คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ❥Hello soulmate -------- FIN
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Let nobody else comes between me and you
When I fall
in love
หลายชั่วโมงที่ร่างเล็กนั่งกอดเข่าอยู่หน้าประตูบานนั้น
เสียงสะอื้นที่ดังขึ้นเป็นระยะ พร้อมกับหยาดน้ำตามากมายที่พรั่งพรูออกมาจากขอบตาแดงก่ำที่ฉายแววเศร้าสร้อยและเหม่อลอยตลอดเวลา
แม้ว่าเสื้อผ้าจะยังคงเปียกชื้นจากน้ำฝน ทว่ามันก็ไม่ได้ทำให้คิมฮีชอลรู้สึกหนาวอะไร
บางทีเค้าอาจจะเสียสติคิดไปเอง ว่าบานประตูที่นั่งพิงอยู่มันให้ความอบอุ่นอย่างน่าประหลาด
จนดวงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่ค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้า
แสงนวลอ่อนสีส้มสาดส่องเข้ามากลืนกินความมืดมิดไปจนหมดสิ้น
ตาคู่สวยปรือจนเกือบจะปิดลงเพราะความง่วง กระพริบเข้าหากันถี่ๆเพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นจากภวังค์
แสงสีส้มอ่อนที่อาบไปทั่วทางเดินที่ทอดยาวบ่งบอกว่ารุ่งเช้าได้มาถึงแล้ว
ร่างเล็กที่นั่งพิงอยู่กับบานประตูเป็นเวลานานเริ่มขยับตัว แล้วพยายามหยัดตัวลุกขึ้น.ช้าๆ
ราวกับว่ามีก้อนหนักๆหล่นลงมาทับบนหัว รู้สึกปวดหนึบที่ขมับทั้งสองข้างจนแทบจะเซล้มลงเสียให้ได้
คิมฮีชอลรีบพิงตัวไว้กับกำแพงข้างๆก่อนที่จะทรงตัวไม่อยู่ ลมหายใจร้อนที่เป่ารดริมฝีปากทำให้เจ้าตัวเริ่มรู้สึกว่าอุณหภูมิใจร่างกายของตัวเองไม่ปกติ
มือเรียวยกขึ้นขยับกรอบแว่นของตัวเองเมื่อสิ่งที่เค้ามองเห็นเริ่มหมุนวนจนคลื่นไส้ไปหมด
“อึก
” ก้อนจุกที่จู่ๆก็ตีขึ้นมาในอกทำให้ร่างเล็กงอตัวด้วยความทรมานเหมือนจะอ้วกออกมาแต่ทว่ากลับรู้สึกจุกแน่นอยู่แค่ภายในอก
ในท้องเริ่มบิดตัวพร้อมกับอาการปวดเสียดเพราะโรคกระเพาะที่คุ้นเคยมาเยือนอีกครั้ง ทำให้ร่างเล็กเพิ่งนึกได้ว่าเค้าไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลยตั้งแต่หลายสิบชั่วโมงก่อน
คิมฮีชอลกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอย่างยากลำบาก ก่อนจะพยายามฝืนร่างกายให้เดินเปิดประตูเข้าไปในห้องของตัวเอง
มือเล็กเอื้อมขึ้นไปควานหาขวดยาเคลือบกระเพาะสีขาวในตู้เก็บยา ก่อนจะกระดกเข้าปากอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ยาพาราห้าเม็ดถูกกลืนตามเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยที่ร่างเล็กไม่ได้คำนึงเลยว่ามันจะเป็นอันตรายหรือไม่
ณ เวลานี้เค้าเพียงแค่อยากให้ความทรมานทั้งหมดนั้นหายไป
ทั้งร่างกาย และจิตใจ
แต่น่าเสียดายที่ยาพาราหนึ่งร้อยเม็ดก็ไม่สามารถลดอาการปวดที่อกข้างซ้ายได้
มือเล็กทั้งสองข้างยึดเกาะขอบโต๊ะเอาไว้แน่นจนปลายนิ้วซีดเป็นสีขาว
ฮีชอลหลับตาลงแล้วหายใจเข้าลึกๆเพื่อให้อาการปวดเสียดในท้องบรรเทาลง
เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองสามารถขยับตัวเดินได้โดยไม่ทรมาน ร่างที่สั่นน้อยๆเพราะพิษไข้ก็เริ่มพยุงตัวเองกลับไปยังห้องนอน แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงโดยไม่สนใจเสื้อผ้าเปื้อนโคลนที่ยังสวมใส่อยู่
ตาคู่สวยที่บวมช้ำปรือจนแทบจะปิดลงในทันทีเมื่อสัมผัสลงบนฟูกนุ่ม
สิ่งสุดท้ายที่สามารถมองเห็นผ่านม่านน้ำตาโดยปราศจากแว่นสายตาคือภาพประตูห้องพร่าเบลอ
แสงอ่อนๆที่ลอดผ่านใต้บานประตูเข้ามาถูกตัดด้วยเงาสีดำของอะไรบางอย่างที่ร่างเล็กไม่มีสติมากพอจะนึกสงสัย หรือสนใจว่าจะมีใครอยู่หลังบานไม้นั้นหรือไม่
แล้วทุกอย่างก็ดับมืดลง
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
อีกฝากหนึ่งของบานประตู
ชายหนุ่มร่างโปร่งในชุดลำลองกำลังกำมือตัวเองแน่นด้วยความชั่งใจ
เกือบสิบห้านาทีแล้วที่เค้ายืนนิ่งๆอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะผลักประตูเบื้องหน้าเข้าไป
ส่วนหนึ่งเพราะกลัวว่าถ้าอีกคนไม่ได้กำลังหลับอยู่อย่างที่เค้าคิดจะทำอย่างไร
แต่อีกส่วนทีเหลือก็อยากจะเข้าไปแค่เห็นหน้า
แค่นั้น
ก็คิดถึงจนจะบ้าตายแล้วนี่นา
แกรก
เสียงผลักประตูเบาๆทำให้ปาร์คจองซูรู้สึกโมโหตัวเองอีกครั้งที่ร่างกายมันทำงานตามอำนาจจิตใจมากกว่าสมอง
เพียงแค่ได้กลิ่นโลชั่นอ่อนๆที่ใครบางคนชอบใช้ลอยมาแตะจมูกมันก็ทำให้ร่างโปร่งเสียความควบคุมตัวเองได้ไม่ยาก
ห้องกว้างโทนสีครีมลายวอลเปเปอร์คุ้นตา
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ก้าวเข้ามา ไม่ใช่จำไม่ได้ เพียงแต่เหตุการณ์ครั้งสุดท้าย
มันไม่น่านึกถึงเท่าไรนัก
ตาคู่คมกวาดมองไปรอบห้องที่คุ้นเคย ทว่าบัดนี้สภาพรอบกายกลับเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง
ข้าวของต่างๆจัดวางไม่เป็นที่ จานชามกองสุมกันไว้ รวมถึงชั้นวางอาหารที่ว่างเปล่าทำให้ปาร์คจองซูรู้ได้ทันทีว่าคิมฮีชอลไม่ได้ใส่ใจดูแลตัวเองเลยแม้แต่นิด
จริงๆเลยนะ ไอ้เด็กคนนี้
ร่างโปร่งพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ พลันนึกถึงวันที่เค้าเริ่มพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อดูแลเด็กปากร้ายคนนี้
เป็นเพราะจองซูเองรึเปล่านะที่ทำให้ฮีชอลขี้เกียจจนเคยตัว ทั้งๆที่เมื่อก่อนคนตัวเล็กก็อยู่ได้โดยไม่มีเค้า
นั่นสินะ
คิมฮีชอลจะลืมไปรึยัง ว่าก่อนหน้านั้นตัวเองใช้ชีวิตเพียงลำพังได้อย่างไร
เพราะสำหรับปาร์คจองซูแล้ว
เค้านึกภาพไม่ออกจริงๆ
“
!” ร่างโปร่งสะดุ้งเบาๆเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างมาแตะที่ขา
เมื่อก้มหน้าลงมองก็เห็นแมวตัวใหญ่สีเทาสุดรักสุดหวงของเจ้าของห้องเข้ามาคลอเคลีย
มือแกร่งลูบบนหัวสีเข้มของเจ้าแมวนัยน์ตาสีเขียวอย่างอ่อนโยน แม้ขนาดตัวจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่นัก ทว่าปาร์คจองซูก็รู้สึกได้ว่าเจ้าแมวแสบตัวนี้ผอมลงไปมาก
ก็แน่ล่ะ
ขนาดตัวเองยังไม่มีเวลาดูแลเลยนี่นะ
“หิวมั๊ย?” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะหลุดขำออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวว่าเมื่อกี๊เค้าเพิ่งเอ่ยประโยคคำถามถามแมวออกไป
เจ้าตัวขนปุยสีเทาครางเมี้ยวออกมาเล็กน้อยก่อนจะซุกหัวเข้าคลอเคลียกับเข่าของจองซูอย่างออดอ้อน ซึ่งผิดวิสัยแมวผีอย่างฮีบอมเป็นที่สุด
“คิดถึงเหรอหึ?” ร่างโปร่งพูดออกมาอย่างขำๆกับความคิดของตัวเอง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้ข้างซิ้งค์ล้างจานเพื่อเอาอาหารแมวที่เคยซื้อมาตุนไว้ออกมาเทใส่จานอาหารของฮีบอม
นัยน์ตาสีเขียวของแมวตัวใหญ่วาววับขึ้นทันที ก่อนจะกระโจนข้ามเก้าอี้มากินอาหารที่ปาร์คจองซูเทไว้ให้อย่างเอร็ดอร่อย
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู พร้อมกับขยี้ขนสีเทาของเจ้าเหมียวอย่างหมั่นเขี้ยว แล้วค่อยๆหันหลังเดินออกมาจากห้องครัว
“
”
ห้องนอนที่ตกแต่งด้วยสีครีมเหมือนกับส่วนอื่นๆของห้องทำให้แววตาใสของจองซูมีม่านน้ำรื้นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
ทุกส่วนของห้องยังคงเหมือนเดิม
เหมือนกับวันก่อนๆ
รวมถึงคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง
ขาทั้งสองข้างก้าวเดินเข้าไปใกล้เตียงกว้างอย่างเชื่องช้า
ร่างเล็กที่นอนหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาเป็นสิ่งเดียวที่ปาร์คจองซูให้ความสนใจในตอนนี้
สายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกจนยากจะอธิบายไล่มองใบหน้าหวานยามหลับที่เคยเฝ้ามองทุกคืนวันอย่างห่วงหา
เปลือกตาสวยปิดสนิท และเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าคิมฮีชอลเข้าสู่ห้วงนิทราที่ลึกเกินกว่าจะรู้สึกถึงการมีตัวตนของปาร์คจองซูแล้ว
ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง
เหมือนครั้งที่ได้เจอกับคิมฮีชอลเป็นครั้งแรก
ในช่วงเวลาที่ไม่ได้พบหน้ากัน
มีหลายครั้งที่จองซูเฝ้าบอกกับตัวเองว่า เค้าสามารถลืมคนๆนี้ได้แล้ว
แต่ทว่า
มันไม่จริง
ปาร์คจองซูไม่ได้แม้แต่คิด
ที่จะลืมคิมฮีชอลด้วยซ้ำ
ยิ่งได้พบหน้ากันอีกครั้ง
ความรู้สึกที่ไม่เคยเก่ามันยิ่งชัดเจนขึ้นมาในหัวใจ
ความรู้สึกที่เหมือนกับวันแรกที่ได้พบกัน
และเค้าก็มั่นใจว่ามันจะคงอยู่อย่างนั้นตลอดไป
น้ำตาอุ่นไหลลงมาเปื้อนแก้มโดยที่ร่างโปร่งไม่ทันรู้ตัว
เปลือกตาสวยกระพริบเข้าหากันซ้ำๆเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตาที่เอ่ออยู่ไหลออกมามากกว่านี้
ผ่านม่านน้ำตาบางๆ
เค้าสังเกตเห็นใบหน้าขาวซืดกับริมฝีปากที่แห้งผากของคิมฮีชอล ซึ่งทำให้คนขี้กังวลอดเป็นห่วงไม่ได้
ไวกว่าความคิด มือแกร่งเอื้อมไปแตะบนหน้าผากขาวเบาๆเพื่อหวังจะวัดอุณหภูมิของฮีชอล โดยที่ไม่รู้ว่าสัมผัสเพียงเล็กน้อยนั้นจะทำให้คนที่นอนอยู่ครางฮือออกมา
“
อือ
” เจ้าของใบหน้าสวยที่หลับสนิทส่งเสียงออกมาเบาๆ พร้อมกับมือเล็กที่เอื้อมขึ้นมาแตะเข้ากับมือของปาร์คจองซู
ร่างโปร่งที่นิ่งแข็งทำอะไรไม่ถูกได้แต่เกร็งตัวนิ่งอยู่อย่างนั้น
กลัวว่าฮีชอลจะตื่นขึ้นมา
กลัวว่าจะถูกไล่ออกไปเหมือนครั้งก่อน
“
กลับมา
นะ
” เสียงแหบแห้งพึมพำประโยคสั้นๆออกมาเบาๆจนอีกคนแทบจะจับความหมายไม่ได้
“พี่จองซู
”
“
” เสียงเรียกชื่อสั้นๆที่ทำให้หัวใจของใครอีกคนกระตุกวูบ ก่อนจะเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง
ก้อนจุกคล้ายเสียงสะอื้นอัดแน่นอยู่ในอก หากแต่เค้าเลือกที่จะกลืนมันลงไป พร้อมกับแค่นเสียงสั่นๆออกมา
“
ครับ
พี่อยู่นี่
” แม้จะแน่ใจว่าสิ่งที่คิมฮีชอลพึมพำออกมาจะเป็นเพียงแค่การละเมอเท่านั้น
แต่ปาร์คจองซูก็ขานรับออกไป พร้อมกับกุมมือเล็กเข้ามาแนบไว้ที่แก้ม
“
น้องหมอ
คิดถึงพี่มั๊ย
” ริมฝีปากสั่นๆเอ่ยออกมาเบาๆพร้อมกับน้ำตาหยดเล็กที่หยดลงบนเมือขาวของฮีชอล
ปาร์คจองซูหลับตาลง ปล่อยให้หยดน้ำตามากมายไหลออกมาอย่างไม่คิดจะห้ามไว้อีกต่อไป
“ฮือ
ฮึก
ฮือออ” แต่ทว่าเสียงสะอื้นเบาๆกลับดังออกมาจากคนตัวเล็กที่ยังหลับตาอยู่เช่นเดียวกัน
หยดน้ำตาใสไหลซึมออกมาจากหางตาสวยก่อนจะเปื้อนลงบนหมอนสีขาวเป็นวงกว้าง
น้ำตาของคิมฮีชอล
สามารถทำให้หัวใจของปาร์คจองซูบีบตัวแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก
อย่าร้องไห้สิ
“ฮีชอล
ไม่เอา ไม่ร้องนะ
” เรียวนิ้วยาวปาดเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเนียนอย่างเบามือ ก่อนจะรู้สึกถึงอุณหภูมิร้อนผ่าวของร่างกายคนตรงหน้า
ไข้สูง
“ฮึก
ฮือ
” ร่างเล็กเริ่มสะอื้นหนักขึ้นพร้อมกับน้ำตาใสที่ไหลออกมาไม่หยุด หยดซึมเปียกลงบนหมอนเป็นวงกว้างยิ่งทำให้จองซูร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก
ดวงตาที่บวมช้ำของฮีชอลปรือขึ้นเพียงนิด ทว่าร่างโปร่งก็แน่ใจว่าในตอนนี้คนป่วยไม่มีสติมากพอที่จะแยกระหว่างความฝันกับความจริง
“
พี่จองซู
ฮึก
”
“ครับ
”
“
ฮีชอล
รัก
รักพี่จองซูนะ”
ตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึก
.
“
พี่ก็รักเรา
”
เสียงทุ้มเอ่ยตอบไปได้เพียงแค่นั้น ก่อนจะก้มลงไปกอดร่างเล็กไว้แนบอก
ซึมซับสัมผัสที่คิดถึงซึ่งกันและกัน
ลูบหัวปลอบประโลมไม่ให้คนในอ้อมกอดร้องไห้หนักไปกว่านี้
เนิ่นนาน
จนร่างเล็กสงบลง
ปาร์คจองซูค่อยๆผละออกช้าๆ เผื่อไปหาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นๆมาเช็ดตัวให้คนป่วยที่ไข้ขึ้นสูง
อยากเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปรอะไปด้วยดินโคลนของฮีชอลให้ ทว่าก็ไม่กล้าจะสัมผัสร่างกายของอีกคนมากไปกว่านี้
ทำได้แค่เพียงซับผ้าหมาดน้ำลงบนใบหน้าขาว และนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆไม่ไปไหน
ไม่รู้เหมือนกันว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
แต่ปาร์คจองซูก็ได้ตัดสินใจลงไปแล้ว
“
ฮีชอล
รัก
รักพี่จองซูนะ”
คำๆนี้
เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ช่วยพูดให้ฟังอีกครั้ง
.ได้มั๊ยฮีชอล
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“เมี้ยว
”
“เมี้ยวววว
” เสียงร้องเหมียวดังขึ้นซ้ำๆที่ข้างหูของร่างเล็กที่นอนหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่ม
เสียงเล็กครางซ้ำอยู่พักหนึ่งจนคนบนเตียงเริ่มได้สติขึ้น
คิวเรียวเหนือตาคู่สวยขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิดเมื่อมีเสียงมารบกวน พยายามควานหาหมอนรอบกายมาปิดหูเอาไว้เพื่อหลับต่อ ทว่าแขนขวากลับถูกทับด้วยก้อนนุ่มอุ่นๆอยู่จนขยับไปไหนไม่ได้
เปลือกตาสวยเริ่มกระพริบปรือขึ้นอย่างงัวเงีย
อาการปวดหนึบที่ศีรษะยังคงลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย แต่ทว่าก็มากพอจะทำให้เค้างุนงงอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
“ฮีบอม?” เสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อก้อนนุ่มๆที่ทับแขนอยู่เมื่อครู่ขยับเดินเข้ามาใกล้ใบหน้า พร้อมกับถูหัวเข้ากับแก้มเนียนราวกับพยายามจะปลุกให้เจ้านายของมันตื่น
แล้วก็ได้ผล
คิมฮีชอลค่อยๆยันตัวลุกขึ้นแล้วกระพริบตามองไปรอบกายที่แทบจะมืดสนิท
โรคกลัวความมืดที่แทบจะฝังลึกอยู่ใต้จิตสำนึกเริ่มทำใหคนตัวเล็กมีอาการใจสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
เค้าจำได้ดีว่าก่อนที่จะผลอยหลับไปตัวเองไม่ได้เผลอปิดไฟอะไรทั้งนั้น
อีกทั้งรอบกายยังเงียบสนิท ราวกับว่า ณ เวลานี้ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าใดทำงานอยู่เลย
ทำให้ร่างเล็กเริ่มแน่ใจว่าตอนนี้ไฟดับ
ไฟดับ
เหมือนกับวันนั้น
คิมฮีชอลเป็นคนกลัวความมืด ...
แต่น่าแปลกที่ความมืดนั่นเอง กลับนำพาให้เค้าได้พบกับแสงสว่าง
ฮีชอลยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเพื่อลดอาการมึนที่ทำให้เค้าไม่สามารถนึกย้อนความทรงจำได้ชัดเจนนัก
สิ่งสุดท้ายที่เค้าจำได้ก็มีเพียงแค่อาการปวดเสียดในช่องท้องอย่างแรงเพราะโรคกระเพาะกับยาพาราที่กินเข้าไปเท่านั้น
แล้วหลังจากนั้น
“
”
ปาร์คจองซู
ตาคู่สวยเบิกโพลงขึ้นทันทีเมื่อภาพความทรงจำเบลอๆที่ฉายขึ้นในหัวมีภาพของใครบางคนอยู่ในนั้นด้วย
คำพูด อ้อมกอด
และสัมผัส
ทุกอย่างมันภึ่งจริงกึ่งฝันซะจนเจ้าตัวไม่สามารถจัดการกับความคิดเหล่านั้นได้
ไม่จริง
เป็นไปไม่ได้
มันเป็น
แค่ความฝันเท่านั้นแหละคิมฮีชอล
แค่ฝันไป
แต่ทว่าผ้าขนหนูหมาดน้ำที่ตกอยู่ข้างหมอน
มันยากที่จะทำให้คิมฮีชอลเชื่ออย่างนั้น
คนป่วยขมวดคิ้วเข้าหากันอีกครั้งเมื่ออาการมึนหัวเล่นปราดขึ้นในสมองจนปวดหนึบไปหมด
แขนเล็กพยายามยันตัวลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดหน้าต่างเพื่อเพิ่มให้อากาศถ่ายเทเข้ามามากยิ่งขึ้น
แต่ทว่าโทรศัพท์มือในกระเป๋ากางเกงกลับดังขึ้นมาเสียก่อน
Rrrrrrrrrrr
Rrrrrrrrrrr
Calling
P’Jung
“
”
หัวใจดวงเล็กเต้นระรัวขึ้นอย่างบ้าคลั่งพร้อมกระพริบตาถี่อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทว่าแรงสั่นที่ดังขึ้นเป็นจังหวะบอกให้ฮีชอลรู้ว่าเค้าไม่ได้กำลังฝันอยู่
ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความประหม่า พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาช้าๆ
ก่อนจะกดรับสายในที่สุด
“ฮัลโหล
”
“
พอจะมีเวลาว่าง
ซักสองนาทีรึเปล่า
”
ร่างเล็กชะงักด้วยความสงสัยเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
เค้าไม่สามารถคาดเดาได้ว่าปาร์คจองซูจะกำลังจะทำอะไร
“อืม
”
“ช่วยฟังให้จบหน่อยนะ
”
เสียงกึกเหมือนโทรศัพท์ของคนที่ปลายสายถูกวางลงที่ไหนซักแห่ง ก่อนที่เสียงกีต้าร์ทุ้มหวานหูจะดังลอดเข้ามาแทนที่
ท่วงทำนองบทเพลงคุ้นหูที่ทั้งคู่ชอบถูกบรรเลงขึ้นอย่างเชื่องช้า
เพลงแรกที่เราสองคนเล่นด้วยกันในคืนที่ไร้แสงสว่าง
เช่นคืนนี้
ณ วินาทีนั้น ฮีชอลไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตัวเองเผลอยิ้มออกมากว้างแค่ไหน
“ด้วยเหตุใดก็ตาม
เธอไม่เคยรับรู้
ใกล้เธอ
สักเท่าไหร่ แต่เหมือนไกล
ไกลห่างกัน
ได้แค่มองหน้าเธอ
ทำได้เพียงแค่นั้น
หัวใจที่แอบฝัน
อยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว”
“
”
“หากเธอรู้ใจ
หากเธอรู้ตัว
เธอจะเข้าใจกันรึเปล่า
”
เข้าใจสิ
เข้าใจหมดแล้ว
“ก็ไม่รู้เลย แต่ต้องพูดไป และจะมาเพื่อกวนใจคำถามเดียว”
.
“แค่อยากรู้รังเกียจกันไหม
ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลย
อยากได้ยินเสียงคนที่คุ้นเคย
อยากเจอเธอคนเดิมที่เคยที่เจอในเมื่อวาน
หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า
อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม”
“ฮ
ฮึก
” ริมฝีปากบางหลุดเสียงสะอื้นออกมา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลหยดออกมาด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันจน ไม่สามารถอธิบายได้
เสียงกีต้าร์โปร่งที่คุ้นหูดังก้องกังวานไปทั่วทั้งหัวใจ
ท่วงทำนองที่ปสมผสานกับคำร้องที่ตอกย้ำซ้ำๆให้ฮีชอลรู้ซักทีว่าที่ผ่านมาปาร์คจองซูรู้สึกอย่างไร
“
อยากให้รู้ว่ารักเธอ
”
“อือ
.รู้แล้ว
รู้แล้ว
” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ทว่ามันก็ล้มเหลว
ทำได้เพียงแค่เปล่งเสียงออกมาสั้นๆ แต่กลับไม่ใช่คำที่อยากพูดออกไปจริงๆ
ตาคู่สวยที่รื้นไปด้วยม่านน้ำตา เผลอเพ่งมองไปนอกระเบียงที่มีม่านบางและประตูกระจกกั้นเอาไว้
ที่ตรงนั้น
มีเงาของใครบางคนยืนอยู่
หัวใจดวงเล็กกระตุกวูบด้วยความประหลาดใจ
แม้ไม่อยากจะเชื่อสายตาในทีแรก แต่ร่างเล็กก็ค่อยๆก้าวเดินเข้าไปใกล้
ใกล้ขึ้น
และใกล้ขึ้น
ทั้งที่ยังถือโทรศัพท์ไว้แนบหู
“อยากให้หันมาหน่อย อยากให้มองหน้ากัน
ถ้าเธอไม่หวั่นไหวกับสายตาคนอย่างฉัน”
เสียงเพลงหวานหูยังคงดังลอดเข้ามาผ่านทางโทรศัพท์
ทว่าคิมฮีชอลแน่ใจ
ว่าคนที่ปลายสาย
ยืนอยู่ใกล้ แค่เพียงตรงหน้าของเค้า
ม่านบางสีครีมถูกเลื่อนเปิดออกช้าๆ
ที่อีกฝั่งหนึ่งของประตูกระจก
ปรากฎร่างโปร่งของผู้ชายคนหนึ่ง กำลังถือกีต้าร์โปร่งเอาไว้ในมือ พร้อมกับเอ่ยร้องบทเพลงออกมาด้วยรอยยิ้มที่เคยมอบให้ร่างเล็กอย่างอบอุ่นเสมอมา
“ไม่บังคับใจเธอ หากเจอคนที่ฝัน
หวังเพียงใครคนนั้นจะใกล้เคียงคนอย่างฉัน”
คิมฮีชอลไม่สามารถหยุดน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเค้า
สิ่งที่ผู้ชายตรงหน้ากำลังทำ
มันมากเกินความคาดหมาย
มากเกินกว่าที่คนอย่างฮีชอลเคยคิดว่าจะมีคนทำเพื่อเค้าได้ขนาดนี้
มีความสุข
จนไม่รู้จะเอ่ยออกมาอย่างไร
ทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
“หากเธอรู้ใจ หากเธอรู้ตัว เธอจะเข้าใจกันรึเปล่า
ก็ไม่รู้เลย
แต่ต้องพูดไป
และจะมาเพื่อกวนใจคำถามเดียว
แค่อยากรู้รังเกียจกันไหม
ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลย
อยากได้ยินเสียงคนที่คุ้นเคย
อยากจะเจอคนเดิมที่เคยที่เจอในเมื่อวาน
หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป ฉันคนหนึ่งจะยืนตรงที่เก่า
อยู่เพื่อบอกเธอ
คำที่ค้างใจ ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม”
“
”
“
อยากให้รู้
ว่ารักเธอ
”
บทเพลงหวานสิ้นสุดลง
พร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ระบายขึ้นบนใบหน้าของคนทั้งคู่
กีต้าร์โปร่งตัวเก่งถูกวางลงข้างๆ ก่อนที่ปาร์คจองซูจะหยิบโทรศัพท์ข้างๆขึ้นมาแล้วเอ่ยเรียกชื่อของอีกคน
“ฮีชอล
”
“หะ
หืม?”
“เปิดประตูให้พี่หน่อยได้มั๊ย?”
“เปิดใจให้คนๆนี้หน่อย
ได้มั๊ย
”
“รู้ตัวว่าไม่ได้ดีเด่มาจากไหน
กูก็แค่คนเหี้ยๆคนเดิมอย่างที่มึงรู้จัก
แต่กูมั่นใจว่ากูรักมึง
มากที่สุด
เท่าที่คนๆหนึ่งจะรักได้”
ประโยคยาวๆถูกพูดออกมาอย่างติดขัดโดยที่ไร้ซึ่งการตระเตรียมใดๆทั้งสิ้น
ท่าทางประหม่าเขินของจองซูทำให้ร่างเล็กอดอมยิ้มออกมาไม่ได้
ผู้ชายคนนี้น่ารัก
น่ารักมากกว่าที่ฮีชอลเคยคาดคิดเอาไว้หลายเท่า
“ปาร์คจองซูรักคิมฮีชอล
”
ชัดเจน
จนไม่ต้องการคำอธิบายใดๆอีก
คำสามคำ
ที่มีความหมายตรงตามตัวของมัน
คิมฮีชอลหลับตาลงช้าๆ ราวกับจะซึมซับความรู้สึกในตอนนี้เอาไว้
ริมฝีปากเล็กอมยิ้มออกมากว้างจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง
ก่อนจะเลื่อนบานประตูกระจกเปิดออกแล้วโผเข้ากอดใครอีกคนที่อ้าแขนรอรับไว้อยู่
“อือ
รักเหมือนกัน
” เสียงอู้อี้ดังลอดขึ้นมาจากคนตัวเล็กกอดซุกหน้าเข้ากับไหล่กว้างอย่างออดอ้อน
ปาร์คจองซูโอบคนในอ้อมแขนเอาไว้แน่น พร้อมกับโยกตัวไปมาเบาๆ
เอนหัวพิงกับใครอีกคนเพื่อเงี่ยหูฟังประโยคเมื่อกี๊ให้ชัดยิ่งขึ้น
“ว่าไงนะ
”
“บ
บอกว่ารักเหมือนกัน
”
“รักใคร
”
“
รักพี่จองซู
”
“ใครรัก
”
“เอ๊ะ! มึงนี่
” ร่างเล็กในอ้อมกอดที่ถูกต้อนจนเขินแทบทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำเอาไว้ภายใต้ไหล่กว้างของปาร์คจองซูโดยไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาให้อีกคนล้อเป็นอันขาด
ทว่ามันยิ่งน่าเอ็นดูจนร่างโปร่งอดแกล้งแหย่ต่อไม่ได้ แม้จะรู้ว่าจะโดนด่ากลับมาก็ตาม
“ถามว่าใครรักใคร
หืม?”
“จะใครอีกล่ะก็มึงน่ะแหล่ะ! กูรักมึง!
ได้ยินยัง!? แก่แล้วหูติ่งเหรอสัด” เป็นดังที่คาด
เสียงติดแหบตวาดด่ากลับมา แต่กลับกลายเป็นเสียงอู้อี้น่าเอ็นดูแทนน่ากลัวซะมากกว่าในความคิดของอีกคน
ปาร์คจองซูยิ้มกว้างกับประโยคบอกรักสไตล์คิมฮีชอลที่ไม่มีวันอ่อนหวานไปได้มากกว่านี้ แต่ก็เป็นสิ่งที่เค้าอยากได้ยินที่สุด
ร่างโปร่งกระชับอ้อมกอดแน่น พร้อมกับโยกตัวไปมาให้คนตัวเล็กเวียนหัวเล่นเพื่อความสะใจ
“นี่
ขอโทษนะ
” ประโยคสั้นๆหลุดออกมาจากปากของคิมฮีชอลอีกครั้ง
เรียกร้อยยิ้มของจองซูได้มากกว่าคำไหนๆ
“ขอโทษ
ขอโทษที่ทำตัวงี่เง่า ...ขอโทษที่ชอบทำตัวเป็นเด็ก เหี้ย ปากหมา นิสัยไม่ดี
ขอโทษนะ ฮึก
ขอโทษจริงๆ
ขอโทษ
”
“อืมมม
”
“ขอโทษนะ
”
"ไม่เอาขอโทษแล้ว..."
“
?”
"ขอฮีชอลแทนได้มั๊ย..."
FIN
-talk-
FIN FIN FIN
จบแล้ว \(///////▽//////)/ !!!!!!!!
เขียนเสร็จตอนตี 5 .39 นาที
เช้าพอดี เย้ 555555
จบจนได้ ชีวิตไม่เคยเขียนอะไรยาวๆขนาดนี้มาก่อนเลยนะ orz
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาตลอดนะคะ ♡
ไม่รู้จะอธิบายยังไง เราพูดไม่ค่อยเก่ง
แต่เรารู้สึกดีมากๆที่เรื่องที่เราเล่าออกมาแบบบ้าๆบอๆทำให้ใครหลายคนยิ้มได้
พลอตมึนๆ ภาษาก็กากๆ แต่ก็ยังมีคนอ่านฟิคของเรา
ดีใจมากเบยยย ;w; (กอดหน่อย)
เฮโหลโซเมต สวัสดีเนื้อคู่ พี่จองน้องหมอ พี่เสี่ยวน้องซึน หรือเรียกอะไรก็แล้วแต่ ขอบคุณที่อ่านฟิคของเราจนจบค่ะ ♡♡♡♡♡♡
ปล(แปดสิบสามไลน์) . ใครอ่านแล้วไม่เคยเม้น นี่เป็นโอกาสสุดท้าย จงเม้นซะะะะ 55555555
เรื่องรวมเล่มเดี๋ยวมาบอกเน้อ ยังไม่ได้แต่งสเปเลย ฮ่าาาา - -
แล้วเจอกันค่า ♡
-@30ww-
12-01-29
ความคิดเห็น