คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : - [ The Second Plan ] : intro -
The Second Plan
-Intro-
"เฮ้! เย็นนี้ต้องฉลอง!"
เสียงไชโยโฮ่ฮิ้วด้วยความดีใจของเหล่าตำรวจดังขึ้นสนั่นสน. ก่อนที่จะเงียบสนิท เมื่อผมปรากฏกาย
ผมเดินจ้ำไปหยุดประจันหน้ากับผู้ชายเชื้อสายจีนที่สูงกว่าผมซักครึ่งฟุตได้ ผู้ชายผู้เป็นต้นตอของเสียงหัวเราะกู่ก้องของบรรดาสิ่งมีชีวิตไม่เว้นแม้กระทั่งอะมีบาในสถานีตำรวจ
เขา...ผู้ซึ่งปิดคดีลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติลงได้อย่างรวดเร็วและสวยงาม
เขา...ผู้ซึ่งโผล่เข้ามาระหว่างผมกำลังทำภารกิจ
เขา...ผู้ซึ่งแย่งงานผมไปอย่างหน้าด้านๆ
"ผู้กองอู๋!!" ผมแผดเสียงดังลั่นไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอะไรทั้งสิ้น ผมไม่สนหรอกว่าผู้กำกับจะเดินออกมาจากห้องทำงานและใช้แฟ้มโขกหัวผมอย่างที่เขาชอบทำ หรือจะพักงานผมก็เชิญเลย
แต่การที่ไอ้ผู้กองหน้าหยกนี่มาฉกผลงานไปต่อหน้าต่อตา ผมยอมไม่ได้!
"ใจเย็นน่าผู้กองน้องหมา"
"ผู้กองอู๋!!" ผมเดือดหนัก ให้ตายสิ! นี่นอกจากเขาจะไม่สลดกับการกระทำหน้าด้านของตัวเองแล้ว เขายังมีหน้ามาทำตลกขุดเอาฉายาสมัยเป็นนักเรียนตำรวจของผมมาล้ออีก
"คุณจะโมโหอะไรนักหนาล่ะ น่ายินดีซะอีก คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำคดีนี้อีกแล้ว มันจบแล้ว จบสวยด้วย"
ผู้กองคริสหรืออู๋อี้ฟานพูดด้วยรอยยิ้มภาคภูมิในตัวเอง ผมเกลียดเขา เกลียดที่เขาชอบมาขัดแข้งขัดขาทำผลงานตัดหน้าผมอยู่เรื่อย ไอ้คดีจับยาเสพติดข้ามชาตินี่มันก็ของผม ผมกำลังสกัดจับอยู่ดีๆ ดันโผล่มาชาร์จตัวคนร้ายตอนเผลอ ลากเข้าตารางไปซะงั้น แถมยังให้มือสอบสวนในทีม เค้นซะจนคนร้ายสารภาพจนหมดเปลือก สาวตัวการใหญ่ได้อีกหลายตัว
สรุป... ผมเกิดมาทำไม!!
"คุณมันจอมเสียมารยาทคริสอู๋!"
"ส่วนคุณมันก็ผู้กองน้องหมาใจแคย ที่เอาแต่วีนไปวันๆ"
"ผู้กอง..!"
คริสยกมือขึ้นเหมือนห้ามปรามก่อนที่ผมจะด่าเขาอีกระลอก "โอเคๆ เอาเป็นว่าผมขอโทษที่เข้าไปจุ้นจ้านในคดีของคุณ แต่ผมทนไม่ได้นี่นา คุณตามคดีมาเป็นเดือนแล้ว ไม่ได้ความอะไรซักที"
"คุณ!"
"ผมว่านะ คุณยุบทีมมาทำงานกับผมดีกว่า แล้วคุณก็ไม่ต้องนอยด์ว่าผมจะแกล้งไม่ให้คุณทำงาน ผมให้ทำแน่"
"..."
"หน้าตาอย่างคุณ เป็นนกต่อคดีซ่องเด็กผู้ชายได้สบายๆอยู่แล้ว เพราะถ้าเป็นคุณมาขาย...ผมก็ซื้อนะ"
"ไอ้..ไอ้..ไอ้ผู้กองอู๋!!!"
"ได้ข่าวว่ามีปัญหากับผู้กองอู๋อีกแล้วหรอ"
คิมจงอินหรือผู้หมวดไคกระโดดขึ้นมานั่งบนโต๊ะทำงานส่วนตัวของผม ก่อนจะหยิบแฟ้มบนโต๊ะขึ้นมาไล่อ่าน ผิวสีเข้มของเขาเข้ากันได้ดีกับเครื่องแบบตำรวจ จริงๆแล้วหมอนี่หล่อมาก แต่กาลเทศะอยู่ในขั้นติดลบ
"มีมารยาทหน่อยสิ ฉันเป็นใครนายเป็นใคร"
"ก็เป็นไคไง"
ผมกลอกตาขึ้นมองเพดานอย่างเซ็งๆ "พอซักทีเถอะน่ามุกนี้ พอทีเถอะขอร้องเลย!"
ไคหัวเราะเบาๆ ยศเขาน้อยกว่าผม แต่ดูที่เขาทำสิ กระโดดขึ้นมานั่งบนโต๊ะผู้กองงั้นหรอ เจ๋งดีเป็นบ้า
"ลงไปซะ" ผมขู่เขา จริงๆแล้วไม่ได้ขู่หรอก ใครๆก็รู้ว่าผมน่ากลัวแค่ไหน
"น่ากลัวตายล่ะ"
"ไค!!"
เจ้าของชื่อหัวเราะ หัวเราะนานมาก แล้วถ้าเขายังไม่หยุดล่ะก็....ผมจะร้องไห้จริงๆแล้วนะเว้ย!
"โอ๋ๆ โอเค ผมหยุดแล้ว"
"ลงไปซะ"
คราวนี้ไคยอมกระโดดลงไป เขาวางแฟ้มไว้ที่เดิม ก่อนจะเท้าโต๊ะแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของเราแล้วแทบจะชิดติดกัน
"คุณผลีผลาม ใจร้อนแล้วก็อารมณ์อ่อนไหวเกินไป คุณไม่มีทางสู้เขาได้หรอก"
"ไค!"
"ผมยังสงสัยไม่หาย นี่คุณมาเป็นผู้กองได้ยังไง ใช้อะไรซื้อตำแหน่งมากันล่ะเนี่ย"
"..." ผมเม้มปากเเน่น ตาถลึงมองคนตรงหน้าอย่างโกรธเคือง มันจะมากไปแล้วนะ!
"ถ้าคราวหน้าทีมเราโดนแย่งงานอีก คราวนี้ผมไม่สัญญาแล้วนะว่าจะอยู่ทีมคุณต่อไป"
ผมพูดไม่ออก จะด่าก็ไม่ออก คิดถึงน้ำเหล้าร่วมสาบานที่เราในทีมเคยดื่มร่วมกันเมื่อสองปีที่แล้ว มีไค มีผม เฉิน แล้วก็ซิ่วหมิน เราสัญญากันแล้วว่าจะไม่ทิ้งกันเด็ดขาด จะเคียงข้างกัน จะทำงานด้วยกัน จะสู้เพื่อทำผลงานให้ดีกว่าทีมของผู้กองอู๋ให้ได้
จริงๆแล้วตำรวจไม่ควรแบ่งพรรคแบ่งพวก แต่เราแค่จัดทีมเพื่อให้การทำงานมันง่ายและทั่วถึงมากขึ้น ผมมีทีมของผม ผู้กองอู๋ก็มีทีมของเขา
เราไม่มีชื่อทีมอย่างเป็นทางการ คนทั่วไปมักจะเรียกว่า ทีมผู้กองบยอน ทีมผู้กองอู๋ แต่พักหลังๆมานี้ ผมเห็นคนในสน.เรียกทีมของคริสว่าทีมมังกร ส่วนทีมของผมเป็นทีมลูกหมา
บ้าบอสิ้นดี ถึงลูกหมามันจะน่ารักแต่ผมก็ไม่ได้เหมือนมันซักหน่อย!
เอาเถอะ ผมไม่อยากรำลึกความหลังอะไรแล้ว ปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้าผมคือไค ผู้หมวดหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งที่เพิ่งเอื้อนเอ่ยถ้อยคำทำร้ายจิตใจผมออกมา
ปกติเขากวนโมโหผมเป็นประจำ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดเรื่องย้ายทีม...
"ขืนทนอยู่กับคุณต่อ มีหวังได้ลงไปทำคดีหมาหายแน่ๆ"
"นายอยากไปมากหรอ"
"แน่นอน"
"แล้วเฉินกับซิ่วหมินล่ะ"
"พวกเขาจะไปกับผมด้วย"
ตอนนี้ภาพที่ผมเห็น คือตัวผมเองที่ถูกเนรเทศลอยแพไปอยู่เกาะกลางทะเล นั่งเอาหลังพิงต้นมะพร้าว เขียนจดหมายบอกลาญาติมิตรบนกระดาษแล้วม้วนมันใส่ขวดแก้วให้ลอยทะเลยไป
ผมถูกปล่อยเกาะแล้ว
"นายอยากเห็นน้ำตาของฉันหรอไค"
"ผมเห็นมันออกบ่อย ทุกครั้งที่คดีพลาด คุณก็นั่งกอดขวดเหล้าร้องไห้ประจำ"
ผมเบะปาก จริงอย่างที่ไคพูด ผมมันคนไม่เอาไหน
"ร้องอีกสิ เอาเลย"
"อย่าท้านะ"
"คุณร้องอยู่แล้ว"
แล้วอยู่ดีๆไฟก็ดับ
พรึ่บ!
ผมสะดุ้งโหยง ทั้งสน.ดับมืด มืดยิ่งกว่าสีผิวของคิมจงอินซักสิบเท่าได้ แต่ที่น่าแปลกคือมันเงียบกว่าปกติ เพราะปกติเวลาที่ไฟดับ ตำรวจนายอื่นๆจะบ่นกันระงม อย่างน้อยก็ซิ่วหมินคนนึงล่ะ เขาต้องครวญครางว่า 'แม่งเอ๊ย งานยังไม่ได้เซฟเลยนะ!'
แต่นี่เงียบ มีแต่เสียงหายใจฟืดฟาดของผม
วันนี้ผมเหนื่อยกว่าทุกวัน อาจเป็นเพราะผมใส่อารมณ์กับเรื่องผู้กองอู๋มากเกินไป แล้วก็น้อยใจผู้กำกับที่เรียกคริสอู๋ไปชมในห้องตั้งนานสองนาน แถมเมื่อกี้ยังต้องมานั่งฟังลูกทีมตัวเองด่าอีกด้วย งานเก่าก็กองท่วมหัว งานใหม่ก็เหมือนจะถูกลดเกรดลงเรื่อยๆ
แม่ง! ไฟดับทั้งที ร้องไห้ฉลองเลยดีมั้ย
ว่าแล้วผมก็เบะปาก วิญญาณคุณนายโฮจุติร่าง ผมร้องไห้บ่อย ที่จริงก็ไม่บ่อยมาก แต่ผมเก็บอาการไม่ค่อยเก่ง อยากโวยก็โวย อยากเศร้าก็เศร้า อยากยิ้มก็ยิ้ม ผมไม่เคยโกหกทางสีหน้า ผมทำมันไม่ได้
ผมยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา อะไรๆมันก็ไม่ได้ดั่งใจซักอย่าง อยากจะบ้าตาย!
มีมือหนึ่งสะกิดที่ไหล่ของผม ก่อนที่ทั้งห้องจะสว่างจ้าขึ้นมาอีกครั้ง
ปุ๊!
สายรุ้งชนิดชักสายถูกจุดขึ้น พร้อมเปเปอร์ชู้ตหลากสีที่โปรยปรายลงมา ผมยังไม่ทันตั้งตัวอะไรก็ถูกดึงให้ลุกขึ้น ไคเช็ดน้ำตาให้ผมด้วยแขนเสื้อวอร์มสีกรมท่าของเขา พอน้ำตาหายไป ผมก็มองอะไรได้ชัดขึ้น
ผู้กองอู๋เดินเข้ามาพร้อมเค้กก้อนโต วิปครีมสีขาวนั้นฟูฟ่อง พอเขาเดินมาใกล้ผมถึงเห็นว่าหน้าเค้กมีตัวอักษรอยู่
'Happy Birthday to น้องหมาแห่งสน.กวางจู'
ผมเหมือนจะซึ้ง นี่ถ้าเปลี่ยนคนถือเค้กมาล่ะก็ ผมยิ้มหน้าบานแน่ๆ
แต่ก็ต้องสารภาพไปตามตรงว่าตอนนี้ผมยิ้มนิดหน่อย
"ยี่สิบหกแล้วนะคุณผู้กอง ขี้แงเป็นเด็กเชียว" อู๋อี้ฟานยิ้มอย่างที่เขาคงคิดว่ามันเท่ ตำรวจกว่าสิบนายมายืนอออยู่ข้างผมพร้อมเสียงหัวเราะและโห่แซว
"น้องหมาของเราร้องไห้อีกแล้ว"
"ฮ่าๆ เป่าเทียนเร็วเข้าสิผู้กอง"
ผมฉีกยิ้มออกมาสุดริมฝีปาก ซิ่วหมินบีบไหล่ผมเบาๆพร้อมกระซิบว่า "เราจะเป็นทีมเดียวกันตลอดไป"
ผมมองหน้าลูกทีมทุกคน มองไคที่ทำเซอร์ไพรสเรียกน้ำตาจากผม มองซิ่วหมินที่ใจดีและเฮฮา มองเฉินที่สุภาพเรียบร้อย มองตำรวจอีกสิบนายที่เหลือ รวมทั้งแม่บ้านคัง คนเดินเอกสารและอีกหลายชีวิต
ผมรู้สึกผูกพันกับที่นี้เหลือเกิน
ผมรักอาชีพนี้ ผมชอบที่จะเห็นรอยยิ้มของประชาชนยามที่พวกเรายื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ผมชอบแข่งกับผู้กองอู๋
เอาง่ายๆก็แล้วกันนะ ผมชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสถานีตำรวจกวางจู
ผมชอบมากเลย
"เป่าเทียนเร็วเข้า" ผู้กองอู๋เร่ง "ผมไม่ว่างมาถือเค้กให้คุณนานนักหรอกนะ มีงานอีกเยอะที่ผมต้องเคลียร์"
ผมแลบลิ้นใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะพองลมในแก้ม เตรียมจะเป่าออกไป แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าควรจะอธิษฐานก่อน
ผมยกมือขึ้นมาประสานตรงหน้าแล้วหลับตา...
"งมงายจังผู้กองบยอน" คริสส่งเสียงแซว ผมไม่สนใจเขา เอาล่ะ มาขอพรกันเถอะ...ขอว่าอะไรดีนะ
'พระผู้เป็นเจ้าครับ...อืออ...ผมขอให้ชีวิตรักของผมถึงจุดพีคซักทีเถอะครับ อาเมน'
ผมแทบจะโอมเพี้ยงอีกซักที ผมไม่ขอเรื่องงานหรอกครับ เรื่องแบบนั้นมันเป็นความภูมิใจในฐานะลูกผู้ชายที่จะทำหน้าที่ด้วยตัวเอง แต่เรื่องความรักของผมนี่สิ เอื่อยๆมาหลายปีแล้ว เมื่อไหร่มันจะถึงจุดสูงสุดซักที
ผมอยากแต่งงานแล้วโว๊ยยย!!
ถ้าเซฮุนอยู่ข้างๆคุณ ช่วยบอกเขาที ว่าให้รีบขอผมแต่งงานได้แล้ว ปีนี้ฮยองคนนี้ยี่บหกแล้วนะ!
ผมเลิกคิดเพ้อเจ้อ แล้วสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ผมเป่าเปลวไฟที่สว่างไสวบนไส้เทียน ก่อนจะใช้นิ้วปาดเนื้อครีมสีขาวราดซอสช็อคโกแล็ตขึ้นมาชิม
"อร่อยจัง ขอบคุณทุกคนนะ เอ่อ คุณด้วยผู้กองอู๋"
คริสยิ้มเขินๆ ไม่บ่อยที่จะเห็นเขาเป็นแบบนี้ แต่ก็แป๊บเดียวเท่านั้นนั่นแหละ เขามันจอมวางมาด ขี้เก๊กที่สุดในจักรวาล
หลังจากนั้นเราก็ตัดเค้กแจกจ่ายกันไป อวยพร ให้ของขวัญและพูดคุยกันไปตามประสา ที่นี่เราเหมือนครอบครัว แต่ก็นะ..ยกเว้นคริสอู๋ไว้ซักคนได้ไหม ผมยังเคืองไม่หายที่เขาชอบมาชิงตัดหน้าแย่งผลงาน เชอะ!
ช่วงเวลาแห่งการฉลองวันเกิดผ่านพ้นไป เรากลับมาทำงานจริงจังกันอีกครั้งในเวลาบ่ายสอง
"ผู้กองบยอน ผู้กำกับเรียกครับ"
ผมหันไปทางเฉิน หนุ่มพิสูจน์หลักฐานสุดเนิร์ดที่เป็นคนแจ้งคำสั่งจากผู้กำกับให้ผมฟัง "เรียกฉัน? เรียกทำไมอ่ะ"
"ไม่รู้ครับ หวังว่าเราจะไม่โดนพักงานนะครับผู้กอง" เฉินพูดล้อเล่นขำๆ ผมเองก็ขำนะ แต่ลึกๆแล้วก็แอบหวาดเสียวอยู่ไม่น้อย ให้ตายสิ ขาผมชักจะสั่นพั่บๆขึ้นมาแล้วเนี่ย
ผมรวบรวมกำลังใจ ก่อนจะเดินไปยังห้องผู้กำกับ ระหว่างทางต้องผ่านโต๊ะทำงานของคริสอู๋ รายนั้นเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าผมโดนเรียกตัว ผมแยกเขี้ยวใส่เขา ก่อนที่ไอ้ผู้กองเชื้อสายจีนจะยักไหล่เหมือนไม่ยี่ระอะไร
ผมผลักประตูเข้าไปในห้อง แอร์เย็นฉ่ำไม่ได้ทำให้ผมคลายกังวลลงไปได้เลย
ผมทำความเคารพท่านผู้กำกับลี ก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆไปให้เขา
"ช่วงนี้ทำผลงานไม่ดีเลยนะผู้กองบยอน"
นั่นไง...ซวยแล้ว
ผู้กำกับลีกระแอมไอหนึ่งครั้ง เขาจ้องผมด้วยท่าทีสุขุม แต่หัวใจผมกลับเต้นตึกตัก ผมพยายามส่งเสียงกรีดร้องในใจ หวังว่าท่านผู้กำกับจะได้ยินเสียงจากผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้นะครับ
ได้โปรดอย่าย้ายผมเลย!!!
"ผมไม่ได้เรียกคุณมาตำหนิหรอก"
"??" ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัย ก็บอกแล้วว่าผมเก็บเอ็กเพรสชั่นทางสีหน้าไม่ได้
"ได้ข่าวว่าวันนี้เป็นวันเกิดคุณหรอผู้กอง"
ผมพยักหน้า "ใช่ครับท่าน"
"อือ...คุณคงได้ของขวัญเยอะเลยสินะ"
ผมมองผู้อาวุโสตรงหน้าด้วยความงุนงง ผมตามเขาไม่ทันเลย เจตนาที่เรียกผมเข้ามานี่คืออะไรกันแน่?
"ก็เยอะอยู่มั้งครับ" ผมตอบไปแบบนั้น จะว่าไปก็มีแค่ไคกับคนเดินเอกสารเท่านั้นที่ไม่ได้ให้ของขวัญผม
ผู้กำกับพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม "คุณเป็นที่รักของที่นี่นะผู้กอง จะว่าไป..ผมก็ควรให้ของขวัญคุณด้วย จริงมั้ย?"
ผมมองผู้กำกับลีอย่างตกใจ สองมือรีบยกขึ้นมาโบกไหวๆ "ม..ไม่ต้องหรอกครับ ท่าน คือ...ผมเกรงใจ"
"เกรงใจอะไรกันล่ะ ของขวัญคุณเหมือนจะเดินทางมาถึงแล้วนะ"
"??"
ไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไร ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา พร้อมผู้ชายคนหนึ่ง เขาใส่เสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยแจ็กเก็ตหนังสีดำกับกางเกงยีนส์ ทรงผมเซอร์ๆ แล้วก็รอยยิ้มที่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่า เอ่อ เคร่งขรึม? เก๊กหล่อ? หรือว่าจริงใจ?
ที่ทำให้ผมตาโตเห็นจะเป็นป้ายคล้องคอที่ระบุว่าเขาเป็นหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับจากกรุงโซล พระเจ้า! ดูดาวยศของเขาสิ เขามาทำอะไรที่นี่กันล่ะเนี่ย
"สุขสันต์วันเกิดนะผู้กองบยอน"
"อ่า..ครับ" ผมโค้งตัวรับคำอวยพร ก่อนจะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเป็นการแสดงมารยาท เผื่อว่าผู้กำกับอยากจะคุยกับตำรวจจากโซลผู้มาใหม่คนนี้
"ถอยไปทำไมล่ะ นี่ไงของขวัญของคุณ"
“หือ?" ผมประหลาดใจจนถึงกับเบิกตากว้าง
"ท่านหมายความว่ายังไงครับ?"
"นี่ผู้หมวดปาร์ค ผมจะให้เขามาอยู่ทีมเดียวกับคุณ เป็นไงล่ะ ดีใจใช่มั้ย"
ผมมองผู้กำกับสลับกับของขวัญ "ผู้หมวด?"
"อือใช่ ผู้หมวดปาร์คชานยอล"
"แต่ป้ายที่คอเขียนว่าเขาเป็นสารวัตรนี่ครับ"
พอผมพูดออกไปอย่างนั้น คุณผู้หมวด ไม่สิ สารวัตรชานยอลก็ถอดป้ายคล้องคอออกทันที นี่เขาเล่นตลกอะไร?
"เขาย้ายมาจากกังนัมน่ะ"
"แต่ในป้ายบอกว่าเขามาจากโซล?" ผมถามอีกครั้ง อย่าประมาทสายตาเหยี่ยวของผมเชียว ข้อความบนป้ายน่ะผมเห็นหมดแล้ว
ผู้กำกับลีตีหน้าเคร่ง เขากระแอมไออีกครั้ง ก่อนจะเอามือที่กุมกันไว้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ "คุณยังเห็นผมเป็นหัวหน้าอยู่มั้ย?"
"น..แน่สิครับ" ทำไมถามอย่างนั้นเนี่ย
"ผมบอกว่าเขาคือผู้หมวดปาร์คจากกังนัม เขาก็ต้องเป็นผู้หมวดปาร์คจากกังนัมสิ"
"อ่า..." อะไรกันล่ะเนี่ย
"เอาเป็นว่า เขาคือหนึ่งในทีมของคุณ สอนงานเขาด้วย เขาฝีมือดีนะ ช่วยทีมคุณได้มากแน่ๆ"
ผมพยายามยกยิ้ม แต่ก็แหยเต็มที (บอกอีกครั้งว่าผมเป็นพวกเก็บอารมณ์ทางสีหน้าไม่เป็น) "สรุปว่าเขาคือของขวัญของผม?"
"ใช่ บิ๊กเซอร์ไพร์สมั้ยล่ะ"
สุดๆไปเลยพระเจ้า!!!
"ผมปาร์คชานยอล อายุยี่สิบหก"
"รู้แล้วล่ะน่า!" ผมหันไปเหวี่ยงใส่คนข้างๆ ตอนนี้เราออกมาจากห้องทำงานของผู้กำกับเรียบร้อยแล้ว และก็กำลังจัดโต๊ะทำงานให้หมวดปาร์คอยู่ โต๊ะทำงานเขาชิดกับโต๊ะทำงานผมเลยเชียวล่ะ เหตุผลก็คือ เขาต้องการเรียนรู้งานจากหัวหน้าทีม ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้กองบยอน!
เฮ้อออ ผมอยากจะบ้าตาย
ผมไม่ยินดีนักหรอกนะ เพราะอะไรน่ะหรอ?
เขาเป็นถึงสารวัตรจากกรุงโซล ตำแหน่งสูงลิ่ว สูงกว่าผมอีก แถมยังมาจากโซล สถานีที่บรรดาตำรวจร้อยทั้งร้อยดิ้นรนกันจะไปทำงานที่นั่น!
แต่นี่อะไร เขากลับย้ายมาทำงานในหน่วยงานกวางจู แถมยังปกปิดตัวตนที่แท้จริงอีกด้วย
ผมว่าผู้กำกับกำลังเล่นแผนเขี่ยผมทิ้งอยู่แหงๆ สุดท้ายแล้วหัวหน้าทีมก็จะกลายเป็นปาร์คชานยอลไปโดยปริยาย เขาจะต้องเข้ามาแทรกแซงในทีม แล้วก็ตู้ม! เกิดเป็นโกโก้ครั้นช์ ผมถูกย้ายไปประจำการที่ตะเข็บชายแดนแน่เลย ให้ตายสิ!
ผมไม่ยอมให้เรื่องพรรคนั้นเกิดขึ้นหรอก ผมต้องกำจัดเขาออกไปก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะสายเกิน
"สวัสดีครับผู้หมวดปาร์ค ผมคิมจงแด จะเรียกว่าเฉินก็ได้ อยู่ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานครับ" เฉินเป็นคนแรกที่ทักทายสมาชิกใหม่ ผมเบ้หน้าตอนที่สมาชิกในทีมเดินเข้ามารุมล้อมพ่อหนุ่มปาร์ค
"ผมซิ่วหมินนะ แต่ทีนี้ก็เรียกกันว่าจ่าเปา คุณจะเรียกยังงั้นก็ได้ ผมไม่ถือหรอก" ซิ่วหมินยิ้มแก้มฉีก เขาดูจะดีอกดีใจเป็นพิเศษ นี่คิดว่าปาร์คชานยอลเป็นเทวดาหล่นมาจากฟ้าหรือยังไง
"ผมชื่อไค เรายศเดียวกัน ยินดีที่ได้รู้จัก" พอแนะนำเสร็จ ไคก็พยักเพยิดให้ผมแนะนำตัวบ้าง
ผมทำหน้าตึง เก๊กเสียงเข้ม "เขารู้จักฉันแล้ว ในห้องผู้กำกับ"
แต่แล้วชานยอลก็ทำให้ผมแทบจะคำราม
"ไม่ครับ ผมรู้แค่ว่าคุณสกุลบยอน รู้แค่นั้น"
ผมพยายามข่มความหมั่นไส้ลงไป ถึงตำแหน่งเขาจะสูงกว่า แต่ไหนๆเขาก็โกหกยอมลดตัวมาเป็นลูกทีมแล้ว ผมก็มีสิทธิจะวางกล้ามใส่เขา
"ถ้ารู้แค่นั้น ก็เชิญรู้แค่นั้นต่อไปก็แล้วกัน!"
เฉินสะดุ้งเล็กๆ ก่อนจะหันไปพูดคุยกับชานยอลด้วยรอยยิ้ม "หมวดอย่าไปถือสาเลยครับ ผู้กองของเราก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าไม่ได้พูดเสียงดัง ตอนกลางคืนผู้กองบยอนคงนอนไม่หลับ"
"เฉิน!"
"เย็นนี้ไปเลี้ยงต้อนรับหมวดปาร์คกันนะครับ ผมอยากสังสรรค์" ซิ่วหมินพูดอย่างมีหวัง แต่แน่นอนว่าผมดับความหวังเขาเละเทะเลย
"จะไม่มีการฉลองอะไรทั้งนั้น ฉันไม่อนุมัติ"
"โหยย ก็ถือซะว่าไปฉลองวันเกิดผู้กองด้วยก็ได้ นะๆ เราไม่ได้ฉลองกันมานานมากแล้ว"
คำพูดของเฉินแทงใจผมทะลุไปถึงลำไส้เล็ก ปกติเราจะฉลองเมื่องานสำเร็จ แต่นี่ก็ไม่ได้ฉลองมานานแล้ว ซักเดือนครึ่งได้มั้ง
"ฉันบอกไม่ฉลองก็คือไม่ แล้วก็เลิกสนใจเด็กใหม่ได้แล้ว ไปทำงาน!" ผมแหวลั่น ก่อนที่ทั้งสามจะทำหน้าเซ็งแล้วพากันแยกย้ายกลับโต๊ะทำงานไป
ผมเหลือบมองปาร์คชานยอลจากทางหางตา เขาจัดโต๊ะต่อ ยกนั่นยกนี่จนเหงื่อซึมหน้าผาก เขาดึงทิชชู่จากกล่องไปซับเหงื่อ ก่อนจะขยำและปามันลงมาบนโต๊ะทำงานของผม
"สุขสันต์วันเกิดครับผู้กอง :)"
อ..ไอ้...ไอ้..อ๊ากกก!!! ในสน.นี้มันมีใครเกรงใจผมบ้างวะ!
ผมเป็นถึงผู้กอง(น้องหมา)เชียวนะเว้ย!
"นี่คือคู่แข่งของเรา จำไว้ให้ดีล่ะ" หลังจากที่ผมสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ผมก็ปาแฟ้มสีดำลงบนโต๊ะของหมวดปาร์ค ผู้ซึ่งมอบทิชชู่ใช้แล้วให้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่ยี่สิบหกของผม
"คู่แข่ง?"
"ก็ไม่เชิง เอาเป็นว่า คนในแฟ้มเป็นคนที่นายไม่จำเป็นต้องทำดีด้วยมากก็ได้"
ปาร์คชานยอลทำหน้าฉงน จะบ้าตาย เขาคิดว่าตัวเองเป็นจุฬาคิ้วท์บอยรึไงนะ น่ารักตายล่ะ
"อย่ามาทำเป็นใส นายเองต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรสำหรับงานตำรวจ เราต้องทำผลงานตลอดเวลา ทีมของผู้กองอู๋แข่งกับเรา จบนะ" ผมบอกเสียงแข็ง ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ทำงาน
ไปรื้อแฟ้มเก่าๆมาตามคดีดีกว่า ขี้เกียจนั่งให้ไอ้คุณผู้หมวดมันซักถามอะไร
ชานยอลมองตามผู้กองบยอนด้วยรอยยิ้มขำ เกิดมาเขาเพิ่งเห็นตำรวจยศสูงที่เป็นแบบนี้ รูปลักษณ์ภายนอกถ้าบอกว่าเป็นเน็ตไอดอลหรือพนักงานออฟฟิศยังจะน่าเชื่อซะกว่า ตัวก็เล็กแค่นั้น เคยวิ่งจับผู้ร้ายรึเปล่าก็ไม่รู้? นิสัยนี่ยิ่งแล้วใหญ่ คนอะไร มองปราดเดียวก็ทะลุปรุโปร่ง โกรธก็หน้าแดง ไม่พอใจก็ชักสีหน้า พอใจก็ยิ้ม สงสัยก็เลิกคิ้วเอียงคอ
คนหรือหมา?
อย่างนี้จะไปเนียนสืบคดีได้หรอ ซื้อตำแหน่งมารึเปล่าวะ?
ร่างสูงส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา ก่อนที่เขาจะเลิกคิดถึงเรื่องผู้กองตัวเล็ก แล้วหันเหความสนใจมาที่แฟ้มในมือแทน
เขาเปิดหน้าแรกของแฟ้ม ในนั้นมีประวัติกับรูปถ่ายของสมาชิกทีมผู้กองอู๋ แต่ก็เป็นรูปที่ถูกขีดเขียนแต่งเติมซะจนไม่เหลือเค้าเดิม เดาว่าเป็นฝีมือผู้กองบยอนตัวแสบแหงๆ
ชานยอลไล่สายตาอ่านข้อมูลและรายละเอียดไปทีละตัวอักษร ดูเหมือนว่ามันจะเป็นประวัติที่ไม่เป็นทางการซักเท่าไหร่ ซึ่งก็คงถูกปั้นแต่งด้วยผู้กองแบคฮยอนอีกนั่นแหละ
ชื่อ : อู๋อี้ฟาน (คริส)
ตำแหน่ง : ร.ต.อ หัวหน้าทีมอู๋
เชื้อชาติ : จีน
สัญชาติ : จีน-แคนาดา
กรุ้ปเลือด : O
จุดเด่น : สูงหกฟุตสี่นิ้ว ฟันเงิง ผมสีทองมาตลอดสามปี(สงสัยจะย้อมกลบหงอก)
นิสัยจากที่สังเกต : ขี้เก๊ก ชอบเอาหน้า ฉวยโอกาส ปาดหน้าเค้กเก่งที่สุดในทางช้างเผือก
ความสามารถพิเศษ : พูดได้ 4 ภาษา,บาสเกตบอล,ถนัดการใช้อาวุธปืน
ศักยภาพ
ความรวดเร็ว : ★★★
ความฉลาด : ★★★★
ความแข็งแกร่ง : ★★★★
*ระดับความน่าไว้วางใจ : ★★
ชื่อ : ฮวางจื่อเทา
ตำแหน่ง : ร.ต.ท ฝ่ายสอบสวน
เชื้อชาติ : -
สัญชาติ : จีน
กรุ้ปเลือด : -
จุดเด่น : ว่องไวเป็นพิเศษ ไม่เคยพลาดในการเค้นข้อมูลผู้ต้องหา หมอนี่ทำให้คนร้ายยอมสารภาพได้ทุกนาย
นิสัยจากที่สังเกต : เราระบุอะไรไม่ได้ จื่อเทาเปลี่ยนอารมณ์ของเขาได้ทุกวัน เขาเหมือนคนที่มีหลายหน้ากาก
ความสามารถพิเศษ : การต่อสู้หลายแขนง,วูซู
ศักยภาพ
ความรวดเร็ว : ★★★★★
ความฉลาด : ระบุไม่ได้ ตัวตนของเขาบางทีก็โง่ บางทีก็ฉลาด
ความแข็งแกร่ง : ★★★★★
*ระดับความน่าไว้วางใจ : ติดลบ
ชื่อ : โด คยองซู
ตำแหน่ง : จ.ส.ต
สัญชาติ/เชื้อชาติ : เกาหลี
กรุ้ปเลือด : A
จุดเด่น : ดวงตาใหญ่โต,ริมฝีปากฮาร์ตเชป,รอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ข้อมือ
นิสัยจากที่สังเกต : หมอนี่ร้ายกาจไม่เหมือนหน้าตาซักนิด เสือผู้หญิงตัวพ่อ เป็นจอมวางแผน และปากแข็งที่สุด!
ความสามารถพิเศษ : ทักษะการพลิกแพลงสถานการณ์ดีเยี่ยม,มายากล
ศักยภาพ
ความรวดเร็ว : ★★★
ความฉลาด : ★★★★★
ความแข็งแกร่ง : ★★
*ระดับความน่าไว้วางใจ : ★
ชื่อ : จางอี้ชิง (เลย์)
ตำแหน่ง : จ.ส.ต
สัญชาติ/เชื้อชาติ : จีน
กรุ้ปเลือด : A
จุดเด่น : เขาเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายที่ทีมผู้กองอู๋จะงัดออกมาใช้เสมอ
นิสัยจากที่สังเกต : สุภาพ,ใจเย็น,อารมณ์ดี (จริงๆฉันว่าเขาน่าจะไปเป็นผู้ทรงศีลพร้อมกับจงแดทีมของเรา)
ความสามารถพิเศษ : เป็นรีโมตควบคุมทิศทางของกลุ่ม เลย์สั่งผู้กองอู๋ได้
ศักยภาพ
ความรวดเร็ว : ★★
ความฉลาด : ★★★
ความแข็งแกร่ง : ★★
*ระดับความน่าไว้วางใจ : ★★★
หมายเหตุ : อยากรู้อะไรจากทีมผู้กองอู๋ เราสามารถหลอกถามจากเลย์ได้เสมอ
ชานยอลปิดแฟ้มเมื่อตัวอักษรตัวสุดท้ายผ่านตาเขาไปแล้ว แต่จู่ๆเขาก็นึกครึ้มหยิบมันขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้พลิกเปิดจากทางด้านหลัง
'ความภาคภูมิใจของพวกเรา ทีมผู้กองบยอน'
ริมฝีปากกระตุกเป็นรอยยิ้มเล็กๆทันทีที่เห็นหัวข้อพร้อมประวัติของสมาชิกทีมผู้กองบยอน มันน่าตลกนะที่ภาพของทีมอื่นแต่งเติมซะเละ แต่ภาพของทีมตัวเองกลับหล่อเนี้ยบ แถมบรรยายประวัติก็เกินจริงเห็นๆ
ชื่อ : บยอน แบคฮยอน
ตำแหน่ง : ร.ต.อ หัวหน้าทีมบยอน
เชื้อชาติ/สัญชาติ : เกาหลี
กรุ้ปเลือด : O
จุดเด่น : สูงหกฟุตหกนิ้ว หุ่นดี ใบหน้าได้สัดส่วน ดูดีมากโดยเฉพาะด้านข้าง
นิสัยจากที่สังเกต : เป็นผู้นำที่ดี,มีความรับผิดชอบ
ความสามารถพิเศษ : ฮับคิโด้,ชำนาญการใช้อาวุธปืน
ศักยภาพ
ความรวดเร็ว : ★★★★★★★★★★
ความฉลาด : ★★★★★★★★★★★★★
ความแข็งแกร่ง : ★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
ชื่อ : คิม จงอิน (ไค)
ตำแหน่ง : ร.ต.ท
เชื้อชาติ/สัญชาติ : เกาหลี
กรุ้ปเลือด : A
จุดเด่น : ผิวสีแทน,คิ้วที่ยิ้มได้
นิสัยจากที่สังเกต : ปากหมา,กวนประสาท,พูดจากไม่รู้เรื่อง,ขี้เซา
ความสามารถพิเศษ : นอนได้ทุกที่,ชำนาญการปลอมแปลงเอกสาร
ศักยภาพ
ความรวดเร็ว : ★★★
ความฉลาด : ★★★★★
ความแข็งแกร่ง : ★★★★★
ชื่อ : คิม จงแด (เฉิน)
ตำแหน่ง : จ.ส.ต
เชื้อชาติ/สัญชาติ : เกาหลี
กรุ้ปเลือด : B
จุดเด่น : แว่นตาหนาสี่นิ้ว
นิสัยจากที่สังเกต : ขี้กลัว,ตื่นตระหนก,ขาดความมั่นใจอย่างแรง!
ความสามารถพิเศษ : พูดได้สองภาษา,ความเนี้ยบในการทำเอกสารระดับสิบ
ศักยภาพ
ความรวดเร็ว : ★★
ความฉลาด : ★★★★★
ความแข็งแกร่ง : ★
ชื่อ : คิม มินซอก (ซิ่วหมิน)
ตำแหน่ง : จ.ส.ต
เชื้อชาติ/สัญชาติ : เกาหลี
กรุ้ปเลือด : B
จุดเด่น : แก้ม,ทรงผมปาดเจล,รูปร่างผอม
นิสัยจากที่สังเกต : พูดจาไร้สาระ,นอนละเมอ
ความสามารถพิเศษ : ความสามารถเดียวกับแดจังกึม สามารถระบุอาหารและส่วนประกอบได้แม้ได้ยินแค่กลิ่น
ศักยภาพ
ความรวดเร็ว : ★★★★
ความฉลาด : ★★★★
ความแข็งแกร่ง : ★★★★★
แฟ้มถูกปิดอีกครั้ง หมวดปาร์คสารภาพเลยว่าเขาเห็นจุดอ่อนของทีมผู้กองบยอนเต็มไปหมด เพราะเป็นแบบนี้สินะถึงเอาชนะอีกทีมไม่ได้ซักที
มันก็น่าอยู่หรอก โปรไฟล์มันต่างกันเยอะ ขนาดเขียนอวยทีมตัวเองแล้วนะเนี่ย
เฮ้ออ หนทางสู่ชัยชนะมันยังอีกยาวไกล!
-จบ INTRO-
Talk
นมของโรงเรียนคือนมชั้นดี
เมื่อคุณดื่มนม คุณจะรับรู้ได้ถึงรสชาติที่เลอค่า
ในหน้าหนาว นมเปรียบเสมือนน้ำมันอโรมา
นมมีแคลเซียม
ดื่มนมสองครั้ง ดีกว่าดื่มนมครั้งเดียว
นมที่มีไขมัน 8 กรัม.
See’me
#แผนสอง
ความคิดเห็น