ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Daddy Rock Legs สะดุดรักคุณพ่อขาร็อค {chanbaek} ★

    ลำดับตอนที่ #5 : ϟ chapter 3 : 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.63K
      49
      16 ต.ค. 57

     

    DADDYROCKLEGS

     

    [CHAPTER3]

     

     

    ‘It’s only in the quiet that I hear myself heartbreathe

    ในความเงียบงันเท่านั้น ที่ฉันจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง

     

     

    . . . . .

     

     

    ผมยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้นเป็นเวลาร่วมสิบนาที ใจนึงก็คิดว่ามันแกล้งป่าวว้า? อีกใจก็รบเร้าว่าให้รีบๆทำอะไรซักอย่าง

     

     

     

    แม่งเอ๊ย!” ผมสบถเบาๆเมื่อใจอย่างหลัง(อันประกอบด้วยคุณธรรมและศีลธรรมอันแรงกล้า)ผลักดันให้ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาต่อสายไปที่ปาร์คชานยอล

     

     

     

    เอาวะ ไหนๆมันก็พ่อเด็ก ถึงจะไม่อยากโทร แต่วินาทีนี้ยอมเสียฟอร์มหน่อยเป็นไรไป

     

     

     

    รอสายอยู่นาน ย้ำว่านานมากๆ! นานประหนึ่งว่าถ้ากูเดินจากบ้านไปสตูดิโอแล้วคุยกับมึง เรื่องน่าจะจบไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่านั่นก็เว่อร์ไปอ่ะนะ

     

     

     

    โหล

     

     

    โหลพ่อง! ไม่รับซะชาติหน้าเลยล่ะ

     

     

    งั้นแค่นี้นะ

     

     

    เฮ้ยอย่าเพิ่ง!! พูดดังๆด้วยไม่ค่อยได้ยินเลย!” ผมตะโกนเข้าไปในสาย พยายามแข่งกับเสียงรบกวนและคลื่นแทรกจากปลายทาง ไอ้ชานยอลแม่งยืนอยู่ข้างลำโพงซานติก้าผับหรือไงวะเนี่ย!

     

     

    ลูกมึงโดนจับไปเรียกค่าไถ่!

     

     

    ห๊ะ! ลูกกูกินตับไม่ชอบกินไข่

     

     

    โว้ยยย!! กูบอกว่า ลูกมึงอ่ะถูกพวกอันธพาลจับไป!

     

     

    แล้วมึงมาแช่งให้กูขึ้นคานสืบไปทำไมเนี่ย!’

     

     

    โอ๊ย! พูดกันไปก็ไม่รู้เรื่องเลยโว้ย เอาเป็นว่า มึงเอาเงินมาให้กูสี่ล้าน เดี๋ยวนี้เลย!!

     

     

    ชักจะมากไปแล้วนะเว้ย มีสิทธิอะไรมาบอกกูเป็นกะเทย!!’

     

     

    กูบอกว่า เดี๋ยว-นี้-เลย!!

     

     

    ห๊ะ! เสียวจังเลย?!’

     

     

    ไม่ใช่เว้ย! กูบอกว่า ขอ-สี่-ล้าน-เดี๋ยว-นี้-เลย!!

     

     

    พ่ออยู่บ้านที่คลองเตย!?’

     

     

     

    ผมสูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับอารมณ์ “ปาร์คชานยอล ฟังกูดีๆนะ...มึงหล่อมาก มึงแม่งโคตรเท่

     

     

    แล้วอยู่ดีๆมาชมกูหล่อ กูเท่ทำไม กูรู้ตัวอยู่แล้ว

     

     

    ฟรัดเอ๊ยย!! ที่อย่างนี้ล่ะได้ยินชัดเชียวนะมึง!!

     

     

    “โธ่เว้ย! คนห่าอะไรวะ หูก็ใหญ่ยังกะหูช้าง พูดอะไรไปเสือกได้ยินผิดๆถูกๆ ต่อไปนี้กูจะไม่ขอความช่วยเหลือจากมึงแล้ว ลาขาด!!

     

     

     

    ผมกดตัดสายเมื่อเห็นว่าคุยกันไปก็ไม่ได้ช่วยกู้สถานการณ์อะไรขึ้นมาได้ แม้แต่น้อย พาลจะถ่วงเวลากันไปซะเปล่าๆ

     

     

    ตัวเลือกต่อไปของผม

     

     

    น้องฮุนนี่

     

     

     

    ผมสูดหายใจเข้าลึก รวบรวมสติไม่ให้แตกกระเจิง ก่อนจะไล่หาเบอร์ในเครื่องแล้วกดโทรออก แล้วคือแบบเสียงรอสาย...ก็นะ เข้ากับมึงจังฮุนนี่

     

     

     

    ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ ลงทะเบียนฝากไว้ ตัวเอากลับไปใจเก็บรักษา ยอมจำนนเธอแล้ววันนี้แค่แรกเห็นหน้า ฝากไว้กับฉันนะหัวใจของเธอแลกเบอร์โทร โอ๊ะโอโอย

     

     

     

    =____=

     

     

     

    ฮัลโหลคิตตี้ ฮุนนี่ยินดีรับสายค่า

     

     

    ฮุนนี่ นี่แบคกี้เองนะ

     

     

    จะวางแล้วนะค่าา

     

     

    เฮ้ย! เดี๋ยวสิเว้ย ตอนนี้ไม่อยากคุยก็ต้องคุยนะ!

     

     

    แบคกี้น่าเบื่อ ฮุนนี่ไม่ชอบ

     

     

    เออน่า เอาไว้ตำหนิกันวันหลัง ฮุนนี่พอจะมีซักสี่ล้านให้แบคกี้ยืมมั้ย?”

     

     

    กรี๊ดด อกอีแป้นจะบั๊มพ์บู้มๆ! สี่ล้งสี่ล้านอะไรกัน ทุกวันนี่ฮุนนี่ยังกู้สหกรณ์โรงเรียนอยู่เลยค่า!!’

     

     

    งั้นฮุนนี้พอจะรู้มั้ยว่าพ่อฮุนนี่เก็บเงินไว้ที่ไหน?”

     

     

    อือออ...ไม่น่าจะเก็บไว้แล้วมั้ง วันนี้ฮุนนี่ลองรื้อๆดูไม่เห็นจะเจอซักวอน

     

     

    โอเค แค่นี้นะฮุนนี่

     

     

    กิกิ สำหรับวันนี้ ซาหวาดดีค่า

     

     

    ติ๊ด!

     

     

     

    ปลายทางกดตัดสาย ผมจ้องหน้าจอที่ดับวูบไปอย่างปลงตก ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก็เห็นจะมีอยู่ซักสามพันวอนกับเหรียญอยู่นิดหน่อย ...แม่เจ้า ผัดผ่อนเดือนละสี่ร้อยวอนได้มั้ย หมื่นงวดพอดี กิ๊บเก๋ยูเรก้า

     

     

     

    ผมถอนหายใจยาวเหยียด เฮ้อออ

     

     

     

    ยังพอมีอีกหนึ่งตัวเลือก แต่ก็ไม่แน่ว่าจะได้รึเปล่า ว่าแล้วผมก็ต่อสายไปหาเพื่อนรักที่เพิ่งแยกกันไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว

     

     

     

    ไอ้โด้นี่กูเองนะ!

     

     

    เออ รู้หรอกน่า จะแหกปากทำไมเนี่ย?’

     

     

    โทษที กูร้อนใจไปหน่อย

     

     

    มีเรื่องอะไรรึเปล่า แล้วนี่มึงกินยารึยังเนี่ย

     

     

    ผมสูดหายใจเข้าปอดจนเต็ม เอาวะ...ลองขอดูก่อน ได้ไม่ได้ก็อีกเรื่อง

     

     

    มึงอย่าเพิ่งถามอะไรนะ ...มึงพอมีให้กูยืมซักสี่ล้านมั้ย?”

     

     

    ห๊ะ! สี่ล้าน มึงจะเอาไปทำอะไร เงินไม่ใช่น้อยๆเลยนะเว้ย!’

     

     

    กูสัญญาว่าจะเล่าให้มึงฟังทีหลัง แต่ตอนนี้กูต้องการเงินสี่ล้านมากจริงๆ ต้องการแบบด่วนเลยด้วย!

     

     

     

    จากนั้นไอ้โด้ก็คาดคั้นอีกนิดหน่อย ส่วนตัวมันก็ไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นให้ผมยืมหรอก ซึ่งผมก็เข้าใจดี บ้านมันก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แถมยังต้องส่งน้องเรียนอีกคนนึงด้วย แต่มันก็พยายามช่วยหาวิธีและการกู้ยืมแบบเร่งด่วนต่างๆ แต่เมื่อคำนวณเวลาดูแล้ว มันก็ไม่น่าจะทันการอยู่ดี

     

     

     

    คุยกันอยู่ซักพักผมก็ตัดสินใจกดวางสาย ยกหลังมือขึ้นแตะแผลที่แก้มที่ไอ้อินจังมันฝากเอาไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอหน้ากัน แผลนั้นเจ็บจี๊ดซี้ดหัวนมสุด แต่ก็เอาเถอะ ถึงมันจะร้ายกับผมขนาดไหนก็ขอเก็บไว้คิดบัญชีคราวหลัง ลูกหมาลูกแมวข้างถนนผมยังช่วยมาแล้วนักต่อนัก แล้วนับประสาอะไรกับลูกคน (ที่มีพ่อเป็นบ้า แถมมีน้องเป็นตุ๊ด)

     

     

     

    เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน!

     

     

     

     

     

     

     

    ใช้เวลาไม่นาน ระบบขนส่งมวลชนแบบแกรนโอเพนนิ่ง(พี่วินมอไซต์) ก็พาผมมาถึงที่หมาย อันเป็นร้านคาราโอเกะขนาดปานกลางที่อยู่หลังโรงเรียนชายล้วนยอนัม

     

     

     

    ผมจ่ายเงินค่ามอไซต์ ก่อนจะเดินดิ่งไปที่ประตูทางเข้าที่มีคนเฝ้าอยู่สาม-สี่คนด้วยความมั่นใจและหล่อสาดที่พกมาเกินร้อย ณ จุดๆนี้ก็ต้องบอกเลยว่า ความหล่อให้ห้า ความมั่นหน้าให้เต็มสิบ

     

     

     

    คือเรวูลฟ์ แนกาวูลฟ์ อ่ะฮรู่ววว ~ อาซารังแฮโย
    นันนึนแด โกนอน มีนยอ~

     

     

     

    ผมบิ๊วซาวน์ให้ตัวเองเรียบร้อย ตอนนี้ก็ต้องเป็นเพลงวูลฟ์เท่านั้นครับถึงจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับระดับความเก๋าของผมได้  รู้สึกเพลงนี้จะเป็นของวง EXO ซึ่งผมก็ไม่ค่อยรู้จักนักหรอกครับ แต่เมนวอคอลค่อนข้างหล่อมากเลยทีเดียว

     

     

    และทันใดนั้นเอง...

     

     

     

    ปิ๊นๆๆ!

     

     

    ผมหันไปทางพี่วินที่บีบแตรเรียกด้วยท่วงท่าสุดเท่ ความหล่อเหลาและมาดแมนจะมีใครเหนือไปกว่าบยอนลูกแม่ฮุย...ไม่มีอีกแล้ว

     

     

    อ่ะฮร้า ว่าไงครับพี่วิน?”

     

     

    น้องจ่ายให้พี่ไม่ครบอ่ะ เนี่ยขาดไป 100วอน

     

     

     

    แว่วเสียงไปพวกจิ๊กโก๋ระดับล่างที่เฝ้าอยู่หน้าทางเข้าหัวเราะกันยกใหญ่ เหอะ...อย่าให้ออกลายก็แล้วกัน แล้วจะหนาวนะไอ้น้อง

     

     

     

    ฮึ่ย!พี่วินนะพี่วิน ทำเสียฤกษ์หมดเลยผมบ่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินแมนๆไปจ่ายในส่วนที่ขาด แม่งเอาไปหมดทั้งสามพันวอนเลยอะป่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว

     

     

    จ่ายเสร็จผมก็หมุนตัวกลับมา แบบหมุนทีสะเก็ดความวิ้งค์กระจุยกระจายออกจากร่างกันเลยทีเดียว

     

     

     

    จ้องมองไปยังพวกอันธพาลปลายแถว เห็นพวกมันกำลังมองผมอย่างขำๆกับมาดที่เสียไปกับพี่วินนิดหน่อย

     

     

     

    ไม่เป็นไร เอาใหม่ๆ

     

     

     

    คือเรวูลฟ์ แนกาวูลฟ์ อ่ะฮรู่ววว ~ อาซารังแฮโย
    นันนึนแด โกนอน มีนยอ

     

     

     

    ผมเดินอาดๆเข้าไปยังประตูทางเข้าพร้อมซาวน์เอฟเฟค ...แม่งเอ๊ย! เท่ชิบหาย

     

     

    มึงมาทำอะไรวะ?”

     

     

     

    ผมจับปกเสื้อให้ตั้งขึ้นตามวิถีผู้ชายเลือดร้อน หึ...มันไม่ใช่เรื่องที่พวกอันธพาลชั้นล่างอย่างพวกแกจะต้องรู้ แต่ก็จะถือซะว่าบอกเอาบุญอ่ะนะ

     

     

    “...”

     

     

    ฉันมาหาอินจัง เอ๊ย! คิมจงอิน

     

     

    พวกมันมองหน้ากัน ก่อนจะหลีกทางให้ผมเข้าไปได้  อ่ะโด่ แค่นี้ก็กลัวแล้วหรอจ๊ะ คึคึคึ~

     

     

     

    อย่าคิดตุกติกหรือเบี้ยวพวกกูเชียวนะ บอกเลยว่ากูหมั่นไส้มึงมาตั้งแต่ท่าเดินล่ะ คนห่าไรเดินเขย่งเชิดหน้า คิดว่าตัวเองเป็นนางสาวไทยหรอ?”

     

     

     

    ผมตวัดสายตามองคนพูดด้วยสีหน้าที่น่ากลัวสุดๆไปเลย(มึงคิดเองทั้งนั้น) เอาเถอะ ผมจะถือซะว่าไม่ได้ยิน ไม่อยากลงมือลงไม้ซักเท่าไหร่ เรามาเพื่อเจรจาเท่านั้น

     

     

     

    ผมเดินฝ่าฝูงนักเรียนชายผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรนอกจากการร้องเพลงคาราโอเกะและสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ตรงไปที่ห้องในสุดที่ติดป้ายกำกับไว้ว่า โซนโต๊ะสนุ๊ก

     

     

     

    ผมสูดหายใจเข้ารวบรวมความกล้า ก่อนจะหมุนลูกบิดแล้วออกแรงผลักเข้าไปข้างใน

     

     

     

    สิ่งที่เห็นคืออันธพาลหน้าปลวกทั่วไปไม่แตกต่างจากในหนัง ประมาณเจ็ดแปดคนได้ และแน่นอนว่าต้องมีตัวหัวหน้าซึ่งหน้าตาเลวร้ายที่สุดในเนื้อเรื่อง

     

     

    นั่นคนหรือหนอนปลาร้า -_-?

     

     

    สวัสดีพวกกุ๊ย ฉันมาอย่างเป็นมิตร

     

     

    แค่สรรพนามเรียกพวกกูก็ไม่เป็นมิตรแล้วว้อย!

     

     

    อ้าวหรอ เปลี่ยนให้ก็ได้

     

     

    สวัสดีเคนธีรเดชและเหล่าอั้มอภิชาติทั้งหลาย ฉันมาอย่างเป็นมิตร

     

     

    พูดดีๆก็ได้เว้ย จะทำเสียงหล่อหาพ่อมึงหรอ?!

     

     

    ผมถึงกับขึ้นครับ ใครทำเสียงหล่อวะ? นี่หล่อธรรมชาติเว้ย!

     

     

    จะยังไงก็ช่าง! ส่งคิมจงอินมาซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว!

     

     

     

    ไอ้พวกนักเลงกะโหลกกะลาพากันหัวเราะร่วนกับคำขู่ของผม ก่อนที่พวกมันจะแหวกทางเดินออกให้ผมได้มีโอกาสเห็นคนที่ดั้นด้นมาตามหา

     

     

     

    ไอ้จงอินหรือน้องอินจังถูกมัดแขนมัดขาให้นั่งอยู่กับพื้นในสภาพสะบักสะบอม ชุดนักเรียนเต็มไปด้วยรอยดอกจากพื้นรองเท้า ใบหน้ากับลำตัวมีแต่แผลกับฝุ่น แต่กระนั้นมันก็ยังมีแรงจ้องหน้าผมเขม็งเหมือนผิดหวังซะเหลือเกินที่คนมาช่วยมันดันเป็นผมซะได้

     

     

     

    นั่น...ยังมีแรงขมุบขมิบปากด่ากูด้วย ซึ้งในบุญคุณกันมากเลยทีเดียว

     

     

     

    ปล่อยเด็กของฉันเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!

     

     

    มึงเป็นใครไม่ทราบถึงได้มาแหกปากสั่งพวกกู แล้วไหนล่ะเงินสี่ล้าน

     

     

    เงินน่ะฉันไม่มีหรอก ส่วนที่ถามว่าฉันเป็นใคร จะบอกให้ก็ได้!... ฉัน บยอน แบคฮยอน พ่อชื่อฮวง แม่ชื่อฮุย จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายมาจากโรงเรียนเซนต์ปังปอน ระดับมหาวิทยาลัยจบจากสถาบันแดจังกึม สาขาท่าพระกระโดดกำแพง เกรดเฉลี่ยสี่จุดแปดศูนย์ แต่ความจีเนียสด้านวิชาการก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง พอดีบ้านไม่เน้นเรื่องความฉลาด เพราะเห็นว่าความหล่อสำคัญกว่า ดีกรีเดือนคณะวิศวกรรมยานยนต์ แถมยัง…

     

     

     

    ตุบ!!

     

     

     

    โอ๊ยย! ให้กูพูดจบก่อนก็ไม่ได้!!

     

     

     

    ผมใช้มือคลำๆตรงหัวที่ถูกไม้ตี ก่อนจะสัมผัสได้ถึงน้ำเหนียวๆข้นๆและกลิ่นคาวที่ลอยมาแตะจมูก

     

     

     

    ฮึก ทำไมต้องทำรุนแรงด้วย ลูกแม่ฮุยหัวแตกเลยนะ TOT

     

     

     

    ไอ้จงอินส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ก่อนจะหลับตาลง เหมือนไม่อาจทนดูความอัปยศอดสูของผมไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ไอ้พวกนักเลงหน้าตาเหมือนหนอนไชปลาร้าหัวเราะกันยกใหญ่ประหนึ่งว่ากำลังดูตลกจากคณะชวนชื่น

     

     

     

    หนอยยย ดูถูกกันนักใช่มั้ย?

     

     

     

    ผมยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาตั้งการ์ด ก่อนจะวิ่งลุยเข้าไปในวงล้อม

     

     

     

    ไหนๆก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ต้องมีไฝว้กันบ้างล่ะวะ!

     

     

     

     

    ย๊ากกกกกกกกก!!!

     

     

     

     

     

     

    . . . . .

     

     

     

     

     

     

    หึ เป็นไงล่ะมึง

     

     

    “...”

     

     

    อ่วมเลยมั้ยล่ะงานนี้

     

     

    หยุดพูดเหอะน่า!” ผมหันไปตวาดไอ้เด็กดำคิมจงอินที่เอาแต่เยาะเย้ยถากถางกันไม่หยุดไม่หย่อน หลังจากที่ผมโดนซ้อมซะน่วมอยู่หลายนาที สุดท้ายก็ถูกจับมามัดรวมกับอินจัง... สภาพแบบแย่อ่ะ นี่พูดกันตรงๆ

     

     

    มึงนะมึง ไม่น่าโง่เลย แทนที่จะโทรบอกคนอื่น

     

     

     

    ผมมองมันอย่างค้อนๆ ก่อนจะตวาดกลับไปบ้าง หนอยย กูโทรไปหมดแล้วว้อย! ถ้ามันมีใครซักคนรับฟัง กูคงไม่ต้องมานั่งเจ็บตัวให้เด็กอันธพาลอย่างมึงด่าหรอก!

     

     

     

    ไอ้จงอินเงียบไป ผมเลยตะหนักได้ว่าไม่ควรพูดจาแบบนั้น

     

     

     

    ไอ้ชานยอลติดงานสำคัญ ส่วนฮุนนี่ก็เรียนอยู่...ก็เลยคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่

     

     

     

    ไอ้จงอินหัวเราะหึหึ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็เอาเถอะ...ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เปลือกตาบวมตุ่ยแล้วก็เจ็บจนเหมือนจะหลับได้ทุกๆวินาทีเลยแหะ ว่าแล้วผมก็ค่อยๆเอียงหัวไปซบที่ไหล่ของไอ้เด็กดำ ไอ้จงอินเขยิบหนีเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยินยอมให้ผมยืมพื้นที่หัวไหล่แต่โดยดี

     

     

    ก็เราสองคนมีชะตากรรมร่วมกันแล้วนี่นา -__-

     

     

     

     

    ไอ้พวกนักเลงพยายามติดต่อไปที่บ้านอีกครั้ง แน่นอนว่าคงไม่มีคนรับสาย เพราะตอนนี้แม้แต่แม่บ้านก็คงกลับบ้านไปแล้ว ฮุนนี่คงกลับดึกๆ ส่วนไอ้ชานยอลกว่าจะกลับจากมีตติ้งก็คงเช้ามืด

     

     

     

    จริงๆแล้วมึงไม่ต้องมาช่วยกูก็ได้

     

     

    “??”

     

     

    มันไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกซะหน่อย ไอ้การที่กูถูกลากมาซ้อมเนี่ย เดี๋ยวซักพักพอโทรหาใครไม่ติด ไม่มีคนเอาเงินมาไถ่ เดี๋ยวพวกมันก็ปล่อยเองแหละ

     

     

    อ่าฮะ...อย่างนั้นหรอ

     

     

    อือ

     

     

    จริงๆแล้วอยากให้มีคนมาช่วยใช่มั้ยล่ะ...ต่อไปนี้ถ้ามีอะไรก็โทรหานะ จะได้รีบมาช่วย

     

     

    หึ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ

     

     

    นี่ไม่ได้โกหกนะ...นี่เป็นคำสัญญา

     

     

    “...”

     

     

    สัญญาลูกผู้ชายเลย

     

     

     

    แล้วผมก็เพลียมากจนเผลอหลับไปในที่สุด...

     

     

     

     

     

     

     

    ความหนาวเย็นที่โอบล้อมรอบร่างกายทำให้ผมซุกหน้าลงกับหมอนข้างแล้วกอดมันแน่นขึ้นกว่าเดิม  ริมฝีปากเจ้ากรรมเผลอส่งเสียงร้องครางเหมือนลูกหมาอย่างที่ชอบทำเป็นประจำมาตั้งแต่เด็กจนโต

     

     

    งิ้งง~

     

     

    ฮื่อ...สบายจังเลย~

     

     

    แต่หมอนข้างจะขยับทำไมเนี่ย หมอนข้างอย่าหนีป๋าแบคสิ

     

     

    ดื้อนักใช่มั้ย? กัดแม่งเลย งั่ม!

     

     

     

    โอ๊ย!

     

     

     

    หมอนข้างแม่งถีบมาเต็มๆยอดหน้าเลยครับ ผมถึงกับสะดุ้งตื่น ชัดเลยว่าหมอนข้างที่ผมถูไถอยู่ด้วยนั้น จริงๆแล้วก็คือขาของไอ้น้องอินจังนั่นเอง...แม่งเล่นแรงอ่ะ ถีบหน้ากูเลยหรอ!(แต่ต่อให้ถีบอีกซักสิบที แน่นอนว่าลูกแม่ฮุยคนนี้ก็ยังหล่อเหมือนเดิม เฮ้ออ เกิดมาหล่อนี่โคตรลำบากใจ น้องแบคอยากขี้เหร่ น้องแบคอยากขี้เหร่!)

     

     

     

    เจ็บนะเฟ้ยผมลูบหน้าผากตรงที่โดนประทับฝ่าตีนเบาๆ ไอ้จงอินดึงผมที่เกือบตกเตียงไปแล้วให้กระเถิบมานอนบนเตียงดีๆ ก่อนจะดึงให้ลุกขึ้นมานั่ง

     

     

    ก็ตกใจนี่หว่า เสือกกัดมาทำไมล่ะ

     

     

    ผมเบะปากใส่ ช้ำไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย ขอบคุณซักคำก็ไม่มี

     

     

    ฝันไปเถอะ

     

     

    เอ้อออ ไม่สนหรอกเว้ย!

     

     

    ว่าแต่...

     

     

    แล้วเรากลับมาได้ไงอะ พวกมันยอมปล่อยหรอ

     

     

     

    ไอ้จงอินยักไหล่ ทำหน้าไม่ยี่หระเหมือนไม่อยากสนใจในคำถามของผม มันกระเถิบไปนั่งพิงหัวเตียงแล้วล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดเล่น

     

     

    ผมยู่ปากขัดใจก่อนจะถือวิสาสะคว้าเอาไอโฟนรุ่นล้านแปดเอสของมันมาถือไว้ซะเอง

     

     

    เอาคืนมานะเว้ย!

     

     

    ผมเอามือถือไปแอบไว้ข้างหลัง ยักคิ้วกวนตีนมันกลับ ก็ตอบมาก่อนดิ

     

     

    คิดว่าแค่นี้เอาคืนไม่ได้หรอมันหรี่ตาถามเสียงเย็น... เหอะ กลัวตาย

     

     

    ก็ลองดูดิ แบร่!” ผมแลบลิ้นใส่หน้ามันอย่างล้อเลียน เป็นจังหวะเดียวกับที่คิมจงอินโถมกายเข้ามาอย่างรวดเร็ว เล่นเอาผมถึงกับหงายหลังลงไปนอนแผ่กับฟูกเตียง แต่เรื่องอะไรที่ผมจะยอมง่ายๆวะครับ ผมผลักอกมันออก ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง ซ่อนโทรศัพท์ไว้ข้างหลัง แต่จงอินก็พยายามเอื้อมมือมาหยิบไป จนผมสลับมือแทบไม่ทัน

     

     

     

    เรายื้อแย่งกันอยู่อย่างนั้น จนอินจังคงหงุดหงิด คราวนี้มันใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบตัวของผมเพื่อจะแย่งโทรศัพท์ จนเหมือนว่ามันกำลังกอดผมเอาไว้

     

     

     

    มือหนาคู่นั้นเกือบจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองคืนไปได้อยู่แล้ว แต่ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง และเราบังเอิญสบตากัน จงอินก็ยอมถอยทัพกลับไปในที่สุด

     

     

     

    สงสัยน้องอินจังจะกลัวสายตาอันเฉี่ยวคมของท่านป๋าแบค...หึหึ ก็งี้แหละนะ คนมันหล่อสไตล์มาเฟีย

     

     

    สรุปจะบอกได้ยัง?” ผมแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของจงอิน แหน่ะๆมีหลบสายตา สงสัยจะกลัวจัด

     

     

    เออ! เอาคืนมาก่อนดิ

     

     

    พออีกฝ่ายพูดอย่างนั้น ผมก็เลยยอมส่งไอโฟนล้านแปดเอสคืนไปให้  ไอโฟนรุ่นนี้ค่อนข้างยาวครับ เพิ่มออบชั่นใช้ตำแทนสากกระเบือ

     

     

     

    ไอ้เด็กดำดึงของของตัวเองกลับไปอย่างหงุดหงิด ก่อนจะยอมอ้าปากเล่า “คนที่ชื่อคยองซูมาช่วย

     

     

     

    คยองซู? เพื่อนกูอ่ะนะ

     

     

    เออ เห็นบอกว่าเอะใจกับเรื่องเงินที่นายโทรไปยืมก็เลยตามGPS มา

     

     

     

    ผมพยักหน้ารับรู้ ถึงจะไม่มีรู้รายละเอียดมาก แต่ก็พอจะเข้าใจได้ลางๆ เรื่องนี้คงต้องโทรคุยกับเจ้าตัวอีกที

     

     

    แล้วมันไปหาเงินตั้งสี่ล้านมาจากไหนอ่ะ?”

     

     

    ฉันจะไปรู้มั้ยล่ะ สมองมีก็คิดเองสิวะ

     

     

     

    จงอินเบนหางตามามองผมเพียงแวบเดียว ก่อนจะก้มลงสนใจจอโทรศัพท์ต่อ ผมแอบแลบลิ้นใส่ท่าทางเก๊กๆนั่นลับหลัง

     

     

     

    เฮ้ออ ก็ยังดีที่รอดตายมาได้ ถึงแผลจะเต็มตัวไปหมดเลยก็เหอะ

     

     

    เออ ว่าแต่...นี่ห้องมึงหรอ?” ผมมองไปรอบๆห้องอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย ทีแรกผมจินตนาการเอาไว้ว่าห้องของไอ้เด็กนักเลงหัวไม้นี่จะต้องรกบรรลัย ข้างฝาเต็มไปด้วยโปสเตอร์ทีมนักฟุตบอลไม่ก็ปฏิทินเปลือยเต้าที่แถมมากับเหล้าแม่โขง แต่สิ่งที่เห็นคือห้องโล่งๆ ผนังสีครีมนั่นว่างเปล่า จะมีก็แต่หิ้งชั้นวางหนังสือเท่านั้น มองเผินๆยังไงห้องนี้มันก็ห้องนอนของพวกเด็กเรียนชัดๆ

     

     

     

    ถ้าใช่แล้วจะทำไม?” เด็กดำถามกลับแบบกวนส้วงติง เลือดที่แห้งกรังติดมุมปากทำให้มันดูส้วงติงมากขึ้นไปอีก

     

     

    ก็เปล๊า ก็ไม่ทำไมหรอกแค่ขัดกับภาพลักษณ์นิดหน่อย ให้อารมณ์ประหนึ่งเต๋าสมชายชอบสะสมคิตตี้ เสกโลโซชอบดูดยาคูลท์อะไรประมาณนั้น

     

     

    “...”

     

     

    นี่มึงชอบอ่านหนังสือหรอ หนังสืออะไรอ่ะ มึงเคยอ่านความสุขของมะระป่ะ ที่เป็นน้องชายของกะทิอ่ะ กูชอบมากๆๆๆๆเลยอ่ะ เดี๋ยวถ้าได้กลับบ้านแล้วจะเอามาให้ยืม

     

     

    นายที่พูดมากชะมัด ออกจากห้องฉันไปได้แล้วป่ะ

     

     

    “???”

     

     

    มองไร

     

     

    นี่มึง...นี่มึงไม่เรียกแทนตัวเองว่ากูแล้วหรอ! เมื้อกี้แทนตัวเองว่าไงนะ นี่ต่อไปนี้เราจะไม่พูดหยาบคายกันแล้วใช่มะ?!

     

     

    ไอ้จงอินยักไหล่แบบขอไปที ก็เห็นแก่อายุของนายอ่ะนะ เรียกแบบนั้นจะหาว่าถอนหงอกกันซะเปล่าๆ

     

     

     

    ดีออกกก กูไม่แก่ค่ะ กูเพิ่งอายุ 24 ปีและไม่มีนโนบายตายตอนอายุ 26 ด้วย ฉะนั้นไม่แก่ค่ะ ดูปากณัชชานะคะ กู-ไม่-แก่-ค่ะ!

     

     

     

    แต่ก็นะ ถึงมันจะตอบหมาๆแบบนั้นก็เถอะ แต่ผมก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้  ผมจ้องหน้าจงอินด้วยความดีใจก่อนจะแหกปากยิ้มจนตาหยี

     

     

     

    โอ๊ย!” แม่ง ลืมไปว่ามุมปากมีแผลอ่ะ ฮืออแผลปริเลยอิปอบเอ๊ย TOT

     

     

    หึไอ้เด็กจงอินหัวเราะสมเพช ก่อนจะดึงผมเข้าไปใกล้ๆ แต่วินาทีนี้ผมทั้งอายทั้งฟอร์มจัด อยากเล่นตัวก็เลยแกล้งหันหน้าหนีไปทางอื่น

     

     

    หันมานี่เร็ว

     

     

    “...” เชอะ เรื่องไรจะหัน

     

     

    หันมาเร็ว

     

     

    “...” ก็บอกว่าไม่ไงว้อย!

     

     

     

    กร๊อบบ!

     

     

     

    โอ๊ย! เด็กบ้า เจ็บนะเฟ้ย!” ผมลูบคอตัวเองที่ถูกไอ้เด็กมือหนักจับให้หันไปจนเคล็ด ไอ้จงอินหัวเราะเบาๆแต่ก็กลับไปเก๊กขรึมอย่างรวดเร็วประหนึ่งติดเชื้อพ่อมันมา  มือหนาเอื้อมไปเปิดลิ้นชักหัวเตียงก่อนจะหยิบเอาอุปกรณ์ทำแผลออกมาจากในนั้น

     

     

     

    แบมือ

     

     

    ผมทำตามอย่างว่าง่าย คิมจงอินวางแอลกอฮอล์ขวดเล็กกับสำลีและยาทาแผลสดลงบนฝ่ามือผม เท่านั้นยังไม่พอ ไอ้เด็กดำยังเอาที่คาดผมในลิ้นชักขึ้นมาใส่ให้ผมอีกต่างหาก

     

     

    เหม่ง

     

     

    ว่าไงนะ!

     

     

    หึไอ้จงอินดีดแผลบนหน้าผากผมอย่างแรง เล่นเอาเจ็บจนพูดไม่ออก เลยได้แต่ยอมนั่งนิ่งๆให้มันทำแผลให้แต่โดยดี

     

     

     

    จงอินแปะปลาสเตอร์ลงบนโหนกแก้มของผมเป็นการปิดท้าย ก่อนจะผละออกไปเล่นเกมโทรศัพท์ต่อ

     

     

    ผมจับร่องรอยการบาดเจ็บบนใบหน้าของตัวเองที่ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้วเบาๆ อยู่ดีๆมุมปากมันก็ยกยิ้มขึ้นมาซะอย่างนั้น

     

     

    นี่...บอกได้มั้ยว่านายติดหนี้อะไรพวกมันอ่ะ

     

     

    ยุ่งน่า ออกไปได้แล้วไปจงอินพูดพร้อมโบกมือไล่เหมือนรำคาญ แต่เรื่องอะไรผมจะยอมแพ้กันเล่า

     

     

    พนันฟุตบอลหรอ?”

     

     

    “...”

     

     

    แน่เลยไอ้เด็กเกเรผมแกล้งเอ็ดก่อนจะเขยิบตัวไปนั่งพิงหัวเตียงข้างๆแฝดคนพี่ที่เอาแต่เล่นเกมไม่สนใจสิ่งรอบตัว ผมชะโงกหน้าแอบมองเกมที่อีกฝ่ายกำลังเล่น อ่ะโด คุกกี้รันเลเวล3 อ่อนจังน้อง

     

     

    ไอ้จงอินดันหัวผมออก ก่อนจะยืนยันคำเดิม ออกไปจากห้องฉันซักที เกะกะลูกตา

     

     

    ผมยักไหล่ไม่ถือสากับคำพูดร้ายกาจนั่น จงอินก็แค่เด็กปากร้าย แต่จริงๆก็ไม่มีพิษสงอะไร(มั้ง?) ผมชันเข่าขึ้นมากอด ก่อนจะหันหน้าไปทางคนที่เอาแต่หมกมุ่นกับเกมมือถือ

     

     

    ตอนนี้เรามีหนี้ร่วมกันแล้วนะจงอิน ห้ามนายผลักภาระมาที่ฉันคนเดียวล่ะ

     

     

    รู้แล้วล่ะน่า นายนี่น่ารำคาญจริง

     

     

    ผมแกล้งผลักหัวอินจังเบาๆด้วยความหมั่นไส้  ตอนอายุเท่านายฉันก็เกเรแบบนายนี่แหละ

     

     

    จงอินละสายตาออกจากหน้าจอ ดวงตาคู่คมนั้นมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า สารร่างอย่างนี้เนี่ยนะ

     

     

    เออดิ อย่าดูถูกนะเว้ย ไม่อยากจะโม้เหอะว่าฉันเป็นถึงหัวหน้าแก๊งค์ตุ๊กแกไฟในตำนานเลยนะ เคยได้ยินป่าว

     

     

    ได้ข่าวว่าโดนถล่มแก๊งแตกไปนานแล้วนิ

     

     

    เอ้อออ ไม่ต้องตอกย้ำมากก็ได้ -_-

     

     

    ยังไงก็แล้วแต่ ที่ฉันอยากจะบอกก็คือ ที่นายทำน่ะฉันก็เคยทำมาหมดแล้ว ทั้งเหล้ายา ทั้งเรื่องชกต่อย แล้วก็เรื่องการพนันด้วย

     

     

    “...”

     

     

    แต่ว่าฉันโชคดีที่ผ่านเรื่องเหล่านั้นมาได้เพราะมีครอบครัวที่ดี มีป๊าที่เข้าใจ แล้วก็มีม๊าที่คอยอยู่เคียงข้าง

     

     

    “...”

     

     

    ซึ่งคนที่ฉันพูดมานายก็ไม่มีซักอย่าง...ฉะนั้น ฉันจะเป็นคนเหล่านั้นให้นายเองนะ

     

     

    “...”

     

     

    ให้ฉันเป็นคนที่เข้าใจแล้วก็คอยอยู่เคียงข้างนายได้มั้ยจงอิน

     

     

     

    จงอินวางไอโฟนลงบนฟูกเตียง ใบหน้าคมหันมามองผม สีหน้าเรียบเฉยนั่นทำให้ผมเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ นายมันก็เหมือนคนอื่นๆที่เขามาพัวพันกับคุณชานยอลนั่นแหละ นายก็แค่แกล้งทำดีกับพวกเราเพื่อผลประโยชน์

     

     

    “...”

     

     

    จะให้ฉันเชื่อว่านายจริงใจกับฉันจริงๆน่ะหรอ เก็บคำพูดสวยหรูของนายไปหลอกเด็กอนุบาลเหอะ

     

     

     

    ผมจ้องจงอินกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงแม้ว่าดวงตาคมคู่นั้นจะจ้องมาแบบจับผิดและกดดันมากแค่ไหนก็ตาม ...ผมเชื่อว่าความจริงใจของผมต้องชนะความคิดแง่ร้ายของเขาได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

     

     

     

    นายจะคิดยังไงฉันไม่สนหรอกนะ ฉันก็แค่คิดว่านายก็น่าจะกลับตัวได้ เหมือนที่ฉันเคยทำได้ตอนที่ยังอายุเท่านาย ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ฉันไม่อยากให้นายเดินผิดทาง

     

     

    จงอินแค่นยิ้มดูถูก  นายไม่มีทางทำสำเร็จหรอก นายมันก็แค่คนนอก

     

     

    “....”

     

     

    นายไม่ใช่ครอบครัว

     

     

    ผมเชิดหน้าอย่างอวดดี เหมือนน้องอินจังจะประเมินคนอย่างป๋าแบคต่ำไปหน่อยนะ

     

     

    พนันกันดูมั้ยล่ะ

     

     

    “...”

     

     

    รับรองว่าวันที่ฉันหย่ากับพ่อนายแล้วเดินออกจากบ้านหลังนี้ไป นายได้เป็นคนแรกที่ร้องจ๊ากแน่ คิม-จง-อิน!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากปากดีแบบไม่เจียมสังขารออกไปแล้ว ผมก็ถูกไอ้เด็กดำถีบออกมาจากห้องจนได้ ไอ้ชานยอลไม่อยู่ก็จริง แต่ก็ดันหวงห้องนอนล็อคเอาไว้อีกแหนะ  มีเค้าลางว่าวันนี้ผมคงได้นอนบนโซฟาห้องรับแขกเหมือนเดิม -_-

     

     

     

    ระหว่างที่ผมกำลังจัดการปูผ้าห่มคลุมเบาะโซฟาอยู่นั้น ร่างผอมๆของฮุนนี่ก็วิ่งปรู๊ดเข้ามาในบ้าน

     

     

     

    แบคกี้!!” แขนขาวๆสองข้างโผเข้ากอดผมแน่น น้ำเสียงแฝดคนเล็กออดอ้อนเหมือนลูกแมว

     

     

    ฮุนนี่หิวข้าววว TOT

     

     

    แล้วก่อนเข้าบ้านทำไมไม่กินมาอะดึกป่านนี้ที่บ้านไม่มีอะไรกินแล้วเว้ย

     

     

    ไม่มีตังค์ TT

     

     

    เหอะ สาบานได้ว่ากระเป๋าที่ฮุนนี่ถืออยู่ราคาไม่ต่ำกว่าล้านวอน -_-

     

     

     

    แต่สุดท้ายผมก็พ่ายแพ้ให้กับความปัญญาอ่อน เอ๊ย! ขี้อ้อนของน้องฮุนนี่  ผมเดินเข้าไปในครัว ก่อนจะรื้อหาวัตถุดิบที่พอจะใช้ทำเป็นอาหารมื้อดึกสำหรับพวกเราสองคนได้ ...แต่แฝดคนโตมันก็ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกันนี่หว่า

     

     

    ฮุนนี่ไปตามจงอินลงมาหน่อยสิ จงอินก็น่าจะหิวเหมือนกัน ผมหันไปพูดกับฮุนนี่ที่ทำตัวซุกซนกระโดดขึ้นไปนั่งบนเคาท์เตอร์ทำครัวแล้วแกว่งขาเล่นเหมือนเด็กประถมไม่มีผิด

     

     

    แบคกี้ก็ขึ้นไปตามเองดิ ฮุนนี่ไม่ชอบคุยกับคนป่าเถื่อน

     

     

    งั้นสงสัยมื้อนี้ฮุนนี่ต้องทำกินเองผมแกล้งเก็บแผงไข่กลับเข้าไปในตู้เย็น ฮุนนี่ทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ แต่สุดท้ายก็ยอมเดินส่ายก้นขึ้นไปยังชั้นสอง ...ให้มันได้อย่างนี้สิ ใครๆก็กลัวอำนาจป๋าแบคกันทั้งนั้นเลยเว้ยเฮ้ย

     

     

     

    ไม่นานสองแฝดก็เดินทะเลาะกันเข้ามาในครัว ผมไม่เข้าใจว่าเด็กๆจะเถียงกันเรื่องสีผิวทำไม ผมไม่ได้เข้าข้างนะ แต่แบบ...จงอินมันไม่รู้ตัวเองหรือไงวะ ฮ่าๆๆๆ

     

     

    แบคกี้จะทำไรอ่ะ

     

     

    ออมเล็ต อยากกินอะไรก็เอามาใส่เลยผมหันไปตอบขณะตอกไข่ใส่ลงไปในชาม

     

     

    แว่วเสียงสองแฝดแย่งกันหยิบของที่ตัวเองอยากกินที่จะใส่ลงไปในไข่  ก็คงจะหนีไม่พ้น ไส้กรอก ปูอัด ไม่ก็ชีส

     

     

    ของฮุนนี่ต้องเป็นนี่ค่า สก็อตรังแตนแท้สกัดผสมคอลล่าเจลสามล้านมิลลิกรัม

     

     

    -___-

     

     

    ใส่คอลล่าเจลแถมโสมสกัดค่า อ๊ะๆ โปรโมชั่นดีๆยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ใส่โสมสกัดวันนี้ ฮุนนี่แถมฟรีวิตามินเอบีซีถึงแซ่ด

     

     

     

    คือแบบว่า…..

    ก็ไม่รู้สินะ  -___________-

     

     

     

    ผมวางกระปุกวิตามินอาหารเสริมเพื่อความงามที่น้องฮุนยื่นมาให้ลงบนเคาท์เตอร์

     

     

    เอาของจงอินดีกว่านะ นายอยากกินหน้าอะไร

     

     

    จงอินไม่ตอบ แต่มือหนายื่นโหลถั่วแดงเชื่อมมาให้

     

     

    อีบ้านนี้มันเป็นบ้าอะไรกันของมันกันวะเนี่ยยยย!!

     

     

    ผมวางชามไข่ลงกระแทกเคาท์เตอร์อย่างหงุดหงิด ไม่ทงไม่ทำมันแล้วโว้ย!

     

     

    สั่งพิซซ่ามากิน จบนะ!

     

     

     

     

     

    ระหว่างรอพิซซ่า...

     

     

     

    ซาหวาดดีค่าเพื่อนๆชาวโซเชียลแคม พบกับฮุนนี่พาเพลินอีกแล้วนะคะ อย่างที่สัญญากันเอาไว้ว่าฮุนนี่จะมารีวิวบีบีเปลี่ยนสีผิว ตัวนี้ฮิตมากๆยกกำลังแสนล้านเลยค่ะกิกิ เป็นไอเท็มที่แพรี่คุกกี้พายถึงกับบอกต่อ เอาล่ะค่ะเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ตื่นเต้นจัง><

     

     

    แล้วฮุนนี่ก็คว้าแขนจงอินหมับ! ผมมองไอ้เด็กอินจังขำๆ(ซวยแล้วไงมึง สมน้ำหน้า) แต่ผมก็ขำมากไม่ได้อ่ะครับ เดี๋ยวกล้องแกว่งแล้วไอ้น้องฮุนมันจะกินหัวเอา

     

     

     

    มาดูกันนะคะว่าบีบีตัวนี้จะเปลี่ยนสีผิวดำๆให้ขาวได้มากแค่ไหน แต่ฮุนนี่รับรองเลยว่าบีบีตัวนี้เป๊ะเฟ่อร์

     

     

     

    ไอ้จงอินทำท่าจะชักแขนกลับ แต่ฮุนนี่นางก็ยื้อไว้สุดแรงก่อนจะบีบครีมเนื้อข้นลงไปบนแขนคล้ำๆนั่นดังแผละ

     

     

    ฮ่าๆๆๆ โดนแล้วไงมึง ทีตอนกูโดนใช้ให้ถือกล้องล่ะทำเป็นขำ

     

     

    เอ่อ...แต่ผมก็ไม่เห็นว่าจงอินจะขาวขึ้นตรงไหน

     

     

    น้องฮุนบีบครีมลงไปอีกรอบ...แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

     

     

    ดำเกินเยียวยา -_-

     

     

     

    กรี๊ดดด แกมันดำ! แกทำให้รีวิวของฮุนนี่เสื่อมเสีย TOT!

     

     

    แล้วใครอนุญาตให้ใช้แขนฉันกันเล่า! แกดีตายล่ะไอ้ตุ๊ดเผือก!

     

     

     

    ในระหว่างที่สองแฝดกำลังตบตีกันอยู่นั้น เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น น้องฮุนที่หิวเกินกว่าใครถึงกับหยุดทุกกิจกรรม ลืมแม้กระทั่งบอกลาเพื่อนๆชาวโซเชียลแคม แล้ววิ่งตูดบิดออกจากบ้านไปทันที ซึ่งผมก็ต้องเดินตามออกไปจ่ายตังอ่ะนะ

     

     

     

    ฮุนนี่ออกแรงเลื่อนรั้วก่อนจะจู่โจมไปหยิบถาดพิซซ่าจากมือคนส่ง ผมถึงกับกุมขมับกับความมารยาทดีของชะนีมีดุ้นนางนี้

     

     

     

    ทั้งหมดห้าหมื่นเจ็ดพันวอนครับ

     

     

    ตุบ!

     

     

    จังหวะที่พ่อคนส่งพิซซ่าเงยหน้าขึ้นมาพร้อมยื่นใบเสร็จ ถาดพิซซ่าที่น้องฮุนถือไว้ในมือก็ถึงกับตกลงไปนอนแอ้งแม้งลงกับพื้นหญ้า

     

     

    อ่ะหือออหล่อจัง อ่ะฮ้าหล่อจริง~

     

     

    เฮ้ย!

     

     

     

    ผมมองฮุนนี่ที่กัดปากยั่วยวนชวนสยองด้วยความตกใจ ก่อนที่จะปลงตก  ฮุนนี่ใช้มือข้างนึงเกาะประตูรั้วก่อนจะโยกย้ายส่ายเอว สะบัดหัวไปมาจนเกรงว่ารังแคจะร่วงกราว

     

     

    น้องฮุนร้อนอ่ะแบคกี้ อยากจะถอดกางเกงใน~

     

     

    หน้าผม --> -___-

     

     

    หน้าคนส่งพิซซ่า --> =[]=!

     

     

     

    ผมยัดตังค์ใส่มือพ่อหนุ่มหน้ามนคนหล่อเหลา ซึ่งก็แน่นอนว่าเทียบผมไม่ติด ก่อนจะดุนหลังให้รีบแว้นมอไซต์กลับร้านไป ก่อนที่น้องฮุนมันจะถึงขั้นถอดตับไตไส้พุงออกมาโชว์

     

     

    อยู่ในปาร์ตี้ฮ็อตยังกะไฟเย่ออ~” แต่ฮุนนี่ก็ยังไม่หยุดแดนซ์ครับพี่น้อง ...มึงครับ น้องฮุนครับ คนส่งพิซซ่ามันไปแล้วครับ เลิกยั่วได้แล้วโว๊ย!

     

     

     

    พอรู้ตัวว่าคนส่งพิซซ่าสลายโต๋ไปแล้ว ฮุนนี่ก็ถึงกับวิ่งตามมอไซต์เลยครับ กว่าผมจะตามกลับมาได้ก็เล่นเอาเหนื่อยกันทั้งคู่

     

     

     

    แบคกี้ใจร้ายTOT แบคกี้ไม่เข้าใจความรักระหว่างเรา

     

     

    เขารักฮุนนี่แล้วหรอ -__-

     

     

    รักแล้ว! สายตามันฟ้อง!

     

     

    จ่ะๆ เข้าบ้านไปกินพิซซ่ากันดีกว่าเนอะผมต้อนฮุนนี่เข้าบ้าน ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย โอ๊ย!กูอยากจะบ้าตาย

     

     

     

     

     

    มื้อค่ำสุดวุ่นวายผ่านไปอย่างมึนๆ หลังจากฟาดพิซซ่ากันจนเรียบไม่เหลือแม้กระทั่งฝากล่อง(?) ผมก็เนียนขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องอินจัง กะจะเนียนขอนอนด้วยซะหน่อย แต่เจ้าของห้องดันไม่คล้อยตาม แม่งกระโดดถีบผมออกมาซะงั้น

     

     

     

    ฮึก ชีวิตป๋าช่างลำเค็ญเสียนี่กระไร ซิกๆ

     

     

     

    ผมทอดตัวลงบนโซฟา แต่ก็นอนไม่หลับเพราะจุกพิซซ่าชิบหาย ก็เลยต้องนอนคิดนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายพอคิดได้ว่าพรุ่งนี้จะถึงวันที่ผมต้องแต่งงานแล้วความกังวลใจก็แล่นริ้วขึ้นมาจนรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก

     

     

    นี่ผมกำลังจะแต่งงานแล้วจริงๆใช่ไหม?

     

     

     

    ผมที่ยังไม่เคยเห็นการ์ดแต่งงานเลยด้วยซ้ำ ผมที่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยกับงานในวันพรุ่งนี้ กำลังจะเข้าสู่พิธีวิวาห์แล้วอย่างนั้นหรอ?

     

     

     

    ผมเนี่ยนะจะแต่งงาน?

     

     

     

    ความว้าวุ่นมีมากเกินไปจนผมไม่อาจข่มตานอนหลับได้ สุดท้ายผมก็ลุกไปยังห้องครัว ก่อนจะตัดสินใจหยิบเบียร์ออกมาสามกระป๋อง

     

     

     

    ปกติผมไม่ใช่คนขี้เมาอะไรหรอกครับ แต่ขอให้คืนนี้ผ่านไปได้ ขอให้ผมได้นอนหลับพักผ่อน แม้จะต้องพึ่งของมึนเมาพวกนี้ก็ตาม

     

     

     

     

     

    . . . . .

     

     

     

     

     

    ชานยอลไขกุญแจเข้ามาในบ้านที่มืดสนิท พยายามลงฝีเท้าให้เบาที่สุดเพราะไม่อยากรบกวนคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟา

     

     

    ว่าจะรีบขึ้นไปนอนเพราะเหนื่อยล้าเต็มทน แต่สุดท้ายร่างสูงก็วกกลับมาอุ้มคนตัวเล็กให้ขึ้นไปนอนด้วยกัน

     

     

    ร่างของแบคฮยอนถูกวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล มือหนาจัดการห่มผ้าให้จนถึงคอ ก่อนเจ้าของห้องจะแทรกตัวเข้าไปในผืนผ้าเดียวกัน

     

     

    ฮื่อออ~

     

     

    ชานยอลหลุดยิ้มให้กับเสียงครางของลูกหมาตัวแสบ

     

     

    ได้กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์ลอยมา...ชัดเลยว่าลูกหมาตัวนี้ต้องแอบซัดเบียร์ในตู้เย็นของเขาไปแหงๆ

     

     

    แบบนี้ต้องทำโทษพูดเก๊กเสียงเข้มให้กับคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนปลายจมูกโด่งจะกดลงบนพวงแก้มนุ่มนิ่ม

     

     

     

    ชานยอลให้เหตุผลการกระทำของตัวเองว่า ก็เพราะเขาเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆ ไม่ใช่สุภาพบุรุษจุฑาเทพมาจากที่ไหน ดังนั้นการที่เขาจะหาเศษหาเลยกับคนหน้าตาน่ารักที่เอาแต่หลับไม่รู้สติ มันไม่ใช่เรื่องแปลก

     

     

     

    ชานยอลแถไปว่า ต่อให้คนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่นั้นไม่ใช่แบคฮยอน เขาก็คงจะจูบจะหอมคนๆนั้นเหมือนกัน 

     

     

     

    ไม่มีอะไรพิเศษเลย ระหว่างเขากับแบคฮยอน

    ไม่มีเลยจริงๆ...

     

     

     

    เพียงแต่แบคฮยอนตัวหอม ตัวหอมจนเขาหยุดตัวเองไม่ได้...

     

     

     

    งื้ออ~” คนตัวเล็กสะบัดหน้าหนีเหมือนรำคาญ 

     

     

     

    แม้แบคฮยอนจะได้สติตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ชานยอลก็ยังไม่อาจสั่งตัวเองให้ผละออกจากใบหน้าของอีกฝ่ายได้

     

     

     

    ชานเลี่ยหรอ?” มือเรียวขยี้ตางัวเงียได้อย่างน่ารัก  ชานยอลแปลกใจนิดหน่อยที่คนตัวเล็กเรียกเขาว่าชานเลี่ย ซึ่งเป็นสรรพนามที่ใช้เรียกกันสมัยเด็กๆ แต่ก็นะ...คงเป็นเพราะแบคฮยอนเมาไม่ได้สติ

     

     

    อือ..นี่ชานเลี่ยนะน้องป๋าย

     

     

    แบคฮยอนตาปรือกึ่งหลับกึ่งตื่น น้ำเสียงนั้นดังอู้อี้ ชานเลี่ยใจร้ายไม่ยอมมาช่วยน้องป๋ายกับอินจัง น้องป๋ายเจ็บทั้งตัวเลยเนี่ย

     

     

    หือ?”

     

     

    นี่เจ็บ นี่ก็เจ็บ

     

     

     

    ชานยอลอมยิ้มขำๆ ก่อนจะไล่จูบลงบนพื้นที่ที่น้องป๋ายของเขาบอกว่าเจ็บนักเจ็บหนา แอบคิดไม่ได้ว่ามอมเหล้าแบคฮยอนทุกวันเลยได้มั้ยนะ?

     

     

    นี่ไม่ได้ให้มาหอมนะคนตัวเล็กบ่นง๊องแง๊งพลางพลิกตัวนอนตะแคงไปอีกทาง ชานยอลกระเถิบตามไปกอดว่าที่ภรรยาของเขา สอดแขนเข้าไปโอบรัดเอวบางเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงให้แผ่นหลังอีกฝ่ายแนบชิดลงมากับแผ่นอก

     

     

    ก็ชานเลี่ยอยากกอด อยากหอมลูก แต่ลูกไม่ยอมให้ชานเลี่ยทำนี่นา ตอนนี้น้องป๋ายกลิ่นเหมือนจงอินเลย...ขอหอมหน่อยสิ

     

     

    แบคฮยอนหัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้เมื่อชานยอลกดจมูกลงมาบนหลังคอ

     

     

     

    ก็ชานเลี่ยล็อคห้อง น้องป๋ายเลยไปอาบน้ำห้องอินจัง

     

     

    หรอครับ...หอมจังเลยเสียงทุ้มอ่อนโยน ชานยอลไม่อาจผละออกจากเนื้อขาวๆที่ทั้งนุ่มทั้งหอมของแบคฮยอนไปได้แม้แต่วินาทีเดียว

     

     

    จู่ๆคนตัวเล็กก็พลิกตัวหันกลับมาเผชิญหน้า...

     

     

     

    ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะเวอร์ชั่นป๋าแบค หรือเวอร์ชั่นน้องป๋าย ความแสบก็ไม่ได้ต่างกันซักเท่าไหร่

     

     

     

    แอบใช้ลิปมันของอินจังด้วยนะ ชานเลี่ยลองดูมั่งมั้ย

     

     

     

    100%

    #คพขร

    ซีมี

    เมื่อวานหรือมะรืนนะลืมลง ไม่ได้ใช้คอมพ์

    รักๆ

    #คพขร

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×