คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : ๒๒.ดื่มชาที่วังชินอ๋องอี้ฟาน 125%
ต้วนควานลินได้รับรู้ว่าพี่สะใภ้คนรองของเขานั้นช่างเป็นคนที่รอบคอบและช่างวางแผนเสียยิ่งกว่าอะไร นางมาอยู่ที่นี้ไม่ถึงปีเลยด้วยซ้ำแต่นางรู้แม้กระทั้งว่าเขานั้นมีทหารที่ฝึกมาเองเป็นการส่วนตัวซึ่งทหารพวกนั้นขึ้นตรงกับเขาและตัวเขาก็ขึ้นตรงกับพี่รองซึ่งเป็นฮ่องเต้
การมาดื่มชายามบ่ายนั้นเป็นเพียงแค่ฉากหน้าเท่านั้น
แม้พี่สะใภ้คนรองจะบอกถึงเหตุผลที่เชิญภรรยาของหลินไจ้ฟ่านมานั้นก็เพราะว่าหลินเจินหรงเป็นเพื่อนกับนางและอีกเหตุผลก็เพราะหลินเจินหรงเองก็มีวิชาแพทย์ติดตัวมาเล็กน้อยถึงจะไม่ได้เก่งกาจเท่าไหร่หลินไจ้ฟ่าน
แต่ความสามารถของหลินเจินหรงก็สามารถจ่ายยาให้คนป่วยได้
“เจ้าเองก็คงพอจะทราบเรื่องจากไจ้ฟ่านบ้างแล้วสินะ”
แบมแบมจิบชาอย่างใจเย็นพร้อมหันไปมองหลินเจินหรงเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงใจเย็น
“เรื่องที่โจวหวงกุ้ยเฟยกำลังตั้งครรภ์และเรื่องที่ฝ่าบาทเปลี่ยนไป”
“เพคะ แต่หม่อมฉันไม่ได้ทราบอะไรมากมายนะเพคะ”
หลินเจินหรงพยักหน้ารับแล้วพูดต่อ “ไจ้ฟ่านแค่บอกว่าไม่เข้าใจเหตุผลที่ฝ่าบาทให้หมอหลวงหลายต่อหลายคนไปตรวจโจวหวงกุ้ยเฟยตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
เขาบอกว่าทั้งๆที่เขาเป็นหมอหลวงส่วนพระองค์ของฮวงโห่วเหนียงเหนียงแต่ก็ต้องไปตรวจโจวหวงกุ้ยเฟย…ไจ้ฟ่านดูเหมือนจะสงสัยเรื่องนี้มากเลยเพคะ”
“ฉลาดสมเป็นคนของน้องสะใภ้จริงๆ”
อี้ชิงเอ่ยชมก่อนจะหันไปมองสำรวจหลินเจินหรงก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“แล้วไจ้ฟ่านได้พูดอะไรอีกหรือไม่?”
หลินเจินหรงส่ายหน้าไปมาพร้อมพูดว่า“ไม่มากเพคะ
โดยปกติไจ้ฟ่านไม่ค่อยพูดเรื่องในวังที่บ้านของเราเพคะ”
นางนั่งครุ่นคิดบางอย่างอยู่ครู่ก่อนจะพูดขึ้น “หม่อมฉันไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวหรือไม่นะเพคะ
แต่ไจ้ฟ่านเคยพูดว่าตอนที่ฝ่าบาทเรียกตัวไปพบครั้งล่าสุด…เขาได้กลิ่นสมุนไพรแปลกๆเพคะ
ไจ้ฟ่านบอกกับหม่อมฉันว่าห้องทรงงานของฝ่าบาทไม่เคยมีกลิ่นสมุนไพรชนิดนี้มาก่อน”
“เหมือนว่าเราจะพอได้เรื่องอะไรบางอย่างบ้างแล้วเนอะ
ชินอ๋องควานลิน” แบมแบมที่ฟังหลินเจินหรงพูดจบก็หันไปยิ้มให้ชินอ๋องต้วนควานลิน
“ก็จริงพ่ะย่ะค่ะ
แต่ยังจะเหลือหลักฐานอยู่หรือไม่นั้นก็ไม่มีใครรู้ได้นอกจากผู้วางแผน”
ต้วนความลินพูดพร้อมทำหน้าเซ็งๆก่อนจะพูดบางอย่าง
“ถ้าเป็นพี่สี่คงจัดการเรื่องนี้ได้ดีกว่าข้าแน่ๆ”
แบมแบมหันไปมองหน้าพี่อี้ชิงครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ทุกคนล้วนมีความสามารถและความเก่งกาจไปคนละแบบคนละอย่าง”
มือเรียวยกขึ้นลูบหัวน้องเขยอย่างเอ็นดูพร้อมยิ้มอย่างใจเย็นแล้วพูดขึ้นว่า
“ดูอย่างชินอ๋องอี้ฟานสิ…เขาเป็นคนที่คำนวณอะไรต่อมิอะไรเก่งและดูเหมือนจะชอบชักใยอยู่เบื้องหลังด้วย
ส่วนฝ่าบาทก็เป็นคนที่ปกครองและบริหารบ้านเมืองเก่ง
ชินอ๋องซือชุนเองก็ปรับตัวกับสิ่งรอบข้างได้เก่งที่สุดในบรรดาพวกท่าน”
“…”
“ส่วนเจ้า…ชินอ๋องควานลินนั้นมีความช่างสังเกตและใส่ใจคนอื่นๆ
และข้าก็เชื่อว่าเจ้าเองก็คงมีความสามารถในการฝึกทหารไม่มากไม่น้อยกว่าแม่ทัพหวังเป็นแน่”
“น่าอายยิ่งนักที่ต้องให้พี่สะใภ้รองที่อายุน้อยกว่ามาสอน”
ชายหนุ่มเพียงบนเดียวในโต๊ะน้ำชาพูดอย่างเขินอาย “ท่านไม่ต้องห่วงนะ
ข้าจะหาให้เจอให้ได้ว่าอะไรที่ทำให้พี่รองเปลี่ยนไปและจะกำจัดมันทิ้งไปให้สิ้น”
ชายหนุ่มยิ้มร่าก่อนจะหันมาสนใจสตรีที่กำลังตั้งท้องอยู่ตรงหน้าพร้อมนั่งย่อตัวจนสายตาอยู่ในระดับเดียวกับท้องของพี่สะใภ้ใหญ่
“อาขอโทษนะที่ต้องให้แม่ของเจ้ามาฟังเรื่องอะไรเครียดๆ แต่คราวหลังมันจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอน
อาสัญญาเลย”
“เจินหรงเจ้าเองก็พอจะมีความรู้ทางด้านการแพทย์อยู่บ้าง
ถ้าอย่างนั้นช่วยตรวจดูให้หน่อยได้หรือไม่ว่าหลานของพวกข้าสบายดูหรือไม่”
แบมแบมหันไปพูดกับหลินเจินหรงที่นั่งเงียบอยู่นาน
“ได้เพคะ
แต่หม่อมฉันไม่ได้เก่งกาจเท่าหมอหลวงหรอกนะเพคะ” ทันทีที่นางพูดจบนางก็หันไปตรวจดูอาการของอี้ชิงก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า
“เด็กในครรภ์ของพระชายาร่างกายแข็งแรงสมบรูณ์ดีเพคะ
ช่วงนี้ท้องจะใหญ่ขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
หม่อมฉันขอไม่ให้พระชายาเดินมากนะเพคะและถ้าฝ่าเท้าเกิดบวมขึ้นมาก็ให้นวดนะเพคะ”
หลินไจ้ฟ่านพลิกตัวมามองหน้าผู้เป็นภรรยาพร้อมเอ่ยถามขึ้น
“เหตุใดจึงถามเช่นนี้เล่า?”
“ถึงฮองเฮาจะไม่ได้แสดงออกมากมายเท่ากับโจวหวงกุ้ยเฟย
แต่ข้ารู้สึกได้นะว่านางนั้นก็มีใจให้ฝ่าบาทไม่มากก็น้อย แต่ฝ่าบาทนี้สิ…”
หลินเจินทรงทำท่าจะพูดแต่ก็ถอนหายอย่างอย่างเหนื่อยๆออกมาเสียก่อนพร้อมสบตากับสามีและพูดขึ้นว่า
“ข้านั้นช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีเสียจริง มีสามีที่รักข้าและดูแลข้าอย่างดีมาโดยตลอด”
หลินไจ้ฟ่านไม่ได้พูดอะไรเพียงยิ้มรับและจุมพิตที่หน้าผากของภรรยาอย่างรักใครก่อนจะพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน
บอกตามตรงนะว่ามีหลายครั้งที่ข้ารู้สึกว่าฮองเฮาเป็นคนที่เข้าใจยาก…แต่เอาเข้าจริงแล้วฝ่าบาทต่างหากที่เข้าใจได้ยากที่สุด”
“…”
“ทั้งๆที่คิดว่าชินอ๋องอี้ฟานเจ้าเล่ห์มากที่สุด
แต่เอาเข้าจริงฝ่าบาทนี้แหละที่เจ้าเล่ห์ที่สุด”
หลินไจ้ฟ่านพูดขึ้นก็ที่ให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เขามารายงานเรื่องที่โจวหวงกุ้ยเฟยตั้งครรภ์ให้ฝ่าบาททราบและเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของฮ่องเต้หนุ่มเป็นครั้งแรก
“จริงๆแล้วทั้งฮ่องเต้และฮองเฮาทั้งสองต่างก็รักกันมิใช่หรือ
ถึงจะไม่มีฝ่ายไหนแสดงท่าทีว่ารักกัน…แต่ถ้าหากเจ้าสังเกตแววตาที่ทั้งสองมองกันละก็จะเห็นว่าพวกเขาทั้งสองนั้นรักกัน”
“คิดว่าพวกเขาทั้งสองจะได้บอกรักและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขหรือไม่?”
หลินเจินหรงเอ่ยถามสามีด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงบุคคลที่สามที่พวกเขากำลังเอ่ยถึงอยู่
“นั้นมันก็แล้วแต่ว่าสวรรค์จะเห็นสมควรหรือไม่
นอนเถอะ…ตอนนี้ดึกแล้วนะ”
แบมแบมยืนมองแม่ทัพหวังที่กำลังยืนจีบเสี่ยวไจ้อยู่
จริงๆต้องพูดให้ถูกว่ามีเธอ โหย่วเจียนและชินอ๋องอีกสองคนต่างหาก ก็ไม่ได้อยากจะเสียมารยาทมาฟังคนอื่นเขาคุยกันหรอกนะ…แต่พอดีเห็นว่านางกำนัลคนสนิมพ่วงตำแหน่งเพื่อนเล่นตั้งแต่เด็กของแบมแบมไม่ยอมมาที่ตำหนักเสียที
ทั้งๆที่ชินอ๋องซือชุนมาถึงแล้วแท้ๆแต่เสี่ยวไจ้กับโดนแม่ทัพหวังรั้งตัวไว้พร้อมเอ่ยถ้อยคำจีบสาวหวานเลี่ยนสารพัดจนคนฟังทั้งสี่รู้สึกอยากจะอ้วกแทนเสี่ยวไจ้ขึ้นมาเลยก็ว่าได้
“ข้าฟังอีกไม่ไหวหรอกนะ”
ต้วนควานลินเอ่ยขึ้นพร้อมทำท่าพะอืดพะอมสุดๆ
“ข้าเองก็ด้วย”
ต้วนซือชุนพดเสริมขึ้นมาพร้อมทำท่าทางไม่ต่างจากน้องชายต่างมารดา
“แม่ทัพหวังนี่ร้ายกาจใช่เล่นเลย วาจาคมคายยิ่งนัก”
แบมแบมหันไปมองโหย่วเจียนเล็กน้อยก่อนที่ชายหนุ่มจะพยักหน้ารับ
“ฮวงโห่วเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ
อย่าได้ทรงเป็นกังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ
เดี๋ยวพวกเราก็ต้องเจอเสี่ยวไจ้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“นางหลงทางหรืออย่างไรกัน
ชินอ๋องซือชุนเองก็กลับมาแล้วแท้ๆแล้วไยนางถึงยังไม่ได้กลับมาด้วยกันอีกเล่า”
“ถวายบังคมฮวงโห่วเหนียงเหนียง
ชินอ๋องทั้งสองพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ” แม่ทัพหวังรีบดีดตัวออกห่างจากเสี่ยวไจ้ทันที
“น่าแปลกใจยิ่งนัก
เปิ่นกงไม่เห็นจะรู้เลยว่าท่านแม่ทัพหวังนั้นสนิทถึงขั้นจับไม้จับมือกับนางกำนัลคนสนิทของเปิ่นกง”
แบมแบมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบปนเย็นนิดๆก่อนจะหันไปมองทางเสี่ยวไจ้เล็กน้อยเป็นสัญญาณให้นางมาหาเธอ
“จริงสิ ไหนๆก็เจอกันแล้วเชิญพวกท่านไปดื่มชาที่สวนของเปิ่นกง…เปิ่นกงมีหลายเรื่องที่ต้องการปรึกษากับพวกท่าน”
ตลอดทางที่เดินมายังสวนแบมแบมสังเกตเห็นว่าแม่ทัพหวังแอบลอบมองเสียวไจ้ของเธออยู่เป็นระยะๆอยู่ตลอด
จริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้รังเกียจอะไรแม่ทัพหวังหลอกนะ
แต่กฎของนางกำนัลก็คือห้ามมีสามีเด็ดขาดและถ้าเธอช่วยให้ทั้งสองคนสมหวังในรักมันก็ได้อยู่หรอกนะ…เพราะเธอเป็นเจ้านายของเสี่ยวไจ้มีอำนาจมากพอที่จะอนุญาตหรือยกเลิกการเป็นนางกำนัลของเสี่ยวไจ้ได้
แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงต่อให้เสี่ยวไจ้แต่งงานกับแม่ทัพหวังจริงเธอก็คงหนีไม่พ้นฐานะอนุภรรยาหรือมากสุดก็คงเป็นภรรยารองแน่ๆ
ทันทีที่ถึงศาลาในกลางสวนแบมแบมก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเธอได้พบกับแขกที่อยู่เหนือความคาดคิดอย่างชินอ๋องต้วนอี้ฟาน
ส่วนหลินไจ้ฟ่านที่เธอนัดมาด้วยนั้นยืนอยู่ด้านหลังชินอ๋องต้วนอี้ฟานพบก้มหน้ามองพื้น
แบมแบมไม่ได้พูดหรือแสดงกริยาใดๆเพียงแค่บอกให้เสี่ยวไจ้ไปเตรียมชามาตามจำนวนคนและให้เตรียมของว่างมาด้วย
“รู้สึกแปลกใจไม่น้อยเลยจริงๆที่ท่านอี้ฟานมาพบข้าด้วยตัวเองแถมมาโดยไม่ได้บอกหรือนัดหมายล่วงหน้าเสียด้วย
น่าแปลกใจจริงๆ”
แบมแบมพูดพร้อมยกจอกชาขึ้นมาดื่มก่อนจะฉีกยิ้มหวานให้พี่สามีพร้อมพูดขึ้นว่า
“แต่ก็ดีแล้ว ถ้าสนทนาทีพร้อมกันให้หมดเลยน่าจะดีกว่า”
ชินอ๋องต้วนอี้ฟานถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“โดยปกติข้าไม่คิดอยากจะขอความร่วมมือจากฮองเฮาถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
ข้าคิดว่าฮองเฮาเองก็คงจะพอทราบเรื่องที่ข้าเป็นคนเสนอให้ท่านกับอี้เอินแต่งงานกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น”
ดวงตาคมมองมาที่แบมแบมอยู่นานเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด
“อี้เอินเองก็ดูเหมือนจะมีใจให้ฮองเฮาอยู่ไม่น้อย
ไม่อย่างนั้นตอนที่เจ้าได้รับบาดเจ็บคงไม่วิ่งออกจากห้องทรงงานแล้วไปสั่งทหารให้ไปจับนางกำนัลคนนั้นมาเค้นความจริงหรอก
โดยปกติอี้เอินเองก็เป็นพวกเจ้าแผนการอยู่แล้ว…แต่ตอนนี้น้องชายของข้ากำลังเปลี่ยนไปมากจนทำให้ข้าและเสด็จแม่เป็นกังวล
ไม่สิ! ต้องบอกว่าเขาทำให้ทุกคนเป็นกังวลต่างหาก”
“พี่ใหญ่ความจริงแล้วพี่รองโดนวางยา”
ชินอ๋องต้วนควานลินพูดจบก็หยิบหญ้าหน้าตาแปลกขึ้นมาหนึ่งกำมือพร้อมเม็ดยาขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือขึ้นมาหนึ่งเม็ด
ชินอ๋องหนุ่มวางของพร้อมพูดต่อ “หญ้านี่คือหญ้าลุ่มหลง
ส่วนสมุนไพรนี่เองก็สกัดมาจากหญ้าลุ่มหลง…ความจริงหญ้าลุ่มหลงนั้นไม่ได้เป็นพิษอะไรเพียงแค่สูดดมก็จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
แต่มีคนอุตริเอาหญ้าลุ่มหลงมาสกัดเป็นยาเม็ดแบบนี้”
“กระหม่อมขออนุญาตอธิบายนะพ่ะย่ะค่ะ”
หลินไจ้ฟ่านพูดขึ้นในฐานะที่เขามีความรู้เรื่องพวกนี้มากที่สุดพร้อมอธิบายว่า
“จริงๆหญ้าลุ่มหลงไม่ได้เป็นพิษอะไรเลยนะพ่ะย่ะค่ะ
ต่อให้คนหรือสัตว์กินไปก็จะไม่เกิดพิษอะไร
แต่คนที่สกัดหญ้าลุ่มหลงจนเป็นยาได้แบบนี้มีเจตนาที่จะดึงฤทธิ์ของหญ้าลุ่มหลงให้มากขึ้นกว่าเดิมจากที่ปกติต้องการเพียงแค่สูดดม
แต่นี้ไปสกัดปนกับสมุนไพรอะไรบางอย่างจึงทำให้ผู้ที่สูดดมทำตามคำสั่งของคนได้ง่าย
หากเป็นไปตามที่กระหม่อมคาดการณ์ละก็…ฝ่าบาทจะไม่เหลือสตินึกคิดของตัวเองและจะเป็นเพียงแค่หนุ่มเชิดเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“บัดซบที่สุด!!!”
ชินอ๋องต้วนอี้ฟานกัดฟันพูดพร้อมทำหน้าไม่พอใจ
“หากอี้เอินไม่ได้สติกับมาโดยไวแล้วเรื่องกองหารกับเรื่องที่จะทำศึกกับ…”
“ทำศึกอย่างนั้นหรือ?”
แบมแบมหันไปมองพี่สามีด้วยความไม่เข้าใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“จริงด้วย เรื่องออกรบหรือทำศึกหาใช่เรื่องของสตรีเช่นข้า”
“เอ่อ…ตอนนี้ข้าคิดว่าเราเร่งหายามารักษาพี่รองก่อนที่อะไรๆมันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้และถ้าเสด็จแม่ฮองเฮากังวลเรื่องพี่รองจนล้มป่วยขึ้นมาจะแย่เอาได้”
ชินอ๋องต้วนซือชุนพูดขึ้นหลังจากเงียบอยู่นานพร้อมหยิบซองจดหมายที่แนบอกออกมาให้แบมแบม
“เสด็จย่าของพี่สะใภ้ฝากจดหมายมาให้นะ เสด็จย่าของพี่สะใภ้ถามไถ่เรื่องพี่สะใภ้จากข้าหลายต่อหลายเรื่องเลยนะ
ดูนางจะเป็นห่วงและคิดถึงพี่สะใภ้มากเลยนะ”
“ขอบใจมากนะ”
หวังเจียเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังชินอ๋องต้วนอี้ฟานโน้มตัวกระซิบ
“ชินอ๋องไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องทหารไปพ่ะย่ะค่ะ
เดี๋ยวเรื่องทหารให้กระหม่อมกับชินอ๋องซือชุนช่วยดูแทนก่อนเอง”
“ดียิ่ง”
ชินอ๋องต้วนอี้ฟานพยักหน้ารับก่อนจะพูดขึ้น “จากนี้คงต้องมีเรื่องลำบากมากขึ้นเป็นแน่
ข้าอยากให้ทุกคนรักษาและดูแลตัวเองให้ดีที่สุด
เรื่องวันนี้ก็ถือเสียว่าไม่ได้สนทนาอะไรกัน…ใครมีหน้าที่อะไรก็ไปทำให้เรียบร้อยเสีย”
|
ความคิดเห็น