ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    short fic - 83line/HaeEun

    ลำดับตอนที่ #6 : #haeeun - today,tomorrow,together (feat.83line)

    • อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 58


    Title –  today,tomorrow,together

    Author – 30ww

    Paring – HaeEun feat.83line

    Note – ต่อจาก Hello follower ค่ะ
     

     

     

     

     

     

    “เอ่อ พี่คะ” เสียงใสของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เรียกความสนใจของคนทั้งคู่ ร่างเล็กของเด็กสาวในชุดมอปลายโรงเรียนเดียวกับอีทงเฮและอีฮยอกแจ เดาไม่ยากว่าคงเป็นเด็กมอสี่เพราะมีเรียนเสริมที่โรงเรียนวันเสาร์อาทิตย์ ในมือถือสมาร์ทโฟนเครื่องบาง เธอมีท่าทีประหม่ามากขึ้นเมื่อกลายเป็นเป้าสายตาของเด็กหนุ่มทั้งสอง

    “คือ... ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั๊ยคะ” รอยยิ้มสดใสปรากฎขึ้นบนใบหน้าอ่อนเยาว์ใต้กรอบแว่น อีทงเฮทำหน้ามึนเมื่อไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ผิดกับร่างบางข้างๆที่เห็นเป็นเรื่องปกติจนสามารถยิ้มและโต้ตอบอย่างเคยชิน

    “ได้ครับ ได้ๆ” อีฮยอกแจขยับห่างร่างหนาเพื่อให้เด็กสาวเข้ามายืนตรงกลาง ทว่าถูกเจ้าตัวขัดเสียก่อน

    “เปล่าคะไม่ใช่คู่กับหนู คือถ่ายรูปพี่คู่กันเองค่ะ” เธอเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง

    “พี่คู่กัน? เฉยๆ?” อีทงเฮชี้หน้าตัวเองอย่างงงๆ

    “ค่ะ ชิดค่ะ… แนบสนิทไปเลยค่ะ” น้ำเสียงหนักแน่นของเด็กสาวทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองเลื่อนตัวชิดกันทันทีราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนคำสั่ง 

    “อ...โอเคครับ”

     

    รอยยิ้มเขินปรากฎชัดบนใบหน้าของเด็กสาวจนตาหยี นิ้วที่กดชัตเตอร์บนไอโฟนดูจะรัวภาพไปมากกว่าหนึ่ง หรืออาจจะถึงสิบรูปในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น  

     

    “ขอบคุณค่ะพี่” เธอกดเสียงตอบราวกับพยายามเกร็งหน้าให้เป็นปกติจนถึงที่สุด 

    “ไม่เป็นไรครับ”

    “มีความสุขมากๆนะคะ”

    เอ่อ…ครับ

    “ถือไม้เท้ายอดทองตะบองเพชรค่ะ”

    “กระบองรึเปล่าครับ...”

    ตะบองเพชรนั่นต้นไม้พี่

     “ค่ะ” เธอผงกหัวรัวๆเหมือนคนสติหลุด

    “พี่ทงเฮดูแลพี่ฮยอกแจได้ดีแน่นอนค่ะ หนูนอนตายตาหลับแล้ว”

    “ครับ…”

     

    “ยินดีด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ”

     

    “…สวัสดีครับ”

     

    กล่าวลาอย่างเป็นทางการแบบนั้นแล้วเธอก็วิ่งหนีไป ทิ้งไว้แต่เด็กหนุ่มมัธยมปลายสองคนที่มีรีแอคชั่นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อีทงเฮยังคงกระพริบตาปริบๆอย่างมึนงง ในขณะที่อีฮยอกแจหยุดขำไม่ได้

     

    “น้องเค้าเป็นไรอ่ะ” ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วใส่คนรักอย่างไม่เข้าใจ

    “แฟนคลับมั้ง” 

    “แฟนคลับพี่นี่ …แปลกๆ” 

    “อือ ไม้เท้ายอดทองตะบองเพชร น่ารัก5555”

    “น่ารักก็น่ารัก" ทงเฮเกาหัวก่อนจะทำหน้าแบบพยายามเข้าใจ

     

    เดทง่ายๆในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ของเด็กมัธยมปลายสองคนเกิดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าใกล้โรงเรียน บรรยากาศวุ่นวายของมนุษย์วัยรุ่นที่ออกมาเดินสวนไปมาในร้านเสื้อผ้าชั้นนำไม่ได้ทำให้อีทงเฮรู้สึกเวียนหัวเลย สมาธิทั้งหมดของเค้าถูกรวมไว้อยู่ที่จุดเดียวในตอนนี้ คือมือขวาของตัวเอง มือขวาที่กำลังเกี่ยวนิ้วแบบสอดประสานไว้กับมือเล็กของใครอีกคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า

    มือพี่ฮยอกแจนิ่มมาก

    ทงเฮประหม่าแม้กระทั่งน้ำหนักมือตัวเองว่าต้องจับแบบไหนถึงจะพอดี ถึงจะรู้สึกเหมือนโดนลากไปดูนู่นดูนี่จนมึนไปหมดก็เถอะ แต่มือที่จับกันเอาไว้ก็ไม่เคยปล่อยให้หลุด ลืมไปแล้วว่าตัวเองมีความกล้าคว้ามือนั้นมาจับตั้งแต่ตอนไหน อาจจะเป็นตอนจูงพี่ฮยอกแจเข้าลิฟท์ หรือหลังจากนั้น รู้ตัวอีกทีก็ตัวติดกันแบบนี้แล้ว เพิ่งมาเขินเอาตอนนี้จะถือว่าทงเฮความรู้สึกช้ารึเปล่า

     

    ใช่

    ทงเฮความรู้สึกช้า

     

    เพราะฮยอกแจเขินไปก่อนแล้วเรียบร้อยตอนที่มืออุ่นๆนั่นดึงมือเค้าไปกุมเอาไว้

    ร่างหนาทำไปตามสัญชาติญาณไม่ได้แสดงอาการประหม่าอะไร แล้วเพิ่งจะมาเขินตอนนี้เนี่ยนะ ไอ้เด็กซื่อบื้อ

     

    “ทงเฮว่าสีไหนดี” อีฮยอกแจชี้ไปที่สเวตเตอร์สองตัวที่แขวนเทียบกันอยู่ ทงเฮทำหน้าคิดหนักเมื่อไม่รู้ว่าสีที่เค้าชอบคนตัวเล็กจะชอบด้วยมั๊ย เพราะสไตล์การแต่งตัวของทั้งคู่แตกต่างกันคนละขั้วตามนิสัย ทงเฮใส่เสื้อเชิร์ตมูจิสีขาวแขนสั้น เรียบกริบไร้ดีเทล คู่กับกางเกงผ้ากำมะหยี่วินเทจสีครีม โทนเดียวกับรองเท้าหนังสีน้ำตาลดูมินิมอลสุดๆ ในขณะที่คนที่กุมมืออยู่นั้นสวมสเวตเตอร์โอเวอร์ไซต์ที่ทงเฮเพิ่งเห็นอยู่หน้าร้านแบรนด์เนมที่เดินผ่านเมื่อกี๊ กางเกงสกินนี่สีดำมีรอยขาดที่หัวเข่า กับรองเท้าไนกี้แอร์แม็กซ์ดีเทลแน่น ยังไม่นับรวมแอสเซลเซอรี่ที่ทงเฮเก็บรายละเอียดไม่หมดอีกเพียบ 

    ไม่รู้ว่าทงเฮน้อย หรือฮยอกแจเยอะ 

    แต่รู้แค่ว่าเติมกันเต็มพอดีก็พอ

     

    “เห้ยนั่นอาจารย์จองซูป่ะน่ะ...” คนตัวเล็กกว่าสะกิดแขนทงเฮให้มองไปทางด้านขวา ก่อนจะแอบมาหลบๆอยู่ด้านหลังร่างหนาโดยไม่รู้ตัว ก็อาจารย์ฝ่ายปกครองนะไม่ใช้เพื่อนสมัยอนุบาลที่จะได้บังเอิญเจอแล้ววิ่งเข้าใส่ ที่โรงเรียนแค่เห็นไกลๆก็วิ่งหนีแล้ว คนมีคดีตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างอีฮยอกแจนี่อยู่ห่างๆไว้ดีที่สุด 

    “อยู่นอกโรงเรียนไม่ต้องหลบหรอกมั้ง” คนที่โดนใช้เป็นโล่กำบังเอ่ยขึ้นขำๆ 

    “จริงด้วย” อีฮยอกแจทำปากยื่นก่อนจะกระชับมือที่จับกันอยู่ แล้วเดินลุยๆเข้าไปหาอาจารย์ฝ่ายปกครองหน้านิ่งที่ตอนนี้เดินลอยๆไปมาอย่างไม่มีจุดหมาย

    “จารย์หวัดดีครับ” รอยยิ้มกว้างปรากฎขึ้นบนหน้ากวนๆของอีฮยอกแจราวกับจะอวดสีผมที่เพิ่งไปทำมาใหม่

    "มาทำอะไรแถวนี้เด็กๆ” แต่ดูเหมือนคนเป็นอาจารย์จะคิดเรื่องอื่นอยู่จนไม่ได้ทันสังเกต 

    "อาจารย์แหละมาทำไรแถวนี้ นี่ zara นะ"

    "แล้วทำไมอาจารย์จะมา zara ไม่ได้อีฮยอกแจ” ใบหน้านิ่งที่ดูภูมิฐานของชายที่มีอายุตึงขึ้นทันที ชื่อของเด็กชายผมสีสว่างตรงหน้าเค้าจำได้ขึ้นใจ เพราะถึงจะจับได้ว่าผิดระเบียบแค่ไหนเจ้าเด็กนี่ก็รอดเพราะเหตุผลด้านกิจกรรมทุกที

    "สูททรงสมัยอยู่ชั้นล่างนะครับ” 

    "อีทงเฮแอบขำอะไร"

    "เปล่าครับ” ร่างหนาด้านหลังรีบก้มหน้าหลบทันที

    "นี่มาทำอะไรกันไม่มีเรียนพิเศษกันหรือไง"

    "ผมมาช้อปปิ้งส่วนทงเฮมาเฝ้าแฟนช้อปปิ้งครับ"

    "…เต็มปากเต็มคำ"

    "นี่จารย์มาช้อปจริงๆอ่ะ จริงๆอ่ะนะ"

    "มีปัญหาอะไรนักเหรออีฮยอกแจ"

    "จะอัพลุคเหรอครับ"

    "ไปจีบใครที่ไหนรึเปล่าครับ” อีทงเฮได้ช่องก็เอ่ยแซว

    "ใครอ่ะ ตัวเองรู้เหรอ” 

    "อือรู้ดิ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง"

    "เล่าเลยๆๆ"

    "ก็วันนั้นเค้ากลับบ้านใช่มั๊ย แล้วจารย์จองซูก็ไปซุ่มๆมองๆ-"

    "นี่..." ปาร์คจองซูพยายามแทรก

    "มองไรอ่ะ ภารโรงเหรอ"

    "รถอ่ะ รถอาจารย์ฮ-"

    "นี่อาจารย์ยังยืนอยู่ตรงนี้นะ"

    "จารย์ฮีชอลที่สอนสารสนเทศ"

    "โหหหห อาจารย์ฮีชอลที่แซ่บๆอ่ะนะ"

    "อือ วิชาที่ตัวเองสอบตกไง"

    "แอบด่าเค้าโง่เหรอ"

    "เปล่านะ หยุดทำปากยื่นเลย"

    "ทงเฮชอบว่าเค้า"

     

    "ทั้งสองคน..."

     

    "อ้าวจารย์ยังไม่ไปอีกเหรอ"

    "...."

     ปาร์คจองซูเผยอปากค้างเพราะไม่รู้จะสรรหาคาไหนมาจำกัดความการกระทำของเด็กสองคนนี้ดี โลกนี้มีกันอยู่สองคนรึไง เจ้าของใบหน้าคมทำได้แค่หรี่ตามองอย่างเคืองๆก่อนจะปล่อยให้นักเรียนนินทาต่อให้จบ

     

    "นี่ๆถ้าจะจีบคนแบบอาจารย์ฮีชอลอ่ะผมพอช่วยได้นะ"

    "เธอจะมาช่วยอะไรได้"

    "ยอมรับละดิว่าจะจีบเค้า"

    "อีฮยอกแจอยากโดนทัณฑ์บนเรื่องสีผมมั๊ย"

    "55555ใจเย็นๆดิจารย์ นั่นๆเข้าโซนนั้นเลย แต่งตามหุ่นอ่ะ นั่น new arrival ทั้งเซต จารย์ฮีชอลมองตามแน่"

    "งั้นเลยเหรอ..." ร่างโปร่งมองไปที่หุ่นลองเสื้อสีขาวที่ดิสเพลย์เสื้อผ้าเซตใหม่อยู่หน้าร้าน แฟชั่นเสื้อเชิร์ตสีขาวดำเรียบหรูถูกแมทช์กันอย่างพอดิบพอดี

    "ชัวร์ ...กู๊ดลัคอาจารย์" อีฮยอกแจชูนิ้วโป้งขึ้นด้วยสีหน้ามั่นใจ ก่อนจะหันมาเกาะแขนอีทงเฮแล้วสร้างโลกส่วนตัวขึ้นอีกครั้ง

     

    "ตัวเอง เค้าหิวแล้วอ่ะ"

    "พี่ฮยอกแจเพิ่งกินไอติมไปเองนะ"

    "ทงเฮว่าเค้าอ้วนขึ้นป่าว"

    "เมื่อกี๊ยังบ่นหิวอยู่เลย"

    "ไอ้เด็กนี่กวนตีนเค้าเหรอ"

    "เปล่าครับ ป่ะๆหาไรกินกัน"

    “เค้กกกกก"

     

     

    |

    |

     

     

    "ทงเฮ มันจะยิงหมา"

     

    "ทงเฮ พระเอกจะยิงมั๊ยอ่ะ..." เสียงเล็กกระซิบเบาๆเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน ตอนนี้ทั้งคู่นั่งอยู่ในโรงหนัง ภาพยนต์เรื่อง Kingsman ที่ทั้งคู่อยากดูฉายมาได้ครึ่งเรื่องแล้ว อีทงเฮนั่งอยู่ทางซ้าย โดยมีแขนของอีฮยอกแจเกาะอยู่ทางขวา เจ้าของใบหน้าหล่ออมยิ้มเล็กน้อยเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงเกร็งที่แขน จะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นเนี่ย ถ้าพระเอกยิงหมาจริงๆจะช็อคตายรึเปล่า

     

    ปัง!

     

    "เห้ยเหี้ยมาก อีผู้หญิงยิงหมา"

    "พี่ฮยอกแจ ใจเย็นๆ555"

    "ตัวเองดู มันยิงหมาตายอ่ะเค้ารับไม่ได้" เจ้าของแก้มใสหันมาโวยวายด้วยเสียงกระซิบที่กดลงจนแหบเพราะความโกรธ ไอ้เชี่ยแม่งทำงั้นได้ไง ยิงคนตายได้ห้ามยิงหมา ฮยอกแจเลี้ยงหมาแถมยังรักเหมือนลูก เจอฉากอย่างนี้นี่แบบโคตรจะเซ้นซิทีฟ ออกจากโรงจะโวยวายให้ทงเฮฟังต่อ

     

    เนื้อเรื่องบนจอดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงจุดไคล์แม็กซ์ คุณลุงตัวเอกกำลังนั่งอยู่ในโบสถ์ของพวกคลั่งศาสนา เสียงสัญญาณอะไรบางอย่างดังขึ้นในโทรศัพท์ของตามแผนของคนร้าย แล้วทุกคนก็เป็นบ้า ฉากแอคชั่นโศกนาฏกรรมกันบรรเลงขึ้นอย่างป่าเถื่อนชนิดที่เลือดสาดล้นจอ

     

     

    ผลั่ก!!!!!

    ปัง!!

     

     

    อีฮยอกแจไม่แม้แต่จะกระพริบตา ทึ่งในมุมกล้องและจังหวะการตัดต่อที่ทำออกมาได้สุดยอด แต่ดูได้แค่ไม่กี่วิเท่านั้นตาคู่สวยก็ถูกปิดด้วยมือของคนข้างๆ อีทงเฮเอื้อมมือขวาอ้อมมาทางด้านหลังของร่างบางเพื่อปิดตา แล้วกดหัวเล็กๆนั่นให้ซบลงมาที่อกตัวเอง

     

    "...ทำไรเนี่ย"

    "ก็หมาตายยังรับไม่ได้เลยนี่เค้าฆ่ากันเลือดสาดจะดูได้เหรอ"

    "..."

     

    คนในอ้อมกอดแทบหยุดหายใจ ไอ้เด็กนี่ดึงแฟนเข้ามากอดด้วยเหตุผลแบบนี้เหรอ

     

    "ทงเฮ เค้ารักหมา เค้าไม่ได้กลัวเลือด"

    "อ้าว... งั้นก็ดูต่อ"

     

    "...ไม่อยากแล้วอ่ะ"

     

    อีฮยอกแจอมยิ้มจนแก้มแทบปริ​ โพสิชั่นในตอนนี้คือใกล้มากจนได้กลิ่นโคโลญจ์อ่อนๆของอีทงเฮที่ทำให้ใจสั่นแทบจะบ้า ถ้าร่างหนาเป็นไอศกรีมคงละลายจนเหลวไปแล้วเพราะตอนนี้ฮยอกแจหน้าร้อนจนเหมือนจะไหม้ เบื่อตัวเองมากๆที่ยังซบอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะผละออกมานั่งดูหนังต่อ

     

    ไม่สนใจลุงสูทแล้ว โหลดดูก็ได้ นี่อยากให้ทงเฮกอดแบบนี้อีกสี่ชั่วโมง ยอม

     

    "ผมนิ่มจัง" มือใหญ่ที่ยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่างเริ่มลูบผมฮยอกแจเล่นเบาๆ

     

    "เด็กบ้า"

    "ทำไม"

    "แต๊ะอั๋งเค้า"

     

    "แต่อยู่นิ่งๆให้ลูบเลยนะ"

    "เงียบไปเลย"

     

     

    มีฉากยิงหมาอีกมั๊ยฮยอกแจไม่รู้ เพราะตอนนี้เป็นหมาให้ทงเฮลูบหัวอยู่

    กระดิกหางได้ทำไปแล้ว

     

     

     

    |

     

    |

     

     

     

    LEEDONGHAE : พี่ฮยอกแจง่วงรึยัง”

    hyukjae : ถ้าคุยกับทงเฮเค้าไม่ง่วง

    LEEDONGHAE : ตลอดอ่ะ แล้วก็นอนดึก

    hyukjae : ตัวเองก็ดึก

    LEEDONGHAE : แต่เค้าไม่บ่นเวลาตาแพนด้า พี่ฮยอกแจบ่น

    hyukjae : เค้าขี้บ่น ใช่สิเค้าขี้บ่น

    LEEDONGHAE : บ่นเหมือนแม่เลย 

    hyukjae : จะทำไมล่ะ

    LEEDONGHAE : เค้ารักแม่

     

    น่ะ…ดูมัน

     

    hyukjae : พูดงี๊บอกรักเค้าเลยดีกว่า

    LEEDONGHAE : ยังไม่ได้บอกงั้นซักคำพี่ฮยอกแจคิดไปเอง

    hyukjae : อ๋อเดี๋ยวนี้กวนตีนใช่มั๊ยไอ้เด็กทงเฮ

    LEEDONGHAE : ตอนนี้ทำปากยื่นแน่ๆเลย

    hyukjae : รู้ดีเหรอ

    LEEDONGHAE : ก็รู้อ่ะ

    hyukjae : ไอ้บ้า

    LEEDONGHAE : ไอ้น่ารัก

    hyukjae : กล้าขึ้นไอ้กับเราเหรอ

    LEEDONGHAE : โหย แพ้ก็ได้

    hyukjae : อิอิไอ้เด็กกาก

     

    ไร้สาระสุดๆแต่ก็คุยกันอย่างนี้ทุกคืนจนติดเป็นกิจวัตรไปแล้ว ประโยคไหนน่ารักก็แคปเก็บ camera roll ในไอโฟนนี่อย่าให้ใครมาเห็น มีแต่อะไรแบบนี้เต็มไปหมด ทงเฮยังอายตัวเอง

     

    hyukjae : วันนี้สอบย่อยอังกฤษมา ยากมากเค้าตกชัวร์

    LEEDONGHAE : ไหนบอกจะเรียนอักษร555

    hyukjae : ไม่มีปัญญาแล้วอ่ะทงเฮ ไม่เรียนแล้ว เลี้ยงเค้าที

    LEEDONGHAE : ไม่ว่างอ่ะมีแคคตัสต้องเลี้ยงอีกร้อยต้น

    hyukjae : รักไอ้ก้อนเขียวๆนั่นมากกว่าเค้าเหรอ

    LEEDONGHAE : ใช่ มึก้อนนึงชื่อฮยอกแจด้วย

     

    LEEDONGHAE : เค้ารักก้อนนั้นที่สุดเลย

     

    รู้สึกโดนคิล ทำไมไอ้เด็กหน้าซื่อๆทำตัวบื้อๆมันถึงพูดจาอะไรแบบนี้ได้ ลึกๆแล้วเป็นคนยังไงของมันอ่ะ ฮยอกแจจะไม่ไหวแล้วนะไม่คุยด้วยแล้ว รู้สึกจะเป็นบ้าเอาหัวมุดซอกตู้

     

    LEEDONGHAE : น่ะ พอบอกรักก็ไม่ตอบ

     

    จะให้ตอบอะไรนี่เขินจนจะแดกนิ้วตัวเองแล้ว

     

     LEEDONGHAE : ฟังเพลงกัน เพลงนี้เพราะ hold me https://www.youtube.com/watch?v=ejdOAvl5by0

    hyukjae : เพราะจริงอ่ะ ทงเฮฟังแต่เพลงอินดี้ไรไม่รู้เค้าเข้าไม่ถึง

     

    hyukjae : ช่วงนี้ติดเพลงนี้อ่ะ Glowing pains ของ D&E เพราะนะไปฟัง https://www.youtube.com/watch?v=Zs2NibgZgR4

    LEEDONGHAE : นักร้องหล่อใช่มั๊ยถึงไปชอบเค้า

    hyukjae : บ้าไม่ใช่ ชอบเสียงกีต้าร์ช่วงอินโทรมากๆ ชอบคนเล่นกีต้าร์

     

    .

    .

    .

    hyukjae : อ้าวหายไปไหน

     

    LEEDONGHAE : ไปเช็ดกีต้าร์

     

     

    hyukjae : ชอบผู้ชายทำอาหารด้วย

    LEEDONGHAE : แปบนะเมื่อกี๊อบพิซซ่าค้างไว้

    hyukjae : แล้วก็ชอบคนมีน้ำใจ

    LEEDONGHAE : ช่วยหมาโดนรถชนมาเมื่อเย็น เสื้อเลอะเลย

    hyukjae : ทงเฮไอ้บ้า555555

    LEEDONGHAE : ชอบอะไรอีกมั๊ยจะไปทำ

     

    ชอบทงเฮอ่ะอยู่เฉยๆเหอะหยุดกวนตีน

     

    hyukjae : พอแล้วตลก555555

    LEEDONGHAE : ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ตื่นเช้า มีงานเดินการกุศลที่โรงเรียนอีก

    hyukjae : ขี้เกียจจังเลย

    LEEDONGHAE : จริงๆงานชมรมต้องไปเก็บรูปตรงเส้นชัย แต่เดี๋ยวไปเดินกับพี่ฮยอกแจ

    hyukjae : งั้นไม่ขี้เกียจแล้ว

     

    ทงเฮจะโดนไล่ออกจากชมรมอยู่แล้วเพราะชอบโดดงานชมรมไปหาแฟน แต่ประธานชมรมดันบอกว่าถ้ามีแฟนอย่างนี้ก็ไปเหอะ ตามสบาย ถ่ายพอร์เทรตฮยอกแจมาส่งก็พอ

     

    เรื่องอะไรล่ะ พอร์เทรตพี่ฮยอกแจเก็บไว้ดูคนเดียวดิ

     

    LEEDONGHAE : เค้าต้องอยู่ถึงเย็นนะ ถ่ายรูปงานเลี้ยงอำลา ผอ. ต่อ

    hyukjae : อืออ เค้ามีติวตอนบ่ายอ่ะ เดี๋ยวเรียนเสร็จกลับมาหานะ

    LEEDONGHAE : เอางั้นเหรอ ได้ๆ

     

    ฮยอกแจโคตรติดแฟนขอยอมรับตรงๆ ชีวิตมอหกเตรียมเอ็นท์แสนจะวุ่นวายแต่ก็หาเวลาว่างไปหาทงเฮได้ทุกช่องทาง แต่โดดเรียนไม่ได้นะ มันรู้ มันมีตารางเรียนพิเศษของฮยอกแจ เพื่อนมันสืบมาให้ โคตรน่ากลัว

     

    LEEDONGHAE : ห้ามโดดเรียนพิเศษ

     

    นั้นไงทำไมดุเหมือนพ่อ

     

    hyukjae : เค้าโดดทงเฮก้รู้ดิ ไม่โดดหรอกไอ้เด็กบ้าดุยังกะหมา

    LEEDONGHAE : กัดด้วยนะหมาตัวนี้

    hyukjae : จะกัดเค้าเหรอ

     

    ใช่ กัดพี่ฮยอกแจอ่ะ น่ากัดเป็นคำๆ อยากทำตัวน่ารัก

     

    LEEDONGHAE : ไปนอนได้แล้ว

    hyukjae : ไม่กัดเค้าแล้วเหรอ

     

    น่ะ ยังไม่จบ อยากโดนใช่มั๊ย

     

    LEEDONGHAE : กัดจริงๆแล้วจะพูดไม่ออก

    hyukjae : ทะลึ่ง

     

    ชงเองแล้วมาว่าคนอื่นทะลึ่ง ดูเหอะคนเรา

     

    LEEDONGHAE : นอนกัน เค้าง่วงแล้ว

    hyukjae : อือๆ ฝันดีน้า

    LEEDONGHAE : ฝันดีครับ

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

    30 minute later

     

    LEEDONGHAE : เมื่อกี๊เห็นนะ กดไลค์ไอจีพี่ซึงฮยอน

    hyukjae : โหย ทงเฮอ่ะ นอนจริงๆแล้วก็ได้

    hyukjae : กู๊ดไนท์ บ๊ายบายยย

     

    LEEDONGHAE :

     

     

    โอเค นอนกอดหัวใจหลับฝันดี

     

     

     

     

    |

     

    |

     

     

    "อาจารย์ฮีชอลจะเป็นอันนาใช่มั๊ยคะ" อาจารย์หญิงวัยกลางคนถามย้ำอีกทีราวกับยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คิมฮีชอลพูดนั้นเค้าจะทำจริงๆ

    "ครับ บังเอิญพี่สาวผมมีชุดแฟนซีพอใส่ได้"

    "แล้ว…เอลซ่าล่ะคะ"

    "อาจารย์ซูยองอยากเป็นอยู่ แต่ผมว่ามันยังพีคไม่พอ"

    "อย่างไหนคะถึงพีค"

     

    "อย่างเช่นเอาอาจารย์ฝ่ายปกครองมาแต่งหญิงไงครับ"

     

     

     

    |

     

    |

     

     

     

    "ทงเฮไม่ไปถ่ายรูปคนเข้าเส้นชัยเหรอๆๆๆ"

    "รยออุคไปไกลๆตีน"

    "เส้นชัยของทงเฮอยู่นี่แล้วนิเนอะ แหมๆๆ"

    "เคยอยู่ดีๆโหนกยุบป่ะมึง" คนโดนด่ายังยิ้มยียวนก่อนจะดีดตัวไปเกาะรุ่นพี่ฮยอกแจที่ยืนขำอยู่ข้างๆ

     

    "พี่ฮยอกแจดูดิทงเฮหยาบคาย"

    "ทงเฮอย่าว่าเพื่อน"

    "รยออุคเก็บไอโฟนมึงลง ถ่ายอะไร"

    "ก็ลูกเพจเราเรียกร้อง"

    "คยูฮยอนเดินเร็วๆมาช่วยเราหน่อย"

    "มันอู้ซื้อขนมแดกกับมินโฮอยู่เซเว่น" รยออุคหรี่ตาอย่างเซ็งๆก่อนจะหันไปตะโกนเรียกคยูฮยอนที่ห่วงแดกอยู่ได้ โมเม้นท์แบบนี้ต้องรีบถ่ายเก็บไว้เรียกไลค์โว้ย ไม่รู้งานเลยเดี๋ยวแม่งปลดออกจากสตาฟ

     

    "ตรงนี้แสงดี ถ่ายมั๊ย" อีทงเฮยกกล้องขึ้นถ่ายเพื่อเชคแสงก่อนจะหันมาชวนนายแบบส่วนตัวข้างๆ

    "ถ่ายๆ ตรงนี้เหรอ"

    "อือ พี่ฮยอกแจหันข้างๆไม้ต้องมองกล้อง"

    "แบบนี้ป่ะ"

    "ดีมาก"

     

    แชะ…

     

    "มีช่างกล้องส่วนตัวอ่ะดีจังเลยเนอะ" เพื่อนสนิทกวนตีนของอีทงเฮส่งเสียงมาก่อนตัว คยูฮยอนรีบวิ่งมาเป็นกำลังเสริมของรยออุคพร้อมกับแก้วเสลอปี้ในมือ

    "ถึงว่าพี่ฮยอกแจไม่เซลฟี่แล้ว เดี๋ยวนี้มุมเผลอล้วนๆ"

     

    "เผลอใจไปรักเธอว์ว์ว์"

     

    เดี๋ยวกูเผลอเตะปากพวกมึงบ้างเป็นไง

     

    "พี่ฮยอกแจรีบเดินกันเหอะ เค้ารำคาญไอ้พวกนั้น"

    "พวกเด็กตลก55555" อีฮยอกแจยังขำไม่หยุด แต่ก็ยอมให้ทงเฮจับมือวิ่งหนีเพื่อนตัวเองออกมา เสียงแซวของอีเพื่อนสองคนนั้นยังตามมาเป็นระยะ แต่ไม่นานทั้งหมดก็เดินวนกลับเข้ามาในสนามโรงเรียน เส้นทางกิจกรรมเดินการกุศลก็ไม่ใช่ที่ไหนไกล ถนนรอบโรงเรียนนี่แหละ วนเข้าไปในสวนสาธารณะข้างๆนิดหน่อยแล้วก็ทะลุออกมาถนนเส้นเดิม มีต้นไม้เป็นระยะพอให้ไม่ร้อน แถมถ่ายรูปสวย ร่างหนาวิ่งเหยาะๆไปหยิบขวดน้ำที่ซุ้มสวัสดิการมาให้พี่ฮยอกแจ แล้วไปนั่งพักบนสนามหญ้าเพื่อรอพิธิปิด

     

    "ทงเฮ ถ่ายรูปกัน"

    "อือได้ เอามุมไหนเดี๋ยวถ่ายใหั"

    "เค้าหมายถึงถ่ายด้วยกัน เซลฟี่ๆๆ" คนน่ารักเกาะแขนร่างหนาทันที เพราะรู้ดีว่าพูดคำนี้ทีไรทงเฮวิ่งหนีตลอด

    แฟนฮยอกแจขี้อาย

    "โหยไม่เอา" ยกมือขึ้นปิดปากพร้อมกับหันหน้าหนีกล้องหน้าของไอโฟน เป็นตากล้องแต่กลับไม่ชอบถ่ายรูปตัวเอง ยิ่งถ่ายคู่กับพี่ฮยอกแจยิ่งเขิน ทงเฮไม่เอาหรอก

    "ยังไม่เคยมีรูปคู่ลงไอจีเลยนะ" เน็ตไอดอลโวยวาย ยอมรับก็ได้ว่าอยากอวดแฟน วันนี้ทงเฮเซตผมเปิดหน้าขึ้นแล้วดูดีมาก ส่วนที่บอกว่าไม่เคยมีรูปคู่ลงไอจีเลยก็หมายความแบบนั้นจริงๆ เวลาไปกินข้าวกันฮยอกแจทำได้แค่เนียนถ่ายรูปอาหาร แต่ติดทงเฮที่นั่งฝั่งตรงข้ามครึ่งตัวแค่นั้น พอแท็กชื่อแล้วมีคนตามไปฟอลก็ล็อคไอจีหนีอีก ดูมัน

     

    "ไม่ต้องทำปากยื่นเลย" ใบหน้าหล่อยิ้มขำ สำหรับฮยอกแจนี่คือหน้างอน แต่สำหรับทงเฮคือน่ารัก งอแงไปก็โดนยีผมเล่น นี่ใครอายุมากกว่าใครกันแน่ก็ไม่รู้

     

    "นี่" ร่างบางเอ่ยขึ้นเมื่อหาข้อต่อรองใหม่มาสู้ได้

     

    "ถ้ายอมถ่ายเซลฟี่ เค้าจะไปปั่นจักรยานด้วย" พูดจบก็ยิ้มกว้างจนตาหยี ทงเฮชวนไปปั่นจักรยานที่สวนด้วยกันหลายรอบแล้วแต่ฮยอกแจไม่ไปด้วยซักทีเพราะมันร้อน แล้วเค้าก็ขี่จักรยานไม่แข็ง

     

    "ไปตลาดต้นไม้ด้วย" เคยไปรอแฟนช้อปปิ้งเป็นชั่วโมงทงเฮทำได้ งั้นเค้าก็สลับไปรอทงเฮเลือกต้นไม้บ้างแล้วกัน

    "จริงนะ"

    "แน่นอนน" อีฮยอกแจพยักหน้าอย่างจริงจัง เรียกรอยยิ้มกว้างจากคนข้างๆ

     

    "แล้วเซลฟี่ถ่ายไงอ่ะ" มือใหญ่ชูไอโฟนของฮยอกแจขึ้นงงๆ ที่ทงเฮเคยถ่ายรูปตัวเองอย่างมากก็เห็นแค่เสี้ยวหน้ากับพื้นหลังเป็นท้องฟ้าโล่งๆ

     

    "แบบนี้" คนตัวเล็กเอื้อมมากดมุมกล้องให้ต่ำลงจนเห็นทั้งคู่ชัดเจน แก้มใสของฮยอกแจเลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนจะฉีกยิ้มกวนให้เลนส์กล้อง

     

    แชะ

     

     

    .

    .

    .

    โหย ทงเฮหล่อ

     

    "แท็กชื่อนะ"

    "เขิน"

    "แคปชั่นอะไรดี"

    "ไม่ต้องใส่ เขิน"

    "ตั้งดิสไลน์ดีกว่า"

    "พี่ฮยอกแจ…"

    "วอลเปเปอร์ด้วย"

    “โห

    ร่างเล็กดูตื่นเต้นกับรูปคู่รูปแรกที่ไอ้เด็กฮิปสเตอร์ยอมเซลฟี่ด้วย ถึงไวฟายโรงเรียนจะช้าจนอืดแต่รูปนั้นก็ถูกอัพลงไอจีในทันที

     

     

    eunhyukee44

     

    Location : อารมณ์ดีมาก ฝากร้านได้

     

    หน้าเป็นสีเดียวกับเสื้อแล้ว #nofilter

    @leedonghae

     

     

    อัพเสร็จก็หันมามองคนข้างๆที่ยกมือขึ้นเกาจมูกอย่างที่ทงเฮชอบทำเวลาอาย ถ่ายรูปเค้าฝ่ายเดียวมาตั้งนานก็เพิ่งเคยมีรูปคู่แบบเซลฟี่ แถมฟอลโล่เวอร์พี่ฮยอกแจจะทะลุสองแสนอยู่แล้วไม่ให้เขินได้ไง

    ไม่อยากรู้ฟีดแบคอะไรทั้งนั้น ทงเฮจะไม่ไลค์ด้วย เขิน …แต่ยังไม่ทันที่ร่างหนาจะได้พูดอะไร

     

    "กรี๊ดดด"

    เสียงแหลมสูงก็ดังขึ้นจากกลุ่มเด็กสาวที่นั่งอยู่ห่างไปไม่ไกล พวกเธอแย่งสมาร์ทโฟนกันไปมา แอบมองมาที่เค้าทั้งคู่เล็กน้อยก่อนจะหันไปกรี๊ดกันเองต่อ

     

    อ่อ...ฟีดแบค

    แบบนั้นน่ะเอง

     

     

    |

     

    |

     

     

    “อาจารย์จองซูคะ คือ การแสดงงานเกษียณเย็นนี้น่ะค่ะ”

    “ครับ ทำไมครับ”

    “ยังขาดคนแสดงอีกคนหนึ่งค่ะ”

    “ชุดรำสุโขทัยก็ครบแล้วไม่ใช่เหรอครับ”

    “ไม่ใช่ค่ะ มีโชว์ไฮไลท์อีกชุด เพิ่งเพิ่มเข้าไป... แล้วอยากให้อาจารย์ร่วมแสดงด้วยค่ะ”

    “ผมเนี่ยนะครับ”

    “ค่ะ เป็นเอลซ่าค่ะ”

    “อะไรนะครับ...”

    “เอลซ่าค่ะ เอลซ่า frozen”

    “ไม่ครับ” คุณดูลุคผมนิด นี่อาจารย์ฝ่ายปกครองอันน่าเกรงขาม มาดสุขุมนุ่มลึกเต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือ เป็นที่นับหน้าถือตาของอาจารย์และบุคลากร นักเรียนทุกคนในโรงเรียนต้องยำเกรง

    “แต่ต้องเป็นอาจารย์จริงๆนะคะ”

    “ทำไมครับ”

    “อาจารย์ฮีชอลที่แสดงเป็นอันนาบอกว่าต้องเป็นอาจารย์จองซูเท่านั้นค่ะ”

     

    อาจารย์ฮีชอล

    เป็นอันนา…

     

    แถมยังบอกว่า

    ต้องเป็นปาร์คจองซูเท่านั้น

     

    อาจารย์ฮีชอล...

     

    “ห้องแต่งตัวไปทางไหนครับ”

     
     

    |

     

    |

     

     

     

    “ช่างแต่งหน้ายังไม่ว่างเลยค่ะอาจารย์ ต้องรอแปบนึงนะคะ”

    “ไม่เป็นไรครับผมแต่งได้ เดี๋ยวผมแต่งเอง”

    “แล้วอาจารย์จองซูที่ยังมาไม่ถึง”

    “ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้”

    คิมฮีชอลหันไปมองชุดเอลซ่าสีฟ้าระยับไปด้วยกลิตเตอร์ที่แขวนเตรียมไว้ก็อดขำออกมาไม่ได้ นึกภาพในหัวยังตลกขนาดนี้ รับรองว่าโชว์นี้จะตราตรึงไปตลอดชีวิตหลังเกษียณของผอ.อย่างแน่นอน

     

    ก๊อกๆ

     

    ประตูบานเลื่อนถูกเคาะเบาๆ กระจกเคลือบทึบสามารถมองเห็นได้จากด้านในเท่านั้น ทำให้คิมฮีชอลรู้ทันทีว่าเหยื่อมาถึงแล้ว

     

    ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปแกล้งเค้าทำไม อาจจะเพราะเห็นผู้ชายระเบียบจัดแบบนั้นแล้วนึกหมั่นไส้มั้ง อาจารย์ฝ่ายปกครองนี่ทำไมต้องมีลุคเหมือนๆกันไปหมดน่าเบื่อจะตาย อีกอย่าง คิมฮีชอลน่ะรู้สึกได้ ว่าตาคมนิ่งๆภายใต้กรอบแว่นของผู้ชายคนนั้นมักจะสบสายตาเค้าโดยบังเอิญบ่อยๆไม่ว่าจะเจอที่ไหน

     

    แน่นอน คิมฮีชอลไม่ใช่เด็กอนุบาลที่จะไม่รู้ว่าปาร์คจองซูกำลังสนใจ

     

    ตั้งแต่เข้ามาทำงานใหม่ๆแล้ว แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรซักที แสดงว่าคงเป็นพวกขี้อายพอตัว ไม่เห็นเก่งเหมือนเวลาตามดุเด็กผิดระเบียบเลย ไม่ใจนี่นา

     

    ร่างบางค้นพบว่ามันตลกดีที่ได้จับผิดผู้ชายคนนั้นเวลาแอบเข้าหาเค้าแบบพยายามเนียนแต่ไม่เนียน อย่างเช่นปั่นจักรยานวนไปมารอบๆตึกที่เค้ากำลังสอน หรือเข้ามาตรวจระเบียบนักเรียนห้องที่ฮีชอลเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาบ่อยกว่าห้องอื่น ผลคือเด็กพวกนั้นแทบจะก่อกบฎประท้วง ตามด้วยคำสาปส่งที่ฮีชอลอยากจะอัดเสียงแล้วไลน์ส่งไปให้ปาร์คจองซูฟัง

     

    ใช่ พูดถึงไลน์ สิ่งนี้แหละที่ทำให้ฮีชอลมั่นใจว่ากำลังโดนจีบแต่อยากทำเป็นไม่รู้ไม่ read ซะเหลือเกิน

    จากกรุ๊ปอาจารย์ของโรงเรียนที่เอาไว้นัดประชุม ปาร์คจองซูทำเนียนแอดเค้ามาจากลิสต์ในนั้น และทุกเช้าหน้าไลน์จะเด้งขึ้น ชื่อเดิม คำทักทายเดิม

     

    รูปวิวโทนสีส้มพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า

    ตัวหนังสือฟ้อนเอียงตวัดเป็นคำว่า...

     
     

    แก่สุดจะทน

     

     

    "เอ่อ..." ร่างโปร่งแทรกตัวเจ้ามาในห้องก่อนจะมองไปรอบๆด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ชุดสำหรับโชว์ถูกแขวนเตรียมไว้รอบห้อง แต่ก่อนที่สายตาคมจะหาชุดเอลซ่าของตัวเองเจอ คิมฮีชอลก็หยัดตัวลุกขึ้นไปหาเค้าเสียก่อน

     

    "ช่างแต่งหน้ายังไม่ว่างเลยครับอาจารย์ เดี๋ยวผมจัดการให้แล้วกัน" ริมฝีปากบางเคลือบลิปกลอสสีชมพูเอ่ย คิมฮีชอลแต่งหน้าให้ตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ใส่วิกผมเปียเท่านั้น ตอนนี้ใบหน้าหวานถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางค์จนสวยคมยิ่งกว่าผู้หญิงกำลังยิ้มหวานให้ผู้ชายตรงหน้า ที่ดูเหมือนจะ

     

     

    เหมือนจะ กำลังวิ่งหนี

     

     

    "เห้ยคุณจะไปไหน"

     

    "อาจารย์จองซูหยุดนะ"

     

    "ถ้าก้าวออกไปผมพังจักรยานคุณแน่" ขัดตามานานละไอ้จักรยานแก่ๆเอี๊ยดอ๊าดนั่นอ่ะ

     

    "ผ...ผมไม่อยากแสดง"

    "แล้วคุณมาทำไม"

    "...ก็"

     

    มาเพราะคุณน่ะ คุณฮีชอล

     

    "แสดงว่าคุณตัดสินใจไปแล้วว่าจะแสดง และคุณต้องแสดง"

    "ทำไมต้องเป็นผมด้วย" ร่างโปร่งโอดครวญ ปาร์คจองซูรู้สึกหมดแรงอยากจะทรุด ตรงหน้าเค้าคืออาจารย์คนสวยที่แอบชอบ นี่คือการสนทนาตัวต่อตัวครั้งแรก และน้ำเสียงของทั้งคู่อยู่ในระดับโต้เถียง อีกทั้งเรื่องที่เถียง ยังเป็นเรื่องเอลซ่ากับอันนา

     

    นี่มันเฟิร์สอิมเพรสชั่นบ้าอะไรกัน

     

    "เพราะผมชอบอันนา" คำตอบสั้นๆทำให้อาจารย์ฝ่ายปกครองมาดขรึมขมวดคิ้วงง

    "แล้ว?"

    "ผมเลยเป็นอันนา"

    "แล้วเอลซ่า?"

    "ก็ผมชอบน้อยกว่า คุณเลยต้องเป็น"

    "คุณชอบเอลซ่ามั๊ย"

    "ผมชอบอันนา"

    “แล้วเอลซ่า-

    “ก็คุณไง!

     

    โอเคปาร์คจองซูยอมแพ้ ไม่ใช่ว่าเหนื่อยจะเถียง แต่ยืนมองหน้าสวยๆนั้นนานแล้วรู้สึกขาอ่อน คือขนตาแน่นมาก มาเป็นแพ ขืนกระพริบตาอีกทีอาจจะฟาดโดนหน้าจองซูได้ กลัว

     

    "นั่งลง" เสียงหวานเอ่ยเบาๆ แต่ปาร์คจองซูกลับยอมทำตามแต่โดยดี นึกเกลียดตัวเองที่จู่ๆก็ว่านอนสอนง่าย เห็นหน้าสวยๆดุแล้วใจมันละลาย เค้าสั่งให้ทำอะไรก็ทำ

     

    คิมฮีชอลแตะนิ้วที่ปลายคางของร่างโปร่ง ก่อนจะเอียงใบหน้าของปาร์คจองซูซ้ายขวาเพื่อสำรวจโครงหน้าและสีผิว

     

    มัวแต่ยืนเถียงกันจนไม่ทันสังเกตว่าวันนี้อาจารย์ฝ่ายปกครองมีบางอย่างแปลกไป จากที่เคยแต่งตัวเป็นปูชนียบุคคลเดินไปเดินมา วันนี้กลับมาด้วยแฟชั่นแนวใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับบังเอิญเปิดลิ้นชักที่บ้านแล้วเจอไทม์แมชชีนมายุคปัจจุบัน

     

    ก็...ดูดีพอใช้ได้

     

    ขัดใจแว่นนิดหน่อย คือกรอบทรงนี้นี่ไปขุดมาจากสวนกล้วยหลังบ้านเหรอ โบราณสุด คิมฮีชอลหรี่ตาไม่พอใจ

     

    "เห้ยคุณ" ปาร์คจองซูโวยวายเมื่อมือเล็กฉวยถอดแว่นของเค้าออกอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่ร่างโปร่งจะยันตัวลุกขึ้น ก็ถูกคนสวยตรงหน้ากดไหล่ลงนั่งที่เดิม

     

    "ผมมองไม่เห็นนะ"

    "สั้นหรือยาว"

    "สั้น"

    "สั้นเหรอคุณอ่ะ"

    "สั้นมาก"

    "กี่นิ้ว"

    "ห้านิ้ว"

     

    ...เอ๊ะทำไมมันสองแง่สองง่าม

     

    เปล่า ฮีชอลแค่ชูห้านิ้วหน้าปาร์คจองซูเพื่อทดสอบ ไม่มีอะไร

     

    "สายตาสั้นนะคุณ ไม่ได้บอด เห็นอยู่แค่เบลอมาก" ไม่บอกก็เชื่อ เพราะตอนนี้ปาร์คจองซูกำลังหรี่ตาปรือๆอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ น่าสงสารแต่จ้องนานๆก็ขำ

     

    "ขำอะไรครับ"

    "หน้าคุณดูหิวอาหารอ่ะ55555"

     

    ฮีชอลยกมือขึ้นปิดปากกลั้นขำก่อนจะหันไปเลือกสีรองพื้น ตอนนี้บ่ายสองโมง เหลือเวลาก่อนแสดงอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่ง สบายมาก

     

    ของเหลวสีเนื้อถูกบีบเป็นวงกลมบนหลังมือขาว ปลายนิ้วเรียวเหมือนผู้หญิงแตะเนื้อรองพื้นไปป้ายบนผิวหน้าของปาร์คจองซูเบาๆห้าจุด ฟองน้ำแต่งหน้าหมาดน้ำบรรจงเกลี่ยไปมาบนผิวหน้า

     

    ปาร์คจองซูหลับตาโดยอัตโนมัติ

    สัมผัสนุ่มนิ่มบนใบหน้าสลับไปมาระหว่างแปรงแต่งหน้ากับปลายนิ้วเล็ก แน่นอนว่าเค้าชอบสัมผัสอย่างหลังมากกว่า บางจังหวะก็แอบปรือตามองคนตรงหน้าเล็กน้อย ถึงจะเห็นแบบเบลอๆแต่นั่นก็ยิ่งทำให้ปาร์คจองซูรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน สรุปตอนนี้นอนกลางวันอยู่ในห้องปกครองรึเปล่าเริ่มไม่แน่ใจ

     

    คิมฮีชอลไล่มองไปยังลิปติกสีต่างๆในกล่องอย่างชั่งใจ คือบนหน้าตอนนี้ก็แน่นมากแล้ว แน่นจนตลก อีกนิดก็ใส่ชฎาขึ้นรำได้เลย นึกสงสารขึ้นมานิดหนึ่งที่คนสายตาสั้นยังไม่สามารถมองเห็นตัวเองได้ในตอนนี้ ไปเห็นอีกทีคงเป็นรูปบนบอร์ดกิจกรรมกลางโรงอาหาร …ช่างเป็นเรื่องโหดร้ายเหลือเกิน แต่ฮีชอลตลกจัง ชอบ เอาอีก

     

    จะไปแล้วก็ไปให้สุด

    คิดแค่นั้นก่อนจะหยิบลิปสติกสีน้ำเงินขึ้นมาพร้อมกับกดยิ้มสนุกสนาน

     

    และแล้วเอลซ่าในตำนานก็ถือเนิดขึ้นด้วยน้ำมือของอาจารย์คิมฮีชอล

     

     

    |

     

    |

     

     

    hyukjae : เรียนเสร็จแล้ว อยู่ไหนอ่ะ

    LEEDONGHAE : ลานอเนกประสงค์ ข้างเวทีเลย

    hyukjae : โอเคๆเดี๋ยวเค้าไปหา

    LEEDONGHAE : ซื้อนมเปรี้ยวไว้ให้ด้วย

    hyukjae : เย้

     

    อีฮยอกแจเก็บไอโฟนใส่กระเป๋าก่อนจะรีบก้าวเร็วๆไปยังลานอเนกประสงค์ งานเลี้ยงอำลา ผอ. ถูกจัดขึ้นในรูปแบบงานเลี้ยงโต๊ะจีนธรรมดา แขกก็พวกอาจารย์และบุคคลากร มีเวทีการแสดงอยู่ด้านหน้าสุด โชว์ก็คงหนีไม่พ้นพวกรำสุโขทัยอะไรแบบนั้นน่าเบื่อจะตาย นี่แค่อยากมาหาทงเฮแค่นั้นแหละ

     

    “ทงเฮฮฮ”

    “วิ่งทำไมเนี่ยเดี๋ยวล้ม” ทำไมชอบทำตัวเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลย ต้องให้ดุ

    “หิวนมเปรี้ยว”

    “ก็เห็นหิวทุกอย่างอ่ะ5555

    “ไอ้เด็กนี่”

    “อ่ะๆกินๆ” คนน่ารักรับนมเปรี้ยวไปดูดก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆแฟน บนเวทีมีการแสดงรำบางอย่างอยู่ซึ่งฮยอกแจก็ไม่ได้ให้ความสนใจ แต่เงาตะคุ่มๆบางอย่างหลังเวทีก็ทำให้ใบหน้าหวานขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

     

    เมื่อกี๊รู้สึกเหมือนเห็นอะไรฟ้าๆยังกะเอลซ่า

     

    บ้าไม่มั้ง

     

    “งานจบกี่โมงอ่ะทงเฮ ไปกินข้าวไหนกันดี”

    “มีอีกโชว์นึงก็จบแล้วมั้ง พี่ฮยอกแจหิวรึยัง”

    “นิดหน่อย เค้ารอได้” ริมฝีปากบางกดยิ้มก่อนจะดูดนมเปรี้ยวในมือต่อ แต่เมื่อหันไปมองบนเวทีอีกครั้งก็ถึงกับสำลักพ่นของเหลวออกมาจนเลอะเทอะ

     

    เดี๋ยวนะ

     

    ทำนองแบบนี้

     

    “และเซอร์ไพร์ซสุดท้าย โชว์ let it go ค่าาา”

     

    ไม่จริงอ่ะ

    “แค่กๆๆ ทงเฮนั่น นั่น” อีฮยอกแจเขย่าแขนคนข้างๆอย่างแรงแต่เสียงกดชัตเตอร์ของอีทงเฮก็ยังไม่หยุด ถ่ายรัวในระดับที่ว่าเอาภาพมาต่อกันน่าจะได้คลิปวีดิโอ

     

    ก็ดูเอาเถอะ เอลซ่ากับอันนาบนเวที

    นั่นอาจารย์ฮีชอล กับอาจารย์จองซู

     

    “โอ้ยช่วยด้วย5555555555555555555555555555555

     

     

    |

     

    |

     

     

    ปาร์คจองซูทาปากสีน้ำเงิน

    ใส่ชุดสีฟ้า พราวไปด้วยเกล็ดกลิตเตอร์วิบวับ

    และโดดเด่นที่สุด ด้วยวิกผมยาวสีน้ำเงินที่แม็ทช์กับสีปาก…

     

    ทั้งหมดนั้น ปาร์คจองซูไม่รู้ตัว เค้าได้แค่หรี่ตามองพื้นข้างหน้าให้ชัดที่สุดเพื่อไม่ให้ตกเวที แล้วขยับตามร่างบางข้างๆอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว แอคติ้งของอันนาระดับฮอลลีวู้ด เค้าเห็นเงารางๆนั่นเต้นดุ๊กดิ๊กเหมือนกับตัวการ์ตูนไม่มีผิด แต่พอขยับตามแล้วกลับอยากร้องไห้ นี่ปาร์คจองซูมาทำบ้าอะไรบนนี้ ได้ยินเสียงรีแอคชั่นจากด้านล่างก็รู้แล้วว่าตัวเองเป็นจุดสนใจมากแค่ไหน หมดกันชื่อเสียงที่สั่งสมมา วินาทีนี้คือย่อยยับ

     

    อาจารย์ฮีชอลใจร้าย

     

    “คุณมานี่ๆ” เมื่อเห็นว่าเอลซ่าเก้ๆกังๆเหลือเกิน คิมฮีชอลก็ดึงให้มาเต้นรำด้วยกันทันที

     

    “มีความสุขเหลือเกินนะคุณ” ปาร์คจองซูตะโกนแข่งกับเสียงเพลง

    “คุณหยุดปรือตาได้ป่ะ โคตรตลก55555555

    “ก็มองไม่เห็นอ่ะ อย่าปล่อยมือนะ เดี๋ยวผมตกเวที”

    “อุ๊ยๆหลุดมือ”

    “คุณฮีชอล!

    “เห้ยคุณ ส่ายก้นกัน ท่อนฮุคละ” มือเล็กจัดท่าให้ปาร์คจองซูหันหลัง ก่อนจะเริ่มส่ายเอวไปในทางเดียวกันในท่อนฮุคของเพลง เสียงโห่ร้องดังขึ้นเป็นสิบเท่าทันที จุดพีคมันอยู่ตรงนี้

     

    ร่างโปร่งเริ่มไม่สนใจเสียงโห่แซวอะไรทั้งนั้น พยายามหลับหูหลับตาเต้นๆให้มันจบเพลง

     

    “จะจบได้รึยังงงง!

    55555555555555555555555

    “ช่วยด้วย! ที่นี่ไหน!”

    “คุณมานี่55555555” อันนาหลุดบทไปแล้วเรียบร้อย ตอนนี้สภาพคิมฮีชอลไม่ต่างกับคนดูด้านล่าง หัวเราะจนแทบร้องขอชีวิต ปาร์คจองซูไม่ได้เล่นตามบทแม้แต่นิด ไม่เหมือนเอลซ่าแต่เหมือนคนบ้า

     

    Let it gooooooooo~ Let it gooooooooo~” ปาร์คจองซูแหกปากลั่น เล่นเอาฮีชอลลงไปกองกับพื้น เป็นอะไรวะอยู่ดีๆก็อินเหรอ

     “Can’t hold it back anymoreeee~” เห็นด้วยมาก ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งได้อีกแล้วจริงๆ ฮีชอลมองคนไม่ผิด เห็นนิ่งๆเนี่ยแหละข้างในแม่งบ้า

    “คุณใจเย็นนะ5555555อีกท่อนเดียวจบแล้ว”

    “ไม่รู้แล้ว! ผมไม่รู้แล้ว!

    “ฮือ555555555555555555

     

    ท่อนสุดท้ายฮีชอลบอกไว้ว่าให้หมุนตัวแล้วหันกลับมาเกี่ยวแขนกัน ปาร์คจองซูยังมีสติพอจะจำได้ และเริ่มหมุนตัวไปรอบๆโดยไม่ได้สนใจชายกระโปรงของตัวเอง

     

    “เห้ยคุณ!” อันนาที่กำลังจะหมุนตัวอยู่ข้างๆเหลือบเห็นพื้นเวทีถึงกับตะโกนออกมา พื้นเวทีที่เป็นไม้แผ่นหนึ่งมันเผยอขึ้นมาแถมไม่มีพรมปิด ชายกระโปรงของเอลซ่าเกี่ยวเข้าอย่างจัง

     

    และคงไม่ต้องเดา…

     

    แคว่กกก!!!

     

    “เกิดอะไรขึ้น!!” ร่างโปร่งร้องเสียงหลง รู้สึกเย็นวาบที่ช่วงล่างและเสียงกรีดร้องรอบกายก็ดังขึ้นอย่างโหยหวน

     

    “พี่ฮยอกแจอย่าดู!!

    “โอ้ยเค้าเผลอมองไปแล้ว โอ้ย5555555555555555

    “รยออุคมึงยังถ่ายคลิปได้ไง ใจแข็งสัดๆ55555555555

    “อ้าวน้องอุคมาตั้งแต่เมื่อไหร่5555555555

    “แฟนแคมเราต้องชัดที่สุด”

     

    “ปาร์คจองซู! มานี่!” อันนารีบกลั้นขำก่อนจะเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ คือตอนนี้เข้าขั้นอนาจารแล้วนะ กลัวโดนไล่ออกอยู่เหมือนกัน

    “อะไรอ่ะเกิดไรขึ้น”

    “กอดผมไว้ๆ”

    “ทำไมต้องกอดด้วย” บ้าเหรออยู่ดีๆให้กอด คิดอะไรกับเราป่ะเนี่ย

    “จะเอากระโปรงบังกางเกงในคุณให้ อยากโชว์เหรอ”

    “เห้ยกกนโผล่เหรอ!!!

    “เออน่ะสิ55555555555555” ปาร์คจองซูช็อคหนัก รีบกอดอันนาแน่นทันที กระโปรงสีดำของฮีชอลถูกดึงมาปิดช่วงล่างเพื่อลดความอนาจารลง แล้วทั้งคู่ที่กอดกันกลมก็ค่อยๆก้าวสั้นๆลงเวทีไปอย่างทุลักทุเล แต่เสียงโห่แซวยังคงดังตามหลัง

     

    “อาจารย์ฮีชอลช่วยชีวิตพวกเรา!!

    “บราโว่วววววววววววว”
    “วี๊ดวิ้วววววกอดกันไมอ่ะะะะะ”

    “เอลซ่ากะอันนาเหมาะกันดีนะค้าาาาาา”

     

     

    The cold never bothered me anyway…

     

     

    โชว์จบแล้ว

    อนาคตของปาร์คจองซูก็จบเช่นกัน

     

    ตอนนี้เอลซ่าเพิ่งได้แว่นคืน และหลังจากเห็นสภาพตัวเอง บอกได้คำเดียวว่า …ย่อยยับ รีบกระฉากวิกออกจากหัวแทบไม่ทัน สยองมาก แต่คนที่ขดตัวหัวเราะอยู่บนโซฟานี่สิ ต้องการอะไรครับ

     

    “พอแล้วมั้งคุณ” สงสารผมเถอะ

    “คุณสุดยอดมากอ่ะ55555555

    “สุดยอดกับทุเรศนี่ความหมายเดียวกันรึเปล่า”

    “ไม่555555 ผมยอมเลยอ่ะ555555555” ขอใจนะที่ชมกันขนาดนี้ ผมนี่ดีใจน้ำตาไหลพรากๆ หาทิชชู่เช็ดลิปสติกดีกว่า

     

    “มาๆเดี๋ยวผมช่วย” คิมฮีชอลถอดร่างอันนาออกแล้ว มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาจากการขำติดต่อกันอย่างยาวนาน รู้สึกผิดขึ้นมาตงิดๆเลยมาช่วยเค้าล้างหน้า

     

    “คุณนี่มีมิติดีนะ”

    “ยังไงครับ” ปาร์คจองซูไม่เข้าใจ

    “ก็ดูขรึมๆ แต่เอาเข้าจริงแล้วบ้ากว่าผมอีก5555555” เลิกชมประเด็นนี้ทีเถอะ ไหว้ล่ะ แค่นี้ก็อยากโดนธรณีสูบหายไปจากโลกแล้วครับคุณฮีชอล

     

    “ขอบคุณนะที่ยอมมาเล่นอะไรแบบนี้” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจพร้อมกับแตะบนบ่าของร่างโปร่งเบาๆ จริงๆก็โทษใครไม่ได้หรอกนอกจากปาร์คจองซูเองที่ตกลงปลงใจจะทำ แถมไปแหกปากเกินบทขนาดนั้นก็ถือว่าทำตัวเองล้วนๆ ช่วยไม่ได้ แค่เห็นฮีชอลขำแล้วมันก็แอบรู้สึกดี ต่อให้บ้ากว่านี้ก็จะทำ

     

    “ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

    “หนุกๆน่าคุณ อย่าคิดมาก5555” นี่หน้าผมดูคิดน้อยเป็นเหรอ ฮีชอลใจร้ายจริงๆเลย

    “เหนื่อยอ่ะคุณ” ปาร์คจองซูหมายความว่าแบบนั้นจริงๆ ใช้ชีวิตเรื่อยเอื่อยอย่างเรียบง่ายมานานไม่เคยลุกขึ้นมาทำอะไรหลุดโลกแบบนี้ นอกจากจะช็อคทางกายแล้วตอนนี้สภาพจิตใจรู้สึกไม่ปกติมาก สับสน

     

    อับอายสภาพตัวเอง แต่ก็ดีใจที่ได้ใกล้ชิดคนที่ชอบ

    สูญสิ้นแล้วซึ่งภาพลักษณ์ของอาจารย์ฝ่ายปกครอง แต่แค่เห็นฮีชอลยิ้มบ้างหัวเราะบ้างเพราะเค้า ก็รู้สึกดี

     

    สรุปว่าสุดท้ายคิมฮีชอลก็ชนะทุกอย่างสินะ

     

    “แต่ก็ ขอบคุณจริงๆนะคุณจองซู” ร่างบางเช็ดเครื่องสำอางค์ออกจากใบหน้าของร่างโปร่งหมดแล้ว กลายเป็นว่าตาคู่สวยกำลังสบตากับปาร์คจองซูอยู่นิ่งๆพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้คนโดนมองถูกสะกด

     

    “คุณโอเคเลย” หมายถึง คุณไม่ใช่คนจืดชืดอะไร แถมยังมีหลายมุมน่าสนใจ ผมโอเคที่จะคุยกับคุณ

     

    “เอาเป็นว่า อยากทำอะไรก็รีบทำนะ” หมายถึง หยุดแอบตามห่างๆได้แล้ว จะเข้าหาก็เข้ามาซักที

     

     

     

    “ไลน์ผมก็มีแล้วนี่ รออะไร”

     

     

    ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นอาจารย์หน้าสวยจะเสมองไปที่อื่นแล้วผละออกไป

     

    ทอดสะพานไปยันหน้าบ้านขนาดนี้แล้ว ถ้าปาร์คจองซูไม่ทำอะไรซักอย่างก็บ้า

     

     

     

    “ขออย่างเดียว เลิกส่งรูปอรุณสวัสดิ์มาทุกวันได้แล้ว ไม่งั้นผมบล็อค”

     

    อันนาใจร้าย

     

     

     

    |

     

    |

     

     

     

    ฤดูกิจกรรมผ่านไป ชีวิตปกติของเด็กมัธยมปลายก็กลับมา อันที่จริงเรียกว่ากลับมาไม่ได้ ต้องเรียกว่าถาโถม โหมกระหน่ำ ซ้ำถึงตาย เพราะเด็กมอหกที่นอกจากจะประสาทกินกับสอบไฟนอลแล้ว ยังมีนรกยิ่งกว่าคือแกทแพทที่ขึ้นสเตตัสคัมมิ่งแอคแทรคชั่นในอีกไม่กี่สัปดาห์

     

    "ฮยอกแจ จารย์ชอนอีเพิ่งไลน์บอกว่าเย็นนี้ติวฝรั่งเศสเลิกสี่ทุ่มนะ เอาชีทครั้งที่แล้วไปด้วย"

    "โหสี่ทุ่ม ตายแน่" ร่างบางที่กำลังเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าถึงกับหันมาอ้าปากค้างใส่เพื่อนสนิท

    "เออตายกันหมดเนี่ย จะร้องไห้555"

    "รถไฟฟ้าหมดกี่โมงอ่ะโบรา"

    "เที่ยงคืน กลับทันแหละ" คนถามพยักหน้ารับเบาๆ ตั้งแต่ขึ้นมอหกมาเค้าต้องหัดกลับบ้านเองเพราะว่าแม่ย้ายที่ทำงาน ปกติมีทงเฮมารอรับหลังเลิกเรียนพิเศษแล้วเดินไปสถานีรถไฟด้วยกัน เพราะที่เรียนพิเศษก็อยู่ตึกเดียวกันนั่นแหละ  แต่ช่วงหลังมานี้ตารางเวลาชีวิตก็ปั่นป่วนเพราะแกทแพทที่ใกล้เข้ามา จากติวเลิกแค่ทุ่มครึ่งก็ลากยาวเป็นสามสี่ทุ่มจนฮยอกแจต้องเอ่ยปากบอกให้ทงเฮกลับบ้านไปก่อนไม่ต้องรอ เพราะมอห้าเองก็มีสอบย่อยบ่อยเหมือนกัน ช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาจึงแทบจะไม่ได้เจอกันเลย

    "โอ้ย กระทิงแดงด่วน เมื่อคืนก็ตีสอง ข้อสอบเก่าแม่งเยอะชิบหาย" เวลาหลังเลิกเรียนแทบจะทั้งหมดถูกใช้ไปกับกองข้อสอบเก่าที่ต้องทบทวนย้อนหลังตั้งแต่แม่ยังไม่เกิด  บทบาทในโลกโซเชี่ยลของเน็ตไอดอลร่างบางลดลงกว่าเก่ามากจนแทบจะไม่ได้เข้าไอจี เวลาว่างของอีฮยอกแจน้อยลงจนเลือกทำได้ไม่กี่อย่าง และแน่นอนว่าระหว่างไอจีที่มีคนกดไลค์แค่ฉาบฉวยกับเด็กหน้ามึนในไลน์ เค้าเลือกใช้เวลากับทงเฮอย่างไม่ต้องคิด

     

    "เอียนตัวหนังสือมากอ่ะตอนนี้"

    "เออ เราก็จะอ้วกแล้ว" เด็กสาวที่มีตำแหน่งเป็นถึงกรรมการนักเรียนฝ่ายกิจกรรมมีใบหน้าซีดเซียวไม่ต่างกัน อีฮยอกแจเป็นที่รู้จัก มีเพื่อนมากมายก็จริง แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วคนที่จริงใจก็มีน้อยเช่นกัน เพื่อนที่สนิทจริงๆมีไม่กี่คน โดยเฉพาะโบราที่อยากเข้าคณะอักษรเหมือนกัน ตอนนี้จึงมีสภาพย่ำแย่จากการอดนอนทั้งคู่

     

    "แบตจะหมดอ่ะโบรา มีพาวเวอร์แบ้งค์ป่ะ"

    "ไม่มีอ่ะ ลืมเอามา"

    "ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวเสียบชาร์ตแปบ" ยังไม่ได้บอกทงเฮเลยว่าไม่ต้องรอไปกินข้าวเย็น แถมเลิกดึกอีกแล้ว วันนี้ก็คงไม่ได้เจอ

    "แต่ต้องรีบไปแล้วนะแก จารย์จะเข้าแล้ว"

    "โอ้ยยังไม่ถึงเปอร์เซ็นนึงเลย"

    "ไว้ไปชาร์ตในห้องก็ได้มั้ง ไปๆ"

    "เคๆ" ร่างบางถอดปลั๊กออกอย่างเสียไม่ได้ ถึงในใจจะแกว่งๆเพราะกลัวทงเฮจะเป็นห่วงแต่ก็ต้องเรียกสติกลับมาเพื่อตั้งใจเรียน

     

     

    |

     

    |

     

     

     

    ห้องเรียนผนังทึบสีครีมอัดแน่นไปด้วยโต๊ะเล็กเชอร์ นักเรียนชั้นมอหกกว่ายี่สิบชีวิตนั่งเหี่ยวเป็นซาก แบตอ่อนไม่ต่างจากไอโฟนของฮยอกแจ

     

    จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ชาร์ตแบต จน 5% ที่เหลือหมดไปนั่นแหละ

     

    สมาร์ทโฟนที่เคยใช้ประโยชน์สารพัดกลายเป็นแผ่นโลหะหนักๆที่วางนิ่งอยู่ในกระเป๋า อีฮยอกแจไม่มีเวลาถามหาพาวเวอร์แบ้งค์จากเพื่อนคนอื่นในคลาส อย่าว่าแต่หาปลั๊กไฟเลย แค่ทิ้งตัวแตะเก้าอี้ ชีทข้อสอบเก่าปึกหนาก็ส่งมาไม่หยุด ไม่มีเวลาแม้แต่จะหยิบแซนวิชขึ้นมาใส่ปากด้วยซ้ำ

     

    แล้วคลาสภาษาฝรั่งเศสโค้งสุดท้ายก็บรรเลงต่อเนื่อง มือขาวได้แต่จดยุกยิกอย่างรวดเร็วเพื่อตามให้ทันบทเรียนของมาดามหน้าห้อง ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า จนร่างบางแทบจะขุดหลุมลงนอนข้างๆเพราะขัอสอบดูดวิญญาณ

     

    เหนื่อย

    เหนื่อยมากเลย

     

     

     

    คิดถึงทงเฮ

     

    .

    .

    .

     

     

    22.08 PM

     

    ชีทหน้าสุดท้ายจบลง ปากกาไฮไลท์สีส้มก็ร่วงลงจากมือพอดี อีฮยอกแจพ่นลมหายใจออกมาอย่างหมดแรง รู้สึกเหนื่อยหอบยิ่งกว่าซ้อมหลีดมาทั้งชีวิต สมองบวมไปหมดแล้วอ่ะอยากจะบ้า

     

    มือขาวสั่นเล็กน้อยจากการเกร็งน้ำหนักเขียนหนังสือติดต่อกันหลายชั่วโมง แต่ก็ยังสามารถกวาดเครื่องเขียนหลากสีใส่กระเป๋าได้อย่างรวดเร็ว อีฮยอกแจควานหามือถือขึ้นมากดทันทีเพื่อเชคว่ามีมิสคอลหรือไลน์จากทงเฮบ้างมั๊ย แต่ใจก็ยิ่งแผ่วหนักเมื่อลืมไปว่าโทรศัพท์แบตหมดไปตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว

     

    ไม่ดีเลย ฮยอกแจรู้สึกไม่ดี

    เรียนดึกติดกันหลายวันแล้ว ไม่ได้เจอทงเฮ ถึงจะรู้ว่าคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่อย่างเด็กคนนั้นเข้าใจเหตุผลดี แต่เป็นเค้าเองที่คิดถึงจนแทบบ้า

     

    "ไหวมั๊ยแก" ใบหน้าใสที่มีแววเหนื่อยอ่อนพยักหน้าให้เพื่อนรักเบาๆ นักเรียนกลุ่มสุดท้ายเดินออกมาจากห้องอย่างเชื่องช้า ร่างบางหยิบสายชาร์ตออกมาหวังจะถามหาพาวเวอร์แบ้งค์จากเพื่อนคนอื่น แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นเงาของใครคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะข้างประตูห้องเรียน...

     

     

    “…ทงเฮ”

    “พี่ฮยอกแจ เลิกดึกจังเลยวันนี้”

     

    ใบหน้าคุ้นตายิ้มทัก อีทงเฮวางหนังสือลงทันทีก่อนจะลุกมาหาฮยอกแจ

     

    “เค้า…เค้าขอโทษ”

    “ขอโทษอะไร... พี่ฮยอกแจเหนื่อยรึเปล่า”

    “ทงเฮ”

    “เหนื่อยดิเนอะ ไม่น่าถามเลย นี่สี่ทุ่มแล้วกินข้าวรึยัง”

    เมื่อได้ยินแต่ประโยคแสดงความเป็นห่วง ร่างบางก็แทบจะร้องไห้ออกมาตรงนั้น โบราแตะไหล่เบาๆเชิงบอกลา โบกมือทักทายทงเฮเล็กน้อยก่อนจะเดินแยกออกไป

     

    “ขอโทษนะ เค้าไม่ได้ตอบไลน์ ไม่ได้บอกด้วยว่าเลิกดึก ขอโทษจริงๆ แบตมันหมดแล้วเค้ารีบมาเรียน ไม่มีพาวเวอร์แบ้งค์ด้วย”

    “ไม่เห็นต้องขอโทษเลย หน้าเค้าโกรธพี่ฮยอกแจตรงไหน ดูดิเนี่ย หน้าดีใจ ที่พี่ฮยอกแจเลิกเรียนแล้ว”

     

    "ติดต่อไม่ได้ก็เลยไปหาที่ห้อง เพื่อนพี่ฮยอกแจบอกว่าออกมาเรียนแล้ว เค้าเลยมานั่งรอ"

     

    "เป็นห่วงแทบแย่" คนเด็กกว่าระบายยิ้มออกมาพร้อมกับวางมือบนกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลแล้วโยกไปมาเบาๆอย่างที่ชอบทำ

     

    “ทงเฮโคตรบ้าเลย”

    “เอ้า ด่าเค้าอีก”

    “ถ้าเป็นแฟนคนอื่นเค้าโดนงอนโดนบอกเลิกไปแล้วทำตัวแบบนี้” เสียงเล็กสั่นๆเหมือนจะร้องไห้

    “แต่พี่ฮยอกแจเป็นแฟนทงเฮนะไม่ใช่แฟนคนอื่น”

    “ทงเฮทำให้เค้าดูงี่เง่า”

    “เดี๋ยวเค้างี่เง่าเป็นเพื่อน”

    “ไอ้เด็กบ้าหยุดกวนตีนนะ”

    “พี่ฮยอกแจก็หยุดทำหน้าหงอยดิ นี่ซื้อขนมมาให้เต็มเลย” ทงเฮชูถุงขนมขึ้นแล้วแกว่งไปมาราวกับหลอกล่อคนตรงหน้า แล้วมันก็ได้ผล

    “เอาของกินมาล่อเค้าเหรอ”

    “ใช่ นี่คัพเค้กเร้ดเวลเวด”

    “ฮือ เอามาาาา”

    “ลงจากตึกก่อนเหอะนี่ไฟดับจะหมดชั้นแล้ว”

    “ทงเฮเอาเค้กมาาาาา”

     

    ร่างบางทำหน้าหิวเค้กก่อนจะเดินตามทงเฮต้อยๆเข้าลิฟท์ไป พวกโบราคงเดินออกไปไกลแล้ว ทั้งอาคารมืดๆเหลือเพียงแค่ยามกับเด็กชายสองคน ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กที่ผนังสามด้านเป็นกระจกใส ประตูสีเทาค่อยๆปิดลง พร้อมกับมือเล็กของอีฮยอกแจถูกจับกระชับแน่นด้วยมืออุ่นของอีทงเฮ

     

    “แดงหมดเลย” เสียงทุ้มบ่นเบาๆ ก่อนจะยกมือขาวที่กุมเอาไว้ขึ้นมาสำรวจใกล้ๆ รอยแดงที่เกิดจากการกดทับด้วยปากกาบนข้อนิ้วโป้งและนิ้วนาง ถึงจะเป็นแค่รอยจางๆที่ไมได้สร้างความเจ็บปวดอะไรมากแต่ทงเฮก็ดูจะให้ความสนใจกับทุกอย่างที่เป็นพี่ฮยอกแจ

     

    “ไม่เจ็บหรอกทงเฮ” เจ้าของมือเอ่ยขึ้นก่อนจะพยายามลดมือให้กลับลงมาที่เดิม ไม่รู้ว่าหน้าขึ้นสีทำไมแค่โดนจ้องมือ อาจเพราะน้ำเสียงทุ้มนั้นแสดงถึงความเป็นห่วงอย่างเปิดเผยล่ะมั้งฮยอกแจถึงได้หน้าแดง

    ทงเฮชอบทำอะไรโรแมนติกออกมาโดยไม่รู้ตัว

     

    อย่างเช่นตอนนี้

     

    “…” อีฮยอกแจตัวนิ่งแข็ง เมื่อมืออุ่นของคนรักคลายออก ก่อนจะประคองมือเล็กให้แบขึ้นแล้วเริ่มกดนวดไปตามข้อนิ้วต่างๆอย่างแผ่วเบา ย้ำทุกสัมผัสด้วยความตั้งใจ…อบอุ่น และอ่อนโยน

     

    ข้อนิ้วโป้งบรรจงกดลงบนเรียวนิ้วเล็ก ก่อนจะบีบนวดเป็นวงกลมเบาๆเผื่อผ่อนคลาย ไออุ่นจากมือใหญ่แผ่ซ่านไปทั่วผิวกายที่สัมผัส ลามไปถึงทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ ทงเฮนวดอย่างใจเย็นทีละนิ้ว ทีละนิ้ว ไล่ตั้งแต่ข้อแรกที่ฝ่ามือ จนถึงส่วนปลายของนิ้วเล็ก เป็นจังหวะช้าๆอย่างตั้งใจ

     

    “ทำอย่างนี้ช่วยรึเปล่า..” ตาคมเลื่อนขึ้นมาสบตาฮยอกแจหลังจากมีสมาธิกับการนวดมือนิ่มอยู่ครู่หนึ่ง กดยิ้มเขินน้อยๆพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นราวกับไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นช่วยให้คนรักหายเจ็บมืออย่างที่ต้องการบ้างมั๊ย

    “อือ…” อีฮยอกแจมีแรงพูดแค่นั้น

     

    ลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่างแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้เดินออกมา ประตูหนาสีเทาเปิดออก และปิดลงโดยอัตโนมัติ ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆสะท้อนแสงสีส้มจากดวงไฟบนเพดาน นิ่ง เงียบ ราวกับคนทั้งสองผลัดหลงอยู่ในห้วงเวลา

     

    “เดี๋ยวซื้อปลอกปากกานิ่มๆมาให้ใส่นะ จะได้ไม่เจ็บ” ทงเฮพึมพำราวกับพูดกับตัวเอง ในหัวคิดไปเรื่อยว่าจะดูแลพี่ฮยอกแจได้ยังไงอีกบ้าง โดยไม่รู้เลยว่าอีกคนรู้สึกดีจนแทบจะร้องไห้ไปแล้ว

     

    “แล้ววันหลังเลิกดึกก็บอกเค้ารู้มั๊ย เดี๋ยวซื้อข้าวกล่องมาให้”

     

    ทงเฮลูบฝ่ามือขาวอย่างถนุถนอมเมื่อนวดครบทุกนิ้ว ประคองมือนั้นขึ้นมาใต้คาง ก่อนจะเป่าลมอุ่นรดเบาๆราวกับร่ายมนต์

     

    “…หายแล้วเนอะ”

     

    อือ หาย…

    หายใจแทบไม่ทัน

     

    “ป่ะ กลับบ้านกัน”

    ทุกการกระทำของอีทงเฮทำให้อีฮยอกแจรู้สึกเหมือนอยู่ในอ้อมแขนอุ่นๆตลอดเวลาแม้ว่าทั้งคู่จะไม่เคยกอดกันซักครั้ง ท่าทีนิ่งๆของร่างหนาทำให้เค้ารู้สึกสงบเวลาอยู่ใกล้ โลกที่เคยหมุนเร็วจนปั่นป่วนของอีฮยอกแจหมุนช้าลง โลกของทงเฮเองก็อาจจะหมุนเร็วขึ้นเมื่อมีรุ่นพี่นิสัยเด็กเข้ามาวุ่ยวาย จังหวะการใช้ชีวิตที่แตกต่างค่อยๆเรียนรู้ที่จะปรับเข้าหากันจนความสัมพันธ์ดำเนินไปบนความพอดี

     

    ดี... จนบางทีก็มีความสุขมากเสียจนแปลกใจว่าก่อนหน้านี้อีฮยอกแจยิ้มได้ยังไงโดยไม่มีผู้ชายคนนี้อยู่ข้างกาย

     

    "พี่ฮยอกแจเป็นไรอ่ะ"

    ทำคนเค้าเขินหน้าแทบไหม้ใจแทบหลุดออกจากอกยังยิ้มบื้ออยู่ได้ ไอ้บ้า

    ไม่รู้แล้ว ใจเต้นแรงขนาดนี้ต้องพูดอะไรซักอย่าง ทงเฮต้องรับผิดชอบ

     

    “ทงเฮ”

     

     

    “หือ”

     

     

    “เค้า…”

     

    “พี่ฮยอกแจเดี๋ยวลิฟท์หนีบ”

     

    คนจะโรแมนติกอย่าขัดได้มั๊ยล่ะ

     

     

    “ว่าไงครับ”

     

     

     

    “เค้า...รักทงเฮ”

     

    “...อารมณ์ไหนเนี่ย”

    หน้าจริงจังของอีฮยอกแจทำให้อีกคนอดยิ้มกว้างตอบกลับไปไม่ได้

     

    “อารมณ์รักทงเฮมากๆแบบมากๆ”

     

     

    “ครับผม” มืออุ่นเอื้อมมาวางบนกลุ่มผมนิ่มแล้วโยกซ้ายขวาเบาๆอย่างเอ็นดู

     

     

     

    “เค้าก็อยู่ในอารมณ์รักพี่ฮยอกแจมากๆแบบมากๆเหมือนกันนะ”

     

     

    .

    .

    .

    รัก

    แบบ

    มากๆเลย

     

     

     

     

    |

     

    |

     

     

     

    “เห้ยๆมุมนี้อีกรูปๆๆ”

    “เข้ามารวมกันดิทงเฮ รูปรวมห้องยังไม่มีมึงเลยนะ”

    “น้องครับ! น้องคนนั้นอ่ะ ถ่ายรูปให้พวกพี่หน่อย ขอบคุณครับบบ”

    “อ้าวไปหลบข้างหลังอีก ไอ้เวรทงเฮ มาข้างหน้า!

     

    ทงเฮยังกลัวกล้องเหมือนเดิม ร่างหนาหันไปตบหัวคยูฮยอนที่พูดมากสั่งนู่นสั่งนี่อยู่ได้แต่ก็ยอมมากอดคอถ่ายรูปรวมกันแถวหน้า ท่ากดล้งกดไลค์อะไร พศ. นี้เค้าไม่ทำกันแล้ว เพราะอยู่ดีๆชิมชางมินก็ตะโกนขึ้น

     

    “หัวเราะ!

    แล้วทุกคนก็บ้าจี้หัวเราะตามมันจริงๆ เริ่มจากรยออุคหัวเราะเสียงแหลม ที่เหลือก็หัวเราะเพราะตลกที่มันหัวเราะ แล้วก็หัวเราะตามกันไปเรื่อยๆเหมือนโรคระบาด ผลที่ได้คือรูปรวมห้องมอหกสดใสที่ทุกคนหน้าตาแฮปปี้แบบมีความสุขที่สุดในชีวิตอย่างเป็นธรรมชาติ

     

    พอถ่ายรูปรวมห้องเสร็จก็แยกย้ายกันไปถ่ายตามกลุ่มตามแก๊ง ทุกมุมในโรงเรียนนี่เก็บหมดไม่ให้พลาด อีทงเฮดูจะงานหนักเพราะโดนเรียกตัวไปกลุ่มนู้นทีกลุ่มนี้ที เป็นตากล้องประจำห้องต้องเข้าใจ

     

    วันสุดท้ายแล้วสำหรับการเป็นนักเรียนมอปลาย สามปีมันสั้น วันนี้มาถึงไวขนาดนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้

    บรรยากาศแห่งการจากลาไม่มีความเศร้าใดๆนอกจากเสียงพูดคุยหัวเราะที่ดังลั่นไปทั่วโรงเรียน อีทงเฮได้แต่ยิ้มแล้วมองผ่านเลนส์ พยายามเก็บความทรงจำทุกอย่างไว้โดยไม่อยากให้วันนี้จบลง

     

     

    |

     

    |

     

     

    วันนี้ D-Day

    เรียกอีกอย่างว่าวันปัจฉิมนิเทศ โอกาสสุดท้ายของนักเรียนมอหกที่จะได้ใส่ชุดนักเรียนมอปลาย

    แต่สำหรับฮยอกแจคือวันทงเฮ

     

    ร่างบางในชุดนิสิตคณะอักษรศาสตร์ เสื้อเชิร์ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สกินนี่สีดำทำให้อีฮยอกแจดูเพรียวจนแทบจะปลิว ใบหน้าหวานอมยิ้มให้กับกระถางต้นไม้ในมือก่อนจะหันไปจัดทรงผมตัวเองกับกระจกรถข้างๆ เส้นผมที่เคยเป็นสีน้ำตาลอ่อนเมื่อตอนมอปลายถูกกัดให้กลายเป็นสีบลอนด์อย่างที่อยากทำมานาน และมันก็เข้ากับผิวขาวจัดของเค้าจนดูดีไร้ที่ติ

     

    หลอกทงเฮ

    หลอกว่าไม่ว่างมาหาวันนี้ เจอกันอีกทีตอนมื้อเย็น

     

    แต่ตอนนี้อีฮยอกแจกลับยืนห่างจากกลุ่มนักเรียนมอหกพวกนั้นอยู่ไม่ใกล ก็แค่อยากเซอร์ไพร์ซเล็กน้อยเท่านั้นเอง

     

    “คยูฮยอน พี่จะเข้าไปละนะ” ร่างบางกรอกเสียงใส่โทรศัพท์

    “โอเคพี่ เดี๋ยวจัดการให้” รุ่นน้องในสายตอบรับอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะทำตามที่นัดแนะกันไว้ทันที อีฮยอกแจแค่ยืนรอจังหวะอยู่ใกล้ๆ

     

    “ทงเฮ อยากลองถ่ายบ้างอ่ะ สอนกูหน่อย” คยูฮยอนตีเนียนเข้าไปทำท่าสนใจกล้องในมือของเพื่อนสนิท อีทงเฮขมวดคิ้ว ร้อยวันพันปีมันเคยสนใจถ่ายรูปที่ไหน

     

    “ถ่ายรูปให้เราหน่อยย!” รยออุคเข้ามาเสริมทันทีอย่างรู้จังหวะ

    “เออ ก็กดเบาๆให้มันโฟกัสก่อน ขึ้นเขียวๆแล้วกดถ่าย”

    “แบบนี้ป่ะ”

    “เออ” โหย คยูฮยอนทำได้ง่ายนิดเดียว

     

    “มึงไปเป็นแบบบ้างดิ๊”

    “ทำไมต้องกู” ทงเฮเริ่มจะแย่งกล้องคืน แกล้งกูจังเรื่องกลัวกล้องเนี่ย เดี๋ยวแม่ตบหัวทิ่ม

    “กูอยากถ่ายรูปเพื่อนรักบ้างกูผิดตรงไหน นี่วันสุดท้ายแล้วมึงทำให้กูไม่ได้เหรอ ไม่รักกูเลยอีทงเฮตลอดสามปีที่ผ่านมาเห็นกูเป็นเพื่อนบ้างรึเปล่า”

    ไอ้สัดไม่เห็นต้องดราม่า555555555” ร่างหนาขำพรืดก่อนจะยอมเดินไปเป็นแบบให้ เกลียดหน้าตาดราม่าอีคยูฮยอน ถึงจะฮาร์ดคอร์ใส่กันมาสามปีแต่ก็หาเพื่อนสนิทรู้ใจมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

     

    “หนึ่ง”

     

    “สอง”

     

     

    “สาม!

     

     

    แชะ

     

     

    “เห้ย” อีทงเฮที่ยืนนิ่งๆอยู่เกือบจะเซล้มเพราะน้ำหนักที่กดลงมากระทันหันจากด้านหลัง ร่างบางที่จู่ๆกระโดดมาขี่หลังยิ้มจนตาหยี กอดคอทงเฮแน่น

     

    “พี่ฮยอกแจ!

    555555555อย่าล้มเชียวนะเค้าไม่ได้หนักขนาดนั้น”

    “เล่นอะไรเนี่ย5555555

     

     

    แชะๆๆๆ

    รัวเชียวมึงคยูฮยอน

     

     

    “นึกว่าจะไม่มาอะดิ”

    “ก็เห็นบอกไม่ว่าง”

    “ไม่ว่างได้ไงแฟนเรียนจบ”

    “พูดเป็นรับปริญญาเลย เพิ่งจบมอปลายเอง55555

     

    "อ่ะ ให้" ร่างบางก้มลงอุ้มกระถางต้นไม้ที่วางไว้มายื่นให้ เมื่อวันปัจฉิมของฮยอกแจ ทงเฮเอาขนมกับช็อกโกแลตมาทำเป็นช่อดอกไม้ให้เพราะรู้ว่าเค้าชอบของหวาน วันนี้ก็เลยลงทุนหาต้นแคคตัสออกดอกสีขาวมาให้ทั้งที่กลัวหนามตำจะตาย

     

    "ปลูกเองกับมือเลยนะ"

    "ขี้โม้"

    “จริง”

    “โม้”

    "ก็ได้ เค้าซื้อมาเมื่อวาน"

    "5555555"

    "แต่มีดอกด้วยนะ ดูสิ หายาก"

    "ครับๆ5555 ขอบคุณนะ" อีทงเฮมองต้นแคคตัสในมือก่อนจะเงยหน้ามาสบตาของคนรักอย่างมีความหมาย จริงๆแล้วมันไม่ใช่แคคตัสต้นเดียว มีอีกต้นเล็กๆอีกต้นที่ไม่ได้ออกดอกอยู่คู่กัน …อีฮยอกแจคงไม่รู้หรอกว่ามันทำให้ทงเฮอมยิ้มไปทั้งหน้าเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ

     

    แคคตัสต้นที่มีดอกชื่อฮยอกแจ

    ส่วนต้นเขียวๆธรรมดาที่ไม่มีดอกชื่อทงเฮ

     

     

    แชะๆๆๆ

     

     

    "พอแล้วมั๊ยมึง" เสียงกดชัดเตอร์ขัดอารมณ์โรแมนติกในโลกส่วนตัวจนอีทงเฮหันไปด่า นี่ถ่ายรัวขนาดนี้มึงจะทำภาพ gif เหรอ

     

    คยูฮยอนย่นคอหรี่ตาทำหน้าแซวแต่ไม่พูดอะไร ชี้นิ้วไปที่คนข้างๆ ...รยออุคถือกล้องวิดีโอ

     

    อัพเกรดนะมึง...

     

    "บ๊ายบายให้กล้องหน่อยจ้าบ่าวสาว"

    "พ่อมึงรยออุค"

    "บ๊ายบายย" พี่ฮยอกแจก็บ้าจี้ตามมันอีก

    "อัลบั้มพรีเว้ดดิ้ง by Gaemgyu จะลงไอจีก็แท็กเครดิตกูด้วย"

     

    อีพวกเวรนี่ไม่เคยเปลี่ยน

     

    ทงเฮเองก็เหมือนกัน จะอีกกี่ปีก็ยังเขินแฟนเหมือนเดิม

     

    มีเปลี่ยนอยู่แค่อย่างเดียว คือพี่ฮยอกแจ น่ารักขึ้นทุกวัน

     

    "เอากล้องมา กูจะกลับแล้ว"

    "จะไปอยู่กันสองคนอ่ะดิ"

    "เออมีแฟนก็ต้องอยู่กับแฟน"

    "โหวววววววว" เสียงแซวดังขึ้นพร้อมเพรียง พอเห็นรุ่นพี่คนดังกลับมาเยี่ยมโรงเรียน เด็กคนอื่นก็เริ่มมามุง ไม่เอาละ ทงเฮต้องรีบชิ่ง

     

    "ไปละๆ เจอกัน ...รยออุคนี่มึงยังไม่หยุดอีกนะ"

    "บายๆนะทงเฮ เราพูดมากไม่ได้เดี๋ยวเสียงเข้าแฟนแคม"

    "โว๊ะ5555555"

     

    "เจอกันมึง" ทงเฮสะพายกล้องโดยที่ยังถือกระถางแคคตัสไว้อีกมือ โบกมือลาคยูฮยอนและเพื่อนคนอื่นๆก่อนจะคว้ามือเล็กมากระชับแน่นแล้วเดินออกจากโรงเรียนไปด้วยกัน

     

    บรรยากาศยามเย็นที่อาคารสีขาวต่างสะท้อนแสงอาทิตย์สีส้มทำให้เกิดความรู้สึกโหยหาอย่างประหลาดทั้งที่ยังไม่ทันก้าวพ้นจากรั้วโรงเรียนด้วยซ้ำ ก็แค่คิดว่าตลอดสามปีมานี้มีเรื่องราวน่าจดจำเกิดขึ้นมากมาย เจอเพื่อนที่ดี หลายความทรงจำที่มีค่า และหนึ่งคนสำคัญที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอีทงเฮ

     

    มือที่กุมกันแน่นในตอนนี้ ...แทนความรู้สึกขอบคุณ

     

    "แปบเดียวก็จบแล้วเนอะ ปีที่แล้วเค้าก็รู้สึกแบบนี้" ร่างบางหันมายิ้มให้ มือที่กุมกันอยู่เริ่มแกว่งไปมาช้าๆอย่างมีความสุข ถนนตัดผ่านหน้าตึกเรียนทอดยาวอยู่เบื้องหน้าก่อนถึงประตูโรงเรียน ถนนเส้นเดียวกันนี้ที่ทงเฮเคยปั่นจักรยานมาแอบมองพี่ฮยอกแจตอนซ้อมลีดในสนามบอล

     

    ตอนนี้ร่างบางที่ดูไกลเดินเอื้อมคนนั้น อยู่ข้างๆทงเฮแล้ว

     

    "โห...นั่นจารย์จองซูเหรอ"

    "จำแทบไม่ได้อ่ะดิ เดี๋ยวนี้จารย์เค้าหล่อสุดในโรงเรียนแล้วรู้ยัง"

     

    อีฮยอกแจมองอย่างอึ้งๆก่อนจะวิ่งเข้าไปทักทาย

     

    "อีฮยอกแจ...สีผมเธอ..." จะไม่ทักเรื่องอื่นหน่อยเหรอครับ แหม

    "หวัดดีครับ จารย์หล่อขึ้นมากอ่ะ เสื้อเชิร์ตนี่คาลวินไคลน์ป่ะ สุดคูล"

    "หวัดดีครับอาจารย์" อีทงเฮเดินตามมา

    "มาด้อมๆมองๆรถคนอื่นเค้าอีกแล้วเหรอครับ" ร่างบางอดแซวเรื่องเก่าๆไม่ได้

    "ผิดแล้ว นี่รถอาจารย์เพิ่งถอยมาใหม่" อีฮยอกแจแทบจะยืมมือคนทั้งหมู่บ้านมาปรบมือให้อาจารย์ฝ่ายปกครองที่พัฒนาจากจักรยานแก่ๆมาเป็นรถญี่ปุ่นสไตล์โฉบเฉี่ยว

     

    "จองซู สมุดพกเด็กหนักอ่ะ" เสียงคุ้นหูดังขึ้นไม่ไกล ร่างบางของอาจารย์ฮีชอลกำลังกอดกองสมุดพกสีชมพูแนบอกเดินมาที่รถ

    "มาๆเดี๋ยวเค้าถือให้" ปาร์คจองซูรีบเข้าไปรับกองสมุดทั้งหมดนั้นมาถือเองทันที

    "แฟนดีจังเลยนะครับอาจารย์ฮีชอล" อีฮยอกแจเอ่ยแซว ทงเฮเล่าให้ฟังตั้งนานแล้วล่ะว่าในที่สุดอาจารย์ทั้งสองก็คบกันหลังจากจารย์จองซูตามจีบอยู่หลายเดือน เป็นประเด็นช็อคไปทั่วทั้งโรงเรียนเลยทีเดียว

     

    ถึงว่า หล่อขึ้นเพราะแฟนสวย

     

    "อ้าวฮยอกแจ เป็นยังไงบ้างไม่เห็นหน้าเห็นตาตั้งนาน”

    “เรียนอักษรเหนื่อยสุดอ่ะจารย์ นี่จะเป็นบ้าแล้ว”

    “อาจารย์บรรจุมาสอนประจำที่นี่แล้วนะ”

    “จริงงงงง มั่นคงแล้วเนอะทีนี้ แต่งเมื่อไหร่อ่ะ”

    “ไว้ก่อน นี่เพิ่งหลอกรถได้คันนึง เหลือบ้าน5555555

    “ฮีชอล

     

    ปาร์คจองซูเรียกสติแฟนเบาๆก่อนที่ฮีชอลจะวางแผนไปไกลกว่านี้ ส่วนทงเฮได้แต่ยืนขำ นี่คือบทสนทนาของลูกศิษย์กับอาจารย์จริงๆเหรอ หลับตาฟังนี่นึกว่าเพื่อนเก่า

     

    “อาจารย์ต้องรีบกลับก่อนอ่ะ วันศุกร์รถติด ไว้คุยกันๆ” คิมฮีชอลตัดบทก่อนจะหันไปหาคนขับรถส่วนตัวที่เปิดประตูรออยู่ก่อนแล้ว

    “กลับดีๆครับ เดี๋ยวไว้ลากทงเฮกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ”

    “ถ้าไม่โผล่มาล่ะน่าดู ไปละๆ”

    “บายครับบ” ทั้งคู่โบกมือพร้อมกัน

     

    เออ ก็น่ารักดีนะ อาจารย์จองซูดูอยู่ในโอวาทย์ดีอ่ะ ไม่เหมือนอีทงเฮแม่งกวนตีนเงียบ

     

    “แก่ไปทงเฮต้องเปิดประตูรถให้เค้าแบบนั้นนะ ชอบ”

    “ทำให้ทุกอย่างแหละ อย่าหลอกให้เค้าซื้อบ้านให้ก็พอ”

    “ไอ้บ้า5555555” อีฮยอกแจหัวเราะก่อนจะตีแขนร่างหนาด้วยความหมั่นไส้ ฟ้าเริ่มมืดลงอีกนิดแล้ว แต่ทั้งคู่ยังไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไป อยากเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ คุยกันไปเรื่อยๆ

     

    อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆ

     

    “นี่ ขึ้นมหาลัยแล้วห้ามหล่อขึ้นแล้วนะ” ฮยอกแจสั่งเสียงเข้ม

    “แล้วถ้าหล่อขึ้นเองอ่ะทำไง”

    “โอ้ยไอ้นี่” ยิ่งโตยิ่งกวนตีนหน้าตาย เกลียดมัน

    55555 พี่ฮยอกแจไม่ชอบมีแฟนหล่อเหรอ”

    “ไม่ได้ชอบแฟนหล่อ ชอบทงเฮ”

     

    น่ะ ไปไม่เป็น ตายดิ แน่จริงสู้ดิ โถ่ไอ้เด็กอ่อน

     

    “นิเทศกับอักษรอยู่ไกลกันจัง”

    “ที่พูดนี่คือจะให้ไปหาทุกวันใช่มั๊ย”

    “ใช่แล้ว”

    “ไม่มีปัญหาครับ” ทงเฮติดแฟน

    “ดีมากก” อีฮยอกแจยิ้มกว้างจนตาปิด แบบที่อีกคนชอบมอง

     

    มองพี่ฮยอกแจยิ้ม มีความสุขจะตาย

     

    “ชอบตอนนี้จัง” ร่างหนาเอ่ย พร้อมกับปลายนิ้วโป้งที่เกลี่ยไปบนหลังมือเล็กเบาๆอย่างอ่อนโยน ทงเฮชอบทำแบบนี้ มันแสดงถึงการทะนุถนอม เพราะพี่ฮยอกแจคือคนสำคัญที่เค้าอยากถนอมดูแลไปทุกวัน

    “เค้าก็ชอบ” ชอบเป็นคนที่ทงเฮดูแล

     

     

    “อยู่ด้วยกันไปนานๆนะพี่ฮยอกแจ” ทั้งวันนี้

    “อือ แน่นอนอยู่แล้ว” พรุ่งนี้

     

     

     

    “เรื่อยไปเลย”

     

     

     

     

     

    today,tomorrow,together

    fin

     

     

     

     

    อิ

    ตอนแรกกะแต่งสเปนิดหน่อย นี่ไม่นิดละ นี่ฟิคอีกเรื่อง

    เพลง DnE ดีเนอะ ดีมาก ดีที่สุดในโลกกกกก ร้อง

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยนา เราดีใจมากกับเม้น เราอ่านซ้ำๆ รักกกก

     

    #ทฮฮจ

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×