ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อย่าหลงรักป้าก็แล้วกัน

    ลำดับตอนที่ #5 : ep5

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 65



    ......................



    "ชั้นชื่ออะไร"



    "เหมี่ยว"



    ."นี่ไง แกจำได้แล้ว"



    “ข้าสมควรจำได้อยู่แล้ว เจ้าพูดกรอกหูข้าตั้งกี่ร้อยกี่พันครั้ง”

    เหมี่ยวถอนหายใจ พวกเธอใช้เวลาพักใหญ่ในการเจรจากับตันหยงที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นตันหยง คุณหมอได้เข้ามาตรวจอาการซ้ำและลงความเห็นว่าอาจจะเป็นผลจากการกระแทก ทำให้มีภาวะความจำเสื่อมหรือสับสนชั่วขณะ ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู ส่วนสามหนุ่มนั้น นัทและโยกลับบ้านไปก่อน เหลือแต่ไม้ที่นั่งเล่นเกมอยู่ที่โซฟาและคอยฟังบทสนทนาของพวกเธออย่างเงียบๆ



    "ก็ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่รู้จักเจ้า" เสี่ยวจิ่วเองก็เริ่มเหนื่อยแล้วเช่นกัน

    "พวกเจ้าบอกข้ามาดีกว่า ว่านายใหญ่ของเจ้าคือใคร"



    "นายใหญ่?? "



    "หมายถึงบอสเหรอ?? "



    "บอสเราชื่อพี่เอก เอกภพ ไง"



    "เอกภพ?? "



    "คนที่แกชอบเรียกเค้าว่าพี่เอ้กอีเอ้กเอ้ก เพราะเสียงหัวเราะพี่เหมือนไก่ขันไง"



    "อ้าวไอ้เหมี่ยว แกบุลลี่บอสเหรอ"



    "หรือแกว่าไม่เหมือน"



    "เหมือนดิ ฮ่าๆๆๆ "



    ไม้ที่ได้ยินพอดีถึงกับส่ายหัว ป้าหยงช่างสรรหาคำมาตั้งฉายา แม้กระทั่งพวกเขายังถูกเธอเรียกว่าสหายสามตัวบาท แถมคนทั้งออฟฟิสยังพร้อมใจกันเรียกตามชื่อที่ป้าแกตั้งด้วย



    "แล้วเขาจับข้ามาขังไว้ที่นี่ทำไม"



    "..."



    "ใครขังแก"



    “นี่ไง พวกเจ้าล่ามข้าไว้” เสี่ยวจิ่วยกแขนที่มีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ วิชาฝังเข็มสะกัดจุดของพวกนางอ่อนด้วยนัก สะบัดเพียงเล็กน้อยก็น่าจะหลุดแล้ว



    “นั่นสายน้ำเกลือ เอาไว้ใส่น้ำเกลือใส่ยารักษาแกไง”



    “งั้น..ถ้าไม่ได้ขังข้าไว้ ก็ปล่อยข้าไปเถอะ นะ นะ นะ” ลงท้ายนางถึงกับยอมทำเสียงออดอ้อนเรียกร้องความสงสาร



    "หัวจะปวด ไอ้หยง ที่นี่โรงบาล แกล้มหัวฟาด แกต้องรักษาตัว รักษาหัวให้หายดีก่อนค่อยกลับบ้าน"



    "นั่นมันเรื่องของตันหยงเพื่อนเจ้า ข้าคือเสี่ยวจิ่ว ข้าบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ให้ข้ากลับไปเถอะ” จริงแท้ที่สุด แผลที่ศรีษะเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความเจ็บใจ



    "จะให้เอากระจกมาให้ส่องอีกรอบมั้ย"



    "ไม่เอา…. ข..ข้า…ไม่อยากดู"



    “เอ้า.. แล้วจะได้รู้ไง ว่านี่คือตันหยง ไม่ใช่เสี่ยวจิ่ว”



    “ข้ายอมรับว่าใบหน้านี้อาจจะเป็นตันหยงเพื่อนของพวกเจ้า แต่ว่าข้าคือเสี่ยวจิ่วจริงๆ นะ”



    "จะบอกว่าเสี่ยวจิ่วอยู่ในร่างของตันหยงเหรอ"



    "น่าจะใช่กระมัง"



    "แล้วตันหยงล่ะ



    “ข้าไม่รู้ “เสี่ยวจิ่วไม่กล้าเอ่ยออกไปตามที่คิด ตันหยงอาจจะตายไปแล้วก็ได้.. ถ้าพูดไปแบบนี้ เพื่อนของนางก็คงเสียใจมาก



    "เฮ่อ…ขอเวลานอก ขอพักเข้าห้องน้ำ" เหมี่ยวทำสัญลักษณ์ขอเวลานอก ก่อนเดินไปเข้าห้องน้ำ



    " กูก็ไม่ไหวแล้ว วันนี้พอก่อน" แนนถึงกับเอามือคลึงขมับ เดินไปเก็บของใช้ส่วนตัวลงกระเป๋า



    "ข้าก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน" เสี่ยวจิ่วบ่นอุบอิบ แอบทำสายตาค้อนตามหลัง'เพื่อนของตันหยง' แล้วก็ต้องรีบหันขวับไปทางอื่น เพราะดันไปสบตาเข้ากับเจ้าคนใส่หน้ากากแก้วรูปทรงประหลาดนั่น



    แม้ว่าแนนจะไม่เห็นอากัปกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ แต่ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของไม้โดยตลอด



    “น้องไม้ เดี๋ยวพวกพี่จะแว้บกลับบ้านไปเตรียมตัวเดินทางก่อน ฝากน้องไม้ดูไอ้หยงสักสองสามชั่วโมงนะ”

    “พี่แนนไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมดูป้าหยงให้เอง พี่ค่อยแวะมาตอนกลับมาก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินทาง”

    แนนเหลือบไปมองตันหยงที่ตอนนี้กำลังสำรวจอุปกรณ์รอบๆ เตียงผู้ป่วยอย่างสนอกสนใจ เหมี่ยวก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี พรุ่งนี้เธอสองคนต้องเดินทางไปพบลูกค้าที่ต่างจังหวัดเพื่อนำเสนอแผนงานการปรับปรุง ระบบปฎิบัติงานการผลิตและสินค้าคงคลัง ที่เป็นผลงานชิ้นโบแดงของทีมตันหยงและสามหนุ่ม



    “ไม้อึดอัดหรือเปล่า หรือมีธุระไปไหนมั้ย พี่จะได้หาคนมาเปลี่ยน”



    “ไม่อึดอัดครับ ปกติผมก็อยู่กับป้าหยงตลอดอยู่แล้ว ช่วงนี้ได้หยุดยาว อยู่เฝ้าที่นี่ได้ พี่ไม่ต้องเป็นห่วง”



    “เออ...ก็จริง” หลังจากตะลุยงานแบบไม่ลืมหูลืมตา ทีมงานพัฒนาระบบก็ได้รางวัลปลอบใจเป็นวันหยุดชดเชยกับค่าล่วงเวลาก้อนหนึ่ง จะเรียกว่ารางวัลได้ไหมนะ มันก็คือค่าแรงกับจำนวนวันหยุดที่ทำงานแลกมานั่นแหละ



    พอเห็นสองสาวเดินมากอดร่ำลาตนแล้วเดินออกจากห้องไป เสี่ยวจิ่วก็ใจหายอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าจะรู้จักกันไม่นาน เธอก็สัมผัสได้ว่า ทั้งสองห่วงใยเธอด้วยใจจริง แม้จะในฐานะตันหยงก็เถอะ



    “หิวรึยัง” ชายหนุ่มถามหลังจากที่มีคนนำถาดอาหารมาวางไว้ให้ นี่ไม่เหมือนคุกตรงไหนกันนะ มีคนคอยเฝ้าตลอด ถึงเวลาก็มีผู้คุมเอาอาหารมาส่งด้วย



    “นิดหน่อย”



    เขาลุกขึ้นไปหยิบถาดอาหารมาวางที่โต๊ะข้างหน้าเธอ โต๊ะนี้ดียิ่งนัก ด้านล่างขาโต๊ะทั้งสี่เป็นล้อ เคลื่อนไปมาได้ เอาไว้ใช้ในครัวคงสะดวกมาก เธอแอบจดจำแบบไว้คร่าวๆ กลับไปจะลองให้ พี่หมิงทำให้สักหลายๆ ตัว




    “วันนี้มีข้าวต้มปลา กินได้ไหม”



    เสี่ยวจิ่วพยักหน้ารับ เมื่อครู่ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่พอกลิ่นหอมๆ ของข้าวต้มปลาลอยมาเตะจมูก ก็อดน้ำลายสอไม่ได้

    เธอกินข้าวต้มปลาอย่างเอร็ดอร่อย ขณะที่หนุ่มหน้ากากแก้วผู้นั้นหยิบแผ่นแป้งโปะด้วยเนื้อและเห็ดสีสันสวยงามออกมาจากกล่องแบนๆ ขึ้นมากิน ที่นี่คงเป็นต่างแคว้นแน่แล้ว เครื่องแต่งกายประหลาด เครื่องมือเครื่องใช้ล้วนไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน อาหารการกินก็แปลกแต่ว่าถูกปากนัก ชายหนุ่มวางแผ่นแป้งชิ้นหนึ่งไว้ตรงหน้าเธอ เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ชี้ชวนให้เธอกิน



    “อร่อยไหม”



    “อื้ม” เสี่ยวจิ่วเคี้ยวตุ้ยๆ ถ้าข้าได้เอาของพวกนี้กลับไปที่ต้าโจว คงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า



    ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันอย่างสันติ เขามองเธอจัดการอาหารตรงหน้าเงียบๆ เดินไปหยิบน้ำมาให้เงียบๆ จะดีไม่น้อยถ้าเขาจะทำสีหน้าสายตาให้เป็นมิตรกว่านี้



    “คุณชาย”



    “หืม



    “คุณชาย ท่านชื่ออะไร”



    “ไม้”



    “คุณชายไม้ ข้า..ปวด... เบา อยากเข้าห้องน้ำ”



    “อ้อ...” ไม้เงอะงะอยู่ครู่หนึ่ง แล้วทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เขาเดินมา เลื่อนเสาที่มีถุงน้ำผูกกับสายที่เสียบอยู่ที่หลังมือเสี่ยวจิ่ว มืออีกข้างดึงเธอให้ลุกตามมา



    “คุณชาย”



    “หืม”



    “ช..ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด” เธอดึงแขนออกมาแล้วทำท่าลำบากใจ



    “.......” ไม่ควรใกล้ชิด??!! เห็นสีหน้าและท่าทางของตันหยง ที่เปลี่ยนไปแบบ 360 องศาแบบนี้ อยากจะขำ ก็ขำไม่ออก 

    ป้าหยงคนแมน! 

    ป้าหยงคนคูล!

     เกิดอยากทำตัวเล็กตัวน้อยขึ้นมา โอเคเลยป้า ไปให้สุด อยากรู้นักว่าจะหยุดตรงไหน




    เขาสอนวิธีใช้อุปกรณ์ในห้องน้ำให้เธออย่างใจเย็น แล้วจึงออกมายืนรอข้างนอกให้เธอใช้เวลาเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่

    ออกจากห้องน้ำ เสี่ยวจิ่วก็เดินเลาะห้องไปทั่ว จนมาถึงหน้าต่างบานใหญ่ ข้างนอกนั้นแดดแรงยิ่งนัก แต่ในห้องกลับเย็นสบาย พวกเขาทำได้อย่างไรกันนะ หรือจะมีห้องน้ำแข็งอยู่แถวนี้ เธอเกาะหน้าต่างมองลงไป



    “เหวอ....” ส..ส...สูงมากกก ที่มันหอคอยอะไรนี่ หรือจะเป็นป้อมสังเกตุการณ์ แล้วนั่น..อาคารบ้านเรือนช่างประหลาด รถม้า ไม่มีม้าเทียมอยู่แต่ก็ช่างวิ่งได้ไวนัก บ้านเมืองนี้เจริญยิ่งนัก เจริญกว่าต้าโจวไม่รู้กี่ร้อยเท่า อยากให้อาจูมาเห็นจริงๆ ยัยหนูนั่นคงกรี๊ดกร๊าดเสียงดังลั่นแน่ๆ นึกถึงอาจู อารมณ์ก็พลันเศร้าหมอง ข้าติดอยู่ที่นี่ นางคงตามหาให้วุ่น ไม่มีข้าอยู่ หอดอกเหมยจะเป็นอย่างไรบ้างนะ



    "คุณชายไม้ ได้โปรดปล่อยข้ากลับไปได้ไหม"



    "ก็ยังไม่หายดี จะรีบกลับไปทำไม"



    “ข้าหายดีแล้ว นี่ไง ท่านดู” ว่าแล้วก็เดินวนไปรอบๆ ให้เขาดู ข่มความเจ็บนั้นเอาไว้เสี่ยวจิ่ว



    “รอให้หมอตรวจเสร็จก่อนค่อยกลับก็ได้”



    “แล้วเมื่อไหร่ท่านหมอจะมาตรวจเล่า”



    ท่านหมอก็มาว่ะ ....

    “พรุ่งนี้”



    “ต้องรอถึงพรุ่งนี้เชียว .. เอาอย่างนี้ ข้ามีเพื่อนเป็นหมอที่เก่งกาจมากอยู่คนนึง ท่านให้ข้ากลับไปก่อน เมื่อถึงบ้านแล้วข้าจะรีบให้เขาตรวจทันที”



    “แล้วจะย้ายไปย้ายมาทำไมให้วุ่นวาย รักษาให้เสร็จๆ แล้วค่อยกลับไม่ง่ายกว่าเหรอ ไม่เปลืองตังค์ด้วย”



    “แต่ว่า ยิ่งออกมานาน คนที่บ้านข้าจะเป็นห่วงเอา”




    คนที่บ้านเหรอ… แม่ป้าหยงแต่งงานใหม่อยู่เมืองนอกนานแล้วนี่นา แฟนเฟินก็ไม่มี ..หรือว่าจะมี

    "รอให้หายก่อน แล้วจะพากลับ"



    "แต่ว่า ข้าอยากกลั"





    "ไม่ได้!"





    "งั้นข้าขอแค่.."





    "ไม่ได้!!"



    ถ้าลงทุนออดอ้อนเขาเพียงนี้แล้ว ยังไม่ใยดีกับคำร้องขอของข้าอีก.. ถ้าเช่นนั้น ...



    “ก็ได้ .. ไม่ไปก็ได้” เธอเดินคอตกกลับมาที่เตียง เอนตัวนอนลงไปอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ไม่พูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว



    สองชั่วโมงผ่านไป ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดแล้ว ไม้ก้มมองเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์ แล้วหันไปมองเสี่ยวจิ่วที่นอนดูทีวีตาแป๋ว ละครเพลงลูกทุ่งมันสนุกมากเลยรึไงนะ เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวก็ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ เขายังไม่เคยเห็นป้าหยงในมุมที่ไร้เดียงสาแบบนี้มาก่อน ป้าหยงเข้ากับเขาและเพื่อนๆ ได้ดี ดูหนังแนวเดียวกัน ดูการ์ตูนเรื่องเดียวกัน เล่นเกมด้วยกัน จนลืมไปแล้วว่าอายุห่างกันตั้ง 6-7 ปี แต่พอได้มาเห็นท่าทางแบบนี้แล้ว ป้าหยงก็ดูเด็กกว่าอายุจริงมากเลยนะ ไม้เผลอจ้องตันหยงอยู่นาน จนอีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัว เธอเสมองไปทางอื่นอย่างขัดเขิน



    "คุณชาย.. มีอะไรรึ"



    "อ..อ้อ.. เปล่า .. จะลงไปเซเว่น จะเอาอะไรไหม"



    "เซเว่นคืออะไร"



    "ร้านขายของ"



    "งั้นเอาอะไรก็ได้ เอามาเยอะๆ เลย"



    "อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม ผมลงไปแป๊บเดียว"



    "ได้ ข้าอยู่ได้ ท่านไปเดินเที่ยวเล่นได้ตามสบายเลย" เสี่ยวจิ่วบรรจงส่งยิ้มหวานหยดย้อยให้ เดินนานๆ เลยเจ้าค่าาาา ยิ่งเดินนานๆ ยิ่งดี




    "อ่า..ได้ๆ เดี๋ยวมานะ" ไม้เดินออกจากห้องไปแบบงงๆ ไม่รู้ว่างงที่ตรงไหน ตรงที่จู่ๆ ป้าหยงว่าง่าย ทำตัวเรียบร้อย หรือว่าตรงที่ลักยิ้มเล็กๆ บนแก้มยุ้ยๆ ทั้งสองข้าง

    ชายหนุ่มเดินซื้อของอย่างใจลอย เขาเป็นคนพูดน้อยแต่คิดเยอะ วันนี้ดูเหมือนจะเยอะจะเป็นพิเศษ ในหัวเริ่มมีความคิดฟุ้งซ่านตีกันอิรุงตุงนังไปหมด ในมือหยิบของลงจนเกือบเต็มตะกร้า ขนาดเดินออกร้านจน เดินมาจะถึงหน้าห้องคนป่วยแล้วก็ยังไม่หยุดคิดอีก…

    พอก่อนๆ คิดอะไรนักหนานะไม้ นั่นป้าหยงนะ

    เขาถอนหายใจแรงๆ เปิดประตูเข้าไป แต่บนเตียงกลับว่างเปล่า ห้องน้ำก็ไม่มีคนอยู่ สายน้ำเกลือถูกถอดทิ้งไว้ข้างเตียงมีรอยเลือดติดอยู่ด้วย

    ป้าหยงไปไหน ป้าหยงไปไหน สมองเขาพลันว่างเปล่า รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่าง ถุงเซเว่นที่ใส่ของโปรดของตันหยงไว้จนแน่นถูกปล่อยทิ้งไว้บนพื้นกลางห้อง เขารีบวิ่งไปที่ลิฟท์ ลนลานจนมือไม้สั่น

    ……………..



    "ปี๊นนนน!!!"

    เสียงแตรรถดังลั่นพร้อมกับแสงไฟรอบด้านที่สาดไปทั่ว ท้องฟ้ามืดปานนี้ ทำไมผู้คนถึงยังสัญจรไปมาอีก รถม้าของพวกเขาก็น่ากลัวนัก วิ่งไปวิ่งมาโดยไม่มีต้องใช้ม้า แถมเร็วอย่างยิ่งจนเธอมองตามไม่ทัน



    สายตาคู่นี้พร่าเลือนนัก ในห้องสว่างๆ ในหอสูงนั้นยังพอมองเห็นอะไรๆ บ้าง แต่ด้านนอกในเวลามืดค่ำ แทบจะเหมือนกับเดินอยู่ในหมอกหนาทึบเลยทีเดียว เสี่ยวจิ่วเดินหลบเลี่ยงผู้คนจน ออกมาจนถึงหน้าโรงพยาบาล เธอยืนหอบหายใจอยู่นาน นึกเจ็บใจตัวเองนัก ไม่นึกเลยว่าข้าเสี่ยวจิ่ว จะมีวันที่ตกอับถึงเพียงนี้ ร่างกายบาดเจ็บ แถมยังมองไม่เห็น เงินทองก็ไม่มีติดตัว เมื่อไม่มีหอดอกเหมย ตัวข้าก็กระจ้อยร่อยไร้ค่าถึงเพียงนี้ ข้าจะกลับต้าโจวอย่างไรดี

    ทันใดนั้น ก็มีแสงไฟพุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว




    กรี๊ด!!!



    ก่อนที่แสงนั้นจะพุ่งถึงตัว เธอถูกแขนแข็งแรงคู่หนึ่งกระชากออกมาได้อย่างหวุดหวิด



    "มายืนทำอะไรตรงนี้วะ เกะกะ" เสียงตะโกนมาจากลำแสงไฟนั้น



    "จะชนคนบนทางเท้าเหรอ อยากโดนแจ้งความรึไง"



    เสียงแหบห้าวคุ้นหูดังขึ้นมาจากอ้อมแขนที่โอบกอดเธออยู่ เจ้าของแสงไฟลูกนั้นจากไปอย่ๆางหงุดหงิด เธอค่อยๆ ยันกายออก รวบรวมความกล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตาเขา



    "คุณชายไม้… ข้า…"



    "กลับ"



    "ข้า…เดินไม่ไหว.." ทางเดินขรุขระเต็มไปด้วยเศษหินจนสองเท้าเปล่าของเธอเจ็บระบมไปหมด เขามองตามสายตาเธอเงียบๆ แล้วก้มลง



    "ขึ้นมา"



    "ขะ..ขึ้นเหรอ" เขาคิดจะแบกข้าเหรอ.. ด้วยน้ำหนักตัวของข้า… หลังเขาไม่หักหรือไร



    "ขึ้นมา" ไม้ย้ำเสียงห้วน

    ชายหนุ่มยามนี้เย็นชาน่ากลัวนัก เสี่ยวจิ่วไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ปีนขึ้นหลังเขาแล้วจะพยายามเกาะให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

    แม้เขาจะดูผอมบางเมื่อเทียบกับความสูงชะลูดแต่ฝีเท้ามั่นคงนัก วรยุทย์คงร้ายกาจไม่เบา เพราะเขาสามารถตามมาช่วยเธอได้ทันเวลา

    เมื่อถึงห้องแล้ว ไม้ก็วางเธอลงบนเตียง แล้วส่งเสียงเรียกท่านหมอที่อยู่ด้านนอกเข้ามาเสียบเข็มเข้าที่แขนเธออีกครั้ง เสี่ยวจิ่วได้แต่นั่งยอมรับชะตากรรม มองไม้ที่เก็บของเกลื่อนพื้นด้วยสีหน้าอึมครึม เขาซื้อของมาเยอะแยะเลย ซื้อมาเยอะอย่างที่ข้าบอกจริงๆ ด้วย



    "คุณชายไม้"



    ไม้หันมามองตามเสียงเรียก เขายังนิ่งเงียบอยู่ ในใจมียังมีอารมณ์ครุกรุ่น สายตาจึงเย็นชากว่าปกติ



    "ข้าขอโทษ ข้าแค่อยากกลับบ้าน"



    "ก็บอกแล้วว่าหายแล้วจะพากลับ ทำไมป้าดื้อแบบนี้"



    "ข้าจะกลับต้าโจว ข้าไม่กลับไปบ้านตันหยง"



    "ป้าคือป้าหยงนะ"



    "ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว ว่าข้า! คือ! เสี่ยว! จิ่ว!"



    "เอาจริงๆ เหรอป้า? "



    "หลายทีแล้วนะ คำก็ป้า สองคำก็ป้า เรียกว่าป้าอยู่ได้ ไร้มารยาทนัก ช่างไม่นึกถึงใจคนอื่นบ้างเลย!!"



    "ใครกันแน่ ที่ไม่ถึงใจคนอื่น บอกว่าอย่ากินเหล้าก็ไม่ฟัง เมาจนหกล้มหัวร้างข้างแตก ตื่นมาก็กลายเป็นใครไปแล้วก็ไม่รู้ แล้วยังดื้อหนีออกไปอีก ถ้าโดนรถชนขึ้นมาจะเป็นยังไง เคยนึกถึงคนที่เค้าเป็นห่วงรึเปล่า!!! "



    ……….

    …….

    ….



    หลังจากโพล่งทุกความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจออกไป ทั้งห้องก็พลับเงียบเชียบลง อย่าว่าแต่เสี่ยวจิ่วที่กำลังตกตะลึงกับท่าทางก้าวร้าวของไม้ที่เพิ่งเคยได้เห็น ไม้เองก็ตกใจเหมือนกัน นี่เขาถึงกับพูดออกไปโดยไม่ยั้งคิด…

    นี่เขาเป็นอะไรไป..




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×