ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศิษย์เฒ่าจันทรา มาแจกรักแล้วจ้า

    ลำดับตอนที่ #11 : EP11. จับผีไป ได้ผีมา

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 60



    มาๆๆ มาไล่จับผีกับชาวแก๊งค์กันเถอะ


    ============================================


    หลังมื้อเย็นอันแสนสุข ทุกคนช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด


    สี่สหายแอบส่งสายตานัดแนะให้ไปช่วยกันล้างจานกันที่ห้องครัว ปล่อยให้สามคนที่เหลือทำความสะอาดสนามหญ้า


    “ล้างจานเสร็จแล้วไปรวมกันที่ห้องนอนใหญ่เลยนะ" อาจูรีบบอกแผนการ มือก็ล้างจานเป็นระวิง


    อีกสามคนพยักหน้ารับพลางช่วยกันล้างจาน เช็ดจานอย่างขยันขันแข็ง  


    “เสร็จแล้วๆ ไปกันเลยๆ” แล้วพากันวิ่งเข้าห้องนอนห้องใหญ่สุดที่ยกให้สามสาวพักในคืนนี้


    เจมองตามสี่สหายวิ่งตามกันเป็นพรวนด้วยความขบขัน จากนั้นค่อยๆหันไปมองอีกมุมหนึ่งของห้องรับแขกที่ทั้งสี่อาจจะไม่ทันได้สังเกต


    สองสมาชิกชมรมเรื่องลึกลับสยองขวัญกำลังจัดเตรียมอุปกรณ์อย่างขมักเขม้น


    ไฟฉาย เครื่องจับสัญญาณความร้อน


    นี่มืออาชีพชัดๆ เจ้าเด็กพวกนี้ จะเอาจริงเอาจังขนาดนี้เลยเหรอ … ความจัดเต็มของทั้งสองทำให้เจถึงกับเดินมาดูใกล้ๆด้วยความสนอกสนใจ


    “พี่เจจะออกไปด้วยกันมั้ยครับ” วินเงยหน้าขึ้นมาถาม เมื่อรู้สึกถึงสายตาเจที่จับจ้องอยู่


    …………………………………..


    …………………………………..


    “ไม่ล่ะ พี่รออยู่ที่บ้านดีกว่า”


    จากนั้นก็หยิบรีโมตขึ้นมากดหาซีรี่ย์สืบสวนสอบสวนเรื่องโปรด แล้วกลับนอนทิ้งตัวที่โซฟาตามเดิม


    เรื่องอะไรจะต้องไปเดินให้เหนื่อยเปล่า รอลุ้นดูเจ้าเด็กสี่คนนี่น่าสนุกว่าเห็นๆ

    ไม่รู้ว่าเจ้าทะโมนพวกนี้จะทำหน้ายังไงถ้าเห็นว่าสองคนนี้เตรียมอุปกรณ์มาเยอะขนาดนี้


    …………………………………………


    หนึ่งชั่วโมงต่อมา


    สี่สหายที่น่าสงสารที่ควรนั่งลุ้นอยู่ในห้องนอนใหญ่ตามที่นัดแนะกันไว้ ต่างก็ต้องออกมารวมตัวที่สนามหน้า

    ในมือถือไฟฉาย รอแจนกับเจที่กำลังแบ่งทีม


    อาจูมองเพื่อนด้วยสายตาละห้อย ถ้าเธอไม่เกิดปวดฉี่แล้วย่องออกมาเข้าห้องน้ำ คงไม่เจอวิน ที่กำลังรออยู่


    “พร้อมรึยังครับ น้องจู” ประโยคเดียวพร้อมด้วยรอยยิ้มพิฆาต

    แต่ สุขภาพจิตก็สำคัญนะ เราจะไม่เอาใจดวงน้อยไปเสี่ยงกับเรื่องผีๆเป็นอันขาด ไม่ๆๆ เราจะไม่หวั่นไหว

    อาจูเตรียมพร้อมทำหน้ามึนเหมือนฟังไม่รู้เรื่อง


    “ไฟฉายเรามีไม่พอ น้องจูแบ่งกันใช้กับพี่ก็แล้วกันนะ”


    งั้นก็ต้อง...เดินไปด้วยกันน่ะสิ


    “ค่าาาาาาาาาาาา”


    สัจจะไม่มีในหมู่เพื่อน………………


    อาจูผู้ตกอยู่ในมโนเดินเลื่อนลอยไปตามเพื่อนๆให้มารวมตัวกันที่หน้าบ้าน

    สายตามองเห็นแต่ภาพตัวเองกำลังเดินกระหนุงกระหนิงกับพี่วินท่ามกลางแสงดาว


    “น้องจู ไปกันได้แล้ว” เสียงแจนปลุกอาจูตื่นจากภวังค์ ข้างๆมีแจ็คกี้กำลังทำหน้าเซ็ง และเจกำลังนั่งหัวเราะอยู่ที่หน้าประตู


    “แล้วพี่วินล่ะคะ”  


    “ทีมโน้นเดินออกไปโน่นแล้ว”  


    ที่หน้าปากทางเข้าสวน เห็นเงาตะคุ่มๆ กำลังเดินห่างออกไป


    เดทใต้แสงดาวของชั้นหายไปไหน…. ช้านพลาดอะไรไปเนี่ยยยยยยยยยยยย


    …………………………………………………………………


    มาที่เงาตะคุ่มๆของสามร่างที่กำลังเดินออกจากปากซอย


    คนนึงเงียบเชียบ คนนึงทำหน้าซังกะตาย คนที่เดินตรงกลาง อึดอัดจะตายอยู่แล้วววววว


    ไฉไฉผู้ถูกขนาบข้างด้วยสองหนุ่ม ถ้าเป็นอาจู คงจะลั้ลลามาก


    แต่นี่ไม่ใช่อาจู จึงได้แต่เดินตามเงียบๆ เวลาสามทุ่มแถบนอกเมือง เงียบสงัด มืดสนิทดีแท้

    แม้แต่ดาวเทียมก็ไม่กระพริบเป็นกำลังใจให้ แลทุกอย่างจะเป็นใจให้พี่วินเหลือเกิน


    ทั้งสามเดินฝ่าความมืดครู่ใหญ่มาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน วินก็หยิบอุปกรณ์จับสัญญาณขึ้นมาเปิด


    ไฟสีเขียวกระพริบพร้อมเสียงตึ้ดดังขึ้นบ่งบอกสถานะพร้อมใช้งาน

    “เกาะกลุ่มกันไว้ แล้วก็เดินดีๆ ระวังงูกับแมลงด้วยล่ะ” วินเอ่ยเตือนน้องๆก่อนพาลัดเลาะเข้าไปที่ประตูรั้วไม้


    เบื้องหน้าเป็นเงาทะมึนของอาคารไม้เก่าคร่ำคร่า


    วินค่อยๆปลดเชือกที่คล้องประตูออก เสียงแผ่นไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าดฟังดูโหยหวน


    มะนาวกับไฉไฉค่อยๆเดินตามเข้าไปอย่างหวาดหวั่น แล้วก็สะดุ้งโหยงจนไฟฉายในมือมะนาวแทบหล่นเมื่อเครื่องตรวจจับคลื่นความร้อนส่งสัญญาณถี่ขึ้น  วินชูมือข้างที่ถือเครื่องไปมาเพื่อหาที่มาของสัญญาณ…


    ทางตะวันออก!!! … ได้การล่ะ วินรีบรุดไปทางตะวันออกที่ปกคลุมไปด้วยกอหญ้าและเศษกิ่งไม้

    ปลายทางที่ทั้งสามกำลังมุ่งหน้าไป ร่างโปร่งแสงสองร่างกำลังยืนมองพวกเขาอยู่


    “ท่านเซียนน้อย เจ้าเด็กพวกนี้ยกโขยงกันมาลองดีอีกแล้วครับ ไม่เข็ดไม่หลาบกันซะจริง กระผมเหนื่อยจะไล่แล้ว

    บางทีก็แต่งตัวบ้าๆบอๆมา บางทีก็มาเต้นท่าทางพิลึกกึกกือ กลางค่ำกลางคืนไม่รู้จักนอน”


    “ท่านเจ้าที่ เด็กพวกนี้มากับข้าน้อยเองขอรับ ทานมื้อเย็นกันหนักไปหน่อย ข้าน้อยก็เลยพามาวิ่งย่อยอาหาร”


    “อ้อ…...ที่แท้ก็เป็นคณะศรัทธาของท่านเซียนน้อยนี่เอง ท่านเซียนช่างมีเมตตาแท้ๆ”


    “ที่ไหนกันเล่า ท่านเจ้าที่ต่างหากมีเมตตา ละเว้นพวกเด็กๆให้ข้าน้อย”  


    ทั้งสองร่างผลัดกันชมกัน เจ้าคำข้าคำอยู่ครู่หนึ่ง ท่านเจ้าที่ก็ขอตัวไปตรวจตราพื้นที่โดยรอบ


    เสี่ยวหมิงมองทั้งสาม ที่กำลังใกล้เข้ามา เจ้าหนูไฉไฉนี่อ่อนหัดจริงๆ ข้าอยู่ตรงนี้ยังไม่รับรู้อีก หึๆๆ แล้วก็หรี่ตาจ้องไปทางวิน แสงจากไฟฉายผ่านหน้าเสี่ยวหมิงไปมา


    คิดจะจับข้าเหรอเจ้าหนู เร็วไปร้อยปี แล้วก็กระดิกมือเรียกเจ้าตูบที่กำลังวิ่งไล่จับหนูอยู่แถวนั้น

    เสกด้ายแดงออกมามัดหางเจ้าตูบไว้ ชี้มือไปทางสามคนด้านหน้าแล้วสั่ง


    “ไป!!!”


    เจ้าตูบน้อยมึนงง แต่ก็ออกวิ่งไปตามคำสั่ง ด้ายสีแดงโบกไสวตามหางที่กวัดแกว่งไปมา

    วิ่งมุ่งหน้าไปหาทั้งสาม


    ตี๊ดดดดดดดดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สัญญาณจากอุปกรณ์ร้องถี่ๆ หัวใจของทั้งสามก็เต้นระรัว ไฉไฉที่ไม่มีไฟฉายในมือได้แต่จิกชายเสื้อมะนาวเอาไว้แน่นหนา


    ลมพัดวูบใหญ่พร้อมทั้งเสียงฝีเท้าตรงเข้ามา ๆ ๆ มาแล้ว ไฉไฉแทบจะหยุดหายใจเพราะความกลัวระคนตื่นเต้น


    วูบบบบบบบบบบ เสียงลมและฝีเท้าพัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนมันเปลี่ยนทิศทาง อ้อมไปอีกด้านหนึ่ง วินเปลี่ยนเส้นทางตามเสียงนั้นไป ทิ้งน้องๆด้านหลังไว้อย่างไม่ต้องคิด

    มะนาวได้ยินเสียงหอบของไฉไฉจึงค่อยๆชะลอฝีเท้า


    “ไม่ต้องตามแล้วมั้ง ดูท่าพี่วินเค้าไม่สนใจเราแล้วล่ะ" มองตามหลังวินที่กำลังตาม สิ่งลึกลับ ไปอย่างเอาเป็นเอาตาย

    “กลับออกไปรอที่หน้าประตูมั้ย ยังไงเราก็ตามพี่แกไม่ทันอยู่ดี”


    “อืม กลับออกไปรอข้างนอกเหอะมะนาว มีดจะตาย หญ้าก็รก ผีจะโผล่มาหรือเปล่าก็ไม่รู้”

    ค่อยๆหันหลังกลับออกไปทางเดิม ตอนนี้เหลือกันสองคน เสียงรอบข้างพลันเงียบลงไปอีก  

    จู่ๆ ไฉไฉก็รู้สึกถึงสายลมเบาๆที่ไล้ผ่านต้นคอ…….


    ค…. คืออะไร ขาก้าวไม่ออกแล้วววว……  มือที่กำชายเสื้อมะนาวชะงักกึก ทำให้อีกฝ่ายหยุดฝีเท้าตามไปด้วย

    พลันขนลุกซู่ เมื่อเสียงยียวนอันคุ้นเคยดังดังขึ้นข้างๆ หู


    “อ่อนจริงๆเลยนังหนู … กลัวจนฉี่จะราดเลยล่ะสิ”


    ………………………………………………………………………

    ทางด้านทีมสองสาวหนึ่งหนุ่ม ขณะกำลังค่อยๆลอดรั้วไม้ที่ผุพังเป็นรูใหญ่เข้ามาทางด้านหลังสถานีอนามัย


    แจนมองตามแสงทอดยาวจากไฟฉาย ดูเหมือนจะมีทางเดินเล็กๆ แยกไปสองทาง……ซ้ายเป็นทางเดินมีหญ้าแซมขึ้นมา..

    ทางขวา….ดูเหมือนจะมีต้นไม้ใหญ่แล้วก็พงหญ้ารกทึบ… ด้วยสัญชาติญาณและศักดิ์ศรีของชมรมเรื่องลึกลับและสยองขวัญ แจนเลือกไปทางขวา


    อาจูกับแจ็คกี้หันมาสบตากัน


    ‘ทำไมเธอไม่ห้ามเค้า’


    ‘ห้ามได้ที่ไหนล่ะ พี่แจนน่ากลัวกว่าพี่วินอีก’


    ได้แต่เดินตามต้อยๆเป็นหมาหงอย ก่อนที่ทั้งสามจะชะงักกึก เสียงสัญญาณจากอุปกรณ์ที่อยู่ในมือแจนดังขึ้น

    ไฟกระพริบสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีแดงเตือนให้รู้ว่าตรวจพบอะไรบางอย่าง


    “ข้างหน้าๆๆ” แจนร้องบอก แล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยความคึกคัก


    แสงไฟจากไฟฉายของแจน และอาจู พอให้เห็นสภาพโดยรอบ แต่เนื่องจากทั้งสองข้างทางปกคลุมไปด้วยพงหญ้าและต้นไม้ใหญ่ ทัศนวิศัยจึงถูกจำกัดให้แคบลง


    ทั้งต้องระวังงู แมลง แล้วยังต้องระวังกิ่งไม้อีก สองสหายที่มัวแต่งุ่มง่ามจึงถูกแจนทิ้งระยะห่างไปเรื่อยๆ


    ทันใดนั้นเอง แจนก็ร้องดังลั่น


    “มันมาทางนี้แล้ว”


    “หา มันมาทางนี้ อ๊ากกก แม่จ๋าาาาา”


    ผีมาทางนี้!!! สติของทั้งสองแตกกระเจิง หนีตายกันสุดชีวิต

    ด้วยอารามตกใจ อาจูออกวิ่งโดยไม่ทันระวังตัว จึงสะดุดเข้ากับกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่เดินข้ามมาก่อนหน้านี้

    ไฟฉายหลุดจากมือ ตัวเธอเองก็กลิ้งหลุนๆ เข้าไปในพงหญ้า รอบๆกายพลันมืดลง


    "อาจู ๆ" เสียงแจนกับ แจ็คกี้ร้องเรียกอยู่ไม่ไกล ลำแสงไฟฉายสาดส่องมา ทั้งสองคงกำลังเดินตามหาเธออยู่ ก่อนจะหันไปร้องตอบเพื่อนสายตาก็สะดุดกับเงาทะมึนด้านหน้า…..

    เงามฤตยูยืนจังก้าอยู่หน้าเธอ มันค่อยแสยะยิ้ม…พ่นลมหายใจฟืดฟาด ก่อนจะแลบลิ้นแหลมยาวเฟื้อยออกมา


    "อืออออออออ" เสียงครางออกมาเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นตรึงให้อาจูนิ่งอยู่กับที่ ปากคอแห้งฝาก เธอพยายามจะร้องแต่เหมือนมันกำลังสะกดเธอไว้ ลิ้นยาวๆ กวัดแกว่งไปมาน่าสยดสยอง


    วินาทีนั้นเอง เจ้าสัตว์ประหลาดก็โผออกมาข้างหน้า เธอร้องกรี๊ดขึ้นสุดเสียง… พร้อมๆกับสติที่หลุดลอยไป


    “อาจูๆๆๆ” เสียงเรียกนั้นทำให้เธอรู้สึกตัว …. ความทรงจำสุดท้าย ...เจ้าสัตว์ประหลาดนั่น


    “ไม่น้าาาาาาาาาาาาาา…"


    “พี่เองๆๆ อาจู" เมื่อเงยหน้าขึ้นมามอง แสงไฟฉายรอบกายส่องให้เห็นใบหน้าคุ้นเคย เจนั่งประคองเธอ เพื่อนๆก็คอยนั่งให้กำลังใจเธออยู่ไม่ห่าง


    “พี่เจ สัตว์ประหลาดมันจะกัดจู มันจะกัดจูอีกแล้ว ฮือๆๆๆ”


    “ไม่กัดแล้วๆ ไม่มีสัตว์ประหลาดที่ไหนหรอกจู มีแต่หมาวิ่งเล่นแถวนี้ พี่ไล่มันไปแล้ว.”.


    “หมา….. เป็นหมาหรอกเหรอ… ลิ้นมันยาวมากเลยนะ”


    “มันมาวิ่งหาหนูแถวนี้น่ะอาจู เมื่อกี้คงคาบหนูตัวใหญ่ แกเลยเห็นหางหนูเป็นลิ้นมันน่ะ” ไฉไฉบอกอาจู พลางส่งสายตาดุๆ พร้อมยกกำปั้นไปที่ร่างโปร่งแสงข้างๆ

    นายตัวแสบ กลับไปโดนดีแน่ๆ แล้วก็รีบหันสายตากลับแทบไม่ทันเมื่อเห็นวินมองเธออย่างสงสัย


    “กลับบ้านกันนะ” เจค่อยๆฉุดอาจูลุกขึ้น ทั้งเจ็ดคนพาเดินกลับที่พัก

    …………………………………..


    “พี่ๆขอโทษนะอาจู” แจนพูดเสียงอ่อย รู้สึกผิดที่พาน้องๆไปเล่นพิเรนทร์จนเกือบเป็นอันตราย มือก็บรรจงทายาแผลถลอกที่หัวเข่าให้อาจู


    ไฉไฉกับเพื่อนๆกำลังนั่งล้อมอาจูอยู่บนเตียง อีกสองหนุ่ม ยืนดูอยู่ห่างๆ ส่วนเจ้าตัวต้นเหตุ ยืนพิงกรอบประตูทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้


    “ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะพี่แจน จูชวนพี่ๆมาเอง ไม่คิดว่าตัวเองจะขวัญอ่อนขนาดนี้”


    “ไม่คิดว่าแกจะกลัวหมาขนาดนี้” แจ็คกี้โพล่งขึ้นมา ทำเอาอาจูเกือบสำลัก ความทรงจำวัยเด็กย้อนกลับมาอีกครั้ง เจได้แต่นิ่งไป

    นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้อาจูไม่ยอมพูดกับเขาจนมาถึงตอนนี้


    ไฉไฉค่อยๆเลี่ยงออกมาจากกลุ่มเพื่อน เพื่อเอากาละมังและผ้าขนหนูออกไปเก็บในครัว ก่อนออกจากห้องก็หันไปสบสายตาให้เสี่ยวหมิงตามมาด้วย ร่างใสๆค่อยๆ ลอยเลื่อนตามออกไปอย่างอิดออด


    "นายตัวแสบ... เล่นอะไรก็ดูซะบ้างสิ ถ้าอาจูเป็นอะไรหนักกว่านี้ ชั้นจะจุดธูปบอกเง็กเซียนฮ่องเต้ให้ปลดนาย"

    เปิดฉากอบรมทันที ที่เดินมาถึงจุดปลอดสายตาคน


    "ก็ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย นางแค่หกล้มแล้วก็ตกใจเกินเหตุ"..


    "ต้องรอให้เป็นอะไรก่อนรึไง ครั้งนี้นายเล่นเกินไปแล้วนะ"


    "เออๆๆๆ ขอโทษๆ"


    .......................... จะมาขอโทษง่ายๆแค่นี้แล้วคิดว่าจะจบเหรอ...


    "ศิษย์น้อง ข้าไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งพวกเจ้าซะหน่อย จริงๆนะ" เสียงเริ่มลนลานเมื่อเห็นว่าเธอไม่มีท่าทางตอบสนองกับคำขอโทษ


    "นายยังเป็นเซียนฝึกหัดนี่นา.......ถ้าถูกร้องเรียน........"


    "ศิษย์น้องไฉไฉคนดี ข้ามีความตั้งใจดี ข้าอุตส่าห์ไปต่อรองท่านเจ้าที่ไม่ให้ลงโทษพวกเจ้า แถมยังไปไล่งูเงี้ยวเขี้ยวขอนให้พวกเจ้าอีก ดูสิ ความดีข้าก็มีนะ"

    "....... อย่าฟ้องท่านอาจารย์เลยนะ"


    นี่ไงล่ะ ที่มาขอโทษขอโพยนี่เพราะกลัวเธอจะเอาไปฟ้องอากงนี่เอง


    ปล่อยให้ทรมานใจไปอีกนิดแล้วกัน


    "...... ให้ข้าไถ่โทษนะๆๆ เจ้าจะให้ข้าทำอะไรก็บอกมา"


    "เสี่ยวหลงเปา เอารูปกระต่ายน้อย.. เอาฮะเก๋า ซาละเปาหมูสับ เกี๊ยวกุ้งเยอะๆ เยอะมากๆๆๆๆๆๆ"


    ".............." เยอะไปแล้ว เสี่ยวหมิงได้แต่อดกลั้น


    "ไม่ทำก็ไม่เป็นไร..... คิดถึงอากงจัง... จุดธูปเรียกดีมั้ยน้าาาาาา"


    "ได้ๆๆๆ ทำหมดเลย"


    ว่าแล้วไฉไฉก็เดินยิ้มกริ่มกลับห้องไปสมทบกับเพื่อน เรื่องอะไรจะให้อาจูเจ็บตัวฟรีๆล่ะ


    ไฉไฉคุยกับใครอยู่เหรอ


    กึก......... เฮือก พี่วิน.... มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่


    "ไฉไฉบ่นเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะพี่วิน" ว่าแล้วก็รีบแว้บเข้าห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งวินยืนจ้องเขม็งไปที่ห้องครัว

    สายตาคมหลังกรอบแว่นหรี่ลง ค่อยๆประมวลผลอย่างใจเย็น


    ==========================================================


    แป๊บๆก็จะหมดปีแล้ว อะไรๆที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนต้นปียังทำได้ไม่ถึงครึ่งเลย

    คงต้องเลื่อนไปปีหน้า แล้วก็ปีหน้าของปีหน้า


    เรียนว่ายน้ำ เรียนโฟโต้ช้อบ .... แต่ละอันนี่หัดเองก็ได้ทั้งนั้นเนอะ แต่ว่าเราขี้เกียจ


    ขอให้ปีหน้าเป็นปีแห่งความขยัน เราจะได้ขยันอัพๆๆๆ นิยายบ่อยๆ ฮ่าๆๆๆ


    สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคะ


    =โชคดีสามช้อนโต๊ะ=







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×