ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Inazuma Eleven ] THE SECRETS

    ลำดับตอนที่ #20 : SPECIAL : AFTER

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 409
      11
      2 ก.ย. 66

         ขออนุญาติชี้แจงเล็กน้อยก่อนอ่านนะคะ ตอนนี้เป็นตอนพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลง Spring day [ BTS ] ค่ะ และมีเนื้อหาที่ต่อจากตอนจบ แต่จะไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลัก 


     

     

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------


     

    "คงทำตามความต้องการเรียบร้อยแล้วสินะคาเซมารุคุง "

    "ครับพี่ "


     

    ' ผู้โดยสารที่กำลังจะไปยังสถานีปรโลก รถไฟกำลังจะออกเดินทางแล้ว กรุณาส่งตั๋วให้กับเจ้าหน้าที่แล้วขึ้นรถไฟได้เลยครับ ประกาศอีกครั้ง...'


     

    "ถ้าอย่างนั้น เราไปกันเลยไหม? "

    "ครับ ผมพร้อมแล้ว "


     


     

         - เหตุการ์ณก่อนหน้านั้น -

         - Kazemaru talk -


     

         มันจบแล้วจริงๆสินะ ผมคิด พลางมองภาพที่ปรากฏ ภาพของทุกคนที่กำลังเดินทางเคลื่อนร่างกายของผมไปยังสถานที่เผา สีหน้าทุกคนดูเศร้าหมอง ผมไม่ชอบเลยสีหน้าแบบนี้ ทุกคนน่ะ เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า เหมาะกับความสุข คิดแบบนั้นน้ำตาที่ยังไม่แห้งสนิทดีก็ไหลลงมาอาบแก้มอีกครั้ง     


     

    หมับ


     

    "คาเซมารุคุง อย่าร้องไห้เลยนะ " เป็นอีกครั้งที่พี่กอดผม ทุกครั้งที่ผมร้องไห้ พี่มักจะกอดผมไว้เสมอ และทุกครั้งที่พี่ทำแบบนั้น น้ำตากลับหยุดไหลราวกับได้แบ่งเอาความทุกข์ทรมาณออกไปจนหมด แต่ครั้งนี้ มันคงมีมากเกินที่เเบ่งออกไป ผมถึงได้ร้องไห้ในอ้อมกอดของพี่แบบนี้


     

    "ผม.. อยากกลับไป เจอกับทุกคน ช่วงเวลาที่ได้อยู่ดวยกัน ราวกับว่าเป็นช่วงเวลาที่สั้นเหลือนเกิน"ผมพูดทั้งน้ำตา ตัวสั่นไม่หยุด ทำไมกัน ทำไมสวรรค์ช่างขีดเส้นโชคชะตาที่ไม่ยุติธรรมแบบนี้ให้กับผมกัน ความสุขในระยะเวลาสั้นๆที่เป็นความทรงจำอันมีค่า แต่เวลากลับมีน้อยเกินไป


     

    "ไม่ได้หรอก ทำไม่ได้ ไม่มีใครที่ห้ามความตายได้หรอกนะ เรากับพวกเค้าต่างกันมาก เราอยู่ในโลกเดียวกันไม่ได้" 


     

    สิ้นเสียงพูด น้ำตาก็หยุดไหล ถึงเวลาที่ผมต้องยอมรับความจริงที่ไม่อาจฝ่าฝืนได้เสียที ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรต่อทุกคนอย่างถึงที่สุด ก่อนจะมองตามโลงศพของตน ที่กำลังเคลื่อนที่เข้าไปยังเตาเผาอย่างช้าๆ เสียงจะปิดประตูดังขึ้นจากนั้นไม่นาน เปลวไฟก็ลุกไหม้แผดเผาร่างของผมทันที

    .

    .

    .

    .

         

         หลังจากเสร็จพิธี พี่จูงมือของผมเดินออกมาจากที่แห่งนั้น เดินผ่านทุ่งหญ้ากว้าง แม่น้ำใสสะอาด ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟเก่าๆที่อยู่ในหุบเขา 

    " ที่นี่มัน... " ผมหันไปมองข้างๆ มีผู้คนมากมายที่กำลังรอรถไฟ ผมเดินตามพี่เข้าไปเรื่อยๆก่อนจะนั่งที่เก้าอี้ไม้เก่าๆตะวหนึ่ง 


     

    "สถานีรถไฟ รถไฟขบวนนี้จะนำพาทุกดวงวิญญาณที่นี่ไปยังปรโลก ไปยังสถาที่พักพ่อน รอจนกว่าได้ไปเกิดใหม่ " พี่เทรุมิเอ่ยพร้อมกับหลับตาลงคล้ายกับต้องการที่จะพักพ่อน 


     

    "ทุกคนต้องไปงั้นเหรอ แต่ผมยังไม่พร้อมเลยนะ" ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ผมไม่ต้องการที่จะไปปรโลก ผมยังกังวลในหลายๆเรื่อง ผมไังไม่พร้อมที่จะไปตอนนี้


     

    "แล้วยังกังวลอะไรอยู่ล่ะ " คนข้างๆเอ่ยถามเบาๆ


     

    "ผม... อยากจะเห็นทุกคนเติบโต อยากเห็นอนาคตของทุกคน อยากเห็นสีหน้าที่มีความสุขเมื่อได้เล่นฟุตบอล " ว่าแล้วก็ยิ้มบางๆออกมา เมื่อตอนยังมีชีวิต ผมฝันถึงมันนะ อนาคตของผมกับทุกคน แต่ตอนนี้ มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว 


     

    " เรานี่ดื้อเหมือนใครกันนะ เข้าใจแล้วล่ะ " พี่เทรุมิยิ้มบางๆก่อนจะส่ายหัวเบาๆ 

    " ยังยืนยันว่าไม่พร้อมใช่ไหม " มือเรียวเอื้อมมาลูบผมเบาๆ ก่อนที่ผมจะพยักหน้ากลับไป เพราะผมรู้ รถไฟแห่งนี้ มีแค่ขาไป เมื่อขึ้นไปแล้ว จะกลับมายังโลกมนุษย์ไม่ได้อีก 

    "งั้นก็ไปกันเถอะนะ " ร่างบางดึงมือของผมด้วยแรงที่ไม่มากนัก แล้วจึงเดินกลับไปยังทางที่ผ่านมา 


     


     

             หลังจากนี้ ผมจะทำตามคำพูดที่เคยให้ไว้กับทุกคน ผมจะคอยเฝ้ามองรอยยิ้มและความสุขของทุกคน จนกว่าจะถึงเวลานั้น เวลาที่ทุกคนเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข 


     

         1 ปีผ่านไป 


     

         ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ผมได้รับรู้แล้วว่า ทุกคนยังคงมีความโศกเศร้าที่ซ่อนอยู่ลึกๆภายในใจ แต่ไม่แสดงออกมาต่อหน้าเพื่อนร่วมทีม ผมเข้าใจ การที่จู่ๆคนที่แสนสำคัญที่พบเจอกันทุกวันหายไป คงเหลือไว้แต่ความอาวรณ์และความรู้สึกที่ขาดหายไป ความรู้สึกของผมที่มีต่อพี่ชายมาตลอด ก่อนที่ผมจะจากโลกแห่งความจริงมา ผมเฝ้ามองทุกคนอยู่ห่างๆมาโดยตลอด ความรู้สึกเศร้าก็ยังคงไม่หายไปไหน ยังคงติดค้างอยู่ในใจของผมมาตั้งแต่วันนั้น ถึงแม้การที่มีพี่เทรุมิคอยอยู่ข้างๆ แต่กลับยังร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นทุกคนโศกเศร้า ความรู้สึกผิด ราวกับกำลังตอกย้ำว่าที่ทุกคนเป็นแบบนี้เพราะผม ในตอนนี้ ผมกังวลเหลือเกิน และผมกลัว กลัวที่จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของทุกคนอีก....


     


     

          วันเวลาผ่านไป จากวันเป็นคืน จากคืนเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์เป็นเดือน เวลาที่ไม่เคยหยุดรอใครก็ได้ทำหน้าที่ของตนต่อไป ผมเฝ้ามองพวกเขามาตลอด ในตอนนี้ พวกเขายังคงเเวะเวียนมาเยี่ยมที่หลุมศพเสมอ ดูเหมือนว่าทุกกำลังก้าวข้ามอดีตแล้วมุ่งหน้าต่อไปยังอนาคตโดยที่มีผมเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวนั้น ผมดีใจที่ทุกคนทำใจได้กับการจากลาและยังไม่ลืมเรื่องราวต่างๆ ความทรงจำที่เคนมีร่วมกันไป แต่ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะขึ้นรถไฟ ผมยังอยากที่จะเฝ้ามองความสุขของทุกคน 


     


     

         ในตอนนี้ผมอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างกับสนามฟุตบอลของโรงเรียนไรมง ทุกๆคนนัดรวมตัวมาเล่นฟุตบอลหลังจากที่จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมต้นไปเมื่อสามปีก่อน ด้วยความคิดถึงพวกพ้องและความรักต่อฟุตบอลของทุกคน การเล่นฟุตบอลเพื่อระลึกอดีตจึงถูกเสนอความคิดโดยอดีตกัปตัน เอนโด มาโมรุ 

    ผมและพี่เทรุมินั่งลงที่เก้าอี้ข้างสนาม ผมหลับตาลง พลางคิดถึงความทรงจำที่มีในตอนที่แข่งขันกับโรงเรียนเทย์โคคุ ที่เป็นการแข่งขันแรกของชมรม รวมถึงการฝึกซ้อมในการแข่งกับโรงเรียนเอเลีย หรือแม้แต่ความยากลำบากที่ทุกคนพยายามกันอย่างหนักที่จะมุ่งไปสู่ระดับโลก ก็ล้วนแต่ขึ้นที่สนามแห่งนี้ ความทรงจำที่นี่ มีมากมายเหลือเกิน


     

    "เอาล่ะทุกคน มาเล่นฟุตบอลหันเถอะ!" ถึงแม้จะหลับตาแต่เจ้าขอเสียงนี้ ผมมั่นใจว่ากัปตันก็คงตะโกนให้กำลังใจในการแข่งเหมือนกับทุกครั้ง 

    "โอ้สสสสส!!!" 

    "นายก็มาเล่นด้วยกันสิคาเซมารุคุง!" แต่เเล้วผมก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจหลังจากที่ได้ยินเอนโดตะโกนออกมา


     

    "นี่ ไม่สนใจหน่อยเหรอ "คนด้านข้างหันมาถามผม แน่นอนสิ แน่นอนอยู่แล้ว ผมพยักหน้าก่อนจะวิ่งลงไปที่สนาม ความรู้สึกนี้ ความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ความสุขกลับมาหาผมอีกครั้งแล้วสินะ


     


     


     

         เวลาล่วงเลยไปหลายปี ผมก็ยังทำตามสัญญา ผมเฝ้ามองทุกความสุข ความทุกข์ ของทุกคนต่อไป ในตอนนี้ ทุกคนได้กระจัดกระจายกันไปตามทางของตนเอง แยกย้ายไปในทางที่ต่างกัน ถึงแม้ตอนนี้ทุกคนจะไม่ได้อยู่เคียงข้างกันเหมือนเมื่อก่อน แต่ผมเชื่อในสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่ง ว่าพวกเค้า ไม่มีทางที่จะลืมกันไปได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขารู้สึกท้อ ก็จะมองไปยังบนท้องนภา ความงดงามของมัน ทำให้ช่วยขจัดความทุกข์ทรมาณออกไปได้ชั่วครู่ผมก็จะอยู่เคียงข้างพวกเขา ในวันที่เลวร้ายที่สุด ผมทำแบบนั้นเสมอมา และรู้สึกว่าที่ทำไปทั้งหมด มันไม่ได้สูญเปล่าเลย


     

    "อาทิตย์หน้ามีสอบไฟนอลแล้วล่ะคาเซมารุคุง " เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆ พลางแหงนหน้ามองท้องฟ้า แสงดวงตะวันสีส้ม เป็นสัญญาณแห่งการสิ้นสุดของวัน ฟุบุคิ นักศึกษาในมหาวิทยาลัยโตเกียวยืนรับลมที่หน้าต่างบานหนึ่งในห้องพัก 

    "กังวลจัง ถ้าทำได้ไม่ดีพอ คงทำให้ทุกคนผิดหวังแน่ๆ" ความกังวลใจที่มีแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตาของเจ้าตัวออกมาอย่างชัดเจน

    "คิดถึงนายจัง คาเซมารุคุง ถ้าตอนนี้นายยังอยู่ ก็คงดีสิ คิดถึง..คิดถึงมากจริงๆ" จบประโยค หยาดน้ำตาก็ไหลหยดลงมาอาบแก้มเนียน ใบหน้าของฟุบุคิเปื้อนน้ำตาอีกครั้ง 


     

         ผมกอดเขาเบาๆ หวังว่าการที่ผมกอดนี้ จะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ภายในใจ ทั้งบาดแผลเมื่อครั้งเกิดอุบัติเหตุ ทุกคนรู้ดี การที่จะลืมเรื่องราวนั้นและรักษาบาดแผลที่สูญเสียเพื่อนไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่ฟุบุคิแสร้งทำให้เป็นคนที่เข้มแข็ง เพื่อทำให้ทุกคนสบายใจเท่านั้นเอง แต่ในใจลึกๆแล้ว ความเจ็บปวดมันเเค่ลดลง แต่ไม่ได้จางหายไป


     

         แต่แล้วคนตรงหน้ากลับหยุดร้องไห้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา 

    "คาเซมารุคุง นายยังอยู่จริงๆใช่ไหม ความอบอุ่นนี้ นายจริงๆสินะ" ฟุบุคิพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆจากการร้องไห้เมื่อครู่  ผมยิ้มบางๆ พลางลูบผมสีขาวราวกับหิมะของเพื่อนช้าๆ 

    "ขอบคุณมากนะ ที่ยังอยู่เคียงข้างกันเหมือนที่สัญญากันไว้ "

    ".... ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วนะ พวกเราจะเข้มแข็งอีกครั้งเพื่อนาย ผมสัญญา" ริมฝีปากบางเผยยิ้มออกมา พร้อมกับคำสัญญาที่ทำให้ผมรู้สึกอยากจะร้องไห้เสียดื้อๆ ผมทำหน้าที่เพื่อนได้แล้วสินะ 


     


     


     

         ทุกๆอย่างหมุนเวียนไป จากวันนั้นก็หลายปีมาแล้ว จนตอนนี้ ก็คง 10 ปีแล้วสินะ ทุกคนต่างเติบโตขึ้น มีอนาคตและมิตรภาพที่ดี ทุกคนเข้มแข็งขึ้นมากแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน ดูเหมือนเวลาของผมคงใกล้จะหมดแล้ว เมื่อผมได้เห็นสิ่งที่ตัวเองเฝ้าฝันมาตลอดหลังจากที่ผมจากไป ในตอนนี้ ทุกคนกลับมาเยี่ยมผมในพื้นที่ส่วนบุคคลของตระกูล ทุกคนต่างเล่าเรื่องที่ตนไปพบเจอให้กันฟัง ทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่ต้องเจอกับความเลวร้าย ภาพในอดีตต่างหวนเข้ามา มันช่างคล้ายกับตอนนี้ เมื่อผมได้เจอกับทุกคนพร้อมหน้า มันเป็นความสุขที่มากล้นเหลือเกินเมื่อผมกลายเป็นวิญญาณ เป็นเพียงแค่สสาร ที่ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงการคงอยู่ 


     

         ร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่คงพอที่จะบังแสงแดดในฤดูใบไม้พลิได้ แม้ว่าแสงของวสันตฤดูจะไม่เจิดจ้าเหมือนกับฤดูร้อน ผมมองไปยังหลุมศพของตนที่อยู่ใต้ต้นไม้ และมีหลุมศพของคนข้างกายที่อยู่ใกล้กัน ผมเผยยิ้มบางๆออกมา เมื่อเห็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายแต่แฝงไปด้วยความสุขของทุกคนที่นี่ สายลมอ่อนๆพัดโชยเข้ามา ทำให้บรรยากาศในที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ 


     

         แต่แล้วจู่ๆกัปตันคนเก่งที่ตอนนี้ได้กลายเป็นโค้ชประจำชมรมฟุตบอลไรมงก็ถือลูกฟุตบอลออกมา ก่อนจะเอ่ยถามกับทุกคน 


     

    "เรามาเล่นฟุตบอลกันเถอะ คาเซมารุ นายก็มาเล่นด้วยกันสิ! " ก่อนที่ทุกจะตอบรับและวิ่งลงไปที่สนาม ผมรู้สึกว่าตัวเบาหวิว ความสุขกำลังล้อมรอบตัวเองก่อนจะค่อยๆเอ่อล้น ผมทำตามความตั้งใจสำเร็จแล้วสินะ ผมหันกลับไปมองทุกคนเผยยิ้กว้างออกมา ก่อนจะตอบกลับข้อความของทุกคน 


     

    'ขอบใจนะ ทุกคน ...'  แย้มรอยยิ้มกว้างออกมาครั้งสุดท้ายทั้งน้ำตา ก่อนที่ตัวของผม จะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับสายลม


     


     


     

         ผมกลับมาที่สถานีแห่งนี้อีกครั้ง การกลับมาครั้งนี้ ไม่ได้มีความกังวลเหลืออยู่ในจิตใจอีกแล้ว พี่จูงมือผมเดินผ่านสถานที่เดิมกลับมาอีกครั้งในช่วงเย็น แสงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ท้องนภากลายเป็นสีส้ม ผมมองภาพนั้นด้วยความยินดี 


     

             เมื่อถึงสถานีก็ค่ำแล้ว โคมไฟถูกจุดขึ้นมาเพื่อให้แสงสว่างกับดวงวิญญาณทั้งหลายที่กำลังรอคอยรถไฟ ผมเดินตามพี่เข้าไปเรื่อยๆ แลวจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง พี่ลูบผมสีฟ้าครามเบาๆ พลางยื่นตั๋วรถไฟให้ เผยยิ้มบางๆออกมา พี่รอคอยเวลานี้มาตั้งแต่ที่พี่จากไป พี่รอคอยผม รอวันที่จะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งหลายสิบปี คิดได้ดังนั้นจึงรับตั๋วและกอดคนตรงหน้า  


     

              ไม่นานนัก เสียงประกาศของสถานีก็ดังกึกก้อง ทุกคนเตรียมตัวขึ้นรถไฟ ผมยืนขึ้นเดินตามพี่ไป ก่อนที่รถไฟขบวนหนึ่งจะมาหยุดตรงหน้า 

    เสียงประตูเปิดดังขึ้น พี่เดินขึ้นไปอย่างไม่รอช้า ก่อนส่งตั๋วให้กับเจ้าหน้าที่ และเดินเข้าไปจับจองที่นั่ง ตอนนี้ผมไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว ผมคิดพลางเดินขึ้นไป ส่งตั๋วให้กับเจ้าหน้าที่ และเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่ชาย ผมยิ้มบางๆก่อนจะมองไปยังนอกหน้าต่าง แสงสุดท้ายลับขอบฟ้าไปแล้ว มีเพียงแสงดาวที่ระยิบระยับบนท้องฟ้าที่คอยส่องทางให้ในเวลากลางคืน 


     

         รถไฟกำลังออกเดินทางเเล้วสินะ ภาพของทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆมีความงดงามแม้ในยามราตรี ก่อนที่ขบวนกำลังจะเข้าสู่อุโมงค์ใหญ่ ผมคงจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว ความทรงจำทุกอย่างที่มีร่วมกัน จะยังคงอยู่ในใจของทุกคนตลอดไป ถึงแม้จะนานแค่ไหน ตราบใจที่ยังคิดถึงมิตรภาพและความสุขที่มีร่วมกัน เราจะกลับมาเจอกันอีกครั้งในสักวันหนึ่ง ผมเชื่ออย่างนั้น 


     

                                           ลาก่อน จนกว่าจะได้พบกันอีก ...


     


     


     


     


     

         - The End Kazemaru talk -


     


     

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------

         จบไปแล้วสำหรับตอนพิเศษนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ยังให้ความสนใจกับเรื่องสั้นนี้ถึงแม้ว่าจะจบไปแล้วก็ตาม ยังไงก็ฝากคมเมนต์ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ตอนนี้อาจเป็นตอนสุดท้ายสำหรับเรื่องนี้ และจะทำการรีไรต์ให้ครบค่ะ ขอขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจด้วยค่ะ คอมเมนต์กันด้วยนะ ชอบอ่านคอมเมนต์มากๆเลยค่ะ >< แล้วพบกันใหม่ในโอกาสหน้าค่ะ


     


     


     


     

     


     

          

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×