คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ϟ chapter 5 : 100%
DADDYROCKLEGS
[CHAPTER5]
. ‘Your flavor is the sweetest thing in my life
รสชาติของเธอคือความหวานหอมที่สุดในชีวิตของฉัน’
. . . . .
ผมกับเจ้าสาวร่างถึกออกมารับแขกหน้างาน ก่อนจะถูกลากให้ไปถ่ายรูปกับบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมยินดีที่ฉากสำหรับถ่าย ฉากขนาดกลางถูกปูด้วยพรมขนนกสีขาวบริสุทธิ์ ข้างๆมีแจกันสไตล์โรมันขนาดใหญ่กับช่อดอกกุหลาบสีชมพูแซมกับสีขาว นอกจากขนนกนุ่มนวลแล้ว ที่พื้หลังฉากยังเต็มไปด้วยคริสตัลและกากเพชรวิบวับที่ประดับประดาอย่างสวยงาม
ผมต้องแหกปากยิ้มเหมือนคนสติไม่สมประกอบ พอๆกับไอ้ชานยอลที่แหกปากเห็นฟันครับสามสิบแปดล้านซี่ -_- ให้ตายเถอะโรบิ้น ทำไมผมต้องมายืนเกร็งให้คนมาขอถ่ายรูปคู่ประหนึ่งว่าเป็นยักษ์วัดแจ้งด้วยเนี่ย!
สเต็ปสีหน้าของผมกับไอ้ชานยอลเป็นอย่างนี้ครับ...
ตากล้องนับ
“เอ้า หนึ่ง”
-____-
“สอง”
-_-
“ซั่ม!”
แชะ!
^O^
แล้วพอแขกจากไป หนังหน้าเราก็จะกลับมาเป็น -____- เหมือนเดิม จะยิ้มก็ต่อเมื่อแชะเท่านั้นแหละครับ
ไอ้ชานยอลกระชับสูทสีขาวด้วยท่วงท่าที่คงคิดว่าทำแล้วเท่ตาย เป็นจังหวะที่ผองเพื่อนของมันเฮโลกันเดินเข้ามาพอดี
“เฮ้ย!!ขอพวกกูรูปนึงดิ” คริสเดินโหวกเหวกเข้ามาพร้อมเพื่อนอีกสอง-สามคนที่เคยมาทำงานที่บ้านไอ้ชานยอล เจ้าสาวร่างสูงของผมตบหัวตบไหล่ทักทายกับเพื่อนๆอยู่ซักพักก็พากันเข้าเฟรมถ่ายรูป ผมที่รู้สึกเป็นส่วนเกินก็เลยถอยห่างออกมาให้เพื่อนๆเขาถ่ายรูปกันไป
จากที่บอกว่าขอรูปเดียว ก็ล่อกันไปซะฟิมพ์จะหมดม้วน(ดีออกยุคสมัยไหนแล้วยังใช้ฟิล์ม) ไอ้ชานยอลเวลาอยู่กับเพื่อนร็อคเกอร์ร่วมวงก็ดูจะไม่เก๊กเท่าไหร่ มันยืนแหกขาทำท่าอุลตร้าแมนอยู่ตรงกลาง คริสทำท่ามาริลีนมอรโรที่เอามือปิดจิ๊ไว้กลัวกระโปรงเปิด ส่วนที่เหลืออีกสองคนทำท่าซางรางเฮเหมือนคู่เกย์ร่างถึก
ช่างเป็นภาพที่งดงามเสียนี่กระไร -__-
ผมยืนดูพวกมันถ่ายรูปอุบาทว์ๆจนตากล้องเอือมระอาอยู่ซักพักก็ถูกคริสกวักมือเรียกให้เข้าไปถ่ายรูปด้วยกัน ด้วยคำพูดที่ว่า
“เป็นเจ้าสาวก็เข้ามาถ่ายด้วยกันดิ”
ด้วยความที่เพิ่งรู้จักกัน ผมก็เลยมีความเกรงใจคริสอยู่มาก หลังจากนางพูดคำนั้นจบ ผมก็ชูนิ้วกลางแสดงความเคารพต่อนางทันที
“ห่า กูเป็นเจ้าบ่าวเว้ย -__-”
“ฮ่าๆๆๆๆ เออ จะเป็นอะไรก็มาเข้ามาถ่ายเร็วๆเหอะ” คริสหัวเราะก่อนจะดีดนิ้วเหมือนเรียกหมา เชิญชวนให้ผมเข้าไปในเฟรม ผมมองไปทางชานยอลเห็นมันยิ้มๆไม่ได้ว่าอะไร ก็เลยตัดสินใจเดินเข้าไปในที่สุด
ไอ้ชานยอลดึงต้นแขนผมให้ไปยืนข้างกัน ก่อนจะวาดแขนโอบไหล่ผมเอาไว้ เรียกเสียงโห่ฮิ้วจากบรรดาคุณเพื่อนของมันได้เป็นอย่างดี
ไอ้คุณคริสนี่ก็อินดี้จัด มางานแต่งงานทั้งทีใส่เสื้อกล้าม กางเกงเล มึงเร้กเก้สกามากมั้ย ถ้าจะชิวขนาดนี้ งานหน้าแนะนำกางเกงใน
จัดท่ากันอยู่ซักพักก็ได้มุมที่เป็นผู้เป็นคนมากกว่าตอนที่พวกมันถ่ายกันเล่นๆ เรายืนเรียงแถวหน้ากระดาน ตรงกลางคือผมที่ถูกชานยอลโอบไหล่เอาไว้
“ดีมากครับ เอ้า ยิ้มนะ”
ตากล้องนับตัวเลขอีกครั้ง
1
2
3
จังหวะนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ปลายนิ้วชี้ของช่างภาพจะแตะลงบนชัตเตอร์
ริมฝีปากของชานยอลประทับลงมาที่แก้มของผมที่กำลังฉีกยิ้มให้กับกล้อง แล้วก็...
ม๊วฟ!
“ฮิ้วววว~”
คริสถกกางเกงเลขึ้นมาเต้นแรงเต้นกากับเพื่อนอีกสองคน นี่มึงดีใจเหมือนได้แต่งเองเลยนะ ผมตบหน้าผากตัวเองดังป้าบ ส่งสายตาอาฆาตไปยังไอ้จอมฉวยโอกาส
“จะหอมทำไมวะ! กูของเล่นมึงหรอ!”
ไอ้ชานยอลทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะไล่พวกเพื่อนสติเพี้ยนให้ออกไป แล้วผายมือเชิญให้แขกคนอื่นๆเข้ามาถ่ายรูปแทน
คราวนี้เป็นบรรดาญาติฝ่ายไอ้ชานยอลมันครับ มีคุณป้าปาร์ค พี่ยูรา แล้วก็สามีกับลูกๆ ส่วนคุณลุงปาร์คไม่ได้มา คงจะติดงานที่ต่างประเทศ
ผมถูกคุณป้าจับไปกอดไปหอมชุดใหญ่ด้วยความคิดถึง จากนั้นพวกเราก็ถ่ายรูปกันอย่างสงบเสงี่ยม ต่างจากการถ่ายภาพก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง
การแสดงออกที่เป็นผู้ใหญ่ของไอ้ชานยอลเล่นเอาผมตามไม่ทัน พออยู่กับเพื่อนแม่งก็โคตรบ้า พออยู่กับครอบครัวกลับสุภาพ วางตัวดีชิบหาย
ผมพอจะเข้าใจแล้วล่ะครับว่าการแต่งงานของเรามันเริ่มต้นขึ้นมาได้ยังไง
ก็เพราะผมกับชานยอลต่างก็เกรงใจคนที่บ้าน อะไรที่เป็นความสุขของครอบครัวพวกเราก็ยอมเก็บความเป็นตัวตนลงไปให้ลึกสุดใจ (แล้วค่อยกบฏออกมากระทืบกันตายตอนที่พวกผู้ใหญ่ไม่เห็น -_-)
ต่อจากครอบครัวปาร์คก็เป็นครอบครัวของผม โดคยองซู แล้วก็แขกอีกนับไม่ถ้วน
ระหว่างถ่ายรูป เวทีก็ถูกครอบครองโดยวงดนตรีร็อคอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ นำทีมโดยคริสกางเกงเลและผองเพื่อนเกย์ร่างถึก ซึ่งทำหน้าที่มอบความบันเทิง(?)ให้กับผู้ร่วมงานครับ แม่งโคตรฮาร์ดคอร์กระโดดฉีกแข้งฉีกขากันใหญ่ ไอ้ชานยอลก็ดู
จะเปรี้ยวปากอยากจะเข้าไปแจมซะเหลือเกิน ผมเห็นมันทำท่าดีดกีต้าร์ตามจังหวะที่
คริสกับเพื่อนๆแหกปากร้องอยู่บ่อยๆ
เล่นไปเล่นมาไอ้คริสชักจะมันส์แบบกู่ไม่กลับ มันถอดเสื้อโชกเหงื่ออกก่อนจะเหวี่ยงติ้วๆ เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆในงานได้เป็นอย่างดี ยอมรับว่าเท่ชิบหาย เท่ไม่เท่ ม๊าผมก็วิ่งไปกรี๊ดมันอยู่หน้าเวทีอ่ะครับ ฮ่าๆๆๆ โหม๊า ไม่เกรงใจอายุเลยนะ
นอกจากไอ้คริสจะถอดเสื้อโชว์ขี้ก้างและรอยสักแล้ว มันยังเชิญแขกไปแดนซ์ออนเดอะฟลอร์อีกต่างหาก งานแต่งตอนนี้เลยกลายเป็นงานคอนเสิร์ตชาวร็อคไปในพริบตา เรโทรสเปค ft.บอดี้สแลมสุดไรสุด แขกพร้อมใจกันทำมือเป็นสัญลักษณ์ชาวร็อค แหกปากเย่วๆกันใหญ่
ตอนแรกผมก็เครียดผสมเงิบ อารมณ์ว่า เฮ้ยนี่มันงานแต่กูนะเว้ย พวกมึงทำห่าอะไรเนี่ย แต่หลังๆก็เริ่มสนุกไปกับบรรยากาศ นี่ก็ชักจะอยากออกไปเต้นกับพวกแม่งด้วยแล้วเนี่ย อยากจะทิ้งลายป๋าแบคไปร็อคโชว์ให้รู้แล้วรู้แรดไป
ไฟงานแต่งที่ตอนแรกสาดมาอย่างหวานหยด ถูกเปลี่ยนเป็นไฟกระพริบๆ สลัวๆ
ไอ้คริสแหกปากร้อง Don’t be rude ของ T-max จบ ก็ต่อด้วย Girlfriend ของ Avril lavigne คิดดูสิครับ ผู้ชายร่างยักษ์ เงิงกระจาย เจาะหูหลายรู ถอดเสื้อโชว์รอยสัก เสือกร้องเพลงของร็อคเกอร์หญิงส่ายตูดดุ๊กดิ๊กไปมา แม่งโคตรฮา ฮ่าๆๆๆ
ไอ้ชานยอลดูชอบใจใหญ่เลยครับ มันตะโกนเชียร์เพลงด้วยเสียงใหญ่ๆทุ้มๆ ก่อนจะดึงข้อมือผมให้เข้าไปชิดขอบเวทีแบบเอ็กคูซีฟด้วยกัน
รู้สึกเหมือนกำลังดูคอนเสิร์ตอยู่เลยแหะ เครื่องดนตรีก็เต็มวงชิบหาย มาหมดทั้งกลองชุด กีตาร์ไฟฟ้า เบส เครื่องมิกซ์เพลงยังมีอ่ะคิดดู
ไอ้ชานยอลที่เห็นผมเขย่งปลายเท้า เพราะคนไปออกันเยอะจนไม่เห็นข้างบนเวที ทำสิ่งที่ผมตกใจมาก...มันไปยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง ก่อนจะอุ้มผมขึ้นมาให้อยู่สูงกว่าคนอื่นๆ ผมดิ้นทันทีเพราะตกใจ แต่พอวงร็อคเปลี่ยนไปแร็ปเพลง Two Moons ผมก็สนุกสุดเหวี่ยงจนลืมว่าต้องอายที่ถูกชานยอลอุ้มเอาไว้อย่างนั้น
นักร้องอีกคนที่ดูจะเสียงดีกว่าคริสร้องเพลงมันๆเพี้ยนๆอย่าง The Fox ของ Ylvis (เพลงเหี้ยนี่ผมฮามาก น้ำตาไหลเลยครับ) ตอนไอ้นักร้องทำเสียงเสียงดิ๊กๆๆ โหยย ฮากันทั้งงาน พอบ้าบอจบก็ต่อด้วย So What ของ Far East Movement เวอร์ชั่นรีมิกซ์ที่ดีเจแม่งมิกซ์ซะมันชิบหาย ฉีกธีมสัดๆ มิกซ์จนเหมือนชาตินี้มึงจะไม่ได้มิกซ์อีกแล้ว แร็ปกันกระจาย ถอดเสื้อเหวี่ยงให้คนดูได้กำไรกันชิบหายวายวอดเลยครับงานนี้
สาวๆข้างล่างก็กรี๊ดกันงานแทบแตก พวกผู้ชายก็ป้องปากเชียร์กันแบบไม่มีใครยอมใคร บอกเลยว่ามันส์มากจริง ทั้งแสงสีเสียง โคตรจัดเต็ม แชมเปญทาวเวอร์ที่บ่าวสาวต้องเป็นคนรินแจกตามพิธี ถูกไอ้คริสเขย่าแล้วตีขวดแตกฟองฟูฟ่อง กระกดแดกหน้าตาเฉย(อยากจะด่าแต่ว่างานหนุกดี)
ไอ้ชานยอลที่เห็นเพื่อนรักขโมยแชมเปญไปกินก็ทนไม่ไหวครับ มันปล่อยผมลงกับพื้นก่อนจะกระโดดขึ้นไปจับไมค์บนเวที
แก้วไวน์เปล่าๆถูกแขกรุมหยิบมาถือเอาไว้ ไอ้ชานยอลคว้าแชมเปญอีกขวดมาเขย่าๆก่อนจะเปิดจุกแล้วเทแจกจ่ายให้ได้เมาหัวราน้ำกันโดยถ้วนหน้า
ผมยืนมองทุกการเคลื่อนไหวของปาร์คชานยอลอยู่ที่เดิม...
อยู่ๆหัวใจเต้นแรง แม้แต่เสียงกลองที่รัวจังหวะเร่งเร้าก็ไม่อาจกลบเสียงตึกตักในหัวใจผมไปได้
ชานยอลบนเวทีเป็นตัวของตัวเองมากครับ ทั้งรอยยิ้ม ทั้งเสียงหัวเราะ ทั้งท่าทางบ้าๆบอๆ ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้มันกลับกลายไปเป็นเด็กหูกางร่างอ้วนคนเดิมที่ผมเคยรู้จัก ทันใดนั้นเอง ผมก็หวนคิดไปถึงสมัยที่เราอยู่บ้านใกล้กัน คิดถึงตอนแอบเข้าไปว่ายน้ำในสระบ้านคนอื่น คิดถึงตอนที่เราตัดสินใจขโมยฟันปลอมอาม่า แล้วก็คิดถึงเวทีแรกที่ชานยอลขึ้นประกวดร้องเพลง(ซึ่งนางได้ที่โหล่มาครองจ้า นางสะดุดล้มฟันแผงหน้าเจาะเวทีด้วย)
อดีตต่างๆตีรวนอยู่ในหัว ผมยอมรับเลยว่าช่วงเวลาเหล่านั้นเป็นช่วงเวลาที่สนุกสนานและเป็นชิ้นส่วนความทรงจำที่ผมหวงแหนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
ผมเคยคิดว่าความรู้สึกดีๆเช่นวันเก่าคงไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้ว
แต่วินาทีนี้ ตอนนี้...มันเกิดขึ้น
ชานยอลรีดกีต้าร์จนหลังแอ่น หัวเราะใส่ไมค์อย่างไม่ปิดบัง บางครั้งก็ขำมุกตลก(ที่ไม่ตลก)ของเพื่อนในวงจนสำลักน้ำลายออกไมค์ดังแค่กๆ...แต่มันก็มีเสน่ห์ในแบบที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้
เราสบตากันอยู่หลายครั้ง ผมไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายังไงดีตอนที่มันมองลงมา
เหมือนโจทย์คณิตยากๆซักข้อ ผมมองโจทย์อยู่นาน พยายามจะคิดทางออกให้กับสมการนรกแตกข้อนั้น แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจวางปากกาลง ไม่สนใจจะทำต่อ...ปล่อยให้คำตอบนั้นเป็นปริศนาต่อไป เหมือนต้นตอของความรู้สึกที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ ณ ชั่วโมงนี้
สวยงามแต่ไร้ซึ่งที่มาที่ไป ...มั้ง?
ไอ้ชานยอลขึ้นไปแจมกับผองเพื่อนได้แค่ไม่กี่เพลง คนรันคิวงานก็กวักมือเรียกให้รีบลงมาเพราะถึงฤกษ์ทำพิธีการแล้ว
นั่นล่ะครับ เหล่าลิงทโมนทั้งหลายถึงได้ยอมสลายตัว แขกเหรื่อที่เมื่อกี้ยังกรี๊ดกร๊าดหูดับตับไหม้ ก็เปลี่ยนมาสำรวมกันได้อย่างรวดเร็ว ประหนึ่งว่าลืมไปเลยว่าเคยมีคราบ
ไฟในงานกลับมาสว่างไสวแบบเต็มสตรีมอีกครั้ง เพลงร็อคกระแทกหูเปลี่ยนมาเป็นเพลงคลาสสิกคลอเบาๆเคล้าบรรยากาศหวานแหวว
ปาร์คชานยอลกระโดดลงมาจากเวที ก่อนจะเดินมาหาผมที่ยังคงยืนอยู่ที่ ตำแหน่งเดิม คนตัวสูงทำหน้าขี้เก๊กใส่ให้ผมได้หมั่นไส้เล่นๆ จากนั้นก็จูงให้ผมเข้าไปเตรียมตัวสำหรับคิวงานถัดไปยังหลังเวที
ไอ้ชานยอลถูกช่างแต่งหน้ารุมเช็ดเหงื่อแล้วก็เมคอัพใหม่ ผมแอบเห็นพี่ช่างทำผมที่เป็นกะเทยขอลายเซ็นมันด้วย น่าหมั่นไส้จริงว้อยยยยย
“เหนื่อยว่ะ” พอหลุดจากการแต่งหน้าทำผมมาได้ ไอ้ชานยอลก็เนียนมายืนซะชิด คางแทบจะเกยหัวผมอยู่แล้ว
“สมน้ำหน้า อยากเล่นใหญ่ดีนัก”
“ก็งานแต่งท่านชานยอลร็อคเกอร์อันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ทั้งทีจะธรรมดาได้ไง แล้วมึงชอบรึเปล่าล่ะ?”
ผมทำหน้าครุ่นคิด จริงๆก็อยากจะแกล้งตอบกระแทกหน้าไปว่าไม่ชอบ แต่พอคิดถึงภาพเฮฮาบนเวทีเมื้อกี้ แล้วก็คิดว่ามันคงเหนื่อยมากจริงๆที่ต้องแหกปากร้องเพลงอย่างนั้น ผมก็เลยกลั้นใจ(?)พูดไปว่า...
“อือ ก็ชอบ”
“ชอบกูอ่ะนะ”
“กูหมายถึงบรรยากาศงานเมื่อกี้เว้ย!”
ไอ้ชานยอลหัวเราะหึหึ ก่อนที่มันจะวาดแขนขึ้นมาโอบเอวผมเอาไว้
“เป็นเมียกูแล้วนะมึงอ่ะ”
“ปัญญาอ่อน”
“แต่ตรงนี้แข็งนะ”
“ทะลึ่ง!”
“ทะลึ่งเหี้ยไร กูหมายถึงกล้าม แข๊งแข็งเนี่ยมึงลองจับดูดิ” ไอ้ชานยอลยิ้มทะเล้น ก่อนจะดึงมือไปวางบนต้นแขนของตัวเอง ผมทำเสียงจิ๊จ๊ะเป็นนัยว่ารำคาญ แต่มันก็บังคับให้ผมบีบไปที่มัดกล้ามเพื่อพิสูจน์คำพูด จากนั้นก็หัวเราะยกใหญ่
“หน้าแดงเลยมึง จับกูแค่นี้”
“รำคาญ!” ผมสะบัดมือออกจากกอบกุมแน่นหนา รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า แต่ก็คงเป็นเพราะอากาศร้อน “อย่ามัวนั้วเนี้ยได้ปะ”
“นั้วเนี้ยยังไง ยังงี้หรอ” ว่าแล้วไอ้ชานยอลก็ดึงผมเข้าไปกอดอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่อ้อมกอดที่อบอุ่นอ่อนหวาน ตรงกันข้าม มันให้ความรู้สึกตื่นเต้นและน่าอับอาย
“ปล่อย!”ผมฝืนตัวออก แว่วเสียงไอ้ชานยอลหัวเราะชอบใจ พร้อมกระชับอ้อมกอดและเริ่มกดใบหน้าลงมาซุกไซร้กับใบหน้าของผม กลิ่นน้ำหอมของเราปะปนกันจนแยกไม่ออก ทั้งกลิ่นที่หอมแบบเย็นสดชื่นจากตัวผม และกลิ่นที่หอมแบบเซ็กซี่ยั่วยวนจากตัวของชานยอล
“ปล่อยดิวะ!”
“เงียบน่า” ไอ้ชานยอลทำเสียงดุ มันฝังจมูกลงตรงซอกคอของผมนิ่งนาน ไม่ได้ไซร้ไปมาเหมือนเมื่อคราวแรก
“ขออยู่แบบนี้แป๊บ” มันว่าอย่างนั้นแล้วก็เงียบเสียงไป
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องทำตามคำสั่งมันด้วย รู้เพียงแต่ว่ารู้สึกเกร็งไปหมด รู้สึกใจเต้นแรงกับเสียงสูดลมหายใจเข้าออกที่ลึกซึ้งนั่น รู้สึกขนลุก รู้สึกดี...ใช่
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนไม่ได้ไปในทางลบเลยแม้แต่นิดเดียว
“อือ...ขอบใจ” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาหลังจากเวลาผ่านไปซักพัก
แวบนั้นดวงตาเราสบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นความบังเอิญแต่ก็ไม่มีใครหลบหลีกไปไหน จู่ๆไอ้ชานยอลก็ยักคิ้วเหมือนจะกวนประสาท
ผมกำลังจะอ้าปากด่ามันว่ากวนส้นตีน แต่แล้วปลายจมูกของมันก็กดลงมาเต็มๆแก้ม
ฟอดด~
ผมมอบโล่เสือผู้หญิงให้มันเลยครับ... มอบโล่ให้เลยจริงๆ
ปาร์คชานยอลใช้สายตาเจ้าชู้เก่งเกินไป มันเป็นคนมีเทคนิคในการเข้าหาเหยื่อ เสน่ห์แพรวพราว น้ำเสียงนุ่มลึก เป็นผู้ชายที่เล่นกับความรู้สึกคนได้เก่งชนิดหาตัวจับยาก ผมทำนายได้เลยว่าร้อยทั้งร้อย ใครก็แพ้ลูกเล่นของมันทั้งนั้น
คุณอาจจะเคยเจอผู้ชายประเภทนี้อยู่บ้าง ประเภทที่ชอบทำเป็นเย็นชาไม่สนใจ แต่พอถึงเวลาก็รุกใส่ก็เล่นซะเราตั้งตัวไม่ทัน
ปาร์คชานนยอลแม่งเป็นราชาแห่งผู้ชายจำพวกนั้นเลยครับ
ดวงตากลมโตสะกดผมไว้ ผมไม่สามารถกระดุกกระดิกขัดขืนอะไรได้เลยตอนที่ริมฝีปากอิ่มแตะนาบลงมาที่หน้าผาก จากนั้นก็จมูก ก่อนเลื่อนตำแหน่งไปที่แก้มซ้ายแก้มขวาอย่างเท่าเทียมกัน ตอนแรกผมก็เกร็งกับสัมผัสประหลาดนั่น แต่สุดท้ายบางอย่างก็ทำให้ผมคล้อยตามไปอย่างไหลลื่น บางอย่างที่อ่อนหวานแต่ก็ทรงอำนาจจนน่าหวั่นใจ
ไอ้ชานยอลทั้งกอดทั้งหอมผมโดยไม่คิดจะละไปไหน สายตาหวานเชื่อมที่อีกฝ่ายส่งมาให้ทำให้ความกังวลที่ผมสะสมมาตั้งแต่ที่ โบสถ์ค่อยๆจางไปได้อย่างน่าประหลาด
มันอาจจะเป็นสัญชาตญาณของเจ้าสาวรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมไม่อยากยอมรับว่าตัวเองเป็นเจ้าสาวหรอก แต่ความเครียดและกระวนกระวายที่ผมมีก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานเป๊ะ
พอเวลากระชั้นชิดมากขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ยิ่งตื่นเวทีจนมือสั่น มือใหญ่ของไอ้ร็อคเกอร์หูกางเอื้อมมากุมมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้ พอผมจะชักออก อีกคนก็จับกระชับให้แน่นขึ้นกว่าเดิม จนผมขี้เกียจจะต่อต้านอะไรจึงปล่อยเลยตามเลย
มือของเราประสานเข้าหากันช้าๆ และผมเป็นฝ่ายยอมยืนนิ่งๆให้อีกฝ่ายกอดรัด หรือแม้แต่กดจูบลงมาบนส่วนต่างๆของใบหน้า โดยไม่คิดคัดค้านปฏิเสธ
ชานยอลยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า พลางกระซิบเสียงแหบพร่าที่ข้างหู “เชื่องแฮะ”
“...”
“ตื่นเต้นหรอ?”
“อือ...กลัวด้วย” ผมยอมรับโดยดุษฎี อีกเดี๋ยวเราก็ต้องขึ้นไปบนเวทีกันแล้ว
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนั่นแหละ”
“พูดง่ายจังนะ”
“แหงดิวะ คิดซะว่ามาชมละครสัตร์ก็ได้ ยังไงซะเราก็ไม่ได้รักกันอยู่แล้ว”
คำพูดของมันเหมือนมือยักษ์ที่กลับขั้วอารมณ์ของผมจากดีเป็นร้าย ผมพ่นลมหายใจอย่างแรงด้วยความหงุดหงิดก่อนจะขืนตัวออกจากอ้อมแขนที่รัดรึงเหมือนหนวดปลาหมึก
“เออ! ไม่รักก็ไม่ต้องมาหาเศษหาเลย จะไปตายที่ไหนก็ไปเลยป่ะ!”
ไอ้ชานยอลยักไหล่ไม่ยี่หระ ใบหน้าที่เชิดขึ้นอย่างกวนตีนเหมือนจะบอกให้ผมรู้ว่า ต่อให้ผมไม่ยินยอมจะให้มันสัมผัส มันก็มีสาวๆอีกเป็นร้อยที่พร้อมจะให้มันทำเจ้าชู้ใส่
ผมกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจ สุดท้ายก็กลายเป็นว่าผมต้องยืนรอขึ้นเวทีอยู่คนเดียว เพราะหลังจากนั้นไอ้ชานยอลก็หายหัวไปไหนก็ไม่อาจทราบได้
ผมรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก ชานยอลชอบที่จะแตะต้องร่างกายของผม แต่ถึงจะไม่ใช่ผมก็คงเป็นใครก็ได้ เพราะสัมผัสของปาร์คชานยอลไม่ได้สร้างมาเพื่อมอบเป็นของขวัญพิเศษสำหรับใคร มันเป็นแค่ลูกอมเม็ดเล็กที่หมอนั่นมีเป็นกระบุงและพร้อมจะโปรยแจกจ่ายให้ใครต่อใครได้ตลอดเวลา
ผมพยายามเพิกเฉยต่อความรู้สึกงี่เง่าของตัวเอง เพลงคลาสสิกหยุดเล่นไปแล้ว ก่อนจะแทนที่ด้วยเสียงพิธีกรที่แหลมบาดหู
“สวัสดีครับท่านพ่อแม่พี่น้อง กระผมนายคิมฌองแดร์ จากวัดมหาเกริกเกรียงไกรสไลเดอร์ ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบพระคุณเจ้าภาพใจบุญที่เมตตากรุณาจนได้เกิดงานนี้ขึ้น รวมทั้งต้องขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องที่มีจิตศรัทธา บาทสองบาทก็ถือเป็นบุญเป็นกุศล ซองอยู่ด้านหน้า หรือจะหยอดตู้ช่วยค่าน้ำค่าไฟก็เอาตามแต่ศรัทธาเถอะพ่อมหาแม่มหาจำเริญทั้งหลาย กระผมก็ขอให้ผลบุญที่ทำกันในวันนี้ยังผลชั่วลูกชั่วหลาน ตายไปขึ้นสวรรค์ หฤหรรษ์กันถ้วนหน้า สาาาา...ธุ๊!!”
สาธุ....
เฮ้ย!!
สาธุห่าอะไร นี่งานแต่งจริงป่ะเนี่ย!!!
อารมณ์เศร้าของผมหายไปเป็นปลิดทิ้งเลยครับ จะมีก็แต่อารมณ์สงสัยระคนตะหงิดใจ เฮ้ยมันใช่หรอวะ? มันเหมือนงานฝังลูกนิมิตรที่วัดป่ากลางดอนเลยนะ นี่ถ้ามีตั๊กแตนชลดามาร่วมงานล่ะชัดเลย
วงดนตรีเครื่องเป่าบรรเลงไปตามเรื่องตามราว จังหวะไหนที่มัคทายก(?)เล่นมุกแป้กกลองก็จะรัวตีตึ่งตึ่งตึ่งโป๊ะ
จ้า สนุกจางเลยยยย
...ฟรัด!
“เนื่องจากวันนี้พ่อแม่พี่น้องจูงลูกจูงหลานมากันมากมาย กระผมก็มีมุกตลกๆมาให้พ่อแม่พี่น้องได้ร่วมกันครื้นเครงเฮฮา ส.ส.คนไหนไม่เก่งวิชาวิทยาศาสตร์??”
ใครวะ?
“ฮั่นแน่ เฉลยกันไปเลยนะขอรับ สส.ที่ไม่เก่งวิทยาศาสตร์ ก็คือท่านชูวิทย์ กังวลฟิสิกส์นั่นเอง ฮ่าๆๆๆ กระนั้นแล้วไซร้ อภิสิทธ์ก็ เมพวิชาชีวะนะครับ ยังพอพึ่งพาได้ ฮ่าๆๆๆๆ”
แล้วกลองก็รัว ตึงๆๆๆๆ ตึ่งโป๊ะ!
ทั้งงาน....
ฮากริบ -_- คือมึงต้องกล้ามากนะถึงจะเล่นมุกนี้ได้
“เนื่องจากกระผมได้รับคำสั่งจากไรท์เตอร์สุดสวยว่าเราไม่ควรโยงการเมืองกันอีกต่อไป และนาทีนี้ก็มาถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว ฉะนั้นกระผมนายคิมฌองแดร์ก็ขอเชิญบ่าวสาวขึ้นมาร่วมงานบุญกันนะบัดนี้ นี้ นี้ นี้....”
ผมมือเย็นทันทีหลังจบแอคโค่ ชิบหายแล้วเอาไงดีวะ แล้วไอ้ชานยอลมันหายหัวไปไหนของมันเนี่ย ต้องขึ้นเวทีแล้วนะเว้ย!
ผมมองซ้ายทีขวาที ผู้ช่วยดำเนินงานก็กวักมือเรียกจากเวทีอีกฝั่งยิกๆ....เอาวะ เป็นไงเป็นกัน!
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกสุดขั้วปอดก่อนจะก้าวเท้าเหยียบขึ้นไปบนบันไดเวทีขั้นแรก
50%
#คพขร
ซีมี
ไปเจอกันวันที่ 25นี้น้า
เลิฟ
สัมผัสอบอุ่นเกิดขึ้นที่ฝ่ามือ...
ปาร์คชานยอลที่ปรากฏตัวแบบกระทันหันจับมือผมเอาไว้ ก่อนจะพาเดินขึ้นเวทีไปด้วยกัน
เสียงปรบมือดังเกรียวกราว ม่านตาของผมขยายจนรู้สึกปวดตอนที่สปอร์ตไลท์ฉาดฉายเข้ามากระแทกหน้า ผมหลับตาปี๋โดยอัตโนมัติ ก่อนเสียงปรบมือที่ดังอื้ออึงจะปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง
เพลงคลาสสิกบรรเลงเบาๆ เปเปอร์ชู้ทสีทองจำนวนมากโปรยปรายลงมาใส่ตัวผมกับคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างกัน
24 ปีที่ผ่านมา ผมเป็นฝ่ายมองขึ้นมาบนเวทีจากพื้นด้านล่างตลอด
ผมมักจะถามตัวเองอยู่เสมอว่าภาพที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเห็นจากบนเวทีจะเหมือนกันกับที่ผมซึ่งเป็นแค่แขกเหรื่อคนหนึ่งมองขึ้นไปบนเวทีรึเปล่า? ความรู้สึกของพวกเขาที่ยืนกุมมือกันอยู่บนเวทีมันจะเป็นยังไงนะ?
มองจากตรงนี้ ผมเห็นรอยยิ้มของอาป๊ากับหม่าม๊า...
ผมรู้สึกอยากจะร้องไห้
“ขอเชิญบ่าวสาวกล่าวอะไรซักหน่อยครับ” พิธีกรยื่นไมค์มาทางผม ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเดินไปหลบหลังชานยอล เรียกเสียงหัวเราะจากคนในงานได้เป็นอย่างดี และนั่นยิ่งทำให้ผมไม่กล้าเดินออกมาจากแผ่นหลังกว้างเข้าไปใหญ่
เจ้าสาวหูกางของผมหัวเราะเบาๆก่อนจะรับไมค์มาถือไว้เอง
“ครับ...แบคฮยอนเขาก็เป็นแบบนี้แหละ ตอนเด็กๆเวลาเจออะไรน่ากลัวแบคฮยอนก็จะวิ่งมาหลบข้างหลังของผมตลอด แล้วก็เกาะผมเอาไว้ ที่จริงผมก็กลัวเหมือนกัน แต่แบคฮยอนก็เอาแต่ดันผมไปหาอะไรพวกนั้นอยู่เรื่อย”
พอมันพูดแบบนั้น ผมก็คิดถึงตอนที่เรายังเด็กขึ้นมาทันที เพราะว่าชานยอลตัวใหญ่กว่า อายุมากกว่า ผมก็เลยยกให้มันเป็นลูกพี่ เวลาออกไปเล่นซนกันแล้วเจอหมาตัวใหญ่ ผมก็จะรีบวิ่งไปแอบข้างหลังแล้วก็ดันชานยอลให้ไปสู้กับหมาตัวนั้น คิดแล้วก็ขำ ฮ่าๆๆ เคยมีครั้งนึงมันโดนหมาเจ้าถิ่นท้ายตลาดกัดตูดด้วยแหละ
“ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง” ไอ้ชานยอลเงียบไป ก่อนที่มือหนาจะดึงผมให้ออกมายืนดีๆ
สายตามั่นคงที่ใช้มองผมอยู่ในตอนนี้ มันเป็นของจริงหรือการแสดงกันนะ?
“ต่อไปนี้ ถ้าน้องป๋ายรู้สึกกลัวหรือว่ามีปัญหาอะไร ให้น้องป๋ายวิ่งมาหลบหลังพี่นะครับ ถึงพี่จะไม่เก่งหรือในใจจะกลัวปัญหาเหล่านั้นเหมือนกัน แต่ว่าพี่จะปกป้องเราด้วยชีวิตของพี่....แล้วเราจะผ่านเรื่องร้ายๆไปด้วยกันนะครับ”
อี๋แหวะ
ชานยอล...แหวะ...พูดออกมาได้ไงเนี่ย
แหวะ
“ไม่เอาน้องป๋าย ไม่ร้องไห้สิ”
ผมถูกชานยอลดึงเข้าไปกอด ใบหน้าของผมซุกอยู่ที่อกแกร่งแล้วน้ำตาของผมก็ซึมออกมาอีก ผมเกลียดที่ตัวเองหวั่นไหวให้ผู้ชายคนนี้ได้อย่างง่ายดาย เพียงเพราะการแสดงละครที่คนอย่างปาร์คชานยอลถนัดนักหนา
แขกข้างล่างเชียร์ให้พวกเราจูบกัน แล้วก็เหมือนงานแต่งทั่วไปที่คู่แต่งงานจะเขินอายในตอนแรก แต่ในท้ายที่สุดแล้วริมฝีปากของพวกเขาก็มักจะเคลื่อนเข้าหากันราวกับมีแพสชั่นที่แสนพิเศษ
และถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัมผัสที่ชานยอลอาจจะต้องการแค่หาเศษหาเลย แต่ผมก็จูบตอบอย่างเต็มใจ
พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ทรงเมตตา ขออย่าให้ลูกตกหลุมรักคนใจร้ายคนนี้ ขอให้หนึ่งเดือนแห่งการใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และหัวใจของลูก ยังเป็นของลูก
เพลง you&I ของปาร์คบอมดังขึ้นตอนที่พวกเรากำลังจะตัดเค้ก สองมือของชานยอลกุมที่มือทั้งสองข้างผมที่จับมีดเอาไป ปลายมีดกดลงที่เนื้อนุ่มของเค้กเก้าชั้นสีขาวจากครีมนมสด ชานยอลป้อนเค้กผมด้วยปาก...เป็นอีกครั้งที่พวกเราจูบกันต่อหน้าสาธารณะชน
ในงานไม่มีนักข่าว ไม่มีสื่อมวลชน จะมีก็แต่งเพื่อนแล้วก็ญาติสนิทเท่านั้น ไอ้ชานยอลก็เลยทำตามใจยกใหญ่ ยิ่งเห็นผมนิ่งไม่ห้ามปรามก็ยิ่งเลยเถิด
ชานยอลเล่นกับความรู้สึกของผม กอดจูบ แล้วก็หยอดคำหวานไปตลอดทั้งงาน จนผมหลงลืมไปเลยว่า ‘เราไม่ได้รักกันจริงๆ’
กว่าแขกจะทยอยกลับจนหมดก็ปาไปเที่ยงคืนกว่าๆ ผมยืนหาวจนน้ำตาเล็ดอยู่หน้างานหลังส่งแขกคนสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย
ม๊ากับป๊าขึ้นไปส่งผมกับไอ้ชานยอลถึงห้องสูทวีไอพีของโรงแรม ที่ถูกเนรมิตให้เป็นเรือนหอของเราในค่ำคืนนี้
ป๊ากับม๊าให้โอวาทไม่นานก็ขอตัวกลับบ้าน ผมฝากฝังให้คยองซูช่วยเป็นธุระพาบุพการีที่เคารพทั้งสองกลับบ้านที่ต่างจังหวะในคืนนี้เลย เพราะม๊าดื้อจะรีบกลับไปเตรียมแป้งขายปาท่องโก๋ต่อ
พออยู่กันแค่สองคน ปาร์คชานยอลก็กลับมาเป็นปาร์คชานยอลคนเดิมอีกครั้ง มันบิดขี้เกียจ ทิ้งตัวนอนแผ่ลงบนเตียงก่อนจะใช้ตีนกวาดเอากลีบดอกกุหลาบให้ตกลงไปบนพื้นจนหมด แถมยังไม่วายชี้นิ้วสั่งให้ผมไปอาบน้ำ แม่งบอกว่าตัวผมเหม็นยังกะขี้
“เหม็นชิบหาย ไปอาบน้ำแล้วจะออกไปตายที่ไหนก็ไปเลยป่ะ เบื่อหน้า” ไอ้ชานยอลพูดน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นเหมือนไม่อยากทนมองหน้าผมนานไปกว่านี้อีกแล้ว
ไอ้ห่า -_- คิดว่ามีแต่มึงคนเดียวรึไงที่หงุดหงิดเนี่ย!
ผมคว้าเอาชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้อย่างดีมาถือเอาไว้ ก่อนจะเดินกระแทกฝ่าเท้าเข้าไปในห้องน้ำ
แม่ง หงุดหงิดว้อย!! ไอ้ปาร์คชานยอล ไอ้จอมลวงโลก!! ไอ้คนไม่มีหัวใจ ฮึ่ย! ผมเกลียดมันที่สุดในโลกเลยว้อยยย!!
ผมฟาดงวงฟาดงาอยู่ได้ซักพัก ก่อนจะลงมืออาบน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์
ท่องไว้ว่าไม่รัก...อย่าไปตกหลุมพราง...อย่าหวั่นไหว....อย่าโง่...อย่างี่เง่าอีกนะบยอนแบคฮยอน อย่าเสียความเป็นป๋าแบคผู้ยิ่งใหญ่ให้กับคนนิสัยไม่ดีเด็ดขาด!
พออาบน้ำจนสบายตัวแล้วผมก็เดินออกมา ชุดนอนที่ทีมงานของสตูดิโอเตรียมมาให้เป็นชุดนอนสีชมพูอ่อนเนื้อเบาบาง เป็นเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวที่ดูเรียบร้อยดี
ไอ้ชานยอลผงกหัวขึ้นมามองหน้า ผมสังเกตเห็นว่าแก้มของมันแดงๆ
“นี่มึงกินไวน์เข้าไปหรอ?”
ไอ้ชานยอลไม่ตอบ แต่ผมก็รู้คำตอบดีครับ เพราะแก้วไวน์บนโต๊ะดินเนอร์ข้างเตียงกับขวดที่ถูกเปิดแล้วเป็นหลักฐานที่ฟ้องชัด
“มานอนเร็วป๋ายเซียน” คนตัวสูงพูดเสียงเรียบ นิ้วที่กระดิกเรียกผมเป็นอะไรที่น่าหมั่นไส้มากมายก่ายกอง -_-
“นอนบ้าอะไร มึงอะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” ผมตรงเข้าไปจับมือใหญ่ก่อนจะออกแรงดึงให้มันรีบลุกขึ้นไปชำระล้างร่างกาย ไม่ใช่มานอนกลิ้งเกลือกให้เตียงมันสกปรกแบบนี้
ชานยอลที่กรึ่มๆด้วยฤทธิ์ไวน์แดงใช้กำลังที่มากกว่าดึงให้ผมเสียหลักลงไปนั่งปุอยู่บนเตียงได้ในที่สุด
“ป๋าย...” เสียงเรียกนั้นชวนใจหวิว ชานยอลค่อยๆคลานมานอนหนุนตักของผมอย่างแนบเนียบ ใบหน้าคมซุกลงที่ท้องน้อย ผมได้ยินเสีงฟืดฟาดของการสูดหายใจรุนแรง
“ตัวหอมจัง”
“ม...มึงเมาใหญ่แล้ว”
“แค่ไวน์เอง ไม่ได้เมาหรอก” ชานยอลพูดพลางถูใบหน้าเข้ากับหน้าท้องของผม สัมผัสที่ผ่านเนื้อผ้าบางเบาทำให้ใจผมเต้นกระหน่ำจนลืมสัญญาที่ให้กับตัวเองตอนอาบน้ำไปเสียสนิท....ก็ว่าจะไม่หวั่นไหวแล้วแท้ๆ
คนตัวสูงสูดหายใจเอากลิ่นกายของผมเข้าไปเต็มปอดอยู่หลายต่อหลายฟอด ทั้งยังหลับตาพริ้ม ซุกไซร้ปลายจมูกเข้าหาผิวเนื้อของผมไม่หยุดหย่อน มือใหญ่ข้างหนึ่งกอดเกี่ยวเอวผมเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน ส่วนอีกมือค่อยๆถลกเสื้อนอนของ
ผมขึ้น เพื่อจะตามไปสูดดมผิวเนื้อที่เปลือยเปล่า
“ป๋าย...”
“...”
“น้องป๋าย...พี่อยาก”
ใจผมหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม เสียววาบที่ท้องน้อยยิ่งกว่าตอนดิ่งรถไฟเหาะลงมาจากจุดสูงสุดของเครื่องเล่น
“ย...อยากบ้าบออะไร นี่มีสติหน่อยสิ”
ชานยอลยันตัวลุกขึ้นนั่ง วาดแขนข้างหนึ่งโอบรอบไหล่ของผมเอาไว้ ก่อนจะลูบไล้สัมผัสชวนสยิวที่ต้นแขนลงมาจนถึงเอว
“อยากก็คืออยาก ต้องให้อธิบายตรงไหนหรอ”
ผมหลบตาอีกฝ่ายที่จ้องมาหวานเยิ้ม ชักจะไปกันใหญ่แล้ว...
ชานยอลก้มลงมาสูดความหอมต่อที่ช่วงคอของผม ซุกเข้ามาด้วยปลายจมูกที่ซุกซนและแสนออดอ้อน
“หอมจัง...”
“ชานยอล”
“ตรงนี้ก็หอม”
“ชานเลี่ยพอเถอะ...”
จากเพียงแค่ปลายจมูกที่ต้องการเพียงสูดดม ร่างสูงก็เริ่มอดใจไม่ไหวที่จะใช้ริมฝีปากเล็มชิมผิวเนื้อนุ่มๆ
ชานยอลไม่ได้เมา...เขาไม่ได้เมาเลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่แบคฮยอนหอมเกินไป ทั้งยังนุ่มนิ่มลื่นมือจนเขาแทบคลั่งตาย กลิ่นหอมละไมเล่นเอาเขาสำลักความสุข
จากเพียงแค่ปัดผ่านไปมา สุดท้ายชานยอลก็ดูดเนื้อขาวเข้าจนได้ เขาลิ้มรสมันด้วยลิ้น...สติแตกกระเจิงเป็นเศษเสี้ยวตอนที่แบคฮยอนเกร็งตัว ร้องอ๊ะอ๊า
“ชานเลี่ย...อื้ออ”
แบคฮยอนผลักคนช่างฉวยโอกาสด้วยสองมือเล็กที่สั่นระริก ความวาบหวามเล่นงานจนใบหน้าหวานแดงก่ำ ชานยอลมองเจ้าสาวของเขาอย่างชอบใจ เขารู้ดีเลยว่าแบคฮยอนเป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน เพียงแค่หยอกเย้าเล็กๆน้อย อีกฝ่ายก็พร้อมจะระทวยได้ทุกเมื่อ
แบคฮยอนนั้นบทจะแสบก็ดื้อด้านไม่ยอมใคร แต่บทจะเชื่องก็ว่าง่ายเหมือนลูกหมา พาลจะทำให้เขาตกหลุมรักอยู่เรื่อย
ริมฝีปากทั้งคู่เคลื่อนเข้าหากันช้าๆ ก่อนที่จะประกบแนบเป็นเนื้อเดียว ชานยอลแตะค้างไว้อย่างนั้นเพื่อรอปฏิกิริยาตอบโต้ แบคฮยอนสะดุ้งเล็กน้อย รู้สึกเหมือนถูกช็อตด้วยไฟฟ้าสถิต ครั้นจะถอยกลับออกมาก็สายไปเสียแล้ว
กระแสไฟนั้นดูดให้ร่างเล็กไม่อาจหนีความรู้สึกอ่อนหวานในใจไปได้อีก
ชานยอลครางอึมคึมในลำคอ เขายกแบคฮยอนขึ้นมานั่งซ้อนบนตักโดยที่ริมฝีปากยังไม่ผละออกจากกัน
แบคฮยอนลืมตาขึ้นมาสบสายตาของชานยอลที่มองมาอยู่แล้ว…เหมือนเวลาหยุดเดิน ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่ในสภาวะสุญญากาศ หัวใจลอยเคว้งอยู่กลางจักรวาลที่ไร้แรงดึงดูด
ชานยอลถอนริมฝีปากออก ก่อนจะจูบซ้ำลงไปอีกครั้ง เคลื่อนหามากขึ้นเหมือนถูกดึงดูด ก่อนจะผละออกแล้วจุมพิตลงไปใหม่...จูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าคล้ายว่าจะไม่มีวันเบื่อหน่าย
แบคฮยอนขยับตอบโต้เชื่องช้า แก้มขาวแดงระเรื่อและแผ่วงกว้างไปจนถึงใบหู เสียงของริมฝีปากที่ประกบติดกันอย่างเปียกชื้นดังเบาๆ ยิ่งได้ยินแบคฮยอนก็ยิ่งเขินอาย
ชานยอลที่เจนเกมทำตัวเป็นหนุ่มไร้เดียงสา เขาจูบเพียงเล็กน้อย เงอะๆงะๆ ราวกับไม่เคยจูบมาก่อน
เขากลายเป็นคนไม่รู้วิธีการจูบ มันเหมือนครั้งแรก เขาตื่นเต้น...เขาตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสแบคฮยอน
ริมฝีปากผละห่างออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง ทิ้งจังหวะเนิบช้าอย่างแสนเสียดาย แต่ถึงใจจะอยากบดขยี้ลงไปเพียงใด แต่ชานยอลก็ไม่อาจจะสานต่อไปได้มากกว่านี้ เขายังคงต้องการเวลาในการทำความรู้จักกันอีกซักหน่อย
อย่างน้อยชานยอลก็อยากแหย่แบคฮยอนให้แสดงแง่มุมน่ารักๆออกมาให้เขาได้ชื่นใจ มากกว่าการเร่งสอดใส่แล้วก็จบไปอย่างรวดเร็ว มีเวลาอีกตั้งมากมายที่เขาจะเล้าโลมแบคฮยอน...อย่างน้อยก็ทั้งคืน
“อ่า รู้แล้วใช่มั้ย หืมม?”
เสียงทุ้มที่ฮึมฮัมกระซิบถามข้างหูทำให้แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะหลบตาไปทางอื่นอย่างเขินอาย แต่พอคิดขึ้นมาได้ว่าจะอายทำไม ไหนๆบยอนลูกแม่ฮุยคนนี้ก็ต้องเป็นฝ่ายรุกน้องชานยอลคนหน้าหวานออยู่แล้ว คิดอย่างนั้น คนตัวเล็กกว่าจึงทำใจกล้าสบตาของร็อคเกอร์หนุ่มที่มองมาอย่างเจ้าชู้
“ว่าไงคะน้องป๋าย...พี่ถามว่ารู้ไหม?”
“จะเอาสรรพนามไหนกันแน่! จะพี่ จะผม จะกูหรือจะฉัน!”
ชานยอลขำในลำคอให้กับการเบี่ยงประเด็นของจอมโวยวาย เขาเขี่ยเส้นผมที่ปรกอยู่ข้างแก้มให้คนบนตักอย่างอ่อนโยน ดวงตากลมโตเชื่อมน้ำพราวระยับที่ใช้มองจ้องมาเล่นเอาแบคฮยอนแทบเสียศูนย์
ชานยอลเป็นคนตาสวย ตาสองชั้นอย่างที่แบคฮยอนอยากจะมีมาโดยตลอด ไหนจะเส้นขอบตาที่ชัดเจนเพราะแพขนตาที่เรียงตัวหนาแน่น เวลาที่ชานยอลจงใจ
กระพริบตาช้าๆ จังหวะที่เปิดเปลือกตาขึ้นมานั้น...แทบละลายคนทั้งโลก
แน่นอนว่าเจ้าของดวงตาทรงสเน่ห์รู้ตัวดีว่าจะฆ่าคนมองได้อย่างไร
มือหนาประคองใบหน้าแบคฮยอนให้มองตรงมา จงใจแนบหน้าผากลงไปบนอวัยวะเดียวกัน
วินาทีที่ชานยอลสบตาแล้วกระพริบส่งวิงค์ให้...
ฟู่ววว!
แบคฮยอนนึกว่าตัวเองเป็นซาลาเปานึ่งสุกที่ 80 องศาพอดี ไอน้ำแทบจะพุ่งออกมาจากแก้มเขาอยู่แล้ว!
“ตอบมาเร็ว...พี่ถามว่ารู้ไหม?”
แบคฮยอนประสานมือไว้ที่หน้าตัก ทั้งจิกทั้งกำแน่นให้รู้สติ พึงระลึกไว้ว่าเราคือต้นตำรับความแมนระดับแจ็คดอร์สั้นยังอาย ดอยาวยังม้วน จะหวั่นอะไรกับอิแค่น้องนางปาร์คชานยอลจอมยั่วกัน!
“รู้สิ! กูก็มีเหมือนกันนะเว้ย!” เผลอๆจะใหญ่กว่าเอ็งด้วยไอ้น้องปาร์ค
“หรออออ” คนตัวสูงแกล้งลากเสียงยาวเหมือนไม่อยากจะเชื่อ แบคฮยอนขมวดคิ้วฉับ มองหน้าหาเรื่องตามสไตล์มาเฟียงานวัด ...ไอ้แข็งๆที่ดุนก้นอยู่น่ะ เขารู้มาได้ซักพักนึงแล้วล่ะ ไม่งั้นไม่มานั่งเขินจนบิดเป็นเกลียวโปเต้อย่างนี้หรอก
หนอยยย แล้วมาหาว่าคนอย่างแบคฮยอนไม่รู้ กูรู้แต่กูไม่แสดงออกเว้ย!
ชานยอลพยักหน้าส่งๆไปเหมือนไม่อยากจะฟังความเจ้าสาวของเขาซักเท่าไหร่ แบคฮยอนฉุนกึกให้กับท่าทีหยามเกียรติแบบนั้น ด้วยศักดิ์ศรีและบารมีของหัวหน้าแก๊งตุ๊กแกไฟที่สั่งสมมา คนตัวเล็กถึงกับเลือดขึ้นหน้า คว้ามือใหญ่ให้มันตะปบจับจุดกลางกายของตัวเองหมับ!
“กู-ใหญ่-พอ-มั้ย-จ๊ะ??”
ชานยอลนิ่งไป ความจริงอยากจะผลักแบคฮยอนออกจากตัวแล้ววิ่งไปหัวเราะที่ระเบียงให้เสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน คนอะไรมันจะติ๊งต๊องได้มากขนาดนี้ นี่มันเรียนจบมาจากสถาบันศรีธัญญาหรือว่าอย่างไร
แต่เห็นแก่ความมุ่งมั่นในแววตา ชานยอลก็จะยอมลงให้หน่อยก็แล้วกัน
“ใหญ่...แต่ยังไม่รู้ว่าของจริงรึเปล่า ต้องถอดกางเกงมาให้ดูก่อน จะได้รู้มากกว่านี้”
ด้วยความฉลาดที่มีมากกว่าใคร แบคฮยอนเขยิบกายออกจากตักแกร่ง เตรียมจะปลดกางเกงนอนลง
เดชชะบุญ...ปัญญาบังเกิด
“เฮ้ย! มึงหลอกให้กูถอดกางเกงหรอ?!”
ชานยอลเอียงคอส่งสายตาบ๊องแบ๊วมาให้ “เค้าเปล่าน้าา”
มาถึงจุดนี้แบคฮยอนก็ใจอ่อนยวบยาบ พอเห็นคนตัวโตยอมเคะให้ ธาตุชายชาตรีก็กำเริบหนัก ปาร์คชานยอลคนสวยมาเสนอขนาดนี้ แบคฮยอนคนหล่อคนต้องสนอง
ร็อคเกอร์หนุ่มขำกร๊ากในใจ แบคฮยอนที่น่ารักเหมือนตุ๊กตากับการแสดงออกบ้าๆบอๆ เดี๋ยวเขิน เดี๋ยวต๊องทำให้เขาต้องข่มความรู้สึกต้องการไว้ในใจ เขาสนุกกับร่างกายที่ตอบสนองความกระหายของเขาได้เป็นอย่างดี ไหนจะนิสัยบางอย่างที่รองรับความแปรปรวนของเขาไว้ได้โดยไม่ทำให้รู้สึกเบื่อ
ลึกๆแล้วเขาก็สงสารแบคฮยอนเหมือนกันที่ต้องมาอยู่กับครอบครัวที่เปรียบเหมือนพายุดีเปรสชั่นที่คาดเดาอะไรไม่ได้ เขาสงสารคนตัวเล็กที่น่ารักยิ่งกว่าใคร ที่ต้องสูญเสียอะไรหลายๆอย่างไปเพราะต้องตกล่องปล่องชิ้นมาแต่งงานกับเขา
เขาในตอนนี้ไม่ใช่ชานยอลคนเดิมอีกแล้ว เขารู้ตัวดีว่าเขาเปลี่ยนไปอย่างไร มีความผิดพลาดใหญ่หลวงมากมายแค่ไหนที่เขาได้ก่อขึ้น เขาถูกผู้หญิงคนหนึ่งทิ้งอย่างไม่ไยดี พร้อมเด็กสามคนที่โยนมาให้รับผิดชอบ
เด็กคนหนึ่งตายไป และชานยอลล้มเหลวในการประคับประคองเด็กอีกสองคน เขาเจ็บปวดที่ต้องเห็นเซฮุนแต่งตัวเป็นผู้หญิงออกไปเที่ยวนอกบ้าน และเขาเจ็บปวดยิ่งกว่าที่ต้องรอจงอินกลับบ้านดึกๆดื่นๆ
ชานยอลเติบโตอย่างก้าวกระโดด คนทั่วไปเมื่อพ้นวัยเด็กไปแล้วมักจะมีชีวิตวัยรุ่นอยู่กับเพื่อนฝูง หรือมีความรักแบบปั๊บปี้เลิฟ
แต่สำหรับชานยอลมันไม่ใช่อย่างนั้น เขามีลูกตั้งแต่อายุยังไม่เท่าไหร่ แถมยังต้องรับผิดชอบหน้าที่การงานที่หนักหน่วง ไหนจะเรื่องที่ต้องคอยปิดบังไม่ให้คนนอกรู้ว่าเขามีลูก สิ่งเหล่านี้ทำให้ชานยอลเปลี่ยนไป
เขากลายเป็นคนสองบุคลิก เขาขัดแย้งในตัวเอง เพราะตัวตนที่เขาอยากเป็นนั้นคือผู้ใหญ่แข็งแกร่งที่พร้อมจะรับผิดชอบลูกทั้งสองคนและเป็นร็อคเกอร์เท่ๆของแฟนคลับ
แต่สิ่งที่เขาเป็นจริงๆคือผู้ชายที่หวาดกลัวต่อความรัก ผู้ชายที่กลัวจะไม่ได้ความรักจากลูกๆ ผู้ชายที่อ่อนโยนและจริงใจคนหนึ่ง
สุดท้าย...ความขัดแย้งระหว่างตัวตนที่เขาเป็นจริงๆและตัวตนที่เขาอยากจะเป็น จึงทำให้ปาร์คชานยอลแทบระเบิด เพราะตลอดมาไม่เคยมีใครเข้าใจเขาซักคน ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงไม่ต้องการใคร ไม่ต้องการความเห็นใจหรือสงสาร กระทั่งความรัก
ทุกวูบที่เผลอทำดีกับแบคฮยอนนั่นคือตัวตนจริงๆ แต่ทุกครั้งที่เกิดเหตุกรณ์นั้นขึ้น ตัวตนในอุดมคติที่เขาอยากจะเป็นก็จะสั่งให้เขาถอยห่างออกมา
แบคฮยอนไม่ใช่คนที่พร้อมจะมาดูแลลูกๆร่วมกับเขาได้ แบคฮยอนควรจะมีอนาคตที่สดใสกว่านี้...
ชานยอลได้สติเมื่อคนตัวเล็กโบกมือไหวๆอยู่ตรงหน้า
“เหม่อได้ไงเนี่ย”
“...”
“ว่าไงชานเลี่ย พร้อมเปล่า? ถ้าไม่พร้อมบอกนะ จะได้ทำวันอื่น หรือไม่งั้นเดี๋ยวกูจะทำเบาๆนะ” แบคฮยอนพูดพลางทำหูตั้งตาตั้งด้วยความตื่นเต้น แถมยังตีปีกพั่บๆดีใจที่จะได้เปิดซิงความโสดทางการสอดใส่ที่ไม่เค๊ยไม่เคยซักครั้งในชีวิต
แหม ครั้งแรกก็ได้จัดปาร์คชานยอลขวัญใจสาวๆทั้งประเทศเลย
อิจฉาล่ะสิ หุหุหุ
ชานยอลพอหายเหม่อได้ก็ผลักคนตัวเล็กออก สะบัดศีรษะไล่ความคิดหื่นกามออกไป เขาไม่อยากทำให้แบคฮยอนต้องมาติดพันกับเขามากกว่านี้อีกแล้ว
แต่ดูเหมือนชานยอลจะคิดได้ช้าไป...
“หง่าวว!!” แบคฮยอนแยกเขี้ยวเป็นแมวตัวผู้ คืบคลานเข้ามาหวังจะช่วงชิงความบริสุทธิ์ของหนูน้อยชานยอล
“เหวออ!!” ชานยอลถึงกับล้มหงายหลังไปเป็นฝ่ายนอนราบบนเตียงเมื่อแบคฮยอนกระโจนเข้ามาคร่อมตัวเขาไว้ด้วยท่าทางเหมือนพยัคฆ์ร้ายหวังขย้ำเหยื่อ
แบคฮยอนแยกเขี้ยวแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหื่นกาม มือทั้งสองข้างพุ่งตรงเข้าตะปบหน้าอกของหนุ่มน้อยร็อคเกอร์ผู้น่าสงสารที่ได้แต่นอนอึ้งค้างเพราะตามสถานการณ์ไม่ทัน
จากที่แค่จะแกล้งเคะให้มันตายใจ ไหงไอ้บ้าแบคฮยอนมันดันเอาจริงขึ้นมาได้เนี่ย!!
แบคฮยอนบีบกล้ามเนื้อหน้าอกของชานยอลปิ๊บๆ ฉับพลันอะดรีนนาลีนก็พุ่งพล่านบานตะไท คนตัวเล็กสะบัดหัวเหวี่ยงสามร้อยหกสิบองศาจนเส้นผมกระจายเป็นมาดอนน่าตอนเล่นคอนเสิร์ต
“เป็นของพี่ซะเถอะไอ้น้อง!!!”
“ว๊ากกก!!!”
แบคฮยอนที่กำลังเลือดขึ้นเอ็น เอ๊ย! ขึ้นหน้า จัดการจับขายาวๆทั้งสองข้างขึ้นมาพาดบ่าตัวเองทันที ชานยอลร็อคเกอร์หนุ่มชื่อดังของเกาหลีใต้ที่ซึมซับเสียงกรีดร้องของแฟนคลับสาวๆมาอย่างยาวนาน ถึงกับเกิดการเลียนแบบพฤติกรรม
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!”
คนตัวเล็กรีบเอามืออุดปากอุดจมูกของร่างสูงอย่างรวดเร็ว เพราะเสียงทุ้มที่หวีดร้องออกมานั้นช่างน่าสยดสยองเหลือเกิน เกรงว่าถ้าปาร์คชานยอลกรี๊ดออกมาอีกที มีหวังแบคน้อยที่ชูชันได้ที่จะต้องมีอันพับโครงการ หดหายกลายเป็นบ้องเล็กๆเหมือนเดิมแหงๆ
ชานยอลถีบขาไปมาในอากาศ ไอ้พูดไม่ได้ หายใจไม่ออกน่ะไม่เท่าไหร่...แต่ที่กูนอยด์สุดๆคือมือมึงเค็มมาก!!
ด้วยสปิริตอันแรงกล้า คนตัวสูงรวบรวมลมปราณไล่มาตั้งแต่นิ้วตีนจรดศีรษะ เมื่อได้พละกำลังที่มากพอแล้ว ปาร์คชานยอลจึงใช้วิทยายุทธผลักแบคฮยอนออกไปสุดฝ่ามือ
ทว่า!!!...
“อีแบคคค! มึงอ้วน!!”
แบคฮยอนยังคงต้านแรงลม คร่อมอยู่บนตัวชานยอลได้อย่างมั่นคงประดุจหมูเหล็กที่ตกมันและนาทีนี้แม้แต่พลังวูซูก็คงเอาไม่อยู่
จริงๆแล้วเมื่อครั้งยังเยาว์วัย แบคฮยอนสงสัยว่าทำไมพระเอกที่ซาดิสม์แม่งต้องตุ๊ยท้องน่าเอกแล้วจับปล้ำทุกทีไป ด้วยความแค้นใจแทนเหล่านางเอกผู้น่าสงสารเหล่านั้น
เอาเป็นว่าลูกแม่ฮุยจะทวงความยุติธรรมให้นะครับ...
“ชอบแบบซาดิสม์นักใช่มั้ย! ต้องให้ใช้กำลังสินะ! ได้!!”
ตุบ!
“อุ๊ก! TxT” เหล้ายาทั้งหลายที่กินเข้าไปตอนอยู่ในงานถึงกับพุ่งมาจุกที่ลิ้นปี่ เมื่อหมัดเล็กๆต่อยเข้ามาที่ท้องน้อย ชานยอลน้ำตาคลอเบ้า แรงจะขัดขืนก็ใช้หมดไปตั้งแต่ตอนรวบรวมพลังลมปราณแล้ว
แบคฮยอนตอนหื่นนี่ประมาทไม่ได้จริงๆ....
ชานยอลที่รู้สึกว่าหมดสิ้นแล้วชีวิตนี้ ค่อยๆปิดเปลือกตาลง หลับตาพริ้มพร้อมทอดกายรอให้ชายโฉดกระทำตามใจ จะปู้ยี่ปู้ยำอย่างไรก็คงไม่อาจเอาเรี่ยวแรงไปต่อต้าน ที่ทำได้คงมีเพียงข่มความเจ็บปวดลงไปในหัวใจและกลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ให้เขาหยามเหยียดไปได้มากกว่านี้ (ฟรัด! นี่มันไดอะล็อคเคะตอนโดนกดชัดๆ!)
แบคฮยอนลูบคาง แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย เสื้อสูทสีขาวที่หลุดลุ่ยกระตุ้นต่อมความปรารถนาในรสเพศของเขาให้กระพือขึ้นอีก ยิ่งชานยอลหน้าแดงตัวสั่นระริกอย่างหวาดกลัว คนตัวเล็กก็ยิ่งได้ใจ
“อย่ากลัวเลยพี่ชานเลี่ย...น้องป๋ายจะทำเบาๆนะครับ” พูดอย่างใจดีก่อนมือจะค่อยๆเลื่อนไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในทีละเม็ดๆ
แบคฮยอนจะมีเมียแล้วเว้ย!
จะมีเมียแล้วๆ ><!!
“ทนไม่ไหวแล้วโว๊ยยย!!!!”
เสียงอึกทึกครึกโครมตามมาด้วยร่างของโอเซฮุนที่กระโจนออกมาจากตู้เสื้อผ้า สองร่างที่กำลังนัวเนียสอดด้ายแทงเข็มถึงกับผงะออกจากกันด้วยความรวดเร็ว
ชานยอลยันตัวขึ้นมานั่งนับเพียบ กัดผ้าห่มร้องไห้เป็นดาวพระศุกร์เวอร์ชั่นเกาหลี ปฏิญาณตนเลยว่าถึงอารมณ์หื่นจะขึ้นหน้าแค่ไหน เขาก็จะไม่มีวันช่มขืนใครเด็ดขาด ซาบซึ้งแล้วถึงการถูกทารุณกรรมทางเพศโดยคนใจทราม นามว่าแบคฮยอน มันช่างเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดรวดร้าวเสียใจจริงให้ดิ้นตาย
โอเซฮุนมองพ่อตัวเองอย่างผิดหวัง....
ถึงจุดมุ่งหมายในการแอบเข้ามาในห้องนี้จะเป็นการขัดขวางไม่ให้คุณพ่อขาร็อคได้เสียกับเมียใหม่ก็จริง แต่ก็ไม่คิดเลยว่าพ่อบังเกิดเกล้าจะมีชะตากรรมชีวิตที่พลิกผันขนาดนี้
โธ่พ่อปาร์ค เห็นกันอยู่รัดๆ....
ฮุนนี่คนสวยของบ้านสลดหดหู่อยู่ได้ไม่นานก็ดึงคุณพ่อให้เข้มแข็งขึ้นมาอีกครั้ง เข้าใจว่าหลังจากเลิกกับคุณแม่ไป คุณพ่อคงห่างหายกับเรื่องอย่างว่าไปนาน ถึงขนาดลืมไปว่าการเสียบแทงนั้นต้องทำกันอย่างไร
ร่างผอมเพรียวเดินกระแทกเท้าไปยังหัวเตียงก่อนจะหยิบเอาหมอนข้างกับตุ๊กตาหมีที่ตู้ข้างเตียงมาถือไว้
“คุณแด๊ดยอลลี่ค่ะ จับตาดูให้ดีนะคะ สมมติว่ายอลลี่เป็นหมอนข้าง แล้วนังคุณแบคกี้เป็นตุ๊กตาหมี วิธีทำมันจะต้องเป็นอย่างนี้ค่ะ!!”
แล้วฮุนนี่ก็จับตุ๊กตาให้คร่อมกันในท่าหวาดเสียว สองมือบังคับเจ้าตุ๊กตาและหมอนข้างน้อยๆผู้หน้าสงสาร ด้วยการขย่มเข้าหากันอย่างไม่ปรานี!!
“แล้วก็ป๊ามๆๆๆ! อย่างนี้อะค่ะ หรือจะท่านี้ก็ได้ค่ะ! แบบนี้เรียกกวางเหลียวหลังค่ะ! ทำเป็นมั้ย อย่างเงี๊ยะๆๆๆ เดี๋ยวปั๊ดรีวิววิธีการมีเพศสัมพันธ์อย่างถูกวิธีลงโซเชียลแคมเลยนิ โว๊ะ ฮุนนี่อารมณ์เสีย!”
สีหน้าของแบคฮยอน >> =[]=!
ส่วนสีหน้าของผู้เป็นพ่อที่เห็นความช่ำชองของลูกสาวตัวเองนั้น ก็เป็นเช่นนี้แล >> TTOTT
ปาร์คชานยอลดึงหมอนข้างและตุ๊กตาออกจากมือบางสวยของเซฮุน ก่อนจะร้องเรียก
“ถ้าเซฮุนอยู่ในห้องนี้ แกก็คงอยู่ในห้องนี้ด้วยเหมือนกันใช่มั้ยจงอิน!”
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...
ชานยอลถอนหายใจอย่างโล่งอก ลำพังเซฮุนเห็นฉากเขาเกือบโดนกระทำชำเราประหนึ่งสาวแรกแย้ม ก็น่าอับอายพออยู่แล้ว ถ้าจงอินมาเห็นมีหวัง...
“ผมอยู่นี่”
“เฮ้ย!!!”
“อ๊ากกกกกกกกกก!!”
“อุ๊ยตายว๊ายกรี๊ดนกหวีดสามดอกร้อย!!!”
พ่อแม่และลูกสาวกระโดดกอดกัดอย่างตกใจ เมื่อเงามืดคืบคลานออกมาจากใต้เตียง
เมื่อเห็นว่าอยู่กันครบองค์ประชุม ชานยอลที่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จึงใช้วิธีเจอหมีแกล้งตาย
“คร่อก!”
สลบไสลคอพับไปอย่างหน้าด้านๆ -__-
จงอินหัวเราะหึหึอย่างหยามเหยียด ก่อนจะหันไปชูนิ้วโป้งให้อริเก่าตัวเล็กที่ตอนนี้ระงับอารมณ์หื่นกามไปได้แล้ว
“ใช้ได้นี่ ค่อยสมกับเป็นหัวหน้าแก๊ตุ๊กแกไฟหน่อย”
แบคฮยอนยิ้มรับหัวสั่นดุ๊กดิ๊ก “แล้วนี่มากันครบอย่างนี้ทำอะไรดีอ่ะ” เพราะกว่าจะมีรถมารับกลับบ้านก็น่าจะพรุ่งนี้ตอนสายๆ พอไม่ได้ทำกิจกรรมอย่างว่า เวลาก็ดูจะเหลือเฟือขึ้นมาทันที
“มาร์คหน้า” ฮุนนี่เสนอ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครเห็นด้วยแต่ประการใด แม้แต่ชานยอลที่หลับไปแล้วยังยกขาขึ้นมาไขว้กันเป็นกากบาท บ่งบอกว่ากูไม่เห็นด้วยอย่างแรงนะครับลูก
แบคฮยอนยกนิ้วขึ้นมาเคาะริมฝีปากอย่างใช้ความคิด
“เล่น...เล่น True or Dare กัน!!”
100%
#คพขร
ซีมี
จะได้เจอกันแล้วน้าเสาร์นี้
ซีอยู่บูธ f15-16 นะคับ
เย้ๆ
ความคิดเห็น