คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [BJ] ขอกอดเธอเอาไว้ตรงนี้ และจะรักเธอจนนาทีสุดท้าย #2
ฟิค BJ ฉลองครบ 50%
และพี่แอ้จะรวบเล่ม~
ตอน : ขอกอดเธอเอาไว้ตรงนี้ และจะรักเธอจนนาทีสุดท้าย #2
ในยามเช้นที่อรุณแย้มนภา เสียงนกน้อยร้องเพลงประสานเสียง ใบไม้ ต้นหญ้าปลิวไสวตามสายลม อากาศที่หนาวเย็นจนเกิดน้ำค้างแข็ง
...ไม่ว่าจะหนาวเย็นเพียงไร นกพวกนี้ก็ยังไม่หยุดร้องเพลง
ร่างบางนั่งฟังเสียงของนกน้อยร้องเพลงอยู่ริมหน้าต่าง มองบรรยากาศที่หนาวเย็นอยู่ริมหน้าต่างที่เดิน โดยมีรุ่นพี่ที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง จากเหตุการณ์ในวันนั้นที่เธอร้องไห้ นี่ก็ผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้ว
เธอยังคงเหมือนเดิม ยังคงจำอะไรไม่ได้ นึกอะไรไม่ออก แต่ขาของเธอกลับเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นระยะๆ
เจมี่ยังคงนึกเสียใจที่ตนยังนึกอะไรไม่ออก ยังคงรู้สึกผิดที่ต้องทำให้คนอื่นเป็นห่วง ยังคงเจ็บปวดเมื่อคิดว่าแต่ก่อนเธอคิดยังไงกับร่างสูงตรงหน้ากันแน่
เธอยังคงฝันเรื่องเดิม ซ้ำซาก ยังคงฝันถึงเหตุการณ์อันโหดร้ายที่แสนจะเจ็บปวด เหตุการณ์ที่ชาตินี้ไม่อยากหวนกลับไปเจอมันอีก
“หมอบอกว่าอีกสามวันขาของเธอจะหายเป็นปกติ” เบลเอ่ยอกไปด้วยน้ำเสียงนุ่ม และอ่อนโยน
“ค่ะ ทำไมเหรอคะ ...รุ่นพี่” เจมี่ตอบรับทั้งๆ ที่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับทัศนียภาพด้านหน้า
“ฉันอยากจะพาเธอไปเที่ยว ไม่รู้ว่าเธอจะไหวมั้ย” เบลพูดด้วยความห่วงใย ก่อนที่เจมี่จะหันมาสบตา...
“ถ้ารุ่นพี่อยากให้เจมี่ไป ไม่ว่าที่ไหนเจมี่ก็จะไปค่ะ ^_^” ร่างบางยิ้มหวาน ทำให้เบลแทบสะอึก
...เขาจะไม่มีวันลืมรอยยิ้มนี้เป็นอันขาด!!!
ร่างสูงยิ้มตอบกลับก่อนจะชวนคุยสัพเพเหระ พาเธอเดินเล่นไปนู่นนี่ทั่วปราสาท ยิ้มและหัวเราะ อยากให้วันพรุ่งนี้ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเธอหายเป็นปกติ อยากให้วันพรุ่งนี้ตัวเธอที่แท้จริงกลับมา อยากจะขอให้วันพรุ่งนี้เธอนึกออกว่าเขาเป็นใคร ความรู้สึกร้องรนในอกมันเกินจะต้านทานแล้ว...!!!
3 วันผ่านไป... ณ โรงพยาบาล
“ตอนนี้คุณจาเมเลียสามารถกลับมาเดินตามปกติได้แล้วค่ะ แต่ควรจะงดและระมัดระวังการออกกำลังกายที่ดูจะหนักเกินไปต่อสุภาพนะคะ และควรพักผ่อนให้มากๆ อย่าให้มีเรื่องเครียดเยอะนะคะ เพราะอาจจะทำให้ร่างกายทรุดลงไปอีกได้ อย่าเพิ่งให้ออกเดินทางหรือไปไหนไกลๆ นะคะ และกรุณาไปรับยาที่เคาน์เตอร์สิบเอ็ดด้วยค่ะ ^_^” พยาบาลในชุดสีขาวยิ้มให้เบลเฟกอร
ในวันนี้เขาพาเจมี่มาตรวจร่างกาย ซึ่งตอนแรกเจ้าตัวก็ดึงดันไม่อยากไป แต่ร่างสูงก็ต้องบอกถึงเหตุผล หลอกล่อต่างๆ นานาจนเจมี่เริ่มใจอ่อนแล้วยอมมา
เท่าที่ฟังจากปากพยาบาล เหมือนเธอจะพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องความทรงจำของเจมี่ ร่างสูงก็ยังคงนึกเสียฝจและรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ที่เขาดูแลเจมี่ไม่ดีเอง หากว่าวันนั้นเขาเดินไปคุยกับเจมี่ ญาติดีกันสักวัน เรื่องนี้อาจไม่ต้องเกิดขึ้น
“รุ่นพี่คะ ^_^ อาการของเจมี่เป็นยังไงบ้างคะ” แม้ว่าเธอจะยิ้ม แต่ก็คงฝืนทน
...หมอต้องบอกเรื่องอะไรที่อย่างน้อยมันก็สะเทือนใจสำหรับเธอมากๆ แน่
เบลเฟกอรคิด ก่อนจะส่งยิ้มที่แทบจะไม่เคยปรากฏออกมาบนใบหน้าของเจ้าชายผู้นี้เลย ...รอยยิ้มที่จริงใจ ไม่ใช่แสยะเพราะสมเพช...
“หมอบอกว่าเธอเดินได้แล้ว...” เบลบอกเสียงแผ่ว เพราะไม่อาจจะหวนคิดไปถึงเรื่องความทรงจำของเจมี่ได้
“แล้ว... เรื่องความทรงจำ” เจมี่เอ่ย พร้อมกับร่างสูงที่ลากวีลแชร์ของเจมี่ไปทางเคาน์เตอร์รับยาที่อยู่อีก ฟากตึก “หมอบอกเจมี่ว่า ...มันอาจจะไม่กลับมา”
เธอเอ่ยพลางเสหน้ามองไปทางอื่น ...เป็นใครก็รับไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งอยากรู้และต้องรู้ให้ได้ หากแต่ว่าถ้ามันจะไม่กลับมา...
“...” เบลนิ่งงันและพูดอะไรไม่ออก แต่ถ้าหากความทรงจำของเจมี่ไม่กลับมา เขาจะดูแลเธอให้ถึงที่สุด อย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งจะปกป้องผู้หญิงคนนี้ได้
“หมอถามเจมี่ว่าถ้า... มันไม่กลับมา เจมี่จะอยู่อย่างนี้ได้มั้ย จะทำใจได้รึเปล่า จะอยากมีชีวิตใหม่ หรือจะอยากได้ความทรงจำเดิมกลับมา”
“...”
“เจมี่ไม่ตอบ เพียงบอกหมอว่า เจมี่... ฮึก เจมี่ต้องการความทรงจำ ฮึก... เจ เจมี่ต้องการรู้ รับรู้ถึงอดีตของตัวเอง เจมี่อยากกลับบ้าน กลับไปหาคุณพ่อ คุณแม่ ที่เจมี่รับรู้ว่าเขาคือพ่และแม่ของเจมี่ ฮึก” น้ำตาลร่วงเผาะลงมาจากตาโตกลมสวยของร่างบาง เธอ... ไม่เคยอ่อนแอแบบนี้ เขาอยู่กับเธอมานานตั้งแต่เธอยังไม่อ่อนแอแบบนี้...
เบลไม่สามารถพูดปลอบใจหรือหาถ้อยคำใดๆ มาทำให้เจมี่หยุดร้องไห้ เพราะเขาเองก็รู้อยู่สาแก่ใจถึงเรื่องพ่อกับแม่ที่แท้จริงของเจมี่ เขาทำได้เพียงแค่ไปเผชิญหน้ากับร่างบางแล้วขุกเข่าลงเช็ดน้ำตาให้ แค่นั้น...
“ทุกอย่างมันจะต้องกลับเป็นเหมือนเดิม” เบลพูดเสียงแผ่วเบา เขาไม่อาจจะหยุดห้ามเสียงร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดภายในจิตใจได้ เห็นเธอเจ็บ แต่หากว่าเขาเจ็บยิ่งกว่า...
หลังจากกลับมาถึงคฤหาสน์วาเรียเจมี่ก็ต้องพักผ่อน แต่หากว่าเธอกลับเรียก ฟราน เพื่อนสนิทของเธอไป ...เธออาจจะเรียกฟรานได้แบบเต็มปากเต็มคำว่าเพื่อน แต่เธอไม่อาจเรียกเบลได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า รุ่นพี่... เหมือนแต่ก่อน
ฟรานเดินตามวีลแชร์ของเจมี่เข้าไปในห้องนอนของผู้พิทักษ์เมฆา ก่อนที่ฟรานจะได้เอื้อนเอ่ยใดๆ เธอก็เปิดประโยคขึ้นมาแบบไม่รีรออะไร
“ช่วยพาฉันไปที่นิวยอร์คที” เธอพูดเสียงเรียบพลางก้มหน้ามองมือที่วางอยู่บนตักของตัวเอง ทั้งๆ ที่รู้ว่าสังขารไม่ให้ แต่เจมี่... อยากทำให้ความทรงจำของเธอกลับมา ยิ่งเร็วยิ่งดี ถ้าหากแต่ว่า ถ้าเขารู้เขาจะต้องไม่ยอมแน่ๆ
ฟรานที่ได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ เพียงแต่ไม่แสดงออกทางสีหน้าหรือน้ำเสียงเลยสักนิด
“รู้ว่าไม่ได้แต่ฉันก็อยากไป ความทรงจำของฉัน ...อยู่ที่นั่น” เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฟรานด้วยแววตาและสีหน้าจริงจังและมุ่งมั่น
“เฮ้อ~ เธอควรจะไปบอกบอสก่อนนะ” น้ำเสียงกวนๆ เอ่ยออกมาอย่างหนักใจ
“เธอบอกเขาก็ไม่ให้สิ ฟรานโง่รึเปล่า” เธอด่าพื่อนของตัวเองทางอ้อม นั่นทำให้ฟรานเห็นภาพเจมี่แต่ก่อนกับตอนนี้ซ้อนทับกัน
“ไอ้จะไปน่ะไปได้ แต่ขาก็เพิ่งหาย และเราจะหนีออกไปจากผราสารทที่เต็มไปด้วยทหารยามเฝ้าอย่างนี้ได้ยังไงล่ะ?” ฟรานถามแบบไม่รอคำตอบ เพราะเขาจงใจจะต้อนเจมี่ให้จนมุมและเลิกล้มความคิด หากแต่มันกลับได้ผลตรงกันข้าม
“เรื่องนั้นฉันคิดไว้แล้ว... ก็ใช้นี่ไง” แล้วเจมี่ก็ล้วงกล่องสีม่วงลายแปลกตาขึ้นมาจากใต้เตียง “มันเป็นกล่องที่ใช้ธาตุแหวนเมฆาซึ่งจะลวงตาคนได้ถึงสามสิบนาที ใช้แหวนระดับกลางเพียงวงเดียวก็สามารถเปิดกล่องและจะมีแหวนออกมา ฉันจะใช้มันพาเราหนี จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของฟราน เข้าใจมั้ย?” ร่างบางถาม พลางยิ้มอย่างชอบอกชอบใจในความมือไวหยิบมันออกมาตอนที่เบลพาไปเอาของที่ห้องเก็บอาวุธกล่อง
“ฉันคงโอเคด้วยไม่...”
“ถ้าฟรานไม่โอเคฉันจะกระโดดล่ะนะ” สุดท้ายเจมี่ก็ต้องงัดไม้ตายขั้นสุดท้ายโดยการไปยืนที่ขอบหน้าต่าง แน่นอน... ถึงเธอจะแค่ขู่ แต่ฟรานเพื่อนผู้เป็นที่รักก็ต้องยอม
“ก็ได้ๆ สองทุ่มเจอกันที่ห้องโถง”
“เย้”
รุ่นพี่ ...ช่วยรอเจมี่หน่อยนะ
“ทำไมฟรานมาช้า!?” ร่างบางถามเสียงแหลมเมื่อตนนั้นมายืนรอที่ห้องโถงที่แทบจะไม่มีคน เธอบอกเบลและคนอื่นๆ ว่ามาห้องน้ำ แต่ถ้ายังอยู่นานเกินไปต้องผิดสังเกตแน่ๆ
“ก็...” ฟรานพยายามหาคำตอบ “ช่างเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”
ร่างบางเบ้หน้าให้กับอาการเลิกลั่กแปลกๆ ของเพื่อนตัวเองก่อนจะจัดการใช้ไฟธาตุเมฆาของตนเปิดอาวุธกล่องสำหรับหนีโดยเฉพาะ
แหวนสลักลวดลายสวยโผล่ออกมาจากกล่อง เธอจัดการสวมมัน และใช้ไฟหล่อเลี้ยงพลังงาน จากนั้นก็จับมือฟรานออกไป ซึ่งแน่นอน ...ไม่มีใครเห็นพวกเธอ
เหตุผลที่ฟรานมาช้าเจมี่ยังคงนึกถึงอยู่ เขาอาจจะเล่นตุกติก หากแต่ว่าเธอก็ต้องวางใจเพื่อนของตน เพราะทั้งคู่ ...หลังจากที่ความทรงจำหาย ก็สนิทกัยพอควร
ส่วนฟราน เขาทิ้งโน้ตไว้ที่ห้องของเจมี่ และซีร็อกก็อปปี้ถ่ายเอกสารไว้หลายๆ แผ่น ไปติดไว้ที่หน้าห้องของพวกเบล และในห้องทำงานของบอส เขาพยายามจะบอกเกี่ยวกับการพาเจมี่หนี เขาติดไว้แม้กระทั่งสถานที่ที่จะไป ห้องพักที่เคยเช่าในนิวยอร์ค และอีกมากมาย นั่นเป็นสาเหตุให้เขามาสาย และเขาก็ยังคงภาวนาให้พวกวาเรียตามไปโดยเร็วที่สุด
“ไหนล่ะของที่จะพาเราไปนิวยอร์คน่ะฟราน”
“...”
“ฟราน”
“...”
“ฟราน!”
“...”
“ไอ้บ้าฟราน!!!”
“อ๊ะๆๆ ๆอ๊บ! เอ๊ย มีอะไร”
“ไหนล่ะของที่จะพาเราไปนิวยอร์ค”
“นั่งรถไปแอร์พอร์ตไง ถามได้”
“โธ่... ไอ้เราก็นึกว่าจะมีเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว”
“เธอว่ายังไงนะ”
“อ๊ะ เปล่าๆ ไปกันเถอะ”
เครื่องบินลำใหญ่มุ่งหน้าออกตากท่าอากาศยานมุ่งตรงไปยังนิวยอร์ค ยูเอสเอ ร่างบางกัยฟรานท่นั่งอยู่ชั้นเฟิร์สคลาสก็กำลังนั่งรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ (เจมี่คนเดียว เพราะฟรานหลับ) โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ากำลังจะไปพบเผชิญกับอะไร จะต้องตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า
~♫ ถ้าหากไม่รัก จะทำอย่างนั้นทำไม จะคอยทุ่มเทอย่างนั้นไปเพื่อใคร ไม่ใช่เธอหรอกเหรอ ถ้าหากไม่รัก จะมาทำไมให้เจอ เหตุผลข้อเดียวสำหรับฉันคือรักเธอ ♪~
“เอ๊ะ!?” เสียงเพลงที่ดังมาจากซาเบาท์ที่เธอเสียบใส่หูไว้ทำให้เธออึ้งนิดๆ เพราะรายการทีวีดูฟรีบนเครื่องบินดันมีเพลงภาษาไทยที่ฟังออกเลาๆ โผล่ออกมา
ตึ้ง!
ไม่รู้หรอกนะว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ว่าตอนนี้เจมี่และฟรานกำลังเดินลงจากเครื่อง บรรยากาศที่นิวยอร์คยังคงไม่เปลี่ยนไป ยังคงเป็นเหมือนครั้นที่เธอมาเรียนอยู่ที่นี่
“ถึงแล้ว เธอจะไปที่ไหน”
“ฉัน... จะไปที่สเตรวิว รีสอร์ต” ฟรานรู้สึกอึ้งนิดๆ เมื่อเธอพูดถึงชื่อรีสอร์ตที่เคยเช่าไว้พัก ไม่ใช่ห้องพักที่เขาทิ้งไว้ให้พวกวาเรียคนอื่นๆ
“ทำไมไม่กลับหอพัก”
“ฉันทิ้งของสำคัญไว้ที่นั่น...” ร่างบางว่าก่อนจะออกเดินนำไปที่ประตูเพื่อเรียกแท็กซี่
ฟรานไม่รู้หรอกว่าเจมี่กำลังหมายถึงอะไร แต่หากว่าถ้าพวกวาเรียคนอื่นๆ ไปตามตามที่อยู่ที่ให้ไม่พบ พวกเขาอาจจะระเบิดลงและตามหาเธอให้ว่อน และไก่จะตื่นเอาซะก่อน ...มันเสี่ยง
พวกเขาทั้งคู่นั่งแท็กซี่ออกไปที่ ‘สเตรวิว รีสอร์ต’ เป็นสถานที่ที่เจมี่เคยซื้อบ้านพักเอาไว้ เพราะติดใจในความสวยของมัน แต่เพราะมันห่างจากที่เรียนและอยู่นอกเมืองมากๆ ทำให้ต้องทิ้งมันไว้ แต่ก็มีคนไปทำความสะอาดอยู่
เอี๊ยด!
เสียงเบรกของรถแท็กซี่รูปร่างบุโรทั่งมาหยุดที่หน้ารีสอร์ตหรู ติดริมทะเล และมีบรรยากาศสวยคล้ายบ้านริมชายหาด แต่ว่าในฤดูแบบนี้อาจทำให้นักท่องเที่ยวลดลง
“อ้าว คุณหนูจาเมเลีย ทำไมมาเอาปานนี้คะ” เสียงทักของคุณป้าร่างท้วมท่าทางใดีเดินออกมาทักเมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปด้านใน
“เอ่อ... สวัสดีค่ะ คุณ... ป้าอลิซาเบ็ธ” ร่างบางอาจจะต่อท้ายด้วยคำว่า ‘ใช่มั้ยคะ’ อย่างที่ฟรานคิด แต่เธอคงไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอสูญเสียความทรงจำ ...และฟรานก็ไม่รู้ว่าทำไมเจมี่จำสเตรวิว รีสอร์ตแห่งนี้ได้ และทำไมถึงจำคุณป้าอลิซาเบ็ธได้ ทั้งๆ ที่แม้แต่ฟรานเจมี่เองยังจำไม่ได้
“จ้า ดูท่าจะเหนื่อยนะ เพิ่งทำความสะอาดห้องของหนูเสร็จพอดี อ๊ะ! คุณฟรานมาด้วยเหรอคะ”
“อ่า... ครับ”
“เชิญทางนี้เลยดีกว่า บุฟเฟ่ต์อาหารเย็นเพิ่งจะจัดเสร็จน่ะ”
“มีลูกค้าเยอะ ...เหรอคะ”
“จ้ะ ก็ไม่เยอะอะไรมากหรอก แต่ก็มีคนที่เพิ่งมาเป็นคณะประมาณ 5-6 คนได้ มีแต่คนหน้าตาดีๆ แต่แผ่รังสีน่ากลัวมาก กับอีกคนหนึ่งเป็นชายแก่ๆ น่ะจ้ะ ป้าว่าหนูอาจจะรู้จัก เขามาจากอิตาลีเหมือนกัน”
...ประมาณ 5-6 คน? ...แผ่รังสีน่ากลัว? ...ชายแก่ๆ?
พวกวาเรีย...!!!
ไม่น่ะ ...เจมี่คิด แผนของเราก็ออกจะมาดี ทำไมพวกนั้นถึงยังตามมาได้ หรือว่า... ร่างบางกำลังจะหันไปมองเพื่อนด้วยสายตาจับผิด แต่ว่าเสียงของป้าอลิซาเบ็ธก็รั้งเธอไว้ก่อน
“เห็นชื่อ ...นอร์ธโทเน่...”
ฮู่~ ไม่ใช่ ...เจมี่โล่งอก แต่หากคนที่ต้องเบิกตากว้างดันเป็นฟรานแทน
“นอร์ธ...โทเน่”
“ใช่จ้ะ ทำไมเหรอจ๊ะ”
“อ๊ะ! เปล่าครับ” และเจ้าพ่อหน้าตายก็ตีหน้าซื่อแล้วก็ตอบกลับแบบขอไปที
“ว้า~ เจมี่หิวซะแล้ว ป่ะ! ฟรานไปกินอาหารฝีมือสเตรวิว รีสอร์ตกัน” ร่างบางชักชวนเพื่อนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเก็บซ่อนคำถามไว้ในใจ
อาหารหน้าตาน่ากินที่อยู่บนจาน ถูกวางลงบนโต๊ะ พร้อมกับเสียงดี๊ด๊าของเจมี่ที่ที่ชใว่าน่ากินไม่หยุดปาก แต่เมื่ออาหารถึงท้องก็ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยใดๆ ออกมาเลย ...จนเจมี่ต้องเป็นคนทำลายความเงียบ
“อย่าถามว่าทำไมฉันถึงจำที่นี่ได้”
“...?”
“ฉันเจอในไดอารี่ตอนที่รุ่นพี่เบลพาไปในห้องเก็บของ รุ่นพี่บอกว่าฉันทิ้งมันไว้นานแล้ว พอเปิดดูฉันก็พบว่าตัวเองเขียนเกี่ยวกับที่นี่ มีทั้งรูปถ่ายของป้าอลิซาเบ็ธ และของฉันตอนอยู่ที่นี่...”
“...”
“สิ่งที่ฉันพบต่อไปคือ ...ฉันเขียนบอกกับตัวเองว่าฉันเก็บของล้ำค่าที่สุดไว้ที่นี่ เป็นของที่เก็บรวบรวมความทรงจำทั้งหมดของฉันไว้...”
“...”
“ฉันจึงมาตามหามัน ฉันไม่อยากอยู่ในสภาพนี้”
น้ำตาไหลออกมาจากตากลมโตคู่นั้นเป็นสาย เธอก้มหน้าและพยายามไม่ให้ใครทั้งนั้นสังเกต ยกเว้นฟรานแหละที่รู้ว่าเจมี่กำลังเศร้าใจ
ใช่... เธอกำลังสับสน เธอบอกเลยว่า ณ ตอนนี้จิตใจของเธอยังคงเฝ้าร้องหาเบลเฟกอร เธอคิดถึงเขา และที่หนีมานิวยอร์คนี่ก็เพราะเขา เธอ... อยากรู้ความทรงจำในอดีต อยากกลับไปแก้ไขในส่วนที่เธอเคยทำผิด อยากทำให้ดียิ่งกว่าเดิม อยากตอบแทนบุญคุณที่เขาทำให้เธอ
“รีบหามันให้เจอ... เร็วๆ เข้าล่ะ” ฟรานตอบ ถึงน้ำเสียงจะดูไร้อารมณ์ แต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการให้กำลังใจสำหรับเจมี่
“อืม” ร่างบางยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะซับน้ำตาทิ้ง และลงมือกินต่อ
หลังจากกินเสร็จทั้งคู่ก็กลับมาที่ห้อง ภายในห้องยังมีสภาพเดิม ยังคงความสะอาดเหมือนครั้งสุดท้ายที่ฟรานมาที่นี่ ร่างบางทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง และหยิบกุญแจบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
เธอจัดการไขเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะ ภายในอัดแน่นไปด้วยรูปถ่าย ดูเหมือนจะตั้งแต่สมัยเด็กจนมาถึงผู้ใหญ่ และอยู่ๆ ก็มีบางภาพโผล่เข้ามาในสมองของเธอ
“เอามาสิฟราน ฉันจะได้ใส่มันลงไป”
“มันจะใส่ได้หมดอยู่เหรอ”
“หมดสิ เอามาเร็วๆ ก่อนที่รุ่นพี่จะตื่นมา เอ้า! เร็วสิ”
“คร้าบๆ”
“อ๊าย! ยัดลงไปดีๆ สิยะ เดี๋ยวมันก็ขาดหมดหรอก”
“-*-“
“เฮ้ยๆ!! ปิดดีๆ สิ นั่นสมบัติฉันเลยนะ โอ๊ย! มานี่”
“เธอมากกว่ามั้งที่จะทำมันขาด -*-“
“อ๊าย! นายอยู่เอามือมาทำแบบนั้นมันจะขาด นั่นของสำคัญที่สุดในชีวิตเลยนะ”
“แล้วเธอจะหวงอะไรมาก กะอีแค่รูปถ่าย”
“ฉัน... สังหรณ์ใจไม่ดี เหมือนจะเสียมันไปทั้งหมด”
“...?”
“มันจะเป็นกุญแจดอกสำคัญ ถ้าหากฉันเสียมันไป ฉันจะให้รูปถ่ายพวกนี้ดึงกลับมา”
“เธอมั่นใจ?”
“อย่างน้อยล่ะน่ะ ถ้านายจะไม่ทำให้มันขาดสักรูปน่ะ”
“คร้าบๆ”
...แค่วันนี้เธอสามารถทนเจ้าชายให้ได้ตลอด ห้ามเถียง ห้ามขัด ห้ามงอแง เป็นอันผ่าน
...มั่นใจเหรอว่าเนี่ยนะเป็นเกมส์
...ได้เจ้าชายจะให้เธอช็อปเต็มที่
...แต่มีข้อแม้หนึ่งข้อ
...เจ้าชายจะให้เธอเข้าได้ร้านละห้านาที
...ขอโทษที
...เจ้าชายก็ไม่ได้เกลียดเธอหรอนะ ...แค่เจ้าชายอยากจะชนะ
...อโหสิกรรมให้เจ้าชายด้วย
O_O!
“ฟะ... ฟราน” ร่างบางหันหลังไป เธอเรียกเพื่อนของตัวเองในน้ำเสียงคุ้นเคย “ฉัน... ฉันนึกออกแล้ว!” เธอตะโกนบอกก่อนจะกระโดดเจ้าไปกอดเพื่อนตัวเองด้วยความคิดถึง
“อ็อก! แค่กๆ เจมี่... ปล่อย แค่ก!”
“อ้าว อย่าเพิ่งสลบไปสิฟราน ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าความทรงจำฉันกลับมาน่ะ ไอ้บ้าฟราน ตื่นเดี๋ยวนี้” และปลายส้นเข็มก็เหยียบลงที่เท้าของเจ้ากบน้อย จนต้องหลุดออกจาอาการแกล้งตาย
“โอ๊บบบบบ” สุดท้ายก็ร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
...แต่ยังหรอก เรื่องนี้ยังไม่จบ
“ที่เหลือก็ไปจัดการเจ้ารุ่นพี่ตัวแสบ”
อีกด้าน ณ ปราสาทวาเรีย
“ฮะ... ฮาดชิ้ววววว~”
“โว้ยยยย! แกเป็นบ้า’ไรของแกวะเบล”
“เจ้าชาย... ฮาดชิ้วววว! สงสัยจะเป็น... ฮาดชิ้ววววว”
“โว้ยยยย อย่าเอาน้ำมูกมาป้ายใส่ฉันนะเว้ย!”
“เฮ้ย! ไอ้สวะ! ดูนี่” ซันซัสที่เพิ่งออกมา ก็ยกใบที่ฟรานเขียนทิ้งไว้ให้พวกเบลดู
“ยัยเจมี่หรีออกจากบ้านนนนนนนนนนน” (สคอวโล่)
“ไม่ใช่เว้ยยยย ออกไปตามหาเซ่!” (เบล)
“...-*-“
“ทำไมยังไม่ไป ลืมไรอีกวะ”
“ลืมไปว่าฉันเป็นผบ. -*-“
“-0-;; อ่ะคร้าบๆ”
TO BE CONTINUE #3
+ +
ความคิดเห็น