ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] Hello soulmate [83lines - TeukCin]

    ลำดับตอนที่ #10 : ❥Hello soulmate -------- FIN

    • อัปเดตล่าสุด 29 ม.ค. 55


      

     



     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

    …Let nobody else comes between me and you

    When I fall… in love

     

     

                หลายชั่วโมงที่ร่างเล็กนั่งกอดเข่าอยู่หน้าประตูบานนั้น เสียงสะอื้นที่ดังขึ้นเป็นระยะ พร้อมกับหยาดน้ำตามากมายที่พรั่งพรูออกมาจากขอบตาแดงก่ำที่ฉายแววเศร้าสร้อยและเหม่อลอยตลอดเวลา แม้ว่าเสื้อผ้าจะยังคงเปียกชื้นจากน้ำฝน ทว่ามันก็ไม่ได้ทำให้คิมฮีชอลรู้สึกหนาวอะไรบางทีเค้าอาจจะเสียสติคิดไปเอง ว่าบานประตูที่นั่งพิงอยู่มันให้ความอบอุ่นอย่างน่าประหลาด

                    จนดวงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่ค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้า แสงนวลอ่อนสีส้มสาดส่องเข้ามากลืนกินความมืดมิดไปจนหมดสิ้น  

                    ตาคู่สวยปรือจนเกือบจะปิดลงเพราะความง่วง กระพริบเข้าหากันถี่ๆเพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นจากภวังค์ แสงสีส้มอ่อนที่อาบไปทั่วทางเดินที่ทอดยาวบ่งบอกว่ารุ่งเช้าได้มาถึงแล้วร่างเล็กที่นั่งพิงอยู่กับบานประตูเป็นเวลานานเริ่มขยับตัว แล้วพยายามหยัดตัวลุกขึ้น.ช้าๆราวกับว่ามีก้อนหนักๆหล่นลงมาทับบนหัว รู้สึกปวดหนึบที่ขมับทั้งสองข้างจนแทบจะเซล้มลงเสียให้ได้ คิมฮีชอลรีบพิงตัวไว้กับกำแพงข้างๆก่อนที่จะทรงตัวไม่อยู่ ลมหายใจร้อนที่เป่ารดริมฝีปากทำให้เจ้าตัวเริ่มรู้สึกว่าอุณหภูมิใจร่างกายของตัวเองไม่ปกติ มือเรียวยกขึ้นขยับกรอบแว่นของตัวเองเมื่อสิ่งที่เค้ามองเห็นเริ่มหมุนวนจนคลื่นไส้ไปหมด

                    “อึก” ก้อนจุกที่จู่ๆก็ตีขึ้นมาในอกทำให้ร่างเล็กงอตัวด้วยความทรมานเหมือนจะอ้วกออกมาแต่ทว่ากลับรู้สึกจุกแน่นอยู่แค่ภายในอกในท้องเริ่มบิดตัวพร้อมกับอาการปวดเสียดเพราะโรคกระเพาะที่คุ้นเคยมาเยือนอีกครั้ง ทำให้ร่างเล็กเพิ่งนึกได้ว่าเค้าไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลยตั้งแต่หลายสิบชั่วโมงก่อน คิมฮีชอลกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอย่างยากลำบาก  ก่อนจะพยายามฝืนร่างกายให้เดินเปิดประตูเข้าไปในห้องของตัวเอง

                    มือเล็กเอื้อมขึ้นไปควานหาขวดยาเคลือบกระเพาะสีขาวในตู้เก็บยา ก่อนจะกระดกเข้าปากอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ยาพาราห้าเม็ดถูกกลืนตามเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยที่ร่างเล็กไม่ได้คำนึงเลยว่ามันจะเป็นอันตรายหรือไม่ ณ เวลานี้เค้าเพียงแค่อยากให้ความทรมานทั้งหมดนั้นหายไป ทั้งร่างกาย และจิตใจ

                    แต่น่าเสียดายที่ยาพาราหนึ่งร้อยเม็ดก็ไม่สามารถลดอาการปวดที่อกข้างซ้ายได้

                    มือเล็กทั้งสองข้างยึดเกาะขอบโต๊ะเอาไว้แน่นจนปลายนิ้วซีดเป็นสีขาว ฮีชอลหลับตาลงแล้วหายใจเข้าลึกๆเพื่อให้อาการปวดเสียดในท้องบรรเทาลง เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองสามารถขยับตัวเดินได้โดยไม่ทรมาน ร่างที่สั่นน้อยๆเพราะพิษไข้ก็เริ่มพยุงตัวเองกลับไปยังห้องนอน แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงโดยไม่สนใจเสื้อผ้าเปื้อนโคลนที่ยังสวมใส่อยู่

                   

                    ตาคู่สวยที่บวมช้ำปรือจนแทบจะปิดลงในทันทีเมื่อสัมผัสลงบนฟูกนุ่ม

     

                    สิ่งสุดท้ายที่สามารถมองเห็นผ่านม่านน้ำตาโดยปราศจากแว่นสายตาคือภาพประตูห้องพร่าเบลอ แสงอ่อนๆที่ลอดผ่านใต้บานประตูเข้ามาถูกตัดด้วยเงาสีดำของอะไรบางอย่างที่ร่างเล็กไม่มีสติมากพอจะนึกสงสัย หรือสนใจว่าจะมีใครอยู่หลังบานไม้นั้นหรือไม่

     

     

                    แล้วทุกอย่างก็ดับมืดลง

     

     

     


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     




     

                   

                    อีกฝากหนึ่งของบานประตู

                    ชายหนุ่มร่างโปร่งในชุดลำลองกำลังกำมือตัวเองแน่นด้วยความชั่งใจ เกือบสิบห้านาทีแล้วที่เค้ายืนนิ่งๆอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะผลักประตูเบื้องหน้าเข้าไปส่วนหนึ่งเพราะกลัวว่าถ้าอีกคนไม่ได้กำลังหลับอยู่อย่างที่เค้าคิดจะทำอย่างไรแต่อีกส่วนทีเหลือก็อยากจะเข้าไปแค่เห็นหน้าแค่นั้น

                    …ก็คิดถึงจนจะบ้าตายแล้วนี่นา

     

                    แกรก

                    เสียงผลักประตูเบาๆทำให้ปาร์คจองซูรู้สึกโมโหตัวเองอีกครั้งที่ร่างกายมันทำงานตามอำนาจจิตใจมากกว่าสมอง เพียงแค่ได้กลิ่นโลชั่นอ่อนๆที่ใครบางคนชอบใช้ลอยมาแตะจมูกมันก็ทำให้ร่างโปร่งเสียความควบคุมตัวเองได้ไม่ยาก

                    ห้องกว้างโทนสีครีมลายวอลเปเปอร์คุ้นตาไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ก้าวเข้ามา ไม่ใช่จำไม่ได้ เพียงแต่เหตุการณ์ครั้งสุดท้ายมันไม่น่านึกถึงเท่าไรนักตาคู่คมกวาดมองไปรอบห้องที่คุ้นเคย ทว่าบัดนี้สภาพรอบกายกลับเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง ข้าวของต่างๆจัดวางไม่เป็นที่ จานชามกองสุมกันไว้ รวมถึงชั้นวางอาหารที่ว่างเปล่าทำให้ปาร์คจองซูรู้ได้ทันทีว่าคิมฮีชอลไม่ได้ใส่ใจดูแลตัวเองเลยแม้แต่นิด

                    …จริงๆเลยนะ ไอ้เด็กคนนี้

     

                    ร่างโปร่งพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ พลันนึกถึงวันที่เค้าเริ่มพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อดูแลเด็กปากร้ายคนนี้  เป็นเพราะจองซูเองรึเปล่านะที่ทำให้ฮีชอลขี้เกียจจนเคยตัว ทั้งๆที่เมื่อก่อนคนตัวเล็กก็อยู่ได้โดยไม่มีเค้า

                    นั่นสินะ คิมฮีชอลจะลืมไปรึยัง ว่าก่อนหน้านั้นตัวเองใช้ชีวิตเพียงลำพังได้อย่างไร

                    เพราะสำหรับปาร์คจองซูแล้ว เค้านึกภาพไม่ออกจริงๆ

     

                    …!” ร่างโปร่งสะดุ้งเบาๆเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างมาแตะที่ขา เมื่อก้มหน้าลงมองก็เห็นแมวตัวใหญ่สีเทาสุดรักสุดหวงของเจ้าของห้องเข้ามาคลอเคลีย มือแกร่งลูบบนหัวสีเข้มของเจ้าแมวนัยน์ตาสีเขียวอย่างอ่อนโยน แม้ขนาดตัวจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่นัก ทว่าปาร์คจองซูก็รู้สึกได้ว่าเจ้าแมวแสบตัวนี้ผอมลงไปมาก

                    ก็แน่ล่ะ ขนาดตัวเองยังไม่มีเวลาดูแลเลยนี่นะ

     

                    “หิวมั๊ย?” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวว่าเมื่อกี๊เค้าเพิ่งเอ่ยประโยคคำถามถามแมวออกไป เจ้าตัวขนปุยสีเทาครางเมี้ยวออกมาเล็กน้อยก่อนจะซุกหัวเข้าคลอเคลียกับเข่าของจองซูอย่างออดอ้อน ซึ่งผิดวิสัยแมวผีอย่างฮีบอมเป็นที่สุด

                    “คิดถึงเหรอหึ?” ร่างโปร่งพูดออกมาอย่างขำๆกับความคิดของตัวเอง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้ข้างซิ้งค์ล้างจานเพื่อเอาอาหารแมวที่เคยซื้อมาตุนไว้ออกมาเทใส่จานอาหารของฮีบอม นัยน์ตาสีเขียวของแมวตัวใหญ่วาววับขึ้นทันที ก่อนจะกระโจนข้ามเก้าอี้มากินอาหารที่ปาร์คจองซูเทไว้ให้อย่างเอร็ดอร่อย ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู พร้อมกับขยี้ขนสีเทาของเจ้าเหมียวอย่างหมั่นเขี้ยว แล้วค่อยๆหันหลังเดินออกมาจากห้องครัว

     

                    “

                    ห้องนอนที่ตกแต่งด้วยสีครีมเหมือนกับส่วนอื่นๆของห้องทำให้แววตาใสของจองซูมีม่านน้ำรื้นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุทุกส่วนของห้องยังคงเหมือนเดิม เหมือนกับวันก่อนๆรวมถึงคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง

                    ขาทั้งสองข้างก้าวเดินเข้าไปใกล้เตียงกว้างอย่างเชื่องช้า ร่างเล็กที่นอนหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาเป็นสิ่งเดียวที่ปาร์คจองซูให้ความสนใจในตอนนี้สายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกจนยากจะอธิบายไล่มองใบหน้าหวานยามหลับที่เคยเฝ้ามองทุกคืนวันอย่างห่วงหา เปลือกตาสวยปิดสนิท และเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าคิมฮีชอลเข้าสู่ห้วงนิทราที่ลึกเกินกว่าจะรู้สึกถึงการมีตัวตนของปาร์คจองซูแล้ว

                    ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง เหมือนครั้งที่ได้เจอกับคิมฮีชอลเป็นครั้งแรก

     

                    ในช่วงเวลาที่ไม่ได้พบหน้ากัน มีหลายครั้งที่จองซูเฝ้าบอกกับตัวเองว่า เค้าสามารถลืมคนๆนี้ได้แล้ว

     

                    แต่ทว่า มันไม่จริง

                    ปาร์คจองซูไม่ได้แม้แต่คิด ที่จะลืมคิมฮีชอลด้วยซ้ำ

     

     

                    ยิ่งได้พบหน้ากันอีกครั้ง ความรู้สึกที่ไม่เคยเก่ามันยิ่งชัดเจนขึ้นมาในหัวใจ

                    ความรู้สึกที่เหมือนกับวันแรกที่ได้พบกัน และเค้าก็มั่นใจว่ามันจะคงอยู่อย่างนั้นตลอดไป

     

                   

                    น้ำตาอุ่นไหลลงมาเปื้อนแก้มโดยที่ร่างโปร่งไม่ทันรู้ตัวเปลือกตาสวยกระพริบเข้าหากันซ้ำๆเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตาที่เอ่ออยู่ไหลออกมามากกว่านี้

    ผ่านม่านน้ำตาบางๆ เค้าสังเกตเห็นใบหน้าขาวซืดกับริมฝีปากที่แห้งผากของคิมฮีชอล ซึ่งทำให้คนขี้กังวลอดเป็นห่วงไม่ได้ ไวกว่าความคิด มือแกร่งเอื้อมไปแตะบนหน้าผากขาวเบาๆเพื่อหวังจะวัดอุณหภูมิของฮีชอล โดยที่ไม่รู้ว่าสัมผัสเพียงเล็กน้อยนั้นจะทำให้คนที่นอนอยู่ครางฮือออกมา

    อือ” เจ้าของใบหน้าสวยที่หลับสนิทส่งเสียงออกมาเบาๆ พร้อมกับมือเล็กที่เอื้อมขึ้นมาแตะเข้ากับมือของปาร์คจองซูร่างโปร่งที่นิ่งแข็งทำอะไรไม่ถูกได้แต่เกร็งตัวนิ่งอยู่อย่างนั้น

     

    กลัวว่าฮีชอลจะตื่นขึ้นมา กลัวว่าจะถูกไล่ออกไปเหมือนครั้งก่อน

     

    กลับมานะ” เสียงแหบแห้งพึมพำประโยคสั้นๆออกมาเบาๆจนอีกคนแทบจะจับความหมายไม่ได้

     

    “พี่จองซู

     

    ” เสียงเรียกชื่อสั้นๆที่ทำให้หัวใจของใครอีกคนกระตุกวูบ ก่อนจะเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง ก้อนจุกคล้ายเสียงสะอื้นอัดแน่นอยู่ในอก หากแต่เค้าเลือกที่จะกลืนมันลงไป พร้อมกับแค่นเสียงสั่นๆออกมา

     

    ครับพี่อยู่นี่” แม้จะแน่ใจว่าสิ่งที่คิมฮีชอลพึมพำออกมาจะเป็นเพียงแค่การละเมอเท่านั้น แต่ปาร์คจองซูก็ขานรับออกไป พร้อมกับกุมมือเล็กเข้ามาแนบไว้ที่แก้ม

     

     

    น้องหมอ

     

    คิดถึงพี่มั๊ย” ริมฝีปากสั่นๆเอ่ยออกมาเบาๆพร้อมกับน้ำตาหยดเล็กที่หยดลงบนเมือขาวของฮีชอลปาร์คจองซูหลับตาลง ปล่อยให้หยดน้ำตามากมายไหลออกมาอย่างไม่คิดจะห้ามไว้อีกต่อไป

    “ฮือฮึกฮือออ” แต่ทว่าเสียงสะอื้นเบาๆกลับดังออกมาจากคนตัวเล็กที่ยังหลับตาอยู่เช่นเดียวกันหยดน้ำตาใสไหลซึมออกมาจากหางตาสวยก่อนจะเปื้อนลงบนหมอนสีขาวเป็นวงกว้าง

    น้ำตาของคิมฮีชอลสามารถทำให้หัวใจของปาร์คจองซูบีบตัวแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก

    อย่าร้องไห้สิ

     

     

    “ฮีชอลไม่เอา ไม่ร้องนะ” เรียวนิ้วยาวปาดเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเนียนอย่างเบามือ ก่อนจะรู้สึกถึงอุณหภูมิร้อนผ่าวของร่างกายคนตรงหน้า

     

    ไข้สูง

     

    “ฮึกฮือ” ร่างเล็กเริ่มสะอื้นหนักขึ้นพร้อมกับน้ำตาใสที่ไหลออกมาไม่หยุด หยดซึมเปียกลงบนหมอนเป็นวงกว้างยิ่งทำให้จองซูร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูกดวงตาที่บวมช้ำของฮีชอลปรือขึ้นเพียงนิด ทว่าร่างโปร่งก็แน่ใจว่าในตอนนี้คนป่วยไม่มีสติมากพอที่จะแยกระหว่างความฝันกับความจริง

     

    พี่จองซูฮึก

    “ครับ

                    “ฮีชอล รักรักพี่จองซูนะ”

     

     

                ตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึก….       

     

     

                    พี่ก็รักเรา

     

                    เสียงทุ้มเอ่ยตอบไปได้เพียงแค่นั้น ก่อนจะก้มลงไปกอดร่างเล็กไว้แนบอกซึมซับสัมผัสที่คิดถึงซึ่งกันและกันลูบหัวปลอบประโลมไม่ให้คนในอ้อมกอดร้องไห้หนักไปกว่านี้เนิ่นนาน จนร่างเล็กสงบลง

                    ปาร์คจองซูค่อยๆผละออกช้าๆ เผื่อไปหาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นๆมาเช็ดตัวให้คนป่วยที่ไข้ขึ้นสูงอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปรอะไปด้วยดินโคลนของฮีชอลให้ ทว่าก็ไม่กล้าจะสัมผัสร่างกายของอีกคนมากไปกว่านี้ทำได้แค่เพียงซับผ้าหมาดน้ำลงบนใบหน้าขาว และนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆไม่ไปไหน

     

                    ไม่รู้เหมือนกันว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร

                    แต่ปาร์คจองซูก็ได้ตัดสินใจลงไปแล้ว

     

     

                “ฮีชอล รักรักพี่จองซูนะ”

     

     

                    คำๆนี้ เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ช่วยพูดให้ฟังอีกครั้ง….ได้มั๊ยฮีชอล

     


     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     





     

     

                    “เมี้ยว

     

     

                    “เมี้ยวววว” เสียงร้องเหมียวดังขึ้นซ้ำๆที่ข้างหูของร่างเล็กที่นอนหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่ม เสียงเล็กครางซ้ำอยู่พักหนึ่งจนคนบนเตียงเริ่มได้สติขึ้นคิวเรียวเหนือตาคู่สวยขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิดเมื่อมีเสียงมารบกวน พยายามควานหาหมอนรอบกายมาปิดหูเอาไว้เพื่อหลับต่อ ทว่าแขนขวากลับถูกทับด้วยก้อนนุ่มอุ่นๆอยู่จนขยับไปไหนไม่ได้

                    เปลือกตาสวยเริ่มกระพริบปรือขึ้นอย่างงัวเงียอาการปวดหนึบที่ศีรษะยังคงลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย แต่ทว่าก็มากพอจะทำให้เค้างุนงงอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

     

                    “ฮีบอม?” เสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อก้อนนุ่มๆที่ทับแขนอยู่เมื่อครู่ขยับเดินเข้ามาใกล้ใบหน้า พร้อมกับถูหัวเข้ากับแก้มเนียนราวกับพยายามจะปลุกให้เจ้านายของมันตื่น

                    แล้วก็ได้ผลคิมฮีชอลค่อยๆยันตัวลุกขึ้นแล้วกระพริบตามองไปรอบกายที่แทบจะมืดสนิทโรคกลัวความมืดที่แทบจะฝังลึกอยู่ใต้จิตสำนึกเริ่มทำใหคนตัวเล็กมีอาการใจสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เค้าจำได้ดีว่าก่อนที่จะผลอยหลับไปตัวเองไม่ได้เผลอปิดไฟอะไรทั้งนั้น อีกทั้งรอบกายยังเงียบสนิท ราวกับว่า ณ เวลานี้ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าใดทำงานอยู่เลย ทำให้ร่างเล็กเริ่มแน่ใจว่าตอนนี้ไฟดับ

     

                    ไฟดับเหมือนกับวันนั้น

     

     

    คิมฮีชอลเป็นคนกลัวความมืด ...

    แต่น่าแปลกที่ความมืดนั่นเอง กลับนำพาให้เค้าได้พบกับแสงสว่าง

     

                    ฮีชอลยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเพื่อลดอาการมึนที่ทำให้เค้าไม่สามารถนึกย้อนความทรงจำได้ชัดเจนนัก สิ่งสุดท้ายที่เค้าจำได้ก็มีเพียงแค่อาการปวดเสียดในช่องท้องอย่างแรงเพราะโรคกระเพาะกับยาพาราที่กินเข้าไปเท่านั้น

                    แล้วหลังจากนั้น

     

     

                    “

                ปาร์คจองซู

     

                                                                                                                                                                                            

                    ตาคู่สวยเบิกโพลงขึ้นทันทีเมื่อภาพความทรงจำเบลอๆที่ฉายขึ้นในหัวมีภาพของใครบางคนอยู่ในนั้นด้วย คำพูด อ้อมกอด และสัมผัสทุกอย่างมันภึ่งจริงกึ่งฝันซะจนเจ้าตัวไม่สามารถจัดการกับความคิดเหล่านั้นได้

     

                ไม่จริง เป็นไปไม่ได้

                    มันเป็น แค่ความฝันเท่านั้นแหละคิมฮีชอลแค่ฝันไป

     

                    แต่ทว่าผ้าขนหนูหมาดน้ำที่ตกอยู่ข้างหมอน มันยากที่จะทำให้คิมฮีชอลเชื่ออย่างนั้น

                    คนป่วยขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้งเมื่ออาการมึนหัวเล่นปราดขึ้นในสมองจนปวดหนึบไปหมด แขนเล็กพยายามยันตัวลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดหน้าต่างเพื่อเพิ่มให้อากาศถ่ายเทเข้ามามากยิ่งขึ้นแต่ทว่าโทรศัพท์มือในกระเป๋ากางเกงกลับดังขึ้นมาเสียก่อน

     

                    Rrrrrrrrrrr …Rrrrrrrrrrr…

     

     

                    Calling

                    P’Jung

     

     

                   

                    หัวใจดวงเล็กเต้นระรัวขึ้นอย่างบ้าคลั่งพร้อมกระพริบตาถี่อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทว่าแรงสั่นที่ดังขึ้นเป็นจังหวะบอกให้ฮีชอลรู้ว่าเค้าไม่ได้กำลังฝันอยู่ ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความประหม่า พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาช้าๆ ก่อนจะกดรับสายในที่สุด

     

                    “ฮัลโหล

     

                    “พอจะมีเวลาว่างซักสองนาทีรึเปล่าร่างเล็กชะงักด้วยความสงสัยเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเค้าไม่สามารถคาดเดาได้ว่าปาร์คจองซูจะกำลังจะทำอะไร

                    “อืม

     

                    “ช่วยฟังให้จบหน่อยนะ

     

     

                    เสียงกึกเหมือนโทรศัพท์ของคนที่ปลายสายถูกวางลงที่ไหนซักแห่ง ก่อนที่เสียงกีต้าร์ทุ้มหวานหูจะดังลอดเข้ามาแทนที่ ท่วงทำนองบทเพลงคุ้นหูที่ทั้งคู่ชอบถูกบรรเลงขึ้นอย่างเชื่องช้า เพลงแรกที่เราสองคนเล่นด้วยกันในคืนที่ไร้แสงสว่าง เช่นคืนนี้

    ณ วินาทีนั้น ฮีชอลไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตัวเองเผลอยิ้มออกมากว้างแค่ไหน

     

     

                “ด้วยเหตุใดก็ตาม เธอไม่เคยรับรู้

    ใกล้เธอสักเท่าไหร่ แต่เหมือนไกล ไกลห่างกัน

    ได้แค่มองหน้าเธอ ทำได้เพียงแค่นั้น

    หัวใจที่แอบฝัน อยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว           

                 

     

     

    “หากเธอรู้ใจ หากเธอรู้ตัว เธอจะเข้าใจกันรึเปล่า

     

    เข้าใจสิ เข้าใจหมดแล้ว

     

     

    “ก็ไม่รู้เลย แต่ต้องพูดไป และจะมาเพื่อกวนใจคำถามเดียว

    ….

     

    “แค่อยากรู้รังเกียจกันไหม ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลย

    อยากได้ยินเสียงคนที่คุ้นเคย อยากเจอเธอคนเดิมที่เคยที่เจอในเมื่อวาน

     

    หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า

    อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม

     

    “ฮฮึก ริมฝีปากบางหลุดเสียงสะอื้นออกมา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลหยดออกมาด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันจน ไม่สามารถอธิบายได้ เสียงกีต้าร์โปร่งที่คุ้นหูดังก้องกังวานไปทั่วทั้งหัวใจท่วงทำนองที่ปสมผสานกับคำร้องที่ตอกย้ำซ้ำๆให้ฮีชอลรู้ซักทีว่าที่ผ่านมาปาร์คจองซูรู้สึกอย่างไร

     

    อยากให้รู้ว่ารักเธอ

     

                    “อือ….รู้แล้ว รู้แล้ว” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ทว่ามันก็ล้มเหลว ทำได้เพียงแค่เปล่งเสียงออกมาสั้นๆ แต่กลับไม่ใช่คำที่อยากพูดออกไปจริงๆ

                    ตาคู่สวยที่รื้นไปด้วยม่านน้ำตา เผลอเพ่งมองไปนอกระเบียงที่มีม่านบางและประตูกระจกกั้นเอาไว้ที่ตรงนั้นมีเงาของใครบางคนยืนอยู่

     

                    หัวใจดวงเล็กกระตุกวูบด้วยความประหลาดใจ

                    …แม้ไม่อยากจะเชื่อสายตาในทีแรก แต่ร่างเล็กก็ค่อยๆก้าวเดินเข้าไปใกล้ ใกล้ขึ้น และใกล้ขึ้น ทั้งที่ยังถือโทรศัพท์ไว้แนบหู

     

                 “อยากให้หันมาหน่อย อยากให้มองหน้ากัน

    ถ้าเธอไม่หวั่นไหวกับสายตาคนอย่างฉัน

                   

                    เสียงเพลงหวานหูยังคงดังลอดเข้ามาผ่านทางโทรศัพท์ทว่าคิมฮีชอลแน่ใจว่าคนที่ปลายสาย ยืนอยู่ใกล้ แค่เพียงตรงหน้าของเค้า

     

                    ม่านบางสีครีมถูกเลื่อนเปิดออกช้าๆ

                    ที่อีกฝั่งหนึ่งของประตูกระจก ปรากฎร่างโปร่งของผู้ชายคนหนึ่ง กำลังถือกีต้าร์โปร่งเอาไว้ในมือ พร้อมกับเอ่ยร้องบทเพลงออกมาด้วยรอยยิ้มที่เคยมอบให้ร่างเล็กอย่างอบอุ่นเสมอมา

     

                ไม่บังคับใจเธอ หากเจอคนที่ฝัน

    หวังเพียงใครคนนั้นจะใกล้เคียงคนอย่างฉัน

     

    คิมฮีชอลไม่สามารถหยุดน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้สิ่งที่เกิดขึ้นกับเค้าสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้ากำลังทำ มันมากเกินความคาดหมายมากเกินกว่าที่คนอย่างฮีชอลเคยคิดว่าจะมีคนทำเพื่อเค้าได้ขนาดนี้

    มีความสุขจนไม่รู้จะเอ่ยออกมาอย่างไร ทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา

     

    “หากเธอรู้ใจ หากเธอรู้ตัว เธอจะเข้าใจกันรึเปล่า

    ก็ไม่รู้เลย แต่ต้องพูดไป และจะมาเพื่อกวนใจคำถามเดียว

     

    แค่อยากรู้รังเกียจกันไหม ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลย

    อยากได้ยินเสียงคนที่คุ้นเคย อยากจะเจอคนเดิมที่เคยที่เจอในเมื่อวาน

               

    หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า

    อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม

     

    อยากให้รู้ว่ารักเธอ

     

     

    บทเพลงหวานสิ้นสุดลงพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ระบายขึ้นบนใบหน้าของคนทั้งคู่ กีต้าร์โปร่งตัวเก่งถูกวางลงข้างๆ ก่อนที่ปาร์คจองซูจะหยิบโทรศัพท์ข้างๆขึ้นมาแล้วเอ่ยเรียกชื่อของอีกคน

     

    “ฮีชอล

    “หะหืม?”

     

     

    “เปิดประตูให้พี่หน่อยได้มั๊ย?”

     

     

     

    “เปิดใจให้คนๆนี้หน่อยได้มั๊ย

     

    “รู้ตัวว่าไม่ได้ดีเด่มาจากไหน กูก็แค่คนเหี้ยๆคนเดิมอย่างที่มึงรู้จัก

     

    แต่กูมั่นใจว่ากูรักมึง มากที่สุด เท่าที่คนๆหนึ่งจะรักได้”

     

                    ประโยคยาวๆถูกพูดออกมาอย่างติดขัดโดยที่ไร้ซึ่งการตระเตรียมใดๆทั้งสิ้นท่าทางประหม่าเขินของจองซูทำให้ร่างเล็กอดอมยิ้มออกมาไม่ได้

    ผู้ชายคนนี้น่ารัก น่ารักมากกว่าที่ฮีชอลเคยคาดคิดเอาไว้หลายเท่า

     

     

    “ปาร์คจองซูรักคิมฮีชอล

     

    ชัดเจน จนไม่ต้องการคำอธิบายใดๆอีก คำสามคำ ที่มีความหมายตรงตามตัวของมัน

    คิมฮีชอลหลับตาลงช้าๆ ราวกับจะซึมซับความรู้สึกในตอนนี้เอาไว้ ริมฝีปากเล็กอมยิ้มออกมากว้างจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง ก่อนจะเลื่อนบานประตูกระจกเปิดออกแล้วโผเข้ากอดใครอีกคนที่อ้าแขนรอรับไว้อยู่

     

    “อือรักเหมือนกัน” เสียงอู้อี้ดังลอดขึ้นมาจากคนตัวเล็กกอดซุกหน้าเข้ากับไหล่กว้างอย่างออดอ้อนปาร์คจองซูโอบคนในอ้อมแขนเอาไว้แน่น พร้อมกับโยกตัวไปมาเบาๆเอนหัวพิงกับใครอีกคนเพื่อเงี่ยหูฟังประโยคเมื่อกี๊ให้ชัดยิ่งขึ้น

     

    “ว่าไงนะ

    “บบอกว่ารักเหมือนกัน

     

    “รักใคร

    รักพี่จองซู

     

    “ใครรัก

    “เอ๊ะ! มึงนี่” ร่างเล็กในอ้อมกอดที่ถูกต้อนจนเขินแทบทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำเอาไว้ภายใต้ไหล่กว้างของปาร์คจองซูโดยไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาให้อีกคนล้อเป็นอันขาดทว่ามันยิ่งน่าเอ็นดูจนร่างโปร่งอดแกล้งแหย่ต่อไม่ได้ แม้จะรู้ว่าจะโดนด่ากลับมาก็ตาม

     

    “ถามว่าใครรักใครหืม?”

    “จะใครอีกล่ะก็มึงน่ะแหล่ะ! กูรักมึง! …ได้ยินยัง!? แก่แล้วหูติ่งเหรอสัด” เป็นดังที่คาด เสียงติดแหบตวาดด่ากลับมา แต่กลับกลายเป็นเสียงอู้อี้น่าเอ็นดูแทนน่ากลัวซะมากกว่าในความคิดของอีกคน ปาร์คจองซูยิ้มกว้างกับประโยคบอกรักสไตล์คิมฮีชอลที่ไม่มีวันอ่อนหวานไปได้มากกว่านี้  แต่ก็เป็นสิ่งที่เค้าอยากได้ยินที่สุดร่างโปร่งกระชับอ้อมกอดแน่น พร้อมกับโยกตัวไปมาให้คนตัวเล็กเวียนหัวเล่นเพื่อความสะใจ

     

    “นี่ ขอโทษนะ” ประโยคสั้นๆหลุดออกมาจากปากของคิมฮีชอลอีกครั้งเรียกร้อยยิ้มของจองซูได้มากกว่าคำไหนๆ

     

     

    “ขอโทษขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า ...ขอโทษที่ชอบทำตัวเป็นเด็ก เหี้ย ปากหมา นิสัยไม่ดีขอโทษนะ ฮึกขอโทษจริงๆขอโทษ

     

     “อืมมม

    “ขอโทษนะ

     

     

    "ไม่เอาขอโทษแล้ว..."

    …?

     

     

     







    "ขอฮีชอลแทนได้มั๊ย..."

     





     

     

     

    FIN

     



     

    -talk-

    FIN FIN FIN …จบแล้ว  \(/////////////)/ !!!!!!!!

    เขียนเสร็จตอนตี 5 .39 นาที เช้าพอดี เย้ 555555

     

                    จบจนได้ ชีวิตไม่เคยเขียนอะไรยาวๆขนาดนี้มาก่อนเลยนะ orz

    ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาตลอดนะคะ

    ไม่รู้จะอธิบายยังไง เราพูดไม่ค่อยเก่ง แต่เรารู้สึกดีมากๆที่เรื่องที่เราเล่าออกมาแบบบ้าๆบอๆทำให้ใครหลายคนยิ้มได้ พลอตมึนๆ ภาษาก็กากๆ แต่ก็ยังมีคนอ่านฟิคของเรา ดีใจมากเบยยย ;w; (กอดหน่อย)

    เฮโหลโซเมต สวัสดีเนื้อคู่ พี่จองน้องหมอ พี่เสี่ยวน้องซึน หรือเรียกอะไรก็แล้วแต่ ขอบคุณที่อ่านฟิคของเราจนจบค่ะ ♡♡♡♡♡♡

     

    ปล(แปดสิบสามไลน์) . ใครอ่านแล้วไม่เคยเม้น นี่เป็นโอกาสสุดท้าย จงเม้นซะะะะ 55555555

     

                    เรื่องรวมเล่มเดี๋ยวมาบอกเน้อ ยังไม่ได้แต่งสเปเลย ฮ่าาาา - -  

                    แล้วเจอกันค่า

     

     

    -@30ww-

    12-01-29

       

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×