ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮองเฮาไร้รัก [MarkBam] #มบฮองเฮาไร้รัก [END]

    ลำดับตอนที่ #19 : ๑๙.ฮ่องเต้เริ่มเดินหมาก 110%

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.45K
      532
      6 เม.ย. 65




                “นานมากแล้วนะพ่ะย่ะค่ะที่กระหม่อมไม่ได้เห็นฝ่าบาททำพระพักตร์หน้ากลัวเช่นนี้” แม่ทัพหวังพูดขึ้นพร้อมมองใบหน้าของนายเหนือหัวที่ไม่เหมือนปกปิด ใบหน้าที่สามารถแผ่ความรู้สึกเยือกเย็นปนน่ากลัวของฮ่องเต้สามารถทำให้ใครหลายคนต่างหลบหน้าได้อย่างไม่ยาก “เมื่อรู้ความจริงทุกอย่างแล้วจะทรงทำเช่นไรต่อหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

                “เชือดไก่ให้ลิงดูดีหรือไม่?” ต้วนอี้ฟานพูดขึ้นหลังจากเงียบเกร็งอยู่นาน ถึงจริงๆเขาเองก็ไม่อยากลงมือหนักๆกับตระกูลโจวแต่บางอย่างมันยากเกินจะให้อภัย “แต่จะทำอะไรก็คงต้องเกรงใจอัครเสนาบดีโจวหน่อยแต่ดูจากแววตาเจ้าแล้วคงไม่เหลือความเกรงใจแล้วสินะ”

                “พี่ใหญ่ท่านก็กล้าพูด” ต้วนควานลินพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะพูดต่อ “หากมีใครมาผลักพี่อี้ชิงจนทางแท้งลูกท่านบ้าง ท่านยังจะเกรงใจพ่อตาอยู่อีกหรือไม่?”

                “เจ้าก็พูดกับพี่ใหญ่เกินไปนะน้องหก” ต้วนซือชุนพูดเสียงเรียบพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “พี่ใหญ่อย่าไม่โกรธน้องหกเลยแต่ที่น้องหกได้กล่าวมาก็ถูกนะ จะให้มาเกรงใจกันแล้วมันจะลงโทษกันอย่างไรได้เล่า”

                ฮ่องเต้หนุ่มมองการถกเถียงของเหล่าพี่น้องพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “นางต้องได้รับบทลงโทษในสิ่งที่นางทำแน่  แต่หากจะลงโทษนางก็จะมีผลทำให้พวกกบฏที่ตระกูลโจนั้นซุกซ่อนดำเนินการก่อนกบฏขึ้นแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดีแน่” ต้วนอี้เอินนั่งเท้าคางอย่างหมดมาดฮ่องเต้ผู้แข็งแกร่ง ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างนวดขมับอย่างอ่อนเพลียพร้อมพูดต่อ “ข้าไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว จะลงโทษสองพ่อลูกก็จะทำให้พวกเขาก่อกบฏขึ้นข้าไม่ได้กลัวเราสู้ไม่ได้ แต่ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยของคนอื่นๆอย่างเสด็จแม่ เตียวเอ๋อร์และก็พี่สะใภ้”

                “

                “

                “

                “พวกนางเป็นสตรีถึงจะมีองครักษ์คอยคุ้มกันแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ” ต้วนอี้เอินถอนหายใจอีกรอบพร้อมก้มหน้ามองพื้นแล้วพึมพำคนเดียวอย่างน่าสงสาร

                “ยิ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าทางฝ่ายเราจะมีศึกหลายด้านด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ ถึงกระหม่อมไม่อยากจะพูดเช่นนี้เลยก็ตามแต่กระหม่อมก็ต้องพูด” แม่ทัพหวังที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น “พวกเรารู้ดีว่าหากว่าพวกเราลงโทษโจวหวงกุ้ยเฟยอาจจะทำให้คนตระกูลโจวเริ่มเคลื่อนไหวและก่อกบฏ เพราะฉะนั้นในฐานะแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นแล้วกระหม่อมอยากจะบอกก็คือเราต้องจัดการศัตรูภายนอกก่อนแล้วค่อยจัดการกับพวกศัตรูภายในพ่ะย่ะค่ะ”

                “ทีแม่ทัพหวังกล่าวมานั้นก็ถูก พี่รองท่านก็รู้ว่าหลังจากที่ท่านขึ้นเป็นฮ่องเต้พวกแคว้นฮวงคิดจะเปิดศึกสงครามกับพวกเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน” ต้วนซือชุนพูดเสริม “แถมพวกแคว้นฮวงเองก็เริ่มขยายอำนาจอาณาเขตและยึดแคว้นต่างๆมากมายเพื่อเสริมกำลังรบของแคว้นมันเอง”

                “แล้วดูเหมือนว่าน้องสาวของกันเตียวต้องการเป็นภรรยาเจ้าอีกคนด้วยนิ” ต้วนอี้ฟานขึ้นพูดพร้อมหัวเราะในลำคอ “อย่ามองข้าอย่างนั้นน้องรัก พี่ชายของเจ้ารู้หลายเรื่องแต่แค่ไม่พูดเท่านั้นเอง”

                “แต่น้องก็ไม่คิดว่าแคว้นเหอจะกล้าทำสงครามกับพวกเราหรอก พวกเขาเป็นแคว้นที่ดูรุ่งเรืองทางการค้ามากกว่าการรบ” ต้วนควานลินพูดขึ้น “แต่หากพวกเราจะเปิดศึกรบกับแคว้นฮวงแล้วพวกแคว้นเหอจะสนับสนุนเราแค่ไหนนี่สิ”

                หวังเจียเอ๋อร์หรือแม่ทัพหวังพยักหน้ารับเมื่อได้ฟังคำพูดของชินอ๋องแต่ละคนแล้วหันหน้ามามองนายเหนือหัวที่กำลังแสยะยิ้มอย่างน่ากลัวอยู่อีกด้าน ใบหน้าของผู้เป็นในตอนนี้นับได้ว่ากำลังยิ้มอย่างน่ากลัวที่สุดเท่าที่เขาเลยเห็นมาเลยก็ว่าได้

                “ฝ ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหวังหันไปถามผู้เป็นนายซึ่งกำลังทำหน้าเจ้าเล่ห์อยู่ “ฝ่าบาททรงมีแผนอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

                “พึ่งคิดได้เมื่อครู่เอง” ฮ่องเต้หนุ่มพูดอย่างภูมิใจ “เจียเอ๋อร์คงต้องฝากให้เจ้าฝึกทหารของเราทั้งหมดให้แข็งแกร่งขึ้น พี่ใหญ่หากไม่เกินความสามารถท่านมากเกินไปละก็ข้าอยากให้ท่านเข้าประชุมงานทุกอย่างกับข้า ส่วนน้องสี่มีเรื่องหนึ่งที่พี่ชายอยากให้เจ้าทำและเรื่องที่จะให้เจ้าทำนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากเลยทีเดียว ส่วนน้องหกหน้าที่ของเจ้าคอยจับตาดูคนตระกูลโจวให้ดี”

                “พี่รองที่บอกว่าให้จับตาดูคนตระกูลโจวนั้นหมายถึงอัครเสนาบดีโจวกับโจวจือหยวีเพียงแค่สองคนใช่หรือไม่?” ต้วนควานลินภาวนาของให้เป็นอย่างที่เขาบอกแม้ในใจจะรับรู้ว่าคำตอบน่าจะไม่ใช่

                ฮ่องเต้หนุ่มส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบพร้อมยิ้มบางๆให้น้องชายก่อนจะพูดต่อ “ทุกคนในตระกูลโจวรวมถึงพวกกบฏของตระกลูโจวด้วย” ฮ่องเต้หนุ่มพูดเสียงเรียบ “เจ้าเองก็มีก็มีทหารฝีมือดีที่เจ้ากับเจียเอ๋อร์ช่วยกันฝึกมาไม่ใช่หรือใช้พวกนั้นให้เป็นประโยชน์สิน้องรัก”

                “ข้าจะให้พวกทหารแฝงตัวอยู่กับคนพวกคนตระกูลโจวส่วนข้าจะจะจับตาดูอัครเสนาบดีโจวเองพ่ะย่ะค่ะ” ต้วนควานลินพูดอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักใครมันจะอยากจับตาดูตาเฒ่าคนหนึ่งละ!!!

                “คนของน้องหกมีผู้หญิงด้วยสินะ ใช้ให้หมดนะน้องหก” น้ำเสียงเยือกเย็นจนน่ากลัวทำให้คนอายุน้อยที่สุดในห้องพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้หนุ่มหันไปหาน้องชายอีกคนก่อนจะพูดต่อ “ส่วนน้องสี่งานที่อยากจะให้เจ้าทำก็คือไปเจรจากับแคว้นเหอ”

                “พี่รองท่านพูดจริงหรือ!!” ต้วนซือชุนที่ตอนแรกนั่งใจเย็นอยู่นั้นแทบจะสำลักชาในมือ “ข้าเข้าใจนะเรื่องเราต้องการกำลังบางส่วนจากแคว้นเหอและพวกเสบียงอาหาร แต่เพราะเหตุใดถึงเป็นข้าเล่า?”

                “เจียเอ๋อร์ไปไม่ได้ด้วยสองเหตุผล” ฮ่องเต้หนุ่มชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งเดียวพร้อมพูดขึ้น “ข้อแรกเลยนะ มันจะแปลกถ้าให้แม่ทัพใหญ่ไปไหนมาไหนนอกแคว้นโดยไม่มีเหตุศึกสงครามและข้อสองเพราะเจียเอ๋อร์ต้องฝึกทหารเพื่อเตรียมตัวออกรบ แค่นี้พอหรือไม่?”

                “แล้วท่านจะให้ข้าไปคนเดียวอย่างนั้นหรือ?” ต้วนซือชุนที่ไม่รู้จะเถียงอย่างไรแล้วได้แต่ทำใจยอมรับภาระงานจากพี่ชาย

                “แน่นอนว่าต้องมีคนไปกับเจ้าแน่อยู่แล้ว ใครจะให้น้องชายสุดที่รักไปไหนมาไหนคนเดียวได้ลงคอกันเล่า” น้ำเสียงของฮ่องเต้หนุ่มทำให้คนฟังทั้งสี่รู้ได้ทันทีว่าเสแสร้งสุดๆ “ส่วนพี่ใหญ่ที่ให้เข้าประชุมงานทุกงานกับข้าก็เพราะถ้าข้าออกรบคนที่จะจัดการงานราชการจะต้องเป็นท่าน”

                “เฮ้อ เจ้ามันเอาแต่ใจจริงๆเลย” ต้วนอี้ฟานถอนหายใจอย่างปลงใจ

                “เรื่องสงครามนั้นฝ่าบาทจะออกรบเองอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” คำถามของแม่ทัพหวังทำให้ชินอ๋องทั้งสามพากันเงียบไปพร้อมกัน “จริงๆให้หนึ่งในชินอ๋องหรือกระหม่อมนำทัพเองเมื่อถึงเวลาจริงก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

                “ใช่  การออกรบเพื่อปกป้องแคว้นทั้งแคว้นจะให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นที่ไม่ใช้ฮ่องเต้ได้อย่างไรกันเล่า” ฮ่องเต้หนุ่มพูดพร้อมยิ้มบางๆ “อีกอย่างที่นี้ก็มีพี่ใหญ่คอยปกครองอยู่อย่ากังวลให้มากเรื่องเลย เดี๋ยวใกล้ถึงเวลาพวกเราค่อยมากว่ากันอีกที”

     

                “ทุกอย่างก็เป็นอย่างที่กระหม่อมเล่ามาพ่ะย่ะค่ะ” โหย่วเจียนคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผู้เป็นนายพร้อมลอบเงยหน้ามองผู้เป็นนายเป็นครั้งคราว “เหนียงเหนียงจะทรงทำเช่นไรต่อหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

                “โหย่วเจียนนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เปิ่นกงจะถามแบบนี้” แบมแบมสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้ากับเสี่ยวไจ้มีอะไรที่ปกปิดเปิ่นกงไว้กันแน่”

                “เหนียงเหนียง กระหม่อมกับเสี่ยงไจ้แค่” องครักษ์หนุ่มกัดปากแน่ก่อนจะยอมพูดความจริงที่ผู้เป็นนายถามออกไป “พระมารดาของเหนียงเหนียงยังทรงมีชีวิตอยู่พ่ะย่ะค่ะและอยู่ในแคว้นต้วนด้วย แม้จะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงก็ตาม”

                “เล่าต่อสิ”

                “เมื่อก่อนกระหม่อมและเสี่ยวไจ้ได้รับความช่วยเหลือจากอดีตพระสนมพ่ะย่ะค่ะ พวกเราจึงสัญญาว่าจะตามรับใช้อดีตพระสนมแต่ก่อนที่อดีตพระสนมจะโดนไล่ออกจากวังนางได้สั่งพวกเราให้ดูแลเหนียงเหนียงให้ดีแทนส่วนของนางและไม่ต้องพูดเรื่องที่เกี่ยวกับนางให้เหนียงเหนียงฟังพ่ะย่ะค่ะ” โหย่วเจียนพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า “หลังจากคลอดเหนียงเหนียงนางก็มาอยู่ที่แคว้นต้วน แต่เมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนที่กระหม่อมมาเยี่ยมนางนางกำลังป่วยหนักจนรักษาไม่ได้และจะตายในไม่อีกไม่กี่ปี”

                “แม่งั้นหรือ จะตายด้วยงั้นหรือ” แบมแบมทวนสิ่งที่พึ่งได้รู้เมื่อครู่พร้อมหัวเราะเยาะตัวเองเบาๆก่อนจะพูดขึ้น “เปิ่นกงคงออกนอกวังไม่ได้ไปอีกสักพักใหญ่ๆเลยพรุ่งนี้เจ้าก็พาหลินไจ้ฟ่านไปดูอาการเสด็จแม่ของเปิ่นกง ส่วนเรื่องที่ชินอ๋องซือชุนจะไปแคว้นเหอนั้นจะทำเช่นไรดีละเนี่ย”

                “กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทน่าจะให้กระหม่อมหรือเสี่ยวไจ้ไปกับชินอ๋องนะพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดของโหย่วเจียนทำให้แบมแบมพยักหน้าตาม “กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทน่าจะให้เสี่ยวไจ้ไปกับชินอ๋อง เพราะตอนนี้ฝ่าบาททรงห่วงความปลอดภัยของเหนียงเหนียงเป็นอย่างมาก”

                แบมแบมพยักหน้ารับพร้อมยกยิ้มบางๆ “ทั้งๆที่เปิ่นกงคิดว่าเปิ่นกงรู้ทุกอย่างแล้วนะ แต่ฝ่าบาทก็ยังรู้เรื่องที่เปิ่นกงไม่อยากให้รู้อีก ชีวิตมันช่างวุ่นวายเสียเหลือเกิน”

                “กระหม่อมคิดว่าเหนียงเหนียงจะทรงแก้แค้นโจวหวงกุ้ยเฟยเสียอีก” คำพูดของโหย่วเจียนทำแบมแบมทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย

                “ตอนแรกก็ว่าจะทำละนะ แต่ฝ่าบาทมีเรื่องวุ่นวายมากเกินพอแล้ว” แบมแบมตอบเสียงเรียบ “อีกอย่างหากเรื่องทุกอย่างจบลงแล้วยังไม่ทรงลงโทษนางอีกละก็ถึงเวลานั้นค่อยแก้แค้นทั้งฝ่าบาทและก็โจวหวงกุ้ยเฟยด้วย ไม่สิ! ทั้งตระกูลโจวเลยน่าจะดีกว่า”

                “กระหม่อมคิดว่าเหนียงเหนียงให้ฝ่าบาทจัดการจะดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ” โหย่วเจียนพูดขึ้นพร้อมหัวเราะแห้งๆ ในหัวเขาเริ่มขึ้นถึงตอนที่นายหญิงของเราลงมือลงโทษโจวหวงกุ้ยเฟยกับคนตระกูลโจวด้วยตัวเองขึ้นมาในทันทีมันต้องน่ากลัวแน่ๆ

                “แล้วเรื่องที่ว่าตระกูลโจวมีกองกำลังที่พร้อมจะก่อกบฏก็เรื่องจริงด้วยสินะ อื่มไหนจะดูเหมือนอีกไม่นานจะมีสงครามอีกต่างหาก” แบมแบมพึมพำพร้อมเดินไปมาก่อนจะหยุดนิ่งแล้วจึงหันไปพูดกับโหย่วเจียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆสถานะของพวกเราคงย่ำแย่แน่ๆ จึงเป็นฮองเฮาแต่ตัวเปิ่นกงและพวกเจ้ามาจากต่างแคว้นต้องแย่แน่ๆถ้าพวกขุนนางคิดจะใส่เล่ห์กลอะไรในช่วงจังหวะนั้น ถึงเปิ่นกงกับชินอ๋องอี้ฟานจะไม่ได้เกลียดกันแต่ก็ไม่ได้ดีกัน”

                “เช่นนั้นหากพวกเราโดนใส่ความในช่วงนั้นจริงๆต้องแย่แน่ๆพ่ะย่ะค่ะ”

                แบมแบมถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น “ไว้ค่อยคิดอีกทีแล้วกัน แต่ตอนนี้คงต้องเขียนจดหมายให้ชินอ๋องซือชุนเสียก่อน คงต้องให้ส่งให้เสด็จย่าสินะ” มือเรียวหยิบกระดาษขึ้นมาแล้วนิ่งไม่ครู่ก่อนจะเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา “น่าจะเขียนไปหาพี่ใหญ่กับน้องสาวสุดที่รักเสียหน่อยเขียนเชิงข่มขู่น่ะนะ”  






          

    Thumbnail Seller Link
    ฮองเฮาไร้รัก
    Princess Comet
    www.mebmarket.com
    เหอะ!! เกิดใหม่เป็นองค์หญิงที่พ่อไม่รักแถมยังโดนส่งมาเป็นเมียฮ่องเต้ต่างแคว้น  ที่สำคัญสามีใหม่ก็ดันมีคนรักอยู่แล้วด้วย  สามีข้าขอบอกท่านเลยหากบรรดาอน...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×