางลูกผู้ชายได้ลอง ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงบ้าง
นั่นแหละดี
แต่ในวันนี้ความอดทนของเขาหมดลง
เมื่อสองลูกชายวัยประถมเลิกโรงเรียนกลับมาบ้านพร้อมสภาพเละเทะยิ่งกว่าโดนหมารุมกัด
ทำให้เขาและภรรยาตระหนกตกใจเป็นที่สุด จนทราบเรื่องทั้งหมดจากลูกชายที่ไม่กล้าปิดบังแทบทุกเรื่องต่อเขาและภรรยา
ความโกรธแล่นขึ้นหน้าจนต่อสายตรงไปกระหน่ำวาจากราดเกรี้ยวและก้าวร้าวใส่คู่กรณีแม้ว่าสองลูกชายจะร้องห้ามเสียงหลง
“ไม่ได้ อย่างน้อยพ่อก็ต้องให้ไอ้เด็กอนุบาลพวกนั้นรู้ว่าพวกมันก็ผิดเหมือนกัน!”
ทั้งสองทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ไม่ไกลในขณะที่ปล่อยให้พ่อระดมด่าใส่
สมาร์ทโฟนที่ต่อสายตรงเข้าสู่วัดป่าปัญญาธรรม
“ไม่อย่างนั้นตำแหน่งนายอำเภอของโยมนะ ปลิว ไป แล้ว!”
นายอำเภอพรายแก้วตระหนกตกใจจนปล่อยสมาร์ทโฟนกระแทกโต๊ะทำงานเสียงดัง
ร่างเจ้าเนื้อของผู้ว่าการอำเภอสั่นเทิ้ม ไม่รู้ว่าโกรธหรือว่ากลัวกันแน่
“ทอง ดำ ขึ้นรถกับพ่อ ยังไงวันนี้เราก็ต้องทำอะไรบ้าง?” นายอำเภอกัดฟันกรอดแล้วลุกขึ้นยืนพรวดพราด
“พ่อครับ แต่พวกผมเป็นฝ่ายไปหาเรื่อง แถมยังรุมเด็กอนุบาลด้วย แค่นี้พอแล้วครับ”
พี่ชายคนโตอย่างกุมารทองบอกพ่อได้ดีกว่าน้องชายที่ยังกลัวไม่หายกลับกลุ่มเด็กที่ทำร้ายเขาและเพื่อนจนจะจำไปอีกนานแน่นอน
พรายแก้วหน้าแดงก่ำ เขาทั้งอับอายและขายหน้าที่ลูกชายพาเพื่อนไปกว่าหกสิบคน
กลับทำอะไรเด็กแค่ยี่สิบคนไม่ได้
“แต่ทำร้ายร่างกายและทะเลาะวิวาท ยังไงพ่อก็ยอมไม่ได้ ไป!”
นายอำเภอร้องบอกภรรยาให้อยู่บ้านก่อนจะลากลูกชายทั้งสองที่พยายามดื้อดึง
ก่อนนายอำเภอใหญ่จะบึ่งรถออกจากบ้านพักไปอย่างรวดเร็ว
…
เด็กน้อยในโรงเรียนอนุบาลวัดป่า มารุมล้อมอยู่รอบบ่อน้ำแห้งขอดหลังกุฏิพระอาจารย์แล้วพากันชะโงกหน้ามองเห็นธงขาวผืนสุดท้ายนอนแอ้งแม้งอยู่ในบ่อลึก
“นายคิดว่าไง?” กาแฟถามชาแล้วชูตะขอในมือให้ชาดู
“ไม่ได้คะ” คนตอบแทนที่จะเป็นชากลับกลายเป็นเปียโน สาวน้อยจากแก๊งนางฟ้าที่ชี้ให้ดูว่าตะขอของกาแฟแม้จะเกาะเกี่ยวทุกอย่างได้ก็จริงแต่ธงผืนสุดท้ายถูกผูกติดไว้กลางบ่อ
ด้วยเชือกหลายสิบเส้น
และแต่ละเส้น จากที่มองเห็นแล้วตรึงเปรี๊ยะ
“แล้วเธอจะปีนลงไปมั้ยล่ะคุณหนู?” กาแฟประชดเปียโนเข้าให้
จนเด็กหญิงหัวเราะแล้วชี้ไปทางกลุ่มของเหมือนฝันหมาหล้าส้มป่อยคารามายซาลาเปาติ่มซำขนมจีบที่สุมหัวรวมกันอยู่
“แล้วคนอื่นหายไปไหนแล้ว?” ชาถามคารามายที่มองส้มป่อยติ่มซำและขนมจีบ
ที่กำลังทดลองทำอะไรกันบางอย่าง
“ไปหาอุปกรณ์มั้ง เป็นไงพวกนายคิดออกมั้ยหละ?” คารามายผละจากส้มป่อยแล้วหันมาถามชา
“ถ้าคิดออกจะเดินกลับมามั้ยยาแก้คัน?” คารามายยกเท้าเตะเด็กชายชา จนเขาร้องลั่น
และรีบกระโดดหนี
“อย่าหาเรื่องนะยะ นี่ใคร!” ไม่วายชายังชูนิ้วล้อเลียนมาจากที่ไกลๆ จนคารามายกระทืบเท้า
“แต่พวกเราตัดเชือกไม่ได้นะ ไม่มีอะไรคมๆ เลย!” ประโยคที่ส้มป่อยขนมจีบ
และเด็กชายติ่มซำคุยกันทำให้คนที่กลูกัน
เข้ามามุงต้องขมวดคิ้ว
“จะใช้วิธีโรยตัวลงไปหรอ คอมมานโดมาก” บาบี้เอ่ยหลังจากกลับมาจากการเตรียมอุปกรณ์
ที่กลุ่มของซาลาเปาคิดจะลองทำดู
“ใช่ แต่ตอนนี้เกิดปัญหาใหญ่เลย พวกเราตัดเชือกไม่ได้” ขนมจีบบอกเพื่อนๆ
ที่กลับมารวมตัวกันแล้ว
“เอางี้สิเราก็โรยตัวกันลงไปหลายๆ คนไม่ได้หรอ เชือกก็ตั้งยาว” พนมเปญบอกเพื่อนๆ ที่มองหน้ากันแล้วพยักหน้ารับ
“แล้วใครจะลงบ้างหละ?”
พอเต่างอยถามจบมือแทบทุกมือก็รีบยกขึ้นทันที
จนเด็กหญิงบ่น
“ไม่น่าถาม
พวกเธอนี่ ก็คิดกันหน่อยสิ คนลงจะต้องแก้เชือกที่มัดได้นะคะ ต้องไม่กลัวสัตว์เลื้อยคลาน
หรือตัวอะไรที่มันชวนยี้อะ เพราะใต้บ่อน้ำมันก็น่าจะมีบ้าง”
พอประโยคอันยืดยาวของเต่างอยสิ้นสุดมือที่ยกก็หดลงแทบไม่ทัน
“กรรม!” ส้มป่อยบ่นแล้วหันไปจับมือคารามายให้ยกมือขึ้น จนเพื่อนรักอ้าปากค้างอยู่เป็นนาน
“ทะ...เธอทำกับฉันได้!!” ทุกคนหัวเราะเสียงดังกับสีหน้าจะร้องไห้ของคารามายตัวแสบ
“มายแก้เชือกได้ แล้วก็ไม่กลัวสัตว์เลื้อยคลานด้วย มั้ง!” ส้มป่อยพูดแล้วทำท่าลังเล
จนคารามายทำท่าลาตายให้เพื่อนๆ ได้ทำหน้าละเหี่ยใจ
“อีกสักคนได้มั้ย ลงข้างล่างคนเดียวคงเหงา?” ติ่มซำหาเพื่อนร่วมชะตากรรมกับคารามาย
ทุกคนได้แต่เหลียวมองหน้ากันไปมาอย่างไม่รู้ว่าจะหาใครไปเป็นคู่กัดชวนทะเลาะ
ไม่ให้ในบ่อน้ำเงียบเกินไป
จนสายตาทุกคนวนมาบรรจบที่เด็กชายชาที่ก้มหน้าทำท่าไม่รู้ไม่ชี้
“เด็กชายชา กรุณาเงยหน้าขึ้นมาพบสายตาของเหล่าเพื่อนๆ หน่อยได้ป่าว?” หมาหล้าแดกดันจนชาต้องเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนๆ แล้วจบลงที่คารามายที่หรี่ตามองเขาอยู่
“ฉันก็ได้ ลงไปกับยัยยาแก้คัน!”
คารามายทำตาเหลือก และเพื่อเป็นการไม่เสียเวลาทุกคนที่ต้องเอาใจช่วยและลงแรงช่วยต่างรีบทำงาน เพราะท้องนภาเริ่มลาจากแสงตะวันไปมากแล้ว
และพวกเขาจะต้องกลับบ้านกันก่อนห้าโมงเย็นของทุกๆ วัน
“เชื่อใจพวกเรานะ!” หมาหล้ายกนิ้วให้ทั้งสองที่ค่อยๆ ปีนลงไปในบ่อ ซึ่งข้อนข้างอับ ชื้น
และมืดทึบ อย่างระมัดระวัง ด้วยสายเชือกที่ผูกรอบเอวและบริเวณหัวไหล่ทำให้ทั้งสองลงไป นอกจากเพื่อนๆ จะช่วยรั้งและปล่อยสายเชือกให้ไปทีละเล็กทีละน้อยแล้วยังผูกเชือก
อ้อมต้นลำไยใหญ่กันเหนียว ว่าเพื่อนๆ พวกเขาจะเกิดสิ่งไม่คาดหมาย
“นี่ หนอนชาเขียว นายว่าใต้นี่จะมีอะไร?” คารามายถามอย่างหวาดๆ
เพราะทั้งสองเพิ่งเป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบทำให้จินตนาการเพลิดพริ้งไปถึงสัตว์ประหลาดมากมายจากการ์ตูนที่เคยดูมา
“คงมีโดเรม่อนอยู่มั้ง ถามได้!” ชาตอบเสียงเนือย จนคารามายร้องแหวใส่
เสียงของสองคู่กัดที่ดังแว่วขึ้นมาตลอดทำให้เพื่อนๆ ที่ช่วยกันรั้งเชือกเหงื่อโชกทั้งตัว
อดหัวเราะไม่ได้
สองคนนี้ถ้าสักวันหนึ่งต้องจากกันคงจะเงียบเหงาหน้าดู
“ส้มป่อย เหมือนฉันจะเห็นมีรถเข้ามาในวัดนะ” บาบี้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลเอียงคอหรี่ตามองไปหน้าวัดไกลลิบๆ
“เอ๋ พวกเราไม่มีใครมารับอยู่แล้วนี่หน่า แล้วใครมา?” ส้มป่อยทำหน้างงๆ
“ฉันไปดูให้มั้ย?” เหมือนฝันเสนอตัวทว่าเสียงใสๆ ของส้มป่อย ซาลาเปาขนมจีบและเปียโน
ก็ดับความหวังลงในพริบตา
“หยุดเลยย หน้าที่ของพวกเราคือนี่นะ” ทุกคนต่างพูดในทำนองเดียวกัน
จนเหมือนฝันส่ายหน้าเศร้าๆ
ภายในบ่อเมื่อชาและคารามายลงมาถึงพื้นแล้วก็พยายามสังเกตว่ามีตัวอะไรอยู่หรือไม่
“ไม่น่าจะมีอะไรแฮะ” ชาบอกแล้วคว้ามือคารามายที่กำลังจะแตะเชือกที่ผูกธงตรึงกางไว้
กลางบ่อ
“ใจเย็นๆ” น้ำเสียงจริงจังของชาทำให้คารามายผละมือจากเชือกที่คิดจะแตะ
เด็กชายขมวดคิ้วจนแทบชนกัน
“มีอะไรบอกได้ตรงๆ เลยนะ” คารามายก็ฉลาด เพียงแค่มองนิดเดียวก็รู้แล้วว่าบททดสอบ
ของพระอาจารย์จุดนี้ข้อนข้างรุนแรง
“ฉันคิดว่า บ่อนี้จริงๆ ไม่ได้น้ำแห้งลงโดยธรรมชาติหรอก แต่มันเป็นบ่อที่สามารถปล่อยน้ำเข้าออกได้ต่างหาก
เธอดูตรงสี่มุมเชือกนั่นสิ ถ้ามองดีๆ แล้ว มันคือหัวจุกก๊อกใช่มั้ย แล้วคราวนี้ถ้าเราหรือใครก็ตามบังเอิญกระชากมันอย่างแรง น้ำที่อยู่ในท่อส่งก็คงจะทะลักเข้ามาในนี้แน่นอน
ฉันคิดว่า คราวนี้พระอาจารย์ คงคิดจะให้พวกเราสอบจบเป็นนักเรียนอนุบาลแล้วหละยาแก้คัน”
คารามายมองชาอย่างตลึง เมื่อเธอลองสังเกตดีๆ ก็พบว่ามันเป็นจริงดั่งชาบอก
ทำให้ทั้งสองเริ่มทำงานแกะเชือกที่มัดแน่น
โดยก่อนหน้านี้ชาได้ส่งสัญญาณไปแล้วว่าในบ่อนี้มีความอันตรายสูง
ทำให้เพื่อนด้านบนต่างใจจดใจจ่ออย่างลุ้นระทึก
ทั้งๆ ที่คนด้านบนและด้านล่างไม่ได้คุยกันแต่พวกเขากลับรู้สึกได้ว่ากำลังเกิดสภาวะอารมณ์ตื่นเต้นและตึงเครียดขึ้นต่อทั้งสองฝ่าย
“นายแกะได้มั้ย?” คารามายและชาทำงานได้เร็วมาก เพียงพริบตาเดียว
ธงที่ถูกผูกไว้สี่มุมสี่ทิศก็หลุดร่วงออกจากเชือกที่ค่อยๆ ร่วงลงไปกองบนพื้น
ชาไม่ได้ตอบด้วยวาจา เขาเพียงมองตาเด็กหญิงด้วยรอยยิ้ม ภายใต้แสงสลัวของก้นบ่อน้ำ
คารามายจับธงไว้แล้วถามอย่างโล่งอก
“ถ้าฉันแกล้งทิ้งนายไว้ในนี้ล่ะ?” ชาขะยี่เส้นผมยุ่งเหยิงของเด็กหญิง
ก่อนเอ่ย
“ส่งสัญญาณให้เพื่อนๆ ดึงขึ้นไปเลย
ส่วน ถ้าเธอแกล้งฉันเหรอ ฉันก็จะแกล้งคืนไง แต่ฉันไม่ทิ้งเธอไว้ที่นี่หรอก”
คารามายมองชาด้วยรอยยิ้มก่อนที่คนทั้งข้างล่างและบนจะตื่นตกใจเมื่อด้ามธงหลุดจากเชือกสี่เส้นได้แล้ว ร่างทั้งสองค่อยๆ ลอยขึ้นสู่เบื้องบนจากการสาวกลับของเพื่อนๆ
เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อก๊อกทั้งสี่จุกดีดตัวออกพร้อมปล่อยมวลน้ำมหาศาลที่อัดแน่นสาดใส่ภายในบ่อเสียงดังครืน
เสียงสนั่นลั่นทุ่ง…..
…………………..***
ความคิดเห็น