ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] Hello soulmate [83lines - TeukCin]

    ลำดับตอนที่ #2 : ❥Hello soulmate -------- One

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.41K
      7
      27 พ.ย. 54

      


      - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

      

     

     

     

    ตั้งกี่เดือนมาแล้วก็ไม่รู้ ….

     

     

     

     

     

                    ท้องฟ้าสีนวลถูกฉาบทาด้วยแสงสุดท้ายแห่งดวงอาทิตย์ ปุยเมฆสีส้มเหลืองเรียงตัวเป็นริ้วบางๆไปทั่วผืนฟ้าที่เงียบสงบ แตกต่างกับความวุ่นวายบนท้องถนนที่คราคร่ำไปด้วยรถยนต์ต่างชนิดที่วิ่นแล่นตัดกันไปมาบนเลนสีเทา

     

                    ลูกไฟดวงกลมสีส้มแก่ค่อยๆลาลับหายไปกับทิวตึกสูงตระหง่าน

                   

                    เปลือกตาหนักค่อยๆปรือขึ้น ….รับวันใหม่

     

     

                    ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

                    เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์เครื่องเล็กหวีดร้องขึ้นในห้องสีแหลี่ยมสีควันบุหรี่

                   

                    ห่านนนนนนนนนนนนนนนน!! กูจะนอน......

                    ปาร์คจองซูสบถในฝันอย่างอยารมณ์เสีย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันยุ่งเมื่อเสียงจี๊ดประสาทนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ

     

    มนุษย์กลางคืนที่ขดตัวเหี่ยวอยู่ในผ้านวมผืนหนาค่อยๆออกแรงกลิ้งตัวไปมาเพื่อหาที่มาของเสียง ก่อนที่จะโผล่มือขาวออกมากดปิดเสียงรบกวน แล้วก้อนกลมๆบนเตียงก็นิ่งไปอีกครั้ง

     

                    สิบนาทีผ่านไป

     

                    กลุ่มผมสีน้ำตาลยุ่งก็มุดออกมาจากผ้าห่ม เปลือกตาสวยค่อยๆต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงปรือขึ้นมากลอกตามองไปยังนาฬิกาดิจิทัลบนหัวเตียง

                                                                                   

                    7:12 PM

     

     

                    แล้วเช้าวันใหม่ของปาร์คจองซูก็เริ่มต้นขึ้น วงจรชีวิตที่ผิดแปลกไปจากมนุษย์ปกติดำเนินติดต่อกันมานานหลายเดือนโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจอะไร

                    อิลลัสเตเตอร์หนุ่มอายุปลายหลักยี่สิบใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมแทปเลตตัวเก่งที่แทบจะได้เสียเป็นผัวเมียเพราะสอดใส่กันตลอดเวลา .... คือหมายถึงจับปากกา 

                    ห้องพักขนาดกลางบนคอนโดใจกลางเมืองที่พ่อแม่ซื้อไว้ให้ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยยังคงสภาพดี แม้จะถูกทิ้งร้างไปช่วงหนึ่งเพราะได้งานทำที่บริษัทใหญ่แล้วต้องย้ายไปอยู่ข้างนอก แต่สุดท้ายเค้าก็ต้องคลานกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในห้องสีเหลี่ยมนี่อีกครั้งเพราะเจ้าตัวเกลียดการทำงานที่ต้องอยู่ในกรอบ


    คนโสดตัวคนเดียวทำงานฟรีแลนซ์อยู่กับที่ไม่ค่อยได้ออกไปไหน เคยชินกับกิจวัตรประจำวันเพียงแค่ไม่กี่อย่าง แต่ปาร์คจองซูก็ไม่ได้อึดอัดอะไร

     

     

    จะมีก็แค่อารมณ์เปลี่ยวเหงาบ้างตามประสาคนเริ่มมีอายุ

     

     

                   
    ร่างโปร่งยันตัวลุกขึ้นก่อนจะโคลงหัวไปมา ยกมือขึ้นมาแคะขี้มูกก่อนจะเดินเสยผมไปเข้าห้องน้ำ

     

    หนุ่มติสต์กับห้องรกเป็นของคู่กัน แต่สำหรับปาร์คจองซูคงต้องใช้คำว่าจุดเริ่มต้นแห่งอารยธความสกปรกบนโลกนี้ทั้งปวง

     

    ร่างโปร่งใช้เท้าเตะกระป๋องเบียร์ที่กองเรี่ยราดบนพื้นไปให้พ้นทาง ก่อนจะเอื้อมมือลงไปหยิบกองบอกเซอร์เน่าๆบนพื้นขึ้นมาปั้นเป็นลูกกลมๆ สมมุติว่าเป็นลูกบาสก่อนจะหรี่ตาเก็กท่าเท่ห์เหมือนซีวอนวงเอสเจปาลงตระกร้าที่มีผ้ากองพะเนินเป็นทิวเขาสูงข้างตู้

     

    แล้วก็เหมือนทุกวัน ก้อนบอกเซอร์ชนเข้าฝาตู้ข้างๆก่อนจะตกลงมากระจัดกระจายยิ่งกว่าเก่า ไม่แม้แต่จะเฉียดเป้าตระกร้าผ้าที่เล็งไว้

                   

    ปาร์คจองซูกลอกตาอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะเดินตัวเหี่ยวเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน

     

    น้ำเย็นถูกสาดกระทบใบหน้าซีดขาว ก่อนเจ้าตัวจะยกมือขึ้นเสยผมให้หมาดน้ำเหมือนพระเอกโฆษณานีเวียร์ฟอร์เมน ผ้าขนหนูสีเข้มซับไปตามหยดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้าหล่อที่ไม่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่

     

     

                    ยื้อยังไง กูก็แก่อยู่ดี

     

     

     

                    กิจวัตรง่ายๆเสร็จลงภายในเวลาไม่กี่นาที ก่อนที่เวลางานจะเริ่มขึ้นที่หน้าจอคอม  

     




                    ภาพบนเจอแอลซีดีสะท้อนกับนัยน์ตาสีเข้มที่ปิดปรือเหมือนคนยังไม่ตื่นเต็มที่ ปอยผมสีน้ำตาลหมาดน้ำถูกเสยขึ้นให้พ้นระดับสายตาก่อนจะคาดไว้ด้วยที่คาดผมเส้นเล็ก

                    ปลายเม้าส์ปากกาเคาะเบาๆบนแทบเลตระหว่างรอให้คอมพิวเตอร์แรมต่ำเปิดโปรแกรม ร่างโปร่งพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อคอมที่ยืมพี่สาวมาใช้ไม่ได้ดั่งใจเหมือนโน้ตบุ๊คตัวเก่งที่โดนโทรจันแดกซะไม่เหลือซาก 

    ทันทีที่ซีพียูอายุพอๆกับเจ้าของเก่าเปิดโฟโต้ช้อปขึ้นมาพร้อมใช้งาน ไฟล์ที่ลงสีค้างไว้ถูกเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มือบางจะขยับปลายปากกาตวัดไปมาบนแทบเลตอย่างคล่องแคล่ว เปิดเพลงโปรดในยูทู๊ปดังคลอเบาๆระหว่างทำงานอย่างทุกที งานออกแบบคาร์แรกเตอร์ที่ใกล้สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างก่อนเดธไลน์พอสมควรทำให้จองซูรู้สึกใจชื้น แม้เดธไลน์งานหน้าห่างกันแค่ไม่กี่วันก็ตามที่

     


                    เรียวนิ้วสวยบังคับปลายปากกาตัดเส้นรอบที่สองบนงานอย่างชำนาญ ส่วนต่างๆบนภาพเริ่มถูกแต่งแต้มด้วยสีสันตามโทนที่กำหนดไว้ ก่อนจะใช้บรัชสีน้ำเริ่มแต่งเงาทีละส่วนอย่างใจเย็น

                    สมาธิถูกใช้จดจ่อไปกับงานตรงหน้าแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม มือซ้ายคนช้อนในถ้วยโจ๊กสำเร็จรูปที่เติมน้ำร้อนไว้ช้าๆ ก่อนจะตักเข้าปากไปโดยที่สายตายังไม่ละไปจากงานชิ้นโบว์แดงบนหน้าเจอคอมปลายนิ้วละจากปากกามากดหมุนรูปไปมาเพื่อดูว่าไม่มีเส้นส่วนไหนเบี้ยว ก่อนจะปรับคอนทราสสีเมื่อแน่ใจว่างานสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็น

     

                    Brightness -10

                    Contrast …… +22 แม่งเลยแล้วกัน

     

                    OK …

     

     


                    ฟึ่บ….





                    หน้าจอแอลซีดีดับวูบลง เจ้าของตากลมคู่สวยเบิกกว้างด้วยความอึ้ง ริมฝีปากบางผยอค้างอย่างพูดไม่ออกเมื่องานที่เสร็จสมบูรณ์หายวับไปต่อหน้าต่อตา ถ้าเป็นแค่เพราะไอ้คอมเวรของพี่อินยองหน้าจอเจ๊ง อยู่ๆก็ดับไปเองล่ะก็ จองซูคนนี้ก็คงจะแค่กดเปิดขึ้นมาใหม่ หากแต่ซีพียู โคมไฟ แอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกสิ่งอย่างในห้องพร้อมใจกันหยุดทำงาน สมองนิ่มๆสีชมพูนมเย็นจึงประมวลผลออกมาได้ว่า






                    ไฟดับ

     

     

     

                     ฟั๊ค....

                    แต่แล้วไงงานกูเซฟไว้เป็นพีเอสดี การไฟฟ้ามึงตัดอนาคตกูไม่ได้หรอก หึ

     

                   

    ไฟล์ไม่หายแค่ทั้งหมดที่ทำเมื่อกี๊ยังไม่ได้กดเซฟทับอันเก่าเท่านั้นเอง

                    …olo

     

     


                    “เหยดดดดดดดดดดดดด!!!

                    ร่างโปร่งตะกุยคีบอร์ดอย่างบ้าคลั่งอยู่หน้าจอคอมอยู่ซักพักเพื่อรอให้ไฟติดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทว่าทุกอย่างรอบตัวยังคงเงียบ

     

                   

                    “พ่อมึงตายการไฟฟ้า พ่อมึงตายยยยฝนก็ไม่ได้ตกคอนโดกูไม่ได้น้ำท่วมตัดไฟหาหอกไรสัดดดดดดดดดดด!

                    ริมฝีปากบางพ่นสารพัดสัตว์ใส่จอแอลซีดีสีดำโง่ๆที่ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ในหัวคิดอะไรไม่ออกนอกจากคำว่าเหี้ย

                    เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับทั้งสองข้าง อากาศในห้องเริ่มอึดอัดจนทำให้คนที่กำลังโมโหระรึกได้ว่าแอร์ในห้องไม่ได้ทำงานอยู่แล้ว แต่หน้าต่างทุกบานยังปิดสนิทไม่มีอากาศลอดเข้ามาให้เค้าหายใจ  ปาร์คจองซูพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะยกเท้าขึ้นถีบซีพียูเฒ่าอีกทีแล้วเดินไปเปิดประตูระเบียง

     


                    ท้องฟ้ามืดสนิทไร้เมฆมาบดบังแสงระยิบระยับของดวงดาว สายลมเย็นพัดเอื่อยๆมาปะทะเข้ากับใบหน้าขาวที่ติดจะซืดเพราะใช้ชีวิตสวนทางกับธรรมชาติ เสื้อกล้ามพอดีตัวสวมอยู่ทำให้เค้ารู้สึกหนาวขึ้นมาเล็กน้อย มือขวาเอื้อมหยิบบุหรี่จุดสูบอย่างที่ชอบทำเวลาอารมณ์เสีย เมื่อมองไปยังห้องที่อยู่ติดกันก็พบว่าทุกชั้นนั้นมืดสนิท เงียบสงัดยิ่งกว่าคืนไหนๆ เวลานี้คงไม่มีใครเปิดไฟสว่างโล่ทั้งห้องอยู่หรอก จะมีก็แต่เครื่องปรับอากาศที่เคยส่งเสียงหึ่งๆพร้อมใจกันหยุดทำงานพร้อมกันเท่านั้นที่บ่งบอกว่าไม่มีไฟฟ้าไหลเวียนอยู่อีกต่อไป

    อีพวกที่นอนหลับไม่รู้เรื่องว่าไฟดับนี่คงได้ขาดหายใจตายห่ากันยกตึกในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า -_-

     



                    ร่างโปร่งทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นกระเบื้องเย็น ก่อนจะเอื้อมหยิบกีต้าร์โปร่งที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นมาเล่น

                    บุหรี่มวนเล็กถูกคาบคาไว้ที่ปาก ก่อนที่คอร์ดเพลงง่ายๆจะดังขึ้นท่ามกลางความสงัดยามค่ำคืนที่ล่วงเลยไปเกือบจนจะถึงเช้าของอีกวัน

     

                    เสียงไล่คอร์ดแบบมั่วๆเริ่มเรียงต่อกันเป็นทำนองเพลงช้าๆที่เจ้าตัวชอบที่สุด ท่วงทำนองไพเราะดำเนินไปอย่างเชื่องช้า สรรพสิ่งรอบกายพากันเงียบเสียงลงราวกับจะขับให้เสียงกีต้าร์ทุ้มนั่นนุ่มละมุนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

     


                    อารมณ์ติสต์แตกแทรกเข้ามาแทนที่ความโมโหโดยฉับพลัน

    นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้ออกมานั่งปล่อยอารมณ์นั่งดีดกีต้าร์ชิวๆแบบนี้ แม้จะได้ทำงานที่ชอบก็จริง แต่ใช้ชีวิตหมกหมุ่นอยู่กับมันตลอดเวลาก็คงไม่ไหว คิดในแง่ดีคือได้พักสายตาบ้าง มาใส่แว่นเอาวัยนี้คงมีแต่คนหาว่าสายตายาวเป็นแน่

     

     

     

                    …หากแต่บทเพลงก็ต้องสะดุดลงเมื่อคนที่กำลังบิ๊วอารมรณ์ได้ที่เผลอทำบุหรี่หล่นออกจากปาก

                   

     

                    เสียงกีต้าร์ทุ้มเบาลงไปแต่ทว่ามีเสียงหวานใสของเปียโนเข้ามาแทนที่

     

     

                    เสียงดีดเปียโนเบาๆดังลอยมาตามสายลมปาร์คจองซูชะงัก ก่อนจะเงี่ยหูฟังหาที่มาของเสียงที่ชวนให้ใจสั่นนั่น ท่วงทำนองหวานเล่นโน้ตเพลงต่อจากท่อนที่จองซูหยุดไปเมื่อครู่ได้อย่างลื่นไหลนุ่มนวลราวกับว่าเจ้าของเสียงเปียโนนั้นก็หลงรักบทเพลงนี้เหมือนๆกัน

     

                    ร่างโปร่งขยี้บุหรี่ลงกับกระถางต้นไม้ข้างๆก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นเดินไปชิดกับระเบียงฝั่งตรงข้ามห้องข้างๆที่เค้าไม่เคยใส่ใจว่าเพื่อนข้างห้องจะเป็นใคร หรือแม้จะมีใครอยู่หรือไม่แต่ตอนนี้ปาร์คจองซูกลับเพ่งความสนใจไปที่ผ้าม่านสน้ำตาลที่มีแสงเทียนอ่อนๆส่องลอดออกมาภายในห้องๆนั้นที่มีใครซักคนกำลังดีดเปียโนเสียงหวานอยู่

     

                    เมโลดี้จังหวะเชื่องช้าแต่ทว่าหัวใจของเค้ากลับสั่นไหวอย่างน่าประหลาด

     

                    ปาร์คจองซูเล่นเปียโนไม่เป็น และไม่เคยนึกหลงใหลในเสียงของมันมาก่อน แต่ตอนนี้เค้ากลับไม่อยากให้ทำนองหวานหูนั้นจบลง

                    มือแกร่งเอื้อมไปหยิบกีต้าร์ที่วางนอนเอาไว้ขึ้นมาเล่นอีกครั้ง นิ้วเรียวกดคอร์ดดีดคลอไปกับเมโลดี้เสียงใส การดูเอทเพลงที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นในเวลาเกือบตีสามทำให้เจ้าตัวนึกขำอยู่ในใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียงจากเครื่องเล่นดนตรีต่างชนิดทั้งสองที่เล่นประสานกันนั้นไพเราะยิ่งกว่าเสียงบรรเลงจากนักดนตรีดังคนไหน

     


                    มันรู้สึกอุ่นๆที่หัวใจรู้สึกดี….กว่าการนั่งดีดกีต้าร์เหงาๆคนเดียวอย่างที่ผ่านมา

     

                                   

     

    เสียงเมโลดี้โน้ตสุดท้ายดังกังวาลก่อนจะค่อยๆจางหายไป

     

                    ปาร์คจองซูกดยิ้มอย่างประทับใจกับการดูเอทแบบประหลาดๆเมื่อครู่ แต่ยังไม่ทันที่เจ้าของกีต้าร์โปร่งจะได้นึกหาบทเพลงมาเล่นต่อ เสียงเปียโนหวานใสก็ดังขึ้นอีกครั้ง

     

     

                    ท่วงทำนองนุ่มละมุน ให้ความรู้สึกเบาราวกับขนนก ค่อยๆบรรเลงเป็นบทเพลงหวานลอยมาตามสายลมเสียงฮัมเพลงที่คลอตามมาเบาๆยิ่งชวนให้อีกคนเงี่ยหูฟังไม่ว่าเสียงนั้นจะนุ่มทุ้มไหร่ ร่างโปร่งก็แยกออกได้ว่าเจ้าของท่วงทำนองที่ทำให้เค้าหวั่นไหวนั้นเป็นผู้ชาย

                    แต่น่าแปลกที่จังหวะการเต้นระรัวเร็วของหัวใจไม่ได้สะดุดลง

     

                    เจ้าของร่างโปร่งทิ้งตัวนั่งลงอิงกับราวระเบียง ใบหน้าคมเงยขึ้นไล่มองดวงดาวมากมายบนนภาสีนิล นึกขอบคุณการไฟฟ้าสารเลวที่ทำให้เค้ามานั่งอยู่ตรงนี้

     

     

                    เสียงเปียโนนุ่มหู ขับกล่อมให้เปลอกตาสวยปิดลงช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มบางที่ระบายกว้างจนเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้าย

                   

     

     

     

     

                    ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน กลัวเสี่ยวแต่ก็อยากอธิบายให้ฟัง

     

                    ขอพูดเป็นภาษาอังกฤษให้มันเหมาะกับหน้ากูแล้วกัน

     

     

     


                    มึงรู้จักมั๊ย … love at first song …

     

     

     


     

    to be con.

     

                   

                   

     

    -talk-

                    สั้นไปมั๊ย ( ‘   ‘ ) ไม่รู้อ่ะ ไม่เคยแยกฟิคลงเป็นตอน  55555

    ขอเม้นหน่อยน้า อยากรู้ว่าชอบกันมั๊ย *ฮิ๊งงง* ( >  < )V

    ปล.เห็นคุณสเปพันสี่ทวีตหาเมียแล้วอยากแต่งเอสเอ็มหมั้นไส้อยากเอาแส้ฟาดๆๆๆๆ  …… ( .  . )

                   

                    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×