คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ ทวิวิญญาณชะตาบัดซบ + บทที่ 1 มันคือสิ่งใด?
บทนำ ทวิวิญญาณชะตาบัดซบ
บนโลกทั้งใบที่ทุกคนบนพื้นภิภพยังเข้าใจว่าโลกใบนี้แบนราบ
ผืนดิน ท้องน้ำ ป่าเขา หนองห้วยลำธาร ล้วนราบเรียบ......แต่ข้าไม่คิดแบบนั้น
ข้าหยุดร่างล่องลอยจากฟากฟ้า นุ่มนวลบนใบบัวหิมะ
ซึ่งเป็นดอกบัวที่สามารถพบเห็นได้ดาดดื่นในดินแดน
วินซีเรียแห่งนี้
ดินแดนวินซีเรีย ตั้งอยู่ทางใต้สุดของทวีปมารครองฟ้า มีภูมิประเทศเป็นหน้าผาหุบเหวอันตราย
มีน้ำแข็งหิมะปกคลุมตลอดปี
มีบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติผุดขึ้นราวดอกเห็ด ทำให้ธุรกิจโรงเตี๊ยมน้ำพุร้อนของดินแดนใต้
มีชื่อเสียงขจรไกลทั่วแผ่นดิน
สายลมเย็นหอบฝอยหิมะเล็กละเอียดพัดพาไปกับเส้นผมของข้า.......มือขาวสะอาดยกขึ้นพร้อมโคจรพลังลมปราณ
ขอบเขตขั้นวิญญาณออกมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนพร้อมกดผนึกลงไปสู่ตราประทับ
ใจกลางสระบัวหิมะที่ซึ่งข้าหยุดร่างตนอยู่เหนือยอดคลื่นหิมะพริ้วไสว
กระแสพลังยุทธสะบัดชุดคลุมไยบัวหิมะพลิ้วกระพือไปด้วยไอร้อนจากขุมลมปราณ
ที่ส่งผ่านจุดชีพจรจากข้อมือทั้งสอง
ลำแขนใต้ชุดไหม กระแสพลังไหลเวียนจากจุดศูนย์ลมปราณทั้งสามจุด หว่างคิ้วเปร่งแสงสีทองจางๆ กระแสลมปราณยกระดับความเข้มแข็งขึ้นจนสร้างม่านพลังยุทธไร้ลักษณ์หมุนวน
เข้าโอบล้อมตัวข้าและตราผนึกเทวะ....
สีทองสะอาดที่กำลังดิ้นรนจะสลัดหลุดจากกำลังยุทธของข้าที่กดและผลักฝ่ามือทุ่มเทลมปราณสุดชีวิตลงสู่ผนึกแห่งเทวะ เผ่าพันธุ์หายนะแห่งทวีปมารครองฟ้า.....
บูมมม!
ในหูได้รับคลื่นเสียงคำรามของอัสนีสวรรค์ซึ่งเป็นลมปราณประจำเผ่าพันธุ์แห่งเทวะ
เคยเอาชนะราชันย์มารครองฟ้ามาแล้วในการต่อสู้ฟาดฟันกันหลายยุคหลายสมัยในอดีต
เลือดสายเล็กไหลหลั่งจากมุมปากจมูกและดวงตาพร่าเลือนลง
“ฮึ่มม!” เสียงคำรามของตัวข้าฉุดรั้งสติที่กำลังกระเจิตกระเจิงให้กลับมา
อยู่กับเนื้อกับตัวพร้อมทุ่มเทวิชาผนึกซึ่งสืบทอดมาจากบรรพชนแห่งสำนักปราณวินซีเรียอัดพลังยุทธ์ทั้งสรรพางค์เข้าเติมเชื้อพลังจากผนึกบุพกาล
จนในที่สุด ผืนน้ำรอบข้างระเบิดออกเป็นม่านหิมะพลิ้วสยายเป็นโดมแสงสีทองกระจ่างจ้า
หอบร่างข้าให้ลอยขึ้นและถูกกำลังลมประหลาดจากบึงบัวหิมะพัดลอยมาตกไกลจากที่เดิม
หลายลี้ หลังจากเท้าติดแนบกับผืนแผ่นดินยอดเขาข้าซุดตัวทิ้งลงกับโขดหินระเกะระกะ
ของยอดภูผาแล้วได้แต่หายใจหอบเหนื่อยโรยรินเหงื่อการหลั่งไหลชะโลมร่างและผ้าไหมเย็นบนร่างจนแม้แต่ใบหน้าของข้ายังซีดเผือด
ปราดสายตามองมือทั้งสองข้างที่ยังคงสั่นสะเทือนไม่หยุดยั้ง ในหูยังคงแว่วเสียงคำรามของ
วิชายุทธอัสนีสวรรค์อันลือลั่นแล้วข้าก็ได้แต่เปิดปากแหงนหน้ามองฟ้าแล้วระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นทั้งผืนฟ้าดั่งราวคนวิปลาส
“ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ~”
…
“คารวะท่านเจ้าสำนักครับ/คารวะท่านเจ้าสำนักค่ะ” เสียงแซ่ซ้องร้องคารวะดังกังวานไปทั้งหุบเขาเต่าหิมะ
เมื่อตัวข้าเหินร่างลงจากฟากฟ้าราวเทพเซียนจุติ
“อย่าได้มากพิธีไป พวกเจ้ามีอันใดก็ไปทำ” ข้าปิดปากหาวและสะบัดมือไล่อย่างไม่ใส่ใจ
ร่างสูงสง่างามของข้าก้าวตรงสู่ปากหุบเขาซึ่งหมอบตระหง่านด้วยร่างเต่ายักษ์ขนาดสูง
เกือบห้าลี้
การเข้าสู่สำนักปราณวินซีเรียนั้นง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง
ซันกุ้ยเซียน ผู้มีฉายานามอันอื้อฉาวมากมายหลายหลากตบเท้ากับพื้นศิลามรกตพร้อมร่าง
ซึ่งพุ่งทะยานขึ้นดุจวิหกฟ้า
โบยบินทะยานเหยียบไปตามซี่ฟันเรียงรายของเต่ายักษ์ก่อนจะพลิกตัวทะยานไล้ลื่นร่างกายไปตามลิ้นยาวที่ทอดหายเป็นอุโมงค์เข้าสู่หุบเขาเต่าหิมะ ซึ่งสองศิษย์อารักษ์ขายังคงเบิกตาค้าง
จ้องมองข้าดั่งวันแรกที่พวกนางเจอข้าไม่มีผิด
“ท่านเจ้าสำนัก…ว้ายย…กรี๊ดด~”
ระหว่างร่างของข้าร่วงหล่นแตะเท้ากับพื้นหญ้าเขียวขจีของหุบเขาเต่าหิมะ มือแห่งเจ้าสำนัก
ทั้งสองข้างก็แยกย้ายเข้าโอบไหล่แบบบางอันงดงามของสองสาวน้อยผู้เฝ้าเส้นทางเข้า
สู่สำนักปราณวินซีเรีย
พร้อมส่งเสียงหัวเราะฮาๆ
แล้วเคลื่อนร่างวูบวาบผ่านสองสาวไป
“ฮ่าๆ พวกเจ้านี่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน…….นมยังไม่โตเลยน้ะ”
ชื่อเสียงอันอื้อฉาวขาวสะอาดของข้าในเรื่องอิสตรีอันดีงามที่ต้องสูญเสียความเอียงอาย
และคาวราคีที่แปดเปื้อนไปกับพวกนางนั้นทำให้ข้ากลายเป็นที่รังเกียจของสตรีทั่วทั้งดินแดน
วินซีเรีย
แม้กระทั่งคนในสำนักปราณของข้าเองข้าก็ไม่มีละเว้นแก่พวกนาง....
เหล่าสตรีมองข้าด้วยความหวาดหวั่นสั่นกลัว.....เหล่าบุรุษต่างมองข้าด้วยความอิจฉาเลื่อมสัย
และพร้อมใจมาคุกเข่าโขกคำนับฟ้าดินขอให้ข้ารับพวกมันเป็นศิษย์
“ท่านเจ้าสำนัก โปรดหยุดเท้าก่อน” ผู้อาวุโสในชุดขาวหมวกปีกกว้างสีขาว
และหนวดเคราขาวสดใสลอยเข้ามาหาข้าจากอีกฟากหนึ่งของสวนสมุนไพรอันกว้างใหญ่
“มีอันใดท่านไป่เพ่ยจื่อ?” ข้าเอ่ยถามกับผู้ควบคุมสวนสมุนไพรแห่งนี้ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
กวนอวัยวะเบื้องล่าง
“มิกล้าๆ ข้าเห็นท่านเจ้าสำนักพึ่งกลับจากการเข้าร่วมงานสัมมนาชาวยุทธวินซีเรียมาเหนื่อยๆ ข้าจึงคิดจะนำเสนอน้ำสมุนไพรใหม่ล่าสุดให้ท่านได้ลิ้มชิมเป็นอย่างไร?”
ข้าค่อยส่งยิ้มให้ชายชราผู้ก้มศีรษะราวบัณฑิตคงแก่เรียน
“โฮ่ๆ หน้าตาข้าแจ่มใสถึงเพียงนี้ ท่านเห็นว่าข้าเหนื่อยล้างั้นรึ?” ท่านไป่เพ่ยจื่อหน้าแข็งค้าง
แม้รอยยิ้มยังคงห้อยแขวนแต่กลับแลดูแห้งเหี่ยวเหลือฝืน
“อ่า.......ท่านเจ้าสำนัก!”
ข้าเอียงใบหน้าเข้าใกล้แล้วกระซิบเสียงเบา แต่กลับดังกลอกหูชายชราตรงหน้า
จนเส้นเคราขาวโพลนลุกชี้ชันราวปีศาจศุกรจุติเยือนใต้หล้า
“ข้านั้นแจ่มใสเป็นอย่างยิ่ง เมื่อกี้ข้ามีวาสนาได้ลิ้มชิมรสน้ำนมของหลานสาวฝาแฝดท่านแล้ว โฮ่ๆ ขอบคุณๆ ที่ท่านปู่อย่างท่านกรุณา!!!”
ข้าไม่รู้ว่าท่านไป่เพ่ยจื่อจะร้องคร่ำครวญมิกล้ามิกล้าอีกหรือไม่แต่ข้านั้นรีบสาวเท้า
เผ่นทะยานพุ่งหายเข้าสู่ตึกส่วนกลางของเจ้าสำนัก พอถึงสถานที่ส่วนตัวข้ารีบตรงดิ่งเข้าไป
ที่เตียงแล้วกระอักเลือดกองโตออกมาแปดเปื้อนชะโลมผืนที่นอนจนแดงฉาน
สายตาข้าเริ่มพร่าพรายจนเห็นโลกหกคะเมนตีลังกาทุกสารทิศ
“อ๊อก บัดซบ ข้าธาตุไฟเข้าแทรก!” ร่างกายข้าไร้เรี่ยวแรงจนซุดคว่ำลงกับพื้น
พลังลมปราณทั่วร่างระเหยไออัสนีสวรรค์
สีทองออกมาฟาดผ่ากับชีพจรที่กรีดร้องจนถูกฉีกกระชากปลดปล่อยลำโลหิตสายยักษ์พุ่งพลวดออกจากหูตาจมูกปาก
รวมไปถึงรูขุมขนทั่วร่างกายที่สะเหมือนมีเข็มแหลมร้อนลวกไฟกำลังทิ่มแทงข้าอย่างไม่ปรานี
ชุดไหมผ้าเย็นอันดับหนึ่งแห่งทวีปมารครองฟ้าเริ่มติดไฟปราณสีขาวครามเผาไหม้ตัวเองและผู้เป็นนายที่กัดฟันจนสัมผัสถึงคาวเค็มของรถเลือด
ข้าฝืนชักพากำลังภายในทะยานเข้ากระแทกกับจุดสำคัญที่จะทะลวงข้าให้เก้าผ่านเข้าสู่ขอบเขตเทวดา.....
“ฮึก!” ลมปราณตีกลับกระแทกทำลายตันเถียนศูนย์ทะเลลมปราณจนถูกฉีกกระชากแหล่งกักเก็บลมปราณจนขาดกระจุยเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือนปลิวไปกับลิ่มเลือดที่พุ่งทะยาน
ออกจากริมฝีปากข้ากระแทกกับศิลาหยกเทวะจนแผ่ขยายรอยร้าวออกไปรอบทิศทาง
ราวไยแมงมุม
เจ้าสำนักลมปราณวินซีเรียกลอกตามองบนแล้วกรีดร้องโหยหวนอยู่ในใจเพียงเท่านั้น
…
พุทธศักราช 2643
โลกเกิดความล้ำหน้ากว่าร้อยปีที่ผ่านมามากจนแทบเปรียบเทียบกันไม่ได้
วิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีของมนุษย์นั้นสามารถพัฒนาได้รวดเร็วอย่างน่ากลัว
ตึกระฟ้าและเครื่องยนต์สัญจรภาคพื้นอากาศบินว่อนเต็มทั่วมหานคร
ในยุคปัจจุบันเป็นยุคโลกไร้พรมแดนอย่างแท้จริงทั้งในเรื่องของกฎหมาย การเดินทาง รวมไปถึงการอยู่อาศัย
ครอบคลุมถึงเรื่องเชื้อชาติซึ่งกลมกลืนอย่างถึงที่สุด
บริษัท world haunt online จำกัดมหาชน
บริษัทเกมส์ออนไลน์และอาวุธสงครามแนวหน้าของประเทศไทยและทวีปเอเชีย
ในปัจจุบัน
บนชั้นที่เจ็ดสิบสอง
ในส่วนนี้ถูกจัดตกแต่งอย่างเลิศหรูแต่แลดูเรียบๆ อาจเป็นเพราะผู้อยู่อาศัย
หลายสิบตำแหน่งนั้นเป็นผู้มีอายุเลยเลขหก
กันมามากแล้ว
รวมไปถึงชายชราร่างสูงใหญ่ทะลุร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรซึ่งยังคงจดจ้องกับกองเอกสารหนาปึ้ก
ราวกับหนังสือประวัติศาสตร์สากลหลายพันปี
ดวงตาฟ่าฟางสีเดียวกับชุดสูตรกวาดจ้องผ่านไปกับตัวหนังสือ แต่ในใจกำลังหาวเป็นดาวเดือน
แล้วน้ำลายยืดเป็นเกษียณสมุทรไหลบ่าเข้าท่วมท้นโต๊ะทำงานอย่างที่ชายชราผู้นี้ยังคงยิ้มระรื่น แต่จริงๆ เขากลับหลับในไปนานแล้ว…..
วูบ!
ชายชรารู้สึกเหมือนในหัวลั่นวิ้งพร้อมสายรุ้งเจ็ดสีเรืองรองราวภาพฝันหมุนวน
ผ่านสายตาคู่ฟ่ามัว
จนถึงขั้นที่ผู้บริหารคนอื่นได้แต่สั่งให้ตัดแว่นตาเรียงบนโต๊ะราวภูเขาสองขาอันดารดาด
“เย้ย!” แม้จะแหกปากร้องด้วยความเสียสติ แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้น้ำลายแทบไหลย้อยมาฟูมปากชายชรา
ที่กำลังตกใจช็อคกับภาพที่เกิดขึ้นข้างหน้าด้วยสายตามึนงงสงสัย
“บัดซบ นี่ข้าเป็นอะไร!?”
“บัดซบนี่ข้าอยู่ที่ไหน?!!!” ชายเจ้าของดวงวิญญาณในชุดยูกาตะลอยละล่องร้องตะโกน
จนคลื่นเสียงก้องสะท้อนดังไปรอบบริเวณ
ชายชราเพียงผู้เดียวก็แหกปากร้องราวพายุหมุนแถบชายฝั่ง
ด้วยเสียงเป็ดนรกมาเกิดของสองชายต่างวัยทำให้พวกเขาต่างยกมือปิดหูแล้วตะโกนแข่งกัน
จนเสียงดังลั่นตีกันมั่วไปหมด
“แฮ็กๆ หยุดก่อนข้าแก่แล้ว!!!” เจ้าสัวเจริญ ชำนาญสรรพกิจแหกปากร้องโหยหวนอย่างไม่เป็นภาษาก่อนจะล้มก้นจ้ำเบ้าสองขาชี้ฟ้าโด่เด่
“บ้านข้าไม่ได้เลี้ยงแมว เจ้าอย่าเอ่ยวาจาอันบัดซบเช่นนี้!!!” ซันกุ้ยเซียนยิ้มอย่างไม่นำพาปรารมภ์แล้วตะโกนโต้ตอบ
ชายชราในร่างโปร่งแสงเช่นเดียวกับเขา......หืม.....ชายหนุ่มกวาดจ้องตัวเองและชายชรา
แล้วหัวเราะเสียงดังลั่น
ราวเป็นคนเสียสติอีกครั้ง
“ฮ่าๆ แม้ข้าจะต้องไปปรภพ ยังคงลากคนแก่ไปพูดคุยระหว่างทางได้คนหนึ่งฮ่าๆ!”
‘คนแก่’
เพื่อนพูดคุยระหว่างทางไปปรภพทำตาเหลือกแล้วชี้นิ้วสั่นเทาเข้าหาคนตรงหน้าซึ่งสะเหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูน
จอมคาถามหาบรรลัยสักเรื่อง
“อ๊ากก ข้าไม่ไปนรกกับแกโว้ย!!” ยอดยุทธซันยังคงอ้าปากหัวเราะแล้วลงไปชักดิ้นชักงอเหมือนเพลงคลาสสิกในยุคนี้
สักเพลงหนึ่งแล้วแหกปากร้องเพลงอย่างรื่นรมภ์อุรา
“ข้า.....โป้งๆๆ เป็นยอดยุทธผู้ท่องไปทั่วหล้า....ฮ่าๆๆ.....ไถ่ถามคุณธรรมแทนฟ้าได้ทั้งสิ้นฮึกอ้า.....” พร้อมออกลีลา
วาดลวดลายสะบัดสะโพกพริ้วไปตามสายลม
เจ้าสัววัยไม้ใกล้ฝั่งเข่าอ่อนลงกับพื้นแล้วน้ำตาไหลพราก......
”อ๊าก สวรรค์ ข้ามาเจอไอ้วิญญาณปัญญาอ่อนจากที่ไหน?!”
“โฮ่ โฮ่ มนุษย์ผู้หน้ารักหน้าชังทั้งสอง ถึงเวลาแล้วล่ะ.......ที่พวกเจ้าจะต้องเข้าสู่นิยายของข้า~”
บรรยากาศโลกวิญญาณนิ่งอึ้งตลึงงันไปชั่ววูบหนึ่ง ออร่าแสงสว่างสีทองอร่ามราวถังอุจจาระรั่วระเบิดเจิตจ้าพร้อมชายในชุดยาว
สีแดงและรองเท้าแตะอันเป็นเอกลักษณ์ บนศีรษะประดับด้วยหน้ากากผีหิมะหน้าขาว
แลดูสยดสยองล่องลอยลงจากฟากฟ้า(ฝ้าเพดานห้องทำงานของอาคารยักษ์)
“เจ้าเป็นใครรึ?/เอ็งต้องการอะไร??!”
สองเสียงร่วมทางนรกยังคงเอ่ยถามสอดประสานกันเป็นเสต็บได้อย่างน่าประหลาดใจ
“โฮะๆ เราก็คือผู้ยิ่งใหญ่ผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมค้ำจุนใต้หล้า อะแฮ่ม อย่าได้ใช้สายตาเทิศทูนบูชา ข้าไม่ค่อยชินหรอก” หลังจากหยุดกระแอมแล้วก็กล่าวต่อราวว่าเรื่องที่พูดโต้งๆ นั้น
มันเป็นเรื่องธรรมดา เช่นคืนนี้ที่ไหนดีลูกเพ่~
“ชตาฟ้ากำหนด ชีวิตของทวิวิญญาณทั้งสองจะเริ่มใหม่ พวกเจ้าต้องก้าวเดินไป
ในเส้นทางแห่งจอม.........”หลังจากทำเสียงแทมแท้มแล้วก็ปรากฏเอฟเฟล็กพุดอกไม้ไฟ
สว่างไสวไปทั้งพื้นที่มืดๆ
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด ที่ห้องทำงานสุดหรูของท่านประธานบริษัทเกมส์สยองขวัญสะท้านโลกออนไลน์กลายเป็นพื้นที่มืดๆ รายล้อมด้วยออร่าแห่งดอกไม้ไฟสีแสบแปล๊ดอยู่รายรอบกาย
เจ้าหมอนั่น
“ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเจ้าจะทวงคืนในสิ่งที่พวกเจ้าเสียหายไป จำคำพูดข้าไว้
อย่าได้เป็นวีรบุรุษเพราะสงครามจะติดตามมา
อย่าเป็นจอมมารร้ายเพราะจะนำมาซึ่งสงคราม
จงใช้ชีวิตอย่างที่พวกเจ้าหวังและข้าขอประทานนามทวิภาคแห่งสองดวงวิญญาณผู้ต้องสลับร่างกันว่า
ทวิวิญญาณสลับร่างสร้างฮาเร็มในต่างโลก ภาค เกิดใหม่ในร่างชายวัยหกสิบเก้า……….
และ
ทวิวิญญาณสลับร่างสร้างฮาเร็มในต่างโลก ภาค จักรยานเย้ยภิภพ…………….
สองหนุ่มต่างวัยหันมองสบตากันเป็นเวลาสามวินาทีแล้วได้แต่อุทานด้วยเสียงโหยหวน
“ม่ายย สตรีของข้าทั้งดินแดนนนน!!!”
“ธุรกิจของฉันนนน.....โท่ชีวิตคนแก่!!!”
สองสายตาสบประสานพร้อมประกาศศึกด้วยสายตา จนก่อเกิดคลื่นความโหดปะทะกัน
แต่สุดท้าย....ทั้งคู่ก็ทำได้เพียงกรีดร้องราววิญญาณบาปกำลังตกสู่หม้อซุบยมทูตที่หัวเราะ
ดังกึกก้อง……………….
เสริมความรู้เชิดชูสองสหายต่างวัย
(ระดับขั้นลมปราณในต่างโลก
มนุษย์ ลมปราณ หนึ่งปีถึงสิบปี
วิญญาณ ลมปราณสิบปีถึงร้อยปี
เทวดา ลมปราณร้อยปีถึงพันปี
ธรรมชาติ ลมปราณพันปีถึงหมื่นปี
เจ้ายุทธ์ ลมปราณหมื่นปีถึงแสนปี)
(1 ลี้ประมาณ 500เมตร)
ขอต้อนรับเข้าสู่นิยายของผีหิมะ(Ghostsnow)
กราบเรียนนักอ่านที่รักทุกท่าน เข้ามาอ่านแล้วเป็นอย่างไร ติชมให้ขนมกันได้ (55) ไม่ว่ากัน
ป.ล. 1 ใครหวังนิยายระเบิดภูเขาเผาสำนัก ข้าน้อยต้องขอแสดงความใสเจียด้วย
เพราะเรื่องนี้เน้น ฮาสบายๆ
ป.ล. 2 เรื่องนี้ฮาเร็มจัด สาระไม่ค่อยมี
ล้างแค้นก็ไม่มา (555) ต้องขออภัย
ป.ล. 3 เรื่องนี้เน้นความอบอุ่นใจ
ฉากรบก็สยบใต้หล้า
ฉากรักก็สะท้านดินฟ้า
โปรดขึ้นรถแล้วตามมา ท่องจักรวาลผีหิมะกันเลยจ้า!
…………….***
บทที่ 1 มันคือสิ่งใด?
อากาศซึ่งหนาวเย็นพอๆ กับบ้านเกิดข้าที่จากมาอย่างดินแดนวินซีเรียแห่งทวีปมารครองฟ้า....ซึ่งคงอยู่ที่ไหนสักแห่ง ที่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงแผ่นดินแห่งลมปราณและผืนทวีปแห่งมนตราได้
มีก็แต่เสียงโหยหวนในใจข้าที่ร่ำร้องสาปแช่งเจ้าตัวประหลาดในหน้ากากผีหิมะอันสยดสยอง
ที่ก่อบาปมหันต์ ต่อให้สวรรค์ลงโทษมันสักสิบแปดรุ่นยังไม่สาสม......
และต้องสบถด่าเป็นรายต่อมาก็คือเจ้าแก่บัดซบ ที่บัดนี้ไม่รู้ว่าเอาร่างแสนจะหล่อเหลา
และงามสง่าเปี่ยมบารมีไปประกอบพฤติกรรมเลวๆ อันใดบ้าง
แม้ข้าจะน้ำตาตกอยู่ในหัวอกลูกผู้ชายชาติยุทธจักร แต่ทุกสิ่งทุกอย่างของข้าได้เปลี่ยนไปแล้ว และนี่คือความเป็นจริงที่ข้า จำเป็นจะต้องยอมรับมันให้ได้
”มันคือสิ่งใด?”
คำถามแล้วคำถามเล่าที่ผุดขึ้นบนใบหน้า สายตา และสมองของข้า วนไปวนมาจนข้าปวดหัว
ข้าพาร่างแก่ชราที่ไร้ไขมันส่วนเกินลุกขึ้นแต่แล้วก็เข่าอ่อนเอียงวูบกระแทกเข้ากับโต๊ะทำงาน
ตัวใหญ่จนก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมอันแสนเศร้า
“อ๊ากก ข้าเข่าเดาะโว้ย!”
แหกปากโหยหวนอยู่ไม่ถึงห้าลมหายใจ ผู้คนมากมายต่างเผ่นเข้ามาในห้องแล้วแห่รายล้อม
แบกร่างสั่นงันงกของข้าขึ้นแผ่นกระดานสี่เหลี่ยมผืนผ้าปูฟูบหนา
“อ๊ากก พวกเจ้าถึงกับจะฝังกันเลยหรืออย่างไร!~?” ในโลกเก่าของข้านั้น
การแบกขึ้นกระดานสี่เหลี่ยมจัตุรัสก็ตีความหมายได้แบบเดียว
คือขุดหลุมรอให้ข้าลงไปนอนอย่างสงบ แต่......โลกนี้มันอันใดกัน ข้าเพียงเข่าเดาะ
ถึงกับเอาข้าไปฝังเลยรึ!
“ท่านประธานค้ะ ใจเย็น ท่านประธานใจเย็นๆ!” แม้จะมีหญิงร่างอวบอ้วนวิ่งเข้ามา
กดตัวข้าให้นอนราบไปกับแผ่นไม้ปูฟูบหนาข้าก็ยังคงแหกปากโวยวายร้องโหยหวน
“เจ้าจะทำอันใดข้า อ๊ากก?!” เมื่อเห็นแน่ว่าท่านประธานยังคงโวยวายล้งเล้งจนน้ำลายแตกฟอง พนักงานบริษัทผู้ซื่อสัตย์จึงคว้าเข็มฉีดยาสลบขึ้นสูงแล้วปักลงกับต้นแขนชายชราอย่างรุนแรง พร้อมกดเข็มฉีดน้ำยาไหลเวียนไปกับกระแสเลือดแล้วรอให้ยาออกฤทธิ์เพียงเท่านั้น
“อ๊ากกก พวกเจ้าคิดจะใช้พิษกับข้างั้นรึ?” ชายชราแหกปากโวยวายสุดเสียงก่อนจะเหวี่ยงมือเปะปะปัดคนรอบตัวที่รีบปล่อยเตียงสนามให้หล่นกระแทกพื้นห้องจนชายชราหัวสั่นหัวคลอน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบของชายหญิงในชุดสูตรเจ็ดแปดคนพลวดพลาดเข้าห้องทำงาน
ที่เละเทะไม่เหลือชิ้นดี
“คุณปู่/คุณอา/คุณลุง/คุณพ่อ/ไอ้แก่/ตาแก่/สหาย/บัดซบ!”
ผู้บริหารทั้งแปดอุทานด้วยประโยคที่แตกต่างกันก่อนจะวิ่งกลูกันเข้ามาพยุงร่างงกงกเงิ่นเงิ่น
ของชายชราผู้นั่งเก้าอี้ประธานบริษัท
“หยุดอยู่ตรงนั้น! อย่าได้เข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว ฮึ่ม!” แม้ชายชราในสูตรดำ
ยังคงคลานอย่างทุลักทุเลไปกับพื้น
เพียงไม่นานก็ลากสังขารขึ้นมานั่งหอบบนพื้นแฮ่กๆ
“มันเกิดอะไรขึ้นครับคุณพ่อ?” ยอดยุทธ์ซันถึงกับตาเหลือกเมื่อชายวัยสี่สิบต้นๆ ก้าวขึ้นหน้ามาเรียกตนว่า ‘พ่อ’
พนักงานบนชั้นเจ็ดสิบสองของบริษัทต่างจ้องชายชราที่ลูบเข่าป้อยๆ
และหันไปถามคนที่อยู่เบื้องหลัง
“ชาหิมะสวรรค์ของข้าอยู่ที่ใด?” ทุกคนทำหน้าตกตลึงและตามมาด้วยอาการอ้าปาก
จนกรามค้าง
“ทะ...ทะท่านประ..ประธานว่าไงนะครับ?” เลขาหน้าห้องหน้าซีดเผือด
แต่ไหนแต่ไรมาต่างรู้กันทั่วบริษัทท่านประธานเกลียดชาเป็นไหนๆ
และที่ผ่านมาก็เพียงบริโภคไมโลและโอวันตินเพียงเท่านั้น
“.....ข้าถามว่าชาข้าอยู่ไหน ไม่ได้ถามหาภรรยาเจ้า!” ยอดยุทธ์ซันกุ้ยเซียนหลับตากล่าวแล้วเอ่ยปากสั่งต่อ
“เจ้าไปเตรียมม้าด้วย เดี๋ยวข้าจะออกไปนอกสำนัก!” เลขาฯหน้าห้องถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก
เมื่อหันไปจ้องผู้บริหารทั้งแปดต่างยืนตลึงอ้าปากค้างไปนานแล้ว
“คุณ....คุณ....พ่อเมื่อกี้ลื่นล้มจนหัวกระแทกโต๊ะสมองฟั่นเฟือนรึเปล่า?” ชายวัยกลางคนผู้เป็นลูกชายเอ่ยถามกับเลขาฯของตัวเองที่ได้แต่ส่ายหน้าพลืดอย่างบื้อไบ้
“คุณพ่อครับ เวลาทำงานนะครับคุณพ่ออย่าพึ่งล้อเล่นสิ” ในที่สุดลูกชายจึงตัดสินใจ
ก้าวขึ้นหน้าและเอ่ยกับบิดาด้วยน้ำเสียงละเหี่ยใจ
แววตาฟ่าฟางของชายชราเบือนจ้องผู้ที่เรียกตนเองเป็นลูกชายเขาแล้วแสยะยิ้ม
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นพ่องั้นรึ.....ดีมาก งั้นลูกที่ดีต้องยึดบิดาเป็นแบบอย่างเข้าใจหรือไม่?”
ภิภพ ชำนาญสรรพกิจมองผู้ได้ชื่อว่าพ่อบุญธรรมด้วยสายตาว่างเปล่าชั่วขณะจิตก่อนเขาจะรีบหลบเลี่ยงถอยเท้าออกไปริมประตูห้อง
“ดวงเฮ็ง แกก็ไม่ควรเล่นทำให้พวกเราตกใจ อดทนทำงานอีกสองชั่วโมงก็กลับบ้านแล้ว อย่ามัวเล่น พวกเราจะเสียเวลา!” หญิงชราในสูทสีน้ำเงินเข้มกล่าวขึ้นอย่างตัดรำคาญ
ยอดยุทธ์ซันกุ้ยเซียน เลิกคิ้วขึ้นแล้วตวาดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ยัยเฒ่าหุบปากเน่าๆ ของเจ้าไปซ้ะ อย่าให้เจ้าสำนักต้องหมดความอดทน!” หญิงชราผู้มีอายุแตะเลขเจ็ดอ้าปากพงาบพงาบพูดไม่ออกอยู่เป็นนานสองนาน
จนแม้กระทั่งชายชราเดินแหวกฝ่าฝูงชนชาวบริษัท world haunt ออกไปจากห้องทำงานแล้วก็ยังคงทำเหงือกแห้งประหนึ่งปลาบู่แก่…..
ชายหนุ่มในร่างแก่หงำเหงือกเดินล่วงฝีเท้าออกจากห้องฝ่ายประธานบริหารออกสู่เฉลียงทางเดินขนานไปกับทางขึ้นลงของรถเหาะขนาดเล็กบนยอดตึกแล้วยิ่งตกตลึงมองภาพพาหนะ
สีสะดุดตาที่ลอยผ่านเหนือหัวไปแล้วได้แต่ขะยี่ตาตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า
“มันคือสิ่งใด?” คำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวไม่มีใครตอบได้
ข้ายกมือขึ้นกุมขมับ ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ตัวข้าไม่ได้อยู่ในดินแดนมารครองฟ้าอีกต่อไป
ไม่อยากยอมรับก็ต้องทำใจ ความสุขสันต์ขมขื่นต่างประดังขึ้นดั่งทะเลมรสุม
หลังจากผ่านไปนานกว่าข้าจะยอมถอนสายตากลับมาจากภาพที่สร้างความแปลกใหม่และเร้าใจให้ข้าในร่างใหม่....ไม่ใช่! มันคือร่างของคนแก่ที่ใกล้สิ้นอายุขัย....อ๊ากก!
ชีวิตข้าดั่งตะเกียงแสงสุดท้ายหรือ.....
ยอดยุทธ์ผู้หลงใหลในตนเองไม่น้อยครางอย่างสิ้นหวัง
ในสมองกำลังสร้างมโนภาพตัวเองชักแหง็กๆ น้ำลายยืดและจากไปอย่างสงบ....
หรือจะเป็นภาพร่างของตัวเองผอมโซเหลือแต่กระดูกล้มตายเป็นใบไม้ร่วง.....
หรืออาจจะเป็นการตายในรูปแบบอื่น......
ท่านประธานปาดเหงื่อที่ไหลโชกหน้าผากล้านเลี่ยนปอยผมหลายกระจุก
บนศีรษะซึ่งไม่ได้ผ่านน้ำยาย้อมหลายสัปดาห์ฟูขึ้นเป็นคนแก่จอมมกซก ดวงตาฟ่าลายจ้องผ่านกระจกใสลงไปในมหานครเบื้องล่างซึ่งพลุกพล่านและสับสน จนคนที่เคยอยู่เพียงชุมชนเล็กๆ อย่างเจ้าสำนักปราณวินซีเรียต้องพยายามปรับทัศนคติอยู่เป็นนานนมกว่าสุดท้ายลมหายใจยาวๆ จะถูกผ่อนออกแล้วปลุกพลังใจให้ฮึกเหิม
“ไอ้แก่ ข้าจะทำให้ร่างแกได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำเอง........~~”
ว่ากันว่า ก้าวแรก เป็นสิ่งสำคัญ เท้าใต้รองเท้าหนังราคาแพงลิบลิ่ว ย่างเท้าออกไปข้างหน้า
แต่ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็มาเยือนอีกครั้ง
วืด!
พื้นบัดซบ!
ท่านประธานได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจพร้อมร่างแก่ชราที่ถลาหน้าคว่ำลงไปบนพื้น
แล้วพุ่งตัวออกไปกระแทกหัวโขกลงกับพื้นรองเท้าของใครคนหนึ่ง
”ชะตาอนาถอีกแล้วข้าาา!!!” ท่านประธานวิญญาณใหม่พึ่งจะตั้งความหวังและเป้าหมาย
ของชีวิตไม่ถึงนาที
ก็มารมาผจญ
ศีรษะกระแทกพื้นขัดมันวาวดังโป๊กเสียงดังลั่น
จนสติอันเลอะเลือนได้ยินเพียงเสียงไถ่ถามอย่างรำคาญใจ……
“ปู่....โตละน้ะยังมาเล่นลื่นเป็นเด็กๆ ไปได้” ก่อนสติของข้าจะดับลง ข้าสัมผัสได้เพียงมือคู่หนึ่งที่แสนนุ่มนวล
พร้อมฟาดฝ่ามืออันแสนอบอุ่นลงกับแผ่นหลังของข้าดังป๊าบใหญ่
ก่อนข้าจะสลบเหมือดไปอย่างยาวนาน
คุณภิภพรับโทรศัพท์ที่โชว์เบอร์บุตรสาวบุญธรรมแล้วฟังเสียงใสที่กลอกมาตามสาย
อย่างเบื่อหน่าย
“พ่อค้ะ ปู่ลื่นทางขึ้นรถเหาะ ถ้าเลิกงานก็ตามมาที่โรงพยาบาลน้ะ หนูจะไปเฝ้าปู่ก่อน”
เพียงเท่านั้นลูกสาวตัวแสบก็วางสายไป นิสัยมะนาวน้ำแห้งของเธอนี้ ครอบครัวของเขาผู้เป็นพ่อและแม่บุญธรรมสัมผัสมันมาได้นานแล้ว ชายวัยกลางคนได้แต่ยกมือก่ายหน้าผาก
แล้วเดินไปทำงานในส่วนของบิดาบังเกิดเกล้าของตน ที่ทำกองเอกสารทั้งหมดให้เปื้อนน้ำลายยืดไปกว่าครึ่ง......
ที่จริงแล้วคุณ เจริญ ชำนาญสรรพกิจเป็นชายสูงวัยผู้ทำงานเก่งกาจลำดับต้นๆ
ของประเทศ รูปแบบความคิด
การวางแผน และระบบการจัดการงานของเขานั้นเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ
อย่างสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่วัยหนุ่มแล้ว
แต่ติดอยู่อย่างเดียวเท่านั้นและเป็นสาเหตุอันใหญ่หลวงของประธานบริษัท world haunt ที่ไม่อยากทำให้บริษัทเจริญรุ่งเรืองไปกว่านี้
คุณเจริญเป็นคนขี้เกียจ และยังคงรักษาความขี้เกียจได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
มาจนตราบปัจจุบัน
…
โรงพยาบาลเอกชนแนวหน้าของประเทศที่บริษัท world hauntถือหุ้นเกือบสามสิบเปอร์เซ็นต์
หลังจากได้รับข่าวว่าท่านประธานบริษัทผู้มีอุปการะคุณบาดเจ็บถึงสองครั้งสองคราติดต่อกันในรอบวัน ทางทีมแพทย์ของโรงพยาบาลรีบดำเนินการลากเตียงคนไข้เข้าสู่ห้องฉุกเฉินและง่วนอยู่ภายในห้องตรวจผลอยู่ตั้งแต่บ่ายคล้อย จนตะวันหายจมลับไปกับยอดตึกสูงแล้วชายชราก็ยังไม่ถูกพาออกมา
จนทิ้งให้คนที่นั่งรออยู่หน้าห้องรอผลฟุบหลับไปกับโซฟายาวและเหยียดตัวนอนหลับไปกับเสียงเพลงคลาสสิกเบาๆ ที่เปิดผ่านเครื่องกระจายเสียงทั่วทั้งโรงพยาบาล
ผ่านไปไม่นาน ร่างสูงใหญ่ไร้ไขมันส่วนเกินของท่านประธานบริษัทเกมส์ออนไลน์สยองขวัญสั่นประสาท ก็เก้าเดินออกมาจากห้องตรวจอย่างผึ่งผาย
ดวงตาฟ่าฟางเปล่งประกายซับซ้อนยามครุ่นคิด
“เอาเป็นว่า......ต่อจากนี้ไปเรียกข้าว่า ท่านประธานซันก็แล้วกัน!”
เสริมบท
ท่านประธานซัน: ข้าจะออกไปท่องยุทธจักรฮาๆๆ!
หลานสาวท่านประธาน: พ่อ ปู่หายไปแล้ว!
โปรดติดตามตอนต่อไป บทที่ 2 เรียกข้าว่าท่านประธานซัน!
………………………..***
ความคิดเห็น