ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SMTM : RAPPER ROOM ᕽ (ALL x GIRIBOY)

    ลำดับตอนที่ #13 : ᕽ ROOM 11 : 2000/90

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 259
      2
      27 มิ.ย. 59





    2000/90

     

     

     

     

    เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน นั่นไม่ใช่ประโยคที่หลอกลวงอะไรเลยสักนิด มันถูกต้องทั้งหมดในความคิดของชียอง

     
     

    จะมีก็แค่เสียงตะโกนโหวกเหวกของแดอุงล่ะมั้งที่ยังเหมือนเดิม ทุกคนในค่ายก็เริ่มโตมากกว่าตอนที่ชียองเข้ามาอยู่ใหม่ นั่นหมายถึงทุกคนก็สนิทกันแต่ก็ดูเหมือนไม่สนิทกันในบางช่วงเวลา ตอนนี้วาสโค่ก็เปิดคลับเป็นของตัวเองและดูเหมือนจะไปได้ดี ส่วนคนข้างห้องเขาก็ยังคงเหมือนเดิมเพียงแต่ว่าเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีเรื่องบางอย่างที่ชียองเองก็ไม่เคยเอ่ยปากถามโนชางสักครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นที่จู่ๆเจ้าตัวก็ไปโกนหัวซะจนเกลี้ยงแม้อีกคนจะพูดออกมาเองแค่ว่าไม่ชอบทรงผมเก่า

     

    แล้วก็ห่างกันไปซะเฉยๆทั้งที่อยู่ค่ายเดียวกัน

     

    มีหลายคนที่ชียองได้แต่หาคำตอบให้กับมันและตอนนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบนั้นเลย นอกเหนือจากโนชางก็คงเป็นเรื่องของรุ่นน้องอย่างฮอนชอล เจ้าบ้าที่เข้ามาในชีวิตจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตแล้วก็หายไปซะเฉยๆ ไม่ใช่หายไปจากเขาแต่หมายถึงหายไปจากวงการแรปเปอร์

     

    ไม่ใช่แค่เขาที่สงสัยขนาดแฟนๆของเจ้าบ้านั่นยังเคยมาถามเขาเลยว่าฮอนชอลหายไปไหน คงจะตอบได้เต็มปากว่าไม่รู้ถ้าไม่คิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าบ้านั่นหายไป

     

     

     

    “ตอนนี้พี่มองเห็นผมบ้างยัง” ฮอนชอลที่กำลังเคี้ยวพิซซ่าคำโตถามเจ้าของห้องที่จดจ่ออยู่กับหนังตรงหน้า

    “ก็มองเห็นตลอดไม่ได้ตาบอดซะหน่อย” ตอบออกไปพร้อมยิ้มมุมปากให้เจ้าของคำถามฟึดฟัดเล่น

     
     

    แล้วมันก็ได้ผลเมื่อฮอนชอลยกขนขึ้นมาล็อกคอเขาเอาไว้จนแน่น ดวงตาเหมือนลูกหมานั่นดูจริงจังกว่าทุกครั้ง

     

    “ผมถามจริงจังนะ พี่ชอบผมบ้างยังวะ”

    …..

     

    ไม่รู้เผลอทำหน้าแบบไหนออกไปตอนได้ยินคำถามนั้น ชียองรู้ตัวเองว่าเขาก็ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าบ้าข้างๆนี่คิดยังไงมาตลอดเวลาที่รู้จักกัน ไม่ใช่แค่ฮอนชอลที่ชียองรู้แม้กระทั่งโนชางเขาเองก็รู้เหมือนกัน

     
     

    ขนาดรู้ชียองก็ยังไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้

     

    “พี่ไม่ต้องตอบก็ได้แค่นี้ผมว่าผมก็เข้าใจมันหมดแล้ว”

     

    จำได้ว่านั่นเป็นประโยคสุดท้ายระหว่างเขากับฮอนชอลแล้วหลังจากนั้นก็หายไปเลย หายไปจากชีวิตประจำวันจริงๆ ถึงแม้จะรู้สึกใจหายก็เถอะแต่อีกใจนึงก็คิดว่าดีแล้วที่ฮอนชอลจะเลิกคิดแบบนั้น

     

    แม้สุดท้ายจะต้องมานั่งคิดมากและแต่งออกมาเป็นเพลงเหมือนคนอกหักจนโดนแซวบ่อยๆ

     

    มันไม่ใช่ความรู้สึกเหมือนโดนหักอก

     

    แต่เป็นความรู้สึกที่เหมือนไม่มีใครมากกว่า

     

    และนั่นเป็นความรู้สึกที่โคตรแย่เลย

     

     


     

    “ออกไปด้วยกันเปล่าแว่น” แดอุงโผล่หน้ามาจากประตูเลิกคิ้วเป็นเชิงรอคำตอบ

    “ขี้เกียจวะไปกันเถอะ”

     

     

    ตอบแดอุงไปแบบนั้นแต่ตอนนี้ตัวเองดันออกมากินข้าวกับจูยองซะได้ จูยองกลายเป็นเพื่อนสนิทรุ่นเดียวกันที่รู้จักกันไม่นานก็สนิทกัน ช่วงที่ไม่ได้ออกไปไหนมาไหนกับโนชางเขาก็ไปกับจูยองนี่แหละ หรือจะบอกกลายๆว่าจูยองคือคนที่รับฟังปัญหาชีวิตอันซับซ้อนของชียองจะว่าอย่างงั้นก็ได้

     

     

    “เลิกคิดว่าตัวเองเป็นคนทำให้เจ้านั่นหายไปซะที”

     

     

    ชียองหัวเราะกับประโยคที่ออกจากปากของจูยอง คนตรงหน้าเหมือนอ่านความคิดเขาออกหรือไม่ก็เขาแสดงทุกอย่างที่อยู่ในใจต่อจูยองได้โดยไม่ต้องปิดบังมันเอาไว้ ครั้งแรกที่ได้ระบายความรู้สึกออกไปก็ตอนที่ไปถ่ายรายการด้วยกันแล้วก็จบที่ไปดื่มกันต่อจนตัวเขาเมาเผลอปล่อยความรู้สึกที่อยู่ข้างในออกมาจนหมดและนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้จูยองต้องกลายเป็นคนรับฟังปัญหาจนถึงวันนี้

     

     

    “มันก็ไม่ได้อยากคิดหรอกแต่นายเข้าใจไหมว่าฮอนชอลหายไปเกือบปี แม้แต่เบอร์โทรศัพท์หมอนั่นยังเปลี่ยนแล้วจะให้คิดว่าไม่เกี่ยวกับฉันได้ไง”

     

     

    ไม่ใช่ว่าชียองจะนิ่งเฉยเสียเมื่อไหร่ เขาก็พยายามทำทุกอย่างแล้วแต่เหมือนฮอนชอลต้องการจะหลบหน้านั่นก็เดาได้ว่าอีกคนคงไม่อยากเจอเขา แม้จะแอบเสียใจอยู่เงียบๆที่ต้องมาถูกตัดขาดแบบไร้เยื่อใยแต่ชียองก็รู้ว่าวันหนึ่งเขาก็ต้องเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้และตอนนั้นฮอนชอลอาจจะเลิกรู้สึก มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตั้งแต่แรกที่ผู้ชายกับผู้ชายจะชอบกันแบบแฟน ไม่แน่ตอนนี้ฮอนชอลอาจจะมีแฟนเป็นผู้หญิงน่ารักๆสักคนเหมือนอย่างที่โนชางเป็นก็ได้ มีแต่เขานี่แหละที่ต้องมาคิดมากกับเรื่องบ้าๆนี่อยู่คนเดียว

     

     

    “ต่อให้นายไม่คิดมากเรื่องฮอนชอลก็คงต้องคิดมากเรื่องโนชางอยู่ดี ถ้าเป็นผู้หญิงฉันคงคิดว่านายเจ้าชู้หลายใจนะ”

     

    จูยองพูดติดตลกแถมยังหัวเราะออกมาดังลั่นทำเอาคนถูกกล่าวหาทำหน้าบูดบึ้งขมุบขมิบปากด่าคนตรงหน้าเบาๆ

     

     

    “มีแต่คนพิลึกๆในชีวิตฉันหวังว่านายจะไม่เป็นไปกับเขาด้วยนะจูยองอ่า”

     

    เจ้าของชื่อยักไหล่เบาๆ

     

    “อย่างฉันต้องตูมๆ ขาวๆ หน้าใสๆ ไม่ใช่หัวฟูๆหน้ามันแผล็บแบบนายฮงชียองเจ้าคนหลงตัวเอง”

     

     

    ชียองกลอกตาไปมาแต่ก็อย่างว่าจูยองหล่อจริงๆหล่อกว่าเขาด้วยซ้ำ หล่อจนนึกแปลกใจที่หมอนี่ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเหมือนคนอื่นๆ

     

     

    “ถ้าฉันหล่อได้เท่านาย ป่านนี้หาคงสาวสวยเป็นแฟนด้วยแล้ว”

     

     








    ##

    มันจะสั้นไปไหนน โอ่ยยย... ฮื่อ
    ตอนหน้าอวสานฟิคกากแล้วนะคะ
    เพราะจะแต่งแบบให้ดีกว่านี้เลยจบเรื่องนี้TvT 55555555 
    ไปลุ้นกันว่าโบอีจะเลือกใคร ครุคริๆ แล้วก็ใครอยากตามอยู่ก็ยังแต่งต่อในบทความนี้นี่แหละค่ะ
    สามารถเสนอพล็อตได้นะตอนนี้ตันมากเบย งืดด
    #โบอีของทุกคน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×