คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ๑๘.ประคับประคอง 105%
ตั้งแต่เกิดมาเรื่องที่ต้วนอี้เอินรู้สึกว่าตัดสินใจได้ยากที่สุดก็คือการขึ้นรับตำแหน่งฮ่องเต้
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปหลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไป
หญิงที่เป็นรักแรกของเขาไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่ารักของเขาและนางหวานชื่นเหมือนช่วงแรกๆ
เขาพยายามคิดว่าเพราะเขาไม่ได้แต่งตั้งนางเป็นฮองเฮาดั่งที่สัญญากับนางและเพราะเขารับสนมมาทีเดียวหลายคน
แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่นางจะมาทำตัวงอแงใส่เขา…ถึงอาจจะดูไม่ดีที่จะบอกแบบนี้แต่งานดูแลประชาชนทุกคนไม่ใช่เรื่องง่าย
แน่นอนว่าเขาเองก็อยากจะตามใจโจวจือหยวีมากแค่ไหนแต่ก็ใช่ว่าเขาจะมีเวลาให้นางมากพอ
ยิ่งในตอนนี้ตาแก่ฮ่องเต้แคว้นฮวงคิดจะยึดอำนาจการเป็นฮ่องเต้ของเขาอีกยิ่งทำให้เขาไม่มีเวลาให้นางหรือใครมากเท่าไหร่
เพราะเวลาที่เขาเสียไปส่วนใหญ่นั้นถ้าไม่วางแผนการฝึกกำลังทหารให้แข็งแกร่งขึ้นกับหวังเจียเอ่อร์ก็จะไปเตรียมวางแผนกับพี่ใหญ่…เพราะเขารู้ดีว่าฮ่องเต้แคว้นฮวงนั้นถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้
ถ้าหากฮ่องเต้แคว้นฮวงส่งทหารมาบุกวังหลวงเขาจะได้เตรียมกำลังรบไว้ได้ทัน
ส่วนเรื่องกันเตียวกับจินหลงนั้นเขาก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายอยู่มาก
ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่ในใจลึกนั้นเขาดีใจที่จินหลงยังไม่ได้เกิดในช่วงเวลานี้
เพราะถ้าจินหลงเกิดมาในช่วงเวลานี้ละก็…ถ้าพวกขุนนางเฒ่ารู้เรื่องที่ฮ่องเต้แคว้นฮวงต้องการให้เขายกลูกเพื่อไปเป็นเชลยศึก
พวกขุนนางคงจะต้องพากันบีบบังคับให้เขายกจินหลงให้ฮ่องเต้แคว้นฮวงเป็นแน่
“สวดมนต์แล้วได้อฐิฐานของอะไรรึเปล่า?”
ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยถ้าด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก
ดวงตาคมมองไปที่ร่างระหงของผู้เป็นฮองเฮาโดยที่เขาเห็นเงาโปร่งใสของจินหลงนั่งพิงตัวอยู่ข้างๆนางจึงยิ้มบางๆพร้อมพูดต่อ
“หากสวดมนต์แล้วแบ่งส่วนบุญให้บางคนละก็…เชื่อเถอะว่าเขาได้รับมันแล้ว”
“ฝ่าบาท…”
ดวงตาคู่สวยที่มันเป็นประกายสดใสร่าเริงอยู่เสมอๆแต่ตอนนี้กับมีคราบน้ำตาจางๆอยู่
“มานี่สิ”
ฮ่องเต้หนุ่มทิ้งตัวนั่งลงหน้าห้องพระพร้อมโอบกอดร่างฮองเฮาไว้แน่น
“ไม่ได้กอดแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ”
“หม่อมฉันไม่รู้เพคะ”
“เตียวเอ๋อร์…อีกไม่นานอาจจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น
มันอาจจะหนักถึงขั้นเกิดสงครามเลยก็เป็นได้”
ฮ่องเต่หนุ่มพูดเสียงเรียบพร้อมยกยิ้มบางๆก่อนจะพูดต่อ “หากเกิดสงครามขึ้นจริงๆและหากพี่ต้องไปออกศึกล่ะก็…สัญญานะว่าจะคิดถึงพี่แล้วเจ้าก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วย”
“อย่าพูดอะไรที่มันเป็นลางแบบนั้นนะเพคะ”
มือเรียวยกขึ้นปิดปากฮ่องเต้หนุ่มพร้อมพูดต่อ “ฝ่าบาทมีอะไรที่ต้องการจะบอกหม่อมฉันกันแน่”
ฮ่องเต้หนุ่มยิ้มบางๆก่อนจะส่ายหน้าไปมาพร้อมมองทางเงาโปร่งใสของจินหลงที่นั่งยิ้มหวานให้ก็พูดขึ้น
“เตียวเอ๋อร์…หลังจากเรื่องวุ่นวายจบแล้วเราค่อยพาเขากลับมาด้วยกันนะ”
“เขา?”
ฮ่องเต้หนุ่มไม่ตอบ เขาทำเพียงแค่กอดร่างระหงของภรรยาตัวน้อยไว้แน่น “ฝ่าบาทเพคะ”
“หือ”
“มังกรทองไม่ได้อยู่กับหม่อมฉันแล้วเพคะ”
น้ำเสียงแผ่วเบาบ่นเศร้าทำให้ต้วนอี้เอินรู้ได้ทันทีว่านางกำลังพูดถึงจินหลง
แต่นางคงไม่รู้ว่าเขาเองก็รู้เรื่องของจินหลงแล้วเหมือนกัน
“หม่อมฉันเสียใจมากเลยเพคะ
ที่มาสวดมนต์อยู่บ่อยๆก็เพราะหวังว่าจะทำให้เราได้เจอกันอีกครั้ง”
“บอกไปแล้วอย่างไรเล่าว่าเดี๋ยวเราจะพาเขากลับมา”
ต้วนอี้เอินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมจุมพิตลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างแผ่วเบา
“เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างแน่นอน”
“หม่อมฉันก็หวังเช่นนั้นเหมือนกันเพคะ
หวังจริงๆ”
“ไม่จริง!!!!”
เสียงหวานร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ
ร่างของโจวจือหยวีเดินตรงไปทางแจกันใบงามพร้อมยกมันขึ้นเตรียมจะทุ่มมันทิ้งเพื่อระบายอารมณ์
“หยวีเอ๋อร์หยุดเดี๋ยวนี้!!!”
เสียงอันทรงอำนาจขออัครเสนาบดีโจวดังขึ้นทำให้โจวจือหยวีวางแจกันใบงามลงพร้อมเสยพร้อมขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าฮองเฮาพึ่งแท้งไป”
“แล้วมันอย่างไรเล่า
ท่านพ่อ…ท่านก็เห็นว่าตอนนี้ฮ่องเต้ทรงโปรดนางมากกว่าลูกเสียอีก”
โจวจือหยวีพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “หากนางบอกฝ่าบาทว่านางตั้งครรภ์ละก็…ท่านคิดหรือท่านพ่อว่าฝ่าบาทจะยอมบ่อยให้เรื่องนี้จบลงไปง่ายๆ หึ
หัวนางกำนัลชั้นต่ำคนเดียวไม่พอสำหรับเด็กคนครรภ์ที่จะลืมตามาดูโลกหรอกนะ”
“งั้นเจ้าก็ตั้งท้องแทนนางเสียก็สิ้นเรื่อง”
อัครเสนาบดีโจวกล่าวเสียงเรียบพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ลูกสาว “อย่าห่วงไปหยวีเอ๋อร์…หากลูกตั้งครรภ์แทนนาง
ฝ่าบาทก็ตั้งกับมาให้ความสนสำคัญและสนใจกับเจ้าที่สุด
เพราะเจ้ากำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกของฝ่าบาท”
“…”
“อย่างไรฝ่าบาทก็ต้องสนใจลูกที่จะลืมตามาดูโลกมากกว่าลูกที่ตายไปแล้ว”
อัครเสนาบดีโจวยกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมพูดต่อ “ในระยะเวลาที่เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เจ้าจะทำให้ฝ่าบาทกับมารักกับมาหลงเจ้าใหม่อีกครั้ง”
“มันก็จริงของท่าน”
โจวจือหยวีพักหน้าเห็นด้วยก่อนจะคิดบางอย่างขึ้นได้เสียก่อน “แต่เรื่องนางกำนัลคนนั้นเล่า!
หากสืบรู้ว่าเป็นคนของท่านของละก็ต่อให้ลูกอยู่ในฐานะของหวงกุ้ยเฟยและท่านที่อยู่ในฐานะอัครเสนาบดี…ใช้ชีวิตของเราพ่อลูกหรือคนทั้งตระกูลโจวก็รับผิดชอบไม่พอหรอกนะ”
“ก็ฆ่านางทิ้งเสียก่อนก็สิ้นเรื่อง”
อัครเสนาบดีโจวกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นราวกับกำลังกล่าวเรื่องปกติอยู่ไม่มีผิด “ลูกรัก
พ่อไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาขวางทางเป็นใหญ่ของตระกูลโจวของเราอย่างแน่นอน
หยวีเอ๋อร์ลูกจะต้องตั้งครรภ์พระโอรสให้กับฝ่าบาทและหลานของพ่อจะต้องได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป”
ชินอ๋องทั้งสามเดินออกมาจากคุกใต้ดินอย่างเชื่องช้า
ชินอ๋องต้วนอี้ฟานหันไปมองน้องชายต่างมารดาทั้งสองคนที่มีใบหน้าซีดเผือกราวกับคนตายก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
มือหนาหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดคราบเลือดที่เปื้อนมืออย่างใจเย็นก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นางสมควรโดนแล้ว
การทำให้ลูกคนแรกของอี้เอินต้องตาย…อี้เอินไม่ลงโทษสถานหนักก็ดีแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร?”
ต้วนอี้ฟานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเจ้ากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่บอกพี่มาซิ”
“น่าแค้นยิ่งนัก”
ต้วนควานลินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบปนเย็นชาอย่างผิดปกติ ใบหน้าที่ซีดเผือกในตอนแรกเปลี่ยนไปเป็นไปใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้น
“พี่รองไม่ให้พวกเราพูดเรื่องนี้เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ไปมากกว่านี้และห้ามให้ไทเฮารู้เรื่องนี้โดยเด็ดขาด
เพราะอะไรกัน!!!”
“เพราะพี่รองรักโจวจือหยวีมากจนไม่อยากให้ชื่อเสียงของนางและตระกูลโจวเสียหายอย่างนั้นหรือ
หรือเพราะว่าเป็นไม่ใช่ลูกของหญิงคนรักกัน!!!” ต้วนซือชุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยคราบน้ำตา “แบบนี้คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือกันเตียวไม่ใช่หรือ”
“พูดพอรึยัง?”
น้ำเสียงเย็นชาของต้วนอี้ฟานทำให้น้องชายทั้งสองแทบจะแหกปากตะโกนด่าแต่ก็ต้องเงียบไปเมื่อคนพี่พูดแทรกไว้เสียก่อน
“อี้เอินร้องไห้ตอนที่เล่าเรื่องนี้ให้ข้าฟัง
อี้เอินที่ไม่เคยเสียน้ำตาให้ใครหรืออะไรง่ายๆกับร้องไห้ออกมา
พวกเจ้าคิดสิว่าพี่รองของพวกเจ้าร้องไห้ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่กัน”
“ตอนที่เสด็จพ่อจากพวกเราทุกคนไป”
คำตอบของน้องชายทำให้ต้วนอี้ฟานพยักหน้ารับ
“อี้เอินบอกว่าได้พบกับลูกชายในฝันและอี้เอินก็บอกว่ากันเตียวไม่ต้องการจะพูดเรื่องที่ตั้งครรภ์เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โตไปมากกว่านี้”
คำพูดของต้วนอี้ฟานทำให้น้องชายทั้งสองเงียบไปพร้อมๆกัน “แล้วข้าก็ไม่แน่ใจที่พวกเจ้าบอกว่าอี้เอินยังรักโจวจือหยวีจะเป็นความจริงเท็จมากแค่ไหน
แต่เชื่อข้าเถอะว่าอี้เอินไม่ยอมบ่อยทั้งโจวจือหยวีและคนตระกูลโจวให้อยู่อย่างสบายๆแน่ๆ
อย่าลืมสิว่าพี่รองของพวกเจ้านั้นเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมากแค่ไหน”
“พี่รองเป็นพวกยิ่งรักมากยิ่งแค้นมากเสียด้วยสิ”
ต้วนซือชุนพุดขึ้นพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “แบบนี้เห็นทีทุกการกระทำของคนตระกูลโจวจะต้องถูกจับตามองมากยิ่งขึ้นเสียแล้วสิ”
“จิตใจของพี่รองยากที่คาดเดานัก”
ต้วนควานลินพูดพร้อมยิ้มบางๆ “แต่ข้าคงต้องรีบไปปลอบขวัญพี่สะใภ้สุดที่รักของข้าเสียหน่อยแล้ว”
ต้วนอี้ฟานมองน้องชายอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะพูดขึ้น
“ไม่บอกใจเลยที่อี้เอินพยายามจะหาเมียให้พวกเจ้าทั้งสองคน…เล่นไปเกาะแกะเมียคนอื่นเขาแบบนี้อยู่ได้”
แบมแบมก้มหน้ามองฮ่องเต้หนุ่มที่กำลังนอนหนุนตักเธออยู่
พักนี้อีกฝ่ายทำตัวเกาะแกะเธออยู่บ่อยๆหรือเรียกได้ว่าวนเวียนอยู่รอบตัวเลยก็ว่าได้
แม้ว่าพยายามจะถามเรื่องนางกำนัลคนนั้นมากแค่ไหนอีกฝ่ายก็มักจะเปลี่ยนเรื่องคุยอยู่เสมอๆจนในบางครั้งแบมแบมก็สงสัยว่าเขากำลังปกป้องเธออยู่หรือปกป้องใครอีกคนอยู่กันแน่
ช่วงนี้แบมแบมมักไปสวดมนต์ในตอนเช้าและอีกฝ่ายก็มักจะมาสวดมนต์ด้วยอยู่เสมอๆหรือไม่บางครั้งเขาก็มาสวดมนต์อยู่ก่อนแล้ว
“ทำไมตอนนั้นถึงพูดเหมือนจะต้องไปออกรบละเพคะ?”
แบมแบมถามขึ้นเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้หลับอย่างแน่นอน
“ก็อาจจะต้องไปรบจริงๆละมั้งนะ”
ฮ่องเต้หนุ่มตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก “กังวลอย่างนั้นหรือ?”
“หม่อมฉันแค่กลัวว่าหากไปรบขึ้นมาจริงๆแล้วฝ่าบาทเป็นอะไรขึ้นมาหม่อมฉันจะกลายเป็นหญิงหม้ายก็เท่านั้นเองเพคะ”
“ใจร้ายจริงๆเลยนะ
แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ”
ฮ่องเต้หนุ่มลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆพร้อมยกยิ้มบางๆก่อนจะพูดต่อ “ชีวิตนี้เจ้ามีสามีได้คนเดียว
ไม่ต้องกลัวเป็นหม้ายไปหรอกนะ”
“ห้ามเป็นอะไรไปนะเพคะ
ถ้าฝ่าบาทเป็นอะไรไปหม่อมฉันจะไม่ยกโทษให้จริงๆนะเพคะ”
“ใครจะไปทิ้งหญิงงามเช่นเจ้าได้ลงคอเล่า
หากทำเช่นนั้นละก็พี่ต้องเป็นชายที่บาปหนามากๆอย่างแน่นอนเลย”
|
ความคิดเห็น