ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮองเฮาไร้รัก [MarkBam] #มบฮองเฮาไร้รัก [END]

    ลำดับตอนที่ #18 : ๑๘.ประคับประคอง 105%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.19K
      1.02K
      6 เม.ย. 65



               ตั้งแต่เกิดมาเรื่องที่ต้วนอี้เอินรู้สึกว่าตัดสินใจได้ยากที่สุดก็คือการขึ้นรับตำแหน่งฮ่องเต้ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปหลายสิ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไป หญิงที่เป็นรักแรกของเขาไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่ารักของเขาและนางหวานชื่นเหมือนช่วงแรกๆ เขาพยายามคิดว่าเพราะเขาไม่ได้แต่งตั้งนางเป็นฮองเฮาดั่งที่สัญญากับนางและเพราะเขารับสนมมาทีเดียวหลายคน แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่นางจะมาทำตัวงอแงใส่เขาถึงอาจจะดูไม่ดีที่จะบอกแบบนี้แต่งานดูแลประชาชนทุกคนไม่ใช่เรื่องง่าย แน่นอนว่าเขาเองก็อยากจะตามใจโจวจือหยวีมากแค่ไหนแต่ก็ใช่ว่าเขาจะมีเวลาให้นางมากพอ

                ยิ่งในตอนนี้ตาแก่ฮ่องเต้แคว้นฮวงคิดจะยึดอำนาจการเป็นฮ่องเต้ของเขาอีกยิ่งทำให้เขาไม่มีเวลาให้นางหรือใครมากเท่าไหร่ เพราะเวลาที่เขาเสียไปส่วนใหญ่นั้นถ้าไม่วางแผนการฝึกกำลังทหารให้แข็งแกร่งขึ้นกับหวังเจียเอ่อร์ก็จะไปเตรียมวางแผนกับพี่ใหญ่เพราะเขารู้ดีว่าฮ่องเต้แคว้นฮวงนั้นถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ ถ้าหากฮ่องเต้แคว้นฮวงส่งทหารมาบุกวังหลวงเขาจะได้เตรียมกำลังรบไว้ได้ทัน

                ส่วนเรื่องกันเตียวกับจินหลงนั้นเขาก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายอยู่มาก ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่ในใจลึกนั้นเขาดีใจที่จินหลงยังไม่ได้เกิดในช่วงเวลานี้ เพราะถ้าจินหลงเกิดมาในช่วงเวลานี้ละก็ถ้าพวกขุนนางเฒ่ารู้เรื่องที่ฮ่องเต้แคว้นฮวงต้องการให้เขายกลูกเพื่อไปเป็นเชลยศึก พวกขุนนางคงจะต้องพากันบีบบังคับให้เขายกจินหลงให้ฮ่องเต้แคว้นฮวงเป็นแน่

     

                “สวดมนต์แล้วได้อฐิฐานของอะไรรึเปล่า?” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยถ้าด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก ดวงตาคมมองไปที่ร่างระหงของผู้เป็นฮองเฮาโดยที่เขาเห็นเงาโปร่งใสของจินหลงนั่งพิงตัวอยู่ข้างๆนางจึงยิ้มบางๆพร้อมพูดต่อ “หากสวดมนต์แล้วแบ่งส่วนบุญให้บางคนละก็เชื่อเถอะว่าเขาได้รับมันแล้ว”

                “ฝ่าบาท” ดวงตาคู่สวยที่มันเป็นประกายสดใสร่าเริงอยู่เสมอๆแต่ตอนนี้กับมีคราบน้ำตาจางๆอยู่

                “มานี่สิ” ฮ่องเต้หนุ่มทิ้งตัวนั่งลงหน้าห้องพระพร้อมโอบกอดร่างฮองเฮาไว้แน่น “ไม่ได้กอดแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ”

                “หม่อมฉันไม่รู้เพคะ”

                “เตียวเอ๋อร์อีกไม่นานอาจจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น มันอาจจะหนักถึงขั้นเกิดสงครามเลยก็เป็นได้” ฮ่องเต่หนุ่มพูดเสียงเรียบพร้อมยกยิ้มบางๆก่อนจะพูดต่อ “หากเกิดสงครามขึ้นจริงๆและหากพี่ต้องไปออกศึกล่ะก็สัญญานะว่าจะคิดถึงพี่แล้วเจ้าก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วย”

                “อย่าพูดอะไรที่มันเป็นลางแบบนั้นนะเพคะ” มือเรียวยกขึ้นปิดปากฮ่องเต้หนุ่มพร้อมพูดต่อ “ฝ่าบาทมีอะไรที่ต้องการจะบอกหม่อมฉันกันแน่”

                ฮ่องเต้หนุ่มยิ้มบางๆก่อนจะส่ายหน้าไปมาพร้อมมองทางเงาโปร่งใสของจินหลงที่นั่งยิ้มหวานให้ก็พูดขึ้น “เตียวเอ๋อร์หลังจากเรื่องวุ่นวายจบแล้วเราค่อยพาเขากลับมาด้วยกันนะ”

                “เขา?” ฮ่องเต้หนุ่มไม่ตอบ เขาทำเพียงแค่กอดร่างระหงของภรรยาตัวน้อยไว้แน่น “ฝ่าบาทเพคะ”

                “หือ”

                “มังกรทองไม่ได้อยู่กับหม่อมฉันแล้วเพคะ” น้ำเสียงแผ่วเบาบ่นเศร้าทำให้ต้วนอี้เอินรู้ได้ทันทีว่านางกำลังพูดถึงจินหลง แต่นางคงไม่รู้ว่าเขาเองก็รู้เรื่องของจินหลงแล้วเหมือนกัน “หม่อมฉันเสียใจมากเลยเพคะ  ที่มาสวดมนต์อยู่บ่อยๆก็เพราะหวังว่าจะทำให้เราได้เจอกันอีกครั้ง”

                “บอกไปแล้วอย่างไรเล่าว่าเดี๋ยวเราจะพาเขากลับมา” ต้วนอี้เอินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมจุมพิตลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างแผ่วเบา “เราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างแน่นอน”

                “หม่อมฉันก็หวังเช่นนั้นเหมือนกันเพคะ หวังจริงๆ”

     

                “ไม่จริง!!!!” เสียงหวานร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ ร่างของโจวจือหยวีเดินตรงไปทางแจกันใบงามพร้อมยกมันขึ้นเตรียมจะทุ่มมันทิ้งเพื่อระบายอารมณ์

                “หยวีเอ๋อร์หยุดเดี๋ยวนี้!!!” เสียงอันทรงอำนาจขออัครเสนาบดีโจวดังขึ้นทำให้โจวจือหยวีวางแจกันใบงามลงพร้อมเสยพร้อมขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าฮองเฮาพึ่งแท้งไป”

                “แล้วมันอย่างไรเล่า ท่านพ่อท่านก็เห็นว่าตอนนี้ฮ่องเต้ทรงโปรดนางมากกว่าลูกเสียอีก” โจวจือหยวีพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “หากนางบอกฝ่าบาทว่านางตั้งครรภ์ละก็ท่านคิดหรือท่านพ่อว่าฝ่าบาทจะยอมบ่อยให้เรื่องนี้จบลงไปง่ายๆ หึ หัวนางกำนัลชั้นต่ำคนเดียวไม่พอสำหรับเด็กคนครรภ์ที่จะลืมตามาดูโลกหรอกนะ”

                “งั้นเจ้าก็ตั้งท้องแทนนางเสียก็สิ้นเรื่อง” อัครเสนาบดีโจวกล่าวเสียงเรียบพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ลูกสาว “อย่าห่วงไปหยวีเอ๋อร์หากลูกตั้งครรภ์แทนนาง ฝ่าบาทก็ตั้งกับมาให้ความสนสำคัญและสนใจกับเจ้าที่สุด เพราะเจ้ากำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกของฝ่าบาท”

                “

                “อย่างไรฝ่าบาทก็ต้องสนใจลูกที่จะลืมตามาดูโลกมากกว่าลูกที่ตายไปแล้ว” อัครเสนาบดีโจวยกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมพูดต่อ “ในระยะเวลาที่เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เจ้าจะทำให้ฝ่าบาทกับมารักกับมาหลงเจ้าใหม่อีกครั้ง”

                “มันก็จริงของท่าน” โจวจือหยวีพักหน้าเห็นด้วยก่อนจะคิดบางอย่างขึ้นได้เสียก่อน “แต่เรื่องนางกำนัลคนนั้นเล่า! หากสืบรู้ว่าเป็นคนของท่านของละก็ต่อให้ลูกอยู่ในฐานะของหวงกุ้ยเฟยและท่านที่อยู่ในฐานะอัครเสนาบดีใช้ชีวิตของเราพ่อลูกหรือคนทั้งตระกูลโจวก็รับผิดชอบไม่พอหรอกนะ”

                “ก็ฆ่านางทิ้งเสียก่อนก็สิ้นเรื่อง” อัครเสนาบดีโจวกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นราวกับกำลังกล่าวเรื่องปกติอยู่ไม่มีผิด “ลูกรัก พ่อไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาขวางทางเป็นใหญ่ของตระกูลโจวของเราอย่างแน่นอน  หยวีเอ๋อร์ลูกจะต้องตั้งครรภ์พระโอรสให้กับฝ่าบาทและหลานของพ่อจะต้องได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป”

               

                ชินอ๋องทั้งสามเดินออกมาจากคุกใต้ดินอย่างเชื่องช้า ชินอ๋องต้วนอี้ฟานหันไปมองน้องชายต่างมารดาทั้งสองคนที่มีใบหน้าซีดเผือกราวกับคนตายก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย มือหนาหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดคราบเลือดที่เปื้อนมืออย่างใจเย็นก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

                “นางสมควรโดนแล้ว การทำให้ลูกคนแรกของอี้เอินต้องตายอี้เอินไม่ลงโทษสถานหนักก็ดีแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร?” ต้วนอี้ฟานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเจ้ากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่บอกพี่มาซิ”

                “น่าแค้นยิ่งนัก” ต้วนควานลินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบปนเย็นชาอย่างผิดปกติ ใบหน้าที่ซีดเผือกในตอนแรกเปลี่ยนไปเป็นไปใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้น “พี่รองไม่ให้พวกเราพูดเรื่องนี้เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ไปมากกว่านี้และห้ามให้ไทเฮารู้เรื่องนี้โดยเด็ดขาด เพราะอะไรกัน!!!

                “เพราะพี่รองรักโจวจือหยวีมากจนไม่อยากให้ชื่อเสียงของนางและตระกูลโจวเสียหายอย่างนั้นหรือ หรือเพราะว่าเป็นไม่ใช่ลูกของหญิงคนรักกัน!!!” ต้วนซือชุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยคราบน้ำตา “แบบนี้คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือกันเตียวไม่ใช่หรือ”

                “พูดพอรึยัง?” น้ำเสียงเย็นชาของต้วนอี้ฟานทำให้น้องชายทั้งสองแทบจะแหกปากตะโกนด่าแต่ก็ต้องเงียบไปเมื่อคนพี่พูดแทรกไว้เสียก่อน “อี้เอินร้องไห้ตอนที่เล่าเรื่องนี้ให้ข้าฟัง อี้เอินที่ไม่เคยเสียน้ำตาให้ใครหรืออะไรง่ายๆกับร้องไห้ออกมา พวกเจ้าคิดสิว่าพี่รองของพวกเจ้าร้องไห้ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่กัน”

                “ตอนที่เสด็จพ่อจากพวกเราทุกคนไป” คำตอบของน้องชายทำให้ต้วนอี้ฟานพยักหน้ารับ

                “อี้เอินบอกว่าได้พบกับลูกชายในฝันและอี้เอินก็บอกว่ากันเตียวไม่ต้องการจะพูดเรื่องที่ตั้งครรภ์เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โตไปมากกว่านี้” คำพูดของต้วนอี้ฟานทำให้น้องชายทั้งสองเงียบไปพร้อมๆกัน “แล้วข้าก็ไม่แน่ใจที่พวกเจ้าบอกว่าอี้เอินยังรักโจวจือหยวีจะเป็นความจริงเท็จมากแค่ไหน แต่เชื่อข้าเถอะว่าอี้เอินไม่ยอมบ่อยทั้งโจวจือหยวีและคนตระกูลโจวให้อยู่อย่างสบายๆแน่ๆ อย่าลืมสิว่าพี่รองของพวกเจ้านั้นเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมากแค่ไหน”

                “พี่รองเป็นพวกยิ่งรักมากยิ่งแค้นมากเสียด้วยสิ” ต้วนซือชุนพุดขึ้นพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “แบบนี้เห็นทีทุกการกระทำของคนตระกูลโจวจะต้องถูกจับตามองมากยิ่งขึ้นเสียแล้วสิ”

                “จิตใจของพี่รองยากที่คาดเดานัก” ต้วนควานลินพูดพร้อมยิ้มบางๆ “แต่ข้าคงต้องรีบไปปลอบขวัญพี่สะใภ้สุดที่รักของข้าเสียหน่อยแล้ว”

                ต้วนอี้ฟานมองน้องชายอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะพูดขึ้น “ไม่บอกใจเลยที่อี้เอินพยายามจะหาเมียให้พวกเจ้าทั้งสองคนเล่นไปเกาะแกะเมียคนอื่นเขาแบบนี้อยู่ได้”

               

     

                แบมแบมก้มหน้ามองฮ่องเต้หนุ่มที่กำลังนอนหนุนตักเธออยู่ พักนี้อีกฝ่ายทำตัวเกาะแกะเธออยู่บ่อยๆหรือเรียกได้ว่าวนเวียนอยู่รอบตัวเลยก็ว่าได้ แม้ว่าพยายามจะถามเรื่องนางกำนัลคนนั้นมากแค่ไหนอีกฝ่ายก็มักจะเปลี่ยนเรื่องคุยอยู่เสมอๆจนในบางครั้งแบมแบมก็สงสัยว่าเขากำลังปกป้องเธออยู่หรือปกป้องใครอีกคนอยู่กันแน่ ช่วงนี้แบมแบมมักไปสวดมนต์ในตอนเช้าและอีกฝ่ายก็มักจะมาสวดมนต์ด้วยอยู่เสมอๆหรือไม่บางครั้งเขาก็มาสวดมนต์อยู่ก่อนแล้ว

                “ทำไมตอนนั้นถึงพูดเหมือนจะต้องไปออกรบละเพคะ?” แบมแบมถามขึ้นเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้หลับอย่างแน่นอน

                “ก็อาจจะต้องไปรบจริงๆละมั้งนะ” ฮ่องเต้หนุ่มตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก “กังวลอย่างนั้นหรือ?”

                “หม่อมฉันแค่กลัวว่าหากไปรบขึ้นมาจริงๆแล้วฝ่าบาทเป็นอะไรขึ้นมาหม่อมฉันจะกลายเป็นหญิงหม้ายก็เท่านั้นเองเพคะ”

                “ใจร้ายจริงๆเลยนะ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ” ฮ่องเต้หนุ่มลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆพร้อมยกยิ้มบางๆก่อนจะพูดต่อ “ชีวิตนี้เจ้ามีสามีได้คนเดียว ไม่ต้องกลัวเป็นหม้ายไปหรอกนะ”

                “ห้ามเป็นอะไรไปนะเพคะ ถ้าฝ่าบาทเป็นอะไรไปหม่อมฉันจะไม่ยกโทษให้จริงๆนะเพคะ”

                “ใครจะไปทิ้งหญิงงามเช่นเจ้าได้ลงคอเล่า หากทำเช่นนั้นละก็พี่ต้องเป็นชายที่บาปหนามากๆอย่างแน่นอนเลย”

     


     






    Thumbnail Seller Link
    ฮองเฮาไร้รัก
    Princess Comet
    www.mebmarket.com
    เหอะ!! เกิดใหม่เป็นองค์หญิงที่พ่อไม่รักแถมยังโดนส่งมาเป็นเมียฮ่องเต้ต่างแคว้น  ที่สำคัญสามีใหม่ก็ดันมีคนรักอยู่แล้วด้วย  สามีข้าขอบอกท่านเลยหากบรรดาอน...
    Get it now
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×