คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ ฟาร์มธัญกาล
หลังจบโปรเจ็คละครฟอร์มยักษ์แห่งปีของผู้กำกับแถวหน้าของเมืองไทยอย่างคุณมีฤทธิ์ ทวี
เมื่อฉากจบสุดอลังการได้ทำทั้งพนักงานฟาร์มและทางกองถ่ายร้องไห้น้ำตาไหลพราก
เพราะตากำนันเล่นหักดิบจบละครด้วยอำมหิตสุดท้ายพระเอกและนางเอกต่างตายตอนจบพร้อมกับผู้ร้ายทั้งหมด
พร้อมข้อความที่ลอยขึ้นเสียเด่นหราให้ติดตามภาคสองต่อไปทำเอาผู้ชมติดกองถ่ายร้องโหยหวน
เพราะหนังฟอร์มยักษ์ที่ใช้งบประมาณกว่าสามสิบล้านนี้ได้ขึ้นเทียบแท่นหนังดีประจำทศวรรษจนตั๋วค่าเข้าชมในโรงภาพยนตร์แพงลิ่ว
แม้จะแพงเพียงใด แต่มันก็คุ้มสำหรับคอภาพยนตร์ไทยที่ผลิตเองเล่นเองและกำกับเองโดยชาวไทยทั้งหมดอย่างเรื่อง
รักสิ้นฟ้าดินสลาย
กลางทุ่งหญ้าหลวงของฟาร์มอันดับหนึ่งของภาคเหนือ
ค่ำคืนที่ผืนผ้าใบกว้างถูกอวกาศแต้มดวงดาวดวงเล็กๆ
นับล้านทอแสงวิบวาวพราวประกายตัดกับกองไฟนับพันที่ถูกก่อขึ้นเพื่องานฉลองประจำปี
บวกงานเลี้ยงปิดกล้องภาพยนตร์ที่ถูกจับตามองจากวงการบันเทิงทั่วเอเชีย
การประสบความสำเร็จอันงดงามของค่ายละครของตามีฤทธิ์ที่หัวเราะร่าราวกับคนบ้าและเดินวนไปชนแก้วเครื่องดื่ม
ที่ทำจากผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมกับคนนับพันทั่วงาน
“ตากำนัน!”
เสียงร้องเรียกของชายในเสื้อยืดสกรีนตราฟาร์มลวดลายสีครีมสดใสและกางเกงกีฬาสีแดงสะท้อนแสงไฟสีส้มทอง
ในกองใหญ่ ทำให้ตากำนันที่แต่งตัวเสียราศีจับด้วยเสื้อสูทเนี๊ยบแต่ขัดกับหมวกไม้ไผ่สานปีกกว้างบนศีรษะหันมามองสีหน้าเซ็งๆ
“นี่เอ็งกะจะเรียกข้าไปจนเข้าโลงเลยรึไง ไอ้เจ้าฟาร์ม?” คนแก่ร้องเสียงดังลั่นทำให้คนที่เดินเข้ามาหาหัวเราะ
เสียงดังไม่แพ้กัน
ก่อนยักคิ้วให้คนแก่ที่ชี้นิ้วใส่หน้าคนเด็กกว่า
“แน่เสียยิ่งกว่าแน่อยู่แล้ว!” ดอม รุ้งสวรรค์ โอบไหล่ตากำนันที่แข็งขืนไม่อยากเดิน
“คืนนี้เอ็งมาแปลก จะพาข้าไปไหน?” คนแก่หรี่ตามองด้วยความหวาดระแวง จะไม่ให้ระแวงระวังไว้ก่อนได้อย่างไร
ก็วีรกรรมที่ไอ้พวกบ้านรกแตกพวกนี้สร้างไว้และคนแก่อย่างเขาต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ชวนใจหายใจคว่ำ
มันน้อยๆ เสียที่ไหน!
“โถ้ ตากำนันก็ทำเป็นระแวงไปได้ พวกเราก็แค่อยากแสดงความยินดีไง ที่ตากำนันจบงานทั้งหมดลงอย่างสมบูรณ์” ชายหนุ่มพูดแล้วหัวเราะท่าทางระแวงของคนแก่
“จะไม่ให้ข้าคิดได้ไง พวกเอ็งมันฤทธิ์เดชน้อยเสียที่ไหนล่ะ!” ผู้กำกับละครบ่นอุบอิบก่อนจะยอมเดินตามคนหนุ่มกว่า
อ้อมไปใจกลางทุ่งหญ้าที่อยู่ไกลๆ
เสียงกระหึ่มของดนตรีหลากหลายแนวเริ่มทรงมนตร์ขลังเมื่อเครื่องดื่มซึ่งทำให้ทุกคนคึกคักลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วโห่ร้องจนแทบคุยกันไม่รู้เรื่องระเบิดจังหวะสนั่นหวั่นไหวไปทั่วลานเลี้ยงอันกว้างใหญ่
“เอ็งพาข้ามาทำอะไรวะ?” ตากำนันตะโกนถามเจ้าฟาร์มหนุ่มที่แคะหูแล้วชี้ตรงไปข้างหน้าก่อนจะหัวเราะร่า
ชายหนุ่มทำท่าให้ตามีฤทธิ์เห็นว่าเขาทำท่ากำมือหลวมๆ รอบอะไรบางอย่างแล้วโยกศีรษะไปมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นโยกตัวตามจังหวะดนตรี
คนแก่ทำตาเหลือก
“เป็นไง เดี๋ยวกำนันจะต้องขึ้นไปร้องเพลงประกอบท่าเต้นด้วยไง” ดอมหัวเราะกับใบหน้าคว่ำของตากำนันที่เงื้อหมัดขึ้นแล้วทุบใส่ศีรษะของชายหนุ่มจนหัวทิ่ม
“เอ็งไม่ต้องเลย มากับเอ็งนี่มันเซ็งจริงๆ!” ถึงจะบ่นงึมงำ แต่ตากำนันก็เดินเข้าไปหาเวทีใหญ่
และเพียงไม่นานหลังจากนั้นไมโครโฟนก็เปลี่ยนจากมือนักร้องมาสู่มือของตากำนันอย่างรวดเร็ว
เจ้าฟาร์มที่ปลีกตัวออกมายืนยิ้มหวานมองตากำนันเอาแต่หัวเราะ
จนกระทั่งรู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ข้างๆ เขาเลยปรายตามองแล้วเลิกคิ้วกวนอวัยวะเบื้องล่างให้ฝ่ายตรงข้ามที่อมยิ้ม
อย่างอ่อนโยนส่งกลับมา
“พรุ่งนี้พวกเราจะกลับกรุงเทพฯกันแล้วครับ”
คนร่างสูงบุคลิกสมาร์ทในตาสีแอลม่อนเปรยขึ้นก่อนทำให้เจ้าของสถานที่ถามกลับเสียงห้วน
“แล้วทำไม?” เห็นหางตาของเจ้าฟาร์มหนุ่มแล้วทำให้ซุปเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งแห่งยุคยิ้มๆ จนคนมองอยู่หมั่นใส้
“ไม่อ้อมค้อมนะครับ ผมอยากรู้ว่า?” ดาราหนุ่มพูดยังไม่ทันจบ
เกษตรกรผู้ยิ่งใหญ่ก็ตาขวาง
“เลิกคิด กลับกรุงเทพฯไปอย่างสวัสดิภาพเถอะ!!” สเตฟาน คูแวนมองตามแผ่นหลังของคนที่ขู่อาฆาต
แล้วคลี่ยิ้มอ่อนอย่างขบขัน
สเตฟานกลับมานั่งที่โต๊ะของกองถ่ายสายหลักพักใหญ่แล้ว สองฝาแฝดที่คุยกับดารานักแสดงมากหน้าหลายตาเห็นพระเอกหนุ่มไม่ไปไหนอีกจึงเลิกคิ้วเมียงมองและยิ้มถาม
“พี่สเตฟาน ไปคุยอะไรกับคุณดอมมาละคะ?” สเตฟานหัวเราะแล้วตอบไปตามความจริง
“จริงๆ ยังไม่ทันจะคุย คุณดอมเขาก็อาฆาตมาก่อนแล้ว พี่ถามยังไม่ทันจบประโยคเสียด้วยซ้ำมั้ง”
ฝนซาหัวเราะในขณะที่ฟ้าใสส่ายหน้า
อายรินและก้องหล้ามองดาราหนุ่มแล้วอมยิ้ม
“แล้วพี่สเตฟานอยากถามอะไรคะ?” ซาซากิที่เดินแยกจากโต๊ะของกลุ่มผู้บริหารสาวเอ่ยถามบ้าง
พอเครื่องดื่มกระตุ้นสายเลือดนักท่องราตรี สาวๆ ก็เริ่มจะออกไปหน้าเวทีกันอย่างไร้ซึ่งภาพลักษณ์สุดๆ
สเตฟานบิดมุมปาก แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ก็แค่จะถามถึงคุณหนูส้มป่อยเองนะ นี่ขนาดลูกสาวอายุห้าขวบนะเนี่ย ถ้าสักยี่สิบนี่ไม่ส่งบอดี้การ์ดตามประกบ
เลยรึไงนะ”
ฮิปโปและซาซากิที่มองเห็นแววตาพราวของสเตฟานต่างหัวเราะขำ
“นายจะจีบเด็กหรอ?” ฟาห์โรห์ส่งแก้วน้ำผลไม้ให้ดาราหนุ่มที่รับมาคลึงเล่นในมือ
ก่อนตอบคำถามแล้วหัวเราะ
“ผมไม่มีรศนิยมกินเด็กนะครับ” แต่ประโยคที่ดาราหนุ่มละไว้คือ ถ้าเด็กโตแล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง
เหล่าผู้ร่วมโต๊ะที่รู้ว่าแม้แต่สาวสวยระดับดาวเด่นอันดับต้นๆ ของประเทศหรือสาวสวยที่โกอินเตอร์ชายหนุ่มยังไม่ค่อยสนใจ
เหล่าแฟนหนังแฟนละครต่างลุ้นตัวเกร็งหวังให้ซุปเปอร์สตาร์สองดวงอย่างสเตฟานและแมรี่อายได้โคจรมาพบรักกัน ทว่าสุดท้ายกลับไม่เป็นไปดังใครคาดไว้
เพราะซุปเปอร์สตาร์อย่างแมรี่อาย ศิริปัญญา หรือปัจจุบันคือ แมรี่อาย รุ้งสวรรค์
ถูกพ่อเลี้ยงแห่งเมืองเหนือชิงแต่งงานสายฟ้าแล่บตัดหน้าผู้ชายทุกรูปนามไปเสียก่อน
“เมากันเละขนาดนี้ พรุ่งนี้จะกลับกันได้มั้ยเนี่ย?” ฮิปโปชี้ให้มองตากำนันที่ยังคว้าไมโครโฟนติดตัวไป
แม้จะถูกหิ้วปีกลงจากเวทีแล้วก็ตาม
“ดูปู่เมาหนักนะคะ!” ฟ้าใสพูดแล้วหัวเราะ
“ก็ละครจะออนแอร์แล้วนี่ปู่ก็ดีใจแหละ” ซาซากิอมยิ้มและมองพลุไฟที่พุ่งขึ้นไประเบิดบนท้องฟ้า
เปล่งประกายสว่างจ้าซึ่งแสดงออกถึงการประสบความสำเร็จอันงดงามของกองละครและทางฟาร์มเอง
นอกจากสถานที่ของฟาร์มที่ถูกใช้ไปแล้ว
ยังมีสถานที่โด่งดังทั่วทั้งจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียงที่มีฉากต้องลงรายละเอียดอย่างละเอียดยิบ
โดยมีทางฟาร์มช่วยประสานงานให้ทำให้ผลงานละครที่ออกมาได้ฉากสมกับสโลแกน
คือตั้งแต่จากผืนฟ้าจรดท้องทะเลอย่างครบสมบูรณ์
งานเลี้ยงดำเนินมาถึงตอนดึก ซึ่งความปรกติของงานฉลองก็คือยิ่งดึกยิ่งมัน
ทำให้โต๊ะถูกเคลียร์และดนตรีกระหึ่มมากขึ้นหลายเท่ากว่ายามค่ำ
เสียงกรีดร้องของผู้คนที่เต้นระบำด้วยท่าพิสดารตามเสียงเพลงด้วยความเร้าใจในอารมณ์ ทำให้ความฮึกเหิมของเทศกาลเฉลิมฉลองของฟาร์มยิ่งเละเทะและเมามันอย่างสุดจะกู่กลับ
คนชราและเด็กทารกต่างทยอยกลับบ้านช่องเข้าที่พักกันไปหมดแล้ว ด้วยอุณหภูมิที่ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ทำให้การระเบิดเท้าไฟของเหล่าผู้คนที่ยิ่งฮึกเหิมสุดเหวี่ยงเข้าไปใหญ่
“สวัสดีค่า....พี่น้องชาวฟาร์มและกองถ่ายจากละครที่น่ารักทุกคน คืนนี้พวกเราขอมอบความสุขให้ทุกคนด้วยเสียงเพลง
นับจากวินาทีต่อจากนี้ไป ด้วยทีมนักดนตรีของเราเชิญเร้าใจกันได้แล้วค่า!”
เมื่อไมโครโฟนทั้งหมดถูกส่งคืน ทำให้ร่างบางของหญิงสาวแสนสวยในเชิ้ตสีขาวอ่อนและกางเกงยีนขายาวเก้าขึ้นสู่เวทีใหญ่ด้วยรอยยิ้มเจิตจ้า
จนแสงไฟบนเวทีสาดส่องรวมศูนย์ที่เธอชั่ววินาทีก่อนเสียงกรีดร้องและโห่ร้องจะระเบิดดังลั่นเมื่อภาพของแรปเปอร์สตาร์
อย่างยูกิ รุ้งสวรรค์ที่ปรากฏตัวขึ้นแล้วดนตรีจังหวะสนุกสนานก็กระหน่ำขึ้นจนเสียงยิ่งก้องกระหึ่มกังวานทั้งทุ่งหญ้าหลวง
พร้อมผู้บริหารที่เมามายซึ่งเป็นทีมนักดนตรีแสนระทึกใจ
ผู้บริหารด้านความปลอดภัยอย่างบีกินลุกขึ้นยืนแล้วกรีดนิ้วไปกับสายกีตาร์เพื่อเร่งเร้าทุกหยดหยาดของเลือดที่ร้อนระอุ
ให้แล่นพล่านของทุกๆ คน
“เจ๋งมากส้มป่อย” แสงสปอร์ทไลท์ที่สาดแสงวูบวาบไปทั่วเวทีสาดตกลงบนร่างของเด็กหญิงผู้มีฐานะเป็นว่าที่เจ้าฟาร์ม
รุ่นที่สองเป็นประกายเจิตจ้า
ร่างเล็กในเสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินอ่อนสกรีนตราของโครงการฟ้ารักดาวและเข้าชุดกับกางเกงยีนขายาวสีดำซีดแบบวัยรุ่นๆ
ที่ดอมบ่นอุบตลอดทางจากบ้านมาถึงเวทีหลวงของฟาร์ม
ชนกมาลย์ รุ้งสวรรค์ดีดไล่ปลายนิ้วไปกับสายทั้งหกของกีตาร์ไฟฟ้าที่แค่ขนาดของกีตาร์เธอก็แทบจะโอบไม่ไหวแล้ว
ลูกศิษย์หมายเลขหนึ่งของบีกิน
ที่เป็นมือกีตาร์ซึ่งเก่งอย่างหาตัวจับยากในระดับประเทศและนานาชาติ
ถูกผลักดันจากอาจารย์ให้เด็กหญิงได้แสดงฝีมือในค่ำคืนเลี้ยงส่งคณะกองถ่ายละครของตากำนัน
โดยที่ผู้บริหารฝ่ายความปลอดภัยได้วิวาทกับเจ้าฟาร์มธัญกาลไปหลายรอบ แค่จะให้ลูกสาวสุดรักสุดหวง
ของคุณพ่อขี้หวงและขี้ห่วงเด็กน้อยผู้เป็นศูนย์รวมใจของธุรกิจการเกษตรขนาดใหญ่แห่งนี้ ขึ้นแสดงในงาน
เมื่อทะเลาะวิวาทแล้วก็ยังไม่ชนะบีกิน ทำให้คุณพ่อจอมหวงมายืนเก๊กหล่อเฝ้าอยู่ห่างๆ นู่นไง
จนบีกินหัวเราะไปหลายรอบ
ฝีมือของเจ้าฟาร์มน้อยที่เป็นเชิงประจักรต่อทุกสายตาทำให้ได้คะแนนนิยมจากพนักงานฟาร์มสูงลิ่ว
และยิ่งส้มป่อยเล่นกีตาร์และยังออกมาเต้นกับมี๊ยูกิอยู่บนเวทีก็ยิ่งเรียกเสียงดังกระหึ่มขึ้นทั่วทั้งฟาร์ม
เพลงที่ยูกิร้องนั้นก็เป็นเพลงแร็ปสองภาษาไทยสลับอังกฤษทำให้เป็นขวัญใจทั้งพนักงานไทยและต่างชาติของฟาร์มได้ไม่ยาก
“ตายๆ ลูกฉัน เมียฉัน!” คนที่ต้องนั่งจับตามองยูกิและส้มป่อยร้องเพลงแบบ ยิ่งดึกยิ่งมัน และที่ตามมาคือยิ่งมันเท่าไหร่
เนื้อเพลงยิ่งมั่วกันไปเท่านั้น
“โฮ่งๆ!” เจ้าป๋อมแป๋มที่วิ่งผ่านมาพร้อมมิตรสหายหลายชีวิต
อาธิเช่น เจ้าซีแคทเสือลายเมฆของแมวเหมียว
กล้วยหอม ค้างคาวขี้เซาของนินเกียว
เจ้าอีเกิ้ลนกอินทรีจอมขี้เกียจขาประจำ
เจ้าสไปท์นกกระจอกเทศตัวใหญ่ที่ร้องขู่กับปลามังกรที่คงเป็นฝีมือของเจ้าเสี่ยวหลงแม่วัวพันธ์จีนกับเจ้าพวกป๋อมแป๋ม
ที่ลากปลามังกรจากแม่น้ำสายหลักบนดอยหมอกรุ้งลงมาว่ายน้ำเล่นในหนองใหญ่อย่างสนุกสนาน
“น้อยแน่ะเจ้าป๋อมแป๋ม!” ดอมลุกขึ้นยืนแล้วมองหมาป่าตัวใหญ่ตาขวาง
“แกว๊ก!” เจ้าซีแคทตบกรงเล็บใส่อีเกิ้ลที่หลับปุ๋ยอยู่บนหัวป๋อมแป๋มให้นกอินทรีตัวใหญ่ลอยเข้าใส่ใบหน้าชายหนุ่ม
จนเจ้าฟาร์มร้องโวยวาย
“ไอ้ซีแคท!”
สไปท์ป๋อมแป๋มและซีแคทรีบเผ่นหนีด้วยฝีเท้าว่องไวจนทุ่งหญ้าเตี้ยๆ ที่วิ่งผ่านกระจุยกระจาย
ส่วนเจ้าอีเกิ้ลก็เอาหัวโหม่งชายหนุ่มไปทีหนึ่ง ก่อนมันจะทำท่านกแกล้งตายลงไปนอนหุบปีกอยู่บนพื้น
เจ้ากล้วยหอมทำเสียงจิ๊กๆ และมองดอมที่กำลังยกเท้าจะกระทืบใส่อีเกิ้ลที่รีบกู่ร้องแล้วบินหนีด้วยความเร็วแสง
จนลอดเท้าชายหนุ่มได้อย่างหวุดหวิด
อีเกิ้ลรีบคว้าคอเจ้ากล้วยหอมที่ทำท่าเซ่อซ่าให้บินหนีชายหนุ่มที่วิ่งกวดตามมา
โดยมีปลามังกรที่ว่ายน้ำเข้ามามองอย่างงงๆ
งานเลี้ยงดำเนินมาถึงเที่ยงคืนกว่าๆ
ตามาตรแมนที่มาครองไมโครโฟนแทนยูกิและคุกกี้ที่ยอมแพ้ตั้งแต่ชั่วโมงก่อนแล้ว
และกำลังร้องเพลงจังหวะรำวงอย่างเมามันสมใจพนักงานมีอายุในฟาร์มจนเต้นเท้าสะบัดฝุ่นตลบ
จนคนเป็นภูมิแพ้สำลักกระอักกระไอไปหลายสิบชีวิต
“และงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรานะครับทุกๆ ท่าน หากไม่มีกองละคร เราก็จะไม่มีหนังดีประจำปีดูกันแบบนี้
และหากฟาร์มของพวกเราทุกคนไม่ให้การอำนวยความสะดวกร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ งานทุกชิ้นก็ไม่ออกมาได้สุดยอดขนาดนี้
ก่อนจะจากกันไป พวกเรามาร่วมใจร้องเพลงส่งท้าย
ด้วยบทเพลงที่แสดงออกถึงมิตรภาพ ความผูกพันและความสำเร็จของพวกเรา
เชิญชวนทุกท่านร่วมร้องเพลงสามัคคีชุมนุมและเพลงสรรเสริญพระบารมีโดยพร้อมเพรียงกันนะครับ”
ตามาตรแมนที่ร้องตะโกนไอ้หยา หรือเก๋าเจ้งและเป่านกหวีดเมื่อรำวงหมดรอบ
เอ่ยเสียงขรึมด้วยสีหน้าเคร่งจนแต่ละคนได้แต่อ้าปากค้าง
สองบทเพลงสุดท้ายถูกบรรเลงขึ้นพร้อมพลุไฟที่ถูกสร้างเป็นรูปของสัญลักษณ์ฟาร์มและชื่อละครที่พุ่งขึ้นไป
แตกระเบิดออกเป็นฝนไฟลุกไหม้สว่างไสวอยู่กลางฟากฟ้าราตรี อย่างสวยสดและงดงามจับใจ…..
………………………..***
ความคิดเห็น