ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] The Second Plan {chanbaek} ★

    ลำดับตอนที่ #26 : - [ The Second Plan ] : chapter 21 -

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.99K
      43
      11 ม.ค. 57



    The Second Plan

    -chapter 21-








     

    คนรัก

    เพื่อนฝูง

    ครอบครัว

    หน้าที่ การงาน

     

    และใครอีกคนที่ย่างกรายเข้า

     

     

    หรือนี่จะเป็นบททดสอบสุดท้ายสำหรับเรา?

     

     

    . . . . . . . . . . .












     



     

    “ตูด! ตูด! ตูด! นม! นม! นม! เนื้อ-นม-ตูด!!

     

     

    เสียงของผู้หมวดคิมจงอินดังลั่นสน.กวางจู เรียกให้ผมที่กำลังไลน์อยู่คุยกับปาร์คชานยอล พุ่งความสนใจไปที่เขาแทน

     

     

    ภาพที่เห็นคือตำรวจเกือบทั้งสถานีกำลังเกาะกลุ่มนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์จอ LCD ขนาด 42 นิ้ว  โดยมีผู้หมวดไคสมาชิกผิวเข้มจากทีมผม เป็นแกนนำในการทำเรื่องหื่นกาม

     

     

    ไคซู้ดปากดังซี้ดซ้าด เขาเกาะติดหน้าจอเหมือนปลิงลามกตัวหนึ่ง

     

     

    เหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กำลังดูบันทึกการแสดงสดของเกิร์ลกรุ้ปวงหนึ่งอยู่  ผมลุกออกจากเก้าอี้และเดินเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ  ไปถึงพลตำรวจนับสิบรายก็แหวกทางให้ผมเดินเข้าไป  พอเข้าประชิดถึงตัวจงอินที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจากนักร้องในทีวี ผมก็ตบหัวเขาดังป้าบ

     

     

     

    “ให้เกียรติประชาชนหน่อยโว้ย มาเนื้อนมตูดอะไรเนี่ย พูดงี้ผู้หญิงเสียหายหมด”

     

     

    ไคลูบหัวป้อยๆ ก่อนจะหันมามองผมด้วยสายตาเหมือนโกรธกันมาซักสิบชาติ “คนไม่มีหัวใจ!” เขาว่าเข้าให้

     

     

    “หัวใจบ้าบออะไร! มันจะอะไรกันนักกันหนากับอิแค่ผู้หญิงห้าคนเต้นแด่วๆเนี่ย....” ผมถลึงตาใส่จงอิน ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าจอขนาดสี่สิบสองนิ้ว

     

     

    เป็นจังหวะเดียวกับที่กล้องซูมเข้าไปยังอกอูมๆขนาดเกือบเท่าหน้าจอของนักร้องสาวพอดี  ผมอ้าปากค้าง  แล้วสัญชาตญาณดิบของลูกผู้ชาย ก็ผลักดันให้ผมตะโกนออกไปว่า

     

     

     

    “เหยดโด้!!! นมเต็มๆคำ!!!

     

     

    “เท่าหัวเด็กอ่ะ”

     

     

    “สุดยอด!

     

     

    แล้วผมกับไคก็ตบมือกันดังแปะ  ผมจองพื้นที่ด้านขวาของโทรทัศน์  จงอินจองด้านซ้าย  และพวกตำรวจที่เหลือก็ทยอยกันกลับไปทำงาน เมื่อถูกพวกผมสองคนยึดพื้นที่ไปหมดแล้ว

     

     

     

    “วงไรวะ ไม่เคยเห็นเลยอ่ะ” ผมถาม ตาก็จ้องมองจอไม่กระพริบ เสียงร้องเพลงของพวกเธอเป็นยังไงผมยังไม่รู้เลย ตอนนี้ผมสนแต่สองลูกกลมๆที่ล้นจอเท่านั้น

     

     

    “วง Big Bear เพิ่งเดบิวต์ได้สี่เดือน”

     

     

    ผมหันไปทางหมวดไค  ยกนิ้วโป้งเหมือนจะชมว่าพวกเธอช่างยอดเยี่ยมนัก  “วงมียักษ์! เชี่ย ชื่อโคตรเหมาะกับร่างอ่ะ!

     

     

    หมียักษ์ดีจริงๆ....

     

     

     

    พวกเธอเด้งๆอยู่ได้อีกสองนาที เพลงก็จบลง สาวน้อยทั้งห้าปิดตัวด้วยท่วงท่าที่สวยงาม  พวกเธอเจิดจริสด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น อันตีความได้ว่าพวกเธอห่วงใยสิ่งแวดล้อมและใส่ใจทรัพยากรโลก ...น่าชื่นชมดีจริงๆ เป็นวงที่น่าจับตามองมั่กๆ!

     

     

    ไม่รู้ล่ะ...บอกเลยว่าผมแฟนคลับ

     

     

    “คนนั้นชื่อไรอ่ะ?” ในเมื่อใจเรียกร้องจะเป็นเอฟซีขนาดนี้ ผมก็ต้องถามข้อมูลจากติ่งรุ่นพี่ซักหน่อย

     

     

    หมวดไคมองตามนิ้วที่ผมชี้ผู้หญิงผมสั้น ที่ผมคิดว่าเธอสวยที่สุดในวง ก่อนจะตอบว่า  “คนนั้นชื่อแคนดี้ แต่ผมชอบคนนี้มากกว่า คนนี้สวยกว่าอีก”

     

     

    แล้วไคก็ชี้ไปที่ผู้หญิงอีกคน  ผมเบ้ปาก ก็สวยอยู่หรอก แต่หน้าหยิ่งชะมัด หางตาก็เชิดซะขนาดนั้น ไม่เสป็คเลยขอบอก

     

     

     

     

     

     

     

     

    จากนั้นผมก็...

     

     

    “แคนดี้  จียอง  ซอริน  ฮเยจี  ฮานึล...แคนดี้  จียอง  ซอริน  ฮเยจี  ฮานึล”

     

     

    ผมเริ่มแสดงอาการติ่งระยะแรก หลังจากที่จงอินร่ายยาวถึงประวัติของแต่ละคนให้ผมฟัง งานแรกของติ่งก็คือ จำชื่อสมาชิกให้ได้หมดทุกคน

     

     

    “แคนดี้  จียอง  ซอริน  ฮเยจี  ฮานึล”

     

     

    เฮ้ออ จำยากนะ ทำไมต้นสังกัดไม่ตั้งให้มันฝรั่งจ๋าไปทั้งวงเลยวะ จำง่ายดี อย่างเช่นว่า ...แคนดี้  จีจี้ ซีรี่ เยจี้ ฮานี่ อะไรแบบนี้

     

     

    ปากของผมท่องไปเรื่อย สายตาก็ดูหน้าของพวกเธอในโทรศัพท์ไปเพลินๆ  กำลังจะกดตั้งรูปของแคนดี้เป็นเดสท้อปอยู่แล้วเชียว  แต่ข้อความไลน์จากชานยอลก็ดันเด้งขึ้นมาซะก่อน

     

     

     

    ชานยอลครม. : ทำไมอ่านแล้วไม่ตอบ

     

    Byun_ranger : ทำงานอยู่

     

     

     

    ตอแหลได้อีกครับกู แต่จะให้บอกว่าติ่งสาวอกโตอยู่ก็กลัวชานยอลโกรธ

     

     

     

    ชานยอลครม. : คถ.

     

    Byun_ranger : เหมือนกัน ><

     

     

     

    สกิลตอแหลไม่มีใครเกินครับ อีมง อีโมก็ใส่ไปเต็ม ...ก็นะ อยู่ห่างกันไกลขนาดนี้ อ้อนหน่อยเป็นไรไป

     

     

     

    ชานยอลครม. : รน.

     

    Byun_ranger : รักเหมือนกัน :)

     

    ชานยอลครม. : ยขกผกอกสมน ผห.

     

    Byun_ranger : อันนี้แปลไม่ได้จริง ยากเกิน

     

    ชานยอลครม. : อย่าเข้าใกล้ผู้กองอู๋เกินสามเมตรนะ ผมหวง

     

     

     

    บ้า หวงเหิงอะไร... เขินเลยเนี่ย มารับผิดชอบเลยนะ!

     

     

     

     

    Byun_ranger : เดี๋ยวนี้ฮิตคำย่อหรอ แล้วชื่อไลน์ย่อมาจากไรอ่ะ

     

    ชานยอลครม. : ให้ทาย

     

    Byun_ranger : จะไปรู้หรอ

     

     

    Byun_ranger : อ่านแล้วไมไม่ตอบ

     

    Byun_ranger : หยิ่งหรอ จำไว้เลยนะ ;(

     

    ชานยอลครม. : โง่

     

    Byun_ranger : อ้าว

     

    ชานยอลครม. : ย่อมาจาก คนรักเมีย ไง แปลยากตรงไหน

     

     

     

    ครม.  ชานยอลครม.

    โอ๊ยยยย!!! กินโทรศัพท์เข้าไปเลยได้มั้ย  เขินชิบ!

     

     

     

     

    Byun_ranger : อย่าให้เจอนะ จะปั้นมนุษย์หิมะให้หลายๆตัวเลย! 55555555555

     

    ชานยอลครม. : ขำกลบเกลื่อน เขินอยู่ล่ะสิ

     

    Byun_ranger : 555555555555555

     

    ชานยอลครม. : ผมไปทำงานก่อนนะ ดึกๆจะโทรไปหา

     

    Byun_ranger : OK love na krub :)

     

    ชานยอลครม. : me too

     

     

     

     

     

     

     

    “คุยกับใครอยู่อ่ะ!!เสียงแปดหลอดบวกหน้ากลมๆของซิ่วหมินที่โผล่มาจากทางด้านหลัง ทำเอาผมตกใจจนแทบตกเก้าอี้

     

     

    “โอ๊ย! เล่นบ้าไรเนี่ย เดี๋ยวฉันก็ได้หัวใจวายตายกันพอดี!” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ลูกทีม คอยดูเหอะ จะให้คัดคำว่าขอโทษซักพันห้าร้อยจบ!

     

     

    “แล้วทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะครับผู้กอง? ฮั่นแน่...คุยกับใครอยู่อ่ะ” จ่าเปาทำท่าจะฉกโทรศัพท์ไปจากมือของผม  ผมรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ หันไปเผชิญหน้ากับลูกทีมตัวแสบ ก่อนจะซ่อนมือถือไว้ข้างหลัง

     

     

    “คุยบ้าบออะไรล่ะ! ฉันเล่นเกมอยู่ แล้วงานการไม่มีทำรึไงห๊ะ!” ผมใช้เสียงดังเข้าข่ม เผื่อว่าซิ่วหมินจะเกรงกลัว และเลิกจับผิดผม

     

     

    แต่ผมคงประเมินสถานการณ์ผิดไป... ซิ่วหมินหรี่ตาเหมือนจะหยอกล้อ เขาก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทำท่าเหมือนผีปอบที่พร้อมจะฉกตับเหยื่อไปกินได้ทุกเมื่อยังไงยังงั้น

     

     

    ผมมองเขาเลิ่กลั่ก...แล้วทันใดนั้นเอง...

     

     

    “เฮ้ย!!!

     

     

    จงแด ก็เข้ามาประชิดผมจากทางด้านหลัง มือของเขาฉวยเอาโทรศัพท์ไปอย่างรวดเร็ว!

     

     

    ผมรีบหมุนตัวกลับไปหวังจะแย่งเอาโทรศัพท์คืนมา  แต่จงแดกลับยิ้มเป็นต่อใส่ และโยนมันไปให้ซิ่วหมินที่ยืนอยู่ห่างกันเกือบสองเมตร

     

     

    “เฮ้ย!! เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย!” ผมโวย ขาก็วิ่งไปทางจ่าเปาแก้มกลม  ทว่าสุดท้ายแล้วซิ่วหมินก็โยนมันไปทางจงแด  และเรื่องมันก็วุ่นวายยกกำลังสอง เมื่อจงอินเข้ามาร่วมวงโยนมือถือในครั้งนี้ด้วย

     

     

    จึงกลายเป็นว่า...พวกเราเล่นลิงชิงบอลกันกลางสถานีตำรวจครับ

     

     

    แล้วใครเป็นลิง?....ก็ผมไง  ผมเป็นถึงหัวหน้าทีม แต่ตอนนี้ผมกลับผมต้องวิ่งไปวิ่งมา เพื่อจะแย่งโทรศัพท์ตัวเองคืน  

     

     

    โอ๊ยย  ผมยังไม่พร้อมจะเปิดตัวคู่กับสารวัตรปาร์คนะเว้ย  ความจะแตกวันนี้หรอ ฮือออ ไม่นะ

     

     

     

    ผมได้แต่ครวญครางอยู่ในใจ ร่างกายก็พยายามกระโดดคว้าโทรศัพท์ของตัวเองสุดความสามารถ ซึ่งก็คว้าน้ำเหลวอยู่ร่ำไป

     

     

     

    “ผู้กองอู๋! รับนะ!” จงอินเรียกผู้กองทีมมังกร ที่กำลังเดินทางมาทางนี้พอดี  คริสอู๋เงยหน้ามามองสถานการณ์ด้วยสีหน้างงๆ  แต่กระบวนการทางร่างกายของเขาก็ประสานงานกับสมองเร็วมาก  เขาสามารถกระโดดรับโทรศัพท์มือถือของผมได้อย่างสวยงาม

     

     

    แล้วเจ้าสมาร์ทโฟนลูกรักที่เปิดโปรแกรมไลน์ค้างไว้ก็ตกไปอยู่ในมือของคริสอู๋จนได้....

     

     

    ชิบหายล่ะ

     

     

     

    ผมกระโจนไปทางอู๋อี้ฟานทันที  แต่ลูกทีมทั้งสามคนกลับกรูเข้ามาดึงผมเอาไว้  แถมยังตะโกนสั่งคริสอู๋เสียงดังลั่น

     

     

    “อ่านเลยผู้กองอู๋! พวกผมจะจับผู้กองบยอนไว้เอง!!

     

     

    อ๊ากกก...ผมโดนรุมอ่ะ ช่วยที TT

     

     

    จงแดล็อคคอผมเอาไว้  ซิ่วหมินดึงแขนซ้าย จงอินดึงแขนขวา  ส่วนผมก็พะงาบๆ น้ำตาจะไหลอยู่ในวงล้อม

     

     

    เวรแล้วไงกู...ความจะแตกแล้ว

     

     

     

    ผมมองผู้กองอู๋ตาปริบๆ พยายามส่งสัญญาณเมเดไปอ้อนวอนสุดพลัง  เขาเลิกคิ้วมองผมสลับกับคนในทีมอย่างงงๆ คงสงสัยว่าไอ้พวกนี้มันเล่นบ้าอะไรกัน

     

     

     

    “อ่านเลย!” หมวดไคย้ำอีกครั้ง และถึงแม้ว่าจะยังมึนงงกับสถานการณ์ แต่คริสอู๋ก็ก้มหน้าลง กวาดสายตาไปยังหน้าจอโทรศัพท์

     

     

    เชี่ยเถอะ....คนรักเมียเต็มๆตาเลยมั้ยล่ะ

     

     

    ฮือออ บยอนแบคฮยอนอยากจะคราย TT

     

     

    ไม่ใช่ว่าไม่ฟินที่ได้คบกับชานยอลนะ แต่มันเร็วไปที่จะเปิดตัวอ่ะ ขนาดผมคบกับเซฮุนมาตั้งเป็นปี ผมยังไม่เคยบอกใครเลย

     

     

     

    คุณเข้าใจมั้ย ถึงสมัยนี้ความรักจะเป็นเรื่องเปิดกว้างสำหรับคนทุกเพศ  แต่ก็แบบ...โอ๊ยย

    ผมยังไม่พร้อมอ่ะ!

     

     

    ผู้กองอู๋สไลด์หน้าจอขึ้นลง คงเลื่อนอ่านของวันนี้จนหมดแล้ว  ซึ่งผมก็ภาวนาขออย่าให้เขาไปลึกกว่านี้เลยนะ แรกๆนี่ผมกับชานยอลคิดถึงกันมากไปหน่อย ก็เลยมาทั้งไฟล์รูป ไฟล์เสียง

     

     

    พระเจ้า!! เอามีดมาแทงผมตอนนี้เลยมั้ย!!

     

     

     

    “อ่านเลยผู้กอง!” จงแดตะโกนข้ามหน้าข้ามตาผมไป...หนอย สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านมันผิดศีลนะเว้ย!

     

     

    “ผู้กองบยอนคุยกับใครครับ ยิ้มเป็นหมาบ้ามาหลายวันแล้ว อ่านเลย!” ซิ่วหมินเร่งเข้าไปอีกหนึ่งดอก

     

     

    ผมเข่าอ่อนจนแทบทรุด... ผู้กองอู๋เงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์  แล้วเขาก็เฉลยความจริงว่า...

     

     

     

    “อ่านอะไร? มีแต่เกมแต่งตัวตุ๊กตาเนี่ย”

     

     

    “จริงดิ?”

     

     

    “จริงอ่ะ??”

     

     

    ลูกทีมทั้งสามถามกลับเสียงสูง สีหน้าบ่งบอกว่าไม่เชื่ออย่างแรง ผู้กองอู๋ยังคงทำหน้างงๆเช่นเดิม เขาทำเหมือนไม่เข้าใจว่าพวกเรากำลังพูดและเค้นหาความจริงเรื่องอะไรกันอยู่

     

     

    แต่ผมว่าเขาเห็นแล้วล่ะ

     

     

     

     

     

    จงแดยอมปล่อยผมออกคนแรก ตามด้วยซิ่วหมินแล้วก็ผู้หมวดคิมไค

     

     

    “ว้า ไม่หนุกเลย” หมวดไคทำเสียงผิดหวัง จนผมต้องฟาดมือลงไปที่หลังเขาดังอั่ก

     

     

    “ไปทำงานเลยไป! หรืออยากโดนต่อยห๊ะ!!” ผมไล่ลูกทีมทั้งสามคน และรอจนพวกเขาแยกย้ายกันไปนั่งบนโต๊ะทำงาน ผมถึงเบาใจ  จากนั้นผมก็เดินไปทางผู้กองอู๋ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

     

     

    “ขอบคุณ” ผมพูดเสียงห้วน มือก็คว้าโทรศัพท์คืนมาเก็บในกระเป๋ากางเกง

     

     

    ผมไม่ใช่คนชอบเสียมารยาทหรอกนะ อันที่จริงผมก็อยากขอบคุณเขาดีๆที่เขาช่วยปิดความลับไว้ให้

     

     

    แต่คุณดูดิ...เขาบอกคนอื่นว่าผมเล่นเกมแต่งตัวตุ๊กตาอ่ะ!!

     

     

    เกมบนโลกมีเป็นร้อยเป็นพัน จะแคนดี้ครัช เกมแข่งรถ เกมชู้ตบาส หรืออะไรก็ได้  ทำไมต้องเป็นเกมแต่งตัวตุ๊กตาด้วย!!

     

     

    วู้ ใช่เรื่องมั้ยเนี่ยคริสอู๋!

     

     

     

     

    หัวหน้าทีมมังกรมองผมด้วยหางตา แล้วเขาก็เดินลงส้นจากไป โดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

     

    เขาโกรธหรอ??

     

     

    เอ่อ...เขาโกรธที่ผมพูดเสียงห้วนใส่ เหมือนไม่รักษาน้ำใจเขาหรอ?...ผมควรจะเดินตามไปขอโทษเขามั้ย? แบบว่า ขอโทษที่เมื่อกี้พูดห้วนไปหน่อย

     

     

    ด้วยความที่ผมเป็นคนเกลียดอะไรที่คารังคาซัง  ผมก็เลยตัดสินใจวิ่งตามคริสอู๋ที่กำลังก้าวยาวๆไปยังโซนชงกาแฟ  เขาหยุดอยู่ที่กาต้มน้ำ  แล้วผมก็สะกิดไหล่เขายิกๆ

     

     

    “นี่...”

     

     

    “...” อู๋อี้ฟานมองผมด้วยสายตาเย็นชา ...อ๋าา นี่เขาโกรธผมเพราะเรื่องคำพูดแค่นั้นอ่ะนะ เป็นคนคิดเล็กคิดน้อยจัง

     

     

    “ผู้กองอู๋ ...เอ่อคือ...ผมขอโทษนะ”

     

     

    “ขอโทษทำไม?” แหน่ะ...ทำเสียงแข็งใส่อีกต่างหาก  อะไรจะโกรธขนาดนั้น

     

     

    “ก็เมื่อกี้พูดห้วนไปหน่อย ทั้งๆที่คุณอุตส่าห์ช่วยผมเอาไว้แท้ๆ โทษทีนะ” ผมยิ้มแหยๆ และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงจ๋อยสนิท... อยากให้เขารู้ว่าผมรู้สึกผิดจริงๆนะ

     

     

    อยู่ดีๆผู้กองอู๋ก็ถอนหายใจยาว  เขาหยิบแก้วจากชั้นวางออกมากดใส่น้ำร้อน ทำเหมือนผมเป็นอากาศธาตุ

     

     

    “ให้ผมชงให้มั้ย?” ผมเสนอ ถึงจะขาดฝีมือ แต่อย่างน้อยผมก็อยากไถ่โทษ

     

     

    “...”

     

     

    “หรือว่าจะให้ทำอะไร ผมทำให้ได้นะ”

     

     

    แล้วคริสอู๋ก็จ้องผมเขม็ง  “ไปทำตัวให้ฉลาดขึ้นก็พอ ...นี่คุณแกล้งโง่หรือโง่จริงกันแน่ฮะ?”

     

     

    อ้าว พูดงี้ก็สวยดิวะ คนอุตส่าห์เดินมาขอโทษดีๆ ดันมาด่าว่าโง่อย่างนี้ได้ไง

     

     

    “อย่าให้มันมากนักนะผู้กองอู๋ เห็นผมง้อเข้าหน่อยก็ทำมาเป็นเล่นตัว แถมยังมีหน้ามาพาดพิงสติปัญญาผมอีก มีสิทธิอะไรมาว่าคนอื่นโง่กันห๊ะ!

     

     

    คริสอู๋สาดน้ำร้อนลงซิงค์ ก่อนที่เขาจะเก็บแก้วกระเบื้องลงบนชั้นวางเหมือนเดิม แสดงท่าทีเป็นนัยๆว่าเพราะผม เขาจึงไม่มีอารมณ์แม้กระทั่งจะกินกาแฟ

     

     

    “แบคฮยอน...คุณรู้อะไรมั้ย”

     

     

    “....”

     

     

    “คุณมันโง่  ถ้าเลือกได้  ผมก็ไม่อยากจะชอบคุณเลย”

     

     

    “...”

     

     

    “ทั้งโง่ ทั้งปัญญาอ่อน”

     

     

     

    เขาตอกมาสองคำแบบแสบๆ ก่อนจะเดินเฉียดไหล่ผมออกไป

     

     

     

    ผมยืนนิ่งอยู่กับที่.... เมื่อกี้คริสอู๋พูดว่าชอบผม??

     

     

    เขาชอบผม??

    ชอบผมเนี่ยนะ!?

     

     

     

     

     

     

     

     

    พอเลิกงาน ผมก็ตรงกลับบ้านพักทันที

     

    มีหลายเรื่องที่ผมคิดระหว่างเดินทางกลับบ้าน....  แม่บินไปลอนดอนทันทีหลังจากที่หมดภาระเรื่องเอกสารพินัยกรรมของพ่อ ซึ่งผมก็หมดห่วงไปได้อีกเปราะ เพราะแม่คงมีความสุขดีกับครอบครัวที่แม่รักและคิดถึง 

     

     

    ส่วนผมกับชานยอล เราสองคนตัดสินใจจะแยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง  เขากลับไปเป็นสารวัตรหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับแห่งสน.โซลเหมือนเดิม  ส่วนผมก็กลับมาเป็นหัวหน้าทีมบยอนแห่งกวางจู

     

     

    ทีแรกผมคิดจะลาออกจากงานไปอยู่กับเขาที่โซล แต่พอคิดไปคิดมา... ผมก็คิดว่าเราไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากขนาดนั้น

     

     

     

    ความรักไม่ควรเป็นภาระ

     

     

    รักที่ทำให้ต้องละทิ้งสิ่งอื่น ถือเป็นความรักที่เห็นแก่ตัว

     

     

     

     

    ฉะนั้น ห่างกันนิดๆหน่อยๆก็คงไม่เป็นอะไร ยังไงซะสมัยนี้ก็มีโซเชียลเน็ตเวิร์ค มีช่องทางการสื่อสารสารพัดรูปแบบ ที่ทำให้เราเหมือนใกล้ ทั้งที่อยู่ไกลกัน

     

     

     

     

    เดินคิดอีกไม่กี่นาที ผมก็มาถึงบ้านพัก  ผมไขกุญแจเข้าไปในบ้าน และทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาทันที

     

     

    อ่า...ผมคิดถึงชานยอลอีกแล้ว

     

     

    ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะต่อสายไปหาสารวัตรสุดหล่อของผม ...รอเพียงไม่กี่อึดใจเขาก็กดรับสาย

     

     

    “คิดถึงจัง”

     

     

    อ่าฮะ

     

     

    “เปิดกล้องหน่อย  อยากเห็นหน้า”  ผมทำเสียงอ้อน  แต่ปลายสายกลับเงียบไปเหมือนลังเล

     

     

    “ยังไม่เลิกงานอีกหรอ จะทุ่มนึงแล้วนะ”

     

     

    เปล่าหรอก เลิกแล้ว

     

     

    “งั้นเปิดกล้องหน่อยสิ  ขอดูหน้าหน่อยนะ”

     

     

    ...

     

     

    “นายกำลังทำให้ฉันไม่ไว้ใจนะชานยอล” ผมแกล้งทำเสียงเข้ม ทั้งที่ความจริงผมก็ไม่ได้นอยด์อะไรหรอก บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยู่บ้านก็ได้ เปิดกล้องตรงคนเยอะๆ มันก็น่าอายอยู่เหมือนกันนี่เนอะ

     

     

    ผมได้ยินเสียงการขยับตัวของชานยอลรอดเข้ามาในสาย เขาเหมือนกำลังจัดของอะไรซักอย่าง... ผมหลุดหัวเราะ สงสัยเขาจะอายที่บ้านรกแน่เลย ถึงยังไม่กล้าเปิดกล้อง

     

     

    “รออยู่น้า~

     

     

    เปิดแล้วๆ

     

     

    ไม่ถึงสามวินาที ...ผมก็ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคย

     

     

    “จะนอนแล้วหรอ?” ผมถาม เพราะเห็นเขานั่งอยู่บนเตียง

     

     

    อือ แต่คุยได้

     

     

    “ทำไมวันนี้นอนเร็วจัง งานหนักหรอ”

     

     

    ชานยอลพยักหน้า  ตอนนี้เขาใส่เสื้อกล้ามสีดำอย่างที่เขาชอบใส่ แล้วก็ใส่กางเกงวอร์มสีชมพูที่ผมเป็นคนซื้อให้เขาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

     

     

    “ใส่สีชมพูแล้วน่ารักจัง” ผมยิ้มให้เขา  อันที่จริงแล้วการคุยเรื่องกางเกงมันช่างไร้สาระ.... แต่ผมอยากคุยกับเขา อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้า...  ผมชอบเวลาที่เขามองผมและอมยิ้มเล็กๆที่มุมปาก

     

     

    สายตาของเขาแทบทำให้ผมละลาย

     

     

     

    ยังไม่ได้อาบน้ำอีกหรอ

     

     

    “อือ เพิ่งกลับถึงบ้านเมื่อกี้เอง” ผมแตะหน้าจอเบาๆ อยากแตะหน้าเขา แตะจมูก แตะปาก แตะลักยิ้มจางๆที่ข้างแก้ม

     

     

    ถ้าจะอาบเอากล้องเข้าไปด้วยสิ

     

     

    “ทะลึ่ง! ไม่ให้ดูหรอก”

     

     

    ทำไมอ่ะ

     

     

    “ก็ไม่อยากให้ดู”

     

     

    จริงหรอ

     

     

    “อือ”

     

     

    บทสนาของเราสั้นลงเรื่อยๆ ...จนกระทั่งไร้ซึ่งเสียงพูดคุยตอบโต้ใดๆ  เราเพียงแค่นั่งมองกันผ่านเครื่องมือสื่อสาร 

     

     

    ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกวูบโหวงเล็กๆในใจ  แล้วผมก็เริ่มที่จะตั้งคำถามกับตัวเอง..ทำไมเหงาจัง?  ทำไมถึงใจหายแบบนี้?

     

     

    ทำไมเห็นหน้า....แต่ก็ยังคิดถึงเหลือเกิน?

     

     

     

     

     

     

     

    สารวัตรคะ ห้องน้ำอยู่ทางไหนหรอคะ

     

    เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังแทรกเข้ามาในลำโพง  ผมเบิกตาโตอย่างตกใจ  ก่อนที่กล้องจะถูกปิด และชานยอลก็ตัดสายไปอย่างรวดเร็ว

     

     

    เขาพาใครเข้ามาในบ้าน?!!

     

     

    ผมพยายามโทรหาเขาอีกหลายครั้ง แต่ชานยอลก็กดตัดสาย และสุดท้ายเขาก็กดปิดเครื่อง

     

     

    ผมปาโทรศัพท์ลงบนโต๊ะหน้าโซฟาอย่างแรง  ในใจรู้สึกร้อนรุ่ม...

     

     

    ทั้งๆที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุอะไร แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนหัวใจจะสลายอยู่ในอก

     

     

     

     

    มันอาจจะเป็นเพราะเงื่อนไขบางอย่างที่ผมเองก็รู้และยอมรับเป็นอย่างดี

     

     

    ผู้ชายกับผู้หญิงมีอะไรหลายๆที่ต่างกัน  ซึ่งก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่า สิ่งสวยงามของผู้หญิง เป็นสิ่งที่ผู้ชายอย่างผมไม่มี

     

     

    และผมก็กลัวใจเขาเหลือเกิน

     

     

     






     

     

     

     

     

     

     

     

    -จบตอนที่21-

     

     

     

     

    แมวโคลนนิ่งตัวแรกชื่อซีซี

    คีบั่บ...แล้วไงอ่ะ

     

    ใช่เรื่องปร้าา

     

     

     

    Seeme

    #แผนยำวุ้นเส้น



    https://24.media.tumblr.com/f8d7b76337d3ab74c7134c3994f2d82a/tumblr_mz1a63l4lt1se6opao2_250.gif




    ลืม  จะอวดว่ามี trailer แล้วนะจ๊ะ
    55555555555555
    ขอบคุณ @
    มากๆ เลิฟ

     

     

     





     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×