คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : EP.18 ตราบใดที่มีรัก ย่อมมีหวัง
ค่ำคืนอันแสนยาวนานผ่านพ้นไป เช้าวันที่รอคอยก็มาถึง
ไฉไฉเดินโผเผออกมาที่หน้าหอพัก
เมื่อคืน ไม่สิ เรียกว่าเกือบจะเช้าเลยเถอะ กว่าจะข่มตานอนได้ก็ม้วนตัวไปมาหลายล้านตลบ นอนได้แป๊บๆก็เช้าซะแล้ว
ความสดชื่นไม่ต้องพูดถึง สติสตังแทบไม่มี
ความง่วงดีก็มีข้อดี ช่วยลดทอนความเขินไปได้เยอะเลย
เมื่อพ้นประตูหอพักก็พบมะนาวยืนกอดอกพิงรถ ดูท่าทางผ่อนคลาย เขาหันมายิ้มเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้รถ
"เรามาเช้าไปรึเปล่า ยังง่วงนอนอยู่มั้ย"
"ดูง่วงมากเลยเหรอ"
"อืม...." มะนาวขยับเข้ามาใกล้เธอนิดนึงก่อนจ้องหน้าอย่างพินิจพิเคาระห์ "แต่ก็น่ารักเหมือนเดิม"
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ง่วงนอนไม่ได้ช่วยลดความเขินเลย....
คุณชายเพิ่งปล่อยมุขเสร็จก็เดินมาเปิดประตูให้ เหมือนที่เคยทำมาตลอด ไฉไฉก็เข้าไปนั่งด้วยความเคยชิน
เมื่อเข้าไปนั่งรถแล้ว เอนเบาะลงนิดนึง แอร์เย็นฉ่ำ... หนังตาชักจะหนักขึ้นเรื่อยๆแล้วแฮะ....
"ไฉไฉๆๆๆๆ" เสียงเรียกข้างตัวค่อยๆดังขึ้น ไฉไฉถึงได้รู้สึกตัวว่าเธอเพิ่งเผลอหลับไป...
"ไหวมั้ย"
"อืม........ไหว " ต้องไหวสิ วันนี้มีสอบถึงแค่เที่ยงนี่นา.... อดทนๆ แค่สี่ชั่วโมง
มะนาวมอง“ไปกินข้าวกันก่อนนะ”
“อืม”
มะนาวมองไฉไฉที่ตาปรือ ตาเหม่อมองข้างหน้าอย่างลอยแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้
ปรกติก็ขี้เซามากอยู่แล้ว... เมื่อคืนคงแทบไม่ได้นอนเลยสินะ
“กินข้าวเสร็จแล้วค่อยไปห้องสอบกันนะ”
“อืม”
..... ดูท่าสติจะเลื่อนลอย......ทดสอบดูหน่อยซิ
“สอบเสร็จแล้วไปดูหนังกันนะ”
“อืม”
“ดูหนังเสร็จเป็นแฟนกันนะ”
“อืม” ….. หืม…อะไรนะ… คนเผลอตอบถึงกับทำหน้าเหวอ
“ฮ่าๆๆๆ เมื่อคืนไม่ได้นอนเลยเหรอ”
“ได้นอน..นิดนึง....”
“ง่วงก็ส่วนง่วง แต่ว่าตอนคุยกะเรา ทำไมไม่ยอมมองหน้าเรา”
“ก็…..”
“อึดอัดเหรอ…” คนพูดถอนหายใจหนักๆ จนไฉไฉใจหาย ความง่วงเริ่มลดลงนิดๆแล้ว
“เปล่านะ เราไม่ได้อึดอัด”
“ก็แล้วทำไมพูดกับเรา ทำไมไม่ยอมมองหน้าเราดีๆล่ะ”
“ก็มัน..ไม่รู้....จะทำยังไงนี่..."
"เขินเราเหรอ" อีกฝ่ายรีบถามด้วยความดีใจ ชักจะมีความหวังขึ้นมาแล้ว
"เขินอะไรเล่าจะไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ ก็รีบไปสิ"
"555 คร้าบๆๆๆ ไม่เขินก็ไม่เขิน"
ดูท่ามะนาวจะถูกใจกับวิธีโมโหกลบเกลื่อนอาการเขินของเธอเอามากๆ ถึงได้หัวเราะไม่หยุด
เมื่อทานข้าวเช้าเสร็จแล้วก็พากันมุ่งหน้าไปที่อาคารเรียน สองสหายมานั่งอ่านหนังสือรออยู่ที่ห้องสอบแล้ว
“สองคนนี้ไปทำอะไรมา มาช้าจัง” แจ็คกี้ร้องทักเมื่อทั้งสองคนเดินมาถึง
“ไปกินข้าวมา" ว่าแล้วก็เดินโซเซไปนั่งโต๊ะที่ใกล้ที่สุด "สักงีบเถอะนะ"
อาจูมองไฉไฉที่ฟุบแน่นิ่งไปกับโต๊ะ ก็รีบปลุก "หลับเฉยเลย จะสอบอยู่แล้ว แกจะนอนอีกเหรอ"
"อีกตั้งครึ่งชั่วโมง ปล่อยให้นอนไปเถอะ" มะนาวบอกก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะข้างๆไฉไฉ หยิบสมุดโน๊ตขึ้นมาอ่านทบทวน
"ไปทำอะไรมานะ ยังกะคนไม่ได้นอน" แจ็คกี้พึมพำพร้อมส่งสายตาพยักเพยิดให้อาจูมองไปที่เป้าหมาย
เป้าหมายอันดับหนึ่งกำลังหลับสบาย ทำให้ผู้ชมรู้สึกเสียอรรถรสไปเล็กน้อย
ก่อนจะค่อยดีขึ้นเมื่อเห็นเป้าหมายอันดับสองเริ่มขยับแล้ว
มะนาวถอดเสื้อแจคเก็ตมาคลุมเจ้าตัวเล็กที่นอนไม่รู้เรื่องราว หันมายิ้มให้เพื่อนๆนิดนึง ก่อนก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไป
"นายกำลังคิดอย่างที่ฉันคิดอยู่หรือเปล่า B1" ไฉไฉสะกิดแจ็คกี้เบาๆ
"ฉันกำลังคิดอยู่ล่ะ B2" แจ็คกี้สะกิดตอบ
สอบเสร็จก่อนเถอะ เจ้าคู่นี้ ชั้นจะจับมาซักฟอก
...............................................
ผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ทั้งสี่สหายต่างก็พากันเดินออกจากห้องสอบได้โดยสวัสดิภาพ
จะมีที่อาการร่อแร่ก็คงหนีไม่พ้นไฉไฉ กว่าจะตื่นเต็มตาก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง แถมยังอุตส่าห์สัปหงกระหว่างทำข้อสอบอีกแน่ะ...
สองกล้วยหอมยังไม่ทันจะได้สัมภาษณ์เพื่อนรักทั้งสอง มะนาวก็รีบพาไฉไฉแยกตัวออกมาก่อน บอกว่าจะไปดูหนังตามที่ตกลงกันตอนเช้า...
อาจูและแจ็คกี้จึงได้แต่มองตามมะนาวและไฉไฉออกไปอย่างเสียดายแล้วพากันเดินคอตกไปที่ห้องชมรม
........................................................................................
ที่ห้องชมรม...
"สอบเสร็จแล้วเหรอ" พี่แจนร้องทักแจ๊คกี้และอาจู เสียงร่าเริง ปลุกให้ใครอีกคนหนึ่งที่อยู่ในพวังค์รู้สึกตัว มองไปที่ประตู
มองสองคนที่กำลังเดินเข้ามา...... มาแค่สองคนเองเหรอ
"มาแค่สองคนเองเหรอ"
วินถึงกับสะดุ้ง เมื่อได้ยินแจนเอ่ยถาม .....ตกใจจริงๆ เมื่อกี้นึกว่าตัวเองเผลอถามออกไปซะอีก
"สองคนนั้นไม่อยู่..." แจ็คกี้ตอบแจนพลางยิ้มอย่างมีเลสนัย
"หืม......คงไม่ใช่ว่า...."
"ไปเดตกันไง" คำตอบของอาจูเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากแจนได้อย่างไม่ต้องสงสัย
"ว่าแล้วๆๆๆ สองคนนั้นชอบกันแน่ๆ"
"ยิ่งพักหลังนี่ยิ่งเห็นชัดเนอะ ตอนแรกก็นึกว่าเราคิดไปเองซะอีก"
เสียงกองเชียร์ยังคงดังลั่นไม่มีท่าทีจะหยุดลงง่ายๆ....
ไม่มีใครเอะใจเลยหรือ ว่าที่มุมห้องนี้ยังมีเขานั่งอยู่ ....สิ้นหวังจริงๆ....
ยังไม่ทันได้จีบ....ก็อกหักซะแล้ว.. แถมยังอกหักทีเดียวสองคนเลย......T-T
จากนั้นก็ค่อยๆเดินหายออกไปจากห้องชมรมอย่างเงียบเชียบ ทิ้งบรรยากาศร่าเริงสนุกสนานของสามคนนั้นไว้เบื้องหลัง
------------------------------------------------------------------------------------------------
ทางฝ่ายผู้ร้ายที่ไม่รู้ตัวว่าทำให้คนอกหัก กำลังเดินออกมาจากโรงหนัง
หนังซอมบี้สุดสยองและตื่นเต้นเรื่องโปรด ตามคาด ไฉไฉหลับสนิทตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก
"เป็นไง หนังสนุกมั้ย" มะนาวเอ่ยถามล้อๆ
"เสียดายอ่ะ มะนาว เราไม่น่ารีบมาดูวันนี้เลย ตั้งใจไว้ตั้งหลายเดือนว่าจะมาดู หลับไปซะได้"
"เดี๋ยวอาทิตย์เรามาดูใหม่ก็ได้"
"..จะมาทำไมอีก เพิ่งดูไปไม่ใช่เหรอ"
"ถ้าไฉไฉอยากดู เราพามาอีกได้"
"........."
ไร้เสียงโต้ตอบ.... มะนาวจึงนึกเอะใจ หันไปมองคนข้างๆที่ทำหน้าตาจริงจัง ก่อนที่เขาจะพูดอะไร ไฉไฉก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
"ทำไมถึงเป็นเราล่ะ"
" หืม..."
"เราคิดว่ามะนาวมีคนที่ชอบแล้วซะอีก .. ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนเป็นเราได้ล่ะ"
"เรามีคนที่ชอบแล้ว.... ก็ไฉไฉไง เราชอบมาตั้งแต่งานรับน้องตอนปีหนึ่งแล้ว" ....
โฮ่....... นานขนาดนั้นเลยเหรอ.. ชั้นมัวไปทำอะไรอยู่นะ ทำไมไม่รู้ตัวล่ะ
แต่เอ๊ะ....มันมีอะไรแปลกๆอยู่นะ
"มะนาวเคยบอกเราว่า ไปชอบคนที่ไม่ควรชชอบไม่ใช่เหรอ..."
"ก็ถ้าแอบชอบเพื่อนสนิทตัวเอง....ก็ต้องทำใจไว้เลยว่าถ้าเกิดบอกว่าชอบ..แล้วจะเข้าหน้ากันไม่ติดน่ะ"
ที่แท้ เธอเข้าใจผิดไปเองเหรอ... คิดว่ามะนาวชอบพี่วินมาได้ตั้งนาน ....เง้ออออออ
----------------------------------------------------------------------------------
ที่หอพักวิน
"เฮ่อ........." เอทิ้งจอยเกมในมือก่อนหันมามองเพื่อนอย่างเซ็งๆ
"เอ็งเป็นไรวะวิน เรียกข้ามาเล่นเกม นี่ข้าเล่นคนเดียวมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ"
"ก็..มันไม่มีอารมณ์เล่นน่ะ" วินส่งเสียงอู้อี้ออกมาโซฟา
"ไม่มีอารมณ์เล่นเกมแล้วแกชวนข้ามาเนี่ยนะ"
"อยู่ห้องคนเดียวแล้วห้องมันเงียบน่ะ...."
เอถอนหายใจอย่างระอา
"ข้าว่าแกออกไปข้างนอกมั่งเหอะ นอนอุดอู้มันไม่ทำให้หายเฮิร์ทเว้ย ไปเปลี่ยนบรรยากาศซะมั่ง"
"ข้าไม่รู้จะไปไหนนี่" วินกรอกตาไปมา.... คนอกหัก จะหวังให้ออกไปร่าเริงที่ไหนได้ยังไง
ธรรมชาติคนอกหักมันต้องหมกตัวอยู่ห้องฟังเพลงเศร้าสิ
เอเงียบไปครู่ใหญ่ เหมือนจะนึกอะไรออกแล้ว "ข้ามีแพลนจะไปเที่ยวอาทิตย์หน้า แกจะไปด้วยมั้ย"
"ไปไหน"
"ใกล้ๆนี่แหละ บอกไปก็ไม่เซอร์ไพรส์"
วินพยักหน้ารับอย่างเลื่อนลอย..ถ้ามันจะทำให้หายเซ็ง ไปไหนก็ได้ทั้งนั้นล่ะ วินาทีนี้
"แกมีพาสปอร์ตแล้วใช่มั้ย"
หืม.... ไปแถวนี้... ต้องใช้พาสปอร์ตด้วยเหรอ...
------------------------------------------------------------------------------------------
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
หน้าวัดจีนที่คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียง
“มาน่าๆ ไหนก็มาแล้ว แวะซะหน่อยนะแก นี่ๆๆ ศาลเจ้าที่นี่ดังมากนะเฟ้ย ใครๆเค้าก็มาขอพรกัน”
เอลากวินที่กำฃังเดินซึมกะทือเข้าวัดไป หยิบธูปก็แล้ว ไหว้ศาลเจ้าทางเข้าก็แล้ว ไหว้ฟ้าดินก็แล้ว
นี่เดินมาจนถึงศาลเจ้าด้านในสุด เจ้าเพื่อนคนนี้ก็ยังทำหน้าเซื่องซึมเหมือนไม่ได้เอาใจมาด้วย
มือก็ไหว้ขอพรทำหน้าตาซังกะตาย ตาก้อมองเหม่อไปโน่น เทพเจ้าเค้าคงเอ็นดูแกหรอก เอมองเพื่อนแล้วกลุ้มใจ
ไอ่คนเจ้าเล่ห์เอ๊ยยยย ร้ายกาจสารพัด พออกหักทีเดียว ถึงกับทรงตัวไม่อยู่
เยื้องจากสองหนุ่มไปด้านข้างเล็กน้อย
ท่านเทพจันทรา ยืนมองวินอย่างชั่งใจ ทันใดนั้นเสี่ยวหมิงและอิงถิงก็ปรากฏตัวอยู่ข้างกาย
“เจ้าหนุ่มนี่ดูคุ้นตาจริง ดูเหมือนว่าจะเป็นเพื่อนของศิษย์น้องไฉไฉของเจ้าไม่ใช่รึ"
อิงถิงชี้ชวนให้ดูวินและเอที่กำลังปักธูปลงที่กระถาง
“จริงด้วย แต่วันนี้ทำไมสภาพถึงได้ดูอิดโรยแบบนี้เล่า ครั้งก่อนที่ข้าเจอ…”
“ครั้งก่อนที่เจ้าเจอ……หรือว่าเจ้าทำอะไรกันแน่ “
“ท่านอาจารย์ …. "
"ข้าบอกแล้ว เจ้าจะสุ่มสี่สุ่มห้าจับใครมาทดลองไม่ได้นะ
"ท่านอาจารย์"....คิ้วเรียวหรุบต่ำลง น้ำเสียงสำนักผิดยิ่งนัก"ศิษย์เผลอไปหน่อยเดียวเองนะขอรับ”
“ด้ายแดงของศิษย์น้องเจ้ากับเจ้าเด็กหนุ่มมะนาวนั่น ข้าเป็นคนผูกเอง... อาหมิงเอ๋ย เจ้านี่มีตาเสียเปล่าแท้ มาผูกด้ายทับด้ายแดงข้า ดูเสียเถิด เจ้าหนุ่มนี่ถูกชะตารักทำร้ายเสียจนเศร้าหมองไปหมดแล้ว”
“ศิษย์ผิดไปแล้ว ท่านอาจารย์โปรดลงโทษ” ว่าแล้วก็คุกเข่า ก้มหน้าสำนึกผิด..
ชายชราส่ายหน้าอย่างระอาใจ พลางหันไปถามอิงถิงที่กำลังยิ้มเยาะเสี่ยวหมิงอยู่
“จิ้งจอกน้อย ไม่ได้เจอกันเสียนาน”
“คารวะท่านผู้เมตตา บุญคุณที่ช่วยชิวิตอิงถิงเมื่อครั้งยังเด็ก ยังคงจดจำไม่มีวันลืมเลือน”
อิงถิงย่อกายอ่อนช้อยทำความเคารพท่านผู้เฒ่า
ชายชรายิ้มให้อย่างอารมณ์ดี “เด็กน้อย อย่าใส่ใจเลย”
เสี่ยวหมิงเห็นท่าทีอ่อนช้อยของนางแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ ชิชะ เจ้าปีศาจ.. คิดจะหลอกล่อท่านผู้เฒ่ารึ
“เจ้าปีศาจ เจ้าอย่ามาตบตาท่านอาจารย์ข้านะ นี่เจ้าแย่งด้ายแดงจากข้าไม่สำเร็จ เลยวางแผนตีสนิทอาจารย์ข้าเหรอ”
“นางแย่งด้ายแดงเจ้างั้นรึ” ท่านเทพเหลือบมองจิ้งจอกสาวที่ยังทำหน้าทะเล้น
“ขอรับ นางผูกใจเจ็บ ที่ข้าน้อยผูกด้ายแดงให้ชายคนรักนางกับหญิงอื่น”
ชายชราหันมามองอิงถิง ก่อนถามด้วยความเอ็นดู
“ห้าร้อยปี ผ่านมาแล้ว เจ้ายังคงผูกใจเจ็บอีกเหรอ เด็กน้อย อยากมีความรักขนาดนั้นเลยเหรอ….”
หญิงสาวคนเดียวในที่นั้นก็กระมิดกระเมี้ยนอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยตอบ
“ท่านผู้เฒ่าอยู่มาหลายพันปีแล้ว หัวใจแข็งทื่อจนกลายเป็นหินแล้วกระมัง ข้าเป็นจิ้งจอกสาว กำลังอยู่ในวัยที่มีความรักนะเจ้าคะ”
“มานี่ๆ ข้าจะบอกความลับเจ้า” ท่านเทพกวักมือเรียกอิงถิงเข้ามาหา พร้อมเนรมิตเวทีงิ้วขนาดใหญ่ขึ้นมา
ตัวแสดงชายหญิง เดินเกี้ยวกันมาถึงกลางเวที พลางแสดงบทสาวแง่ชายง้องอน ข้ากอด เจ้าผลัก น่าสนุกนัก
ชายชรามองเห็นอิงถิงเพลิดเพลินกับฉากงิ้วที่เสกขึ้นมาก็พอใจยิ่งนัก พลางสะบัดมือไปข้างหน้า ฉากงิ้วอันน่าตื่นตื่นใจพลันหายไปลับตา … คนดูที่กำลังอินกับบทพระนางถึงกับนิ่วหน้าด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าชอบแสดงงิ้วเอง หรือชอบนั่งดูงิ้วเล่า”
“นั่งดูสิ ถึงจะสนุก” ยิ่งมีเม็ดแตงสักห่อ ไม่สิ สมัยนี้ต้องมีป็อบคอร์นสักถุงแค่นี้ก็นั่งดูงิ้วได้แสนเพลิดเพลิน
“เช่นนั้นถ้าเราได้เฝ้าดูบทรักหวานซึ้ง พลัดพราก เศร้าสลด ของมนุษย์ทั้งหลายไปไม่จบไม่สิ้นเล่า”
“คงน่าสนุกมากๆ….”
“ด้ายแดงนี้ ถ้าเจ้าอยากได้..ข้าจะให้…” ท่านอาจารย์ยื่นไหมก้อนใหญ่มาข้างหน้า
“ท่านอาจารย์ อย่าหลงกลนาง พลันก็มีด้ายแดงก้อนใหญ่พันกายเขาไว้ ชายหนุ่มดิ้นขลุกขลัก ด้ายก็ยิ่งรัดแน่น
“ท่านหมายความว่า” อิงถิงมองด้ายในมือท่านผู้เฒ่าไม่วางตา.. ขอเพียงมีด้ายแดงวิเศษ ข้าจะมัดใครติดตัวข้าก็ได้
“มาเป็นศิษย์ข้าสิ ….”
อิงถิงชะงักไปครู่ใหญ่ เหลือบมองเสี่ยวหมิงทียังดื้อดึง ตาเรียวยาวทั้งสองข้างฉายแววร้อนรน
เจ้าอย่าเชียวนะ อย่า…..
“แล้วเขาล่ะ..”
“เขาเป็นศิษย์พี่เจ้าแล้ว… จะทำยังไงก็ตามใจเจ้าเถิด”
“ถ้าเช่นนั้น…...ศิษย์อิงถิง คารวะท่านอาจารย์”
“วะฮ่าๆๆๆ อยู่มาเนิ่นนานหลายพันปี วันนี้ข้ามีความสุขที่สุด” ว่าพลางโยนด้ายแดงในมือให้อิงถิง
“ดูแลศิษย์น้องเจ้าดีๆล่ะ เสี่ยวหมิง ข้าเทพจันทราจะไปหาตาเฒ่าเซียนกระเรียนเสียหน่อย หนอยแน่ มีศิษย์แค่สองคน บังอาจมาเยาะเย้ยข้ามาหลายร้อยปี วันนี้ข้ามีศิษย์ถึงสามคน หนึ่งในนั้นเป็นถึงจิ้งจอกตบะพันปี คอยดูว่าเจ้ากะเรียนเฒ่ายังจะกล้าเยาะเย้ยข้าอีกไหม” ว่าแล้วก็พลิ้วกายหายวับไป
ที่แท้ที่ท่านอาจารย์เฟ้นหาลูกศิษย์อย่างเอาเป็นเอาตายมาหลายร้อยปีนี่เพราะ..อยากเอาชนะ ท่านเซียนกะเรียนหรอกเหรอ
เสี่ยวหมิงถึงกับเข่าอ่อน ครั้งก่อนศิษย์น้องเอาเขาไปขายให้อิงถิง วันนี้ท่านอาจารย์ก็ยังมาขายเขาให้อิงถิงอีก
ใบหน้าหล่อเหลายังคงบูดบึ้ง เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกท่านอาจารย์ที่แสนเจ้าเล่ห์ใช้เป็นเครื่องมือเสียแล้ว
อิงถิงเดินออกจากศาลเจ้า พร้อมหันมาเรียกเสี่ยวหมิง ที่ค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้น ด้ายแดงที่พันธนาการเขาไว้ หายไปพร้อมร่างท่านผู้เฒ่าเมื่อครู่นี้
“เดินเร็วๆสิ เดี๋ยวก็ตามเจ้าแว่นไม่ทันหรอก” ยังคงกวักมือเรียก
ศิษย์น้องไฉไฉ แม้เป็นมนุษย์ธรรมดา ยังทำให้ข้าเกือบตาย นี่ยังมีนางปีศาจเพิ่มมาอีกคน..
ชีวิตเซียนน้อยของข้าช่างมืดหม่นเหลือเกิน ...ฝีมือก็สู้ไม่ได้ แถมนางยังมีด้ายแดงวิเศษของท่านอาจารย์อีก…
เซียนหนุ่มมรูปงามประจำศาลเจ้าเทพจันทราแห่งวัดหลงซาน ได้แต่เดินคอตก ตามร่างนวยนาดของอิงถิงไป
วูบ…….. ความรู้สึกหนาวๆร้อนๆแล่นผ่านแขนไปจนถึงกลางกระหม่อม วินได้แต่เอามือลูบแขน บรรเทาอาการขนลุก
“เป็นไรวิน หนาวเหรอ” ตอนนี้เป็นช่วงใกล้ปลายปีแล้ว อากาศเย็นสบาย นานๆครั้งจะมีลูมหนาวพัดผ่านมา
“เปล่า..อยู่ดีๆข้าก็ขนลุกว่ะ รู้สึกทะแม่งๆ”
“แกไม่สบายหรือเปล่า ไปเที่ยวไหวมั้ย หรือจะกลับไปโรงแรมก่อน”
“ไม่เป็นไร ไปกู้กงก่อนก็ได้ แล้วค่อยกลับมาโรงแรม”
เอพยักหน้าเออออตาม ทั้งสองเดินผ่านประตูทางเข้าสถานีรถไฟฟ้าเพื่อไปยังเป้าหมายต่อไป
ความคิดเห็น