ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ iKON & WINNER ] NEXT STATION

    ลำดับตอนที่ #7 : NEXT STATION ▶ I'M FINE THANK YOU | Double B

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 58





    I’M FINE THANK YOU

    DOUBLE B

     







     


     

     

     

    เพราะเวลาเป็นสิ่งหนึ่งในโลกที่ไม่สามารถย้อนกลับมาได้

    แช่แข็งไว้ไม่ได้ หยอดใส่กระปุกไว้ใช้วันพรุ่งนี้หรือวันต่อๆไปไม่ได้

    มนุษย์ทุกคนบนโลกมักวิ่งแข่งกับเวลาเสมอ

    โดยเฉพาะคนที่รู้ว่าอีกไม่นานเวลาก็จะผ่านเข้ามาเพื่อพาทุกสิ่งที่มีจากไป

     

     

     

    “ฮันบินไปเล่นบาสกัน”    

     

    จีวอนยิ้มร่าในมือกำลังถือลูกบาสสีส้มพลางใช้สายตากวาดไปทั่วห้องเรียน เพื่อนๆในห้องทักทีจีวอนอย่างเป็นกันเองเพราะจีวอนเคยอยู่ห้องนี้แต่โดนย้ายไปเพราะผลการเรียนที่ลดลง

     

    “ฮันบินไม่มาโรงเรียน” จินฮวานพูดบอกเมื่อเห็นว่าจีวอนเอาแต่มองหาเจ้าของชื่อทั้งๆที่ก็เห็นอยู่ว่าในห้องไม่มี

    “อีกแล้วอ่อเมื่อวานก็หยุด” จีวอนบ่นด้วยสีหน้าเซ็งๆ

    “ลองโทรไปถามดิ่”

    “ไม่ดีกว่า ค่อยไปหาเย็นนี้ตอนกลับบ้านไปก่อนนะจินฮวาน”

     

    จีวอนเดินไปสนามบาสคนเดียวอีกวันทั้งๆที่ปกติจะมีฮันบินคอยไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอแม้อยู่คนละห้อง แต่หลังๆฮันบินขาดเรียนบ่อยแถมจีวอนเองก็ติดเพื่อนกลุ่มใหม่มากเลยทำให้ห่างกันไป

     

    บ้านทั้งคู่อยู่ซอยเดียวกันเพียงแต่บ้านฮันบินอยู่ท้ายซอยแต่บ้านจีวอนอยู่ปากซอย จีวอนเลยไม่ค่อยจะไปบ้านฮันบินเท่าไหร่เพราะส่วนมากจะให้ฮันบินออกมาตลอด บ้านจีวอนเปิดร้านอาหารมีฐานะปานกลางพอๆกับบ้านฮันบิน ทั้งคู่รู้จักตอนมอต้นตอนที่จีวอนย้ายมาอยู่ใหม่ฮันบินคือเพื่อนคนแรกของเขาทั้งในโรงเรียนและละแวกใกล้บ้าน

     

    ออดเลิกเรียนดังบอกหมดเวลา นักเรียนในห้องต่างทยอยเก็บของลงกระเป๋าเสียงดังจอแจเช่นเดียวกับจีวอน เขาไม่ได้ตรงไปห้องเรียนฮันบินเหมือนทุกครั้งเพราะจำได้ว่าอีกคนไม่มาเรียน

     

    “จีวอนเว้ยไปเกมที่ห้องกูป่ะวันก่อนที่มึงชนะกูนี่ยังข้องอยู่เลยนะ” มินโฮเอ่ยชวน

     

    จีวอนทำหน้าครุ่นคิดเพราะใจจริงก็อยากจะไปหาฮันบินเลยแต่เขาก็อยากจะไปเล่นเกมกับมินโฮด้วยเหมือนกัน ความอยากอย่างหลังเหมือนจะชนะจีวอนพยักหน้าแล้วเดินตามกลุ่มมินโฮไป

     

    กว่าจะเล่นเกมที่หอมินโฮเสร็จก็เล่นปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าแถมจีวอนก็ลืมสนิทว่าจะแวะไปหาฮันบิน จีวอนไม่ใช่เด็กเกเรเขาไม่ได้โดนเลี้ยงมาแบบตามใจแต่เป็นพวกไม่ชอบให้กรอบมาบดบังความคิดตัวเอง พ่อแม่และครอบครัวทุกคนเลยเข้าใจและยอมรับถ้าลูกชายจะกลับดึกบ้าง ไปเที่ยวบ้าง คบเพื่อนคบฝูงพวกเขาก็รู้จักเพื่อนจีวอนเกือบทุกคนเพราะบ้านเปิดร้านอาหารเพื่อนๆเลยชอบมาจัดงานวันเกิด งานฉลองสารพัดกันประจำจนที่บ้านจำหน้าได้

     

    เช้านี้จีวอนนึกขึ้นได้ตอนช่วยพ่อแม่จัดร้านเพราะเป็นวันเสาร์วันหยุดถ้าไม่ได้ออกไปไหนก็จะอยู่ช่วยที่ร้านเป็นประจำ จีวอนขอแม่ออกไปหาฮันบินที่ท้ายซอยโดยไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของผู้เป็นแม่เมื่อพูดถึงชื่อเพื่อนสนิทขึ้นมา

     

    ออด

     

    เสียงออดหน้าบ้านตอนเช้าทำให้คนที่กำลังนอนดูหนังอยู่หน้าทีวีรีบลุกขึ้น ฮันบินยิ้มกับตัวเองเมื่อมองเห็นรองเท้าของจีวอนผ่านประตูเข้ามา

     

    “ทำไมหยุดเรียนสองวัน” จีวอนยิงคำถามทันทีที่เห็นหน้าฮันบิน

    “ไม่ค่อยสบายแต่ตอนนี้ไม่เป็นไรมากแล้ว เข้ามาก่อนดิ่”

     

    จีวอนนั่งลงบนโซฟาหน้าทีวีที่ประจำกวาดตามองหาพ่อแม่กับน้องสาวของฮันบินเหมือนทุกครั้งแต่ก็ไม่เห็น จึงเบนความสนใจมาที่เพื่อนสนิทตัวเองที่กำลังหาอะไรให้เขากินอยู่ในครัวเลยผละตัวเองจากโซฟาระเห็จไปดูฮันบินหาของกินในครัวด้วยเหมือนกัน ทั้งคู่นั่งกินข้าวอยู่ในครัวโดยที่วันนี้ฮันบินไม่ค่อยได้พูดเท่าไหร่มีแต่จีวอนที่ชวนคุยนู่นคุยนี่

     

    “แล้วพ่อแม่มึงกลับตอนไหนวะ ถ้ากลับเย็นเดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน” จีวอนถาม

    “ไม่รู้ดิ่อาจจะเย็นๆนั่นแหละ”

    “โอเค งั้นเดี๋ยวกูโทรบอกแม่แป๊บนึงนะ”

     

    ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเกือบทั้งวัน จีวอนก็หลบมุมเล่นเกมในโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อยส่วนฮันบินก็เอาแต่นอนทั้งวัน ทั้งๆที่เมื่อก่อนถ้าอยู่ด้วยกันแบบนี้ฮันบินจะรบเร้าให้จีวอนออกไปข้างนอกด้วยกันไม่ก็ไปช่วยจีวอนที่ร้านซึ่งหลังๆมาฮันบินเอาแต่อยู่บ้านซะส่วนใหญ่

     
     

    เสียงรถดังมาจากบ้านหน้าจีวอนรีบลุกขึ้นทักทายพ่อแม่และน้องสาวฮันบินอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะขอตัวกลับโดยไม่ได้ปลุกฮันบินเพราะเห็นว่าอีกคนกำลังหลับพริ้มอยู่

     

     
     

    ////

     

     

     

    วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของปีการศึกษานี้ ฮันบินกำลังรอจีวอนอยู่หน้าอาคารเรียนเพราะเจอกันตอนพักกลางวันจีวอนบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย สีหน้าจีวอนดูมีความสุขมากตอนพูดเรื่องนี้ฮันบินเลยอยากรู้มากว่าเรื่องที่จีวอนจะบอกคือเรื่องอะไร

     

    “สอบเสร็จนานยัง”

    ฮันบินส่ายหน้า

    “มาก่อนมึงเมื่อกี้นี้เองแล้วมึงมีเรื่องอะไรจะบอกกูหรอวะ” ฮันบินเอ่ยถามด้วยความสงสัย

    “จำที่กูบอกว่ากูไปออดิ่ชั่นได้ป่ะที่บอกว่ามีออดิ่ชั่นตามหาแรปเปอร์ตัวจริงเมื่อเดือนก่อน”

    “อื้อแล้วไงจะบอกว่ามึงติดรึไง น้ำหน้าอย่างมึงเนี่ยนะ” ฮันบินพูดตอบขำๆ

    “เออดิ่ กูติดแล้วเว้ยที่กูจะบอกคือกูกำลังจะไปอเมริกาไปฝึกที่นั่นเจ๋งมากมึงว่าป่ะ มึงดิ่แม่งบอกจะไปกับกูพอวันออดิชั่นดันไม่มา เซ็งเลย” จีวอนบ่นอุบแต่ใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้มด้วยความดีใจ

    “ดีใจด้วยนะเว้ย ทำตามความฝันให้ได้นะมึง”

     

     

    เย็นวันนั้นที่บ้านจีวอนเลยจัดงานเลี้ยงเล็กๆเพื่อเลี้ยงส่งจีวอนก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทางไปอเมริกาในอาทิตย์ถัดมา ทุกอย่างรวดเร็วไปตามกาลเวลาที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านไปจากวันเป็นอาทิตย์จากอาทิตย์เป็นเดือน จีวอนไปอเมริกาเกือบห้าเดือน

     

     

    “ฮันบินอ่าอดทนหน่อยนะลูก”

     
     

    ภาพเด็กหนุ่มผอมบางกำลังนอนอยู่บนเตียงนอนที่บ้านด้วยใบหน้าอิดโรย เส้นผมสีดำที่เคยปรกคลุมหนังศีรษะตอนนี้มีแค่หมวกไหมพรมสีน้ำเงินเข้มที่เจ้าตัวชอบใส่สวมทับอยู่บนหัว ดวงตาดุๆที่เพื่อนชอบบอกว่าคล้ายเสือตอนนี้มีแต่ความโศกซ่อนอยู่ในนั้น

     

    “จีวอนติดต่อมาบ้างไหมครับแม่”

     

    เธอส่ายหน้าด้วยสีหน้าเศร้าๆ ฮันบินพยักหน้ารับก่อนจะหลับตาลงด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน ฮันบินมักจะถามคำถามเดิมๆกับแม่ทุกครั้งหรือไม่ก็ขอให้เล่าเรื่องจีวอนที่แม่เขาได้ยินจากป้าจีวอนให้ฟังเพราะจีวอนไม่ติดต่อกลับมาเลยยกเว้นแค่สองเดือนแรก

     
     

    ไลน์ยังคงมีข้อความที่อ่านแล้วไม่ตอบเหมือนเดิม


    BobKim: สบายดี...แล้วนี่เป็นไงบ้างเห็นป้าบอกป่วยบ่อยดูแลตัวเองดีๆดิ่

    Binkim: สบายดี ขอบคุณนะ

     

     

    มันยังคงขึ้นข้อความของฮันบินอยู่แบบนั้น...โดยที่จีวอนไม่ตอบกลับมาเลย

     

     

    ////

     

     

     

    เกือบสามปีที่ผมไปอยู่อเมริกา ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ดีๆในช่วงชีวิตหนึ่งของผมและตอนนี้ผมก็กำลังจะกลับมาฝึกที่ค่ายเพลงอีกไม่กี่เดือนก็จะได้เดบิวต์เป็นศิลปินเต็มตัว เรื่องแย่ๆตอนอยู่ที่นู้นคือเผลอทำโทรศัพท์หายระหว่างไปเที่ยวกับพี่ๆที่ฝึกด้วยกันผมเลยไม่ค่อยได้ติดต่อเพื่อนเก่าๆ ตลกดีที่จู่ๆก่อนจะกลับเกาหลีผมดันนึกฮันบินซะได้ นานมากที่ผมไม่ได้ติดต่อมาและไม่ได้ข่าวฮันบินเลยไม่ว่าจากทางไหนหรือใครก็ตาม

     

    ผมกลับมาที่บ้านที่ยังตั้งอยู่เดิมแต่ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนเจริญขึ้น อ่อ...ผมลืมบอกไปว่าพ่อแม่ผมก็ย้ายไปอเมริกาด้วยเหมือนกันกิจการร้านอาหารเลยให้ป้าสานต่อ ครอบครัวผมยังอยู่ที่นั่นต่อจนกว่าผมจะเดบิวต์และมีเงินพอที่จะซื้อบ้านดีๆสักหลังให้ทุกคนอยู่


    เย็นวันนั้นผมลองโทรไปตามเบอร์เก่าๆที่เคยเก็บไว้ในสมุดซึ่งเจอมันยังอยู่ในห้องนอนเก่าของผม โทรติดบ้างไม่ติดบ้าง ทุกคนแปลกใจที่ผมกลับมาก่อนจะพูดจาแปลกๆให้ผมสงสัยโดยเฉพาะจินฮวาน ผมไม่ได้เอะใจสักนิดว่าทำไมฮันบินถึงย้ายบ้านหลังจากที่ผมกลับมาแล้วไม่เจอครอบครัวฮันบินป้าผมบอกว่าพวกเขาย้ายออกไปเกือบสองปีแล้วและส่งอะไรบางอย่างให้ผมมันเหมือนแผนที่พร้อมจดหมายเก่าๆที่ถูกเขียนด้วยลายมือไก่เขี่ย ผมเปิดอ่านมันด้วยความอยากรู้

     


     

     

    To…คิมบับ!

     

    นายหายไปเลยนะจีวอนอ่าไลน์ไปก็ไม่ตอบกลับมาเลย คงจะมีความสุขจนลืมกันแล้วล่ะสินะ อยู่ที่นั่นปรับตัวได้ไหม ฝึกหนักรึเปล่าพักผ่อนบ้างล่ะนายชอบเอาแต่เล่นเกมไม่ก็อ่านหนังสือการ์ตูนอยู่เรื่อยเลย นายรู้ไหมบางครั้งฉันรู้สึกอิจฉานายชะมัดเลยจีวอนอ่าที่นายได้ไปที่นั่น ย๊า! อิจฉาจริงๆนะเนี่ยอยากจะไปที่นั่นพร้อมนายแต่ก็ไปไม่ได้ ฉันคงเขียนอะไรยาวๆให้นายไม่ไหวเอาเป็นว่านายดูแลตัวเองดีๆแล้วกันนะ ขยันซ้อมแล้วเป็นซุปเปอร์สตาร์ให้ได้ล่ะ หวังว่านายจะอ่านจดหมายฉบับนี้ในเร็ววันแล้วรู้ว่าฉันสบายดีเสมอขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคิมบับ

     

    ฮันบินสุดหล่อ

     


     

     

    “ฮันบินเสียแล้วตั้งแต่ที่จีวอนไปอเมริกาได้ห้าเดือน แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะฮันบินไม่เคยลืมจีวอนนะลูกเขายังฝากให้แม่ดูจีวอนตลอดเลยนะ”

     
     

    น้ำเสียงสั่นๆที่ผมได้ยินจากแม่ฮันบินเหมือนเป็นข่าวร้ายที่สุดในตั้งแต่ผมเกิดมา ฮันบินไม่เคยพูดว่าเขาไม่สบายเขาไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นหนักขนาดนี้ ฮันบินอดทนมาตลอดโดยที่ผมเองอยู่ข้างๆฮันบินแต่กลับไม่รู้อะไรเลยหรือเพราะจริงๆผมไม่เคยใส่ใจ

     



     

    ถ้าผมเอะใจสักนิดว่าคนที่ชอบเล่นกีฬาอย่างฮันบินกลับปฏิเสธที่จะเล่นมัน

    ถ้าผมเอะใจสักนิดว่าทำไมฮันบินถึงไม่สบายและหยุดเรียนบ่อยๆ

    ถ้าผมเอะใจสักนิดว่าทำไมฮันบินที่กินข้าวเยอะพอๆกับผมพักหลังๆถึงกินน้อยลง

    ถ้าผมเอะใจสักนิดว่าทำไมวันหยุดเขาถึงเอาแต่นอนทั้งที่ปกติจะรบเร้าให้ไปข้างนอกด้วยกัน

    ถ้าผมเอะใจสักนิดว่าทำไมกอดที่สนามบินครั้งนั้นฮันบินถึงได้ร้องไห้หนักมาก….

     





     

    “ไหนนายบอกว่านายสบายดีไง...”

     

     

     

     






     

    AND YOU


    คย๊า... มันคือฟิคดราม่านะ T_T ซึ่งอารมณ์ถึงไหมไม่รู้
    มันมีแรงบันดาลใจมากจากตัวเอง ช่วงนี้เราปวดหัวบ่อยมาก
    ก็เลยคิดว่าถ้าวันหนึ่่งรู้ว่าตัวเองกำลังจะตายจะทำยังไงเลยคิดย้อนไป
    สมัยเรียนมอปลายคือตอนนั้นสุขภาพดีมากทุกอย่างมีความสุขเลยอยากย้อนกลับไป
    ในช่วงที่มีความสุขที่สุดที่คิดว่า ตื่นนอนกับวิชาคณิตแค่นั้นที่เราไม่ชอบในตอนนั้น
    แต่เวลาก็คือเวลาพอมันผ่านเลยไปแล้วทุกอย่างคือความทรงจำ 
    บางครั้งเวลาวิ่งไปข้างหน้าในขณะที่เราอยากถอยหลังกลับ...
    บางทีก็ชอบพูดกับตัวเองบ่อยๆติดปาก "ถ้า" วันนั้นทำงั้นคง ถ้าวันนั้นคิดได้ก็คงดี
    ซึ่งมันทำไม่ได้ ไม่ใช่โนบิตะจะได้เปลี่ยนแปลงอนาคต สุดท้ายก็ต้องยอมรับและเดินต่อ

     

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×