ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สร้างฮาเร็มในต่างโลก 1

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ ทวิวิญญาณชะตาบัดซบ + บทที่ 1 มันคือสิ่งใด?

    • อัปเดตล่าสุด 20 ธ.ค. 63


    บทนำ ทวิวิญญาณชะตาบัดซบ

     

     

       บนโลกทั้งใบที่ทุกคนบนพื้นภิภพยังเข้าใจว่าโลกใบนี้แบนราบ

    ผืนดิน ท้องน้ำ ป่าเขา หนองห้วยลำธาร ล้วนราบเรียบ......แต่ข้าไม่คิดแบบนั้น

    ข้าหยุดร่างล่องลอยจากฟากฟ้า นุ่มนวลบนใบบัวหิมะ

    ซึ่งเป็นดอกบัวที่สามารถพบเห็นได้ดาดดื่นในดินแดน

    วินซีเรียแห่งนี้

     

    ดินแดนวินซีเรีย ตั้งอยู่ทางใต้สุดของทวีปมารครองฟ้า มีภูมิประเทศเป็นหน้าผาหุบเหวอันตราย

    มีน้ำแข็งหิมะปกคลุมตลอดปี

    มีบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติผุดขึ้นราวดอกเห็ด ทำให้ธุรกิจโรงเตี๊ยมน้ำพุร้อนของดินแดนใต้

    มีชื่อเสียงขจรไกลทั่วแผ่นดิน

     

    สายลมเย็นหอบฝอยหิมะเล็กละเอียดพัดพาไปกับเส้นผมของข้า.......มือขาวสะอาดยกขึ้นพร้อมโคจรพลังลมปราณ

    ขอบเขตขั้นวิญญาณออกมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนพร้อมกดผนึกลงไปสู่ตราประทับ

    ใจกลางสระบัวหิมะที่ซึ่งข้าหยุดร่างตนอยู่เหนือยอดคลื่นหิมะพริ้วไสว

    กระแสพลังยุทธสะบัดชุดคลุมไยบัวหิมะพลิ้วกระพือไปด้วยไอร้อนจากขุมลมปราณ

    ที่ส่งผ่านจุดชีพจรจากข้อมือทั้งสอง

    ลำแขนใต้ชุดไหม กระแสพลังไหลเวียนจากจุดศูนย์ลมปราณทั้งสามจุด หว่างคิ้วเปร่งแสงสีทองจางๆ กระแสลมปราณยกระดับความเข้มแข็งขึ้นจนสร้างม่านพลังยุทธไร้ลักษณ์หมุนวน

    เข้าโอบล้อมตัวข้าและตราผนึกเทวะ....

     

    สีทองสะอาดที่กำลังดิ้นรนจะสลัดหลุดจากกำลังยุทธของข้าที่กดและผลักฝ่ามือทุ่มเทลมปราณสุดชีวิตลงสู่ผนึกแห่งเทวะ เผ่าพันธุ์หายนะแห่งทวีปมารครองฟ้า.....

    บูมมม!

    ในหูได้รับคลื่นเสียงคำรามของอัสนีสวรรค์ซึ่งเป็นลมปราณประจำเผ่าพันธุ์แห่งเทวะ

    เคยเอาชนะราชันย์มารครองฟ้ามาแล้วในการต่อสู้ฟาดฟันกันหลายยุคหลายสมัยในอดีต

    เลือดสายเล็กไหลหลั่งจากมุมปากจมูกและดวงตาพร่าเลือนลง

    ฮึ่มม!” เสียงคำรามของตัวข้าฉุดรั้งสติที่กำลังกระเจิตกระเจิงให้กลับมา

    อยู่กับเนื้อกับตัวพร้อมทุ่มเทวิชาผนึกซึ่งสืบทอดมาจากบรรพชนแห่งสำนักปราณวินซีเรียอัดพลังยุทธ์ทั้งสรรพางค์เข้าเติมเชื้อพลังจากผนึกบุพกาล

    จนในที่สุด ผืนน้ำรอบข้างระเบิดออกเป็นม่านหิมะพลิ้วสยายเป็นโดมแสงสีทองกระจ่างจ้า

    หอบร่างข้าให้ลอยขึ้นและถูกกำลังลมประหลาดจากบึงบัวหิมะพัดลอยมาตกไกลจากที่เดิม

    หลายลี้ หลังจากเท้าติดแนบกับผืนแผ่นดินยอดเขาข้าซุดตัวทิ้งลงกับโขดหินระเกะระกะ

    ของยอดภูผาแล้วได้แต่หายใจหอบเหนื่อยโรยรินเหงื่อการหลั่งไหลชะโลมร่างและผ้าไหมเย็นบนร่างจนแม้แต่ใบหน้าของข้ายังซีดเผือด

    ปราดสายตามองมือทั้งสองข้างที่ยังคงสั่นสะเทือนไม่หยุดยั้ง ในหูยังคงแว่วเสียงคำรามของ

    วิชายุทธอัสนีสวรรค์อันลือลั่นแล้วข้าก็ได้แต่เปิดปากแหงนหน้ามองฟ้าแล้วระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นทั้งผืนฟ้าดั่งราวคนวิปลาส

     

    ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ~”

     

     

     

    คารวะท่านเจ้าสำนักครับ/คารวะท่านเจ้าสำนักค่ะ เสียงแซ่ซ้องร้องคารวะดังกังวานไปทั้งหุบเขาเต่าหิมะ

    เมื่อตัวข้าเหินร่างลงจากฟากฟ้าราวเทพเซียนจุติ

    อย่าได้มากพิธีไป พวกเจ้ามีอันใดก็ไปทำ ข้าปิดปากหาวและสะบัดมือไล่อย่างไม่ใส่ใจ

    ร่างสูงสง่างามของข้าก้าวตรงสู่ปากหุบเขาซึ่งหมอบตระหง่านด้วยร่างเต่ายักษ์ขนาดสูง

    เกือบห้าลี้

    การเข้าสู่สำนักปราณวินซีเรียนั้นง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง

    ซันกุ้ยเซียน ผู้มีฉายานามอันอื้อฉาวมากมายหลายหลากตบเท้ากับพื้นศิลามรกตพร้อมร่าง

    ซึ่งพุ่งทะยานขึ้นดุจวิหกฟ้า

    โบยบินทะยานเหยียบไปตามซี่ฟันเรียงรายของเต่ายักษ์ก่อนจะพลิกตัวทะยานไล้ลื่นร่างกายไปตามลิ้นยาวที่ทอดหายเป็นอุโมงค์เข้าสู่หุบเขาเต่าหิมะ ซึ่งสองศิษย์อารักษ์ขายังคงเบิกตาค้าง

    จ้องมองข้าดั่งวันแรกที่พวกนางเจอข้าไม่มีผิด

     

    ท่านเจ้าสำนักว้ายยกรี๊ดด~”

    ระหว่างร่างของข้าร่วงหล่นแตะเท้ากับพื้นหญ้าเขียวขจีของหุบเขาเต่าหิมะ มือแห่งเจ้าสำนัก

    ทั้งสองข้างก็แยกย้ายเข้าโอบไหล่แบบบางอันงดงามของสองสาวน้อยผู้เฝ้าเส้นทางเข้า

    สู่สำนักปราณวินซีเรีย

    พร้อมส่งเสียงหัวเราะฮาๆ

    แล้วเคลื่อนร่างวูบวาบผ่านสองสาวไป

     

    ฮ่าๆ พวกเจ้านี่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน…….นมยังไม่โตเลยน้ะ

    ชื่อเสียงอันอื้อฉาวขาวสะอาดของข้าในเรื่องอิสตรีอันดีงามที่ต้องสูญเสียความเอียงอาย

    และคาวราคีที่แปดเปื้อนไปกับพวกนางนั้นทำให้ข้ากลายเป็นที่รังเกียจของสตรีทั่วทั้งดินแดน

    วินซีเรีย

    แม้กระทั่งคนในสำนักปราณของข้าเองข้าก็ไม่มีละเว้นแก่พวกนาง....

    เหล่าสตรีมองข้าด้วยความหวาดหวั่นสั่นกลัว.....เหล่าบุรุษต่างมองข้าด้วยความอิจฉาเลื่อมสัย

     และพร้อมใจมาคุกเข่าโขกคำนับฟ้าดินขอให้ข้ารับพวกมันเป็นศิษย์

     

    ท่านเจ้าสำนัก โปรดหยุดเท้าก่อน ผู้อาวุโสในชุดขาวหมวกปีกกว้างสีขาว

    และหนวดเคราขาวสดใสลอยเข้ามาหาข้าจากอีกฟากหนึ่งของสวนสมุนไพรอันกว้างใหญ่

    มีอันใดท่านไป่เพ่ยจื่อ? ข้าเอ่ยถามกับผู้ควบคุมสวนสมุนไพรแห่งนี้ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม

    กวนอวัยวะเบื้องล่าง

    มิกล้าๆ ข้าเห็นท่านเจ้าสำนักพึ่งกลับจากการเข้าร่วมงานสัมมนาชาวยุทธวินซีเรียมาเหนื่อยๆ ข้าจึงคิดจะนำเสนอน้ำสมุนไพรใหม่ล่าสุดให้ท่านได้ลิ้มชิมเป็นอย่างไร?

    ข้าค่อยส่งยิ้มให้ชายชราผู้ก้มศีรษะราวบัณฑิตคงแก่เรียน

    โฮ่ๆ หน้าตาข้าแจ่มใสถึงเพียงนี้ ท่านเห็นว่าข้าเหนื่อยล้างั้นรึ? ท่านไป่เพ่ยจื่อหน้าแข็งค้าง

    แม้รอยยิ้มยังคงห้อยแขวนแต่กลับแลดูแห้งเหี่ยวเหลือฝืน

     

    อ่า.......ท่านเจ้าสำนัก!”

    ข้าเอียงใบหน้าเข้าใกล้แล้วกระซิบเสียงเบา แต่กลับดังกลอกหูชายชราตรงหน้า

    จนเส้นเคราขาวโพลนลุกชี้ชันราวปีศาจศุกรจุติเยือนใต้หล้า

    ข้านั้นแจ่มใสเป็นอย่างยิ่ง เมื่อกี้ข้ามีวาสนาได้ลิ้มชิมรสน้ำนมของหลานสาวฝาแฝดท่านแล้ว โฮ่ๆ ขอบคุณๆ ที่ท่านปู่อย่างท่านกรุณา!!!”

    ข้าไม่รู้ว่าท่านไป่เพ่ยจื่อจะร้องคร่ำครวญมิกล้ามิกล้าอีกหรือไม่แต่ข้านั้นรีบสาวเท้า

    เผ่นทะยานพุ่งหายเข้าสู่ตึกส่วนกลางของเจ้าสำนัก พอถึงสถานที่ส่วนตัวข้ารีบตรงดิ่งเข้าไป

    ที่เตียงแล้วกระอักเลือดกองโตออกมาแปดเปื้อนชะโลมผืนที่นอนจนแดงฉาน

     

    สายตาข้าเริ่มพร่าพรายจนเห็นโลกหกคะเมนตีลังกาทุกสารทิศ

    อ๊อก บัดซบ ข้าธาตุไฟเข้าแทรก!” ร่างกายข้าไร้เรี่ยวแรงจนซุดคว่ำลงกับพื้น

    พลังลมปราณทั่วร่างระเหยไออัสนีสวรรค์

    สีทองออกมาฟาดผ่ากับชีพจรที่กรีดร้องจนถูกฉีกกระชากปลดปล่อยลำโลหิตสายยักษ์พุ่งพลวดออกจากหูตาจมูกปาก

    รวมไปถึงรูขุมขนทั่วร่างกายที่สะเหมือนมีเข็มแหลมร้อนลวกไฟกำลังทิ่มแทงข้าอย่างไม่ปรานี

    ชุดไหมผ้าเย็นอันดับหนึ่งแห่งทวีปมารครองฟ้าเริ่มติดไฟปราณสีขาวครามเผาไหม้ตัวเองและผู้เป็นนายที่กัดฟันจนสัมผัสถึงคาวเค็มของรถเลือด

    ข้าฝืนชักพากำลังภายในทะยานเข้ากระแทกกับจุดสำคัญที่จะทะลวงข้าให้เก้าผ่านเข้าสู่ขอบเขตเทวดา.....

     

    ฮึก!” ลมปราณตีกลับกระแทกทำลายตันเถียนศูนย์ทะเลลมปราณจนถูกฉีกกระชากแหล่งกักเก็บลมปราณจนขาดกระจุยเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือนปลิวไปกับลิ่มเลือดที่พุ่งทะยาน

    ออกจากริมฝีปากข้ากระแทกกับศิลาหยกเทวะจนแผ่ขยายรอยร้าวออกไปรอบทิศทาง

    ราวไยแมงมุม

    เจ้าสำนักลมปราณวินซีเรียกลอกตามองบนแล้วกรีดร้องโหยหวนอยู่ในใจเพียงเท่านั้น

     

     

     

    พุทธศักราช 2643

     

    โลกเกิดความล้ำหน้ากว่าร้อยปีที่ผ่านมามากจนแทบเปรียบเทียบกันไม่ได้

    วิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีของมนุษย์นั้นสามารถพัฒนาได้รวดเร็วอย่างน่ากลัว

    ตึกระฟ้าและเครื่องยนต์สัญจรภาคพื้นอากาศบินว่อนเต็มทั่วมหานคร

    ในยุคปัจจุบันเป็นยุคโลกไร้พรมแดนอย่างแท้จริงทั้งในเรื่องของกฎหมาย การเดินทาง รวมไปถึงการอยู่อาศัย

    ครอบคลุมถึงเรื่องเชื้อชาติซึ่งกลมกลืนอย่างถึงที่สุด

     

    บริษัท world haunt online จำกัดมหาชน

     

    บริษัทเกมส์ออนไลน์และอาวุธสงครามแนวหน้าของประเทศไทยและทวีปเอเชีย

    ในปัจจุบัน

     

    บนชั้นที่เจ็ดสิบสอง

     

    ในส่วนนี้ถูกจัดตกแต่งอย่างเลิศหรูแต่แลดูเรียบๆ อาจเป็นเพราะผู้อยู่อาศัย

    หลายสิบตำแหน่งนั้นเป็นผู้มีอายุเลยเลขหก

    กันมามากแล้ว

    รวมไปถึงชายชราร่างสูงใหญ่ทะลุร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรซึ่งยังคงจดจ้องกับกองเอกสารหนาปึ้ก

    ราวกับหนังสือประวัติศาสตร์สากลหลายพันปี

    ดวงตาฟ่าฟางสีเดียวกับชุดสูตรกวาดจ้องผ่านไปกับตัวหนังสือ แต่ในใจกำลังหาวเป็นดาวเดือน

    แล้วน้ำลายยืดเป็นเกษียณสมุทรไหลบ่าเข้าท่วมท้นโต๊ะทำงานอย่างที่ชายชราผู้นี้ยังคงยิ้มระรื่น แต่จริงๆ เขากลับหลับในไปนานแล้ว…..

     

    วูบ!

     

    ชายชรารู้สึกเหมือนในหัวลั่นวิ้งพร้อมสายรุ้งเจ็ดสีเรืองรองราวภาพฝันหมุนวน

    ผ่านสายตาคู่ฟ่ามัว

    จนถึงขั้นที่ผู้บริหารคนอื่นได้แต่สั่งให้ตัดแว่นตาเรียงบนโต๊ะราวภูเขาสองขาอันดารดาด

    เย้ย!” แม้จะแหกปากร้องด้วยความเสียสติ แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้น้ำลายแทบไหลย้อยมาฟูมปากชายชรา

     ที่กำลังตกใจช็อคกับภาพที่เกิดขึ้นข้างหน้าด้วยสายตามึนงงสงสัย

     

    บัดซบ นี่ข้าเป็นอะไร!?

      บัดซบนี่ข้าอยู่ที่ไหน?!!!” ชายเจ้าของดวงวิญญาณในชุดยูกาตะลอยละล่องร้องตะโกน

    จนคลื่นเสียงก้องสะท้อนดังไปรอบบริเวณ

    ชายชราเพียงผู้เดียวก็แหกปากร้องราวพายุหมุนแถบชายฝั่ง

    ด้วยเสียงเป็ดนรกมาเกิดของสองชายต่างวัยทำให้พวกเขาต่างยกมือปิดหูแล้วตะโกนแข่งกัน

    จนเสียงดังลั่นตีกันมั่วไปหมด

    แฮ็กๆ หยุดก่อนข้าแก่แล้ว!!!” เจ้าสัวเจริญ  ชำนาญสรรพกิจแหกปากร้องโหยหวนอย่างไม่เป็นภาษาก่อนจะล้มก้นจ้ำเบ้าสองขาชี้ฟ้าโด่เด่

    บ้านข้าไม่ได้เลี้ยงแมว เจ้าอย่าเอ่ยวาจาอันบัดซบเช่นนี้!!!” ซันกุ้ยเซียนยิ้มอย่างไม่นำพาปรารมภ์แล้วตะโกนโต้ตอบ

    ชายชราในร่างโปร่งแสงเช่นเดียวกับเขา......หืม.....ชายหนุ่มกวาดจ้องตัวเองและชายชรา

    แล้วหัวเราะเสียงดังลั่น

    ราวเป็นคนเสียสติอีกครั้ง

     

    ฮ่าๆ แม้ข้าจะต้องไปปรภพ ยังคงลากคนแก่ไปพูดคุยระหว่างทางได้คนหนึ่งฮ่าๆ!”

    คนแก่

     เพื่อนพูดคุยระหว่างทางไปปรภพทำตาเหลือกแล้วชี้นิ้วสั่นเทาเข้าหาคนตรงหน้าซึ่งสะเหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูน

    จอมคาถามหาบรรลัยสักเรื่อง

    อ๊ากก ข้าไม่ไปนรกกับแกโว้ย!!” ยอดยุทธซันยังคงอ้าปากหัวเราะแล้วลงไปชักดิ้นชักงอเหมือนเพลงคลาสสิกในยุคนี้

    สักเพลงหนึ่งแล้วแหกปากร้องเพลงอย่างรื่นรมภ์อุรา

     

    ข้า.....โป้งๆๆ เป็นยอดยุทธผู้ท่องไปทั่วหล้า....ฮ่าๆๆ.....ไถ่ถามคุณธรรมแทนฟ้าได้ทั้งสิ้นฮึกอ้า..... พร้อมออกลีลา

    วาดลวดลายสะบัดสะโพกพริ้วไปตามสายลม

    เจ้าสัววัยไม้ใกล้ฝั่งเข่าอ่อนลงกับพื้นแล้วน้ำตาไหลพราก......

    อ๊าก สวรรค์ ข้ามาเจอไอ้วิญญาณปัญญาอ่อนจากที่ไหน?!”

     

               โฮ่ โฮ่ มนุษย์ผู้หน้ารักหน้าชังทั้งสอง ถึงเวลาแล้วล่ะ.......ที่พวกเจ้าจะต้องเข้าสู่นิยายของข้า~”

    บรรยากาศโลกวิญญาณนิ่งอึ้งตลึงงันไปชั่ววูบหนึ่ง ออร่าแสงสว่างสีทองอร่ามราวถังอุจจาระรั่วระเบิดเจิตจ้าพร้อมชายในชุดยาว

    สีแดงและรองเท้าแตะอันเป็นเอกลักษณ์ บนศีรษะประดับด้วยหน้ากากผีหิมะหน้าขาว

    แลดูสยดสยองล่องลอยลงจากฟากฟ้า(ฝ้าเพดานห้องทำงานของอาคารยักษ์)

     

    เจ้าเป็นใครรึ?/เอ็งต้องการอะไร??!”

    สองเสียงร่วมทางนรกยังคงเอ่ยถามสอดประสานกันเป็นเสต็บได้อย่างน่าประหลาดใจ

    โฮะๆ เราก็คือผู้ยิ่งใหญ่ผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมค้ำจุนใต้หล้า อะแฮ่ม อย่าได้ใช้สายตาเทิศทูนบูชา ข้าไม่ค่อยชินหรอก หลังจากหยุดกระแอมแล้วก็กล่าวต่อราวว่าเรื่องที่พูดโต้งๆ นั้น

    มันเป็นเรื่องธรรมดา เช่นคืนนี้ที่ไหนดีลูกเพ่~

     

               ชตาฟ้ากำหนด ชีวิตของทวิวิญญาณทั้งสองจะเริ่มใหม่ พวกเจ้าต้องก้าวเดินไป

    ในเส้นทางแห่งจอม.........หลังจากทำเสียงแทมแท้มแล้วก็ปรากฏเอฟเฟล็กพุดอกไม้ไฟ

    สว่างไสวไปทั้งพื้นที่มืดๆ

    ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด ที่ห้องทำงานสุดหรูของท่านประธานบริษัทเกมส์สยองขวัญสะท้านโลกออนไลน์กลายเป็นพื้นที่มืดๆ รายล้อมด้วยออร่าแห่งดอกไม้ไฟสีแสบแปล๊ดอยู่รายรอบกาย

    เจ้าหมอนั่น

     

     

    ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเจ้าจะทวงคืนในสิ่งที่พวกเจ้าเสียหายไป จำคำพูดข้าไว้

    อย่าได้เป็นวีรบุรุษเพราะสงครามจะติดตามมา

    อย่าเป็นจอมมารร้ายเพราะจะนำมาซึ่งสงคราม

    จงใช้ชีวิตอย่างที่พวกเจ้าหวังและข้าขอประทานนามทวิภาคแห่งสองดวงวิญญาณผู้ต้องสลับร่างกันว่า

     

    ทวิวิญญาณสลับร่างสร้างฮาเร็มในต่างโลก ภาค เกิดใหม่ในร่างชายวัยหกสิบเก้า……….

    และ

    ทวิวิญญาณสลับร่างสร้างฮาเร็มในต่างโลก ภาค จักรยานเย้ยภิภพ…………….

     

    สองหนุ่มต่างวัยหันมองสบตากันเป็นเวลาสามวินาทีแล้วได้แต่อุทานด้วยเสียงโหยหวน

    ม่ายย สตรีของข้าทั้งดินแดนนนน!!!”

    ธุรกิจของฉันนนน.....โท่ชีวิตคนแก่!!!”

    สองสายตาสบประสานพร้อมประกาศศึกด้วยสายตา จนก่อเกิดคลื่นความโหดปะทะกัน

    แต่สุดท้าย....ทั้งคู่ก็ทำได้เพียงกรีดร้องราววิญญาณบาปกำลังตกสู่หม้อซุบยมทูตที่หัวเราะ

    ดังกึกก้อง……………….

     

     

     

    เสริมความรู้เชิดชูสองสหายต่างวัย

     

    (ระดับขั้นลมปราณในต่างโลก

    มนุษย์ ลมปราณ หนึ่งปีถึงสิบปี

    วิญญาณ ลมปราณสิบปีถึงร้อยปี

    เทวดา ลมปราณร้อยปีถึงพันปี

    ธรรมชาติ ลมปราณพันปีถึงหมื่นปี

    เจ้ายุทธ์ ลมปราณหมื่นปีถึงแสนปี)

     

    (1 ลี้ประมาณ 500เมตร)

     

     

    ขอต้อนรับเข้าสู่นิยายของผีหิมะ(Ghostsnow)

    กราบเรียนนักอ่านที่รักทุกท่าน เข้ามาอ่านแล้วเป็นอย่างไร ติชมให้ขนมกันได้ (55) ไม่ว่ากัน

    .ล. 1 ใครหวังนิยายระเบิดภูเขาเผาสำนัก ข้าน้อยต้องขอแสดงความใสเจียด้วย

    เพราะเรื่องนี้เน้น ฮาสบายๆ

     

    .ล. 2 เรื่องนี้ฮาเร็มจัด สาระไม่ค่อยมี

    ล้างแค้นก็ไม่มา (555) ต้องขออภัย

     

    .ล. 3 เรื่องนี้เน้นความอบอุ่นใจ

    ฉากรบก็สยบใต้หล้า

    ฉากรักก็สะท้านดินฟ้า

    โปรดขึ้นรถแล้วตามมา ท่องจักรวาลผีหิมะกันเลยจ้า!

     

     

     

    …………….***




    บทที่ 1 มันคือสิ่งใด?

     

     

       อากาศซึ่งหนาวเย็นพอๆ กับบ้านเกิดข้าที่จากมาอย่างดินแดนวินซีเรียแห่งทวีปมารครองฟ้า....ซึ่งคงอยู่ที่ไหนสักแห่ง ที่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงแผ่นดินแห่งลมปราณและผืนทวีปแห่งมนตราได้

    มีก็แต่เสียงโหยหวนในใจข้าที่ร่ำร้องสาปแช่งเจ้าตัวประหลาดในหน้ากากผีหิมะอันสยดสยอง

    ที่ก่อบาปมหันต์ ต่อให้สวรรค์ลงโทษมันสักสิบแปดรุ่นยังไม่สาสม......

    และต้องสบถด่าเป็นรายต่อมาก็คือเจ้าแก่บัดซบ ที่บัดนี้ไม่รู้ว่าเอาร่างแสนจะหล่อเหลา

    และงามสง่าเปี่ยมบารมีไปประกอบพฤติกรรมเลวๆ อันใดบ้าง

     

    แม้ข้าจะน้ำตาตกอยู่ในหัวอกลูกผู้ชายชาติยุทธจักร แต่ทุกสิ่งทุกอย่างของข้าได้เปลี่ยนไปแล้ว และนี่คือความเป็นจริงที่ข้า จำเป็นจะต้องยอมรับมันให้ได้

    มันคือสิ่งใด?

     คำถามแล้วคำถามเล่าที่ผุดขึ้นบนใบหน้า สายตา และสมองของข้า วนไปวนมาจนข้าปวดหัว

     

    ข้าพาร่างแก่ชราที่ไร้ไขมันส่วนเกินลุกขึ้นแต่แล้วก็เข่าอ่อนเอียงวูบกระแทกเข้ากับโต๊ะทำงาน

    ตัวใหญ่จนก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมอันแสนเศร้า

     

    อ๊ากก ข้าเข่าเดาะโว้ย!”

    แหกปากโหยหวนอยู่ไม่ถึงห้าลมหายใจ ผู้คนมากมายต่างเผ่นเข้ามาในห้องแล้วแห่รายล้อม

    แบกร่างสั่นงันงกของข้าขึ้นแผ่นกระดานสี่เหลี่ยมผืนผ้าปูฟูบหนา

     

    อ๊ากก พวกเจ้าถึงกับจะฝังกันเลยหรืออย่างไร!~? ในโลกเก่าของข้านั้น

    การแบกขึ้นกระดานสี่เหลี่ยมจัตุรัสก็ตีความหมายได้แบบเดียว

    คือขุดหลุมรอให้ข้าลงไปนอนอย่างสงบ แต่......โลกนี้มันอันใดกัน ข้าเพียงเข่าเดาะ

    ถึงกับเอาข้าไปฝังเลยรึ!

     

     

    ท่านประธานค้ะ ใจเย็น ท่านประธานใจเย็นๆ!” แม้จะมีหญิงร่างอวบอ้วนวิ่งเข้ามา

    กดตัวข้าให้นอนราบไปกับแผ่นไม้ปูฟูบหนาข้าก็ยังคงแหกปากโวยวายร้องโหยหวน

    เจ้าจะทำอันใดข้า อ๊ากก?!” เมื่อเห็นแน่ว่าท่านประธานยังคงโวยวายล้งเล้งจนน้ำลายแตกฟอง พนักงานบริษัทผู้ซื่อสัตย์จึงคว้าเข็มฉีดยาสลบขึ้นสูงแล้วปักลงกับต้นแขนชายชราอย่างรุนแรง พร้อมกดเข็มฉีดน้ำยาไหลเวียนไปกับกระแสเลือดแล้วรอให้ยาออกฤทธิ์เพียงเท่านั้น

    อ๊ากกก พวกเจ้าคิดจะใช้พิษกับข้างั้นรึ? ชายชราแหกปากโวยวายสุดเสียงก่อนจะเหวี่ยงมือเปะปะปัดคนรอบตัวที่รีบปล่อยเตียงสนามให้หล่นกระแทกพื้นห้องจนชายชราหัวสั่นหัวคลอน

     

     

    นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

    คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบของชายหญิงในชุดสูตรเจ็ดแปดคนพลวดพลาดเข้าห้องทำงาน

    ที่เละเทะไม่เหลือชิ้นดี

     คุณปู่/คุณอา/คุณลุง/คุณพ่อ/ไอ้แก่/ตาแก่/สหาย/บัดซบ!”

    ผู้บริหารทั้งแปดอุทานด้วยประโยคที่แตกต่างกันก่อนจะวิ่งกลูกันเข้ามาพยุงร่างงกงกเงิ่นเงิ่น

    ของชายชราผู้นั่งเก้าอี้ประธานบริษัท

     

    หยุดอยู่ตรงนั้น! อย่าได้เข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว ฮึ่ม!” แม้ชายชราในสูตรดำ

    ยังคงคลานอย่างทุลักทุเลไปกับพื้น

    เพียงไม่นานก็ลากสังขารขึ้นมานั่งหอบบนพื้นแฮ่กๆ

     

    มันเกิดอะไรขึ้นครับคุณพ่อ? ยอดยุทธ์ซันถึงกับตาเหลือกเมื่อชายวัยสี่สิบต้นๆ ก้าวขึ้นหน้ามาเรียกตนว่า พ่อ

     

       พนักงานบนชั้นเจ็ดสิบสองของบริษัทต่างจ้องชายชราที่ลูบเข่าป้อยๆ

    และหันไปถามคนที่อยู่เบื้องหลัง

    ชาหิมะสวรรค์ของข้าอยู่ที่ใด? ทุกคนทำหน้าตกตลึงและตามมาด้วยอาการอ้าปาก

    จนกรามค้าง

    ทะ...ทะท่านประ..ประธานว่าไงนะครับ? เลขาหน้าห้องหน้าซีดเผือด

    แต่ไหนแต่ไรมาต่างรู้กันทั่วบริษัทท่านประธานเกลียดชาเป็นไหนๆ

    และที่ผ่านมาก็เพียงบริโภคไมโลและโอวันตินเพียงเท่านั้น

     

    .....ข้าถามว่าชาข้าอยู่ไหน ไม่ได้ถามหาภรรยาเจ้า!” ยอดยุทธ์ซันกุ้ยเซียนหลับตากล่าวแล้วเอ่ยปากสั่งต่อ

    เจ้าไปเตรียมม้าด้วย เดี๋ยวข้าจะออกไปนอกสำนัก!” เลขาฯหน้าห้องถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก

    เมื่อหันไปจ้องผู้บริหารทั้งแปดต่างยืนตลึงอ้าปากค้างไปนานแล้ว

     

    คุณ....คุณ....พ่อเมื่อกี้ลื่นล้มจนหัวกระแทกโต๊ะสมองฟั่นเฟือนรึเปล่า? ชายวัยกลางคนผู้เป็นลูกชายเอ่ยถามกับเลขาฯของตัวเองที่ได้แต่ส่ายหน้าพลืดอย่างบื้อไบ้

    คุณพ่อครับ เวลาทำงานนะครับคุณพ่ออย่าพึ่งล้อเล่นสิ ในที่สุดลูกชายจึงตัดสินใจ

    ก้าวขึ้นหน้าและเอ่ยกับบิดาด้วยน้ำเสียงละเหี่ยใจ

    แววตาฟ่าฟางของชายชราเบือนจ้องผู้ที่เรียกตนเองเป็นลูกชายเขาแล้วแสยะยิ้ม

    เจ้าคิดว่าข้าเป็นพ่องั้นรึ.....ดีมาก งั้นลูกที่ดีต้องยึดบิดาเป็นแบบอย่างเข้าใจหรือไม่?

    ภิภพ  ชำนาญสรรพกิจมองผู้ได้ชื่อว่าพ่อบุญธรรมด้วยสายตาว่างเปล่าชั่วขณะจิตก่อนเขาจะรีบหลบเลี่ยงถอยเท้าออกไปริมประตูห้อง

     

    ดวงเฮ็ง แกก็ไม่ควรเล่นทำให้พวกเราตกใจ อดทนทำงานอีกสองชั่วโมงก็กลับบ้านแล้ว อย่ามัวเล่น พวกเราจะเสียเวลา!” หญิงชราในสูทสีน้ำเงินเข้มกล่าวขึ้นอย่างตัดรำคาญ

    ยอดยุทธ์ซันกุ้ยเซียน เลิกคิ้วขึ้นแล้วตวาดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

    ยัยเฒ่าหุบปากเน่าๆ ของเจ้าไปซ้ะ อย่าให้เจ้าสำนักต้องหมดความอดทน!” หญิงชราผู้มีอายุแตะเลขเจ็ดอ้าปากพงาบพงาบพูดไม่ออกอยู่เป็นนานสองนาน

    จนแม้กระทั่งชายชราเดินแหวกฝ่าฝูงชนชาวบริษัท world haunt ออกไปจากห้องทำงานแล้วก็ยังคงทำเหงือกแห้งประหนึ่งปลาบู่แก่…..

     

    ชายหนุ่มในร่างแก่หงำเหงือกเดินล่วงฝีเท้าออกจากห้องฝ่ายประธานบริหารออกสู่เฉลียงทางเดินขนานไปกับทางขึ้นลงของรถเหาะขนาดเล็กบนยอดตึกแล้วยิ่งตกตลึงมองภาพพาหนะ

    สีสะดุดตาที่ลอยผ่านเหนือหัวไปแล้วได้แต่ขะยี่ตาตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า

     

    มันคือสิ่งใด? คำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวไม่มีใครตอบได้

    ข้ายกมือขึ้นกุมขมับ ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ตัวข้าไม่ได้อยู่ในดินแดนมารครองฟ้าอีกต่อไป

    ไม่อยากยอมรับก็ต้องทำใจ ความสุขสันต์ขมขื่นต่างประดังขึ้นดั่งทะเลมรสุม

     

    หลังจากผ่านไปนานกว่าข้าจะยอมถอนสายตากลับมาจากภาพที่สร้างความแปลกใหม่และเร้าใจให้ข้าในร่างใหม่....ไม่ใช่! มันคือร่างของคนแก่ที่ใกล้สิ้นอายุขัย....อ๊ากก!

    ชีวิตข้าดั่งตะเกียงแสงสุดท้ายหรือ.....

    ยอดยุทธ์ผู้หลงใหลในตนเองไม่น้อยครางอย่างสิ้นหวัง

    ในสมองกำลังสร้างมโนภาพตัวเองชักแหง็กๆ น้ำลายยืดและจากไปอย่างสงบ....

    หรือจะเป็นภาพร่างของตัวเองผอมโซเหลือแต่กระดูกล้มตายเป็นใบไม้ร่วง.....

    หรืออาจจะเป็นการตายในรูปแบบอื่น......

    ท่านประธานปาดเหงื่อที่ไหลโชกหน้าผากล้านเลี่ยนปอยผมหลายกระจุก

    บนศีรษะซึ่งไม่ได้ผ่านน้ำยาย้อมหลายสัปดาห์ฟูขึ้นเป็นคนแก่จอมมกซก ดวงตาฟ่าลายจ้องผ่านกระจกใสลงไปในมหานครเบื้องล่างซึ่งพลุกพล่านและสับสน จนคนที่เคยอยู่เพียงชุมชนเล็กๆ อย่างเจ้าสำนักปราณวินซีเรียต้องพยายามปรับทัศนคติอยู่เป็นนานนมกว่าสุดท้ายลมหายใจยาวๆ จะถูกผ่อนออกแล้วปลุกพลังใจให้ฮึกเหิม

     

    ไอ้แก่ ข้าจะทำให้ร่างแกได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำเอง........~~”

    ว่ากันว่า ก้าวแรก เป็นสิ่งสำคัญ เท้าใต้รองเท้าหนังราคาแพงลิบลิ่ว ย่างเท้าออกไปข้างหน้า

    แต่ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็มาเยือนอีกครั้ง

    วืด!

     

    พื้นบัดซบ!

    ท่านประธานได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจพร้อมร่างแก่ชราที่ถลาหน้าคว่ำลงไปบนพื้น

    แล้วพุ่งตัวออกไปกระแทกหัวโขกลงกับพื้นรองเท้าของใครคนหนึ่ง

    ชะตาอนาถอีกแล้วข้าาา!!!” ท่านประธานวิญญาณใหม่พึ่งจะตั้งความหวังและเป้าหมาย

    ของชีวิตไม่ถึงนาที

    ก็มารมาผจญ

    ศีรษะกระแทกพื้นขัดมันวาวดังโป๊กเสียงดังลั่น

    จนสติอันเลอะเลือนได้ยินเพียงเสียงไถ่ถามอย่างรำคาญใจ……

     

    ปู่....โตละน้ะยังมาเล่นลื่นเป็นเด็กๆ ไปได้ ก่อนสติของข้าจะดับลง ข้าสัมผัสได้เพียงมือคู่หนึ่งที่แสนนุ่มนวล

    พร้อมฟาดฝ่ามืออันแสนอบอุ่นลงกับแผ่นหลังของข้าดังป๊าบใหญ่

    ก่อนข้าจะสลบเหมือดไปอย่างยาวนาน

     

     

    คุณภิภพรับโทรศัพท์ที่โชว์เบอร์บุตรสาวบุญธรรมแล้วฟังเสียงใสที่กลอกมาตามสาย

    อย่างเบื่อหน่าย

    พ่อค้ะ ปู่ลื่นทางขึ้นรถเหาะ ถ้าเลิกงานก็ตามมาที่โรงพยาบาลน้ะ หนูจะไปเฝ้าปู่ก่อน

    เพียงเท่านั้นลูกสาวตัวแสบก็วางสายไป นิสัยมะนาวน้ำแห้งของเธอนี้ ครอบครัวของเขาผู้เป็นพ่อและแม่บุญธรรมสัมผัสมันมาได้นานแล้ว ชายวัยกลางคนได้แต่ยกมือก่ายหน้าผาก

    แล้วเดินไปทำงานในส่วนของบิดาบังเกิดเกล้าของตน ที่ทำกองเอกสารทั้งหมดให้เปื้อนน้ำลายยืดไปกว่าครึ่ง......

     

    ที่จริงแล้วคุณ เจริญ  ชำนาญสรรพกิจเป็นชายสูงวัยผู้ทำงานเก่งกาจลำดับต้นๆ

    ของประเทศ รูปแบบความคิด

     การวางแผน และระบบการจัดการงานของเขานั้นเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ

    อย่างสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่วัยหนุ่มแล้ว

    แต่ติดอยู่อย่างเดียวเท่านั้นและเป็นสาเหตุอันใหญ่หลวงของประธานบริษัท world haunt ที่ไม่อยากทำให้บริษัทเจริญรุ่งเรืองไปกว่านี้

    คุณเจริญเป็นคนขี้เกียจ และยังคงรักษาความขี้เกียจได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

    มาจนตราบปัจจุบัน

     

     

     

    โรงพยาบาลเอกชนแนวหน้าของประเทศที่บริษัท world hauntถือหุ้นเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์

    หลังจากได้รับข่าวว่าท่านประธานบริษัทผู้มีอุปการะคุณบาดเจ็บถึงสองครั้งสองคราติดต่อกันในรอบวัน ทางทีมแพทย์ของโรงพยาบาลรีบดำเนินการลากเตียงคนไข้เข้าสู่ห้องฉุกเฉินและง่วนอยู่ภายในห้องตรวจผลอยู่ตั้งแต่บ่ายคล้อย จนตะวันหายจมลับไปกับยอดตึกสูงแล้วชายชราก็ยังไม่ถูกพาออกมา

    จนทิ้งให้คนที่นั่งรออยู่หน้าห้องรอผลฟุบหลับไปกับโซฟายาวและเหยียดตัวนอนหลับไปกับเสียงเพลงคลาสสิกเบาๆ ที่เปิดผ่านเครื่องกระจายเสียงทั่วทั้งโรงพยาบาล

    ผ่านไปไม่นาน ร่างสูงใหญ่ไร้ไขมันส่วนเกินของท่านประธานบริษัทเกมส์ออนไลน์สยองขวัญสั่นประสาท ก็เก้าเดินออกมาจากห้องตรวจอย่างผึ่งผาย

    ดวงตาฟ่าฟางเปล่งประกายซับซ้อนยามครุ่นคิด

    เอาเป็นว่า......ต่อจากนี้ไปเรียกข้าว่า ท่านประธานซันก็แล้วกัน!”

     

     

     

    เสริมบท

     

    ท่านประธานซัน: ข้าจะออกไปท่องยุทธจักรฮาๆๆ!

    หลานสาวท่านประธาน: พ่อ ปู่หายไปแล้ว!

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป บทที่ 2 เรียกข้าว่าท่านประธานซัน!

     

     

     

    ………………………..***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×