ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    short fic - 83line/HaeEun

    ลำดับตอนที่ #3 : #teukcin - snow white 02

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 58



    note : เพิ่งไปเจอว่าเคยลง google site เอาไว้ประมาณบทนึง ลืมสนิท55555 แต่ยกพล็อตหมดเลยนะคะ ลืมๆมันไปนะ เรามาเริ่มกันใหม่

     

     

     

     



    snow white. 02

     
     

    สีขาวสีขาว ราวสำลี

    พร้อมดูดซับราคีไว้กับตัว

    เจ้าเอ๋ยเจ้าหลับไหล

    ข้าฝากจุมพิตแก่เจ้าไว้ไม่นึกกลัว

     

    ริมฝีฝาสีสดจรดลงประทับบนริมฝีปากเย็นเยียบของบุรุษผู้หลับไหล พลันเสียงพัดหวีดหวิวรอบกายก็นิ่งสนิท แววตาวาววับปรากฎขึ้นบนดวงหน้าสวย กดยิ้มที่เปี่ยมด้วยความหวัง

     

    ตื่น เจ้าจงตื่นจากนิทรา

    กายาข้ารักษาจนหายฟื้น

    เนิ่นนานราวร้อยวันพันคืน

    รอเจ้าตื่น รอเจ้า เพียงผู้เดียว

     

    เรียวนิ้วยาวประคองใบหน้าคมที่หลับใหล ตาคู่สวยยังจ้องมองไม่ห่างด้วยใจที่เต้นระรัวอยู่ในอก เฝ้ารอกระทั่งลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดมือสะดุดเฮือก ก่อนที่เปลือกตาสวยจะค่อยๆเปิดขึ้นพร้อมกับร่างที่สั่นสะท้าน

     

    พลันที่พบแสงสว่างปาร์คจองซูก็หรี่ตาลงขมวดคิ้วแน่น แสงเปลวไฟเพียงเล็กน้อยจากปลายเทียนก็ทำให้รูม่านตาที่ปิดสนิทเป็นเวลานานบกพร่องได้ ร่างหนาแน่นิ่งไปพักหนึ่งเพื่อรอให้ประสาทสัมผัสทั้งหมดจะพร้อมทำงาน ตาคู่คมช้อนมองเจ้าของสองมือที่ประคองใบหน้าของตนไว้

    ชายรูปงามนิรนามผู้หนึ่งในชุดสีแดงดั่งโลหิต

     

    "สวัสดี..."

     

    เอื้อนเอย เอื้อนเอ่ยทักทาย

    หวังพบเพียงเจ้าชายที่ใฝ่หา

    ยามนี้เองปลุกเจ้าตื่นจากนิทรา

    หวังเพียงมาปลดปล่อยข้าจากโซ่ตรวน

     

     

               

                พายุหิมะพัดโหมกระหน่ำรุนแรงจนทิวต้นสนสลับซับซ้อนกลายเป็นฝ้าขาวว่างเปล่า ฝีเท้าก้าวจมลงไปบนพื้นเกล็ดน้ำแข็งหนาหลายนิ้ว สองมือกอดอกแน่นเพื่อรักษาอุณหภูมิอุ่นให้ร่างกาย ต่อสู่กับสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย ความหนาวเหน็บแล่นปะทะร่างบางอย่างเกรี้ยวกราด อดทนอีกเพียงนิดก็จะถึงบ้านไม้หลังแนวสนด้านหน้า ทว่าสายตาที่พร่าเลือนก็สะดุดกับรอยตำหนิสีแดงสดบนทางเบื้องหน้าเสียก่อน ใบหน้าสวยที่ถูกบดบังด้วยเสื้อขนสัตว์หนาชะงักงัน เงยขึ้นเล็กน้อยเมื่อสายตาไล่ตามรอยที่ว่านั่นไปจนสุด ปรากฎวัตถุสีดำคล้ายร่างมนุษย์ที่เกาะพราวไปด้วยปุยหิมะขาวจนแทบถูกกลืนกินไปกับผืนป่า คิมฮีชอลเบี่ยงฝีเท้าก้าวตามรอยซึมสีแดงนั่นไป แม้จะนึกหวาดกลัวแต่ทว่าหัวใจกับเต้นระรัวอย่างประหลาด ป่าร้างที่ห่างไกลผู้คนไม่มีสิ่งมีชีวิตเฉียดใกล้มาเนิ่นนาน …ทว่าไม่นานพอจะทำให้คิมฮีชอลหลงลืมคำสาปร้ายที่ติดตัว… และหนทางหลุดพ้นเหมือนกำลังกวักมือเรียกหาอยู่ตรงหน้า

               

     

     

    "น...น้ำ" เสียงแหบแห้งร้องขอ เพียงแค่นั้นร่างบางก็รีบผละออกมาหาให้ ความเงียบลงปกคลุมเพียงเวลาสั้นๆก่อนเสียงสั่นจะสานต่อบทสนทนา

     

    "ข้าอยู่ที่ไหน" แววตาแข็งกร้าวฉายแววฉงน ย้อนนึกลึกลงไปภายใน ความทรงจำตัดสลับซับซ้อนจนร้าวไปทั่วร่าง หากแต่ชัดเจนในทุกอณูกาย

     

                "เจ้าหลงมา ป่าลึกร้าง ห่างไกลคน" มือสวยรับถ้วยเซรามิคว่างเปล่าคืน ก่อนจะระบายยิ้มสวยอย่างเป็นมิตร หลังจากเฝ้ารักษาพยาบาลมาหลายสัปดาห์ สำหรับร่างบางแล้วชายผู้นี้ไม่ใช้คนแปลกหน้าอีกต่อไป แตกต่างจากผู้ฟื้นจากนิทราที่ไล่สายตาคมสำรวจชายรูปงามตรงหน้าอย่างพินิจสงสัย

     

                ไหล่บางตั้งตรงตัวแข็งทื่อ สายตานิ่งเย็นที่จ้องตรงมาราวกับตรึงรัดไม่ให้ขยับร่างไปไหน ลูกแก้วกลมใสในนัยน์ตานั้นสะท้อนเงาของตน ทว่าไร้ซึ่งความรู้สึกใด ดำสนิท ลึกลับซับซ้อนเกินกว่าจะใครจะคาดเดา

     

                “เจ้าเป็นใคร”

                “คิมฮีชอล” เพียงแค่สามพยางค์ ไม่มีประโยคอื่นใดขยายความบุคคลลึกลับตรงหน้า ผิวขาวละเอียดตัดกับสีแดงเลือดนกของผ้าต่วนที่สวมใส่บ่งบอกสถานะสามัญชน คงเป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาที่บังเอิญผ่านมาเจอร่างคล้ายศพของปาร์คจองซูเข้าเท่านั้น

     

     

    หิมะนุ่มทรุดตัวลงตามแรงกดเหยียบของร่างบาง รอยสีแดงฉานน่าขนลุกปาดเปื้อนไปทั่วจนตาคู่สวยต้องหรี่มองอย่างพิจารณา กระทั่งตระหนักว่าสายโลหิตยังคงไหลรินออกมาจากร่างไร้สติที่อยู่แทบเท้า มือเล็กที่สั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่นเอื้อมแตะบนกายของบุคคลนิรนามช้าๆ ปัดเกล็ดหิมะที่เกาะพราวออกหวังจะพยุงร่างนั้นขึ้นมา ทว่าเรี่ยวแรงมีน้อยเกินไป ภายใต้พรหมขาวที่บดบั้ง ปรากฎเกราะเหล็กที่ส่วมใส่ไว้ติดกาย ฝักดาบยาวยังคงถูกกำค้างไว้แน่นด้วยมือแกร่งที่แทบจะเป็นสีซืดขาวสนิท บาดแผลเหวอะหวะคายเลือดข้นจนสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนใบหน้า แต่ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรูปงามน่าจับใจน้อยลง พลันมือเล็กที่สั่นสะท้านก็เอื้อมไปใกล้ปลายจมูกคมเพื่อตรวจสอบลมหายใจ

    เพียงแค่ไออุ่นที่ผ่อนออกมาแผ่วเบาเท่านั้น เป็นดั่งแรงพลักพยุงให้ร่างเล็กใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีลากพาร่างหนาอันหนักอึ้งฝ่าม่านหิมะอันหนาวเหน็บมายังบ้านไม้หลังเล็กของตน หวังเพียงว่าร่างสิ้นสติที่รับน้ำหนักอยู่จะไม่ขาดลมหายใจจากไปเสียก่อน

     

                โลหิตแดงจำแลงรดหิมะขาว

                ซึมกลิ่นคาว ราวลิ้มรส น้ำผึ้งหวาน

                ประคองกาย หวังพาเจ้าพ้นทรมาน

                วอนวิญญาณอย่าชิงพราก ลมหายใจ

     

                ร่างหนาถูกพลิกพิงกับผนังไม้ เบื้องหน้าเป็นกองไฟร้อนที่ให้ความอบอุ่นภายในบ้าน คิมฮีชอลทรุดลงหอบหายใจด้วยความเหนื่อยแทบขาดใจ พลันสายตาเหลือบไปเห็นทางที่เดินผ่านมา สีแดงของโลหิตไหลซึมมาตามทางจนกลายเป็นรอยเท้าสีเข้มน่าขนลุก ตาคู่เล็กเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อความกลัวจุดขึ้นในหัว กลัวว่าหิมะหนานั่นจะดูดเลือดจากร่างที่หลับไหลจนโลหิตสูญสิ้นแล้ว  จึงได้ฝืนตัวเองเข้าไปพยาบาลให้บุรุษนิรนามอย่างรวดเร็ว อุปกรณ์เย็บแผลประยุกต์ใช้จากของใกล้ตัวที่พอมีติดบ้าน ลนไฟทำความสะอาดแล้วจึงบรรจงเย็บปิดปากแผลยาวด้วยมือที่เกร็งประหม่า สมุนไพรแห้งที่เก็บไว้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ตามสรรพคุณเพื่อยื้อชีวิตบุรุษผู้นี้เอาไว้ ด้วยความหวังบางอย่างที่ลุกวาวขึ้นภายใน

     

                จิตใจประหวาดหวั่น สั่นไหว

                ขอเพียงเศษเสี้ยวลมหายใจยังคงอยู่

                เจ็บเพียงไร จักรักษา คอยเฝ้าดู        

                แม้มิอาจรู้ เจ้าจะฟื้น ตื่นเมื่อไร

     

     

     

                “ยังเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า” น้ำเสียงใสไถ่ถามอย่างห่วงใย พลางช่วยพยุงร่างหนาที่ยังไร้เรี่ยวแรงให้ยันตัวขึ้น ปาร์คจองซูขมวดคิ้วเมื่อกล้ามเนื้อปวดแปลบจนเกร็งตัวแน่น ไหล่แกร่งเอนพิงกับพนังไม้เย็นราวกับไม่สามารถประคองร่างกายที่หนักดั่งหินให้ทรงตัวได้ รอยแดงปรากฎขึ้นทั่วกายหลังจากการนอนกดทับเป็นเวลานาน

     

                “ต้องการอะไร” เสียงเรียบเอ่ยถาม คิมฮีชอลชะงักงัน ก่อนจะช้อนตามองเจ้าของน้ำเสียงนิ่งด้วยแววตางงงวย

                “ที่ช่วยเจ้าน่ะหรือ”

                “เจ้าคงรู้ ว่าข้าเป็นใคร” แม้สงครามจะฝากบาดแผลไว้จนร่างกายเหวอะหวะ ทว่าตราประจำราชวงศ์บนเกราะเหล็ก และคมดาบสลักชื่อปาร์คจองซูที่ติดตัวมาคงช่วยระบุตัวตนของเขาได้ไม่ยาก จึงไม่แปลกที่การช่วยชีวิตครั้งนี้จะแฝงผลประโยชน์อะไร ปาร์คจองซูโตมาในสังคมเน่าเฟะแบบนั้น ที่ๆบุญคุณต้องทดแทนด้วยยศฐาและเงินตรา …นึกเสียดายที่หากตายไปเสียได้ก็คงดี ทิ้งอดีตแสนโสมมให้เลือนหายไป ให้การทรยศครานั้นเป็นเพียงแค่ความอัปยศครั้งใหญ่ที่ไม่มีใครจดจำ …ทว่าความจริงที่ปรากฎในยามนี้คือปาร์คจองซูยังมีลมหายใจ อาจจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ชายรูปงามชุบชีวิตเขาเอาไว้

               

    “ไม่หรอก ข้าไม่รู้ และไม่สำคัญว่าเจ้าเป็นใคร” ริมฝีกปากบางคลี่ยิ้มอย่างผ่อนคลาย เรียวนิ้วยกขึ้นเก็บปอยผมสีดำสนิทขึ้นทัดใบหู

     

               

     

                  ขาว ละเอียดขาว ราวหิมะ

                  เย็น ยะเยือกเย็น กว่าสิ่งไหน

    เป็นคำสาป ขังข้าไว้ห่างไกล

    หาสิ่งใด ลบล้าง ช่างลางเลือน

     

                มือบางบรรจงซับผ้าหมาดน้ำลงบนแก้มที่ฟกช้ำ เช็ดรอยเปรอะเปื้อนสีดำของเลือดที่แห้งกรังจนสะอาด ลมหายใจอุ่นร้อนพ่นออกมาจากปลายจมูกโด่งรั้นสม่ำเสมอ ทำให้อีกร่างที่เฝ้ามองอยู่อุ่นวาบขึ้นในอกอย่างประหลาด ชุดเกราะเหล็กทั้งหนาและหนักถูกปลดออกเพื่อรักษาบาดแผลฉกรรจ์บนกาย ฝักดาบยาวถูกวางข้างกันไว้ที่มุมห้อง แม้จะไม่คุ้นกับภาษามาเนิ่นนาน ทว่าตัวอักษรที่สลักไว้อย่างประณีตบรรจงบนแผ่นเหล็กนั้นฮีชอลจำได้ขึ้นใจ ชื่อของชายโชกเลือดผู้กลายมาเป็นความหวังอันสว่างสไวในชีวิตอันมืดมน

     

                ปาร์คจองซู

                 

    ทุกข์แสนทุกข์ทน ทรมาน

    เฝ้ารอปาฏิหาริย์ นานมา ทำนายไว้

    เพียงรักแท้หนึ่งเดียวจากดวงใจ

    จักละลายคำสาปไสยที่พันตรวน

     

     

     

    “ข้ารู้เพียงแค่เจ้าคือคนที่ข้าเฝ้ารอมาเนิ่นนาน เกินกว่าจะปล่อยให้ลมหายใจเจ้าดับวูบไป”

     

    หากนี่คือรักแรกพบ ก็คงเป็นการพบพานที่ฮีชอลถวิลหามาทั้งชีวิต

    หากชายที่ตนมอบจุมพิต จะสามารถคลายคำสาปหิมะที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดได้

    ขอเพียงแค่หัวใจของบุรุษตรงหน้ามอบความรู้สึกรักที่เหมือนกันกลับมา

     

     

    น่าเสียดายเพียงแต่ว่า

    ปาร์คจองซูไม่มีหัวใจ

     

     

    “งั้นหรือ” เจ้าของใบหน้าคมเอ่ยตอบ นัยน์ตาสีนิลจ้องลึกลงไปในแววตาใสประกายของคิมฮีชอลอย่างเฉยชา

    แค่นลมหายใจออกจากลำคอก่อนที่มุมปากช้ำจะกดยิ้มเย็น ศีรษะกลมขยับเข้าใกล้ประทับจุพิตแด่ร่างบางตรงหน้า… ร่างบางสะดุ้งตกใจเพียงนิด ก่อนเปลือกตาสวยของคิมฮีชอลจะปิดลงเพื่อรับสัมผัสหวาน ทว่าอีกด้านตาคู่คมยังคงมองตรงนิ่งราวกับสัมผัสอุ่นนุ่มที่ริมฝีปากไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกใด

     

    “ไว้ข้าจะตอบแทนให้ก็แล้วกัน”

     

     

    รอเฝ้าเพียงเจ้าชายมาชิดเชย

    ความรักเอย รักที่เจ้าเฝ้าใฝ่หา

    ยอมมอบพร้อมทั้งใจหมดกายา

    เพียงทว่า รักแท้... ไม่มีจริง

     

     

     

     

    tbc.

     

     

     

    -

    เราแต่งช้า แต่ก็อย่าเพิ่งทิ้งกันนะ555555

    #snowwhite83line 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×