the biografeels ชีวความรู้สึก
หนังสือเล่มนี้ผมทำขึ้นเพื่อแสดงความรู้สึกต่อหนังสือเล่มนี้และต่อผู้คนที่จะเข้ามาอ่านมันเป็นความรู้สึกของผมม้วนๆแต่หนึ่งในนั้นเป็นความรู้สึกที่ทุกคนอาจจะรู้สึกได้ว่าคุณรู้สึกแบบนี้แล้วคุณอยากจะขยายความ
ผู้เข้าชมรวม
49
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
THE BIOFEELS ME
1 • การ Respect in
relationship คือสิ่งสำคัญ การเคารพกันกันการไม่ล้ำเส้นให้เกียรติกัน
คือสิ่งที่ต้องทำหากจะอยู่ร่วมกัน
มันไม่สำคัญว่าเขาจะโตหรือเด็กกว่าถ้าเราพิจารณาถึงความเป็นคน คนนั้นล้วนเท่ากัน
ดังนั้นเมื่อรู้แล้วว่าคนนั้นเท่ากัน การให้เกียรติเคารพกัน
ไม่ว่าจะอายุเท่าใดน้อยหรือมากมันควรเกิดขึ้นกับคนเราในฐานะคนด้วยกันที่เท่าเทียม
2. • เวลามันไม่เคยหลอกใคร
เข็มมันก็วนตรงของมันอยู่นั่น
ตามกาลเวลาธรรมชาติของมันแล้ว มันไม่เคยผ่อนปรนให้ใครเลย มันซื่อตรงตลอดมา
มันไม่เคยไว้หน้าใคร บางความเด็ดขาดของคนเราก็ควรจะมีเช่นเดียวกันดังเช่นนาฬิกาที่ซื่อตรงไม่เอนเอียงให้ใครฉันใด
ตัวเราเองก็ควรจะเป็นเช่นนั้น
แม้ว่าจะถูกใจใครบ้างไม่ถูกบ้างแต่ถ้าเลือกจะมีไอดอลเป็นนาฬิกาก็ต้องยอมเสียบ้างเพื่อทำตามอุดมการณ์ที่เรานั้นได้ตั้งไว้ตรงดังเข็มนาฬิกาไม่เอนเอียงและซื่อตรงและแน่นอนผู้คนอาจปวดหัวกับการตรงของนาฬิกาที่จะทำให้
คนประสาทเสียบ่อยๆเวลาทำอะไรล่าช้าไป
ดังนั้นแล้วมันไม่ง่ายที่เป็นดั่งนาฬิกาที่ตรงเปะ แต่สิ่งที่คุณจะได้จากการเป็นนาฬิกาคือความมีระเบียบและไม่เอนเอียงกับทุกสิ่งและตรงเวลาเสมอ
3. • ไม่ต้อง perfect อะไรให้ใครเห็น เเค่เป็นตัวของตัวเอง
ถ้าการตัองเพอร์เฟ็คในสายตาใคร
และเราฟังแล้วไปทำตามที่เขาต้องการ คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงตนเองไม่รู้จบ
ไม่รู้สิ้น เพราะคุณลองคิดดูซิว่าคุณอยู่ในสังคม คุณไม่ได้เจอเขาคนเดียว
คุณจะต้องเจอคนอีกมากหากจุดยืนเช่นความเป็นตัวเองไม่มี คุณก็จะต้องเพอร์เฟ็คความคนอื่นบอกเรื่อยไปเพราะฉะนั้นคุณควรมีความเป็นตัวเองและเกาะจุดยืนตัวตนคุณให้แน่น
4 • การเเก้ปัญหา
ถ้าจะคุยด้วยเหตุผลจะคุย
เเต่ถ้าจะเอาอายุมาข่มเพื่อคุย
อันนี้ไม่คุย.
เข้าใจบางคนอาจบอกว่าอายุชี้วัดประสบการณ์ ใช่มันชี้วัด แต่การสื่อสารช่องว่างระหว่างวัย
คุณควรแยกและใช้เหตุผลคุยไม่ใช่เอาอายุมาปิดปากคนอื่น โดยที่ไม่คำนึงถึงว่าอายุแม้เขาจะน้อยกว่า
หรือเช่นเด็กทะเลาะกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่มักจะห้ามปรามเด็กพูดความจริง และห้ามต่างๆใช้อิทธิพลข่มต่างๆนา
บอกว่าฉันโตกว่าเงียบปากไป หรือไม่ก็ใช้กำลังประทุษร้ายเขา
ทั้งที่ความจิงแล้วทุกคนมีสิทธิ์โต้เถียง และไม่ควรโดนคำว่าอายุมากดทับหรือวัยมาข่มเหงในการโต้เถียงของแต่ละบุคคล
ทุกคนเท่าเทียม หากจะเข้าสู่การโต้เถียงอย่าไปห้ามใครแม้เขาจะเด็กกว่าคุณ
5. • อะไรที่ไม่บอกก็อย่ารู้เลย ถ้าถามเเล้วไม่ตอบ ไม่ต้องถามอีก เพราะถามอีกก็ไม่ตอบอยู่ดี
ปล่อยงงในดงสมองต่อไป
จริงๆนะสำหรับเราเราคิดว่าในตัวตนของเราเนี่ย ถ้าเกิดเราไม่บอกอะไรไปหรือเราไม่พูดอะไรไปหรือถามมาเราไม่สะดวกที่จะตอบ
ผมคิดว่าในกรณีของบุคคลหลายๆคนเนี่ยก็ควรจะเอาข้อคิดนี้ไปทำตามว่าสำหรับคนที่ตั้งคำถามแก่บุคคลนั้นๆว่าอย่างไรก็ตาม
แต่และเขาไม่ได้ตอบนั้น ผมคิดว่าพวกคุณต้องพิจารณาแล้วว่าเมื่อเขาไม่ตอบแล้วเขาไม่เต็มใจตอบก็คงไม่ต้องไปถามซ้ำแล้วว่าทำไมเขาถึงไม่ตอบ
ก็คงไม่ต้องไปถามคำถามเดิมกับเขาแล้วว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
สำหรับผมแล้วผมจะบอกว่าอะไรที่ไม่ได้บอกก็อยากรู้เลยถ้าถามแล้วไม่ตอบก็ไม่ต้องถามอีก
ถ้าถามอีกก็ไม่ตอบอยู่ดี สิ่งนี้เนี่ยผมไม่ได้จะตั้งใจกวนหรืออะไรแต่มันเป็นความต้องการที่ให้เกิดความจริง
หรือว่าเวลาคุณถามอะไรใครแล้วเขาไม่ตอบเลย เขาไม่เต็มใจก็ไม่ต้องถามซ้ำอีก
เพราะคุณไม่สามารถที่จะได้คำตอบที่จริงใจจากคนที่เขาไม่เต็มใจที่จะตอบได้
6. • เคารพคนที่ความ
คิดไม่ใช่อายุ
สิ่งนี้ผมอยากจะบอกทุกคนว่าการที่เราจะเคสรพใครสักคนอย่าคิดว่าอายุเป็นเหตุแห่งการเคารพอย่างเดียว
ผมคิดว่าความคิดก็เป็นสิ่งที่ควรเคารพสำหรับผมแล้วต่อให้ใครที่อายุน้อยกว่าผมไม่ว่าจะ
1 ขวบหรืออะไรต่างๆมากมาย ผมคิดว่าถ้าอายุเยอะๆ
อายุน้อยแต่ไม่มีความคิดการเคารพมันจะเป็นศูนย์สำหรับผมคิดว่าการที่เราจะเคารพใครสักคนแค่อายุไม่น่าจะเพียงพอแต่ต้องเคารพเขาที่ทัศนคติและความคิดของเขานั้นมีหรือเปล่าต้องคิด
ส่วนหลักคิดนี้คือผมจะแชร์ออกไปเป็นประโยชน์กับทุกคน
ได้รู้ว่าการที่ทุกคนคิดที่จะเคารพใครคงเลือกแค่อายุคงไม่ได้
เพราะบางคนอายุมาก แต่ความคิดไม่ได้มีอายุน้อยแต่ความคิดก้าวหน้าถ้าเรายังมองถึงระยะอายุคนและอยู่ในโลกสมัยใหม่
คุณควรที่จะมองว่าไม่ว่าเขาอายุเท่าไหร่เขามีความคิดนั้นเขาย่อมต้องได้รับการเคารพและควรที่จะเคารพเขาไม่ใช่เพียงเพราะเขามีอายุมากหรือน้อยแต่ถ้าเขามีความคิดเขาก็ได้รับการเคารพ
และเราก็ควรจะเลือกเคารพด้วยว่าจะคบคนแบบไหน
7. • เวลาเจอคนดีๆก็พยายามรักษาไว้ เเต่ก็ไม่ได้ทำได้ 100% เเต่ก็พยายาม
เวลาเจอคนดีๆก็พยายามรักษาไว้แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับผมแล้วผมคิดว่าในเรื่องนี้สำหรับตัวผมจะมองทัศนะผ่านตัวผมออกไปก็คือว่าผมจะแชร์ทัศนะของผมออกไปว่าเวลาที่ผมจะรักษาใครที่ดีๆสักคนหรือซักหลายๆคนหรือทุกคนที่เจอมา
มันทำได้ยากแต่สิ่งที่ผมควรจะทำและทุกคนควรจะทำก็คือว่าการรักษาคนที่ดีๆไว้ในชีวิตถึงแม้คุณจะทำได้ไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่ขอให้ตั้งใจทำและตั้งใจที่จะรักษาเขาไว้ผมคิดว่าคนที่ดีควรได้รับการรักษาอย่างดีส่วนคนที่ไม่ดีก็ขอให้ปล่อยเขาไปและไม่ต้องไปแยแสอะไร
ผมคิดว่าการรักษาผู้คนที่ดีๆในชีวิตให้คงอยู่ไว้มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับชีวิตผมและอาจจะเป็นสิ่งที่ดีก็ได้สำหรับชีวิตคนอื่น
ถ้าทุกคนคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับผมแล้วการรักษาคนดีๆไว้ผมต้องพยายามอย่างมาก
ต้องพยายามไม่ให้เขารู้สึกหม่นหมองใจต้องพยายามให้เขานั้นยินดีที่จะอยู่ในพื้นที่ของเรายินดีที่จะอยู่ในชีวิตของเราไม่ใช่พลักไสเขาให้ออกไปหรือย่างไร ผมเป็นคนที่ตั้งใจที่จะรักษาคนดีๆไว้ ถึงแม้ในบางครั้งอาจจะทำไม่ได้หรือทำไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์
7. • Move on
: การมูฟออนไวๆมันดีอยู่เเล้ว
จะได้มีเวลามาพักฟื้นใจได้มากขึ้น ถึงเเม้บางคนจะยากก็ตามที่จะ Move on ได้ไว.
การ Move
on ไวๆเป็นสิ่งที่ดีมากเป็นสิ่งที่เราควรที่จะทำให้มันได้ถึงแม้มันจะยากก็ตาม
สำหรับผมแล้วผมเป็นคนอ่อนไหวมากกับสิ่งต่างๆมากมายรู้สึกว่าผมไม่อยากจมปักตรงนั้น ถึงแม้เรื่องราวตรงนั้นจะเลวร้ายมากเท่าใด
ผมไม่คิดว่าผมจะไปทำสิ่งที่บั่นทอนชีวิตตัวเอง แม้คนอะไรจะแย้งว่าก็มันเป็นเรื่องที่เราทำใจไม่ได้
ผมอยากให้มันเกิดขึ้นได้ไว ผมต้องการให้มันเป็นสิ่งที่เรียกว่า Speed Action คือความไวในการออกจากตรงนั้นออกให้ไวเพิ่มแล้ว
มันไม่มีใครทำง่ายๆครับ กว่าผมจะมูฟ ออนได้ ผมก็ต้องผ่านอะไรมาเยอะแยะผ่านจนชิน จนรู้ว่ามันยากนะแต่ผมก็ลองมาคิดวิวัฒนาการหรือบูรณาการความคิดใหม่ว่าจะทำไงให้เราหลุดพ้นจากตรงนี้ไปได้ไวๆ
ผมก็พบคำตอบว่าการมูฟออนไวนั้นเป็นสิ่งที่ตรงคอนเซ็ปตรงคำตอบสำหรับผม
8 • การได้อยู่คนเดียวเงียบๆคือการชาร์จพลัง
เวลาไปข้างนอกพบผู้คนเยอะจะเสียพลังมากเเละกลับบ้านคือหลับ
การที่ผมได้อยู่กับคนเดียวเนี่ย
มันถือเป็นการชาร์จพลังสำหรับผม มันถือเป็นการได้เติมพลังสำหรับผมการที่ผมได้ทำอะไรสักอย่างได้นั่งเขียนอะไรสักอย่างการค้นหาผ่าน
Google หาอะไรสักอย่างการที่ผมนั้นได้นั่งอ่านหนังสือ นั่งเล่นเกมหรือนั่งฟังเพลงต่างๆมากมายมันทำให้ผมรู้สึกว่าสิ่งพวกนี้ในผมควรจะทำในจุดที่เรียกว่าเซฟโซนหรือไพรเวทโซน
คือจุดนี้เนี่ยผมคิดว่าผมเนี่ยทำได้ดีมากแล้วผมรู้สึกว่าเวลาผมอยู่คนเดียวผมรู้สึกผมได้ชาร์จพลัง
พอเวลาผมได้ไปพบเจอผู้คนมากมายผมรู้สึกว่าผมเสียพลังงานไปมาก
ผมรู้สึกว่าผมเหนื่อยผมรู้สึกว่าผมเนี่ยไม่เหมาะที่จะเข้าสังคมจะถามว่าเข้าได้ไหมเมื่อตอนจำเป็น
ผมปรับตัวให้ผมเข้าได้
ไม่มีปัญหาใดๆแต่อารมณ์และความรู้สึกผมจะฝืน
ตอนอยู่คนเดียวซะหน่อยสักนิดนึงผมรู้สึกว่าผมเนี่ยเวลาอยู่คนเดียวได้ชาร์จพลังแล้วเพื่อนๆล่ะเป็นแบบผมหรือเปล่า
เวลาอยู่คนเดียวได้ชาร์จพลังแล้วเพื่อนๆล่ะเป็นแบบผมหรือเปล่า
9. • ก็ไม่รู้ที่เขียนไปทุกคนได้อะไรบ้าง
เเต่เราผู้เขียนนั้นได้เขียน
ได้ระบายออกจากหัว ซึ่งสบายใจมากๆ
การที่ผมได้มาเขียนหนังสือเล่มนี้
ที่ชื่อว่า
biofeels คือเป็น ความรู้สึกของผม ผมได้เขียนเรื่องราวของผมผ่านหนังสือและระบายจากสมองมันไม่ใช่เป็นเรื่องราวที่ธรรมดาธรรมดาแต่มันเป็นเรื่องเล่าที่ผมอยากจะเล่าออกไปผ่านหนังสือได้
อยากให้ทุกคนได้อ่านว่าความรู้สึกของคนคนนึงที่มีต่อชีวิตของเรา หรือมีต่อสภาพแวดล้อมต่างๆมันเป็นอย่างไร
สิ่งที่ผมอยากจะสื่อมันออกไปผ่านตัวหนังสือที่เรียกว่าการทำหนังสือนี้
ผมต้องการที่จะสื่อออกไปเล่าเรื่องในแบบของผมที่ทุกคนก็ฟังกันได้ทุกคน
ไม่ว่าจะเด็กหรือโตเพราะว่าเนื้อหามันเป็น basic basic ที่ทุกคนฟังได้ทุกเพศทุกวัย ผมต้องการที่จะเขียนให้ทุกคนได้รู้ว่าหากทุกคนถามว่าก็ไม่รู้ว่าทุกคนได้อะไรบ้าง
แต่สำหรับผมนั้นในนามผู้เขียนก็อยากให้ทุกคนได้รับรู้เรื่องราวที่ผมได้สื่อไปแต่ระบายออกจากหัวไปให้ทุกคนได้รับรู้ความสบายใจของผมที่ได้ทำออกไปเลยตรงนี้
10 • ในชีวิตมีหลายสิ่งที่ประทับใจเยอะมาก
เเละไม่ก็มาก เฟดตัวออกมาก็มากอยู่ในจุดที่โอเคเเละจะสบายใจเอง
ชีวิตผมมันไม่ใช่ทางคอนกรีตที่เรียบเนียนและเราเดินไปอย่างสบายเท้าเสมอไป
ชีวิตผมมีทั้งทางเดินที่เป็นคอนกรีต ทางเดินที่ขรุขระ ทางเดินที่เป็นโคลนในชีวิตของผม
แม้ผมจะเกิดได้ไม่นานแต่ก็พอจะอนุมานได้ว่าผมพบอะไรมาบ้าง ผมเจออะไรมาบ้าง ประการแรกที่
1 ผมพบสิ่งที่ยากลำบากในชีวิต ประการที่ 2 ผมพบในสิ่งที่ปานกลางในชีวิต และประการที่
3 ผมพบในสิ่งที่ง่ายในชีวิต ผมยังไม่ลงดีเทลมากมาย แต่ผมจะบอกทุกคนว่าถ้าทุกคนพยายามเฟดตัวออกมาจากจุดที่แย่ไปอยู่ในจุดที่โอเค
ทุกคนจะมีความสุขที่สมบูรณ์สำหรับผมแล้วสิ่งที่ประทับใจของผมมีมากอย่างนี้ ผมไม่ประทับใจก็มากแต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ดีที่สุดคือการเฟดตัวออกมา
คือการเอาตัวเองออกมาจากจุดตรงนี้แล้วไปอยู่ในจุดที่มีความสุขที่สุด
สำหรับผมแล้วไม่มีอะไรจะแนะนำทุกคนมากไปกว่าที่เรียกว่าการแสวงหาจุดที่ดีที่สุข
จุดที่ตัวเองมีความสุขและอยู่ตรงนั้นอย่าฝืนทนกับสิ่งที่ตัวเองนั้นไม่ได้มีความสุขหรือไม่เป็นตัวของตัวเอง
• การเปลี่ยนเเปลงเมื่อเปลี่ยนเเล้วใช่จะจบ
เราจะต้องดูเเลรักษาใจไปอีกดูเเลความรู้สึกเราไม่ให้ความหลังกลับมาทำให้ใจหม่นหมองอีก
การเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงในชีวิตนั้นเมื่อเปลี่ยนแปลงแล้วใช่ว่าจะจบ เราจะต้องดูแลรักษาใจกันอีกรักษาหัวใจเราไปอีกรักษาร่างกายรักษาความรู้สึกเราไปอีกนานเปลี่ยนแปลงแล้วก็เปลี่ยนแปลงแล้วใช่ว่าทุกคนจะ
Move on ได้ไวเสมอไปเพราะไม่ชาว่าทุกคนจะกลับมามีความสุขได้เสมอไป การเปลี่ยนแปลงแล้วมาเปลี่ยนแล้ว
เราจะต้องปรับตัวแล้วพร้อมที่จะรับสิ่งใหม่ๆอีกทำการปรับปรุงหัวใจ ปรับปรุงสิ่งต่างๆมากมายในชีวิตเราอีก
การเปลี่ยนแปลงเมื่อเปลี่ยนแปลงแล้วเราต้องคิดให้ดีเราต้องดูแลรักษาหัวใจเราให้มาก
เราต้องรักษาใจเราไม่ให้สิ่งเก่าๆมาทำให้ใจหมองอีกไม่ทำให้สิ่งในอดีตมาทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องกลับมาเสียใจ
ผลงานอื่นๆ ของ 300percents ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ 300percents
ความคิดเห็น