คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ๒๐.หนีจากเรื่องวุ่นวาย 115%
วังหลังเกิดความวุ่นวายขึ้นทันทีเมื่อโจวหวงกุ้ยเฟยได้ตั้งครรภ์
ข่าวลือค่อยๆกระจายไปเรื่อยๆตามลมปากคนหลายๆคนจนในที่สุดก็มาถึงหูของแบมแบมแน่นอนว่าแบมแบมเลือกที่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น
เพราะแต่เดิมภาพลักษณ์ของเธอก็ฮองเฮาผู้เฉยเมย
หากไม่มีเรื่องใหญ่จริงๆก็ไม่ยุ่งหรือมาเดินวุ่นวายเลยแม้แต่น้อย
ในตอนนี้แบมแบมเลือกที่จะเป็นห่วงเรื่องของแม่ของเธอในร่างนี้ที่กำลังป่วยอยู่แทนและเป็นห่วงเสี่ยวไจ้ที่ออกเดินทางไปกับชินอ๋องซือชุน
จนในที่สุดเหมือนว่าเหล่านางกำนัลของเธอจะเริ่มทันไม่ไหวกับความเย็นชาและไม่สนโลกของเธอแล้ว
เสี่ยวเหมยที่โดนเหล่าเพื่อนนางกำนัลดันตัวออกมานั้นก็ทำท่าเลิกลักเล็กน้อยก่อนจะพยายามอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรอยู่นานจนแบมแบมพูดขึ้นแทน
“เสี่ยวเหมยเป็นอะไรของเจ้านะ
ทำท่าทำทางเหมือนปลากขาดน้ำไม่มีผิด”
แบมแบมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสบายๆโดยที่ยังคงทอดสายตามองไปที่สวนดอกไม้อย่างใจเย็น
“หวงโฮ่วเหนียงเหนียงเพคะ
ทรงทราบเรื่องโจวหวงกุ้ยเฟยหรือยังเพคะ?”
เสี่ยวเหมยเอ่ยถามเสียงสั่นโดยที่มือของนางนั้นกำไปมาอย่างเลิกลัก
“หือ? นางเป็นอะไรอีกเล่า?” แบมแบมแสร้งถอนหายใจดังขึ้นอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
ในใจกำลังคิดเรื่องที่โจวหวงกุ้ยเฟยชอบไปมีเรื่องกับสนมคนอื่น…เธอเองก็เหนื่อยนะที่ต้องตามล้างตามเช็ดเรื่องต่างๆของภรรยาคนโปรดของสามี
“นางตั้งครรภ์เพคะ”
เสี่ยวเหมยพูดเสียงดังพร้อมรีบก้มหน้าลงทันที
“โอ้!! ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก
อย่าลืมเตือนเปิ่นกงให้ส่งยาบำรุงให้นางนะ” แบมแบมแสร้งยิ้มพร้อมยกจอกชาขึ้นจิบ
ทั้งๆที่ในเจ็บแทบเป็นแทบตาย
“หวงโฮ่วเหนียงเหนียง!!!” เหล่านางกำนัลและขันทีต่างพากันร้องโอดครวญไปตามๆกันอย่างน่าสงสาร
ฝ่ายฮ่องเต้หนุ่มที่ได้ยินเรื่องที่โจวจือหยวีตั้งครรภ์ก็แทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่
ทำให้ต้วนอี้ฟานได้แต่มองเหนื่อยๆแล้วถอนหายใจอย่างเพลียใจกับน้องชาย
แม้ว่าหมอหลวงจะไปตรวจแล้วมาบอกกับฮ่องเต้หนุ่มว่าโจวจือหยวีตั้งครรภ์จริงๆแต่ฮ่องเต้หนุ่มก็ยังไม่หยุดที่จะส่งหมอหลวงไปตรวจนางใหม่อีกรอบและรอบนี้เขาเรียกหลินไจ้ฟ่านหมอหลวงประจำตัวของกันเตียวให้ไปตรวจอาการของโจวจือหยวี
“โจวหวงกุ้ยเฟยทรงตั้งครรภ์จริงๆพ่ะย่ะค่ะ”
หลินไจ้ฟ่านก้มหน้าตอบ
ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยว่าเหตุใดฮ่องเต้จะต้องส่งหมอหลวงจำนวนมากไปตรวจนางขนานนั้น
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอถามสักข้อได้หรือไม่?”
“หือ…ได้สิ ถ้าเจิ้นตอบได้เจิ้นจะตอบ”
ฮ่องเต้หนุ่มไม่แม้แต่จะปลายตามองหลินไจ้ฟ่านเลยแม้แต่น้อย
เขาส่งฎีกาให้พี่ชายตรวจความเรียบร้อยอีกรอบก่อนจะประทับตราลงไป
“ฝ่าบาททรงไม่มั่นพระทัยหรือพ่ะย่ะค่ะ ในเรื่องที่โจวหวงกุ้ยเฟยทรงตั้งครรภ์”
คำถามของหลินไจ้ฟ่านทำให้ฮ่องเต้หนุ่มว่าฎีกาในมือลงก่อนจะยกยิ้มบางๆ
“แค่ไม่อยากดีใจเก้อก็เท่านั้น แต่ก็น่าแปลกนะ”
ฮ่องเต้หนุ่มพูดยิ้มๆอย่างอารมณ์ดี
“ทั้งๆที่สั่งว่าไม่ว่าใครก็ห้ามตั้งครรภ์เด็ดขาด…เรื่องนี้เจ้ากับพวกหมอหลวงคนอื่นๆก็น่าจะรู้ดีแท้ๆ
แต่เหตุใดนางถึงได้ตั้งครรภ์ได้กันนะ”
หลินไจ้ฟ่านคิดตามก่อนจะเงยหน้าตอบ
“หากไม่เพราะว่าเป็นเด็กที่มีบุญมากก็คงเป็นเพราะมีหมอหลวงขัดราชโองการของฝ่าบาท”
“แบบไหนกันน่า~”
น้ำเสียงที่ฟังดูหยอกเย้าของฮ่องเต้หนุ่มช่างขัดกับแววตาที่เหมือนสัตว์ป่าดุร้ายหิวกระหายนั้นเหลือเกิน
“เสียเวลาเจ้ามากแล้ว มีงานอะไรก็ไปทำเถอะไป”
“กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่หลินไจ้ฟ่านก้าวออกจากห้องทรงงานของฮ่องเต้
ต้วนอี้ฟานก็มองน้องชายร่วมมารดาด้วยสายตาไม่พอใจ
แม้ในใจเขาเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะเล่นตามเกมของตระกูลโจวมากน้อยแค่ไหนแต่ก็ไม่คิดว่าน้องชายของเขาจะพูดไปแบบนั้น
ต้วนอี้เอินนั้นเป็นพวกไม่ค่อยจะโกรธหรือเกลียดใครจริงจังแต่ถ้าหากได้ลองโกรธหรือเกลียดแล้วละก็รับประกันได้เลยว่าอีกฝ่ายอยู่ไม่เป็นสุขแน่นอน
“เจ้าดูเศร้าหมองนะเจียเอ๋อร์เป็นอะไรไปรึเปล่า?”
ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยถามพร้อมปลายตาไปมองเล็กน้อยก่อนจะหันมาสนใจกองงานตรงหน้าแทน
“กระหม่อมมิเป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
หวังเจียเอ๋อร์ตอบเสียงเศร้าเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “กระหม่อมว่าจะรายงานฝ่าบาทเรื่องการฝึกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่ามาสิ เจิ้นฟังอยู่” ฮ่องเต้หนุ่มยิ้มบางพร้อมส่ายหน้าให้กับความปากแข็งของแม่ทัพหนุ่มก็ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา
ให้ตายสิ!
บางครั้งเจียเอ๋อร์ก็คล้ายเขามากเกินไป
ฮ่องเต้หนุ่มนั่งฟังรายงานเรื่องจากฝึกจากหวังเจียเอ๋อร์ไปเลื่อยๆโดยไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่น้อยหรือเอ่ยถามอะไรเลยแม้แต่น้อย
ทันทีที่ฟังรายงานจบฮ่องเต้หนุ่มก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมมองพี่ชายร่วมมารดาอย่างเหนื่อยอ่อนเป็นการสงสัญญาณว่าให้อีกฝ่ายว่าราชการแทนตน
แต่ชินอ๋องต้วนอี้ฟานนั้นนั่งเงียบพร้อมเมินสายตาของอีกฝ่ายทันที
“เจียเอ๋อร์อย่าได้เป็นกังวลแทนฮองเฮาไปเลยนะ”
ฮ่องเต้หนุ่มพูดขึ้นพร้อมอ่านฎีกาในมือจนจบก่อนจะพูดต่อ “นางเป็นคนที่นั้นและเจิ้นเชื่อว่าคงไม่มีใครทำอะไรนางหรอก”
“ฝ่าบาท…”
แม่ทัพหนุ่มหน้าแดงขึ้นมาในทันทีพร้อมทำท่าเลิกลักจะหาข้อแก้ต่างให้ตัวเอง
“หน้าแดงใหญ่แล้วนะแม่ทัพหนุ่ม”
ต้วนอี้ฟานเงยหน้าจากฎีกาในมือมาพร้อมเอ่ยแซวอีกฝ่ายก่อนจะก้มหน้าอ่านฎีกาในมืออีกรอบ
“แล้วก็ไม่ต้องรอบบุกไปตำหนักฮองเฮาเพื่อไปพบนางด้วย”
ฮ่องเต้หนุ่มพูดขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก
“กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“พี่ใหญ่หากท่านจะกรุณาจัดการฎีกาพวกนี้แทนข้าสักครู่ละก็…มันก็จะดีมากเลย”
รูปประโยคอาจจะฟังดูเหมือนกำลังขอร้องแต่แววตาของฮ่องเต้หนุ่มนั้นไม่ได้มีแววตาของการขอร้องเลยแม้แต่น้อย
“ปฏิเสธได้ด้วยหรือ”
“แน่นอนว่าย่อมไม่ได้อยู่แล้ว คงถึงเวลาที่ต้องไปเยี่ยมโจวจือหยวีเสียหน่อยแล้ว…อ่อ
ต้องไปเยี่ยมนางกับลูกของนาง”
น้ำเสียงเยือกเย็นจนน่ากลัวของฮ่องเต้หนุ่มทำให้ชายอีกสองคนในห้องพากันรู้สึกเสียวสันหลังไปตามๆกัน
ทันทีที่ฮ่องเต้หนุ่มเดินออกไปแล้วแม่ทัพหวังก็พูดขึ้น
“ฝ่าบาททรงน่ากลัวยิ่งนัก”
“เสด็จพ่อเคยกล่าวกับเปิ่นหวางเสมอว่าอี้เอินเป็นพวกร้ายเงียบ
แต่เปิ่นหวางไม่คาดคิดว่าจะร้ายเงียบแล้วยังร้ายลึกอีกด้วย”
แบมแบมที่เดินทางมามอบของบำรุงครรภ์ให้โจวจือหยวีด้วยตัวเองนั้นสร้างความแปลกใจให้เหล่าสนมคนอื่นๆที่มาก่อนเป็นอย่างมาก
แม้ในใจของเธอจะน้อยใจที่นางกำลังตั้งครรภ์ทั้งๆที่เธอพึ่งแท้งลูกชายคนแรกไปได้ไม่นาน
แต่แบมแบมก็ต้องกัดปากแล้วฝืนยิ้มหวานทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก็ยิ้มหวานพร้อมกล่าวถ้อยคำอวยพรให้โจวจือหยวี
ทันทีที่แบมแบมกำลังจะเดินกลับตำหนักนั้นก็ได้พบกับสามีที่ไม่ได้พบกันมาช่วงหนึ่ง
“ถวายบังคมฝ่าบาท” ทุกคนต่างพากันย่อตัวทำความเคารพฮ่องเต้หนุ่มอย่างพร้อมเพียง
“ไม่ต้องมากพิธี”
ฮ่องเต้หนุ่มกล่าวก่อนจะเดินตรงไปที่โจวจือหยวีแล้วประคองนางพร้อมพูดกับนางด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“หยวีเอ๋อร์ลุกขึ้นเถอะ
เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นะจะให้มาทำแบบนี้เดี๋ยวลูกในครรภ์ของเจ้าจะไม่สบายตัวเอา”
โจวจือหยวีหน้าแดงเล็กน้อยพร้อมพูดเสียงหวาน “หม่อมฉันพึ่งตั้งครรภ์ได้ไม่นานเองนะเพคะ
หากฝ่าบาททรงดูแลหม่อมฉันมากเกินไปลูกของเราอาจจะเกิดมาไม่แข็งแรงนะเพคะ”
แบมแบมแสร้งยกขึ้นมาปิดหน้าเหมือนกำลังเขินอายแทนโจวจือหยวีแต่นความจริงแล้วเธอกำลังเบ้หน้าอยู่ต่างหาก
เหล่าสนมคนอื่นๆที่เห็นก็ลอบทำตามบ้าง ใช่ว่าพวกนางจะชอบโจวจือหยวีเสียที่ไหนเล่า…ที่เอาของมาให้บำรุงครรภ์นั้นก็แค่ทำตามมารยาทก็เท่านั้นเอง
“ไม่หรอก ลูกของเจ้าจะต้องเข้มแข็งแน่นอน”
คำพูดของฮ่องเต้หนุ่มทำให้โจวจือหยวีขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดจึงไม่กล่าวลูกของเราแต่กลับกล่าวว่าลูกของนางเล่า
“ฝ่าบาทอยากได้ลูกคนแรกของเราเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงเพคะ?”
โจวจือหยวีเอ่ยถามเสียงหวานพร้อมฉีกยิ้มหวาน
“ลูกคนแรกของเจ้าจะเป็นชายหรือหญิงก็ได้ทั้งนั้น
ขอแค่เกิดมาสมบรูณ์แข็งแรงก็พอแล้ว” และเป็นอีกครั้งที่ฮ่องเต้หนุ่มเรียกว่าลูกของนาง
แม้จะมาเยี่ยมนางแต่เขาไม่แตะหรือสัมผัสท้องนางเลยแม้แต่น้อย…มีเพียงแววตาที่ดูดีใจแต่ทำนางถึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ดีใจด้วยเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าควรพักผ่อนได้แล้วนะหยวีเอ๋อร์เดี๋ยวเด็กจะไม่แข็งแรงเอาได้
ส่วนพวกเจ้าเองก็กลับตำหนักของตัวเองไปได้แล้ว”
“เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันทูลลา”
“หวังว่าการที่นางท้องแล้วนางจะเลิกทำตัววุ่นวายจนน่ารำคาญเสียทีนะ”
แบมแบมที่อยู่ในห้องพระพูดขึ้นพร้อมถอนหายใจก่อนจะสวดมนต์ต่อก่อนจะไปเรียกนางกำนัล
“เสี่ยวเหมยหยิบเจ้าเช็ดหน้าที่เปิ่นกงปักมาให้เปิ่นกงหน่อย ไม่สิ…เอาของที่เปิ่นกงปักทั้งหมดมาให้เปิ่นกง”
“นี่เพคะ
หวงโฮ่วเหนียงเหนียงต้องสิ่งใดอีกรึเปล่าเจ้าคะ?” นางเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้าออกไปรอเปิ่นกงข้างนอกไป”
“เพคะ”
แบมแบมค่อยๆจัดวางของที่เธอปักเย็บเองทีละอย่างอย่างใจเย็น
มือเรียววางผ้าเช็ดหน้าสีนวลที่ปักลายมังกรทองถัดไปคือหมวกที่มีลายปักเป็นรูปมังกรทองขนาดเล็กที่มีขนาดสำหรับเด็กและชิ้นสุดท้ายเป็นถุงเท้า
“จินหลงลูกรัก ช่วงนี้อากาศไม่ค่อยเอาแน่เอานอนเสียเท่าไหร่เดี๋ยวก็อบอุ่นเดี๋ยวก็หนาว
ที่ที่ลูกอยู่อากาศจะเป็นเช่นไรกันนะ
แม่ไม่รู้แต่แม่ก็กลัวว่าลูกจะหนาวจึงทำของพวกนี้ให้ลูก จินหลง…หากลูกยังอยู่ในท้องของแม่ตอนนี้ละก็แม่คงจะท้องโตแล้วสินะ”
แบมแบมหยุดพูดไปครู่ก่อนจะพูดต่อ “แต่ก็ดีแล้วละนะที่ลูกยังไม่ได้มาเกิดในช่วงนี้
อีกไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างจะวุ่นวายมากเลย จินหลงลูกรู้ไหมว่าแม่น่ะ…ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงลูกเลย ทำไมกันจินหลง
ทำไมลูกไม่มาหาแม่ในฝันเหมือนก่อนเล่า”
ฮ่องเต้หนุ่มที่ยืนรออยู่หน้าห้องได้ฟังทุกถ้อยคำของผู้เป็นภรรยาก็ทำให้รู้สึกเจ็บในอกไม่น้อย
เขาเองก็พอจะเดาได้ว่าตอนนี้นางคงน้อยใจแทนจินหลงที่จากไปตั้งแต่ยังไม่ได้ลืมตามาลูกโลกเป็นแน่
ต้วนอี้เอินได้แต่ถอนหายใจเสียงแผ่วพร้อมคิดว่าการไม่บอกว่าลูกในท้องของโจวจือหยวีไม่ใช่ลูกของเขานั้นดีที่สุดแล้ว เรื่องบางเรื่องคนรู้น้อยจะดีกว่า…ฮ่องเต้หนุ่มกลัวว่าถ้าเขาบอกเรื่องนี้กับกันเตียวแล้วตระกูลโจวรู้เรื่องเข้าแล้วจะหันไปเล่นงานนางแทน
แรงกระตุกชายเสื้อทำให้ฮ่องเต้หนุ่มลืมตาขึ้นมาแล้วก้มลงมามองด้านล่าง
ภาพที่เขาเห็นนั้นก็จินหลงที่สวมหมวกถักมือสีน้ำเงินเข้มปักลายมังกรทองขนาดเล็กและถุงเท้าสีน้ำตาลเข้ม
ร่างโปร่งใสของลูกชายหยิบบางอย่างออกมาจากเสื้อก่อนจะชูให้เขาดู ผ้าเช็ดหน้าสีนวลที่ปักลายมังกรทองสวยที่กันเตียวปักให้จินหลง
เด็กชายยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมยังคงชูผ้าเช็ดหน้าราวกับว่ากำลังอวดให้เขาอิจฉาอยู่ไม่มีผิด
ต้วนอี้เอินย่อตัวลงไปพร้อมยิ้มให้จินหลงแล้วหันไปแง้มประตูเพื่อดูกันเตียวที่กำลังสวดมนต์ให้จินหลงอยู่
“อยากหนีจากเรื่องวุ่นวายนี้จริงๆเลย
แต่ถ้าพ่อหนีก็จะปกป้องแม่ไม่ได้”
ต้วนอี้เอินพูดเสียงแผ่วพร้อมยิ้มให้จินหลงก่อนจะกล่าวต่อ “เด็กดี
แม่เจ้าคิดถึงเจ้านะ…ไปหาแม่ของเจ้าบ้างนะ”
|
ความคิดเห็น