ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] Hello soulmate [83lines - TeukCin]

    ลำดับตอนที่ #7 : ❥Hello soulmate -------- Six

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 54


     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -



     

     

     

    When I fall in love with you

    Wishing dream is forever true

     

     


    เกือบห้านาทีที่ร่างเล็กยืนนิ่งอยู่หน้าประตูบานใหญ่ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่าชั่งใจว่าจะเคาะบานไม้เบื้องหน้าดีหรือไม่

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

    ในที่สุดก็ตัดสินเอื้อมมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ แล้วกำถุงพลาสติกในมือแน่น ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกประหม่า แต่ปัญหาคือเจ้าตัวเองก็ยังสงสัยว่าเหตุผลที่ทำรู้สึกแบบนี้คืออะไร

     

    “หืม?” บานประตูเลื่อนออก ปรากฏชายหนุ่มร่างโปร่งในชุดเสื้อกล้ามสีดำโผล่หัวยุ่งฟูสำน้ำตาลออกมาด้วยสีหน้ามึนงง

    "พอดีเมื่อกี๊เดินผ่านเซเว่น ...เลยซื้อเกี๊ยวซ่ามาฝาก เห็นช่วงนี้ไม่ค่อยออกจากห้อง กลัวคนแก่อดตายคาคอนโด" ถุงพลาสติกสีขาวถูกยื่นไปตรงหน้าด้วยท่าทางเก้ๆกัง แต่ทว่าคนยื่นให้กลับเสมองไปข้างๆ เล่นเอาปาร์คจองซูที่งงๆอยู่แล้วยิ่งทำหน้าหง่าวเข้าไปใหญ่

     

    "อะ ...อือ ขอบคุณมาก"  รับของมาก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างอย่างเปิดเผย มืออีกข้างยกขึ้นเกาท้ายทอยอย่างขัดเขินเพราะเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศพูดคุยแปลกๆรวมถึงบทสนทาแตกต่างออกไปจากทุกที

     

    "อะไร ยิ้มแบบนั้นทำไม กูไม่ได้ตั้งใจซื้อมาให้นะ บอกแล้วว่าแค่บังเอิญเดินผ่านเซเว่นเฉยๆ"

     

    "อืมมมมรู้แล้วครับ รู้แล้ว" ประโยคซึนๆตามสไตล์ฮีชอลทำให้จองซูอดขำออกมาไม่ได้ ร่างโปร่งพิงหัวกับขอบประตูก่อนจะหรี่ตามองร่างเล็กตรงหน้าที่เอาแต่ปั้นหน้ายุ่งใส่แต่ก็ยังดูน่ารัก

     

    "ก็ ... แค่นี้แหล่ะ กลับไปทำงานต่อได้แล้ว ไปๆ"  ริมฝีปากเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเตรียมหันหลังกลับ

     

    แต่ร่างเล็กอุตส่ามาเคาะประตูถึงหน้าห้องทั้งทีจะให้ปาร์คจองซูปล่อยกลับไปง่ายๆได้ยังไง

     

    “เดี๋ยวดิ มาคุยกันก่อน

    “ออะไรอีกเล่า” คนตัวเล็กหันหลังกลับมาก่อนจะปั่นหน้าโหดอีกครั้ง ...

     

    เมื่อกี๊น้องหมอแอบยิ้ม กูเห็นนะ กูเห็น - /////////// -

     

    “หน้าแดงทำไมน้องฮี แน๊ะๆๆ เขินพี่จองซูเหรอครับ” เอ่ยปากแซวไปอย่างนั้น ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ เพียงแค่สิ้นประโยคกวนตีนนั่น ใบหน้าหวานที่ตอนแรกขึ้นสีอ่อนๆกลับกลายเป็นสีแดงจัดไปถึงใบหู

     

     “พ่อมึงเหอะสัด แล้วหยุดพูดครับเดี๋ยวนี้ กูได้ยินแล้วคันส้นตีน” ริมฝีปากเล็กพ่นคำด่าออกมาไม่หยุด แต่ทว่าอีกคนกลับยืนลอยหน้าลอยตามองอีกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างด้านชาต่อสิงสาราสัตว์เหล่านั้น ยิ่งเห็นใบหน้าหวานนั่นบึ้งตึงมากเท่าไหร่ มันยิ่งดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก

     

    แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ น้องเค้าทำหน้าแบบไหนกูก็ว่าน่ารักทั้งนั้นแหล่ะ - /////////// -

     

    “โอ้ยไอ้เหี้ยพี่จองซู เบื่อหน้ามึง ไม่พูดด้วยแล้ว!” หลังจากจบประโยคด่ายาวเหยียด คิมฮีชอลก็เบ้ปากก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

    “หืมจะรีบไปไหน”

    “ไปยูเรก้า!” เสียงแข็งตะโกนตอบกลับมาส่งๆก่อนจะปิดประตูห้องใส่หน้าอีกคนดังปึง แต่ทว่าการกระทำนั้นกลับไม่ได้ทำให้ร่างโปร่งหยุดยิ้มแต่อย่างใด ปาร์คจองซูเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับกอดถุงเซเว่นไว้แนบอก แววตาเพ้อๆเริ่มเหม่อมองไปรอบห้องก่อนจะกัดริมฝีปากล่างด้วยความปิติที่เอ่อล้นอยู่ในใจ

     

    น้องหมอให้อาหารกู ;///////////;

     

    จองซูทรุดตัวลงนั่งกับโซฟา ก่อนจะบิดตัวไปมาด้วยความเขิน ริมฝีปากบางยิ้มกว้างซะจนตีนกาเริ่มขึ้นเป็นริ้วบนหางตาทั้งสองข้าง

     

     เสียงแว้ดๆกับใบหน้าหวานที่ขึ้นสียามปั้นหน้าโกรธยังคงลอยวนอยู่ในห้วงความคิดของชายหนุ่ม ท่าทีที่โมโหร้ายที่ดูเหมือนจะติดเป็นนิสัย แต่ทว่าครั้งนี้กลับแสดงออกมาแตกต่างไปจากทุกที ...

     

    ใช่ มันแปลกๆ ...

     

     

    แต่มันก็แปลก ...ไปในทางที่ดี

     

     

    ร่างเล็กในชุดเชิ้ตขาวเดฟสีแดงเข้มยังคงวิ่นเล่นไปมาอยู่ในหัวปาร์คจองซูอยู่อย่างนั้น

     

    แต่งตัวน่ารักขนาดนั้น จะไปไหนกันนะ...

     

     

    ไปยูเรก้า

     

     

    ไปยูเรก้า ...

     

     

     

    ยูเรก้า

     

     

                    คิ้วเรียวเหนือตาคู่คมขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อชื่อคุ้นหูที่เหมือนกับเคยได้ยินบ่อยๆ

     

    ไอ้เหี้ย มันชื่อผับไม่ไช่เหรอวะ!

     

     

    ไวเท่าความคิด,,, ถุงเซเว่นบรรจุห่อเกี๊ยวซ่ากึ่งสำเร็จรูปถูกยัดเข้าตู้เย็นอย่างรวดเร็ว ก่อนร่างโปร่งจะวิ่งพรวดมาเปิดประตูออกเสียงดัง จังหวะเดียวกับที่เพื่อนข้างห้องกำลังไขกุญแจล๊อคประตูอยู่ ...หัวฟูที่โผล่พรวดออกมานอกห้องทำให้คิมฮีชอลผงะเล็กน้อยกับการปรากฏตัวราวยอดมนุษย์ของอีกคน

     

     

    "มึง ...เชี่ยไรเนี่ย เหาะออกมาทำไม"

     

    "แฮ่่ก ...ฮีชอล...มึง จะไปผับเหรอ" ปาร์คจองซูเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นก่อนจะเอ่ยถามออีกคนพร้อมหอบหายใจตามประสาคนมีอายุที่ออกกำลังมากไม่ได้

     

     

    "เออดิ ทำไม? จะฝากซื้อโอเลี้ยง?"

     

     

    อวตารตนไหนเข้าสิงน้องหมอกู! สถานที่แบบนั้นไม่เหมาะกับคนดีของพี่เลยแม้แต่นิด!!!

    เสือสิงกระทิงแรดเยอะจะตายห่า จะปล่อยให้ดวงใจกูไปอยู่ในที่แบบนั้นได้ยังไง ;________;

     

     

    "ผีห่าอะไรเข้าสิงน้องฮีชอลของพี่จะไปเที่ยวผับ"

     

    "ไปงานวันเกิดพี่รหัส แปบเดียวก็กลับแล้ว มึงเห็นหน้ากูเด็กเที่ยวมากเหรอ?"

     

    พี่หรัส... ไอ้เหี้ยนี่อีกแล้ว คราวก่อนก็พาฮีชอลไปกินข้าวที่ไหนไม่รู้กลับซะดึกดื่น แถมเดินมาส่งถึงหน้าห้อง อย่าให้กูเจออีกนะไอ้เวร จะวางแผนดักปาขี้ฮีบอมใส่หน้าแม่ง

     

    “ไปด้วย” น้ำเสียงจริงจังสวนขึ้นทันควันเมื่อได้ยินคีย์เวิร์ดหลายคำที่บีบคั้นหัวใจจนปาร์คจองซูทนอยู่เฉยไม่ได้

    “มึงจะบ้าเหรอ ไปทำห่าอะไรพี่จองซู” คิมฮีชอลกอดอกพร้อมกับหรี่ตามองร่างโปร่งตั้งแต่หัวจรดเท้า อายุอานามก็ใช้จะอยู่ในช่วงวัยเที่ยว จะทำอะไรไม่ดูสังขารตัวเองซะบ้าง

     

    “ถึงกูจะหน้าเบบี้เฟซเหมือนเด็กไม่ถึง 18 แต่กูเข้าได้แน่นอนมึงไม่ต้องห่วง”

    “โหยมึงพูดมาได้ บอกเด็ก 18 สองคนรวมอายุกันได้เท่ามึง กูยังเชื่อมากกว่าเลยสัด”

     

    ;_________;

    น้องหมอใจร้าย

    กูแอบสะอื้นเบา เบา

     

    “พอดีอยู่ว่างๆอยากแดกเหล้า ไม่ได้ไง๊? เดี๋ยวกูไปส่งแล้วรอรับกลับ ไม่เปลืองค่าแท็กซี่ด้วย ดีออก ป่ะๆ”

    “อะเออๆ ไปก็ไป แต่อย่ามานั่งใกล้ๆนะ เดี๋ยวเค้าหาว่ากูพาพ่อมา”

     

    ...ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้าย ก่อนจะมุดหัวกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ปาร์คจองซูจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมเซตผมอย่างลวกๆ กระเป๋าตังถูกยัดใส่กระเป๋ากางเกงพร้อมกับกุญแจรถ ก่อนจะเปิดประตูออกไปหาอีกคนที่ยืนพิงผนังอีกฝากรออยู่

    คิมฮีชอลละสายตาขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมองอีกคน ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้ชายผมสีน้ำตาลในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มสบายๆ เหมือนมีออร่าบางอย่างที่ต่างออกไปจากทุกที

     

    “ไปทำสีผมมาใหม่เหรอทำไมดูแปลกๆ”

    “หืม?เปล่านี่”

     

     

    เหรอ

    ปกติมันก็สภาพอย่างนี้เหรอ

     

    ทำไมถึงเพิ่งสังเกตนะ

     

    ว่ามันก็ ดูดีใช้ได้เหมือนกัน

     

     

     

    แต่ก็แค่ พอใช้ได้เท่านั้นแหล่ะ! …  ^

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

     ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น รถยุโรปสีดำก็พาทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่หน้าทางเข้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่งกลางย่านแสงสีที่เต็มไปด้วยเหล่านักท่องราตรี

    เสียงดนตรีดังอื้ออึงดังกระทบโสตประสาททันทีที่ปาร์คจองซูและคิมฮีชอลเดินเข้าไปภายในร้าน ผู้คนมากมายเบียดเสียดเต้นตามจังหวะเพลงกันท่ามกลางดวงไฟหลากสีที่แข่งกันอวดแสงสวยตากลมโตบนใบหน้าหวานหลุบลงต่ำเพื่อหลบแสงแฟรชสีขาวที่สาดแยงตา

     

    “อ๊ะ!...” ไหล่บางถูกใครบางคนเบียดมาชนเข้าอย่างจังจนร่างเล็กแทบเซล้มลง แต่ทว่าปาร์คจองซูกลับเอื้อมมือมาจับข้อมือเล็กเอาไว้ได้เสียก่อน

     

    มือนิ่มถูกกอบกุมเอาไว้แน่น ก่อนที่เรียวนิ้วของทั้งสองจะสอดประสานเข้าหากันช้าๆ

     

    “คนเยอะ อย่าปล่อยมือล่ะ”

     

    ดนตรีจังหวะร๊อคหนักๆดังกึกก้อง เสียงเบสทุ้มต่ำดังตึกๆเป็นจังหวะเร็วสม่ำเสมออื้ออึงอยู่ในหูทั้งสองข้าง

     

    แต่ฮีชอลกลับรู้สึกถึงบางสิ่งในร่างกายที่เต้นเป็นจังหวะเร็วกว่านั้นหลายเท่าตัว

     

     

    ภายใต้บรรยากาศแสนวุ่นวายที่เบียดเสียดไปด้วยผู้คน มีเพียงแค่มืออุ่นที่สอดประสานกันเอาไว้เท่านั้น ที่ชัดเจนในความรู้สึก ราวกับจะทำให้ย้ำใหฮีชอลมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้จะไม่มีวันปล่อยให้เค้าต้องล้มลง

     

     

    “คนเยอะจังวะ ไอ้เชี่ยนั่นได้บอกรึเปล่าว่ามันนั่งรออยู่ตรงไหน” ร่างโปร่งหันกลับมาถามคนตัวเล็กที่เดินตามมาด้านหลัง แต่ทว่าประโยคข้างต้นนั้นกลับถูกกลบด้วยเสียงดนตรีจนอีกคนไม่ได้ยิน

    “หะ อะไรนะ ไม่ได้ยิน” คิมฮีชอลตะโกนแข่งกับเสียงเพลงตอบ พร้อมกับเอามือไปปัดๆข้างหูเพื่อบอกอีกคนให้ช่วยถามคำถามเมื่อกี๊ซ้ำ

     

    ปาร์คจองซูตัดสินใจก้มลงกระซิบข้างหูของฮีชอลด้วยประโยคเดิมอีกครั้ง…’

     

    “ถามว่าไอ้เชี่ยนั่นมันนั่งรออยู่ตรงไหน” ริมฝีปากอุ่นเฉียดใบหูเล็กเบาๆ พร้อมกับเสียงกระซิบที่ดังก้องไปทั่วทั้งห้วงความคิดของคิมฮีชอล ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดอยู่ข้างแก้มยิ่งทำให้คนตัวเล็กรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า เค้านึกไม่ออกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังแสดงสีหน้าแบบไหนออกมา แต่ลึกๆก็ดีใจว่าอีกคนอยู่ในท่วงท่าที่ไม่สามารถมองเห็นมัน

     

    “ยอยู่แถวนู้น,,,,มั้ง” คิมฮีชอลเอ่ยตอบก่อนจะยกมือข้างที่ไม่ได้ถูกอีกคนจับเอาไว้ชี้ไปทางมุมสุดของผับ

    “อืม เดี๋ยวพาไป ,,,เห้ย เหี้ย!” จองซูพยักหน้ารีบก่อนจะอุทานออกมาเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งต้นเซล้มมาทางข้างหลังฮีชอล มือแกร่งโอบดึงร่างตรงหน้าเข้าหาตัว ก่อนจะอดศีรษะเล็กซบไว้กับไหล่เพื่อกันให้ร่างเล็กพ้นจากรัศมีขวดแก้วบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่เหวี่ยงเข้ามาใกล้

     

    “ไม่เป็นไรนะ?...” เสียงทุ้มกระซิบขึ้นช้างหูก่อนที่กลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่ซบอยู่กับไหล่จะพยักหน้าตอบเบาๆ

     

    ท่วงท่าที่แนบชิดซะจนปาร์คจองซูได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆจากปอยผมนิ่ม ทำให้ร่างโปร่งเริ่มเกิดอาการตัวแข็งทื่อจขยับไปไหนไม่ได้ ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดต้นคอซึ่งกันและกันบ่งบอกว่าตอนนี้ใบหน้าของคนทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบเท่านั้น ,,, ลำแขนยาวที่โอบรอบไหล่เล็กไว้ก็ยังคงโอบอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหนในขณะเดียวกันฮีชอลเองก็เผลอเกาะเอวของจองซูเอาไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ

     

    เสียงเพลงที่ดังอื้ออึง รวมถืงแสงไฟวูบวาบต่างๆรอบกาย เหมือนกับดับวูบลงเพียงเสี้ยววินาที

    ทุกสรรพสิ่งรอบกายนิ่งงัน ราวกับเข็มนาฬิกาถูกหยุดไว้กับที่

     

     

     

     

    คิมฮีชอลกำลังยิ้ม

    รอยยิ้ม ,,,แบบที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นที่ไหน และไม่ว่าใครก็คงไม่มีทางได้เห็น

     

     

    ภายในอ้อมกอดอุ่นของปาร์คจองซู

    ริมฝีปากเล็กกำลังยิ้มออกมา

     

    เพราะความรู้สึกดี ที่ไม่รู้ว่ามันก่อตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

    รู้แต่ว่าตอนนี้มันกำลังเอ่อล้นจนเต็มหัวใจ

     

     

    และอีกคน ก็คงไม่ต่างกัน

     

     

                    ผ่านไปเกือบห้านาที แต่ทั้งสองร่างก็ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งโทรศัพท์เครื่องบางในกระเป๋ากางเกงของฮีชอลดังขึ้น

     

                    “อเอ่อ ฮัลโหลครับ” ร่าเล็กละออก ก่อนจะกรอกเสียงใส่โทรศัพท์เมื่อพบว่าสายเรียกเข้าคือพี่รหัสที่นัดกันเอาไว้

                   

                    “อ่า เห็นแล้วครับ ,,,จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” เสียงหวานเอ่ยตอบกลับไปอีกสองสามประโยคก่อนจะตัดสายทิ้ง เมื่อตากลมโตกวาดสายตามองไปรอบๆจนพบชายหนุ่มในสายโบกมือให้อยู่ไม่ไกล

                   

                    “จะกลับเดี๋ยวโทรไปนะ” ฮีชอลหันกลับมาหาปาร์คจองซูที่ยืนปั้นหน้าบูดอยู่ข้างๆ พร้อมกับทำมือเป็นรูปโทรศัพท์ข้างหูเผื่ออีกคนจะไม่ได้ยิน

     

                    “กูนั่งอยู่ตรงบาร์แถวนั้นละกัน”

                    “อือ,,,” ครางรับเบาๆ ก่อนจะเตรียมปล่อยมือที่กุมกันไว้หันหลังเดินออกไป แต่ทว่าปาร์คจองซูกลับรั้งมือเล็กเอาไว้เสียก่อน

     

                    “ฮีชอล ,,,

     

     

    ”ถ้าเลี่ยงได้ ก็อย่าดื่มนะ ประโยคเชิงคำสั่งถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับดวงตาคมที่ฉายแววเป็นห่วงออกมาอย่างปิดไม่มิดจนทำให้คนตัวเล็กอดกดยิ้มบางๆไม่ได้

     

                    “อืมรู้แล้วน่า” ใบหน้าหวานพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหันหลังเดินหายเข้าไปในหมอกนักเที่ยวที่เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆตามเข็มสั้นที่ชี้เลขบอกบนหน้าปัดนาฬิกา

                    ปาร์คจองซูจ้องตามแผ่นหลังบางไปจนถึงโต๊ะที่มีผู้ชายนั่งล้อมกันอยู่ประมาณ 7-8 คน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่นั่งอยู่ตรงกลางกวักมือเรียกให้ฮีชอลเข้ามานั่งลงข้างๆ ก่อนจะเริ่มทักทายและพูดคุยกันอย่างสนิทสนม

     

     

                    -_______-

                    มึงนั่งชิดน้องหมอมากไปแล้วสัด

     

     

                    ใบหน้าหวานแจกยิ้มสวยอย่างเป็นมิตรให้รุ่นพี่ที่นั่งรายล้อม จนปาร์คจองซูเริ่มรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ ร่างโปร่งทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงโซนบาร์ ในมุมที่สามารถมองเห็นโต๊ะของฮีชอลได้อย่างชัดเจน….

     

                    เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์สีอำพันถูกกระดกรวดเดียวจนหมดแก้ว พร้อมกับคิ้วเครียวเหนือตาคู่คมที่ขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นคิมฮีชอลยื่นของขวัญกล่องเล็กให้ชายหนุ่มที่นั่งฉีกยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยอยู่ข้างๆ

     

                    อยากตายในวันเกิดมั๊ยไอ้เหี้ย

     

                    ของเหลวสีอำพันถูกกลืนไหลผ่านลำคอแก้วแล้วแก้วเล่า หวังว่าเครื่องดื่มเย็นๆจะช่วยให้ไฟโทสะที่ร้อนรุ่มอยู่ในใจสงบลงได้ แม้ว่าดวงตาจะอิจฉาจนลุกไหม้ไปแล้วก็ตาม

     

                    หนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆฮีชอลแกะกล่องของขวัญในมือออกทันที ก่อนจะระบายยิ้มกว้างแล้วขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลเล็กอย่างเอ็นดู แว่นตาเรย์แบนด์สีดำที่ร่างเล็กซื้อให้เป็นของขวัญถูกสวมบนใบหน้าหล่อ ก่อนที่ทั้งคู่จะถ่ายรูปจากกล้องโพรารอยด์ด้วยกัน

     

                    ทุกการเคลื่อนไหวนั้นถูกจับจ้องด้วยแววตาคมที่หรี่ลงด้วยความไม่พอใจของปาร์คจองซู

     

                    ความรู้สึกหึงหวงจุกอยู่ในอก แต่ทว่าเจ้าตัวกลับทำอะไรไม่ได้ ริมฝีปากบางพ่นลมหายใจออกมาแรงๆก่อนจะกระดกแอลกกอฮอลล์เข้าปากเป็นแก้วที่ห้า….

     

                    “ตรงนี้ว่างมั๊ยคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นข้างหูจนปาร์คจองซูชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองผู้มาใหม่ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหัน แถมยังเข้าประชิดตัวซะจนร่างโปร่งเกือบจะสำลักเครื่องดื่มเย็นในมือ

     

                    “ครับว่างอยู่” ริมฝีปากบางเอ่ยตอบพร้อมกับยกแก้วขึ้นเล็กน้อยเป็นมารยาท แม้ว่าหญิงสาวรูปร่างเพรียวบางในชุดเดรสสีแดงเพลิงจะเรียกความสนใจจากเค้าได้เล็กน้อย แต่ทว่าจองซูก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก

     

                    “มาบ่อยรึเปล่าคะ ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลย” ริมฝีปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปติกสีเดียวกับชุดเดรสที่สวมอยู่เปิดบทสนทนาขึ้นกับชายหนุ่มข้างๆ

                    ปาร์คจองซูเริ่มละสายตาจากการชะเง้อมองคิมฮีชอลที่นั่งอยู่ไกลๆ เมื่อผิวขาวๆของสาวน้อยตัวบางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างถูกส่องกระทบด้วยแสงไฟจนเปล่งประกายน่ามอง รวมถึงส่วนเว้าส่วนโค้งที่โผล่พ้นเดรสสั้นสีแดงยิ่งเรียกความสนใจจากร่างโปร่งได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว

     

                    “ครับ ไม่บ่อยหรอก

     

                    ใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงระบายยิ้มหวานอย่างเป็นมิตร เนินอกขาวอิ่มที่อูมอัดอยู่เหนือเกาะอกสีเข้มดึงดูดสายตาของปาร์คจองซูอย่างปฏิเสธไม่ได้ ….บทสนทนาง่ายๆถูกโต้ตอบซึ่งกันและกันต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับแอลกอฮอลล์สีอำพันที่ถูกเติมลงแก้วครั้งแล้วครั้งเล่าจนชายหนุ่มเริ่มรู้สึกมึนในหัวเล็กน้อยโดยเจ้าตัวไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าคนที่ตนชะเง้อมองอยู่เมื่อครู่กลับกลายเป็นฝ่ายจ้องมองการกระทำของตัวเองแทน

                   

                    คิมฮีชอลเม้มริมฝีปากบางเข้าหากันแน่น เมื่อความพายุความหงุดหงิดลูกเล็กเริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจช้าๆ

     

                    ร่างโปร่งเจ้าของผมสีน้ำตาลเข้มคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋มที่แก้มซ้าย พร้อมกับพูดคุยกับสาวน้อยแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงห้านาทีอย่างสนิทสนม

     

                    รอยยิ้มสดใสที่คิมฮีชอลมองว่ามันแสนจะกวนประสาท

                    แต่ทว่าเวลานี้เค้ากลับรู้สึกอยากจะเป็นคนเดียวที่ได้รับมัน

     

     

                    …ยิ้มแบบนี้ให้ทุกคนสินะ

                    คนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็คงคุยกันอย่างสนิทสนมได้ง่ายๆเหมือนกันหมดล่ะสิท่า

                    พฤติกรรมแทะโลมแบบนี้มึงก็คงแสดงออกกับใครก็ได้ใช่มั๊ย

                    แล้วไอ้สายตายังกับจะกลืนกินสาวเดรสแดงนางคนนั้นมึงหมายความว่ายังไง!...

     

                    เหี้ยปาร์คจองซู ไอ้แก่แล้วยังไม่เจียม ไอ้เหี่ยวหน้าม่อ ไอ้ไอ้

     

                    โอ้ยแม่ง นั่งชิดกันขนาดนั้นมึงไม่ขี่กันไปซะเลยล่ะสัด!!

     

                    คิ้วเรียวเข้าหากันแน่น ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆด้วยความโมโห หงุดหงิดมาก ไม่พอใจมาก โกรธมาก แต่ไม่รู้โกรธอะไร

                    ตากลมโตยังคงจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของคนทั้งด้วยอารมณ์ที่เริ่มเดือดอยู่ในอก ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าจะมองทำไมให้รำคาญลูกกะตาความจริงแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมต้องมอง

     

                    โมโหที่เห็นมันสองคนจีบกันงุ้งงิ้ง เห็นแล้วน่ารำคาญ แต่ก็โมโหตัวเองที่จะไปหงุดหงิดเรื่องของมันทำไม

                   

                    โอ้ยสัด กูสับสน สรุปว่ากูเป็นห่าอะไรไม่รู้ รู้แค่ตอนนี้อยากไปกระชากหัวไอ้แก่นั่นกลับบ้านเดี๋ยวนี้!

                   

                    “น้องฮีชอล เป็นอะไรรึเปล่าครับหน้ามุ่ยเชียว”

                    “คครับ?” เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหูอย่างกะทันหัน ลมหายใจอุ่นเฉียดเข้าที่ข้างแก้มใสจนคิมฮีชอลสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะถอยตัวออกห่างโดยอัตโนมัติ ใบหน้าสวยส่ายหน้ารัวๆพร้อมกับกดยิ้มบางแทนคำตอบ ก่อนจะยกแก้วที่บรรจุแอลกกอฮอลล์สีสวยขึ้นจรดริมฝีปากแล้วดื่มเข้าไปอึกใหญ่อีกครั้ง

                    ภายในใจที่สับสนว้าวุ่นจะตายห่าอยู่แล้วกลับมาคำถามใหม่ผุดเพิ่มขึ้นมาอีกข้อ

     

                    …ทำไม กับปาร์คจองซูที่ใกล้กันมากกว่านี้คิมฮีชอลถึงไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านอย่างนี้เลยนะ

     

                    แล้ว กูจะคิดมากมายนักหนาวะ ….สัด! หงุดหงิดๆๆๆ  ^

     

     

                    “พี่เจย์ ,,,เหมือนจะเมาแล้วอ่ะ กลับก่อนได้มั๊ย?” ร่างเล็กตัดสินใจเสียมารยาทขอตัวกลับก่อนเพราะถ้าขืนทนนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยกับตัวเองต่อไปอีกแค่ห้านาที คิมฮีชอลคนนี้ต้องประสาทแดกตายเป็นแน่

     

                    “อะไรกันน่ะเรา เพิ่งนั่งได้แปบเดียวเอง อยู่ต่ออีกหน่อยสิ เดี๋ยวน้องสาวพี่จะมาแล้ว เห็นยัยนั่นเอาแต่เพ้อถึงฮีชอลตลอดตั้งแต่เจอกันครั้งที่แล้วน่ะ”

     

     

                    “อ่าก็ได้ครับ” ใบหน้าหวานหงอยลงทันตา แต่ทว่าริมฝีปากเล็กก็คลี่ยิ้มออกมาบางๆตามมารยาท ก่อนจะกระดกแอลกกอฮอลล์เข้าปากอีกอึกใหญ่แล้วนั่งจ้องมองจองซูกับแม่สาวนางนั้นต่อไป

     

                    ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงที่ฮีชอลอดทนนั่งอยู่ในวงสนทนาของรุ่นพี่ร่วมคณะ               หนุ่มสาวคณะแพท์คุยกันอย่างออกรส จนร่างเล็กฝืนยิ้มและหัวเราะออกมาพร้อมกับคนอื่นๆเป็นพักๆ แม้ว่าสายตาจะเอาแต่จ้องมองไปยังปาร์คจองซูอย่างไม่สบอารมณ์นักก็ตาม

     

                    ร่างโปร่งที่นั่งดื่มอยู่ในโซนบาร์ฟุบหน้าลงกับโต๊ะเมื่อแอลกกอฮอลล์ที่ดื่มเข้าไปเริ่มแผลงฤทธิ์จนทำให้ปาร์คจองซูเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่ได้

     

                    คิมฮีชอลคิ้วกระตุกด้วยความโมโหจัดเมื่อหญิงสาวเดสแดงข้างๆก้มลงไปกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูของจองซู

                   

                    บอกคนอื่นห้ามดื่ม แต่ตัวเองแดกซะเมาเละนี่มันใช่ได้ที่ไหนวะ

                    ปาร์คจองซูมึง เดี๋ยวก่อนนะ เดี๋ยว

     

     

                    “พี่เจย์ มึนมากแล้วจริงๆ กลับก่อนนะ” หันไปพูดกับพี่รหัสข้างกายอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับหยิบกระเป๋าเตรียมลุกเต็มที่

                    “อะ อืม ให้พี่ไปส่งมั๊ย?”

                    “ไม่เป็นไรครับ มีคนขับรถแล้วล่ะ”

                    “โอเค งั้นกลับดีๆนะ ไว้เจอกัน”

                    “แฮปปี้เบิร์ดเดย์อีกครั้งนะครับ” คิมฮีชอลยิ้มกว้างพร้อมกับก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะหันไปลาพี่คนอื่นๆ แล้วปลีกตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กเดินเบียดตัวผ่านฝูงคนที่เต้นเบียดเสียดกันอยู่บนบริเวณฟลอร์ไปจนถึงโซนบาร์มุมที่ปาร์คจองซูนั่งเมาอยู่

     

                    ริมฝีปากบางเบะบึ้งอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินเข้าไปดึงไหล่ของร่างโปร่งให้หันมาหา

     

                    “หืมมมม น้องหมอออออ”

                    “ลุกกลับบ้าน!” มือเล็กฉุดแขนแกร่งให้คนเมาลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินตามมา แต่ทว่าร่างเล็กกลับต้องชะงักเมื่อสังเกตเห็นว่าแขนอีกข้างของจองซูถูกมือเล็กของหญิงสาวรั้งเอาไว้อยู่….

     

                    ร่างเพรียวระหงส์ดึงปาร์คจองซูให้นั่งลงอีกครั้ง ก่อนจะหรี่ตามองคิมฮีชอลหัวจรดเท้าด้วยสายตาดูหมิ่น ริมฝีปากสีแดงสดเหยียดยิ้มอย่างจองหอง

     

                    อากัปกริยายั่วโมโหนั่นแทบจะทำให้คนที่อารมณ์ร้อนอยู่แล้วแทบจะฟิวส์ขาดผึงในทันที,,,

     

     

     

                   

                    “อยากตายรึไง

     

                    น้ำเสียงนิ่งเย็นพูดใส่ใบหน้าที่โบ๊ะด้วยเครื่องสำอางค์หนาเตอะของหญิงสาวอย่างชัดถ้อยชัดคำก่อนที่ฮีชอลจะออกแรงกระชากร่างโปร่งอย่างแรงจนร่างเหลือสติเพียงน้อยนิดแทบจะเซล้มลง แล้วค่อยๆทรงตัวเดินโงนเงนตามมา ทิ้งสาวเดรสแดงให้นั่งหน้าชาอยู่คนเดียวพร้อมริมฝีปากเล็กที่เผยอค้างอย่างอึ้งๆ

     

                   ร่างโปร่งของปาร์คจองซูถูกฉุดกระชากลากแถมาตามทางเดิน ก่อนที่ฮีชอลจะยัดชายหนุ่มวัยเฉียดเลขสามใส่รถแท็กซี่หน้าผับแล้วสอดตัวนั่งตามลงไปข้างๆพร้อมกับปิดประตูเสียงดังริมฝีปากเล็กเอ่ยบอกจุดหมายปลายทางแก่ลุงคนขับที่ดูจะผวาเล็กน้อยกับการกระทำของผู้ชายตัวเล็ก

     

    คิมฮีชอลพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย ก่อนที่แววตาวาวโรจน์ด้วยโทสะจะหรี่ตามองคนที่เมาเหมือนหมาข้างๆ

     

                    ร่างเกือบไร้สติของปาร์คจองซูโงนเงนไปมาอย่างไร้การทรงตัว หัวยุ่งสีน้ำตาลผงกไปมาตามแรงเหวี่ยงของรถ ก่อนจะจบลงที่ร่างโปร่งของคนเมาทิ้งตัวลงนอนบนตักของคิมฮีชอลอย่างพอดิบพอดี

     

                    “ไอ้เหี้ยพี่จองซู! อะไรของมึงเนี่ย ลุกขึ้น!! ออกไปๆๆ ลุก-ขึ้น !!” คนตัวเล็กสะดุ้งด้วยความตกใจก่อนจะฟาดลงไปบนตนแขนคนบนตักไม่ยั้งมือ ทั้งผลัก ทุบ จิกกระชากผมสีน้ำตาลอย่างแรง แต่ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงนอนนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน….

     

                    “ปาร์ค-จอง-ซู!!” เสียงแว้ดแหลมตะโกนกรอกใส่หูของร่างโปร่งจนลั่นรถอีกครั้ง แต่ทว่าคนที่เมาไม่ได้สติก็ยังคงหลับสนิทอย่างไม่รู้สึกรู้สาอยู่อย่างนั้น คิมฮีชอลกัดริมฝีปากล่างความโมโห สุดท้ายร่างเล็กก็ยอมให้จองซูนอนหนุนตักต่อไปเพราะลำพังแค่ลากมันออกมาจากผับก็เหนื่อยเกินพอ

     

     

                    เจ้าของใบหน้าสวยที่บูดบึ้งถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดต้นขาอย่างสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าคนบนตักคงจะหลับลึกไปเรียบร้อยแล้ว

     

                    รอยยิ้มเกร็งๆปรากฏขึ้นที่มุมปากอย่างไม่รู้สาเหตุ

     

                    ใบหน้าหล่อเหลาของปาร์คจองซูที่หลับสนิทเหมือนกับเด็กๆ เป็นภาพที่ไม่คุ้นชินสำหรับคิมฮีชอลซักเท่าไหร่ เพราะเวลาที่นอนด้วยกัน ร่างเล็กมักจะเป็นฝ่ายหลับก่อนเสมอ

    สีหน้าที่เรียบเฉย ดูสุขุมนุ่มลึกช่างแตกต่างกับไอ้แก่หัวงูที่นั่งม่อสาวอยู่ในบาร์เมื่อกี๊หยั่งกับฟ้ากับเหว

     

                    เรียวนิ้วสวยเอื้อมขึ้นมาลูบกลุ่มผมนุ่มของจองซูเบาๆ

     

     

                    ปาร์คจองซูคือตัวอะไรซักอย่างที่ทำให้ฮีชอลยิ้ม หัวเราะ หงุดหงิด โมโหอยากจะฆ่ามันให้ตายแล้วก็ทำให้กลับมายิ้มได้อีกครั้งภายในเวลาที่แตกกันเพียงไม่กี่นาที

     

                    ไอ้เหี้ยนี่มันเป็นตัวอะไรกันแน่….         

     

                   

                    มือเล็กปัดปอยผมที่ปรกหน้าของคนบนตักออกเบาๆอย่างอ่อนโยน แต่ทว่าอิมเมจที่ไร้พิษสงของปาร์คจองซูก็ถูกทำลายลงอีกครั้ง เมื่อคนเมาเอื้อมมือขึ้นมาจับมือนิ่มที่ลูบผมตัวเองอยู่มาแนบไว้กับแก้มแล้วหลับต่ออย่างสบายใจ….

     

                   

                    คิมฮีชอลขมวดคิ้วเข้าหากันในทันที รู้สึกว่าตัวเองทำพลาดแล้วที่เผลอนึกเอ็นดูผู้ชายตรงหน้า

                   

     

                    ยิ่งเมายิ่งเรื้อนจริงๆปาร์คจองซู( ////// ^ ////// )

     

     

              

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     



     

                   ในที่สุดคิมฮีชอลก็พยุงร่างที่แทบจะไร้สติของจองซูมาถึงหน้าห้องอย่างทุลักทุเล คนตัวเล็กพิงตัวเข้ากับผนังข้างๆพร้อมกับหอบหายใจออกมาอย่างหมดแรงก่อนจะไขประตูเปิดเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว แล้วดึงจองซูให้เดินโงนเงนตามเข้ามา

     

                    “อือออ ฮีชอล” เสียงครางเรียกชื่อฮีชอลซ้ำแล้วซ้ำเล่าดังมาตลอดทางจนคนตัวเล็กเกือบจะถอดรองเท้าอุดปากมันไปซะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ติดที่ว่าเสียดายกลัวรองเท้าจะเลอะ เลยได้แต่ทนแบกร่างหนักๆขึ้นลิฟท์มาโดยไม่บ่นอะไร

     

                    “ฮีชอล

    ร่างเล็กใช้แรงเฮือกสุดท้ายเหวี่ยงร่างชายหนุ่มให้นอนลงกับเตียงกลางห้อง แต่ทว่าด้วยความแตกต่างของความสูงจึงกลับทำให้คิมฮีชอลล้มตามลงไปโดยอัตโนมัติ

                   

                    “อ๊ะ!...

     

                    ฉากล้มทับกันบนเตียงที่ไม่แตกต่างจากละครน้ำเน่าทำให้ปลายจมูกของปาร์คจองซูโน้มลงมาใกล้จนเกือบจะแนบชิดกับใบหน้าหวานลมหายใจอุ่นไล้อยู่ข้างแก้มเนียนอย่างอ้อยอิ่งทำให้ร่างเล็กหลับตาแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

     

                    “ฮีชอล ….ฮีชอล”  

                    เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกชื่อคนใต้ร่างดังขึ้นที่ข้างหูอีกครั้ง ก่อนที่ใบหน้าหล่อจะผงกหัวขึ้น จนหน้าผากของทั้งสองชนกัน มีเพียงแค่กรอบแว่นบางเท่านั้นที่ขวางกั้นใบหน้าของทั้งสองคนเอาไว้….

     

    กลิ่นเหล้าอ่อนๆที่ปนมากับลมหายใจอุ่นทำให้ฮีชอลเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น

     

                    ดวงตาที่เชื่อมไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์ดูเคลิ้มฝัน แต่ทว่าลึกเข้าไปนัยน์ตาสีเข้มนั้นกลับมีแววจริงจังแฝงอยู่โดยที่คิมฮีชอลสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน

     

                    ร่างเล็กสบตาเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลนิ่งราวกับต้องมนต์สะกดใบหน้าสวยร้อนผ่าวเหมือนถูกลนด้วยเปลวไฟจนรู้สึกร้อนไปหมด เสียงตึกตักดังอื้ออึงไปทั่วทั้งร่างจนเจ้าตัวกลัวว่าก้อนเนื้อในอกจะระเบิดออกมา

     

                    เนิ่นนาน ราวกับตลอดไป

     

     

    จนในที่สุดริมฝีปากอุ่นก็ทาบทับลงบนริมฝีปากของฮีชอล

     

                    ร่างเล็กหลับตาลงช้าๆ เมื่อสัมผัสอุ่นร้อนที่รุกรานเข้ามาทำให้เค้ารู้สึกราวกับล่องลอยอยู่บนฟ้ากว้าง ...ความรู้สึกอ่อนโยนถูกส่งผ่านเข้าไปจนถึงหัวใจดวงเล็กที่กำลังเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งรสหวานละมุนปนรสขมของแอลกกอฮอลล์แตะเข้าที่ปลายลิ้น ก่อนที่จูบภายนอกแค่เพียงริมฝีปากแตะกันจะถลำลึกขึ้นจนทั้งคู่ยากจะถอนตัว

     

                    ปลายลิ้นอุ่นรุกรานเข้าไปในโพลงปากนุ่ม กวาดชิมน้ำเชื่อมหวานละมุน ดูดดุนริมฝีปากเล็กอย่างเย้าแหย่ก่อนจะกดจูบซ้ำลงไปอีกครั้งและอีกครั้ง

     

                    ราวกับพลังงานทั้งหมดถูกดูดออกไปพร้อมกับลมหายใจที่ใกล้หมดเต็มทีคิมฮีชอลไม่ได้ดื่มไม่ได้เมา แต่ทว่า ณ เวลานี้ เค้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แม้แต่นิดเดียว

     

    ร่างเล็กครางท้วงภายในลำคอเบาๆเมื่อรู้สึกต้องการออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย ปาร์คจองซูผละริมฝีปากออกเพียงนิดเพื่อให้อีกคนพักหายใจ ก่อนจะกดจูบซ้ำลงบนกลีบปากเล็กอีกครั้ง แล้วค่อยๆเลื่อนลงมาถึงซอกคอขาว กลีบปากอุ่นจูบซับสร้างรอยไปตามเนื้อนิ่มจนคิมฮีชอลเกร็งตัวแน่นภายในร่างกายเริ่มปั่นป่วนไปด้วยความรู้สึกหวามไหวอย่างประหลาดที่เจ้าตัวไม่เคยสัมผัส

     

    “ฮีชอล

    เสียงทุ้มกระซิบเรียกชื่อร่างเล็กอีกครั้ง แต่ทว่าน้ำเสียงกลับแตกต่างออกไปเหมือนกับแฝงด้วยความต้องการบางอย่างที่ฮีชอลไม่เข้าใจ

     

    ฤทธิ์แอลกกอฮอล์ที่ไหลเวียนอยู่ในเลือดทำให้ปาร์คจองซูไร้สติเกินกว่าจะหยุดการกระทำ

    มืออุ่นเลิกชายเสื้อของร่างเล็กขึ้นช้าๆ ก่อนจะสอดมือเข้ามาไล้ไปตามผิวเนียนอ่อนสัมผัสร้อนที่รุกรานเข้ามาใต้เนื้อผ้าอย่างกระทันหันทำให้ฮีชอลสะดุ้งวาบก่อนจะถดตัวหนีตามสัญชาตญาณร่างเล็กปัดป้องมือแกร่งที่เริ่มลูบไล้ไปทั่วร่างกาย เมื่อภายในใจเริ่มหวาดกลัวในเหตุการณ์ที่กำลังจะตามมา

     

    “อือออ ปล่อย! อื้อ!” ข้อมือเล็กถูกรวบขึ้นเหนือศีรษะก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะทาบปิดลงบนริมฝีปากเล็กอีกครั้ง กรอบแว่นบางถูกถอดออกให้พ้นทาง โดยที่ร่างโปร่งไม่สนใจว่ามันจะไปร่วงลงตรงไหน

    รสจูบที่เร่าร้อนขึ้นแทบจะหลอมละลายคนใต้ร่างให้ระเหยกลายเป็นไอเสื้อเชิ้ตบางสีขาวถูกปลดกระดุมออกจนหมด ทำให้ฮีชอลออกแรงขัดขืนอีกครั้ง แต่ทว่าริมฝีปากอุ่นที่ไล่ลงมารุกรานบริเวณเนินอก พร้อมลิ้นร้อนที่ไล่เลียไปรอบยอดอกสีสวยทำให้ร่างเล็กอ่อนระทวยอย่างหมดแรงขืนพยายาม….

     

    การเล้าโลมที่สร้างความรู้สึกหวามไหวไปทั่วท้องน้อยไม่อาจทำให้ความหวาดกลัวภายในจิตใจของฮีชอลลดลงไหล่บางเริ่มสั่นสะท้านเมื่อความรู้สึกต้องการในร่างกายพุ่งสูงขึ้น แต่ทว่าจิตใจกลับต่อต้านอย่างรุนแรง

     

    น้ำตาใสที่คลอเต็มหน่วยไหลซึมออกมาพร้อมกับก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในคอ

    “ฮึก ….ปล่อย ,,,พี่จองซู ฮึกพอเถอะ ….นะ” ใบหน้าสวยที่ขึ้นสีแดงก่ำส่ายหน้าเป็นพัลวันเมื่อริมฝีปากอุ่นไล่ดูดเรื่อยลงไปถึงช่วงท้องน้อยจนฮีชอลรู้สึกเสียววาบไปทั่วร่างน้ำตาอุ่นไหลพรากออกมาไม่หยุดเมื่อมือแกร่งเริ่มปลดตะขอกางเกงบนร่างเล็กออกช้าๆ

    เปลือกตาสวยปิดแน่นเพื่อข่มสัญชาตญาณที่ตีกันมั่วจนสับสนภายในจิตใจ หลากหลายความรู้สึกที่ตรงกันข้าม แต่กลับประเดประดังเข้ามาในคราวเดียวจนฮีชอลแทบรับมันไม่ไหว มือขาวปัดป่ายไปทั่วเพื่อผลักดันให้ร่างที่ทาบทับอยู่ถอยตัวห่างออกไป แต่เรี่ยวแรงน้อยนิดกลับทำได้เพียงยืดเวลาออกไปเพียงเท่านั้น

     

    “ยะหยุดเถอะ ฮึกหยุด”

     ร่างเล็กสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ปะปนความต้องการที่อัดแน่นอยู่ในภายในร่างกายข้อมือบางเตรียมจะออกแรงขัดขืนอีกครั้ง แต่ทว่าร่างโปร่งที่คร่อมทับอยู่เลื่อนตัวขึ้นมาคลอเคลียอยู่ข้างแก้มใส ก่อนจะจูบซับที่ริมฝีปากบางเบาๆ

     

     

     

    “ฮีชอล

     

     

    คนถูกเรียกตัวแข็งทื่อเหมือนโดนสาปในทันที เมื่อแววตาที่รื้นไปด้วยหยาดน้ำใสสบตาเข้ากับตาคู่คมที่จ้องมองมาด้วยแววตาจริงจังอย่างที่ฮีชอลไม่เคยเห็น….

     

     

    ก่อนที่ประโยคถัดมา จะทำให้ร่างเล็กเลือกที่จะไม่ขัดขืนอะไรอีกต่อไป

     

     









     

     

     

    “พี่รักฮีชอล

     

     

     

     

     

     

                  

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

                  

     

    แดดจัดในยามบ่ายสาดส่องลอดผ้าม่านผืนบางเข้ามาในบริเวณห้องสีครีม ปลุกให้ร่างโปร่งที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงค่อยๆขมวดคิ้วเข้าหากันช้าๆ ก่อนจะปรือเปลือกตาขึ้นพร้อมกับความรู้สึกปวดหนึบที่ขมับทั้งสองข้าง ปาร์คจองซูยกมือขึ้นลูบใบหน้า ก่อนจะกระพริบตาถี่เพื่อไล่อาการเมาค้าง

    เจ้าของหัวยุ่งฟูค่อยๆกลอกตามองไปรอบๆห้องที่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเมื่อคืนใครเป็นคนแบกเค้ากลับมาที่คอนโดเหตุการณ์ก่อนที่จองซูจะหลับไปค่อยๆฉายขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆที่ยิ่งทำให้อาการมึนหัวหนักขึ้นกว่าเดิม,,,

     

    หลังจากสติที่ค่อยๆหายไปเมื่อร่างโปร่งเผลอหลับบนรถแท็กซี่ ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นกลับกลายเป็นเพียงภาพเบลอกึ่งจริงกึ่งฝันที่ทำให้เจ้าตัวสับสนหนักว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงหรือไม่

     

     

    ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ครุ่นคิดอะไรต่อ ร่างเล็กของคิมฮีชอลเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเข็ดตัวสีเข้มพาดอยู่บนไหล่ ใบหน้าสวยชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนบนเตียงตื่นขึ้นมาแล้ว ตากลมโตฉายแววประหม่าเพียงครู่ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว

     

    “กว่าจะฟื้นนะมึง แดกซะไม่เจียมอายุ” ริมฝีปากเล็กเอ่ยจิกกัดทันทีตามนิสัย ก่อนจะเอาผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนไหล่ปั้นเป็นก้อนกลมแล้วปาใส่เจ้าของหัวสีน้ำตาลที่พยายามยันตัวลุกขึ้นจากเตียงให้ล้มลงไปอีกรอบ

     

    “ปวดหัวชิบหายอ่ะสัด เออ แล้วรถกูล่ะ” ปาร์คจองซูโคลงหัวไปมาอย่างมึนงง ก่อนจะสะดุ้งขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนถูกฮีชอลลากยัดใส่รถแท็กซี่ โดยที่ทิ้งรถสุดที่รักไว้ที่ผับ

    “รถมึง มึงก็กลับไปเอาเองสิ กูออกไปข้างนอกก่อนนะ จะออกไปก็ล๊อคห้องให้ด้วยล่ะ” ร่างเล็กที่ยืนหวีผมอยู่หนากระจกพูดกับปาร์คจองซูผ่านทางเงาสะท้อน กริยาท่าทางที่ไม่ผิดแปลกไปจากปกติของคิมฮีชอลทำให้ปาร์คจองซูเหยียบความสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเอาไว้ โดยคิดเพียงแค่ว่ามันคงจะเป็น….ความฝัน

     

    “จะไปไหนล่ะ กลับดึกป่ะ”

     

    “ไปตัดแว่นใหม่ แปบเดียว”

    “หืม? แว่นเป็นอะไร” ร่างโปร่งเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เพิ่งสังเกตว่าวันนี้ฮีชอลไม่ได้สวมแว่นเหมือนอย่างทุกที

    “ก็ เมื่อเช้าเผลอปัดตกโต๊ะ ขาแว่นเลยหัก”

     

     

    “อ่อ งั้นเดี๋ยวรอกินข้าวเย็นนะ”

     

    โอเค บาย” ร่างเล็กโบกมือเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้อง ท่าเดินที่ดูผิดแปลกไปจากทุกทีทำให้ร่างโปร่งที่นั่งอยู่บนเตียงเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร


     

     


    ปกติ….

    ทุกอย่างดูเหมือนกับปกติเหมือนกับทุกวัน

     

     

     



    ใช่ปาร์คจองซูคิดแบบนั้น

     

     


    จนกระทั่งเหลือบมองเห็นรอยเปื้อนสีแดงเข้มบนผ้าห่มที่ร่วงลงไปกองอยู่ข้างเตียงในมุมที่ฮีชอลไม่ได้สังเกต,,, ของเหลวสีเข้มที่แห้งกรังติดอยู่กับเนื้อผ้าจนแทบจะกลายเป็นสีดำ เป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจาก เลือด

     

    หัวใจของปาร์คจองซูกระตุกวาบเมื่อเค้าสามารถตอบคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจได้ทั้งหมด

     ผลลัพท์ที่ออกมา คือสิ่งที่เค้าภาวนาไม่ให้มันเกิดขึ้นจริง แต่ทว่าภาพในความทรงจำกลับค่อยๆเด่นชัดขึ้นมาโดยที่เจ้าตัวไม่อาจปฏิเสธได้

     

     

     



    ด้ายบางที่เรียกว่าความสัมพันธ์ ได้ถูกร่างโปร่งก้าวล้ำเข้าไปลึกเกินกว่าที่ตัวเองจะคาดคิด

     

     

    มันคือความผิดพลาด ที่ทำให้ทุกสิ่ง ,,,ไม่มีวันเป็นเหมือนเดิม

     

     


     

     

    To be con.

     

     


     

    หายหัวไปสิบกว่าวัน  …ข้ออ้างเยอะจนเขียนไม่หมด 55555 เอาเป็นว่าเก๊าขอโทษ ;A;   

    ตอนนี้ดูอึนๆมากเลย แง TAT… แถมตัดจบแบบน่าตบด้วย 5555555555

    อ่า ฉากนั้นมันไม่เอ็นซีนะ เพราะไม่ได้บรรยายตอน อืม กัน =A= …ใครคิดจะกดแบนแนะนำให้ไปกดแบนเรื่องทอยสตอรี่ก่อนค่ะ 55555555 = =

     

    ปล.คิดถึงคนอ่านจังเบยยยย \(//////)/

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×