ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    'Neck' n 'Neck' { chanbaek }

    ลำดับตอนที่ #2 : - c h a p t e r : 1 -

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.85K
      17
      3 ก.ค. 57






     

     

     

    สิ่งที่ผมกลียดที่สุดในโลกยุคนี้ก็คือ...หมีแพนด้า

     

     

    ขอร่ายเหตุผลง่ายๆสามประการ

     

     

    1.พวกมันมีเสียงร้องที่โคตรจะตรงกันข้ามกับรูปร่างหน้าตา แม่งเอ๊ย เสียงคำรามยังกะหมาขย้อนอ้วก


     

    2.สมัยก่อนแพนด้าเป็นสัตว์หายาก จึงได้รับการประคบประหงมมากเกินจำเป็น ทั้งยังมีการตัดต่อพันธุกรรมเกี่ยวกับเซ็กซ์โครโมโซม ส่งผลให้ปัจจุบันพวกมันมียีนส์ส้นตีนอะไรซักอย่างที่ทำให้ขยายพันธุ์เร็วประหนึ่งไฮดราแตกหน่อ เกลื่อนถนนครับ พูดแค่นี้


     

    3.ไอ้คุณปาร์คเขาเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านตัวนึง ดุหยังเสือ

     

     

     

    “ฮื่อ!!


     

    นั่นไง ยังไม่ทันพ้นรั้วบ้านแม่งขู่กรรโชกกู(?)มาแต่ไกล


     

    “ฮื่อพ่องไอ้ด้า หุบปากไปเลย!


     

    “ฮื่อ!!” นังหมีสีขาวดำเริ่มตะกายรั้วเหล็ก ท่าทางมันคงจะอยากหลุดออกมาแหกอกผม ว้ายย!!...กลัวตายเลยมึง -_-

     

     

    แล้วนี่เจ้าของบ้านเขาจะปล่อยให้ผมทะเลาะกับหมีในปกครองของเขาอีกนานมั้ยครับ โว้ยปาร์คโว้ย! ออกมาต้อนรับกันหน่อยเร้ว!

     


     

    ฉับพลันทันใจครับ ประตูบ้านค่อยๆเลื่อนออกจากกันโดยอัตโนมัติ เผยให้เห็นร่างสูงสมส่วนของคนที่นัดให้ผมมาหาในวันนี้ ปาร์คชานยอลอยู่ในชุดลำลองสบายๆ เสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงวอร์มสีเทาอ่อน

     


     

    ในมือถือด้ามอะไรซักอย่างที่ยาวพอสมควร  ชั่ววินาทีที่ผมกำลังนึกสงสัย เขาก็ตั้งทางพุ่งแหลนเขวี้ยงอาวุธปลายแหลมมายังร่างของผมอย่างรวดเร็ว!

     


     

    ผมหลับตาปี๋ ทั้งกายชาดิกไม่แม้แต่จะหลบเลี่ยงภัยที่กำลังมาถึงตัว

     

     

    ฉึก!

     

     

    ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเสียงนั้นดังขึ้นแต่ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่ประการใด  เพราะวัตถุจากไอ้ตำรวจนั่นไม่ได้เฉียดโดนลำตัวผมเลยซักนิด แต่มันปักลงบนดินก่อนถึงตัวผมราวๆซักสิบเซนติเมตรได้

     

     

    แล้วนังแพนด้าตัวปุ๊กลุกก็คลานไปเคี้ยวไอ้แท่งยาวๆนั่นดังกร๊วบ

     

     

    ห่าเอ๊ย...มึงขว้างบ้องไผ่มาเนี่ยนะ

    ไอ้เลว

     

     

     

    “หวัดดีหัวหน้า” ผมโบกมือทักทายแม้ในใจจะกร่นด่าเขาร้อยแปด ก่อนจะพยักเพยิดไปที่รั้วบ้านเป็นนัยให้เขาเปิดมันต้อนรับผมซักที ...แค่หมอนั่นดีดนิ้วรั้วก็เลื่อนเปิดอย่างง่ายดาย


     

    และผมปลอดภัยดี เพราะนังหมีสนใจแต่ไผ่ ไผ่ แล้วก็ไผ่

     


     

    ชานยอลไม่รอให้ผมเดินไปถึงตัวเขา ร่างสูงยาวนั่นหันหลังเดินกลับเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมต้องรีบวิ่งตามเข้าไปก่อนที่ประตูจะปิดโดยอัตโนมัติอีกครั้ง


     

     

    ซึ่งผมมันก็โคตรคนซวยมหากาฬ

     


     

    “เหวออ!” ผมหลุดอุทานเมื่อประตูเหล็กหนีบคอเสื้อด้านหลังทำให้สารร่างผมติดแหง็กอยู่กับประตูที่หนักราวสองตันได้  ชานยอลหันมาปรายตามอง ก่อนจะทำหน้าเหม็นเบื่อ แล้วก็เดินไปนั่งเก๊กมาดคุณนายที่โซฟาเยลลี่ มันเป็นโซฟาเจลสีฟ้าใส ปรับอุณหภูมิได้ตามสภาพอากาศ ถ้าวันไหนอากศหนาว เจ้าโซฟานี่ก็จะอุ่น  ตรงกันข้าม ถ้าอากาศร้อน เจลข้างในก็จะเย็นฉ่ำ  ผมชอบมันนะ แต่ที่บ้านผมไม่มีหรอก แม่งแพงชิบหาย

     


     

    เออลืมไป บ้านผมก็ไม่มีนี่หว่า

    เฮ้ยกูมีอะไรบ้างเนี่ย -_-


     

     

     

    “ติดอ่ะ” ผมชี้นิ้วไปที่ด้านหลังตัวเอง ยิ้มแห้งๆพร้อมพูดเสียงเจื่อน


     

    ปาร์คชานยอลมองด้วยหางตาสองวิฯ อือ...ก็แค่นั้นแหละ



     

    เขาใช้เท้าเขี่ยสมาร์ทโฟนบนโต๊ะหน้าโซฟาให้เข้ามาใกล้ตัว แล้วก็ใช้นิ้วโป้งเท้ากับนิ้วกลางหนีบมันขึ้นมา ก่อนจะยื่นมือไปหยิบมากดยุกยิก



     

    “รหัส?”


     

    “ผมติดอยู่เนี่ยเห็นมั้ย” มาถามเรื่องพาสเวิร์ดไรตอนนี้วะ


     

    “เห็น... รหัส?”


     

    “ติด”


     

    “รหัส?”


     

    “อยู่กับผมนี่แหละ ถ้าไม่ช่วยผมก็ไม่ให้” ผมพูดพร้อมหยิบกระดาษใบเล็กๆที่เอาติดตัวมาด้วยขึ้นมาชูตรงหน้า  นี่คือรหัสไอดีของผมเอง เราใช้มันเชื่อมต่อกับองค์กรค้ายาที่มีเน็ตเวิร์คทั่วโลก


     

     

    ปาร์คชานยอลทำหน้าซังกะตาย พ่นลมหายใจเบาๆ สุดท้ายเขาก็ทรงตัวลุกขึ้นมา

    เยเห็ด เขามันก็แค่มนุษย์ปี 3014

     

     

     

    “เฮ้ย!


     

    เหมือนผมจะประเมินมารยาทของเขาสูงเกินไป  ชานยอลเดินมาหยุดยืนห่างจากผมประมาณเมตรกว่าๆ แล้วเขาก็ตวัดขาคล้ายจะไฮคิก จากนั้นก็ใช้นิ้วเท้าฉกกระดาษในมือของผมไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับท่าทางที่เขาใช้หยิบโทรศัพท์

     


     

    llllllllllll แอลสิบสามตัว?” เขาอ่านอักษรในกระดาษแล้วเงยหน้ามาพยักคิ้วเป็นเชิงถาม


     

    “มีแอลเล็กเจ็ดตัว อีกหกเป็นไอใหญ่ อยากรู้ก็มาปล่อยผมไปก่อน เร็วๆเลย!

     


     

    ชายชาติตำรวจหยิ่งทะนงนัก... ท่านปาร์คทิ้งตัวลงบนโซฟาเจล และเริ่มทำการแกะรหัสด้วยตัวเอง สิ่งที่ผมพอจะทำได้คือถอดเสื้อซะ ทิ้งให้มันถูกหนีบอยู่ที่เดิม เอาไว้ค่อยดึงมาออกอีกทีตอนขากลับ

     


     

    เหอะนะ ผมไม่กระชากให้มันขาดออกมาหรอก นี่คือเสื้อตัวเก่งที่ผมจะใส่มันประจำทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ส่วนเสาอาทิตย์ผมจะใส่เสื้ออีกตัว ซึ่งผมมีเสื้อจะใส่อยู่แค่สองตัวเท่านั้นแหละ กางเกงก็มีแค่หนึ่ง

     


     

    เฮ้ ไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวนี้เรามีนวัตกรรมสเปรย์ซักแห้ง คุณก็แค่ฉีดมันก่อนออกจากบ้านทุกเช้า เสื้อผ้าก็จะหอมเหมือนถูกซักด้วยดาวน์นี่น้ำเดียวสูตรเข้มข้น

     


     

    “ไอไอแอลแอล แอลแอลไอไอ ไอไอ ที่เหลือแอล” ผมบอกก่อนถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาข้างๆกับเขา



     

    เชี่ยย...อย่างเย็น

     


     

    “แต่นอกจากข้อมูลของผม คุณก็คงไม่ได้อะไรหรอก เพราะมันไม่มีลิงค์เชื่อมต่อไปไหน ผมเคยลองหมดแล้ว”

     


     

    ตื๊ดดดดด

     

    แล้วเขาก็ทำการเจาะระบบได้อย่างรวดเร็ว


     

    จ้า...เก่งจ้า

     


     

    “กลับไปได้แล้ว”


     

    ผมหันไปทางชานยอลอย่างรวดเร็ว เฮ้ยไล่กันเร็วไปป่ะ ตูดเพิ่งแตะเบาะเมื่อกี้เองนะ


     

    “โหย ขอพักเหนื่อยหน่อยดิ กว่าจะแหวกช่างกลอนุบาลมาหาคุณได้ผมจะเดี้ยงเอา”


     

    ขวดตำรุนไม่ได้ว่าอะไร เขานั่งทำงานไปเงียบๆ ส่วนผมก็เริ่มจะจมโซฟา ความนุ่มนิ่มของมันบีบให้เราเข้าหากัน และตัวของเขาก็อุ่นดีตอนที่ข้อศอกแหลมๆของเขาแตะเข้าที่สีข้างที่เปลือย เปล่าของผม

     


     

    “หักหลังพวกตัวเองอย่างนี้ทุกทีเลยหรอ” อยู่ดีๆเขาก็ถาม ผมเลิกคิ้ว หยุดคิดไปวูบนึงแล้วก็ต้องยอมรับโดยดุษฎี


     

    “ประมาณนั้น”


     

    “อ่าฮะ”


     

    “แปลกตรงไหน เป็นคุณคุณเลือกอะไร ยอมติดคุกข้อหาจำหน่ายยาเสพติดหรือบอกข้อมูลขององค์กรเพื่อแลกไม่ให้ตำรวจจับตัวเอง”


     

    “แบบนาย” เขาตอบทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด


     

    “เห็นมั้ยล่ะ...”


     

    ความรักของพรรคพวกน่ะตายไปเป็นอันดับสาม หลังการล่มสลายของความรักระหว่างพ่อแม่ลูก และญาติพี่น้อง

     

     

     

     

    ใหม่! เซรุ่มความรัก X-code series3014 เพิ่มเวลาความฟินอีกครึ่งชั่วโมงในราคาเท่าเดิม ด่วน!มีจำนวนจำกัด

     

     

    ปิ๊บ!

     

     

    ชานยอลใช้รีโมทกดปิดภาพสามมิติบนผนังบ้านที่เป็นถูกยิงสัญญาณมาจากเครื่องฉายตัวเล็กๆ เมื่อเสียงโฆษณาเซรุ่มรักของทางการดังขึ้น ซึ่งมันเป็นโฆษณาเพียงตัวเดียวที่เสียงดังกว่าระดับเสียงปกติที่เราตั้งไว้ เป็นนัยว่ารัฐแทรกแซงแม้กระทั่งเรื่องส่วนตัว และกำลังฝังหัวพวกเราว่ามันเป็นเรื่องที่เจ๋งเป้ง

     

     

    “เคยลองมั้ย?” เขาถาม ซึ่งผมก็ได้แต่หัวเราะเสียงลอดไรฟัน


     

    “ไม่น่าถาม”


     

    “โทษที”


     

    “แล้วคุณล่ะ?”


     

     

    เขาหันมายิ้มแบบมีเลศนัย... ชัดเลย

     


     

    “โว้วว!!” ผมกระเด้งตัวขึ้นมาร้องอย่างตื่นเต้น แม่เจ้า! ถึงผมจะชอบแขวะไอ้เจ้าเซรุ่มนี่ แต่ลึกๆแล้วใครๆก็รู้ว่าแม่งสุดยอดที่สุดละ ถ้าให้เปรียบคงเหมือนแลมโบกินี่เมื่อซักพันปีก่อน คนไม่ชอบยุ่งเรื่องรถก็มักจะหาว่ามันไร้สาระ แต่ลองแล่นผ่านถนนดิ อย่าให้เห็นนะว่ามองตาม


     

    แต่เซรุ่มเหี้ยนี่ยิ่งกว่ารถ บ้าน อัญมณี เพราะมันเป็นสุดยอดแรร์ไอเท็มของยุค 3014!


     

     

    “เชี่ยแม่งโคตรเจ๋งอ่ะ!


     

    ปาร์คชานยอลกระตุกยิ้มมุมปาก เขาคงขำที่ได้เห็นประกายอะไรบางอย่างในดวงตาของผม อ่ะนะ ตอนนี้ผมมองเขาเปลี่ยนไปจากหลังตีนเป็นหน้ามือ  เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้าเขาคือขี้ แต่ตอนนี้เขาคือทองคำ


     

     

    “ใช้กับใครอ่ะ” ผมยิงคำถามอีกดอก  ตอนนี้เราแนบชิดกันจนร่างกายเสียดสีกันผะแผ่วเพราะผมลิงโลดมากเกินไปหน่อย  เพียงแค่เขาหันหน้ามาไม่กี่องศา ลมหายใจอุ่นร้อนก็จรดรดใบหูของผม


     

    “ผู้หญิง...” เขากระซิบเบาๆ


     

    “เช็ดดดดดดดดด!!!


     

     

    ไม่แน่ว่ารัฐมนตรีกระทรวงจิ๋มกระป๋องอาจจะไม่มีบุญเท่าปาร์คชานยอล นี่เขาเคยใช้เซรุ่มความรัก แถมใช้มันกับผู้หญิงเนี่ยนะ โอ้ววว เขานี่มันยอดคนเหนือคนจริงๆ

     

     

    “จำความรู้สึกตอนนั้นได้มั้ยอ่ะ” ผมถาม นี่ผมตื่นเต้นจนขนลุกไปหมดแล้ว


     

    “ก็ดี” เขาตอบแบบวางท่า ก็ดีบ้าไรล่ะ โคตรดีต่างหาก!


     

    “รัฐบาลน่าจะพัฒนาให้มันออกฤทธิ์ไปได้แบบถาวร เสียดายชะมัดที่พวกเขาทำไม่ได้”


     

    ปาร์คชานยอลแสยะยิ้ม เขาหลุดหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะพ่นวลีบ้าบออะไรซักอย่างที่มีอนุภาพเพียงแค่ปลิวผ่านหูของผมไป “Impossible is nothing


     

     

     

     



     

    “อื๊ดดด! อึ่ก!!


     

    เสียงร้องคำรามอย่างเจ็บปวดดังลอดเข้ามาในบ้าน ผมกับชานยอลหยุดการสนทนาและพุ่งสายตาไปยังบานประตูราวกับว่ามันมีแรงดึงดูดอันแปลกประหลาด

     


     

    เรายืนขึ้นพร้อมกัน และโซฟาก็คืนทรงอย่างรวดเร็ว


     

     

    เขาเดินนำหน้าไปก่อน เพียงแค่ดีดนิ้วประตูกเหล็กกล้าที่เงาวับก็เคลื่อนออกจากกัน ส่งผลให้เสื้อยืดของผมล่วงลงไปกองกับพื้น  คราวนี้ผมเพิ่มอัตราเร็วมากกว่าเดิมเพื่อที่จะวิ่งตามเขาออกไปได้ทันก่อนที่ประตูจะปิดงับส่วนต่างๆบนร่างกายอีก

     



     

    ภาพที่พวกเราเห็นคือหมีแพนด้าที่ดับอนาถ มันนอนจมกองเลือด หัวไปทาง ตัวไปทาง  บนสนามหญ้ามีหลุมลึกและกว้างพอสมควรจากแรงระเบิดลูกเล็กๆ  คงเป็นใครซักคนที่ขว้างมันเข้ามา จะใครก็ได้ เพื่อนบ้าน ศัตรู คนเก็บขยะ นักเรียน นักบุญ ...จะใครก็ทำเรื่องแบบนี้ได้ทั้งนั้นแหละในยุคสมัย 3014

     

     

    ความป่าเถื่อนเป็นส่วนหนึ่งของเรา มันแสดงออกมาเด่นชัดเมื่อความรักกลายเป็นแค่ตำนานที่เล่าขานสืบกันมาเฉยๆ ไม่มีผลอะไรในการขัดเกลาสัญชาตญาณดิบของมวลมนุษย์

     


     

    ชานยอลดีดนิ้วเพื่อสั่งการให้รั้วบ้านเลื่อนเปิด แล้วเขาก็เตะหัวเจ้าแพนด้าผู้น่าสงสารอย่างแรงจนกระเด็นไปไกลสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะเดินไปยังส่วนของลำตัวที่มีน้ำหนักมากกว่าส่วนหัว จากนั้นก็ออกแรงใช้เท้ากลิ้งมันไปเรื่อยๆจนหลุดพ้นตัวบ้าน... ในขณะที่ผมได้แต่ยืนมองตาค้างอยู่อย่างนั้น

     


     

    แล้วปาร์คชานยอลก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาศูนย์ฝึกและบัญชาการแพนด้าแห่งชาติ เพื่อที่จะสั่งแพนด้าเดลิเวอร์ลี่ตัวใหม่มาเฝ้าบ้านแทนตัวที่เพิ่งถูกฆาตกรรมไปสดๆร้อนๆ

     


     

    “เอ่อ..จะไม่..คือคุณจะไม่ฝังศพมันหน่อยหรอ” ผมถาม จริงๆก็ไม่เชิงถามหรอก ผมก็แค่อยากจะเสนอวิธีที่ดีกว่าการเตะซากมันออกไปจากบ้าน

     


     

    ชานยอลมองผมอย่างงงๆ เขาทำน้าเหมือนได้เห็นมนุษย์ยุค 2014

     


     

    ใช่ ผมมันหัวโบราณ สมัยนี้เราไม่นิยมอาลัยอาวรณ์สัตว์เลี้ยงกันแล้ว เราไม่รักกัน เราฆ่าฟันกันเพื่อสนองด้านมืดในจิตใจ เรามีตำรวจที่ทำงานไปแบบมึนๆเพราะตำรวจเองก็ปรารถนาจะปลดปล่อยความรุนแรงเช่นกัน

     


     

    แต่เราก็ควร เอ่อ...เอ่อ ผมก็แค่คิดว่า ถ้าเป็นผม ผมจะฝังมันไว้ที่สวนหลังบ้าน สวดมนต์ให้มันหนึ่งจบ อาจจะเป็นจบสั้นๆ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย


     

    ไม่รู้ดิ แต่ผมคิดแบบนี้


     

    โลกเราคงดีกว่าที่เป็นอยู่ ถ้าสมมติว่าความรักไม่ได้ถูกซื้อขายกันในราคาร้อยล้านวอน เราน่าจะมีมันติดตัว แบบว่าเหลือเฟือจนแจกจ่ายให้กันได้


     

    ค.ศ. 3014 คือกลียุคที่ความรักออกมาจากเซรุ่ม ไม่ใช่หัวใจ













    50%

     



     

     

    นี่เป็นวันที่สองที่ปาร์คชานยอลนัดผมมาที่บ้าน...

     

     

    ไม่ใช่แค่ผมกับเขาสองต่อสองเหมือนเมื่อวาน คราวนี้มีคนในทีมที่จะทำภารกิจรวมกันอีกสองคน ซึ่งสองคนนั้นแตกต่างจากผมโดยสิ้นเชิง พวกเขาภูมิฐาน ร่ำรวยและดุดัน ผมจึงแค่จำชื่อเอาไว้ แต่ไม่คิดจะตีสนิทด้วย

     


     

    “เล็งตรง เกร็งแขน อย่าให้แรงสะท้อนตอนยิงทำอะไรเราได้” เสียงทุ้มนั่นมาพร้อมกระบอกปืนขนาดพอดีมือที่คุณตำรวจปาร์คโยนมาให้ผมเป็นคนสุดท้าย จากที่ก่อนหน้าเขาส่งมันให้คิมจงอิน และโอเซฮุนอย่างสุภาพ


     

    “แค่มีเงินสามพันวอนก็ซื้อโลชั่นกันกระสุนได้”ผมยิ้มขำเชิงดูถูก จะไปจับแก๊งค์ค้ายาระดับชาติแต่พกปืนกระบอกแค่นี้ไปเนี่ยนะ ปืนของช่างกลอนุบาลแม่งยังใหญ่ซะกว่า

     


     

    ชานยอลฉวยปืนกระบอกนั้นคืนไป ก่อนจะจ่อทางออกของลูกกระสุนมาที่หน้าผากของผม  เสียงหัวเราะอย่างขบขันของจงอินทำให้ผมคอแข็ง พวกเขากำลังทำให้ผมกลายเป็นตัวตลกของทีม



     

    “ก็ลองดู” ผมท้า วินาทีแรกก็ขำๆดีอยู่หรอก แต่ต่อมาสายตาของชานยอลก็ทำให้ผมขนลุก “แต่อย่าดีกว่าเนอะ เปลืองกระสุนซะเปล่าๆ” ผมยิ้มแหยแล้วดันปากกระบอกออกไป “บางทีพวกมันอาจจะไม่ชอบทาโลชั่นกันอาวุธเหมือนผมก็ได้”


     

     

    ปาร์คชานยอลจ่อปืนโลหะสีเงินวาวเข้ามาประชิดผิวของผมอีกครั้ง ก่อนจะไล้ปลายกระบอกจากหน้าผากลงมาถึงลูกกระเดือก เขากระตุกยิ้มเยียบเย็น พร้อมกับใช้กระบอกปืนเกี่ยวคอผมเข้าไปใกล้จนลมหายใจเรารินรดกัน

     


     

    SC01 ไม่ใช้กระสุน มันทำลายคู่ต่อสู่ด้วยแสงเลเซอร์ที่นายไม่มีทางจินตนาการควานรุนแรงได้”


     

    “...”


     

    “อย่างแน่นอน”


     

    “โอเค...รู้แล้ว...โอ้ว!มันช่างอะเมซิ่งอะไรอย่างนี้!” ผมทำเป็นเบิกตากว้าง ดูแล้วคงตอแหลในสายตาอีกฝ่ายไม่ใช่น้อย จริงๆก็ไม่อยากล้อเลียนเท่าไหร่หรอกครับ แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำท่าทางข่มขู่รีดไถขวัญกำลังใจกันขนาดนี้ แถมยังทำมันต่อหน้าคนอื่น! โอเค! โอเคที่สุดในโลก!



     

    “ความร้ายกาจของมันขึ้นอยู่กับผู้ใช้ นายปรับระดับความแรงของมันได้จากการทิ้งน้ำหนักตอนเหนี่ยวไก”


     

    “ผมคิดว่าผมทำมันได้ดี ถ้าสมมุติว่ามันไม่ต่างจากการกดแชมพูแบบขวดปั๊มมากนักอ่ะนะ” กดน้อยออกมาน้อย กดมากออกมามาก ...มั้ง


     

    “หึ” เขาหัวเราะเบาๆ แล้วผมก็รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของปากกระบอกปืนเย็นเฉียบที่หลังคอ มันลากต่ำลงไปตามแนวกระดูกสันหลัง แม้ผมจะใส่เสื้อผ้าแต่ก็ยังรู้สึกถึงความหนักแน่นของอาวุธที่ชานยอลเรียกมัน ว่า SC01


     

    “ไม่เอาน่า ผมไม่ใช่คนที่คุณต้องจัดการด้วยเสียหน่อย” ผมยิ้มแห้งๆ ท่าทางกวนประสาทมีอันต้องเก็บลงกระเป๋าไปก่อน เพราะผมยังไม่อยากถูกสอยเสียตั้งแต่ตอนนี้


     

    “นายน่ะอันดับหนึ่งของลิสต์เลย” เขายิ้มเย็น ก่อนจะผลักผมอย่างแรงจนร่างบุ๋มจมไปกับโซฟานิ่ม ร่างสูงใหญ่คร่อมทับผมเอาไว้ เข่าแข็งแรงสอดลงตรงหว่างขาพอดิบพอดี


     

    “เฮ้ ไม่เอาน่า” ผมฝืนยิ้มและดันอกกว้างออกไป แต่ไม่มีอะไรขยับเขยื้อนนอกจากกระบอกปืนที่ปล่อยเลเซอร์ได้


     

     

    ฟู่ว...

    แล้วมันก็เล็มปอยผมของผมขาดไปกระจุกนึง กลิ่นเหม็นไหม้ตลบอบอวล

     


     

    “อย่ากวนประสาทฉัน ฉันไม่ใช่คนที่นายจะเล่นด้วยได้”


     

    “...”


     

    “นิ่ง ฟัง และทำตาม เข้าใจ?”


     

    “ข...เข้าใจ”

     


     

    ไอ้หูกาง ไอ้ปากห้อย ไอ้มนุษย์ป้าตาโปน ไอ้บ้า!! บังอาจมากระทำชำเราปลายผมสิบห้าเซนต์ของฉันได้ยังไง ฮึก!

     

     

    ผมกรีดร้องในใจขณะที่น้ำหนักบนตัวเริ่มผ่อนลงเพราะปาร์คชานยอลคนชอบขู่นั่นลุกออกไปแล้ว คอยดูเหอะถ้ามีโอกาสผมหาทางเล่นงานเขากลับแน่!

     


     

    “ลุก” เขาสั่งเสียงเรียบ ซึ่งชัวร์ว่ากระดูกเบอร์รองอย่างผมก็ทำได้แค่ นิ่ง ฟัง และทำตามเท่านั้น!


     

    “ทำทุกอย่างตามแผน อย่านอกเกม คนอย่างนายน่ะฉันรู้จักดี”


     

    คนอย่างแบคฮยอนทำไมวะ หล่อหรอ?


     

    “โอเคๆ ผมไม่อยากฟังคำชมของคุณแล้ว นำไปเลย” ผมผายมือไปทางประตู ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าสิ่งที่จะพ่นออกจากปากอิ่มๆนั่นคงไม่พ้นคำดูถูก ยอมรับว่าผมมันพวกคนไร้ที่อยู่อาศัย เป็น Homeless ซกมก จนๆ ปลิ้นปล้อน กะล่อน หลอกลวง ตลกร้ายและไม่น่าคบหา


     

     

    ชานยอลเหน็บปืนของเขาไว้ที่บั้นเอว ก่อนจะโยนอีกกระบอกมาถามผม รวดเร็วจนต้องเอื้อมไปรับด้วยท่าทางตลกๆ ....จงอินขำแบบเหยียดหยามอีกแล้ว แม่งไอ้เลวเอ๊ย

     



     

    พอผมเก็บปืนเสร็จ ชานยอลก็เดินนำทัพออกไปข้างนอก ตามด้วยเซฮุนผู้เย็นชาที่ตั้งแต่เจอกันยังไม่ยอมมองหน้าผมซักวินาทีเดียว และคิมจงอินที่หันมายักคิ้วให้เหมือนจะกวนประสาท



     

    ผมสูดหายใจเข้าลึกสุดขั้วปอด ...สนุกดี เจอกันเมื่อสองวันที่แล้ว จากนั้นปาร์คชานยอลก็เอาผมมาเข้าทีมทลายแก๊งค์ค้ายา ใช้ผมเป็นสะพานและนกต่อ



     

    ก็ได้... แล้วผมจะทำให้เขารู้ว่าเขาไม่มีทางเอาสุนัขจิ้งจอกมาเลี้ยงและฝึกให้เชื่องได้ เพราะผมไม่ใช่สุนัขบ้านขี้ประจบแบบที่เขารู้จัก...ไม่ใช่เลย...ไม่ใช่ซักนิดเดียว!



     

     




     

     







     

     

     

    เหนือพื้นดินประมาณครึ่งไมล์ ผมนั่งชิดขอบหน้าต่างบนเครื่องบินเจ็ท



     

    “หิวมั้ย?”


     

    ผมเงยหน้ามองคนพูดอย่างตกใจ ไม่อยากจะเชื่อ โอเซฮุนที่แสนเย็นชากำลังชวนผมคุยและยื่นขนมปังอัดแข็งมาให้


     

    ผมยิ้มรับไมตรีพร้อมเอื้อมมือออกไปรับน้ำใจเล็กๆน้อย  แต่แล้วเขาก็โยนขนมปังออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดรับลมจนเสียงลมดังกระหึ่ม แต่เสียงหัวเราะของจงอินก็ช่างหวีดแหลมและชัดเจนนัก


     

    ผมชะงักมือกลางอากาศเก้อๆ แต่การกลั่นแกล้งของเขามันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร


     

    “ใจดีเนอะ ให้อาหารนกด้วย” ผมพูดด้วยรอยยิ้มแสร้งไร้เดียงสา ตอกให้เขารู้ว่าว่าการทำแบบนี้ไม่ได้สะเทือนอะไรผมตรงไหน ซึ่งเขาก็คงขี้เกียจเล่นต่อจึงยอมเดินไปนั่งประจำที่






     

    ผ่านไปสิบนาทีกว่าๆเราก็มาถึงปลายทาง...



     

    แต่ไม่ทันที่เจ็ทของเราจะได้แลนดิ้งลงดาดฟ้าตึกข้างๆกับตึกเป้าหมาย ชานยอลก็เดินดิ่งมาที่ผม ดันเข้าชิดผนังเครื่องที่ทำจากโลหะพิเศษ ก่อนจะทำการติดอุปกรณ์ดักฟังและไมโครโฟนรวมถึงหูฟังขนาดนาโนไว้ที่ใบหูของผม



     

    สายตาของเขาดุดันเต็มเปี่ยมด้วยความเผด็จการ ผมจึงทำปากจู๋ส่งจูบให้เขาเพื่อกวนประสาท ปาร์คชานยอลคงแขยงก็เลยลากคอผมแล้วเหวี่ยงลงไปทั้งที่เครื่องยังไม่ลงจอด



     

    “เหวอออ!!” ผมตะเกียกตะกายยึดมือของเขาเอาไว้ ลมโกรกหัวจนผมปลิวปลกหน้าไปหมด ผมหลับตาปี๋ หัวใจเต้นแรง ปลายเท้าปัดป่ายอยู่กลางอากาศ



     

    “อย่าปล่อยนะ!” ผมตะโกนทั้งที่ยังหลับตาแน่น มือชื้นเหงื่อขึ้นเรื่อยๆ และมันก็ลำบากมากเพราะผมเป็นฝ่ายเดียวที่พยายามจับมือเขาเอาไว้



     

    มือเลื่อนออกจากกันจนสุดปลายก้อย ชานยอลใช้อีกมือข้างแกะมือเราออกจากกัน และผมก็ร่วงลงไป

     


     

     

    ฟิ้วว...


     

    ตุบ!



     

    หล่นลงบนพื้นที่ห่างจากปลายเท้าไปไม่ถึงเมตร

     


     

    เชี่ย...สะดีดสะดิ้งยังกะตกตึกสิบชั้น แม่งโคตรอาย!!

     


     

    แต่ฟอร์มก็ไม่จำเป็นสำหรับคนอย่างแบคฮยอนอยู่แล้ว ผมเงยหน้าขึ้นไปยิ้มใส่ไอ้ตำรวจหูกาง ก่อนที่ใบหน้าเก๊กๆของหมอนั่นจะลอยขึ้นไปสูงเรื่อยๆ จนกระทั่งเหลือผมคนเดียวบนดาดฟ้า

      


     

    ผมลงจากตึกนั้นก่อนจะข้ามถนนสายเล็กไปยังอาคารที่ไม่เคยย่างกรายเข้าไปมาก่อน แม้จะเดินยาตั้งแต่สิบขวบ แต่ที่ตั้งขององค์กรก็ถูกเก็บเป็นความลับเอาไว้อย่างดีเหมือนไข่ในหิน

     


     

    เมื่อวานปาร์คชานยอลเจาะระบบของพวกมันด้วยไอดีเมมเบอร์ของผม แฮ็กและแฝงเปลี่ยนข้อมูลผมให้กลายเป็นลูกค้าวีไอพีระดับเจ็ดดาว  ภารกิจของผมคือเข้าไปล่อซื้อยาล็อตใหญ่ เก็บภาพและล่อลวงให้คนของแก๊งค์คายความลับเพื่อใช้เป็นหลักฐานการจับกุมให้มากที่สุด ก่อนที่คนในทีมจะบุกเข้ามาทลายคลังยาผิดกฎหมายที่นี่

     


     

    หึ ชานยอลน่ะไว้ใจคนพเนจรอย่างผมมากไป ถ้าเราโอนอ่อนและไร้พิษสง เราคงไม่มีทางร่อนเร่อยู่ได้ในยุค 3014

     

     

     

     

     

    ผมใช้ไอดีการ์ดที่ชานยอลปลอมแปลงผ่านเข้าไปข้างในอาคารกลางเก่ากลางใหม่นี่ได้ไม่ยากนัก แค่ไม่ถึงสิบห้าทีผมก็เข้ามานั่งในห้องของผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของที่นี่

     


     

    “สวัสดีคุณคิม” ชายสูงวัยตรงหน้ายิ้มทักนามสกุลปลอมๆของผม ผมถือวิสาสะหยิบปากกาและกระดาษบนโต๊ะมาขีดเขียนตัวอักษรลงไป


     

    ปาร์คชานยอลส่งผมมา


     

    ดวงตาสีม่วงหรี่ลงเมื่ออ่านข้อความในนั้นจบ ผมจึงเขียนต่อแผ่นที่สองและส่งให้อีกครั้งทันที


     

    มีเครื่องดักฟัง หูฟัง และไมโครโฟนอยู่ที่ตัวผม คุณต้องทำทุกอย่างปกติ


     

    เคร่งขรึมสมกับเป็นหัวหน้าแก๊งค์ค้ายาขนาดใหญ่ พออ่านจบเขาก็เริ่มเจรจากับผมตามปกติเพื่อไม่ให้มีพิรุธ ทั้งที่มือก็เริ่มเขียนข้อความตอบกลับมา


     

    เขาส่งคุณมาทำไม


     

    ล่อซื้อยา


     

    ยา? เราไม่ได้มียาอะไรนี่


     

    ผมขมวดคิ้วมุ่นเมื่ออ่านจบ จ้องมองนัยน์ตาผู้ชายวัยใกล้ฝั่งด้วยความฉงน


     

    อย่าโกหก นี่ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะ


     

    ฉันไม่ได้โกหก ที่นี่คือบริษัทส่งออกเหล็กกล้า


     

    แล้วพวกตำรวจจะส่งผมมาทำไม!!’


     

    คนตรงหน้าถอนหายใจ ก่อนจะเลื่อนกระดาษแผ่นสุดท้ายมาไว้ตรงหน้าของผม


     

    ปาร์คชานยอลไม่ใช่ตำรวจ

     



     

    !!!



     

    ไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรออกไป ประตูก็เปิดผ่างออก บุคคลในบทสนทนาเดินหน้าเข้ามาพร้อมลูกทีมอีกสองคน



     

    เซฮุนเล็งเป้ากลางหน้าผากของชายชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามกับผม ออกแรงที่ไกปืนจนแสงเลเซอร์พุ่งจากปลายกระบอกไปแผดเผาบนผิวเนื้อสีขาวซีด ชายคนนั้นโอดครวญแต่ไม่ถึงตาย



     

    เขาแก่แล้วและถ้าที่เขาพูดว่าไม่ได้ค้ายาเป็นความจริง เขาก็ไม่ควรถูกทรมานแบบนี้



     

    ผมลุกพรวดจากเก้าอี้ ก่อนจะหันควับไปทางต้นตอทั้งสามคน “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!

     


     

    ผลั่ก!

     

    ชานยอลเข้าถึงตัวผมอย่างรวดเร็ว จับที่คอและกดลงกระแทกโต๊ะทำงานจนฟันหน้าผมแทบบิ่น



     

    “ว่าแล้วว่าคนอย่างนายมันไว้ใจไม่ได้!


     

    ผมดิ้นขลุกขลัก พยายามถีบขาไปข้างหลัง แต่นั่นก็ไม่ส่งผลอะไรนอกจากเพิ่มแรงกดจนกระดูกผมลั่นดังกร๊อบเหมือนจะแหลกสลายเป็นผุยผง

     



     

    “ผู้หญิงอยู่ที่ไหน!” คิมจงอินตวาดถามชายแก่ๆที่ตอนนี้นอนหมอบอยู่กับพื้นเพราะฤทธิ์ของ SC01



     

     "ฉันไม่ ระ รู้"



     

    เมื่อไม่ได้ยินคำตอบที่น่าพอใจ จงอินก็เริ่มทำเรื่องที่ผมรับไม่ได้ที่สุดในชีวิต ผมเกลียดการรังแกคนไม่มีทางสู้ ผมเกลียดใครก็ตามที่ลงมือกับเด็ก ผู้หญิง แล้วก็คนชรา

     


     

    “พอ! พอได้แล้ว!!

     

    ผมพยายามหมุนคอไปมองคนข้างหลังพร้อมตะโกนขอให้พวกเขาหยุดการกระทำป่าเถื่อนนี่ซักที ถึงชายคนนั้นจะทำผิดกฎหมายอะไรก็ตาม ยังไงซะก็ไม่ควรซ้อมกันปางตายถึงขนาดนี้


     

     

    แต่ทันทีที่หางตาของผมสบกับสีหน้าเฉยชาและแววตาทารุณ ผมก็รู้ทันทีเลยว่าคนที่โกหกไม่ใช่ชายแก่คนนั้น เป็นปาร์คชานยอลต่างหาก เป็นเขาที่ไม่ใช่ตำรวจ ส่วนคนที่พวกเขากำลังลงไม้ลงมือก็เป็นแค่เถ้าแก่ขายส่งเหล็กกล้าอย่างที่เขาบอกเอาไว้ตั้งแต่ต้น


     

    ผมโดนตลบหลัง

     


     

    เซฮุนหยิบเครื่องมืออะไรซักอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท มันคล้ายรีโมทหรือแท่งแม่เหล็กอะไรซักอย่าง ที่พอเขาจ่อมันกับผนัง เครื่องป้องกันความปลอดภัยทั้งหมดในอาคารก็ถูกทำลาย

     


     

    ประตูห้องลับคลายออก เผยให้เห็นห้องเล็กๆอีกห้องที่อยู่ถัดไปจากห้องนี้

     


     

    เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นผู้หญิงคนอื่นนอกจากแม่ เธออ่อนเยาว์ สะสวย ทว่าโชคไม่ดีเอาเสียเลย

     


     

    “หนี...อั่ก!” ชายแก่ที่พยายามจะบอกให้เด็กผู้หญิงคนนั้นหลบหนีไปถูกปลิดชีพทันทีที่คำพูดแรกหลุดออกจากปาก  พอเห็นการฆาตรกรรมเธอก็เบิกตากว้าง ลุกขึ้นวิ่งจากที่นั่ง แต่จงอินก็ตามไปกระชากข้อมือของเธอเอาไว้ได้ซะก่อน


     

     

    ชานยอลควักปืนออกมาทั้งที่อีกมือยังกดผมให้จมลงไปกับโต๊ะที่ตอนนี้กระจกแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เขาสาดลำแสงสีแดงไปที่คอระหงของเธอ


     

     

    เหนี่ยวไกสุดกำลังในครั้งเดียว เลเซอร์ก็พุ่งทะลุลำคอจากด้านหลังไปถึงด้านหน้า


     

     

     

     

    ผมเคยคิดว่ารัฐบาลพาแม่ไปอยู่ในที่ที่สุขสบาย เพราะว่าแม่เป็นเพศหายากที่ต้องรักษาเอาไว้ พวกเขาคงพาแม่ไปทำวิจัยบางอย่างเพื่อการช่วยดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์



     

    ของหายากทุกอย่างมีศักดิ์ศรี ...วันที่คนของรัฐมาเอาแม่ไป แม้จะเศร้าแค่ไหนแต่ผมก็ยอมปล่อยมือที่ผมชอบกุมเอาไว้ตอนนอนไปอย่างง่ายดาย ลึกๆผมอยากให้แม่ไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้ อยู่อย่างมีค่าและสมเกียรติที่สุด


     

     

    แต่แม่ก็ตายแบบเดียวกับผู้หญิงคนนี้น่ะหรอ?

     


     

    ผมมองผู้หญิงคนนั้นที่กำลังล้มลงผ่านม่านน้ำตา จู่ๆผมก็เห็นเธอเป็นแม่ซะเสียอย่างนั้น ความคิดนั้นทำให้ผมโกรธจนเส้นเลือดเต้นตุบ ผมดันตัวเองขึ้นจากโต๊ะด้วยพลังมหาศาล คงเป็นผลมาจากอะดรีนาลีนผสมความแค้นขั้นสุดยอด



     

    ผมพลิกตัวและผลักปาร์คชานยอลได้สำเร็จ เขาถอยห่างออกไป ผมรีบปล่อยหมัดก่อนทันทีเพราะถือคติออกหมัดก่อนมีชัยไปกว่าครึ่ง



     

    แต่แม่งก็ทำได้แค่เฉียดตรงหัวไหล่เท่านั้น ชานยอลอาศัยความว่องไวเบี่ยงตัวหลบ ก่อนจะอ้อมมาล็อคคอผมเอาไว้



     

    เป็นอีกครั้งที่มือใหญ่นั่นจับหัวผมกระแทกโต๊ะ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่จับกระแทกซ้ำๆจนผมสิ้นฤทธิ์ได้แต่ส่งเสียงร้องครางเหมือนหมาที่อ้อนวอนขอชีวิต



     

    ไอ้เลวนั่นดึงผมขึ้นมา ตาจ้องตา ลึกซึ้งถึงแววเย้ยหยันที่อยู่ในเลนส์สีเฮเซล



     

     

    “นายคงคิดว่าเราสูสีกัน...เสียใจด้วย”


     

    “...”


     

    “นายคิดผิด”

     


     

    ใช่ เราไม่ได้ neck and neck กันเลยแม้แต่น้อย ผมเลวไม่ได้ครึ่งนึงอย่างที่เขาเลว

     


     

    ชานยอลไม่ได้มาที่นี่เพื่อจับพ่อค้ายา เขามาเพื่อล้างเผ่าพันธุ์ผู้หญิง และเขาก็ไม่ได้ใช้ผมเป็นนกต่อด้วย แต่เขาแค่ลองใจผม ลองดูว่าผมเหมาะจะอยู่เป็นทาสรับใช้เขาต่อไป หรือจะต้องจบชีวิตลงตรงนี้

     


     

    และเขาก็เลือกให้ผมตาย...

     


     

    ลำแสงเลเซอร์จ่อมาที่คอของผม ตำแหน่งเดียวกับที่ใช้ปลิดชีพเด็กสาวไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนนั้น ปาร์คชานยอลลั่นไก ผมได้แต่หลับตาภาวนาถึงพระผู้เป็นเจ้า

     


     

    แต่ผมลืมไป... ค.ศ. 3014 แม้แต่เยซูคริสต์เองก็สูญพันธุ์ไปแล้ว


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

     TALK

    ด้วยรักและยม

    ขอบคุณที่อ่านค๊าฟฟ

     

    แท็กทวิตเปลี่ยนเป็น #fic3014 แล้วนะ

    แต่จริงๆชอบอ่านเม้นมากกว่า

    บ้ายบาย ซียู

     








     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×