คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ๔.ฮองเฮาผู้แสนดี 125%
ทันทีที่แบมแบมกลับมาถึงวังสิ่งแรกที่ทำก็คือเปลี่ยนกลับไปอยู่ในชุดเดิมที่เธอใส่เมื่อเช้า ร่างระหงเดิมไปที่โต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะลงเมื่อแต่งหน้าให้ดูเหมือนเมื่อเช้าที่สุด แต่มีบางอย่างบอกกับเธอว่าเธอควรไปสารภาพเรื่องที่ไปซนข้างนอกกลับผู้เป็นสามีแม้ใจจริงจะไม่อยากทำมันสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ความรู้สึกที่มีคนตามมานั้นทำให้แบมแบมต้องรีบแต่งเนื้อแต่งตัวให้เสร็จก่อนจะเดินออกจากตำหนักของเธอไปยังตำหนักส่วนการที่ฮ่องเต้กำลังทำงานอยู่ การปรากฏตัวของแบมแบมสร้างความประหลาดใจให้ให้กับเฉินกงกงเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเขาดูตกใจอย่างปกปิดไม่มิด เมื่อได้เห็นใบหน้าเช่นนั้นก็ทำให้แบมแบมอดที่หัวเราะไม่ได้ ทันทีที่ได้ยินเสียงของหญิงตรงหน้าเฉินกงกงก็ได้สติกลับมาอีกครั้ง เขาก้มหน้าทำความเคารพแบมแบมพร้อมเอ่ยทักอย่างประหลาดใจ
“หวงโฮ่วเหนียงเหนียง* เหตุใดท่านมาที่ตำหนักส่วนกลางได้?”
เฉินกงกงเอ่ยถามขึ้นพร้อมมองหน้าแบมแบมที่กำลังยิ้มซุกซนอยู่
ในสายตาเขาเธอมีคุณสมบัติทุกอย่างดีพร้อมเสียอย่างเดียวคือซุกซน
“เปิ่นกงมาหาสามีของเปิ่นกงไม่ได้อย่างนั้นหรือ?” แบมแบมแกล้งเหยาอีกฝ่ายเล่นพร้อมยกยิ้มซุกซน
“เอ่อ…เว่ยเฉิน**เกรงว่าตอนนี้คงไม่เหมาะที่หวงโฮ่วจะเข้าไปเสียเท่าไหร่”
เฉินกงกงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสยงติดขัดเล็กน้อย
แบมแบมสังเกตเห็นตามไรผมของเขามีเหงื่อไหลซึมออกมาราวกับกำลังปกปิดบางอย่างอยู่
“เฉินกงกง เปิ่นกงได้ยินใครต่อใครเขาพูดมาปากต่อปากว่าท่านเป็นขุนนางที่เที่ยงตรงที่สุดและไม่คิดเอนเอียงข้างใด…”
น้ำเสียงราบเรียบปนเย็นชาของแบมแบมทำให้เฉินกงกงเงยหน้าขึ้นทันที
ทันทีที่เขาสบตาเข้ากับด้วงตาเย็นชาคู่นั้นราวกับเขาถูกสาปให้กลายเป็นหินก็ไม่เกินจริง
“…แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ใช่คนเที่ยงตรงดั่งคนเขาว่าเสียแล้ว”
“เอ่อ…เว่ยเฉินแค่…”
“มีอะไรจะพูดกับเปิ่นกงงั้นหรือ?”
“ความจริงแล้วชินอ๋อง***มาเข้าเฝ้าฮ่องเต้อยู่พะยะค่ะ”
คำตอบของเฉินกงกงทำให้แบมแบมยกคิ้วสูง
“คนไหนวะ” แบมแบมพึมพำคนเดียวก่อนจะหันไปถามเฉินกงกงแทน “ชินอ๋องคนไหนเล่า?”
“ก็มีชินอ๋องต้วนอี้ฟาน ต้วนซือชุนและก็ต้วนควานลินพะยะค่ะ”
“เหตุใดจึงมากันเยอะแยะ”
“ไม่ทราบพะยะค่ะ”
“งั้นเปิ่นกงจะรอ”
*หวงโฮ่วก็คือฮองเฮานั้นแหละค่ะ
แต่ไรต์ของใช้คำว่าหวงโฮ่วตอนในกรณีที่มีพวกขันทีหรือบ่าวรับใช้เรียกแบมแบมนะคะ ส่วนเหนียงเหนียงเป็นคำที่พวกขุนนางหรือบ่าวรับใช้เรียกฮองเฮาและพระสนม
**เว่ยเฉิน คำที่ขุนนางใช้แทนตัวเอง
***ชินอ๋อง ตำแหน่งองค์ชายที่มอบให้แก่พี่ชายน้องชายของฮ่องเต้
“ฮ่องเต้ ท่านไม่เชื่อที่พี่กล่าวอย่างนั้นหรือ?”
ต้วนอี้ฟานถามน้องชายที่กำลังจิบชาอย่างสบายใจโดยไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนเลยแม้แต่น้อย
“นางเป็นฮองเฮาแต่กลับซุกซนราวกับเด็กๆ”
“พี่ใหญ่ ท่านก็พูดเกินไป…ข้าไม่คิดว่าพี่สะใภ้จะเลวร้ายอะไรสักหน่อย”
ต้วนควานลินผู้เป็นน้องเอ่ยขึ้นทำให้คนอายุมากสุดหันมามองตาขวาง
“พี่ใหญ่อย่าไปดุน้องหกไปเลย” น้ำเสียงทรงอำนาจของต้วนอี้เอินดังขึ้นห้ามทัพ
“น่าแปลกที่น้องสี่ไม่ความเห็นอะไรกับเรื่องนี้เลย”
“ข้างั้นหรือ?”
ต้วนซือชุนชี้ตัวเองอย่างงงก่อนจะทำหน้าเข้าใจแล้วพูดต่อ “ข้าไม่เถียงพี่ใหญ่ในเรื่องที่พี่สะใภ้นั้นซุกซนแต่ท่านน่าจะเห็นตอนที่พี่สะใภ้อยู่ที่ตลาด…ข้าคิดว่านางเป็นหญิงที่ฉลาดไม่น้อยเลย”
“เรื่องที่ตลาดงั้นหรือ?” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมขมวดคิ้วเป็นปม “เกิดอะไรขึ้น?”
“ก็แค่ชายขี้เมาไปขโมยถุงผ้าของเด็กขอทานสองพี่น้องก็เท่านั้น”
ชายอายุมาสุดอย่างต้วนอี้ฟานเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ได้สำคัญอะไร”
“แต่พี่สะใภ้เก่งมากเลยนะ นางเข้าไปห้ามจนทำให้ชายขี้เมาหน้าชาไปเลย”
น้องเล็กสุดในห้องเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงภูมิใจในตัวพี่สะใภ้ของเขาไม่น้อย
“เจ้าก็ชอบทุกคนที่ซุกซนนั้นแหละ”
ต้วนซือชุนเอ่ยขึ้นพร้อมหัวเราะเล็กน้อย เขาเหลือบไปเห็นผู้เป็นน้องชายกำลังมองเขาราวกับจะหักคอเสียให้ได้
“ทำไม? หรือที่ข้าพูดนั้นผิด”
“ท่านก็เหมือนข้านั้นแหละพี่สี่”
“พอๆ เจิ้นคิดว่าให้ฮองเฮามาอธิบายเรื่องนี้เองจะดีกว่า” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมชี้ไปที่หน้าประตูที่มีเงาหญิงสาวยืนอยู่
“นางคงรอนานแล้ว น้องหกไปพาพี่สะใภ้อันเป็นที่รักของเจ้ามาหาเจิ้นสิ”
“พี่สะใภ้” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังทำให้แบมแบมสะดุ้งด้วยความตกใจ
ทันทีที่หันไปมองก็พบกับใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มวัยไม่เกินสิบแปด “จริงสิ พี่สะใภ้พึ่งเคยเจอข้าครั้งแรกสินะ”
“ก็ใช่” แบมแบมตอบรับเสียงแผ่ว
ในหัวกำลังคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าคือชินอ๋องคนไหน “ชินอ๋องหก ต้วนควานลิน…อย่างนั้นหรือ?”
“ว้าว~ ประทับใจจังที่พี่สะใภ้เดาถูก” ชายหนุ่มปรบมือเบาๆพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
“เข้าไปข้างในกันเถอะ ฮ่องเต้กับพี่ๆคนอื่นกำลังพี่สะใภ้อยู่”
“กำลังรอข้า? ไม่น่าจะใช่เรื่องดีแน่ๆ”
“ฮ่าๆ ใช่ มันไม่ใช่เรื่องดีเสียเท่าไหร่…บางทีท่านอาจโดนดุก็ได้นะ”
คำพูดของต้วนควานลินทำให้แบมแบมรู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย “แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ฮ่องเต้ไม่ดุอะไรท่านมากหรอก”
“เรื่องแบบนี้ใครจะไปรู้กัน
ข้าเป็นภรรยาเขาได้ครึ่งเดือนคุยกันยังนับคำได้เลย”
แบมแบมพูดพร้อมทำท่าเบะปากราวกับเด็กๆทำให้ควานลินที่อยู่ใกล้อดหัวเราะไม่ได้
“ฮ่องเต้ออกจะเอ็นดูพี่สะใภ้จะตายไป” ควานลินเอ่ยขึ้นพร้อมแอบมองพี่สะใภ้ที่กำลังทำหน้าไม่พอใจราวกับเด็กๆ
“หากไม่เอ็นดูพี่สะใภ้ล่ะก็คงไม่ทางยอมแต่งงานด้วยหรอก”
“…” ร่างทั้งร่างของแบมแบมชาวาบไปชั่วขณะ เอ็นดูอย่างนั้นหรือ?...ตลกสิ้นดี “การแต่งงานไม่เกี่ยวกับว่ารักหรือไม่รัก เอ็นดูหรือไม่ได้เอ็นดู
มันก็แค่หน้าที่รูปแบบหนึ่งที่ชายหญิงพึงต้องปฏิบัติก็เท่านั้น”
“พี่สะใภ้ ข้าขอโทษ ข้าแค่…”
ยังไม่ทันที่ควานลินจะได้อธิบายอะไรกับผู้เป็นพี่สะใภ้
นางก็เดินตรงเข้าไปในห้องพร้อมทำความเคารพเหล่าพี่ชายของเขาเป็นที่เรียบร้อย
“ฮ่องเต้ หม่อมฉันมีเรื่องจะสารภาพกับพระองค์”
แบมแบมพูดเสียงเรียบพร้อมกวาดสายตามองชายอีกสองคนที่นั่งอยู่ในห้องด้วย “แต่หม่อมฉันคิดว่าพระองค์เองก็คงรู้แล้วว่าหม่อมฉันจะมาสารภาพเรื่องใด”
“เป็นเช่นนั้น”
ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยเสียงเรียบพร้อมมองผู้เป็นภรรยาที่ก้มหน้าหลบสายตาอยู่ “สนุกหรือไม่?”
“เพคะ?”
“เจิ้นถามว่าได้ไปเที่ยวเล่นสนุกหรือไม่?” ฮ่องเต้หนุ่มย้ำคำถามอีกครั้งพร้อมยิ้มมุมปาก
“อยู่ในวังคงเบื่อแย่เลยสินะ”
“ประมาณนั้นเพคะ พระองค์จะลงโทษหม่อมฉันรึเปล่า?” แบมแบมเอ่ยถามตามตรง
ดูจากสายตาแล้วชายหน้าตาดุดันคนนั้นจะไม่ค่อยพอใจเสียเท่าไหร่ แต่ใครสนกันล่ะ? “หรือจะทรงปล่อยให้เป็นความลับดีล่ะเพคะ?”
“ท่านจะไม่ลงโทษนางงั้นหรือ ฮ่องเต้” ต้วนอี้ฟานเอ่ยถามเสียงเรียบ
ทุกครั้งที่เขามองไปในดวงตาของน้องสะใภ้ผู้นี้ นางไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย…น่าจับมาตียิ่งนัก “ฮ่องเต้”
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้แค่เบื่อวังหลวงเองนะ ไม่เห็นต้องให้ลงโทษนางเลย”
ต้วนซือชุนเอ่ยขึ้นพร้อมมองพี่สะใภ้คนสวยที่ไม่มีท่าทีเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย “ให้นั่งๆนอนๆอยู่ในที่เดิมๆเป็นใครก็ต้องเบื่อเป็นธรรมดา”
“นั้นสิๆ แล้วอีกอย่างพี่สะใภ้ก็พึ่งหนีออกจากวังเป็นครั้งแรกเองนะ”
ควานลินเอ่ยเสริมขึ้น “พวกเราหนีออกจากวังบ่อยจะตาย ฮ่องเต้ก็รู้แต่ไม่ลงโทษด้วย”
“ต้วนซือชุน!! ต้วนควานลิน!!”
เสียงคำรามของผู้เป็นพี่ใหญ่ทำให้น้องชายทั้งสองคนสะดุ้งตัวสั่นจนเผลอหนีมาหลบด้านหลังผู้เป็นพี่สะใภ้ที่นั่งนิ่งไม่ขยับตัว
“พี่ใหญ่ อย่าโกรธน้องสี่กับน้องหกไปเลย” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยเสียงหนุ่มพร้อมมองน้องชายสองคนที่กำลังหลบหลังผู้เป็นภรรยา
“ครั้งนี้เจิ้นจะไม่ลงโทษฮองเฮา แต่อย่าให้มีครั้งที่สองอีกเป็นอันขาด…ให้มันเป็นความลับของคนในห้องนี้เท่านั้น”
“เพคะ”
“พวกเจ้าออกไปก่อน เจิ้นมีเรื่องจะสนทนากลับฮองเฮาเป็นการส่วนตัว”
ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยปากไล่พร้อมชี้ไปทางประตู “เชิญ”
“งั้นข้าทูลลา” ชินอ๋องทั้งสามโน้มตัวทำความเคารพฮ่องเต้หนุ่มก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“เรื่องหญิงที่พระองค์ทรงมีใจให้รึเปล่าเพคะ?” คำถามของแบมแบมดูเหมือนจะตรงประเด็นจนฮ่องเต้หนุ่มต้องชะงัก
“จริงๆ พระองค์แต่งนางเข้าวังมาวันนี้หรือพรุ่งนี้เลยก็ได้นะเพคะ”
“ฮองเฮารับได้อย่างนั้นหรือ?”
เขาล่ะอยากรู้จริงๆว่าหญิงเช่นนางจะทำอย่างไรหากเขารับโจวจื่อวีเข้าวัง
“หน้าที่ของภรรยาคือเชื่อฟังสามี
หากสิ่งใดที่ทำแล้วสามีมีความสุขแล้วล่ะก็หม่อมฉันก็ยินดีจะทำเพคะ”
“งั้นหรือ…เจิ้นจะรับนางเข้าวังในวันพรุ่งนี้
ฮองเฮาช่วยเตรียมตำหนักให้นางด้วยและอำนาจวังหลังเป็นของฮองเฮา”
“เพคะ”
“พี่สะใภ้!!” ทันทีที่แบมแบมออกมาจากห้องก็ต้องตกใจเมื่อมีคนสองคนกำลังดักรอเธออยู่
“ชินอ๋องทั้งสอง!!” แบมแบมร้องอุทานด้วยความตกใจ “เหตุถึงโผล่มาเช่นนี้เล่า
หากเปิ่นกงหัวใจวายขึ้นมาจะทำเช่นไร”
“พี่สะใภ้ ท่านนี่น่าเชื่อชมจริงๆที่ไม่กลัวพี่ใหญ่เลยแม้แต่น้อย”
ซือชุนกระซิบบอกพร้อมหันมองซ้ายมองขวา
“พี่สะใภ้ ฮ่องเต้คุยเรื่องอะไรกับท่านอย่างนั้นหรือ?”
ควานลินเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ก็เรื่องทั่วไป พระองค์แค่บอกจะแต่งหญิงในดวงใจเข้าวังในวันพรุ่งนี้”
แบมแบมตอบตามความจริงแต่คำตอบของเธอทำให้ชินอ๋องทั้งสองต่างพากันตะลึงไปตามๆกัน “เหตุต้องตกใจเช่นนั้นด้วยเล่า?”
“พี่สะใภ้ ท่านไม่เข้าใจหรอก”
ซือชุนทำท่าเลิกลักจนแบมแบมอดสงสัยไม่ได้ “คือข้ากับน้องหก
ไม่ค่อยชอบหญิงคนนั้นเสียเท่าไหร่”
“ใช่
พี่สะใภ้หากท่านได้รู้จักนางล่ะก็ท่านเองก็ไม่ชอบนางเช่นเดียวกับพวกข้า”
ควานลินเอ่ยเสริมพร้อมทำสีหน้าไม่พอใจ
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ
หากคราวหลังพวกเจ้าสองคนคิดอยากไปเที่ยวกันอีกอย่าลืมมาชวนเปิ่นกงนะ”
คำพูดของแบมแบมทำให้ชินอ๋องทั้งสองยิ้มร่าพร้อมหัวเราะชอบใจในตัวพี่สะใภ้ของพวกเขา
หลังจากวันที่ฮ่องเต้แต่งตั้งหญิงสาวนามว่าโจวจื่อวีเข้ามาในฐานะหวงกุ้ยเฟย
เท่าที่สังเกตดูแล้วนางเป็นหญิงที่มีหน้าตางดงามมากเลยทีเดียว
ไม่แปลกใจเลยว่าทำให้ฮ่องเต้ถึงได้ตกหลุมรักนางแต่ชินอ๋องทั้งสองเอาแต่มาเป่าหูเธอว่าอย่าไปเชื่อรูปกายภายนอกของนาง
ซึ่งตรงข้ามกับอ๋องอี้ฟานที่บอกให้นางทำตามหน้าที่ของนาง
หน้าที่ดูแลวังหลังตามที่ฮ่องเต้สั่งและทำหน้าที่ของภรรยาที่ดี
วันนี้เป็นอีกวันที่แบมแบมหนีอ๋องทั้งสองมานั่งอ่านหนังสือในสวน
อากาศปลอดโปร่ง ต้นไม้งามส่งกลิ่นหอมชวนฝัน แดดที่ไม่แรงจนเกินไป
บรรยากาศโดยรวมของวันนี้ช่างน่านอนเสียเหลือเกิน แบมแบมคว่ำหนังสือในมือลงพร้อมบิดขี้เกียจพร้อมล้มตัวลงนอนลง
“วันนี้อากาศดีจริงๆเลยนะ ช่างเหมาะแก่การนอนกลางวันยิ่งนัก”
แบมแบมเอ่ยขึ้นพร้อมจิบชาสบายๆ
“เหนียงเหนียง ท่านจะทรงทำกริยาเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ”
เสี่ยวไจ้เตือนขึ้นด้วยน้ำเสียงดุทำให้แบมแบมยู่หน้าอย่างไม่พอใจ
เสี่ยวไจ้ได้แต่ถอนหายใจให้กับผู้เป็นนาย ทันทีที่เงยหน้าขึ้นนางก็พบกับหวงกุ้ยเฟยและบ่าวรับใช้ของนางกำลังเดินมา
“เหนียงเหนียง หวงกุ้ยเฟยกำลังมานะเพคะ”
“โจวจื่อวี คารวะฮองเฮา”
นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานทำให้แบมแบมหันไปมองแล้วยิ้มให้นาง “เหนียงเหนียงคงไม่รังเกียจหากหม่อมฉันจะขอนั่งด้วย”
“เหตุใดเปิ่นกงต้องรังเกียจหวงกุ้ยเฟยด้วยเล่า”
แบมแบมเอ่ยขึ้นพร้อมผายมือเชิญให้นางนั่ง “เสี่ยวไจ้รินชาให้หวงกุ้ยเฟย”
“เพคะ ฮองเฮา”
“เหนียงเหนียงดูยังเยาว์วัยอยู่เลยนะเพคะ หากหม่อมฉันจะขอถามอายุจะได้มั้ย?”
“สิบแปด” แบมแบมสังเกตผู้หญิงตรงหน้าพร้อมในหัวกำลังประมวลผลบางอย่างอยู่
“หวงกุ้ยเฟย รีบๆมีพระโอรสให้ฮ่องเต้ได้แล้วนะ”
“เหนียงเหนียงล่ะก็…พูดอะไรก็ไม่รู้”
นางทำขัดเขินจนแบมแบมอดรู้สึกเอียนไม่ได้
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชินอ๋องทั้งสองถึงไม่ชอบนาง “แต่อย่างไรเหนียงเหนียงคงต้องมีก่อนนะเพคะ
ก็เหนียงเหนียงแต่งเข้ามาก่อนหม่อมฉัน”
“ไม่หรอก เปิ่นกงไม่ค่อยชอบเด็กเสียเท่าไหร่…แหกปากเสียงดัง
ควบคุมก็ยาก”
“เป็นเช่นนั้นไป”
บางทีแบมแบมก็อยากจะตบหรือทำอะไรเพื่อสั่งสอนผู้หญิงตรงหน้าเหลือเกิน
เธอไม่ได้โง่ขนาดจะมองมารยาหญิงด้วยกันไม่ออกนะ
|
ความคิดเห็น