คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [BJ] ขอกอดเธอเอาไว้ตรงนี้ และจะรักเธอจนนาทีสุดท้าย #1
ฟิค BJ ฉลองครบ 50%
และพี่แอ้จะรวบเล่ม~
ตอน : ขอกอดเธอเอาไว้ตรงนี้ และจะรักเธอจนนาทีสุดท้าย #1
ลมหนาวเริ่มพัดเข้ามาสู่เมืองอิตาลีแล้ว ควันเตาผิงอุ่นๆ ที่ออกมาจากปล่องไฟก็เริ่มมีให้เห็นบ้างแล้ว
ต้นไม้เริ่มผลัดใบ มดหยุดหาอาหาร และเริ่มกลับเข้าสู่รัง สัตว์ต่างๆ ต่างเริ่มจำศีล มีหญิงสาวคนหนึ่งที่เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนั้นจากริมหน้าต่างของปราสาทในป่าลึก
“นี่ก็เข้าถึงฤดูหนาวแล้วสินะคะ รุ่นพี่” เสียงหวานเอ่ยเรียบๆ คุยกับร่างสูงที่ยืนอย่างข้างๆ
ร่างบางเจ้าของเสียงนั้นนั่งอยู่บนรถเข็นของโรงพยาบาลของวองโกเล่ นัยน์ตาของเธอมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย ผ้าคลุมสีขาวถูกวางไว้คลุมไหล่ของเธอ
นี่ก็ 3 สัปดาห์แล้ว หลังจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ในตอนนั้นเมฆาสาว จาเมเลีย แห่งวาเรีย ได้ออกไปปฏิบัติภารกิจเพียงลำพัง เพราะเธอไม่อยากให้รุ่นพี่ที่น่ารำคาญของเธอตามมาด้วย จึงแอบบอกบอสออกไปทำลับๆ โดยที่คู่หูของเธอไม่รู้ แต่พอรุ่งขึ้นอีกวัน กลับมีรายงานมาว่าร่างของเธอถูกศัตรูในภารกิจโยนลงจากสะพาน ทำให้เธอสูญเสียความทรงจำส่วนหนึ่งไป และนี่ก็เกือบร่วมเดือน ความทรงจำของเธอยังไม่กลับมา
สิ่งที่เธอสูญเสียไปนั้น คือการมีตัวตนอยู่ของคนรอบข้าง เธอลืม พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน หรือไม่แม้แต่คนในวาเรีย วองโกเล่ มาเฟีย เธอลืมไปหมดเลย สิ่งที่เธอยังจำได้คือชื่อของเธอ ความรู้ที่เคยเรียนมา ที่อยู่ตอนอยู่ที่นิวยอร์ก และมหาวิทยาลัยที่จบมาเพียงเท่านี้ สิ่งที่เธอจำได้มีเพียงเท่านี้ ...จริงๆ
ในครั้งแรกที่เบลรู้ เขาก็ไม่ได้ตระหนักอะไร เขาก็เพียงแค่ขับรถตามรถโรงพยาบาลที่มาเอาร่างของเจมี่ไป แต่พอผลการตรวจออกมาว่าเธอสูญเสียความทรงจำ แต่เบลเชื่อว่าเธอยังคงจำเขาได้ เขาจึงปล่อยไป แต่พอเจมี่ฟื้น คำแรกที่เธอทักทุกๆ คนในห้อง คือ...
‘พวกคุณเป็นใครกันคะ’ ราวกับมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงเข้ามาใส่ตัวพวกเขา ร่างบางตรงหน้าจำเขาไม่ได้ และอาการฉีกขาดของกล้ามเนื้อที่ขา ทำให้เธอเกือบพิการ แต่ก็ต้องพักรักษาอีกนาน และหลังจากนั้นเพียงสามวัน ซันซัสก็พาเธอกลับมาที่ปราสาท และเบลก็อาสาดูแลเจมี่จนกว่าเธอจะหาย เขายังจะบทสนทนาแรกหลังจากที่พาเจมี่ออกมาจากโรงพยาบาลได้...
‘ที่นี่สวยดีนะคะ’ ร่างบางพูดขณะนั่งอยู่บนรถเข็น เบลพาเธอมาในที่ที่ครั้งแรกเขาแกล้งเธอ ส่วนหย่อมที่เจมี่เอางานแรกมาทำ
‘แต่ว่านายเป็นใคร ไม่เห็นจะคุ้นหน้า แล้วพาฉันมาที่นี่ทำไม’ เสียงหวานๆ ยังเอ่ยเจื้อย ก่อนจะวางมือลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นเมเปิล ข้างๆ เป็นต้นสนขนาดใหญ่ และม้าหินตัวนี้มีรอยด่างดำราวกับถูกไฟไหม้
... ใครกันนะคิดชั่วร้ายมาจุดไฟในที่ที่สวยงามแบบนี้
ร่างบางนึกในใจ ก่อนจะเอามือลูบรอยด่างดำนั้น
‘ฉันน่ะเป็นรุ่นพี่ของเธอนะ แต่ก่อนเราเคยทำงานด้วยกันด้วย’ เบลพูดอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอาหย่อนตัวลงนั่งลงที่ม้าหินข้างรถเข็นของเจมี่
‘เหรอ คุณหมอที่โรงพยาบาลบอกว่าฉันสูญเสียความทรงจำ ขอโทษนะที่ฉันจำรุ่นพี่ไม่ได้’ ร่างบางเอ่ยอย่างสำนึกผิดเล็กน้อย เธอกลายเป็นคนหัวอ่อนจนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
แต่เธอก็ยังยอมเรียกเบลว่ารุ่นพี่ อย่างน้อยเธอก็ยังพอถนอมน้ำใจของเบลไว้ได้
‘ที่นี่เป็นที่แรกที่ฉันแกล้งเธอ...’ เบลเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย ‘ตอนนั้นเธอกำลังจัดการกับรายงานที่ฉันเขียน... พอมีเสียงเอะอะจากในปราสาท เธอเลยทิ้งงานไว้ที่นี่ และรอยนั่นแหละ เป็นรอยที่ฉันเผากองเอกสารเธอ’ เบลเอ่ยออกมาอย่างขบขันในความซุกซนของตัวเอง ก่อนจะเอามือไปวางทาบลงบนมือของเจมี่ที่กำลังลูบรอยด่างนั่นอยู่
ไม่ได้โต้ตอบอะไร ไม่ได้ลุกขึ้นมาตวาดเหมือนแต่ก่อน ไม่ได้บ่นกระปอดกระแปดเหมือนตอนบอสโมโห ไม่ได้กวนส้นเหมือนตอนเจอกับสควอโล่ครั้งแรก เธอเปลี่ยนไปจริงๆ
“รุ่นพี่!” เสียงหวานดังขึ้น ทำให้ร่างสูงหลุดออกจาภวังค์ และหันกลับมามองหน้าหวานอย่างเลิกลัก
“มะ... มีอะไร”
“เมื่อกี้รุ่นพี่ลุซซูเรียตะโกเรียกให้ไปทานดินเนอร์ เจมี่หิวแล้ว T^T” ร่างบางทำหน้าออดอ้อนและมู่ปากเล็กๆ ทำให้เบลต้องเข็นรถเข็นพาเธอไปยังห้องอาหาร
เมนูวันนี้ไม่ดีมีอะไรพิเศษมากมาย มีเพียงสเต็กปลาหิมะร้อนๆ ทานคู่กับซุปครีมพาสต้า เรียกน้ำลายจากร่างบางที่นั่งอยู่บนรถเข็นได้ดีมาก
เมื่อถึงโต๊ะอาหาร ทุกคนเริ่มทานกัน เบลก็ยังคงไปนั่งข้างเจมี่เสมอ เขามองผ้าพันแผลที่พันแขนของเธอไว้ประมาณสองสามจุด เขาหลับตา และพยายามไม่ให้ตัวเองรู้สึกผิดไปมากกว่านี้
“รุ่นพี่ไม่กินเหรอคะ เดี๋ยวมันจะเย็นหมดนะ ^ ^” เจมี่ที่อดีตไม่เคยแม้แต่จะยิ้มให้บุคคลตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เธอกลับยิ้มให้เขา...อยู่บ่อยๆ
“อืม” เขาตอบรับในลำคอ ก่อนจะเริ่มเอามีดหั่นเนื้อปลาหิมะ และเอาเข้าปาก เขาไม่รู้ตัวเลยว่าถูกหญิงสาวที่นั่งข้างๆ จ้องอยู่
ไม่รู้สินะ เธอลืมคนที่น่ารักแบบนี้ไปได้ยังไงคนอ่อนโยน จนน่ารักแบบนี้น่ะ เธอจะลืมเขาได้ยังไง
และแล้วน้ำตาก็นองหน้า ทุกครั้งเลย ที่คิดถึงเรื่องของผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ไม่รู้ว่าตนนั้นเธอคิดยังไงกับเขากันนะ ก่อนที่เธอจะสูญเสียความทรงจำ...
ร่างบางใช้หลังมือปาดน้ำตา ก่อนจะจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ
หลังจากที่กินอาหารอะไรเสร็จแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว บ้างก็พักผ่อน บ้างก็นั่งเล่นอยู่หน้าเตาผิง และเวลานี้ เป็นเวลาที่เบลจะไปพักผ่อน เจมี่ก็จะมีพยาบาลมาอยู่ดูแลตั้งแต่ช่วงค่ำ พยาบาลช่วยเธออาบน้ำ และดูแลต่างๆ มากมาย จนไปจนถึงจะเข้านอน ร่างบางอยู่ในชุดนอนสีชมพูกระโปรงยาว พร้อมกับผ้าคลุมไหล่บางๆ ที่คลุมไว้ตลอด เธอจำได้ว่ามันเป็นผ้าของเบล เธอจึงไม่เคยเอาออกห่างตัว...
เธอนั่งอยู่ข้างหน้าต่างในห้องของตัวเอง ตอนนี้มีพยาบาลที่จะยืนเฝ้ายามอยู่หน้าห้อง และจะแวะเวียนเข้ามาดูแล จนกว่าร่างบางจะหลับ แต่วันนี้ดูเหมือนจะไม่เหมือนทุกวัน
นี่ก็ดึกมากแล้ว เธอยังไม่ยอมนอนเลย เธอเอาแต่จ้องหน้าต่างแล้วก็ร้องไห้ เกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน
ตึง! ตึง!
นาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ ตีบอกเวลาเที่ยงคืน เจมี่ที่ยอมขึ้นไปนอนบนเตียงก็ยังไม่หลับ เธอนอนจ้องเพดานสีขาวที่เวิ้งว้างดูว่างเปล่า น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย เสียงสะอื้นเบาๆ ยังดังออกมาเป็นระรอก และด้วยอาการป่วย เธอจึงหลับไป กลับสู่ห้วงนิทราเหมือนในทุกๆ วัน
...แค่วันนี้เธอสามารถทนเจ้าชายให้ได้ตลอด ห้ามเถียง ห้ามขัด ห้ามงอแง เป็นอันผ่าน
...มั่นใจเหรอว่าเนี่ยนะเป็นเกมส์
...ได้เจ้าชายจะให้เธอช็อปเต็มที่
...แต่มีข้อแม้หนึ่งข้อ
...เจ้าชายจะให้เธอเข้าได้ร้านละห้านาที
...ขอโทษที
...เจ้าชายก็ไม่ได้เกลียดเธอหรอนะ ...แค่เจ้าชายอยากจะชนะ
...อโหสิกรรมให้เจ้าชายด้วย
เสียงที่สะท้อนอยู่ภายในจิตใต้สำนึก ได้เลือนรางหายไป ภาพตรงหน้าค่อยๆ ดับวูบ และกลายเป็นฝันที่ไม่อยากจะนึกต่อ...
สะพานหินอ่อนขาวที่ทอดยาวอยู่นอกตัวเมืองอิตาลี มีคนรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทุกคนล้วนแต่ใส่สูท สูทสีดำที่บ่งบอกถึงความอำมหิตและน่ากลัว
ร่างบางที่ยืนประจันหน้าอยู่กับเหล่าชายชุดดำ แสยะยิ้มให้กับเหล่าชายฉกรรจ์ ก่อนจะหยิบมีดสั้น ที่มันคงติดมือมาด้วยออกมา
เธอกำลังจะละเลงมีดเส้นออกมาปาดคอหอยชายฉกรรจ์ที่จับกลุ่มก้อนกันอยู่ตรงนี้ ราวกับมีบางอย่างเกิดขึ้น
ร่างของเธอทรุดลงกับพื้น มือข้างหนึ่งยันพื้นไว้เพื่อกันตัวเองล้ม อีกข้างหนึ่งยกขึ้นกุมขมับด้วยความเจ็บปวด
...ปวดหัว
...ปวดหัวเหลือเกิน ปวดจนทนไม่ไหว ใครก็ได้ ช่วยด้วย!!
ช่วงเสี้ยววินาที เธอเหลือบไปเห็นชายคนหึ่ง ที่ถือเครื่องอะไรบางอย่าง ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุของอาการปวดหัว ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกหนึ่งในชายชุดดำ มายื้อให้ดึงขึ้น
‘เธอสวยมากนะ สวยจนเกินจะรับไหวได้ เธอไม่น่ามาเป็นศัตรูกับพวกเราตั้งแต่แรก’
เจมี่กำมือแน่นด้วยแรงที่เท่าจะมีอย่างเคียดแค้น ก่อนจะหมดสติไป...
...ตื่นขึ้นมาอีกที เธออยู่ในห้องห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นสีดำมิด ไร้ซึ่งแสงสว่าง ความหนาวเย็นก็เริ่มปะทะกับผิวกาย เกิดอะไรขึ้น?
ในระหว่างที่กำลังงุนงงกับสถานการณ์ เจมี่ก็เผลอไปจับเจออะไรบางอย่างเข้า มันเป็นบางของเหลวที่มีกลิ่นคาว คาวจนเกินจะทน
และเธอก็เพิ่งรู้สึกตัว ร่างกายของเธอไร่สิ่งปกปิด มีบาดแผลที่เหวอะหวะ พร้อมรอยฟกช้ำเต็มไปหมด และโซ่ที่ตรวนอยู่ที่ขามันทำให้เธอกลัว
ไม่มีมานานแล้วนะ ความกลัวของเมฆาสาวคนนี้ เธอพยายามความหาสิ่งที่น่าจะช่วยเธอได้
แต่หายไปหมดแล้ว อุปกรณ์ เสื้อผ้า และอาวุธที่เธอติดตัวมาด้วย มันหายไปพร้อมๆ กับความหวังของเธอ
..ความหวังที่ว่าคนๆ นั้นจะมาช่วย
...ความหวังที่ว่าคนๆ นั้นจะรู้สึกตัว
...ความหวังที่มั่นใจว่าเขาจะต้องมา
มันหายไปหมดแล้ว ...จริงๆ น่ะหรือ?
แอด~
เสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามา เผยให้แสงสว่างส่องเข้ามาในห้องมืดนี้ เหล่าชายฉกรรจ์ชุดดำแสยะยิ้มให้กับร่างบาง ก่อนจะค่อยๆ ย่างกรายเข้ามา
คนที่เขามามีเพียงคนเดียว หลังจากนั้นประตูก็ถูกปิดลง และมีเสียงลงกลอนอย่างแน่นหนา
ตึกๆ
เสียงของส้นรองเท้าที่กระทบกับพื้นอันเย็นเฉียบนี้ ทำให้ร่างบางเริ่มถอยหลังจนหลังชิดติดกับกำแพง ความเย็นกระทบเข้ากับผิวเนียน
หัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำด้วยความกลัว ความหวาดระแวงเริ่มเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าชายคนนั้นจะโผล่มาทางไหน
และแขนของเธอก็ถูกกระชาก แรงกระชากทำให้เธอหงายลงไปนอนกับพื้น แขนเธอถูกตรึงไว้บนศีรษะ
มือหนาอันน่ารังเกียจค่อยๆ ลูบไล้ไปตามผิวเนียนที่มีแผลเหวอะหวะของร่างบาง ร่างบางที่ทนไม่ไหว ไม่เคยมีใครมาล่วงเกินเธอแบบนี้
ร่างบางใช้เท้าถีบไอ้คนตรงหน้าออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี ก่อนจะคว้าเสื้อสูทนอกของมันออกมา เธอเอามาห่มตัวเองเอาไว้ก่อนจะหันไปในทางที่เธอเห็น
ตอนที่เปิดประตูเข้ามา เธอเห็นหน้าต่างทึบอยู่ข้างบน เธอวิ่งและกระโดด จนตัวเองกระเด็นหลุดออกมา
“เฮือก!” ร่างบางสะดุ้งตื่นขึ้นมา นัยน์ตาเบิกกว้างด้วยความหวาดระแวง หัวใจเต้นเร็วไม่เป็นส่ำด้วยความกลัว เกิดอะไรขึ้น?
“ฮือออออ ฮึก... ฮือๆ” ร่างบางเอามือปิดหน้าร้องไห้ด้วยความกลัว เป็นแรงดึงดูดให้หลายคนที่ยังไม่หลับวิ่งขึ้นมาบนห้องเธอ
ปัง!
เสียงกระแทกประตูอย่างแรงทำให้มันถูกเปิดออก เผยให้เห็นชายหนุ่มผมทองที่เดินเข้ามาหาร่างบางอย่างตื่นตระหนก
“รุ่นพี่... ฮือๆ รุ่นพี่! รุ่นพี่! เจมี่กลัว ฮือออ รุ่นพี่!” ร่างบางกระโจนกอดชายหนุ่มทันทีที่เข้าไปใกล้ ก่อนจะร้องไห้ฟูมฟายราวกับว่าเธอเพิ่งไปเจอกับปีศาจหรืออสูรกายยักษ์
...ทำไมเธออ่อนแอแบบนี้
เบลเริ่มรู้สึกฉุนเฉียวในใจ นึกโกรธตัวเอง โทษตัวเองว่าที่เจมี่เป็นแบบนี้ก็เพราะเขา
... ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ความรู้สึกในใจที่เริ่มเอ่อล้นออกมา เริ่มรู้สักว่ามันชัดเจนขึ้น ความรู้สึกที่ห่วงใย อยากดูแล และอยู่เคียงข้างเสมอ ในวันเวลาอันโหดร้ายแบบนี้ เขากลับไม่สามารถช่วยเจมี่ได้
“เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นวะเบล!?” เสียงที่ตะโกนไล่หลังมา คือเสียงของสควอโล่ กับบอสที่เดินเข้ามาอย่างตื่นตระหนกเล็กน้อย
“ฉันจะไม่ปล่อยให้เจมี่อยู่คนเดียวอีกแล้ว” เสียงของเบลเอ่ยออกมาอย่างทุ้มต่ำ เสียงนั้นเลื่อนลอยแต่เข้มจนดูน่ากลัว ทุกคนกำลังงุนงงกับการกระทำของเบล นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ก่อนที่จะมีใครได้ถามอะไร เบลก็อุ้มเจมี่ไปยังห้องของตัวเอง
“เฮ้ย! ไอ้เบล แกจะพายัยนั่นไปไหนวะ” เสียงที่ตะโกนไล่หลังมาชายหนุ่มหาได้สนใจไม่ เพียงแต่ก้มหน้าลง มองใบหน้าที่ซบแผงอกของเขา และกำลังร้องไห้ เสียงสะอื้นค่อยๆ กรีดลึกลงไปในจิตใจของชายหนุ่ม เจ็บปวด...
เบลวางเจมี่ลงบนเตียงของเขา ถึงแม้ห้องของเธอกับเจมี่จะอยู่เพียงตรงกันข้ามกัน แต่ทำไมกลับรู้สึกว่ามันยาวไกลเหลือเกิน เส้นทางระหว่างเขากับเธอมันยาวเกินไป ไกลเกินกว่าจะไปถึง สูงยิ่งกว่าจะเอื้อมไหว
ตอนนี้เจมี่หลับสนิท คงจะเพลียจากอาการร้องไห้ เธอเพิ่งหลับเมื่อสองสามนาทีก่อน เบลเหม่อมองร่างบาง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เจมี่
“เจ้าชายขอโทษ ฉันชายไม่น่าปล่อยให้เธอไปเลย ยัยอวดเก่ง!” เสียงสำนึกผิดของเบลก็จบลงเพียงเท่านั้น
บ้าจริง! เจมี่หลับไปแล้ว เธอจะได้ยินได้ยังไง
เบลสบถกับตัวเอง ก่อนจะลงจากเตียง ไปนอนบนโซฟา เขารู้สึกผิดจนไม่อาจจะแตะต้องร่างกายอันบอบบางนั้นได้...
♫ ให้รักเดินทางมาเจอกัน - ดา เอ็นโดรฟิน ♪
TO BE CONTINUE IN #2
ความคิดเห็น