คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : p a s t e l : y e l l o w : 01
“แกล้งเขาด้วยวิธีนี้ เดี๋ยวแกก็ได้อ้วนกันพอดี”
“แค่กๆๆ อย่าเพิ่งขัดดิป๊า” ปาร์คชานยอลสำลักน้ำแกงจนต้องตบหน้าอกดังปึ่ก ไอโขลกจนหน้าแดงไปถึงหู
คนเป็นพ่อที่เห็นกรรมตามทันลูกชายก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา
เรื่องของเรื่องคือแบคฮยอนขอออกไปทำธุระข้างนอก โดยบอกเอาไว้ว่าจะกลับมาช่วงหัวค่ำ เขากับลูกชายก็เลยต้องกินมื้อเย็นกันก่อนเพราะเขามีโรคประจำตัวที่ต้องกินยาให้ตรงเวลาทุกมื้อ ซึ่งไอ้ลูกชายตัวดีที่ปกติกินข้าวเย็นไม่เยอะแยะอะไร วันนี้กลับสวามปามจนกับข้าวหมดทุกชาม เหลือทิ้งไว้แค่น้ำแกงค่อนถ้วย คงกะไม่เหลืออะไรไว้ให้แบคฮยอนกินเลย
สาบานว่านี่คือการกระทำของผู้ชายอายุ 20
“น้องน่ารักนะ”
ชานยอลทำหน้าเหยเมื่อได้ยินคนเป็นพ่อเกริ่นแบบนั้น อยากจะเถียงออกไปว่าน่ารักกับผีอะไรละ แต่ก็ติดที่ข้าวเต็มกระพุ้งแก้มจนแทบจะทะลักออกมานอกปาก
“ให้โอกาสน้องหน่อยสิ ไปตัดสินเขาแบบนั้นมันไม่ดีเลย”
“ป๊าก็งี้ตลอดอะ” พอเคี้ยวหมดถึงมีโอกาสพูด “ตั้งแต่แม่มันละ ป๊าก็ให้โอกาส แล้วไงอะ จะสี่สิบแล้วยังโยนภาระมาให้เราอีก งี้มันใช้ได้ที่ไหน”
ตอนนั้นเองที่เสียงก๊อกแก๊กทางประตูดังขึ้น คนเป็นพ่อหันไปมองตามเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆก้าวย่างเข้ามา ในขณะที่คนเป็นลูกยังพูดไม่หยุด ทั้งๆที่รู้ว่าบุคคลที่ก้าวถึงกำลังเดินเข้ามา แต่ชานยอลก็ไม่คิดถนอมน้ำใจ เพราะเขาตั้งใจว่ากระทบให้ได้ยินอยู่แล้ว
“ตัวกะเปี๊ยกแค่นั้นเอามาเลี้ยงก็เสียข้าวสุกเปล่าๆ จะให้มันไปช่วยงานอะไรในร้านได้ละ ลองเข้าไปดูสิ ของหายหมดทั้งร้านเหมือนที่แม่มันเคยทำนั่นแหละ”
“ชานยอล” ปาร์คแดอุนปามลูกชายตัวเอง แต่ชานยอลก็เหมือนเบรกแตก ความในใจพรั่งพรูออกมาเต็มที่
“ค่าน้ำค่าไฟก็ต้องจ่ายเพิ่มเพราะมันอีก แล้วบอกจะมาอยู่สามเดือน ป๊าเชื่อผู้หญิงคนนั้นหรอ กะจะเอามาเป็นภาระเราทั้งชีวิตสิไม่ว่า”
แบคฮยอนฝืนยิ้มเจื่อนๆส่งไปให้คุณลุงผู้ใจดี เป็นนัยว่าเขาไม่คิดโกรธเคืองอะไรกับคำพูดของชานยอล เพราะหากวิเคราะห์ดีๆแล้วก็มีส่วนจริงอยู่มาก อย่างเช่นเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขึ้น ทั้งที่ความจริงชานยอลก็ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรมาก ครอบครัวเขาก็มีอันจะกิน เรียกว่าหัวๆของหมู่บ้านเลยทีเดียว แต่แค่ไม่อยากเจียดไปเลี้ยงคนที่ไม่ชอบขี้หน้าก็เท่านั้นเอง
“ผมกลับมาแล้วครับ” แม้จะรู้ว่าสองพ่อลูกรู้อยู่แล้ว แต่แบคฮยอนก็ยังไม่ลืมมารยาทในจุดนี้ คนตัวเล็กโค้งให้ชานยอลหลายต่อหลายครั้ง ไม่ได้แทนคำทักทาย แต่แทนคำขอโทษที่ตนเองเป็นเหตุแห่งความขุ่นข้องหมองใจ แบคฮยอนรู้ดีว่าเวลาความโกรธสุมทรวงมันทรมานแค่ไหน มันจะอึดอัด เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปเสียหมด
และเขาก็เป็นเหตุแห่งความทุกข์ร้อนในใจของชานยอล ทั้งที่ไม่มีเจตนาร้าย แต่เขาก็ได้นำความทุกข์มาสู่ชานยอลเรียบร้อยแล้ว
“แบคฮยอนหยิบยาให้ลุงหน่อยสิ อยู่บนหลังตู้เย็นน่ะ” แดอุนไม่อยากใช้งานเด็กหรอก เพียงแต่เขาอยากให้ชานยอลเลิกกล่าวหาว่าแบคฮยอนไม่มีประโยชน์เสียที จึงมอบหน้าที่นี้ให้เด็กหนุ่มไปซะ
แบคฮยอนพยักหน้ายิ้มๆก่อนจะเดินไปหยิบถุงยา ด้วยความที่เคยดูแลผุ้สูงอายุมาก่อน แบคฮยอนจึงทำความเข้าใจฉลากยาได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงประคองดูแลจนแดอุนได้พักผ่อนอย่างดีที่ห้องนอนชั้นหนึ่งด้วย
ชานยอลจิ๊ปากมองตามด้วยความหมั่นไส้ แม้สิ่งที่แบคฮยอนทำจะเป็นเรื่องดีๆ แต่อคติก็ทำให้เขาหงุดหงิดกับอีแค่หางตาตกๆทั้งสองข้างของคนตัวเล็ก
แม่งน่าโมโห ทำไมหางตามันต้องตกด้วยวะ!!
พอแบคฮยอนออกมาจากห้องนอนของผู้เป็นพ่อ ชานยอลก็กระแทกชามข้าวลงโต๊ะจนเกิดเสียงดัง คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเดินมาร่วมโต๊ะด้วย
แบคฮยอนขูดข้าวในหม้อที่เหลือเพียงน้อยนิดกินกับน้ำแกงที่เหลืออยู่ก้นถ้วย กิริยาที่ดูธรรมชาติ เหมือนการกินเศษข้าวกับซุปเปล่าๆเป็นเรื่องปกติทำให้ชานยอลขุ่นเคืองเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว จากตอนแรกคิดว่าแบคฮยอนต้องไม่พอใจแน่ๆ แต่ตอนนี้กลับเป็นเขาเอง ที่นอกจากจะไม่สะใจแล้วยังหงุดหงิดใจเพิ่มขึ้นอีก
ให้มันได้อย่างนี้สิ!!
“กินเสร็จแล้วล้างจานด้วย”
“ครับพี่ชานยอล”
“ไม่ต้องมาเรียกว่าพี่!”
“ครับๆ” แบคฮยอนรีบพยักหน้าเป็นเชิงน้อมรับในคำสั่ง จริงๆแล้วเขาไม่ได้กลัวชานยอลในเชิงว่าชายหนุ่มจะมาทำร้าย ที่เขากลัวก็คือกลัวว่าจะทำให้ชานยอลลำบากใจในการมีตัวตนของเขา เขาไม่อยากเป็นภาระให้ชานยอล ไม่อยากเกะกะในสายตา ไม่อยากทำให้เจ้าของบ้านรู้สึกแย่
“คุณชานยอล...” แบคฮยอนเรียกเสียงแผ่ว เป็นการลองเรียกดูว่าชานยอลพอใจแล้วหรือยังสำหรับสรรพนามนี้
“คุณก็ห้ามเรียก!!”
“ชานยอล...”
“นี่ก็ห้าม!!”
“ปาร์คชานยอล”
“ห้าม!!!”
แบคฮยอนเผลอเอียงคอขมวดคิ้วในชั่ววูบหนึ่ง ...ดูเหมือนว่าสรรพนามอะไรก็กลายเป็นคำต้องห้ามไปซะหมด
“ห้ามเรียกอะไรทั้งนั้น! ห้ามยุ่ง! ไม่ต้องมายุ่ง! ยัง...ยังจะมองหน้าอีก!!”
แบคฮยอนสะดุ้งโหยง ...คนอะไรเสียงใหญ่แล้วยังชอบทำเสียงดังอีก
ระบายอารมณ์เสร็จก็เดินปึงปังขึ้นไปยังชั้นสอง ทิ้งคนตัวเล็กไว้กับซากจานชามเต็มโต๊ะอาหาร แบคฮยอนถอนหายใจเบาๆ ถึงชานยอลจะไม่ชอบเขา แต่ดวงตากลมโตกับลักยิ้มบนแก้มเต่งๆนั่นก็ทำเอาเขาโกรธตอบไม่ลง
ก็ได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองไปว่า เดี๋ยวอะไรๆก็คงจะดีขึ้นเอง(มั้ง)
-----------------------
“ป๊า ไอ้เปี๊ยกอะ?”
“เปี๊ยกไหน”
“ก็ไอ้เปี๊ยกอะ แบคฮยอนอะ”
“อ๋อ ยังไม่เห็นเลย สงสัยน้องยังไม่ตื่นมั้ง”
ชานยอลคว่ำปากทันทีที่ได้ยินแบบนั้น นี่มันก็เจ็ดโมงเข้าไปแล้ว ปลิงตัวใหม่ของครอบครัวเขายังไม่ตื่นขึ้นมาช่วยกันทำมาหากินอีก ให้มันได้อย่างนี้สิ!!
ว่าแล้วมือใหญ่ก็กระแทกสมุดบัญชีลงบนโต๊ะจนเสียงดังโครมคราม ก่อนสองขายาวจะจ้ำขึ้นไปยังชั้นสอง
ก๊อกๆๆๆ
กระหน่ำกำปั้นไปอย่างไม่นึกเกรงใจ นี่บุญเท่าไหร่แล้วที่ไม่พังประตูเข้าไปเนี่ย
แหน่ะ ไม่เปิดซะด้วยนะ
ก๊อกๆๆๆ!!
ออกแรงเคาะหนักหน่วงกว่าเดิม ทว่าก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆทั้งสิ้น ความเงียบผิดปกติทำให้ชานยอลแนบใบหูลงกับบานประตู
หรือไอ้เปี๊ยกมันผูกคอตายไปแล้ววะ...
ใจกระตุกวูบกับความคิดเชิงลบของตัวเอง สุดท้ายชายหนุ่มก็เดินลงไปเอากุญแจสำรองที่ห้องเก็บของ ก่อนจะเดินขึ้นมาไขเข้าไปในห้องของเจ้าเปี๊ยกที่เขานึกว่าคิดสั้นปลิดชีพตัวเองไปแล้ว
ทว่าภาพที่เห็นคือแบคฮยอนนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเป็นสุข
ไม่ป่วย ไม่ตาย ไม่พิการ
ชานยอลกำหมัดแน่น นึกอยากจะพ่นไฟใส่หน้าขาวๆนั้นให้ไหม้เกรียมไปซักสิบชาติ กล้าดียังไงมานอนอุตุในขณะที่ร้านกำลังยุ่งเนี่ย
ว่าแล้วมือใหญ่ก็กระหน่ำตบลงไปบนก้นงอนๆของคนที่นอนคว่ำหน้าซุกหมอนไปเป็นสิบๆทีได้
แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัว รีบยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
“ตื่นขึ้นมาทำงานได้แล้ว! จะนอนจนหน้าเหี่ยวตายไปเลยรึไง!”
“...”
“ไปแปรงฟัง แล้วรีบลงมาช่วยกันขนของเข้าร้านเดี๋ยวนี้!”
คนตัวเล็กผงกศีรษะรับคำสั่ง จริงๆเขาเป็นคนตื่นเช้า แต่เมื่อคืนไม่ชินสถานที่ก็เลยนอนไม่หลับ เพิ่งจะได้งีบไปเมื่อตอนเช้ามืดนี่เอง แต่ถึงจะมีเหตุผล ทว่าแบคฮยอนก็ไม่คิดจะงัดขึ้นมาต่อปากต่อคำกับเจ้าของบ้านแต่อย่างใด ยังไงชานยอลก็คงไม่คิดจะฟังอยู่แล้วล่ะ
พอออกคำสั่งเสร็จ คนตัวสูงก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไป แถมยังไม่ลืมปิดประตูเสียงดังเป็นการส่งท้ายอีกต่างหาก
แบคฮยอนลอบถอนหายใจ ...บางทีถ้าชานยอลพูดกับเขาดีๆบ้างก็คงจะดีไม่น้อย
-----------------------
“ทำไมไอ้เปี๊ยกมันไม่เปิดแอร์วะ ร้อนขนาดนั้นนอนเข้าไปได้ไง” ชานยอลบ่นกับตัวเองเบาๆขณะเดินลงบันไดมายังชั้นล่าง
ชายหนุ่มยังจำได้ดีถึงอุณหภูมิร้อนฉ่าของฤดูร้อนที่พัดเข้าใส่ร่างทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของแบคฮยอน นิยามให้สั้นๆเลยว่า ‘ร้อนอบอ้าวจนน่าเวียนหัว’
หรือว่าเป็นเพราะเขาบ่นเรื่องค่าน้ำค่าไฟ? แล้วนี่ไอ้เปี๊ยกมันช่วยประหยัดโดยการไม่อาบน้ำด้วยรึเปล่า? อย่าบอกนะว่าฟันมันก็ไม่แปรง?
แต่แล้วคำถามเหล่านั้นก็ถูกไขจนกระจ่าง เมื่อเจ้าเปี๊ยกที่กำลังนึกถึงเดินตัวหอมเข้ามาในร้านที่เชื่อมกับตัวบ้าน มาถึงก็จัดแจงยกของหน้าร้านเข้าไปข้างในโดยไม่ต้องรอให้เขาออกคำสั่งเลยแม้แต่คำเดียว
ตระกูลปาร์คทำอาชีพค้าวัสดุก่อสร้างมาตั้งแต่ชานยอลยังแบเบาะ แต่ก่อนก็เป็นร้านเล็กๆ แต่ป๊าเขาเป็นคนขยัน ทำงานดี ซื่อสัตย์กับลูกค้ามาโดยตลอด ตอนนี้กิจการก็เลยรุ่งเรือง โคกับที่จีนแล้วก็ญี่ปุ่นด้วย
เมื่อก่อนชั้นล่างของบ้านก็เป็นร้านนี่แหละ แต่สามปีที่แล้วชานยอลเห็นว่าป๊าแก่ลงไปมากก็เลยจัดการจ้างช่างมาต่อเติมบ้านใหม่ ให้ป๊าได้มีห้องนอนชั้นล่างจะได้ไม่ต้องเดินขึ้นลงบันได้ให้เหนื่อย ส่วนร้านก็ขยายไปอยู่อีกโซน แต่ก็ยังมีทางเดินเชื่อมมาที่ห้องรับแขก จะได้ดูแลกันง่ายๆ
กว่าจะขนของจากรถบรรทุกมาเก็บที่หลังร้านจนครบก็ปาไปแปดโมงกว่าๆ ชานยอลถกชายเสื้อกล้ามขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมเต็มหน้าผาก อากาศร้อนกำลังทำให้เขาหงุดหงิดงุ่นง่าน
ชายหนุ่มสะดุ้งเบาๆเมื่อสัมผัสเย็นเฉียบแตะลงบนต้นแขน
หันไปก็เห็นไอ้เด็กเปี๊ยกยื่นขวดน้ำมาให้ หน้างี้แดงไปถึงคอ สงสัยจะร้อนเหมือนกัน
ใจจริงชานยอลก็นึกกระหายน้ำ แต่เพราะความไม่ชอบส่วนตัว มือใหญ่ก็เลยดันขวดพลาสติกออก ก่อนจะเดินเฉียดไหล่จนคนตัวเล็กเซแทบล้ม
“จุ้นไม่เข้าเรื่อง”
แบคฮยอนก้มหน้างุด อดจะรู้สึกเก้อไม่ได้เมื่อความหวังดีถูกปัดทิ้งเสียอย่างไม่ไยดี
“ง..งั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำ แล้วจะรีบลงมาช่วยขายของนะครับ”
ชานยอลจิ๊ปากหมั่นไส้ “ทีหลังรีบลงมาเลยยังไม่ต้องอาบน้ำ เพราะขนของเหงื่อออกก็ต้องขึ้นไปอาบใหม่” ...มันเปลือง!
คนตัวเล็กรีบพนักหน้ารับคำ แต่ก็ไม่วายแย้ง “แต่เมื่อกี้ผมก็ยังไม่ได้อาบนะครับ”
ชานยอลนิ่งไปซักพัก ก่อนจะปัดมือไล่ให้แบคฮยอนรีบไปให้พ้นๆหน้าเขาเสียที
พอลับหลังเจ้าเปี๊ยกที่เขาสุดแสนจะเกลียดชัง ชายหนุ่มก็สบถออกมาเสียงแผ่ว “ยังไม่ได้อาบน้ำ แล้วทำไมตัวมันหอมจังวะ”
P a s t e l : Y e l l o w
คันหัวเหมือนจะเป็นเหาเลย แต่อาจจะไม่เป็นก็ได้
#ยลพท
Seeme
ความคิดเห็น