ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    'Neck' n 'Neck' { chanbaek }

    ลำดับตอนที่ #10 : - c h a p t e r : 9 -

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.41K
      15
      6 ส.ค. 57












     

    แบคฮยอนตื่นขึ้นมาเพราะถูกเขย่าขวัญจากเสียงคำรามอันสยดสยองของตัวเอง มันเป็นผลพวงมาจากความฝัน เขาวิ่งพล่านไปตามทุ่งหญ้าเขียวขจีเพื่อที่จะหลีกหนีเซรุ่มนับล้านเล่มที่กำลังพุ่งทะยานเข้ามาหวังจะปักลงบนร่างของเขา

     

     

     

    เบื้องหน้าไปไม่ไกลมีปาร์คชานยอลยืนอ้าแขนรอรับเขาอยู่ ด้วยความไว้ใจสุดกำลัง แบคฮยอนรีบวิ่งเข้าสู่อ้อมอกนั้นเพื่อค้นหาความปลอดภัยที่เข้มแข็งราวกับเกราะเหล็ก แต่เรื่องราวไม่ได้เป็นเช่นนั้น ชานยอลจับตัวเขาแล้วดันออก ตรึงร่างแน่นจนไม่อาจขยับเขยื้อนไปสู่ทิศไหนได้เลย แล้วเพียงชั่วพริบตา ฝูงเข็มจำนวนมหาศาลก็ปักปลายแหลมเข้าไปในเนื้อของเขาอย่างรวดเร็ว คล้ายกับถูกมีดรนไฟจนร้อนฉ่าผ่าเนื้อหนัง เหมือนกับสว่านที่เจาะควงไปทั่วทั้งร่าง

     

     

     

    ตรงหน้าของเขาคือปาร์คชานยอลผู้ทรงสง่าคนนั้น ร่างสูงกำมือชูขึ้นเพื่ออวดชัยชนะอันหอมหวานซึ่งต้องแลกมากด้วยความขื่นขมอันรวดร้าวของเด็กหนุ่มโง่เง่าคนหนึ่ง เด็กหนุ่มผู้ซึ่งปลิดปลงกำแพงหัวใจลงทีละชั้น เพื่อที่จะรับเขาเข้ามาทำลายแก่นสุดท้ายของหัวใจตัวเอง

     

     

     

    แบคฮยอนมองผู้กุมชะตาของเขาผ่านนัยน์ตาที่ส่งผ่านความรู้สึก ร่างของเขาลอยอยู่เหนือพื้นดิน กระนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาว่าจะลอยอยู่ไม่ได้ เพราะเข็มนับหมื่นพันได้ทำหน้าที่แทนหมุด มันปักเขาติดกับอากาศได้อย่างน่าอัศจรรย์และทรมานปานจะขาดใจไปในเวลาเดียว

     

     

     

    ตั้งแต่เกิดมา แบคฮยอนไม่เคยสัมผัสความทุกข์ระทมที่ขมจนน่าขยาดได้ถึงปานนี้มาก่อนเลย มันไม่ใช่เพราะจากการทะลุทะลวงอย่างแสนสาหัสของเข็มเซรุ่ม แต่เป็นเพราะปาร์คชานยอล ปาร์คชานยอลคือสุดที่รักเพียงหนึ่งเดียวที่สถิตอยู่แม้แต่ในเม็ดเลือดแดงเม็ดเล็กๆของเขา

     

     

     

    ซาบซึ้งไปด้วยความรักและเชื่อใจ โอบล้อมด้วยความเด็ดเดี่ยวและถวิลหา

     

     

     

    ทว่าในท้ายที่สุด.... เขาก็เป็นเพียงเหยื่อตัวน้อย ที่ชานยอลไม่เคยตีค่าให้สูงไปกว่าเงินตรา หรือแม้กระทั่งคำสั่งเลวระยำของพวกรัฐบาล

     

     

     

    “อ๊ากกกก!!!” เด็กหนุ่มตะโกนอีกครั้ง คราวนี้เสียงครวญครางราวสัตว์ป่ากำลังจะตายของตัวเอง ปลุกแบคฮยอนให้ตื่นครบสติโดยสิ้นเชิง เงื่อผุดพรายขึ้นเต็มส่วนต่างๆของเรือนร่าง ชุ่มฉ่ำที่แอ่งชีพจรและฝ่ามือฝ่าเท้า

     

     

     

    แบคฮยอนหายใจหอบเหนื่อย อยากจะลุกขึ้นนั่งเผื่อว่าการหายใจจะสะดวกได้มากกว่านอนแผ่อยู่บนเตียงเหล็กอย่างที่เป็นอยู่ ทว่าเขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้ มีสายรัดมากมายที่กักขังเขาไว้กับเตียงขนาดเล็กที่ไม่มีแม้กระทั่งฟูกกั้นระหว่างผู้นอนกับโลหะเย็นเฉียบ

     

     

     

    เสียงประตูอัตโนมัติที่เคลื่อนออกจากกัน หยุดทุกความเคลื่อนไหวของแบคฮยอน

     

     

     

    ใจจริงเขาอยากจะหลับตาลงซะ กล่อมตัวเองว่าฝันต่อไปเถอะ อย่าได้ตื่นขึ้นมารับรู้อะไรบนโลกแสนโหดร้ายนี่อีกเลย

     

     

     

    แต่การคัดค้านของสัญชาตญาณดิบก็ทำให้แบคฮยอนลืมตาโพลงขึ้น ความอยากรู้อยากเห็นทรยศเขา เขาจำเป็นต้องรู้ว่าเป็นใครที่เดินเข้ามา เพราะนี่คือสันดานธรรมชาติที่พระเจ้าส่งมอบแก่มวลมนุษย์

     

     

     

     

    เป็นคนๆเดียวกับคนที่หลอกหลอนเขาในความฝันเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน

     

     

     

    ชานยอลเดินมาหยุดนิ่งอยู่ข้างเตียง แววตาของร่างสูงเคลือบด้วยความเย็นชาที่น่าขนลุก แบคฮยอนเบนหน้าหนีไปทางอื่น หยดน้ำตาคลอเอ่อขึ้นเกาะจนลูกตาขาวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

     

     

     

    ชานยอลโน้มตัวลงจุมพิตที่หน้าผากมนเบาๆด้วยรักใคร่ ก่อนจะลากริมฝีปากและลมหายใจอุ่นร้อนไปตามโครงหน้าที่สลักเสลาอย่างปราณีตของคนตัวเล็กที่กัดกินหัวใจของเขาไปแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่ง

     

     

     

    “แบคฮยอน” เสียงแหบต่ำนั้นกระซิบพร่าอยู่ข้างหู ชานยอลเกลี่ยปอยผมที่ปรกใบหน้านวลออกให้ด้วยสัมผัสเบาบาง

     

     

     

    “ผมรักคุณนะ” เขายังคงมารยาต่อไปไม่ขาด แบคฮยอนคิดเช่นนั้นและเริ่มกลัดหนองแสบสันอยู่ในอกของตัวเอง มันก็เป็นเพียงวิธีแสร้งพิสุทธิ์เท่านั้นที่ชานยอลใช้กับเขา เอาความรักเข้ามาลวงล่อ ด้วยหวังจะรีดเค้นผลประโยชน์ที่เขาแทบจะเอามันออกไปหมดแล้ว

     

     

     

    แต่ชานยอลไม่ได้แกล้งทำแต่ประการใด ไร้เหตุผลที่ผู้ทรงอำนาจต้องไปอ้อล้อทหารชั้นเลวเพื่อจะไถเอาประโยชน์ที่คนยศต่ำแทบไม่มีติดตัว

     

     

     

    ที่ค่ายนั่นก็เช่นกัน ชานยอลเพียงเปิดเผยความรู้สึกมากขึ้น แต่เป็นแบคฮยอนเองที่หลงใหลกับการแสดงออกนั้นและไว้วางใจ จนเขาดำเนินแผนการต่างๆไปได้อย่างง่ายดายและแสนจะสะดวก ทั้งที่พิรุธมีแสดงออกมาเป็นระยะ แต่ด้วยความเชื่อใจของแบคฮยอน พวกเขาจึงไม่ถูกสงสัยจนทำให้คนในค่ายชิงไหวตัวทัน

     

     

     

    ต้องยกความดีความชอบให้เด็กน้อยหัวโบราณของเขา ที่ตามไม่ทันมนุษย์ยุค 3014 แบคฮยอนช่างน่ารักและเปี่ยมด้วยประโยชน์อย่างที่ไม่อาจคาดคะเนได้

     

     

     

    เอาเถอะ มาถึงตรงนี้ เขาจะยอมรับก็ได้ว่าแบคฮยอนช่างอุดมไปด้วยผลประโยชน์ที่เขากำลังจะแสวง แต่คุณค่าของแบคฮยอนไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ....ในอนาคตภายภาคหน้า ค่าตัวของแบคฮยอนจะทวีคูณและเป็นเครื่องมือต่อรองต่อการพลิกชะตากรรมของดาวโลก

     

     

     

    ชานยอลยิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงชัยชนะในวันนั้น รอยยิ้มของเขาทำให้โหนกแก้มยกตัวขึ้นสูงและแตะแต้มไปโดนผิวเนื้ออ่อนชื้นแฉะ ...ทูนหัวตัวน้อยของเขาร้องไห้แล้วหรือ

     

     

     

    “แบคฮยอน” เขากระซิบเรียกอีกครั้ง มือหนาจับประคองแก้มนิ่มให้เจ้าของหันองศามาสบตากัน แบคฮยอนไม่ได้ร้องไห้แบบมีเสียง เพียงแค่ทิ้งสายน้ำลงมาจากหางตาทีละน้อย

     

     

     

    แววตาของเด็กหนุ่มโกรธแค้นจนแดงราวเพลิงไฟ ไฟที่ลุกไห้โชติช่วงและไม่อาจจะดับได้ด้วยหยดน้ำตาเพียงน้อยนิดที่ปริ่มไหลลงมาชุ่มผิวหนัง

     

     

     

    แต่ความรักของซาตานนั้นต่างจากสามัญชนคนทั่วไป มนุษย์อาจต้องการรอยยิ้มของคนที่รัก แต่ปีศาจต้องการหยดน้ำตาและความเคียดแค้น เพราะนั่นจะทำให้แบคฮยอนอยู่ติดกับตัวเขา จดจำเขา นึกถึงเขาทุกห้วงหายใจ แม้มันจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่นั่นก็ยังเป็นเพราะเขา

     

     

     

    และถึงแม้แบคฮยอนจะดิ้นรนหนีไปได้ แต่เด็กหนุ่มก็จะต้องกลับมา อย่างน้อยก็เพื่อชำระแค้นที่มีต่อซานตานเช่นเขา แบคฮยอนจะถูกเขาจองจำไปตลอด แม้กระทั่งหมดชีวิตลง จิตวิญญาณของเด็กหนุ่มก็ยังจะจดจำเขาไว้เพื่อเก็บไปล้างแค้นกันเมื่อถึงภพหน้า

     

     

     

    ชานยอลยิ้มขำให้กับความคิดของตัวเอง แม้จะดูสะใจที่ได้เป็นประหนึ่งเจ้าของชีวิตทั้งชีวิต แต่ลึกลงไปภายใต้หัวใจชั้นสุดท้ายที่ผนึกไว้อย่างหนาแน่น จนตัวเขาเองก็ยังไม่รับรู้ถึงมัน

     

     

     

    จริงๆแล้วเขาก็ต้องการรอยยิ้มของคนที่รักไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป คงจะดีกว่านี้ถ้าแบคฮยอนยิ้มหรือหัวเราะให้เขา แต่เป็นเพราะเขาไม่มีทางทำมันได้อีกแล้ว ฉะนั้นวิธีคิดเช่นนี้จึงเป็นทางออกเดียวที่ชานยอลจะใช้กล่อมตัวเอง

     

     

     

    มือหนาเอื้อมไปปลดสายรัดจากเรือนร่างที่น่าทะนุถนอมทีละชั้น จับแบคฮยอนให้นั่งชันและโอบรัดไว้ด้วยอ้อมแขนที่แข็งแกร่งราวคีมเหล็ก

     

     

     

    หัวใจอยากพูดไปอีกครั้งว่ารักมากเหลือเกิน อยากขอโทษที่ใช้โทสะแผดเผาไปในบางช่วงที่หน้าที่สำคัญขึ้นมาเหนือความรู้สึกรักทั้งปวง อยากให้แบคฮยอนเข้าใจ อยากให้แบคฮยอนเคียงข้างแม้ว่าเขาจะเป็นแบบนี้ ...ชานยอลอยากให้แบคฮยอนเป็นคนของเขา เหมือนกับที่เขาเคยพูดเอาไว้

     

     

     

     

    “มันจะเป็นไปได้ไหม...ที่นายจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับฉัน”

     

     

    “นายจะเคารพทุกการตัดสินใจของฉันรึเปล่า?”

     

     

    “นายจะรักคนอย่างฉันได้ไหมแบคฮยอน?”        

     

     

     

     

    ชานยอลไม่ต้องการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างหน้าที่อันเปี่ยมด้วยอุดมการณ์ของเขา กับแบคฮยอนที่เขารัก ...ใช่...รัก ...เขาคิดว่ามันน่าจะเป็นความรัก

     

     

     

    ชานยอลไม่ต้องการเลือก ฉะนั้นเขาจึงครอบครองมันไว้ทั้งสอง แม้จะไม่ได้แบคฮยอนคนเดิมคืนมา แต่อย่างน้อยเขาก็ยังได้แบคฮยอนคืนมา

     

     

     

    ร่างกายใหญ่โตที่โอบล้อมร่างกายนุ่มนิ่มเอาไว้ไม่ได้ทำให้แบคฮยอนมีความสุข หัวใจยังคงบีบอัดรัดแน่นเหมือนโดนทับด้วยเหล็กกล้าราวสิบตัน

     

     

     

    มันช่างน่าขยะแขยง แต่ขณะเดียวกันก็อบอวลไปด้วยเสน่หาที่ชวนให้หลงใหลได้ปลื้ม

     

     

     

    แบคฮยอนจำต้องข่มเปลือกตาแน่นเพื่อบดบังภาพของชานยอลที่กำลังไล้ปลายจมูกถูไถผิวแก้มเขาอย่างออดอ้อน จำต้องกลั้นลมหายใจเพื่อปิดกลั้นกลิ่นหอมเฉพาะของชานยอลที่กำลังครอบงำโสตประสาทของเขา กระนั้นเขาก็ยังคงได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกของชานยอลที่ดังฟืดฟาดไปบนผิวเนื้อเรียบลื่น สัมผัสจากปลายนิ้วบรรเลงรักอย่างนุ่มนวลทว่าก็มั่นคง ย้ำให้สำนึกได้ว่าทุกอย่างดำเนินไปจริง หาใช่ฝันซ้อนฝันไม่

     

     

     

    แบคฮยอนหลุดสะอื้นยามที่ชานยอลแทรกกายเขามาตรงหว่างขา บังคับให้สองขาเรียวเกี่ยวเอวสอบไว้ในท่วงท่าที่คุ้นชินกันเป็นอย่างดี

     

     

     

    แต่ในยามนี้หัวใจของคนตัวเล็กช่างเจ็บปวด มันสาหัสไปในทุกจังหวะการเต้นตุบ เส้นเลือดบีบตัวเพื่อส่งต่อความเจ็บไปข้างหน้า แต่จนแล้วจนรอดมันก็คลายตัวเพื่อสูบความเจ็บนั้นกลับมาอีกครั้ง

     

     

     

    ช่างทรมานยิ่งกว่าโดนคนแปลกหน้าขืนใจ ชานยอลเป็นใครคนหนึ่งที่ซึ่งเหมือนเคยรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่แล้ววินาทีนี้ทุกอย่างกลับตาลปัด แบคฮยอนจำรสมือที่กำลังเล้าโลมเรือนกายของเขาได้ แต่แบคฮยอนจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักหัวใจของเจ้าของน้ำมือหรือเปล่า

     

     

     

    ชานยอลฆ่าคนทั้งค่ายและเด็กผู้หญิงใสซื่อคนหนึ่งไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมง ทว่าในตอนนี้กลับมาอ่อนโยนกับเขา ชานยอลเพิ่งจะปาเซรุ่มให้จงอินฉีดเพื่อกำราบเขา แต่ตอนนี้กลับพร่ำพูดคำรักไม่ขาดปาก

     

     

     

    มารยา

    โกหก

    หลอกลวง

    ผลประโยชน์

    หรือเพียงสนุกสนานที่ได้ล้อเล่นกับความรู้สึก??

     

     

     

    อาจจะเพราะอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือบางทีก็ทุกอย่างที่กล่าวมา

     

     

     

    แบคฮยอนขดตัวเป็นก้อนกลมๆอยู่ในอ้อมแขนของซานตานที่กำลังสลักร่องรอยจุมพิตไปทั่วทั้งร่างของเขาอย่างรักใคร่ พลางคิดถึงวิธีที่จะพอทำได้หลังจากนี้

     

     

     

    ในยุค 3014 ความรักสูญสิ้นไปแล้ว อาหารสดเองก็หายากเสียยิ่งกว่ายาก

     

     

     

    ทุกสิ่งทุกอย่างพากันสูญพันธุ์ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ดำรงเอาตัวรอดมาจนถึงปัจจุบัน ...แมลงสาบ รักร่วมเพศ เงินตรา อำนาจ และมารยาสารไถ

     

     

     

    แบคฮยอนเลือกอย่างหลังสุด เพราะมันคือสิ่งที่ชานยอลเคยทำกับเขา

     

     

     

    ราวกับว่าเรื่องราวทั้งหมดที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นเป็นเพียงอารัมภบทเปิดม่านการแสดง จากนี้ไปการขับเคลื่อนของแบคฮยอนต่างหากที่เป็นแก่นแท้ของเรื่องนี้จริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    50%

     

     

     

     

    TALK

     

    ฮายย

     

     

    #fic3014

     

     

     

     








     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×