ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สร้างฮาเร็มในต่างโลก 1

    ลำดับตอนที่ #10 : ศิษย์ข้าต้องเทพเกรียน

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 61



            บทที่ 10 ศิษย์ข้าต้องเทพเกรียน


     


     หลังจากกล่าวประโยคชวนถูกรุมฆ่าในการขอตัวพนักงานดีเด่นแห่ง world sky ออกไปแล้วท่านประธานซันก็ไม่พูดอะไรต่อเพียงปรายตาคมๆ สังเกตปฏิกิริยาต่อต้านของทุกคนด้วยรอยยิ้มมุมปาก


    เรื่องแรกเหมือนสั่งให้เราล้มละลายไปซ้ะ เรายังคงรับด้วยน้ำตาตกในจนใจแตกไปหลายรอบ แต่เราก็ยังพอกล้ำกลืนรับได้ เรื่องที่สองนี่เราต้องขอโทษจริงๆ ทางเราไม่สามารถให้น้ำค้างใสไปเป็นเอ่อ....เอ่อ..พนักงานแลกเปลี่ยนได้จริงๆ ฟ้าแลบ


    ผู้เป็นพ่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มแห้งๆ แม้ในใจจะเกรงใจคนตรงหน้าอยู่บ้างแต่ดีกรีอารมณ์หวงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนยังมากทะลุเพดานมากกว่า


    งั้นเรามาถามคุณหนูตัวน้อยดีกว่า....ว่าเธอจะยอมไปเป็นพนักงานแลกเปลี่ยนไหม? ท่านประธานซันเหมือนเคยผ่านตากับทุนการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศของแสงดาวที่เกลื่อนอยู่เต็มโซฟาที่บ้าน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเอาคำว่าแลกเปลี่ยนนั้นมาใช้กับบริษัทที่เป็นอริทางการค้าต่อกัน....จึงทำให้คนทั้งหมดอึ้งและสนเท่ยิ่งกว่าเดิม


    เพราะมันไม่เคยมีมาในอดีตและอนาคตไม่รู้ว่าจะมีรึเปล่า!


    หญิงสาวเหลือบดวงเนตรใสผ่านทุกใบหน้าบนโต๊ะที่กำลังทอแววคับแค้นจนเหลือจะกล่าว


    เอ่อ....คือ...หนู..... จนแล้วจนรอดหญิงสาวก็พูดมากกว่านี้ไม่ได้สักที


    คุณหนูตัวน้อยพูดตามฉันน้ะง่ายๆคือเอ่อ...หนูตกลงค่ะ จะไปเป็นพนักงานแลกเปลี่ยนสามปีให้บริษัท world haunt”


    ท่านประธานซันชื่นชมตัวเองอย่างพึงพอใจ เพราะสำนวนธุรกิจยากๆ เขาก็พอจำได้บ้าง


    สายตาอาฆาตของแต่ละคนบนโต๊ะรวมเป้าจ้องรอยยิ้มบานแฉ่งของชายชราที่ประกายตาระยิบระยับ


    ส่วนหญิงสาวเจ้าของสรรพนามแสนน่ารักก็หันจ้องหน้าประสานสายตากับคนข้างๆ ตาเขียว


    หนูขอคิดก่อน


    คำตอบของหญิงสาวที่สะเหมือนสมบัติวิเสทของบริษัททำให้ญาติผู้ใหญ่แต่ละคนแทบสะดุ้งตกเก้าอี้


    ท่านประธานสมโชคอ้าปากค้าง ตาเหลือกจ้องชายตรงหน้าด้วยความแค้นเคือง


    หนอย จำไว้ไอ้เลวข้าจะให้หลานขโมยข้อมูลของบริษัทแกให้หมด!” ยังไม่ทันที่น้ำค้างใสจะตอบตกลงไหมคุณลุงก็ขู่คู่อริด้วยแววตาโหดๆ จนยอดยุทธ์ซันได้แต่อมยิ้มหัวเราะ


    คราวนี้ก็หมดเรื่องของพวกคุณแล้ว ผมจำเป็นต้องคุยเป็นการส่วนตัวกับคุณหนูตัวน้อย ไม่รอปากอ้าค้างของใครหุบลงท่านประธานซันอุ้มคนตัวเล็กขึ้นในอ้อมแขนและเดินไปหามุมคุยเรื่องส่วนตัวระหว่างเขาและเธอ


    ชายหนุ่มพิงหลังลงกับเสาต้นใหญ่และก้มหน้าจนดวงตาของเขาที่เปลี่ยนกลับมาเป็นสีดั้งเดิมคือนิลสลับน้ำเงินฟ้าระยิบระยับประสานกับดวงตาใสที่จะเหมือนหลุดเข้ามาในโลกของดวงตาสีประหลาดของเขาไปแล้ว


    พนักงานและผู้บริหารแถวนั้นชะเง้อคอมามองและหูตั้งกระดิกเตรียมฟังบทสนทนาที่อาจจะทำให้พวกเขามีเรื่องเล่าเม้าสนุกไปอีกหลายวัน


    คุณหนูตัวน้อย ฉันจะไม่ถามว่าขาเธอไปเป็นอะไรมาหรอกน้ะ แต่เรื่องที่ฉันไปที่ตลาดห้ามเธอบอกใครเด็ดขาด


    ไม่งั้นฉันจะไม่รักษาขาเธอ


    แล้วเรื่องที่เห็นฉันบินได้ก็ห้ามบอกใครไม่งั้นฉันจะจับเธอทำเมียซ้ะ!” คำขู่ของชายโสดหลายทศวรรษทำให้หญิงสาววัยย่างยี่สิบในวงแขนสะดุ้งโหยงจนใบหน้าเนียนอมชมพูนั้นซีดเผือดลงชั่ววูบหนึ่ง


    ท่านประธานซันหัวเราะขันใบหน้าของหญิงสาวที่ดวงเนตรใสเปลี่ยนเป็นเขียวอย่างขุ่นเคือง


    ฉันจะไม่ถามหรอกน้ะว่าคุณเป็นใคร แล้วก็รู้ไว้ด้วยฉันไม่สนใจเรื่องของคุณ ริมฝีปากเล็กๆ น่าจูบเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสขึ้นจมูกดวงตาขุ่นเขียวของคนในตาหวานทำให้ชายหนุ่มคลี่ยิ้มขบขัน


    สักวัน...ฉันจะบอกเธอเองคุณหนูตัวน้อย!” รอยยิ้มมุมปากชวนหมั่นใส้ของคนที่อุ้มเธอไม่เบื่อทำให้น้ำค้างใสเม้มปากชมพูอิ่มด้วยท่าทางขัดเขิน


    จริงสิ แล้วอีกเรื่องละสำคัญมาก จู่ๆ ท่านประธานซันก็นึกอะไรขึ้นได้ ดวงตาคู่สวยประหลาดจึงทอแววตกใจ จนทำเอาอีกคนต้องจดจ้องชายร่างสูงที่ทำหน้าตลกแบบนั้นแล้วเหมือนคนแก่หน้ายุ่ง


    อะไรค้ะ? น้ำค้างใสเผลอพูดด้วยความตกใจตามชายเจ้าของวงแขนกว้างๆ อย่างตกอกตกใจไปด้วย


    คุณหนูตัวน้อย เรื่องที่ฉันขอเธอแต่งงานไง~~~~~”


    โลกของใครหลายคนกลายเป็นขาวโพลนไปชั่วขณะ แล้วก็เป็นใบหน้าใสที่ทอประกายเลือดฝาดระเรื่อ.....จนดวงหน้ารูปไข่งดงามที่สุดต้องเบือนไปจ้องทางอื่น


    เจ้าของคำพูดชวนช็อคก็แอบปรายตาจ้องหลังเสาที่มีคนอย่างน้อยสามคนน้ำลายฟูมปากช็อคยิ่งกว่าคนในวงแขนไปไม่รู้กี่เท่า


    ………….


    แกรีบใสหัวปายยย!!!”


    เป็นประโยคโหยหวนพร้อมน้ำตาที่ไหลซึมของท่านประธานสมโชค~



    เวลาห้าโมงเย็นตรงเป๊ะๆ ไม่มีขาดมีเกินแก๊งเกรียนต่างมานั่งหน้าสลอนซดน้ำเต้าหู้รอคนนัดบนหลังของแต่ละคนแบกกระบอกฉีดน้ำของปืนที่กำลังโด่งดังเป็นพรุแตกครบทุกคน


    รอเพียงไม่นาน ร่างของคนที่นัดพวกเขาไว้ก็ปรากฏตัวในชุดสุดแนว


    หมวกแก๊บสีขาวผ้าพันคอสีเขียวเสื้อสีม่วงแจ๊ดกางเกงขาสั้นสีเหลืองอ๋อยและรองเท้าแตะสีชมพูข้างซ้ายและขวาสีส้ม


     ทำเอาแต่ละคนสูดปากและร้องฮือด้วยความตลึง


    คืนนี้ป่าตองหรือบางแสนดีลูกเพ่!”


    ไอ้หนุ่มมอร์เตอร์ไซต์ซดน้ำเต้าหู้เสียงดังพลวดแล้วทักทายชายชราที่รีบปลี่เข้ามาฟาดกระบานของเจ้าลูกสมุนหลายคนที่รีบเผ่นหายจากหม้อน้ำเต้าหู้อย่างด่วนจี๋


    เฮ้ยๆ แก๊งเกรียนอะไรว้ะทำไมไม่สั่งน้ำเต้าหู้ตำหรับจักรพรรดิมากิน ร้านแค่นี้มีจ่าย หัวเราะร่าพร้อมตบกระเป๋าทำเอาลูกน้องหลายคนน้ำลายไหลเยิ้ม


    โห่ปู่ มีเงินกินไปวันๆ ก็บุญแล้ว เจ้าหนุ่มมอเตอร์ไซต์บ่นแต่ก็ยังยกมือตะโกนบอกเจ้าของร้านที่ทำหน้าที่ตั้งแต่สากกะเบือยันต้มน้ำเต้าหู้


    เฮีย ตำหรับจักรพรรดิจัดมาหนึ่งหม้อ ชายชราหัวเราะแล้วเดินมาตบไหล่ป๊าบๆ ด้วยความพึงพอใจ แต่ทำเอาคนโดนตบถึงกับซุดลงไปนอนบนพื้นพร้อมเก้าอี้เหล็กที่หลุดออกเป็นเศษเล็กเศษน้อยด้วยความง่ายดาย


    อ้าว โทษทีเผลออีกแล้วหวะฮ้ะๆ!” ชายวัยรุ่นหลายสิบคนต่างรีบเผ่นออกไปยืนห่างชายชราด้วยแววตาหวาดผวา


    ไอหยา เอาอีกเลี้ยวพวกลื้อทำล้านอั๊วพังอีกเลี้ยว ชายหนุ่มเชื้อสายจีนเผ่นจากหม้อน้ำเต้าหู้แล้วโวยวายลั่น ส่วนในมือควงปังตอมาด้วย ชายวัยรุ่นต่างเตรียมเผ่น แต่เมื่อเห็นชายชราที่ตบกระบานพวกเขาเรียงตัวก่อนจากกันยังคงหัวเราะฮ่าๆ เหมือนคนบ้าเสียสติ ไม่รู้ขวัญกำลังใจมาจากไหนทำให้พวกเขายังคงปักหลักไม่เผ่นไปไหน


    เฮ้ยแป๊ะ ลื้ออยากเจ๊งเหรอ? ชายชราเลิกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นแขนแห้งเหี่ยว จนทำอาแป๊ะหัวเราะเยาะเสียงดัง


    เดี๋ยวลื้อจะไล่รู้ว่าอั๊วมีฝีมือปังตอกรีดฟ้า!” ชายวัยรุ่นต่างอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินฉายาของเจ้าของร้านเต้าหู้ผู้ประกาดตัวว่าเป็นปังตอกรีดฟ้า


    ฮ่าๆ กลับบ้านไปหั่นผักให้เมียเถอะแป๊ะฮ่าๆ อาแป๊ะกระโดดเข้าหาพร้อมกวัดแกว่งปังตอสะสมแรงทั้งหมดสับลงหา


    ชายชราเสื้อม่วงที่ยกตะเกียบบนโต๊ะขึ้นแทงสวนออกไป


    ตูม!”


    เสียงระเบิดของกำลังลมปราณสองขุมที่ปะทะกันจนส่งมรสุมพลังลมอัดเหล่าว่าที่ศิษย์จนล้มลงนอนระเนระนาดบนพื้นด้วยปากที่อ้าค้างและเสียงฮือกระหึ่ม


    ชายชราเสื้อม่วงแหงนหน้าขึ้นหัวเราะลั่นจนดวงตาคู่คมเปร่งประกายลึกลับ อาแป๊ะที่สัมผัสได้ถึงความร้ายกาดของคนตรงหน้าทำเพียงอมยิ้มเล็กน้อย


    ไอ้หนูทั้งหลาย พวกแกอยากเป็นแบบข้ากับท่านปรมาจารย์ไหม? เกิดความเงียบขึ้นวูบหนึ่งก่อนเสียงโห่ร้องฮือฮา


    จะดังลั่นร้านจนมีเสียงด่าทอจากร้านรวงใกล้เคียงดังมาพร้อมข้าวของหลายอย่างที่บินหวือเข้าหาร้านแต่เพียงอาแป๊ะ


    ดีดนิ้วตะเกียบหลายสิบคู่ก็พุ่งทะยานออกไปกระแทกกับของที่ลอยหวืดมาจนระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


    โห่แป๊ะ เทพขนาดนี้ทำไมไม่บอกกันบ้าง อาแป๊ะหันไปแสยะยิ้มให้เจ้าของคำพูดโอดครวญของหนึ่งในชายวัยรุ่นที่


    ส่วนใหญ่เป็นพลเมืองชั้นสองจนดวงตาคมของอาแป๊ะต้องหรี่แสงลงหม่นหมองวูบหนึ่ง


    อั๊วต้องมีลีบ้าง ไม่งั้นจาทำมาหากินอาไร!” อาแป๊ะเดินกลับไปหน้าหม้อน้ำเต้าหู้อีกครั้ง ทิ้งให้พวกเขาเหลือบมองชายชรา


    ที่ยกยิ้มเบาๆ


    มาๆ เข้าแถวๆ แนะนำตัวกันหน่อย ท่านประธานซันที่แอบโดดกลับไปเปลี่ยนชุดมาโบกมือให้เด็กๆ มาเรียงแถว แต่


    แววตาลึกซึ้งก็ยังมองตามหลังอาแป๊ะไปอย่างคลุ่นคิด


    ยอดคน!


    เมื่อลาก พยุงและคลานมาเข้าแถวกันได้หัวหน้าแก๊งเกรียนคนปัจจุบันไอ้หนุ่มมอเตอร์ไซต์ก็เริ่มแนะนำตัวเป็นคนแรก


    ผม เทพซุส ฉุดสาวตลอดซอย!” พร้อมเสยผมเท่ๆ


    จนชายชราส่ายหัว


    ผมดอน นอนไม่เลือกที่!” ชายวัยรุ่นคนที่สองคือคนที่จะแย่งเงินจากเด็กสาวขายดอกไม้เมื่อเช้านั่นเอง แววตาเขายังคงทอแววพรั่งพลึง


    ผมเฮส เด็ดถ้าตำส้ม!” พร้อมทำท่าควงสากขยับขึ้นลง


    ผมเดท เยสถ้าใช่เลย!” พร้อมสอดนิ้วชี้ลงในรูกำปั้นแล้วขยับยึกยัก


    ผมมาร์คซัคคามอย!” พร้อมทำท่าพรมนิ้วลงบนแป้นคีบอร์ดแต่เหมือนจะจิ้มนิ้วลงบนบางอย่างเสียมากกว่า


    ผมโล่ โง่ที่สุดในสามโลก!” พร้อมเอาหัวกระแทกขอบโต๊ะดังโป๊กๆ


    หนู....ไอศกรีมแท่งใกล้บูด ปู้นๆ อยู่ทุกวัน!” เพื่อนหนุ่มแตกฮือเมื่อเข้าใกล้รัศมีความบึกบึน แม้แต่ท่านประธานซันยังต้องกลืนน้ำลายฝืดๆ


    ผม ไอ้แมงมุมขยุ่มหลังลาย ให้ต๊ายให้ตายก็ไม่เอาเธอ!” พร้อมเดินสะบัดตูดฟาดตู้มใส่ไอศกรีมแท่งสใกล้บูดจนคนรูปร่างหมียักษ์ล้มกระแทกพื้นดังลั่งตึง


    ผม โคนัน แม่ให้ไปถอนฟันมานานแล้ว!” พร้อมยิ้มร่าโชฟันสีเขียวใส


    ผมขุนทอง ไม่เคยทำใครท้องจริ้งๆ น้ะ!” ท่านประธานซันสะดุ้งโหยงเมื่อกิตติศัพท์ลูกศิษย์แต่ละคนชั้นเทพทั้งนั้น


    ผม หลวงพ่อโกย วัดหน้าตั้ง ชนของพังมาไม่น้อย!” เด็กหนุ่มเต้นยักไหล่ยึกยักและยิ้มเผล่


    ผมสีซอ แม่ร้องมอๆ ยังไม่ฟัง!” พร้อมทำท่าชักซอจนท่านประธานซันทำหน้าตึงเครียด


    ผม ทรพี พ่อบอกคนดีที่สุดเลยลูก!” พร้อมหมุนตัวโชว์เสื้อลูกดีเด่น


    ผม สมชาย ให้ต๊ายให้ตายขอเป็นสมหญิง!” พร้อมทำท่าน่าระแวง


    ผมเซเว่นตอนตีสี่ ตอนนี้กำลังว่างเลย!” พร้อมโชว์ตรา 7 11


    ผม สุนทรพนม จากความเกลียวกลมของจาพนมและสุนทรภู่!” ยืนนิ่งๆ และกางแขนออกกว้างพร้อมทำท่าตีลังกาและเป่าปี่….


    หนู เจ้าแม่นาคี มีแต่หมีขาวขั้วโลกใต้!” พลึบ


    สายตาของชายวัยรุ่นทั้งสิบหกคนหันขวับมาจ้องสมาชิกคนที่สิบเจ็ดที่หมุนตัวจนกระโปรงนักเรียนบานละล่องเหมือนที่เธอพูดฉายาจริงๆ


    ยัยเด็กขายดอกไม้!!” เจ้าเทพซุสชี้หน้าแล้วเต้นผาง


    หนอยแน่ กล้ามาล้อชื่อแม่ฉันเหรอ!” มีเพียงแลบลิ้นปลิ้นตาให้ก่อนจะวิ่งไปหลบหลังคุณปู่ที่ได้แต่กะพริบตาอึ้งๆ


    หลังจากแนะนำตัวกันจบเรียบร้อยท่านประธานซันก็เริ่มเปิดโรงงานนรกให้เหล่าลูกศิษย์เกรียนๆ เหล่านี้ได้เข้าสู่ห้วงปรับพื้นฐานลมปราณและสื่อสัมพันธุ์แห่งจิตใจ


    บนโต๊ะของร้านน้ำเต้าหู้ข้างทางที่ขึ้นป้ายว่าปิดบริการ


    ภายในเหล่าศิษย์แต่ละคนกำลังนั่งขัดสมาธิและถูกส่งจิตวิญญาณเข้าสู่ขุมพลังลมปราณขั้นวิญญาณของยอดยุทธ์


    ซันกุ้ยเซียนเรียบร้อยแล้ว


    ใช้เวลาอยู่ที่นี่อีกสักสองถึงสามชั่วโมงการปรับพื้นฐานพลังลมปราณน่าจะเสร็จสมบูรณ์ แล้วเวลานั้นจะได้เห็นพลังสมาธิของแต่ละบุคคล


    ศิษย์ของข้า พวกเจ้าต้องเป็นเทพเกรียนให้ได้ แม้แต่ซันกุ้ยเซียนก็ไม่รู้หรอกว่า เหล่าลูกศิษย์ของเขาชุดแรกนี้ จะทำให้ชายหนุ่มอ้าปากค้างและเกิดอาการเอ๋อไปอีกหลายวัน


     


    เสริมบท


    อาแป๊ะ: โฮ่ๆ จิบน้ำเต้าหู้ชมดูศิษย์ท่านฝึกฝีมือเป็นอย่างไร?


    ท่านประธานซัน: ปกติมันใช้สุราไม่ใช่เรอะ!


     


    โปรดติดตามตอนต่อไป บทที่ 11 อาจารย์ไม่มีอะไรจะสอนหวะ~


     


     


     


    ……………………….***


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×