ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] The Second Plan {chanbaek} ★

    ลำดับตอนที่ #5 : - [ The Second Plan ] : chapter 4 -

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.74K
      69
      10 พ.ย. 56

     

    The Second Plan





     

    -chapter 4-

     

     

     



     

    “ตามสบายก็แล้วกัน คิดซะว่าเป็นห้องของคุณเอง”

    ปาร์คชานยอลพูดขึ้นหลังจากที่พวกเรามาถึงห้องพักของเขา

     

    ตอนยังไม่ได้เลื่อนตำแหน่งผมเองก็เคยพักอยู่ที่นี่ แต่พอได้เป็นผู้กองผมก็เก็บเงินได้มากพอจะเช่าบ้านพักที่อยู่ห่างจากสน.ไปประมาณสิบกิโลเมตร

     

    แต่ผมก็ยังจำบรรยากาศห้องพักของที่นี่ได้ดี มันเป็นห้องจืดๆตามสไตล์ที่พักข้าราชการทั่วไป

     

     

    ฝนซาลงมากแล้ว ...น้ำฝนเม็ดเล็กๆหยดกระทบราวระเบียงดังเปาะแปะ

     

     

    ผมนวดต้นคอตัวเองอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะถอดเสื้อผ้าออก  ก็เกือบทั้งหมดนั่นแหละ เสื้อวอร์มแขนยาว เสื้อเชิ้ตข้างใน แล้วก็กางเกงสแล็ค

     

     

    ชานยอลหันมามองอย่างตกใจ เขาเบิกตากว้าง แถมยังร้องเสียงหลง  ไม่เหลือเค้าผู้หมวดสุดเท่ที่เพิ่งซัดคนร้ายซะอ่วมเพียงแค่ออกหมัดกับลูกเตะอีกนิดหน่อย

     

     

    “เฮ้ย! เฮ้ยย!! เฮ้ยยย!!!

     

    ผมตวัดสายตามองเขาอย่างหงุดหงิด “จะเฮ้ยอะไรนักหนา”

     

    “แล้วคุณถอดเสื้อผ้าทำไมล่ะ!” เขาชี้ผมตั้งแต่หัวจรดเท้า  ผมจึงพ่นลมหายใจออกอย่างแรง

     

    “แล้วจะให้ฉันเดินเปียกๆเข้าไปย่ำพรมห้องนายรึยังไง” ว่าแล้วผมก็เดินเลาะส่วนที่ไม่มีพรมปูอยู่ ออกไปตากเสื้อที่ระเบียง

     

    ชานยอลยังคงมองผมด้วยสายตาระแวงไม่เลิก

     

    “เป็นบ้าอะไรของนายเนี่ยห๊ะ เราก็ผู้ชายเหมือนกันจะมองฉันแบบนั้นทำไม!

     

    “ไม่เหมือน!” เขารีบแย้ง  “คุณเป็นเกย์!

     

    แล้วผมก็กลับมาเกลียดขี้หน้าหมอนี่อีกรอบ

     

     

    ผมเดินย้อนกลับไปที่ระเบียง หยิบเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มออกมาโยนขึ้นไปบนเตียงเป็นการแก้แค้น

     

     

    “เฮ้ย!!!” ชานยอลร้องลั่น  เขารีบวิ่งไปหยิบเสื้อผ้าของผมออก แต่มันสายไปเสียแล้ว เตียงเขาชื้นแฉะเกินกว่าจะนอนได้ในคืนนี้

     

     

    “แสบนักนะ!” ร่างสูงชี้หน้าผม แล้วเขาก็คงลืมไปชั่วขณะว่าผมชอบผู้ชาย มือใหญ่คว้าต้นแขนของผมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทุ่มผมลงไปบนเตียง

     

    “อ๊ะ!” ผมหลุดอุทานเมื่อชานยอลตามมาทับผมเอาไว้  ไม่ใช่แค่คร่อมนะ  ทับลงมาเต็มๆ

     

    “ฉันเจ็บนะ! ลุกออกไปเดี๋ยวนี้!” ผมถลึงตามองเขาอย่างโกรธๆ ชานยอลหัวเราะในลำคอก่อนจะเอาคางเกยไว้ที่อกของผม ซึ่งมันหนักมาก!

     

    “ลุกไปเดี๋ยวนี้!

     

    “ไม่”

     

    “นี่ฉันหนักนะหมวดปาร์ค!

     

    “ผมทำแบบนี้แล้วคุณชอบใช่มั้ยล่ะ”

     

    “หมวดปาร์ค!

     

    ร่างสูงยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วเขาก็งับปลายคางผมเบาๆ

     

    “คุณกำลังเขินผมอยู่” เสียงทุ้มแหบพร่าเหมือนจะยั่วเย้าอะไรบางอย่าง

     

    มือสากบีบที่บั้นท้ายของผม เขาพยายามที่จะลากเลื้อยเขามาใต้บ็อกเซอร์

     

     

    “ปล่อยฉัน!

     

    “หือ? ผมว่าคุณน่าจะชอบนะ” ชานยอลยิ้มเหมือนขี้เล่น เขาถูปลายคางกับแผ่นอกผมอย่างเพลิดเพลิน

     

    “ฉันไม่ได้เป็นเกย์”

     

    “คุณเป็น”

     

    “ชานยอล!

     

    “คุณชอบสัมผัสจากผู้ชายด้วยกัน คุณชอบถูกสัมผัส”

     

     

    ผมหลบสายตาของเขาที่แพรวพราวอย่างเจ้าเล่ห์  มือที่ดันเขาอยู่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจะต่อกรกับกล้ามเนื้อที่แข็งแรง

     

     

    “ดูคุณตอนนี้สิ...ยิ่งกว่าหมดสภาพ ฮ่าๆๆ” หมวดปาร์คหัวเราะอย่างสนุกสนาน  หลังจากเห็นผมหงอจนสาแก่ใจแล้ว เขาก็ยอมผละออกไป

     

     

    ชานยอลเก็บเสื้อของผมออกไปตากที่ระเบียง ก่อนจะถอดแจ็คเก็ตหนังของตัวเองตากไว้ข้างๆกับเสื้อของผม

     

    พอเขากลับเข้ามา ผมก็เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว

     

     

    เรื่องไม่จบลงแค่นั้น เขาใช้เหรียญไขเข้ามาข้างใน  แล้วก็ยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้งแบบที่เขาชอบทำ

     

    “คุณอยากให้ผมอาบน้ำด้วยมั้ย?”

     

     

    เส้นอารมณ์ของผมขาดผึง

     

    “ปาร์คชานยอล!

     

    “จุ๊ๆๆ ไม่เอาน่า” ร่างสูงทำท่าเหมือนปรามเด็ก  เขาถอดเสื้อผ้าจนเหลือแค่บ็อกเซอร์ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผมที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัว

     

    ผมปาขวดแชมพูใส่เขา

     

    “การเป็นคนใจร้ายสำหรับนาย มันต้องดูถูกความรักกับรสนิยมทางเพศของคนอื่นด้วยหรอ!!

     

    “...”

     

    “ถ้าฉันเลือกได้ ฉันก็อยากจะชอบผู้หญิง อยากให้เซฮุนเป็นเด็กผู้หญิง แต่ว่ามันไม่ใช่ แล้วฉันก็รักเขาไปแล้ว นายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ!

     

    ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น มันมีอีกหลายอย่างที่ผมอยากจะอธิบายให้เขาเข้าใจ  แต่ไม่จำเป็น  ...สำหรับคนใจร้ายอย่างเขามันไม่จำเป็นหรอก

     

    “ผมขอโทษ” ชานยอลพูดสั้นๆ เขาพยายามจะเดินเข้ามาอีก

     

    “ผมก็แค่อยากจะแกล้งคุณเล่นเฉยๆ”

     

     

    เหอะ...ผมรู้น่า... รู้อยู่แล้วล่ะว่าเขาแกล้ง  เขาเป็นแมนเต็มร้อย ที่คงสะใจดีเวลาได้แกล้งคนที่แปลกแยกไปจากการเป็นผู้ชาย

     

     

    “ฉันยกโทษให้ ...ออกไปได้แล้ว”

     

    ผมพูดโดยที่ไม่ยอมมองหน้าเขา เป็นการบอกเป็นนัยๆว่าผมอภัยส่งๆไปอย่างนั้นแหละ ผมไม่มีทางให้อภัยคนแบบเขาหรอก

     

    ผมไม่สนใจการมีตัวตนอยู่ของชานยอลอีก  ผมหันหน้าเข้ากำแพง ก่อนจะหมุนก๊อกให้น้ำไหลออกมาจากฝักบัว

     

    อุณหภูมิของน้ำเย็นเฉียบ  เย็นจนผมตัวชา  ผมกำลังจะเอื้อมมือไปปรับเครื่องทำน้ำอุ่น  แต่ชานยอลก็สะกิดผมจากทางด้านหลังเข้าซะก่อน

     

    ผมไม่หันไป แต่เขาก็จับให้ผมหันไป

     

    “คุณลืมแชมพู” หมวดปาร์คพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แววหยอกล้อหายไปหมดแล้ว

     

    ผมรับขวดแชมพูดที่ผมเป็นคนปาใส่เขาไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วมาถือไว้ ก่อนจะวางไว้บนชั้นกระเบื้องที่ยื่นมาจากผนัง

     

    ปาร์คชานยอลก้าวเข้ามายืนใต้ฝักบัวเคียงข้างกับผม  เขาถูหน้าแรงๆด้วยน้ำเปล่า ก่อนจะแย่งสบู่ก้อนในมือผมไปใช้ซะเอง

     

    “ทำบ้าอะไรของนาย”

     

    ร่างสูงยักไหล่ ”อาบน้ำกับผู้ชายด้วยกันมันแปลกตรงไหน”

     

    ผมถึงกับพ่นลมหายใจ “เหอะ นายนี่เปลี่ยนสีไวจังนะ เป็นกิ้งก่าหรือไงกัน?”

     

    ชานยอลยกแขนขึ้นมาพาดไหล่ของผม  แล้วเขาก็พูดด้วยท่าทีสบายๆเหมือนว่าผมเป็นเพื่อน ไม่ใช่หัวหน้าของเขา “เมื่อกี้ผมแค่แกล้งคุณเล่นเฉยๆ บางทีคุณอาจจะคิดว่าผมฉลาด แต่ผมยอมรับก็ได้ว่าผมโง่”

     

    “...”

     

    “โง่ที่ลืมคิดไปว่ามันเป็นเรื่องอ่อนไหว  เอาเป็นว่าผมขอโทษก็แล้วกันนะครับ” หมวดปาร์คฉีกยิ้ม ก่อนจะสะบัดหัวจนเส้นผมที่เปียกชุ่มฟาดมาที่หน้าของผม

     

    “โอ๊ย! อะไรของนายวะเนี่ย!

     

    “ฮ่าๆๆ” ร่างสูงหัวเราะเสียงก้องห้องน้ำ เขาเปิดน้ำให้ไหลแรงขึ้น แล้วพวกเราก็ยืนรองน้ำอยู่ใต้ฝักบัวอันเดียวกัน

     

     

    ชานยอลล้วงสบู่ก้อนไปถูใต้บ็อกเซอร์ทุกซอกทุกมุม ก่อนจะยื่นสบู่ก้อนนั้นมาให้ผม

     

     

    “อ่ะ คุณเอาไปใช้ต่อสิ”

     

    “ไอ้ทุเรศ!

     

    แล้วเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะอีกระลอก  มันน่าตลกนักรึไง! คอยดูเถอะ ผมจะให้เขาคัดคำว่าขอโทษซักห้าร้อยจบ!

     

     

    ผมปฏิเสธสบู่ของเขา ก่อนจะใช้สบู่เหลวที่วางอยู่ในชั้นกระเบื้องแทน  ระหว่างที่ผมกำลังถูสบู่ ชานยอลก็บีบแชมพูมาสระผม เขาบีบออกมาจากขวดเยอะเกินไปจนฟองฟูท่วมหัว เหมือนกับว่าเขาหัวหงอกยังไงยังงั้น

     

    “ฮ่าๆๆ นายเหมือนอาจุมม่าหัวหยิกหยอยเลยอ่ะ” ผมชี้ไปที่ฟองแล้วก็ขำ  หมวดปาร์คก็เลยรีดฟองจากหัวของเขามาไว้ที่หัวของผมแทน

     

    เขาสระผมให้ผมด้วย มือของเขาหนักสมเป็นผู้หมวดขาโหดแห่งสถานีตำรวจกวางจู

     

     

    ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง กว่าเราจะอาบน้ำกันเสร็จ

    ตอนนี้ตัวของผมกับผู้หมวดปาร์ค มีกลิ่นเดียวกันเด๊ะๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “คุณค้างกับผมเลยก็แล้วกัน” เจ้าของห้องว่าอย่างนั้นตอนที่เขาส่งเสื้อยืดกางเกงบอลมาให้ผม

     

    ผมไม่ได้ตอบรับอะไร แต่ยังไงคืนนี้ผมก็ต้องนอนกับเขาอยู่แล้ว  ยังมีเรื่องอีกมากที่เราต้องคุยกัน

     

    พอแต่งตัว และเป่าผมจนแห้งสนิทแล้ว ผมก็ทำท่าจะกระโดดขึ้นเตียง  แต่มันแฉะมากแล้วก็เลอะคราบดำๆจากเสื้อผ้าของผม  ผมก็เลยได้แต่ยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงด้วยความรู้สึกผิด

     

     

    “เห็นมั้ยล่ะ ผลของการทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง” ชานยอลตอกย้ำ ก่อนที่เขาจะเอาเสื่อรองนอนแบบญี่ปุ่นมาปูข้างเตียง

     

    เสื่อเล็กเกินไปสำหรับคนสองคน

     

     

    “มานอนเถอะ ถ้าคุณทำหน้าตาแบบนั้นอีกที ผมจะคิดว่าคุณเขินผมจริงๆแล้วนะ”

     

    แม่โว๊ย...ให้ตายเถอะปาร์คชานยอล!

     

    ผมจิ๊ปากก่อนจะทิ้งตัวนอนข้างๆหมวดปาร์ค  เสื่อเล็กเกินไปจนร่างกายครึ่งหนึ่งของผมสัมผัสกับพื้นเย็นเฉียบ

     

    ชานยอลดึงผมเข้าไปใกล้เขาอีก  ความคับแคบทำให้พวกเราสองคนต้องนอนตะแคง  ตะแคงแบบหันหน้าเข้าหากัน

     

     

    “คุณถอดเสื้อผ้าออกมาเวลาที่อยู่กับไค ซิ่วหมิน แล้วก็จงแดด้วยรึเปล่า?” อยู่ดีๆหมวดปาร์คก็ถามขึ้นมาแบบนั้น  ผมไม่สบอารมณ์นิดหน่อยที่เขาไม่ยอมปล่อยเรื่องที่ผมล่อนจ้อนผ่านไปซักที

     

    “ถามทำไม พวกนั้นไม่คิดว่าฉันตั้งใจจะยั่วยวนแบบที่นายคิดหรอกน่า!

     

    “ผมก็ไม่ได้คิดอย่างนั้นซักหน่อย”

     

    “งั้นนายก็คิดว่าฉันจะทำไม่ดีไม่ร้ายกับนายใช่มั้ยล่ะ”

     

    หมวดปาร์คไม่ตอบ...ชัดเลย เขาคงคิดว่าผมจะกระโจนเข้าไปฉีกทึ้งเสื้อผ้าแล้วจับเขาปล้ำแหงๆ

     

    “ฉันไม่ได้เป็นเกย์” ผมย้ำอีกรอบ  แต่เหมือนว่าชานยอลจะไม่เชื่อ  ผมเองก็ขี้เกียจจะอธิบายอะไร ก็เลยปล่อยเลยตามเลย

     

    “เอาไว้ถ้านายรักใครคนหนึ่งมากจริงๆ รักมากจนมองข้ามทุกอย่างของเขาไปได้ นายก็จะเข้าใจฉันเองแหละ” ผมพูดแค่นั้น และคิดว่าประเด็นนี้จะจบ แต่ก็ไม่ ชานยอลยังไม่หยุดความสงสัยที่สุดแสนจะน่าโมโห

     

    “คุณเคยมีเซ็กซ์กับโอเซฮุนหรือเปล่า?”

     

    “นี่นาย!

     

    “โอเคๆ ผมไม่ถามเรื่องพวกนั้นแล้วก็ได้” ร่างสูงทำท่ารูดซิปปาก ตอนนี้เขาเหมือนเด็กหนุ่มจอมทะเล้นคนหนึ่ง

     

     

    “ฉันถามจริงๆเถอะ นายไปเอาเบอร์นั้นโทรมาหาฉันได้ยังไง” ผมยิงคำถามของผมใส่เขาบ้าง  เจ้าของห้องเงียบไปซักพัก เหมือนกำลังชั่งใจว่าจะตอบดีหรือไม่ตอบดี แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมตอบ

     

    “ผมเจอมันที่ห้องนอนของโอเซฮุน ตอนที่ไปสำรวจที่เกิดเหตุ”

     

    “อ่า...” อย่างนี้นี่เอง

     

    ชานยอลสบตาผม เขาจริงจังขึ้นเรื่อยๆ “ได้โปรดซื่อตรงกับผมได้ไหมผู้กอง”

     

    “....”

     

    “ตอบทุกอย่างที่ผมถาม เล่ามันออกมา”

     

    ผมเสหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบเลนส์ตาสีน้ำตาลเข้มนั่น  “ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น”

     

    “ก็เพราะว่าคุณเป็นตำรวจ”

     

    “...”

     

    “เล่ามันออกมา”

     

     

    ชานยอลคงจับพิรุธได้ว่าผมกำลังกลัว เขาลูบหัวผมเหมือนว่าผมเป็นเด็กๆ ถ้าผมเป็นผู้หญิงสวยๆซักคนเขาจูบผมไปแล้ว ดูสายตาเขาตอนนี้สิ อี๋...เลี่ยนซะไม่มี  คิดว่าผมเป็นพวกอ่อนแอระดับสิบรึไง

     

    หึ ก็แค่เก้าจุดแปดเท่านั้นแหละวะ!

     

     

    “อย่าดื้อให้มากนักนะผู้กอง  ถึงผมจะชอบผู้หญิง แต่ผมก็สนุกนะที่ได้แกล้งคุณ”

     

    ผมรีบดันอกกว้างนั่นออก ตอนที่ชานยอลทำท่าว่าจะประชิดเข้ามา  “อย่าใจร้อนนักได้มั้ย! ฉันก็กำลังจะเล่าอยู่เนี่ย”

     

    หมวดปาร์คยิ้มมุมปาก “น่ารักมากหมาน้อย”

     

    หนอย ไอ้ปาร์ค ชักเยอะแล้วนะแก!

     

     

    ผมพลิกตัวตะแคงไปอีกด้าน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชานยอลไว้ใจได้แค่ไหน แต่ก็เอาเถอะ ผมเองก็ไม่อยากทนอึดอัดใจคนเดียวแล้ว

     

     

    “คืนวันเกิดของฉัน ก็วันที่ 6 พฤษภานั่นแหละ... ฉันไปเจอเซฮุนที่ร้านราเม็ง พอกินเส็จ ฉันก็เดินไปส่งเขาที่สถานีรถไฟ  มันเป็นรถไฟเที่ยวสุดท้ายของวันนั้น”

     

    “...”

     

    “ฉันขอให้เขาโทรกลับมาถ้าหากว่าเขาถึงบ้านแล้ว ...แต่เขาก็ไม่ได้โทรมา”

     

     

    ผมนึกไปถึงภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆ นึกถึงดวงตาเศร้าโศกของโอเซฮุน แล้วก็จูบเบาบางของเราทั้งคู่ คิดถึงภาพแผ่นหลังของเขาก่อนที่ประตูรถไฟจะปิด

     

    คิดถึงคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ...คำถามที่ผมถามเขาว่า นี่ไม่ใช่จูบลาใช่ไหม?

     

     

    “แล้วพอตอนเช้าฉันก็ถูกผู้กำกับเรียกไปรับคดี ก็แค่นั้นแหละ”

     

    ชานยอลนิ่งไป บางทีเขาอาจจะหลับไปแล้วก็ได้

     

    ผมขยับตัวเบาๆในความเงียบ พลิกตัวไปพิสูจน์ว่าเขาเข้าสู่ห้วงนิทราไปจริงๆแล้วหรือไม่

     

    แต่ไม่เลย หมวดปาร์คเท้าศีรษะกับแขนที่ชันขึ้นข้างหนึ่ง เขากำลังมองผมอยู่

     

     

    “ตอนที่คุณกินราเม็งกับเขา คุณเห็นว่าเขาใช้โทรศัพท์รึเปล่า?”

     

    ผมพยายามนึก  “อืมม..เขาไม่ได้ใช้โทรศัพท์ แต่เขาพกโทรศัพท์มาด้วย ฉันเห็นเขาวางมันไว้บนโต๊ะตอนที่เรากินมื้อดึกกันอยู่”

     

    “งั้นก็แสดงว่าคืนที่เกิดเหตุแฟนของคุณกลับไปที่บ้าน เขากลับไปที่ห้องนอนที่อยู่ใต้หลังคา แล้วก็วางโทรศัพท์เอาไว้”

     

    “ใต้หลังคา?”

     

    “ใช่  นี่คุณไม่เคยไปที่ห้องของเขาหรอกหรอ”

     

    ผมพยักหน้า  “ก็ประมาณนั้น...ฉันไม่ค่อยถูกกับแม่ของเขาเท่าไหร่ เธอชอบใช้เสียงดัง แล้วก็ขี้บังคับ”

     

    “งั้นเธอก็เหมือนคุณเปี๊ยบเลย”

     

    “นี่นาย!

     

    หมวดปาร์คนิ่วหน้ากับการแหกปากของผม  “ผมสงสัยอยู่อย่าง  ถ้าแฟนของคุณกลับไปที่บ้าน ซึ่งก็น่าจะเป็นเวลาเดียวกับที่เกิดเหตุฆาตกรรม ทำไมเขาไม่ช่วยแม่ตัวเอง แล้วตอนนี้เขาหายไปไหน”

     

    ผมถอนหายใจดังฮิ้ง  “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

     

    “ผมสันนิษฐานไว้สองประเด็น  หนึ่ง...เขาหนีไปเพราะกลัวจะถูกคนร้ายเล่นงาน กับสอง...เขาก่อเหตุฆาตกรรมแล้วก็หนีไป”

     

    ผมจ้องดวงตาสีน้ำตาลของชานยอลอย่างโกรธเคือง  “พูดบ้าๆ! เซฮุนจะฆ่าแม่ตัวเองทำไม แล้วอีกอย่างคนร้ายก็สารภาพแล้วด้วย!

     

    “คุณรู้จักพวกเอื้ออำนวยมั้ย?”

     

    “แน่นอนสิ ฉันเป็นตำรวจนะ!

     

    “คุณรู้ตัวมั้ย คุณก็เป็นคนจำพวกนั้นนั่นแหละ แต่ผมก็เข้าใจอ่ะนะ... ในโลกนี้ไม่มีใครใจแข็งได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างน้อยคนเราก็มักจะมีเงื่อนไขเล็กๆน้อยๆให้กับพรรคพวกของเราเสมอ”

     

    “นายหมายความยังไง?”

     

    “อย่างเช่นที่ตำรวจดื้อด้านอย่างคุณไม่ยอมเชื่อว่าคนรักเป็นฆาตกร แล้วก็เอื้ออำนวยให้เขาหนีไปยังไงล่ะ”

     

    “นาย!

     

    “กล้าสาบานกับผมไหมล่ะถ้าเขาเป็นคนร้ายจริง คุณต้องเป็นคนยัดเขาเข้าซังเตด้วยมือของคุณเอง ตกลงมั้ย?”

     

    ผมกำหมัดแน่น อยากจะต่อยเขาให้ฟันหัก แต่ถ้าผมทำอย่างนั้น ก็เท่ากับว่าผมยอมรับว่าเซฮุนเป็นคนร้าย

     

    “ก็ได้ ถ้าเขาเป็นคนร้ายฉันจะจับเขาเอง! จับกับมือของฉันเลย!

     

    ชานยอลยกยิ้มมุมปาก ดวงตาของเขาเหมือนเสี้ยวพระจันทร์ที่สุดแสนจะเจ้าเล่ห์ “พูดแล้วอย่าคืนคำก็แล้วกันครับผู้กอง”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “คุณลู่อี้เผิงบอกว่าเขาไม่ได้อยู่บ้านในคืนนั้น  เขาเองก็เพิ่งรู้ว่าภรรยาถูกฆาตกรรม หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรไปแจ้งครับ”

    ซิ่วหมินบอกความคืบหน้า หลังจากที่ผมสั่งให้เขาสอบปากคำเพื่อนบ้านแล้วก็สามีของผู้ตาย

     

    “ไม่ได้อยู่บ้าน? แล้วคืนนั้นเขาไปอยู่ที่ไหน?”

     

    “เขาอยู่ที่ทำงานครับ เพื่อนร่วมงานของเขาสามคนเป็นพยานให้ได้ พวกเขาทำงานอยู่ด้วยกัน คุณลู่อี้เผิงทำงานเป็นสถาปนิกที่บริษัทเอซีเฮ้าส์ครับ”

     

    ผมพยักหน้ารับรู้ ...ลู่อี้เผิงไม่ได้เป็นคนร้ายอย่างแน่นอน

     

    “แล้วเรื่องแผนประกอบคำรับสารภาพล่ะ?”

     

    “ไคกับจงแดคุมตัวไปทำแผนแล้วครับ”

     

    “แล้วจะบ่ายนี้ส่งตัวไปเรือนจำเลยใช่มั้ย?” ผมถามพลางอ้าปากของวอดๆ เมื่อคืนวางมวยกับไอ้หมวดปาร์คจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยครับ หาเรื่องมาฉะกันได้ทั้งคืน

     

    มินซอกมองผมไม่เต็มตา เขาตอบออกมาอ้อมแอ้ม  “เหมือนว่าจะยังนะครับ  หมวดปาร์คบอกว่าจะสอบปากคำลู่หานอีกรอบ”

     

    ผมพยักหน้ารับคำ แต่ในใจรู้สึกเดือดปุดๆ ...หนอยย ไอ้บ้านี่ ใจคอจะให้เซฮุนน้อยๆผู้น่ารักของฉันเป็นคนร้ายให้ได้เลยใช่มั้ย!!

     

    จ่าเปา(ฉายานี้ผู้กำกับลีเป็นคนตั้ง) ขอตัวไปเคลียร์เอกสาร  ส่วนผมก็นั่งแปะอยู่ที่โต๊ะประจำตำแหน่ง

     

     

    โครกกก...

    พระเจ้า  ในท้องผมมีน้ำป่าไหลหลากด้วยล่ะ

     

    อ่ะนะ...น้ำย่อยผมเอง

     

     

    ก็ตอนเช้ากว่าผมจะกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้มันก็เกือบจะสายแล้ว สุดท้ายผมก็เลยอดมื้อเช้าไปตามระเบียบ

     

     

    ผมนั่งเปิดแฟ้มดูคดีเก่าๆไปเรื่อยเปื่อย  ก่อนที่ผู้กองอู๋คู่ปรับอันดับหนึ่งจะเดินตรงเข้ามา  เขาเท้าแขนทั้งสองไว้บนโต๊ะ แล้วใบหน้ากวนประสาทนั่นก็ยืนมาใกล้จนริมฝีปากเราแทบประกบกัน

     

    แล้วหมอนั่นก็ทำจมูกฟุดฟิด

     

    “ทำบ้าอะไรของคุณไม่ทราบครับ?” ผมเลิกคิ้วถาม กรงเล็บก็กางเตรียมตะปบทันทีหากผู้กองอู๋มีเจตนาจะหาเรื่องอย่างที่เขาชอบทำเป็นประจำ ประหนึ่งว่ามันเป็นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

     

    “ผมมาตรวจดูว่าคุณใช้ของขวัญที่ผมให้ไปรึเปล่า”

     

    “โฟมล้างหน้าที่ณเดชน์เป็นพรีเซ็นเตอร์อ่ะหรอ? ผมก็ต้องใช้แล้วสิ” ผมตอบไปงั้นแหละ กลัวเขาจะเสียน้ำใจ  แต่ความจริงแล้วคือเช้านี้ผมล้างหน้าด้วยวิปโฟมของชานยอล

     

    ผู้กองตัวโย่งทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม เสียงสูดลมหายใจของเขาดังเบาๆ

     

    แล้วปลายจมูกโด่งของคริสก็ปัดผ่านผิวแก้มของผมไปอย่างรวดเร็ว

     

    ผมนั่งตัวแข็งทื่อ...

     

     

    ถ้าเป็นในละคร เวลาที่นางเอกถูกฉวยโอกาส เธอจะลุกขึ้นมาแหกปากให้ดังไปสามบ้านแปดบ้าน แล้วก็ปาทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าใส่คนที่ฉวยโอกาสกับเธอ

     

    ที่จริงผมก็อยากจะตั๊นท์หน้าไอ้ผู้กองเปรตนี่ซักที

     

    แต่ก็ติดที่กลัวจะหน้าแตก ถ้าคริสสวนมาว่าเป็นอุบัติเหตุล่ะหน้าละเอียดยับเลย ไอ้ผมมันก็ผู้ชายทั้งแท่ง จะมองลงต่ำยังไงก็ไม่เห็นดูมดูม จะมีก็แต่แผ่นอกที่แบนราบไม่ต่างจากแผ่นกระดานโต้คลื่น

     

     

    ผู้กองอู๋เองก็ดูจะตกใจ เขาผละออกไปอย่างรวดเร็ว  แถมผิวแก้มยังเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด

     

    “ม..ไม่ได้ตั้งใจ”

     

    “อ่า...อือ งั้นก็กลับไปทำงานสิ” ผมหลบตาเขา ผมไม่ได้เขินหรอกนะ แต่ก็แบบ...เอ่อ...จะพูดยังไงดีล่ะ

     

     

    มันแปร่งๆล่ะมั้ง อย่างน้อยเราก็ไม่ควรจะมาอยู่ในบรรยากาศเหมือนฉากในละครแบบนี้  ผมว่าเราคงมองหน้ากันไม่ติดไปอีกสามชั่วโมง (มั้ง?)

     

     

    “แล้วนี่คุณกินข้าวมารึยัง?” ผู้กองอู๋เก๊กเสียงเข้ม เขาพยายามจัดฟอร์มให้เนี้ยบเหมือนเดิม แต่มันก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ท่าทางเขาเหมือนกับเด็กมัธยมหัดจีบรุ่นพี่ยังไงยังงั้น

     

    “แล้วมันเป็นธุระกงการอะไรของคุณล่ะ” ผมตอบกลับไป  เอาเป็นว่าผมไม่เคยลืมว่าเขามันจอมแย่งงาน!

     

    “ก็ผมไม่ได้กินมาน่ะ ก็เลยคิดเฉยๆ ...คือแค่คิดเฉยๆนะ” เขาพูดวกไปวนมา

     

    “...” แล้วไงต่อ

     

    “ผมคิดว่า คือถ้าคุณไม่ได้กินมา ...เราก็น่าจะออกไปกินด้วยกัน”

     

    “...” หือ?

     

    “ก็แบบว่า แวบออกไป ซักสิบห้านาที ข้างๆสน.ก็ได้”

     

    “...” คริสอู๋เป็นบ้าอะไรของเขา?

     

    “ผมเลี้ยงก็ได้ นี่ถ้าคุณปฏิเสธล่ะก็ ผมคงเสียใจมาก...”

     

    “ขอบายล่ะกัน ผมมีงานต้องเคลียร์”

     

     

    แล้วผมก็เห็นผู้กองอู๋นิ่งไป ถ้าเป็นภาพในการ์ตูนญี่ปุ่น เขาคงเข้าสู่โหมดภาพขาวดำที่มีหินก้อนใหญ่ตกลงมาทับหัว และใบหน้ามีขีดเส้นตรงอยู่สี่ห้าขีด

     

    รู้สึกสะใจนิดๆแหะ....

     

     

    “คุณชวนหมวดปาร์คก็แล้วกัน เขามาโน่นแล้ว” ผมชี้ไปที่ผู้หมวดมาดเซอร์ที่เพิ่งเดินเข้ามาในสน.  หมอนี่มาสายสุดๆ คอยดูเหอะ ผมจะให้เขาคัดคำว่าขอโทษซักร้อยจบ!

     

    ชานยอลทำหน้างงๆตอนเห็นผู้กองอู๋ยืนเท้าโต๊ะผมอยู่  เขาทำความเคารพคริสอู๋ ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะประจำตำแหน่งซึ่งอยู่ติดกับโต๊ะทำงานของผม

     

     

    “อ่อผู้กอง เมื่อคืนคุณลืมนี่ไว้ที่ห้องผมน่ะ” แล้วหมวดปาร์คก็หยิบบ็อกเซอร์สีชมพูอ่อนออกมาจากกระเป๋าสะพายสีดำ  เขาวางมันลงบนโต๊ะตรงหน้าผม

     

     

    ไอ้...

    ไอ้.......

     

     

    ผู้กองอู๋เดินเซๆกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง โดยปราศจากคำพูดใดๆ

     

     

    ผมยกมือขึ้นมาปิดหน้าอย่างอับอาย

     

     

    ไอ้...ไอ้ผู้หมวดปัญญาอ่อน!!

     

     

    “นี่นายอยากตายรึไงห๊ะ!” พอตั้งสติได้ ผมก็หันไปแหวตัวการที่ทำให้ผมถูกเข้าใจผิด

     

    “อะไรกันเล่า! ผมอุตส่าห์เอามาคืน นี่ผมซักมาให้ด้วยนะ ลองดมดูสิว่าหอมมั้ย” แล้วปาร์คชานยอลก็โปะบ็อกเซอร์มาที่จมูกของผม

     

    ผมรู้ทันทีเลยว่าเขาโกหก...เขายังไม่ได้ซักมัน

     

     

    แม่โว๊ยย!!

     

     

    ผมผลักหมวดปาร์คออก ก่อนจะกระชากบ็อกเซอร์มาเก็บไว้ที่ลิ้นชักใต้โต๊ะ

     

    “ลุกขึ้น!!!” ผมออกคำสั่ง

     

    ชานยอลที่ได้แกล้งผมจนพอใจแล้วลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย  ผมชี้นิ้วสั่งให้เขาย้ายมานั่งที่เก้าอี้ทำงานของผม  ก่อนจะนั่งทับเขาลงไปอีกที

     

    “หนักมั้ย?!!” ผมหันไปตะคอกถาม  แน่นอนว่าชานยอลรีบพยักหน้ารัวๆ

     

    “หนักก็ดี!! นายต้องนั่งอย่างนี้ไปจนกว่าลู่หานจะกลับมาทีสน. นี่คือคำสั่ง!!

     

    ปาร์คชานยอลทำเสียงโอดครวญ  แต่ผมก็ไม่สนอะไรแล้ว  ผมหยิบเอกสารเก่าๆออกมานั่งอ่าน  มีหลายคดีที่ผมต้องสรุปส่งให้ผู้กำกับ

     

     

    ชานยอลถอดเสื้อวอร์มตัวนอกของผมออก  เขาใช้นิ้วขีดเขียนลงบนแผ่นหลังของผม ซึ่งมีเพียงเสื้อเชิ้ตบางๆกั้นระหว่างผิวเนื้อของผมกับปลายนิ้วของเขา

     

     

    พะยูนแบคฮยอน

     

     

    “ฉันชื่อบยอนแบคฮยอนต่างหากโว๊ย!” ผมหันไปโวยวาย และขย่มตัวใส่เขาไปหนึ่งที  จุกล่ะสิ...สมน้ำหน้า

     

    แต่หมวดปาร์คก็ยังไม่หยุดกวนประสาท เขาเขียนแผ่นหลังผมเล่นไปเรื่อยๆ

     

    อ้วน

     

    เตี้ย

     

    ขี้แง

     

     

    “นี่จะพอได้รึยังห๊ะ!!” ผมหันไปแหวเข้าให้อีกรอบ ชานยอลหัวเราะชอบใจ เขาใช้มือเสยเส้นผมที่ปรกหน้าผากอยู่ให้ทิ้งตัวไปข้างหลัง  ...เวลาเขายิ้มจะมีริ้วรอยจางๆที่หางตา ผมว่ามันเป็นสเน่ห์อีกอย่างที่ทำให้เขาดูน่ามองเวลายิ้มแบบจริงใจ

     

     

    ชานยอลเริ่มหมุนเก้าอี้เล่น เขากวนการทำงานของผมเป็นอย่างมาก  แต่นี่คือบทลงโทษของเขา ผมไม่ยอมลุกออกไปง่ายๆหรอก

     

     

    “ลู่หานจะกลับมากี่โมง” หมวดปาร์คสะกิดถาม

     

    ผมหันไปถลึงตาใส่เขาอย่างโกรธเคือง นี่ผมหนักจนจะทนไม่ไหวเลยหรือยังไง!

     

     

    “ฉันจะไปรู้หรอ! แต่บ่ายๆก็น่าจะกลับมากันแล้วมั้ง” ผมจิ๊ปากก่อนจะหันมาสนใจเอกสารราชการต่อ

     

     

    ชานยอลเลิกกวนประสาทแล้ว เขานั่งนิ่งๆอยู่ได้ซักพักก็เริ่มเขียนหลังผมเล่นอีกครั้ง

     

     

    เสีย

    ดาย

    จัง

     

    น่า

    จะ

    กลับ

    ซัก

    พรุ่ง

    นี้

     

     

     

     

     







     

    -จบตอนที่ 4-

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk



     


     

    ทำไมไม่เอาวันของเดือนที่มี 31 วัน
    มาโปะให้เดือนกุมภา


    เดือนที่ลงท้ายด้วยยนมี 30 วัน
    แต่คม มี 31


     



     

    See’me
    #แผนสอง




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×