คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : #teukcin - conversation : (unfriend)
Title – conversation : (unfriend)
Author – 30ww
Paring – teukcin
Note – นอนไม่หลับ อารมณ์มันแกว่งๆเลยกลายเป็นฟิค อยากให้อ่านช้าๆ เหมือนดูเอ็มวีหรือหนังสั้นที่ตัดฉากสลับไปมา ฉากที่มีตัวละครแค่สองคน ภาษาอาจจะแปลกจากฟิคปกติเราไปบ้าง แต่อยากให้ลองอ่านดู เผื่อจะเจอ ‘ใจความสำคัญ’
friend.
คิมฮีชอลเป็นเพื่อนที่ไม่สนิท
ไม่เคยเตะบอลด้วยกัน ไม่เคยเล่นเกมด้วยกัน ไม่เคยต่อยกันแล้วกลับมาคืนดี
คิมฮีชอลเป็นเพื่อนที่ไม่ใกล้ชิด
ไม่ตบบ่า ไม่กอดคอ ไม่ไล่เตะกันแรงๆ
คิมฮีชอลเป็นเพื่อน
ที่ไม่ใช่เพื่อน
เพราะ’เพื่อน’ไม่เดินกุมมือ ไม่กอด ไม่นอนตักกัน
เพื่อนผู้ชาย… เค้าไม่ส่งแมสเสจหากันทุกวัน
เพราะเพื่อนจริงๆจะไม่มองหน้าแล้วยิ้มให้กันแบบนั้น
แต่เราทำมันทั้งหมด... ทุกการกระทำที่สร้างความผูกพันธ์
แล้วคิมฮีชอล...ยังจะมาเรียกกัน ว่า’เพื่อน'
“ง่วงนอนเหรอ”
“เปล่า”
“แล้วมานอนตักทำไม”
“อยากนอน”
อาจารย์ไม่เข้าสอน อยากนอน ก็เลยเอนตัวล้มลงมา
ทำไมเอาแต่ใจตัวเอง ทำไมไม่คิดถึงคนอื่น ปาร์คจองซูมีความรู้สึก มีใจสั่นๆที่หวั่นไหวง่าย แค่จัดการกับตัวเองเป็น จึงไม่แสดงอาการอะไรออกมา
“ไม่ใช่เบาๆนะหัวน่ะ”
“เหน็บกินค่อยมาบ่น”
“จะไปไหน”
“ไม่รู้ เดินไปเรื่อยๆ”
แล้วจับมือกันทำไม
อยากถามไปแบบนั้น แต่กลัวคิมฮีชอลจะปล่อย
เหตุผลเดินไปเรื่อยๆไม่มีน้ำหนักพอจะโดดเรียนคาบบ่ายเลยแม้แต่นิด แต่เค้าก็ทำ
ไม่สนิท ไม่เข้าใกล้คำว่าเพื่อนสนิทเลย
นิสัยแตกต่างกันคนละขั้ว แล้วมาอยู่ด้วยกันบ่อยๆทำไม
นั่งเรียนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน
ทั้งที่เป็นเพื่อน ห่างๆ …ธรรมดา
ไม่มีคนอื่นให้ไปหาแล้วรึไง คิมฮีชอล
“เรากอดกันทำไม”
“ทำไมชอบถาม”
“ก็สงสัย”
“ยังไม่ชินอีกเหรอ”
นั่นไม่ใช่คำตอบนะฮีชอล
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครปล่อย อากาศไม่ได้หนาว ไม่มีอะไรโรแมนติก แค่ไม่ได้เจอกันมาหนึ่งสัปดาห์
ปาร์คจองซูไม่สบาย
เลยไม่ได้มาเรียน
“อยู่ใกล้ๆเราเดี๋ยวติดหวัดหรอก”
“ยังไม่หายแล้วมาโรงเรียนทำไม”
“อยากมา”
อยากมาเจอฮีชอล
“กอดแน่นๆเดี๋ยวก็หาย"
ไม่หายหรอก
ยิ่งใกล้กัน
เรายิ่งเป็นหนักกว่าเดิม...
“มองอะไร” เห็นฮีชอลเอาแต่มองมานิ่งๆ
“เปล่า”
“ก็เห็นจ้อง”
“จ้องไม่ได้รึไง”
“ถ้าเรานั่งจ้องบ้างไม่แปลกเหรอ”
“ไม่”
“อย่างนี้เนี่ยนะ"
แล้วก็นั่งเท้าคางมองหน้ากัน แบบต่างคนต่างอมยิ้ม
โดยที่ไม่รู้ว่ายิ้มอะไร
ไม่มีอะไรตลก ไม่มีคำพูดอะไรซักคำ
ฮีชอลไม่เคยบอกจองซูว่าวันนั้นเค้ายิ้มเพราะอะไร
จองซูก็ไม่มีคำอธิบาย
ว่ายิ้มไปถึงนัยน์ตา
ทำไม…
“จะไม่ร้องไห้หน่อยเหรอ”
“ดูหนังมากไปแล้วนะจองซู”
“เรายังอยากร้องไห้”
“จบมอหกนะไม่ได้หายไปไหนไกล”
“จะไม่ได้เจอกันเหมือนเดิม”
“พวกเราโตขึ้น มันแน่นอน”
“เราไม่อยากเป็นผู้ใหญ่” - ปาร์คจองซู
“เราก็เหมือนกัน” - คิมฮีชอล
เราเคยกอดกันหลายครั้ง
แต่ครั้งนั้น ทั้งคู่กอดกันด้วยความหมาย
แค่ต่างกัน…
คนหนึ่งที่คิดเกินเลย กอดด้วยความรัก คิดถึง โหยหา และอยากอยู่ด้วยกันอีกซักวัน
คนหนึ่งที่การกระทำเกินเลย แต่ไม่เคยคิดอะไร
กอดด้วยความรู้สึกรัก …แค่เพื่อนกัน
“เป็นยังไงบ้าง”
คือคำถามของคนที่ไม่ได้พบกันนาน
“สบายดี”
คือคำตอบที่ทั้งคู่สบายใจ
ดีใจนะที่ได้เจอกันอีกครั้ง
ปาร์คจองซูเรียนดีไซน์
คิมฮีชอลเรียนบริหาร
เราไม่เคยมีโลกที่ทับซ้อนกัน ...ตั้งแต่ไหนแต่ไร
แต่น่าแปลกใจ
ที่เราไม่เคยหายไปจากชีวิตของกันและกัน
PJS : วันนี้มากินข้าวคณะเราเหรอ
heenim : อือ เพื่อนบอกว่าน้ำปั่นอร่อย
PJS : ทักไม่ทัน
heenim : เดี๋ยวไปอีกก็ได้
PJS : ชอบน้ำปั่นเหรอ
heenim : ไม่เห็นอร่อยเลย
heenim : แต่ก็จะไปอีก
…ทำไม
ปาร์คจองซูไม่ใช่คนบริสุทธิ์ใจที่จะไม่คิดอะไรกับคำพูดเหล่านั้น
ตีความยังไง ก็เหมือนให้ความหวังกัน
อย่าทำตัวเป็นเพื่อนสนิทได้มั๊ยคิมฮีชอล
เพราะเราไม่สนิทกัน
ใจเราไม่เคยสนิทกัน
ไม่เคย
“จองซูมีคนที่ชอบรึเปล่า”
“มี”
“เค้าเป็นคนยังไงเหรอ”
“ฮโยจินถามทำไม”
“เปล่า…แค่อยากรู้เฉยๆ”
“เค้าเป็นคนที่อยู่ห่างไกลจากเราเหมือนดาวคนละดวง”
“…”
“เรากับเค้า อยู่กันคนคนละวงโคจร …บนท้องฟ้า สองดวงดูใกล้...
แต่ระหว่างดาวสองดวงนั้น เราห่างกันไกลหลายพันปีแสงเลย”
“เราอยู่กับความรักแบบนั้น” นั่นคือความรักของปาร์คจองซู
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็อกหักเข้าอย่างจังเลย” หญิงสาวเอ่ยเสียงเศร้า
“เราขอโทษ”
“ไม่เป็นไร”
“เรายังเป็นเพื่อนกันได้”
“ไม่หรอก ไม่มีทาง”
“ฉันจะไม่เป็นเพื่อนกับคนที่ฉันรัก”
นั่นสิ
ปาร์คจองซูเองก็เหมือนกัน
ในเมื่อรักไปแล้ว
ก็คือรัก
“จองซู มาถ่ายรูปรับปริญญาด้วยกันมั๊ย”
“คณะเราไกลกันจะตาย”
“ลานต้นก้ามปู ลานตรงกลาง ระหว่างคณะเราสองคน”
“ได้ ตอนเย็นเราจะไป”
“แล้วเจอกันนะ” คิมฮีชอลดูดีใจ
“เราใส่ชุดครุย”
“ใครๆก็ใส่ชุดครุยกันทั้งนั้น” ปาร์คจองซูเถียงออกไป
“เดี๋ยวก็เจอ”
ใช่ ยังไงก็ต้องเจอ
เพราะปาร์คจองซูไม่เคยหาใครเจอ
นอกจากคิมฮีชอล
“เราจะยืนนิ่งๆเหรอ”
“ใช่ เราไม่ชอบทำท่าอะไร ชุดครุยมันลำบาก หรือจองซูอยากทำ”
“ฮีชอลเคยชอบกอดเรา”
“ถ้าทำแบบนั้นจะถ่ายไม่เห็นหน้า”
“ยังไงก็ได้ทั้งนั้น”
กอดก็แล้วกัน
“เรายังชอบการกอดอยู่” - คิมฮีชอล
“เราก็เหมือนกัน” - ปาร์คจองซู
“ไม่คิดจะลองคุยกับใครบ้างเหรอวะจองซู”
“ไม่เห็นจำเป็น”
“เคยคบกับใครบ้างรึยังชีวิตนี้”
“ก็ไม่ใช่เสือผู้หญิงแบบนายนี่กงยู”
“วัยทำงานแล้วเค้าก็คิดเรื่องนี้กันทั้งนั้นน่า”
“แค่ปล่อยมันไปตามเวลา”
ปล่อยไปตามเวลา
ขี้แพ้สิ้นดี
คำตอบที่กาลเวลามอบให้ คือคำว่าถอดใจ กับคำว่าเป็นไปไม่ได้
ปาร์คจองซูค่อยๆฝังความรู้สึกรักในตอนนั้นลงใต้ดินทรายแล้วกลบทับด้วยคำว่า 'โตเป็นผู้ใหญ่’
พยายามมองทั้งหมดนั้นเป็นเพียงรักแรกของเด็กมัธยมปลายที่เพ้อฝัน
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
ว่าเค้าไม่เคยตื่นจากฝันนั้นเลย
สิ่งที่โหดร้ายที่สุด
คือการที่เรายังมีตัวตนอยู่ในชีวิตของกันและกัน...
และเราเป็นได้แค่นั้นจริงๆ
heenim : จองซูทำงานกราฟิคใช่มั๊ย
PJS : อืม ทำไมเหรอ
heenim : เรามีงานให้ช่วย
PJS : ว่าไง
heenim : ออกแบบการ์ดงานแต่งงานให้เราหน่อย
.
.
.
PJS : ได้ นัดวันมาเลย
บางที
คำว่าสายเกินไป ก็มาเร็วเกินไป
จะร้องไห้
ยังร้องไม่ออก
“แบบนี้โอเคมั๊ย”
“เราชอบนะ... โซยองว่ายังไง”
“สวยมากเลยค่ะ”
“จองซูเก่งจัง”
“ก็ต้องแน่อยู่แล้ว”
“เราชอบตรงนี้ …ตรงที่มีดาวสองดวง” ฮีชอลชี้ไปที่ตรงกลางของการ์ด
“มีความหมายนะ”
แต่คนละความหมายกับดาวสองดวงระหว่างเรา
"Binary star เป็นระบบดาวคู่ …คือดาวสองดวงที่โคจรรอบจุดศูนย์กลางเดียวกัน หมายความว่าจะเดินเคียงข้างกันตลอดไป” ปาร์คจองซูอธิบาย
“ดีจัง”
“ดีจังที่มีเพื่อนอย่างจองซู”
ใช่
ระบบดาวคู่น่ะดีแล้ว
อย่าเป็นดาวที่ห่างไกลกันพันปีแสงอย่างเราสองคนเลย
เพราะเราไม่มีวันโคจรมาพบกัน
ปาร์คจองซูไม่อยากเป็นดาวอีกต่อไป ไม่อยากมีแสงใด
อยากหายเข้าไปในความมืด
ไม่อยากรับรู้ ระหว่างที่บ่าวสาวคู่นั้นสวมแหวนให้กัน
บ่าวสาวที่เคียงคู่อย่างเหมาะสม
ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้องแสงความยินดีของใครต่อใคร
รอยยิ้มทั้งน้ำตาที่ปาร์คจองซูแสร้งแสดงออกไป
ในพิธีแต่งงาน
ครอบครัว
ปาร์คจองซูนึกภาพนั้นไม่ออก ว่าอะไรคือครอบครัว
พ่อ แม่ ลูก
หรืออะไรที่ประกอบขึ้นเป็นคำนั้น
ความรักรึเปล่า
ความรักระหว่างชายหญิง
ความถูกต้องของสังคมที่ลงความเห็นไปตามกัน
ชายคู่กับหญิง
หญิงคู่กับชาย
ให้กำเนิดลูก เพื่อเติมเต็มชีวิตครอบครัวให้สมบูรณ์
เพศสภาพแจกแจงระบบความรักให้ตั้งแต่เกิด
อย่างนั้นแล้ว… ’ความรู้สึก'เกิดทีหลังหรืออย่างไร...
ถ้าความรักระหว่างเพศเดียวกัน คือเพื่อน
สำหรับปาร์คจองซูมันคงเป็นมิตรภาพที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะหาคำใดมาบรรยาย
เพราะเพื่อนคนหนึ่ง ฝังลึกลงในจิตใจ
ทำให้โหยหา ทำให้คิดถึง ทำให้รักบ้าง ทรมานบ้าง อยู่เรื่อยไป
อยากลืมยังไง
ก็ลืมไม่ลง
เคยมั๊ย… กับคนบางคน
ตอนเราอยู่ เค้าไม่เคยสนใจ
แต่พอเราตัดใจจะไป
เค้ากลับรั้งให้เรากลับมา
heenim : เป็นไงบ้าง
heenim : ไม่ได้คุยกันนาน
PJS : ก็เรื่อยๆน่ะ
PJS : ฮีชอลล่ะเป็นไงบ้าง
ชีวิตคู่… ราบรื่นดีมั๊ย
เธอคนนั้น เป็นภรรยาที่ดีใช่รึเปล่า
heenim : ก็โอเค
PJS : มีอะไรรึเปล่า
heenim : เปล่า ไม่มีอะไร
heenim : แค่คิดถึง เลยทักมา
และปาร์คจองซูก็ล้มเหลวในการตัดใจ
ครั้งที่เท่าไหร่…นับไม่ถ้วน
heenim : จองซูอยากมีลูกมั๊ย
PJS : เราก็ไม่รู้เหมือนกัน
ไม่อยากรับรู้
ว่าฮีชอลกำลังจะเล่าเรื่องอะไร
heenim : ความฝันตั้งแต่เด็กๆเลย
heenim : อยากมีลูกสาวซักคน
PJS : งั้นเหรอ
คิมฮีชอล คงกำลังวางแผนสร้างครอบครัวของเค้า
heenim : แต่ตอนนี้ เราชักไม่แน่ใจ
PJS : ทำไม
heenim : เราไม่เข้าใจเลยจองซู
จริงๆแล้ว...
heenim : เราไม่เคยเข้าใจความรักเลย
“ฮีชอล…”
“ขอบคุณที่ออกมาหานะ”
“ฮีชอลเป็นอะไร”
“ว่างเปล่าไปหมดเลยจองซู”
“ข้างในนี้น่ะ”
ข้างในหัวใจ
“เราทำไม่ได้ …เราสร้างครอบครัวไม่ได้ เราเป็นพ่อใครไม่ได้”
“ไม่เป็นไรนะ...”
“เราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร”
“อย่าร้องไห้”
“กอดแน่นๆเดี๋ยวก็หาย”
ปาร์คจองซูใช้ประโยคเดียวกับคำปลอบเมื่อหลายสิบปีก่อนของคิมฮีชอล
“เรา...เป็นอะไร”
“เป็นเพื่อนเราไง”
คำว่าเพื่อนคำนั้น ปาร์คจองซูแสร้งพูดมันออกมา
โดยหารู้ไม่ว่า
คำเดิมคำนั้น
คิมฮีชอลเองก็ไม่สามารถพูดมันได้เหมือนเดิม
“เราหย่าแล้ว”
“ฮีชอลไม่เป็นไรนะ...”
“เราไม่เป็นไร”
“จริงๆนะจองซู เราไม่รู้ ทำไมถึงไม่เสียใจ” มีแค่ความรู้สึกผิด ยามเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินจากไป
“เพราะเราไม่ได้รักเค้าใช่รึเปล่า” ฮีชอลสงสัย
“อาจจะเป็นอย่างนั้น”
ปาร์คจองซูไม่รู้จะตอบอย่างไร
“ความรักเป็นยังไงนะจองซู”
“เป็นคนที่เราให้เค้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต”
เผลอตอบไปตามความคิดเท่านั้น
“เป็นคนที่อยากแบ่งปันทุกอย่างในชีวิตด้วย แบบนั้นเหรอ” คิมฮีชอลยังสงสัย
“ใช่”
“อย่างนั้นเหรอ”
แล้วร่างบางก็เข้ามากอด
กอดที่มีความหมายมากกว่าทุกครั้ง
“แต่เรามีกันมาครึ่งชีวิตแล้วนะจองซู”
ฮีชอลไม่ควรเอ่ยประโยคนั้น
“เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่รึเปล่า”
และไม่ควรเอ่ยคำถามนั้น
อย่าบังคับให้เราต้องพูดเลยฮีชอล
“เราสับสนอยู่นาน นานเกินไป จนเสียเวลาไปครึ่งชีวิต”
“….”
“คนที่เราอยากกอด... เราได้กอดเค้าตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เรายังไม่ทันเรียนรู้อะไร”
บางที เราก็เติบโตเพื่อเรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญ
ดีและร้าย
จะบอกเรา
“ฮีชอล...”
“จองซูยังชอบกอดของเราอยู่มั๊ย”
“แน่นอน”
ดีใจ
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าที่โอบรอบกายคือความรักจริงๆ ในที่สุดก็รู้ว่าทุกสิ่งที่เคยแสดงออกกับจองซู มันคืออะไร
“เราขอโทษ ที่เอาแต่ปฏิเสธตัวเอง เพราะเราคิดว่ามันผิดที่จะรู้สึกกับจองซูแบบนั้น”
“เข้าใจ”
มันยากที่จะยอมรับว่าเรามีความรู้สึกรักที่ต่อคนที่ไม่ควรคิดเกินเลยอะไร
การเอาแต่ผลักไส ก็รังแต่จะสร้างความทรมาน
“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่เราเจอกัน”
ปาร์คจองซูก็รู้สึกขอบคุณเช่นกัน
“เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่รึเปล่า” - คิมฮีชอล
“ไม่ …เราไม่เคย” - ปาร์คจองซู
ระหว่างเรานั้น
คำว่าว่าเพื่อน ไม่มีอยู่จริง
unfriend.
fin
ถ้ามีเวลา อยากให้ลองฟังเพลงนี้หลังอ่านจบ มันเพราะ มันเมาๆ
ประโยคที่ว่า ‘เติบโตและได้เรียนรู้ ในวันที่สายเกินไป’ เราว่ามันโหดดี
ฟิคอาจจะงงๆไปบ้าง แต่ขอบคุณมากนะคะที่อ่านจนจบ
คือมันสั้น แต่เรารู้สึกมาก จริงๆ อ่านแล้วเป็นยังไงเม้นบอกกันด้วยนะ เราชอบ ดีใจมากๆเลย
รักก
ความคิดเห็น