ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [ShortFic SJ] -- Gargoyle parody -- III
[SF] Gargoyle parody III
Couple : 예성 ❤ 려욱
Rate :
....ว่ากันว่ารูปสลักที่สงบนิ่งบนยอดวิหาร พอพลบค่ำจะกลับมามีชีวิต
ว่ากันว่า? ...ว่ากันว่างั้นเรอะ? ⊙︿⊙
ว่ากันว่าอะไรเล่า?!! นี่มันไม่ใช่ว่ากันว่าแล้ว! เรื่องจริงชัดๆ เลยล่ะคร๊าบ..!!! การ์กอล์ยรูปปั้นตนนั้นมันขยับได้จริงๆ แถมตอนนี้ยังลุกขึ้นมาเดินปร๋อเลย ตรงรี่มาหาผมแล้วเนี่ย!
รยอมานีสตัวสั่นงันงกหลบสายตาปีศาจที่รุกคืบมายืนอยู่เบื้องหน้า
“ว่าไง เจ้าคนใหม่?” การ์กอล์ยกระซิบถามเสียงต่ำ ลมหายใจแทบจะรดหน้ากันอยู่รอมร่อ แต่ด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจดีกันร่างเล็กจึงได้แต่บ่ายหน้าหนีพร้อมกับหลับตาไม่ยอมรับรู้ความจริงที่จะต้องเผชิญต่อไป
ปีศาจรู้สึกไม่พอใจที่คำถามของเขาไร้ซึ่งคำตอบ อุ้งมือที่มีแต่เล็บแหลมจับพลิกใบหน้าขาวให้หันกลับมาจ้องตา แต่จะทำแบบนั้นได้อย่างไรหากอีกฝ่ายยังคงหลับตาปี๋อยู่แบบนี้ “...ลืมตาสิ” สิ้นเสียงนั้นรยอมานีสต้องลืมตาขึ้นอย่างขัดเสียมิได้ ภาพแรกที่เห็นทำให้เขายิ่งตาโตขึ้นไปอีก ...นัยน์ตาสีแดงเพลิงที่จ้องประสานเข้ามา ไม่ผิดแน่..ถึงจะจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่กลับจำดวงตาคู่นี้ได้ดี ตาสีเพลิงที่แค่มองก็เหมือนต้องมนต์ ตาคู่นี้มัน... ไม่สิ ต้องพูดว่าคนๆ นี้ ..คือคนที่เขาฝันถึงเมื่อคืน? คนในฝันของเขามีอยู่จริง!
ร่างในเงามืด... ชายนิรนามที่เขาเห็นหน้าไม่ชัดในความฝัน คือ การ์กอล์ยน่าเกลียดน่ากลัวตนนี้น่ะเหรอ?!! ...แล้วทำไมเขาถึงได้ฝันถึงมันได้นะ?!
หน้าร้ายๆ ไม่ต่างจากตอนเป็นรูปปั้นยื่นเข้ามาใกล้ “ทีนี้รู้รึยังว่าข้าเป็นใคร?” ปากหนาเต็มไปด้วยฟันซี่แหลมราวกับฉลามกระซิบถามข้างหู มือที่ร้อนราวกับเป็นไข้กดไหล่เล็กให้หยุดสั่น “...ว่าไง?”
ดีกันหนุ่มไม่แน่ใจว่าควรตอบอะไร แต่ที่เห็นชัดๆ อยู่ก็คือ... “ป...ปีศาจ” เขาตัดสินใจตอบไปตามตรง กลัวจะถูกโมโหเพราะไม่ยอมพูดอะไรเลย
“........” ผิดคาด การ์กอล์ยเงียบไป มันหน้านิ่วอย่างไม่พอใจ “ปีศาจงั้นเหรอ?” ก่อนจะหัวเราะเหยียดๆ “...หึๆๆ ไร้สาระ! ปีศาจหรือไม่ มีแต่มนุษย์นั่นแหละที่ตัดสินกันไปเอง ทั้งรูปลักษณ์นี้ หรือสิ่งเลวร้ายต่างๆ นานา พวกเขาต่างปั้นแต่งว่าข้าควรจะเป็น พอข้าอยู่ในรูปร่างอัปลักษณ์นี้ให้สมดังมนุษย์อย่างพวกเจ้าต้องการ ตอนนี้...แม้แต่เจ้าก็เกลียดกลัวข้างั้นรึ?” ชั่ววูบหนึ่งราวกับจะสังเกตเห็นแววตาเป็นไฟคู่นั้นสั่นไหวดังแสงเทียนที่ต้องลม แต่ก็แค่วูบเดียวเท่านั้นก่อนมันจะกลับมาแข็งกร้าวน่าเกรงขามดังเดิม
ร่างสูงสีทะมึนย่างสามขุมประชิดเข้ามา ดีกันหนุ่มจึงถอยหนีตามสัญชาติญาณ และได้ตระหนักว่าเขาสามารถขยับตัวได้ปกติแล้ว
เปรี๊ยะ... เปรี๊ยะ... จู่ๆ ใบหน้าขึงขังที่พยายามคุกคามรยอมานีสก็เกิดรอยแตกร้าวขึ้น ผิวหนังรวมทั้งเนื้อตัวร่วงกราวเป็นผง มันหลุดร่วงลงเรื่อยๆ พอๆ กับย่างก้าวของปีศาจที่ใกล้เข้ามาๆ ปึก! ไม่มีที่ให้หนีอีกต่อไปเมื่อแผ่นหลังชนเข้ากับกำแพงเย็นเยียบ ตามติดมาด้วยปีศาจจอมตั้งคำถามที่มาหยุดยืนค้ำร่างนักบวชหนุ่ม แต่บัดนี้ร่างอัปลักษณ์สีทะมึนแสนน่ากลัวในตอนแรกได้หลุดลอกออกไปจนเผยให้เห็นเป็นบุรุษรูปงาม ผิวขาวสะอาด ผมยาวสลวยสีแดงเข้าคู่กับดวงตาประกายเพลิงคู่นั้นที่เป็นเครื่องยืนยันได้ว่านี่คือการ์กอล์ยตนเดิม และอีกอย่างที่เหมือนกับก่อนเปลี่ยนร่าง ก็คือ... ร่างกายที่เปลือยเปล่า o.O! ทั้งที่ไม่ใส่อะไรเลยแต่กลับมีใบหน้ามั่นใจไม่เปลี่ยน
“หวาาา...!!” รยอมานีสยกมือขึ้นปิดตาอย่างรวดเร็ว ปีศาจ! ปีศาจ! แถมยัง...โป๊อีกต่างหาก!!! ปีศาจชอบโชว์!!
มือคู่เดิมแต่ให้สัมผัสเหมือนผิวเนื้อมนุษย์ยกขึ้นบีบแก้มแดงๆ ของดีกันอ่อนโลก “เอาล่ะ...ถ้าข้าเป็นปีศาจ งั้นไหนบอกสิเจ้าคิดว่าปีศาจอย่างข้าจะทำอะไรมนุษย์อย่างเจ้าดีล่ะ?” รยอมานีสจ้องตาที่ดูเจ้าเล่ห์ขึ้นกะทันหัน ก่อนอีกฝ่ายจะยกยิ้ม “กินซะดีมั๊ย?” พูดจบปีศาจผมแดงก็ลากลิ้นเลียตั้งแต่ต้นคอ ใบหน้า ไปสุดที่ไรผมของนักบวชน้อย “น่าอร่อยขนาดนี้...” พูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์อีกที ทำเอาร่างเล็กสั่นสะท้าน ใจเขาเต้นแรงระรัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวหรืออะไรกันแน่
เมื่อนึกถึงร่างของตัวเองถูกฉีกทึ้งแขนขาทั้งเป็นๆ ก็โอดครวญขึ้นมา “ย... ย...อย่ากินผมเลยนะครับ! ผมร่างกายอ่อนแอกินยาเยอะเพราะงั้นเนื้อผมไม่หวานหรอก!” เขาดิ้นพล่านๆ ในอ้อมแขนแข็งแรง
เดี๋ยวสิ...เราเป็นถึงผู้รับใช้ที่กำลังจะได้บวชเป็นพระเต็มตัวอยู่แล้ว มาร้องขอชีวิตแบบนี้มันน่าสมเพชสิ้นดี ไม่ได้ๆ! อย่ากลัวสิ...อย่าไปกลัว ก็แค่ความตาย ตายไปแล้วจะได้เข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าไง หลังจากคิดฟุ้งซ่านจู่ๆ ดีกันหนุ่มก็มีท่าทีสงบลง
“จ...จะกินก็ได้ แต่อย่างน้อยได้โปรดทำให้ผมหมดลมหายใจก่อนเถอะครับ >﹏<”
“จ...จะกินก็ได้ แต่อย่างน้อยได้โปรดทำให้ผมหมดลมหายใจก่อนเถอะครับ >﹏<”
คิ้วเข้มยกสูงอย่างงุนงง หมอนี่พูดอะไรของเขา “ไร้สาระ! เจ้าไม่คุ้นบ้างเลยรึไง..หน้านี้น่ะ?” ปีศาจ(สุดหล่อ)ตั้งคำถามอีกครั้ง
รยอมานีสส่ายหน้าเร็วๆ เป็นคำตอบทั้งที่ไม่ได้มองให้เต็มตาด้วยซ้ำ
“...หึหึ” จู่ๆ ปีศาจก็หัวเราะ “7 หมื่น 3 พัน 138ราตรีที่ข้าเฝ้ารอ กลับต้องมาพบคนที่จำแม้แต่หน้าข้าก็ยังไม่ได้เนี่ยนะ ...ฮ่าๆๆ ช่างน่าขัน!” เขาผละจากรยอมานีสไปพร่ำเพ้อเรื่องอะไรซักอย่างที่ตัวเล็กไม่เข้าใจ
“เจ้า!” ปลายนิ้วที่ยังคงมีเล็บแหลมชี้มาที่หน้าดีกันหนุ่ม “ตั้ง 73,138ราตรีเชียวนะ! เจ้ารู้มั๊ยว่านานแค่ไหน?” ปีศาจมองหน้าไร้เดียงสาแล้วก็ต้องหดนิ้วกลับ เขาเดินวนรอบตัวเองอย่างคนคิดไม่ตก “กี่ปีต่อกี่ปีรู้บ้างมั๊ย?! ที่ข้าต้องทนรออยู่ที่นี่!” ท่าทีของปีศาจเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ได้ดูโหดร้ายน่ากลัวอีกต่อไปในสายตารยอมานีส แต่ดูเหมือนมนุษย์ธรรมดา(ที่ไม่ใส่เสื้อ)กำลังกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
“กี่ปีที่ข้าไม่สามารถทำอะไรได้เลย กี่ปีที่ข้าเฝ้าคิดถึง กี่ปีที่ข้าต้อง...!” ปีศาจชะงักไปเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นอีกฝ่ายกำลังง่วนอยู่กับการนับนิ้ว “ทำอะไรของเจ้าน่ะ?” = =a
“อ่ะ...” ตัวเล็กหันมาหัวเราะแหะๆ “ก็เห็นคุณเอาแต่พร่ำถามว่ากี่ปีๆ ผมก็เลยพยายามนับอยู่เนี่ยแหละว่าตกลงมันกี่ปีกันแน่” ดีกันตอบหน้าซื่อ
-*- ช่างทำลายบรรยากาศการพร่ำเพ้อของข้าลงหมดสิ้น... “200 ปีเฟ้ย!! 200 ปี 4 เดือนกับอีก 18วัน! ทีนี้เลิกนับได้รึยัง?!” ปีศาจในร่างชายหนุ่มโพล่งออกมาอย่างเหลืออด
“ข...เข้าใจแล้วครับ นานมากเลยทีเดียว ปีศาจนี่อายุยืนดีจังเลยนะครับ ตั้งหลายร้อยปีแล้วยังหน้าตาไม่ต่างจากคนอายุยี่สิบปลายๆ เท่านั้นเอง” รยอมานีสยิ้มชื่นชม พลางปรบมือให้
“เลิกไร้สาระได้แล้ว! นั่นไม่ใช่ประเด็น” หนุ่มผมแดงพยายามกลับเข้าเรื่อง “ประเด็นคือข้าต้องอยู่อย่างเดียวดายรอคนๆ นึงมา 200 กว่าปี และดีใจแทบบ้าเมื่อรู้ว่าคนๆ นั้นได้กลับมาแล้ว แต่พอได้พบเข้าจริง เขากลับจำข้าไม่ได้เลยสักนิด...” เขากล่าวแววตาเศร้ามองตรงมายังร่างเล็ก “และคนที่ข้าเฝ้ารอก็คือ เจ้า ”
“หา?” อีกคนเอียงคออย่างงงๆ “คุณปีศาจ..คุณคงจำคนผิดแล้วล่ะครับ ก็พอจะมีคนเคยบอกเหมือนกันว่าผมน่ะหน้าโหล แต่ว่าผมไม่เคยพบคุณมาก่อนจริงๆ และที่สำคัญผมก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาที่เพิ่งเกิดมาได้ 20 ปี ไม่ได้อยู่มายาวนานขนาดเป็นคนที่คุณกำลังรอได้หรอกครับ”
ปีศาจได้แต่ถอนใจ “ช่างเถอะ... เมื่อเจ้าจำไม่ได้ ต่อให้พูดอะไรไปเจ้าก็จำไม่ได้อยู่ดี”
รยอมานีสโล่งอกที่การ์กอล์ยยอมถอดใจได้ ทีนี้คงหมดเรื่องแล้ว เขาจะได้ลงไปกินข้าวเย็นเสียทีป่านนี้ซามูเอลคงรอแย่ “ผมจะลงไปทานมื้อค่ำแล้ว คืนนี้ลมแรง ถ้ายังไงคุณปีศาจน่าจะหาเสื้อใส่สักหน่อยดีกว่านะครับ” เขายิ้มแล้วหมุนตัวกลับเตรียมจะลงไปห้องอาหาร ทิ้งคู่สนทนาไว้เบื้องหลังราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น... ราวกับนั่นไม่ใช่ปีศาจ.. ช่างเป็นคนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์เอาซะเลย ว่าจะนอนใจยังเร็วเกินไป...
‘...พูดไปก็เปล่าประโยชน์?’ ปีศาจพึมพำก่อนจะโพล่งขึ้น “สู้แสดงให้เห็นไม่ได้สินะ!!” เขาพุ่งเข้าใส่รยอมานีสก่อนร่างเล็กนั้นจะลอยหวือขึ้นจากพื้น แขนแกร่งโอบรอบเอวไว้แน่นแล้วกระโจนลงมาจากยอดวิหาร “ว๊ากกกกก....” >[]< ตัวเล็กหลับตาปี๋ร้องเสียงหลงด้วยความหวาดเสียวเมื่อเห็นท่าตัวเองกำลังจะพุ่งลงไปโหม่งโลก แต่ปีกที่เคยหดเก็บไว้ข้างหลังของปีศาจกางขยายออกจนสุดพาร่างทั้งสองร่อนขึ้นเหนือพื้นก่อนจะกระพือเบาๆ ไต่ระดับความสูงขึ้นไปจนพ้นระดับสายตา
“ลืมตาได้แล้ว..”
ตัวเล็กช่างใจก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น “ว้าววว...” บนความสูงที่ราวกับขึ้นบอลลูนแต่ด้วยความเร็วเหมือนนก พวกเขากำลังบินผ่าสายลมเย็นยามค่ำ มีหมู่บ้านที่เปิดไฟระยิบระยับอยู่เบื้องล่าง มองเห็นวิวทิวทัศน์ทั้งแม่น้ำและภูเขาได้อย่างชัดเจนในมุมสูงที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน “...สวยจัง”
“งั้นเหรอ... ถ้าเจ้าชอบก็ดีแล้ว”
รยอมานีสแอบเหลือบมองใบหน้าที่พูดประโยคนั้น และได้เห็นว่าปีศาจกำลังอมยิ้มบางๆ แล้วจู่ๆ... หัวใจก็เต้นตึกตักขึ้นมา ปีศาจก็รู้จักยิ้มเป็นเหมือนกัน...
.
.
.
ไม่นานปีศาจก็พารยอมานีสลงสู่พื้น ข้ามแม่น้ำไป ในป่าที่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควรมีสถานที่ล้างซึ่งมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมจนดูไม่ออกว่าเป็นสถานที่อะไรกันแน่ ร่างสูงเดินนำเข้าไปแหวกเถาวัลย์และพวกไม้เลื้อยที่ทอดตัวปิดช่องที่น่าจะเป็นทางเข้าออก แต่มันก็ยังดูรกทึบจนน่ากลัวจะมีสัตว์มีพิษหรืออะไรทำนองนั้นอาศัยอยู่
“ที่นี่มันที่ไหนกันครับ?” ตัวเล็กหันรีหันขวาง แต่ปีศาจคงดูออกว่าเขากำลังลังเลที่จะตามเข้าไปจึงได้เอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องห่วง เมื่อเจ้าของกลับคืนถิ่น..ไม่มีสัตว์ตัวไหนกล้าทำร้ายข้าหรือคนของข้าที่นี่หรอก” แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นมันก็ยังดูมืดและรกเกินกว่าจะเชื้อเชิญให้ใครเข้าไป ปีศาจจึงได้ยกมือขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะกรีดนิ้วคลายกำปั้นออก ปรากฏเป็นลูกไฟดวงเล็กลอยอยู่เหนือฝ่ามือ ใช้มันเป็นไฟนำทางจูงมือร่างเล็กไปยังเตาผิงใหญ่ก่อนที่พื้นเตาจะเลื่อนเปิดออก เผยให้เห็นบันไดทอดตัวลงไปเบื้องล่าง ไม่รอช้าปีศาจจูงมือรยอมานีสเดินลงไปทันที ก่อนทางเข้าเมื่อครู่จะเลื่อนปิดตามหลัง แล้วเขาจึงเป่าให้ลูกไฟดวงเดิมแตกเป็นหลายลูกลอยกระจายไปยังคบเพลิงที่ติดอยู่ตามผนังจนทางเดินสว่างโล่ง
รยอมานีสตื่นตาตื่นใจกับภาพที่เห็น ไฟมาจากไหนกัน? “...ยังกับใช้เวทมนต์”
“หืม..?” ปีศาจคลี่ยิ้มบาง “ก็ใช่น่ะสิ ข้าใช้เวทย์มนต์ มันทำอะไรได้หลายอย่างเชียวล่ะ”
“โห...เยี่ยมไปเลยครับ” ตัวเล็กเอ่ยปากชมอีกครั้ง แต่ว่า.. “แล้ว... เรามาที่นี่กันทำไมเหรอครับ?”
“มันเป็นที่ๆ ข้ากับเจ้ามีความทรงจำร่วมกัน ถ้ามาที่นี่เจ้าอาจจะนึกอะไรออกบ้างก็ได้” ปีศาจเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี “จะเริ่มตรงไหนก่อนดีล่ะ? ไปห้องที่เจ้าเคยอยู่ดีมั๊ย?”
“เอ่อ...” โครกกกกก~ จู่ๆ เสียงท้องก็ดังขึ้นแทนความคิดเห็นซะอย่างนั้น
ปีศาจหันมาทำหน้าแปลกใจ รยอมานีสก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ อย่างอายๆ “งั้นหาอะไรให้เจ้ากินก่อนคงจะดีกว่า”
แต่แทนที่นักบวชน้อยจะดีใจกลับหลบสายตา “เอ่อ... ผมว่าอันดับแรกเลย คือ... คุณปีศาจช่วยหา...หาอะไรใส่ก่อนดีมั๊ยครับ?” เขาพูดไปหน้าก็ยิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ
ปีศาจหัวเราะชอบใจ “ฮ่าๆๆ...! ข้านึกว่าเจ้าจะชินแล้วซะอีก” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “ทำไม? หรือเจ้าอาย? ผู้ชายด้วยกันไม่เห็นต้องอายเลย อ๊ะ! หรือว่าอิจฉาในความยิ่งใหญ่ของข้า” ไม่พูดเปล่า ปีศาจยังแอ่นใส่ด้วยสีหน้าเปี่ยมความมั่นใจรวมกับจะแกล้งกัน “เป็นธรรมดาล่ะนะ ใครเห็นเข้าก็ต้องอิจฉา ข้าเข้าใจๆ แต่อย่าเอาไปเทียบกับของตัวเองสิไม่งั้นก็จ๋อยแย่ ...ฮ่าๆๆ”
“พอเถอะครับ!” ตัวเล็กยกสองแขนขึ้นบัง “ที่ทำอยู่นี่มันอนาจารชัดๆ เลย! เลิกแหย่คนอื่นเค้าซะทีเถอะครับ!”
“ก็ได้ๆ...” ร่างสูงพยายามกลั้นหัวเราะก่อนจะดีดนิ้ว เป๊าะเดียวก็มีผ้าเนื้อดีสีเข้มขึ้นมาพันท่อนล่างไว้ ส่วนท่อนบนนั้นใส่ก็เหมือนไม่ได้ใส่ เพราะมีแค่สายหนังกับเครื่องประดับแปลกๆ เท่านั้น ...ก็ยังดีกว่าเปลือยทั้งตัวล่ะนะ - -“
“งั้นเดี๋ยวเราคงต้องออกไปหาซื้ออะไรกินที่หมู่บ้านข้างๆ เพราะหมู่บ้านนี้พอมืดค่ำก็ปิดประตูลงกลอนกันหมดแล้ว”
“ออกไปซื้อ? ผมนึกว่าคุณจะเสกออกมาด้วยเวทย์มนต์ซะอีก” ...อุตส่าห์ตั้งตารอดู
“ไร้สาระน่า!” เขาพูดซ้ำคำเดิมๆ แค่ไม่กี่ ชม.ก็ได้ยินคำนี้ตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว รยอมานีสแอบคิด ..ปีศาจก็มีคำพูดติดปากเหมือนกันแฮะ “เวทย์ข้าใช้ทำอะไรได้หลายอย่างก็จริง แต่กินไม่ได้ ตรงกันข้าม..ถ้าจะให้ใช้ฆ่าแล้วชิงมาก็ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือซะอีก เอาแบบนั้นมั๊ยล่ะ?”
“ไม่ๆๆ ออกไปซื้อกินก็ได้ครับ! ออกไปซื้อดีกว่า!”
“หึ.. เจ้านี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ เชื่อคนง่าย จิตใจดี แล้วนี่ไม่กลัวข้าแล้วเหรอ?”
“ตอนแรกก็กลัวมากเลยล่ะครับ แต่ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เลวร้ายแค่ไหน ลึกๆ แล้วทุกคนย่อมมีความดีฝังอยู่ พอได้คุยกันผมก็รู้สึกว่าคุณต้องเป็นปีศาจที่ดีแน่ๆ เลยใช่มั๊ยครับ?”
“จะไปรู้เหรอ แต่จะบอกให้ข้ายังมีความคิดที่จะกินเจ้าอยู่เลยนะ” เขาแลบลิ้นเลียปาก “จะกลืนกินให้หมดทั้งตัวเลยล่ะ”
“ก..ก็คุณบอกเองว่าผมคือคนที่คุณรอคอย คุณคงไม่ได้รอคนตั้งสองร้อยกว่าปีเพื่อจะกินเขาหรอกนะครับ?”
“มันก็ไม่แน่ ถ้าเจ้าคิดจะหนีล่ะก็นะ...” ปีศาจหรี่ตามอง
รยอมานีสเหล่มองอย่างหวาดๆ แล้วพยายามบอกตัวเองว่านั่นเป็นแค่มุขตลก “ผมเป็นแค่พระฝึกหัดแสนอ่อนแอ ถึงอยากจะหนีก็ไม่มีปัญญาหรอกครับ”
“แล้ว... คุณปีศาจจะเข้าไปในหมู่บ้านของมนุษย์ด้วยชุดแบบนี้เลยเหรอครับ” ตัวเล็กเอ่ยถามเมื่อทั้งคู่ออกมายืนอยู่หน้าปากทางแล้ว แต่งตัวแบบนี้ต่อให้เป็นเมื่อ 200 ปีก่อนยังแปลกแยกเลย
“เฮ้อ...” ร่างสูงถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย “การจะไปอยู่ท่ามกลางพวกมนุษย์นี่ ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนก็ยังยุ่งยากไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ” ปีศาจดีดนิ้วอีก คราวนี้ผมของเขาหดสั้นลงจนเหลือเท่าชายหนุ่มปกติ แต่ยังคงไว้ซึ่งสีแดงสะดุดตา เล็บมือเล็บเท้ารวมทั้งใบหูก็หดสั้น เครื่องแต่งกายดูภูมิฐานอย่างผู้ดี และแว่นกลมสีชาช่วยพรางนัยน์ตาสีแปลกไว้ได้ “ทีนี้พอใจรึยัง?”
รยอมานีสปรบมือเปาะแปะ “คุณปีศาจเท่ห์ไปเลยครับ ^^ หล่อมาก”
“ของมันแน่อยู่แล้ว เมื่อ 200 ปีก่อนข้าน่ะติดTop 10 ปีศาจหนุ่มรูปงามด้วยซ้ำไป” ร่างสูงยืดอกรับคำชม นอกจากจะไม่ถล่มตัวแล้วยังคุยทับอีกด้วย “เอ้ย! ไม่ใช่สิ ไร้สาระ! เจ้านั่นแหละเรียกข้าปีศาจๆ อยู่ได้ ขืนออกไปข้างนอกแล้วเรียกแบบนี้มีหวังชาวบ้านแห่มาประชุมเพลิงข้าพอดี”
“งั้นจะให้ผมเรียกว่าอะไรดีล่ะครับ?”
“ข้าก็มีชื่อนะ เรียกชื่อข้าสิ”
“ชื่อ? งั้นชื่อของคุณปีศาจคืออะไรล่ะครับ?”
“.....!” ปีศาจชะงักไปนิดหนึ่ง “เรื่องนั้น..ถ้าข้าบอกเองก็ไร้ความหมายน่ะสิ เจ้าจงรีบนึกให้ออก ข้าจะรอวันที่เจ้าเรียกชื่อข้าและหวังว่าคงจะไม่นานเกินสามราตรีนี้นะ ส่วนตอนนี้เจ้าอยากจะเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ ขอแค่ให้คนเขารับได้ก็พอ”
“ถ้างั้น อืม...” รยอมานีสทำท่าใช้ความคิด เรียกคุณปีศาจไม่ได้ เพราะมันดูประกาศศักดาเกินไป ถ้างั้นตัดปีศาจออกซะ “เรียก คุณ เฉยๆ ก็แล้วกัน ^^ ”
เวรกรรม -*- ไร้สาระที่สุด! ช่างเป็นสรรพนามที่สิ้นคิดสิ้นดี
.
.
.
คุณปีศาจพาผมไปทานมื้อค่ำอย่างคนธรรมดาจริงๆ แถมยังไม่ละเลยความเห็นของผม พาไปกินแต่ของที่ผมชอบทั้งนั้น ถึงแม้บางอย่างจะแพงและผมบอกแล้วว่าไม่ต้องสั่งก็ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงินเลย
ขณะที่ผมจัดการอาหารแสนอร่อยตรงหน้า เขาก็เอาแต่นั่งมองราวกับแค่ได้ดูผมกินก็มีความสุขแล้ว
“อร่อยมั๊ย?” เขาถามพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ครับ อร่อยมาก” ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวปั่นป่วนขึ้นในอก ปีศาจดูแลผมดีมากจนเผลอคิดไปว่าคนๆ นั้นที่เขาเฝ้ารอช่างโชคดีจริงๆ
“เอ่อ... คนๆ นั้นน่ะ” รยอมานีสจู่ๆ ก็ถามขึ้นระหว่างทางขากลับ
“...หืม?”
“คนๆ นั้นที่คุณรออยู่น่ะครับ คงจะเป็นเพื่อนคนสำคัญเลยสินะครับ?” คนถามเผลอหลบตาอย่างไม่รู้ตัว
“ใช่... สำคัญมาก” น้ำเสียงของปีศาจดูลึกซึ้งขึ้น “สำคัญที่สุด ..ยิ่งกว่ามนุษย์หน้าไหนในโลก”
แปล๊บบบ... เกิดความรู้สึกที่ดีกันอย่างรยอมานีสไม่เคยเป็นมาก่อน “ช่างเป็นมิตรภาพที่สวยงามจริงๆ นะครับ” ทั้งที่อยากจะชื่นชมจากใจจริง แต่กลับทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ โดยที่อีกฝ่ายก็มองไม่เห็น
“ไม่ใช่เพื่อนหรอก..” ปีศาจเว้นวรรคนิดหนึ่ง “คนรักน่ะ”
อ้อ... ที่แท้ก็คนรักของเขาน่ะเอง ^^ งั้นเขาก็เห็นผมเป็น...
หา?!! ว่าอะไรนะ?!! คนรัก! o.O คนรักเนี่ยนะ?!!
--- to be continue ---
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น