คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : EP.5 ใครๆ ก็ (อยาก) มีรัก
“ที่พักเจ้ากว้างขวางดีนะ เสียอย่างเดียว ร้อนไปหน่อย “
ไฉไฉหันขวับไปทางต้นเสียง เสี่ยวหมิงหันมาพูดกับเธอขณะที่กำลังรินน้ำชาใส่แก้วลายริแลคคุมะยื่นให้ท่านเฒ่าจันทราที่นั่งเอกเขนกบนโซฟา แก้วใบโปรดของเธอ... ในห้องของเธอ!!!!!
“เหวอ!!!! พวกคุณ มาได้ยังไงเนี่ย”
“เราแวะมาเยี่ยมเยียนเจ้า อยากรู้ว่าเป็นอยู่อย่างไร” คุณตาโบกพัดในมือน้อยๆ
“เมื่อไหร่จะเลิกโผล่พรวดพราดมาแบบนี้ซะทีล่ะคะ อากง หนูคงช็อคตายเข้าสักวัน”
เธอเดินไปนั่งโซฟาตัวข้างๆ วางกระเป๋าลงข้างตัวอย่างหมดแรง
“นี่ แล้วไหนที่บอกว่าหนูมีชะตาเป็นแม่สื่อ ไม่เห็นจะได้เรื่องเลย คู่อื่นก็เห็นรักใคร่กันดี ทำไม่อาจูถึงแห้วได้ล่ะคะ “
ไฉไฉ ระบายความในใจออกมาชุดใหญ่ แล้วก็เล่าเรื่องรุ่นพี่ของอาจูให้ฟัง
“อืม….” คุณตาลูบเคราขาวๆช้าๆ หันไปทางเสี่ยวหมิง
“เสี่ยวหมิง ตรวจสอบดูซิ”
ชายหนุ่มนั่งลงข้างไฉไฉ หยิบด้ายแดงออกมาพันนิ้วก้อยข้างซ้ายแล้วนับนิ้ววนไปมาสักครู่ ก็หันมาตอบ
“อันที่จริง….ไม่ควรมีอะไรผิดพลาดนะขอรับ เว้นแต่ว่าแม่หนูอาจูจะผูกด้ายแดงไปกับคนอื่นแล้ว”
ไฉไฉนึกถึงใบหน้าเย็นชาที่เจอเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หรือว่า...คุณว่าที่คู่หมั้น เป็นคู่ผูกด้ายแดงของอาจู
“งั้น วันนั้นที่อุตส่าห์นัดรุ่นพี่ไป ก็เสียเวลาเปล่าน่ะสิคะ”
“ไม่สิ… ด้ายแดงก็ผูกแล้วนี่…. เจ้าหนูไฉไฉ.. เจ้าเอาด้ายแดงของนายวินไปผูกกับใครเข้าล่ะ”
“เหวอออออออออ ถ้าไม่ผูกกะอาจู ก็...ผูกกะชั้นน่ะเหรอ”
“งั้นเจ้าต้องตามหาแล้วล่ะ ว่าปลายด้ายแดงของนายวินผูกอยู่กับเจ้าหรือเปล่า”
“คุณตาหาให้ไม่ได้เหรอคะ” “นายก็ได้ หาให้หน่อยสิ มีมั้ยๆๆ”
ว่าแล้วก็ชูนิ้วก้อยทั้งสองข้างให้ทั้งอากงและเสี่ยวหมิงดู
“เรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัว เจ้าผูกด้ายเอง ก็ต้องหาเอง คนอื่นหาให้เจ้าไม่ได้หรอก” เสี่ยวหมิงเอ่ยเสียงเรียบ
“แล้วจะต้องทำยังไงดีล่ะคะ……”
“ยอมเป็นศิษย์ข้าหรือเปล่าล่ะ” เฒ่าจันทรา ยิ้มกริ่ม
“คุกเข่าสิ”
??? หืมมม ???
“คุกเข่าแล้วเรียกข้าว่าอาจารย์” แล้วทั้งสองศิษย์อาจารย์ก็หันมาสบตากันด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
=======================================
มะนาวจูงรถจักรยานออกจากหอพัก วันนี้เขานัดกับแจ็คกี้เพื่อไปเล่นเทนนิสที่คอร์ดข้างสนามกีฬา
หนุ่มน้อยสวมหูฟังเดินฮัมเพลงออกไปอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ทันสังเกตุว่า อีกฝั่งของประตูหอพัก มีใครบางคนยืนจ้องอยู่
“อยู่หอนี้เองหรือเนี่ย” เสียงพึมพำจากคนที่ยืนอยู่ตรงประตูหอพัก สะกิดให้เพื่อนที่เพิ่งเดินออกมาหา หันไปมองตามสายตา
“น้องมะนาว หน้าหล่อ น่ะเหรอ อยู่ข้างๆห้องข้าเองแหละ”
เอ หนุ่มคณะเกษตร เพื่อนซี้ของวินเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นสายตาเพื่อนมองตามหลังหนุ่มน้อยที่กำลังปั่นจักรยานมุ่งไปทางสนามกีฬา
อยู่ห้องข้างๆ อืม…. อยู่ห้องข้างๆ วินทบทวนคำพูดของเอซ้ำไปซ้ำมาอย่างครุ่นคิด
“แล้วแกเอาของที่สั่งมามั้ย”
“นี่ไง” วินยื่นดีวีดี หนัง…. คนอ่านอย่าคิดมาก แค่ดีวีดีหนังสยองขวัญที่วินสะสมไว้เท่านั้นเอง
“แล้ว…. ข้ามีเรื่องรบกวนว่ะ”... เสียงกระท่อนกระแท่นของวินทำให้เอประหลาดใจ
“ว่ามา”
“ข้า… ว่าจะย้ายมาอยู่กะเอ็งสักพักนึงได้มะ คือ.. คือ.. เครื่องทำน้ำอุ่นที่่ห้องมันเสีย..”
“หืม……. แก ติดน้ำอุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“ก็เพิ่งติดได้ไม่กี่วันมานี้แหละ ...เอ๊ยยย คือพักนี้ มีเด็กที่หอข้าเล่าให้ฟังว่ามีคนเห็นเงาแว่บๆ แถวๆหอเอ็งน่ะ เค้าลือกันว่าเป็นผีผู้หญิง ข้าเลยอยากมาพิสูจน์”
“เฮ้ยยยยย ไม่มี หอข้าไม่มีผีเว้ยย” แม้จะบอกเสียงดังฟังชัด แต่สีหน้าเจ้า่ตัวก็ซีดเผือดลงมาก … เขาไม่ถูกกับเรื่องหลอนๆแบบนี้เลย อุตส่าห์คัดแล้วคัดอีก นึกว่าหอนี้จะปลอดภัย
“เออ… ข้าเลยอยากพิสูจน์ไง”
“แล้วแกจะย้ายมาวันไหนล่ะ”
“วันนี้เลย เดี๋ยวข้ากลับไปเก็บของ”
วินหันหลังไปที่รถของตัวเองแล้วขับกลับหอไปโดยไม่ปล่อยโอกาสให้เอที่กำลังนิ่งอึ้งได้ปฏิเสธ
พอได้สติแล้ว เอก็รีบวิ่งขึ้นไปที่ห้อง ถ้าหอนี้มีผีอยู่จริงๆ มีเพื่อนอยู่ด้วยก็ถือว่าปลอดภัยกว่าล่ะวะ
คิดพลางคว้าอุปกรณ์ทำความสะอาดออกมา เตรียมปัดกวาดห้องเคลียร์พื้นที่ให้เพื่อนย้ายเข้ามาอยู่
มะนาวกลับถึงห้องเมื่อตอนเกือบสองทุ่มหลังจากเอ้อระเหยอยู่ที่ร้านไอศกรีมใกล้สนามกีฬากับแจ็คกี้
หนุ่มน้อยยังคงอารมณ์ดี ฮัมเพลงไปตลอดทาง ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเจอกับใครบางคนที่หน้าระเบียงห้อง..
ต่างคนต่างชะงักไปชั่วครู่ ก่อนวินจะเอ่ยทัก
“หวัดดีมะนาว บังเอิญจัง อยู่หอนี้เหรอ…..”
หืมมมมม บังเอิญเหรอ.. เมื่อตอนเย็นก็เพิ่งเล่าให้ฟัง ไอ่วินนี่มันยังไงกัน ความจำสั้นซะแล้วรึ
เอที่อยู่ในห้อง ได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่โดยบังเอิญ
“ครับ พี่วินมาหาเพื่อนเหรอครับ”
“ใช่ อยู่ห้องนึ้แหละ”
“ออ เพื่อนพี่เอเองเหรอครับ”
“ช่าย…. เพื่อนพี่เอง……”
เอเดินออกมา จงใจเดินมายืนข้างๆมะนาว ยกแขนพาดไหล่หนุ่มน้อยเอาไว้ สายตาจับจ้อง
ใบหน้าเพื่อนเพื่อจับพิรุธ
บรรยากาศช่างมาคุจริงๆ แลดูคล้ายกับนักมวยปล้ำสามคนกำลังยืนคุมเชิงกันอยู่กลางเวที
ถึงแม้จะไม่มีใครได้ปล้ำกันจริงๆก็เถอะ แต่อุณหภูมิโดยรอบก็เย็นยะเยือกขึ้นเล็กน้อย
หนุ่มน้อยผู้อ่อนหัดต่อสถานการณ์น่าอึดอัดเป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน ค่อยๆเบี่ยงไหล่บอบบางออกจากมือของเอ
“เอ่อ……..ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับพี่ๆ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่ “
แล้วก็รีบจ้ำอ้าวเข้าห้องตัวเอง ล็อคกลอนประตูสองชั้น ก่อนจะมานั่งจุมปุ๊กอยู่ที่โซฟา หัวใจยังคงเต้นแรง…...
สองหนุ่มที่ยังยืนคุมเชิงกันอยู่หน้าห้อง ต่างก็ยังเงียบกันอยู่ ทั้งคู่แลกเปลี่ยนสายตากันไปมา จนในที่สุด
เอก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน …
“เอ็ง เป็นอะไรมากมั้ย…”
“ป่าว…. ไม่ได้เป็นอะไร” เขาหลบสายตาของเอ พลางยกมือขึ้นดันกรอบแว่นให้กระชับขึ้นอีกนิดเพื่อเรียกคืนความมั่นใจ
เอหรี่ตาลง จ้องมองเพื่อนด้วยสายตาครุ่นคิด …..
เจ้าวินแม้ภายนอกจะดู สุภาพ ยิ้มง่าย คุยเก่ง ใจดี แต่ไม่ค่อยมีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของมันนัก เจ้าคนเจ้าเล่ห์นี่มักจะซ่อนความร้ายกาจไว้ใต้รอยยิ้มอ่อนโยนนั่นแหละ มีแค่ไม่กี่คนที่สังเกตเห็นว่ามีปฏิกิริยาบางอย่างที่เจ้าตัวไม่อาจควบคุมได้เวลาที่นายวินรู้สึกตื่นเต้นหรือประหม่า
“มึงหูแดง” เอเอ่ยเรียบๆ ก่อนเดินหันหลังกลับเข้าห้อง
วินรีบเอามือกุมหู แล้ววิ่งตามเพื่อนเข้าห้องไป
…………………………………………………………...
ทางด้านสองศิษย์หนึ่งอาจารย์
ท่านเฒ่าจันทรากำลัง เอนหลัง บนโซฟา มีเสียงกรนเบาๆ บอกว่าเจ้าตัวกำลังเคลิ้มหลับ ..
ทิ้งให้ศิษย์พี่กับศิษย์น้องกำลังถกประเด็นกันเรื่อง……..
“นี่ แล้วเราไม่มีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์แปะที่หน้าผากเหรอ อาจารย์เป็นเฒ่าจันทรานี่นา”
“นั่นมันเปาบุ้นจิ้นในละครของเจ้าไม่ใช่รึ”
“แล้วเราต้องใช้คฑาแปลงร่างมั้ยอ่ะ”
“….. เราไม่แปลงร่าง ไม่ต้องใช้หรอก….”
“นี่ๆ แล้วตอนผูกด้ายนี่ต้องมีคาถามั้ย แบบ.. ข้าคือตัวแทนแห่งดวงจันทร์ จะมาพันด้ายแดงพวกเจ้าเอง ว่ะฮ่าๆ อะไรแบบนี้น่ะ “ ไฉไฉทำท่าทางเซเลอร์มูนแปลงร่างไปด้วย
“นั่นมัน…...เซเลอร์มูน” ยัยหนูนี่ ช่างคิดอะไรพิลึกเกินมนุษย์มนา
“โอ๊ย….ไม่มีอ็อปชั่นอะไรเลย ไม่น่าตื่นเต้นเล้ยยย…”
“อาจารย์ขอรับ” เสี่ยวหมิงคุกเข่า ลงข้างโซฟา สองมือเขย่าแขนท่านอาจารย์ที่กำลังหลับปุ๋ย
“เปลี่ยนใจเถอะขอรับ เราไปหาศิษย์น้องคนใหม่กันเถอะท่านอาจารย์”
ความคิดเห็น