คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : ๒๑.เล่นไม่ซื่อ 125%
โจวจือหยวีหรือโจวหวงกุ้ยเฟยกำลังเดินไปเดินมาอย่างกระสับกระส่ายพร้อมด้วยใบหน้าอมทุกข์ปนวิตกกังวล
ผ่านมาประมาณเกือบจะสองอาทิตย์แล้วนับตั้งแต่วันแรกที่ฝ่าบาทมาหานางเรื่องลูกในครรภ์ของนางครั้งนั้นก็ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของฝ่าบาทอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
นางเริ่มรู้สึกแปลกใจตั้งแต่แรกๆที่ฝ่าบาทส่งหมอหลวงมาตรวจครรภ์นางหลายคนจนน่าแปลกใจแต่นางก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
เพราะคิดว่าฝ่าบาทคงไม่รู้เรื่องที่ฮองเฮาตั้งครรภ์และแท้งคงไม่อยากดีใจเก้อหากนางไม่ได้ตั้งครรภ์จริงๆและอีกอย่างที่ทำนางเอะใจก็คือคำพูดของฝ่าบาท
ทั้งๆที่นางพูดเสมอว่าลูกของเราแต่ทุกครั้งฝ่าบาทกับพูดแค่ว่าเด็กในครรภ์เป็นลูกของนางเพียงผู้เดียว
ฝ่าบาทมาหานางเพียงแค่ครั้งเดียวและหลังจากนั้นก็ไม่เคยมาหานางอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ทุกครั้งนางพยายามคิดว่าฝ่าบาทนั้นกำลังทรงงานจนยุ่งจึงทำให้ไม่มีเวลามาหานาง
แต่เพื่อทราบเรื่องจากนางกำนัลและเหล่าขันทีของนางก็ทำให้นางโกรธแทบคลั่ง
ฝ่าบาทไม่ได้ทรงงานจนยุ่งขนาดที่ไม่สามารถปลีกตัวมาหานางได้
เพราะขันทีของนางคนหนึ่งเห็นว่าฝ่าบาทยังคงแวะเวียนไปหาฮองเฮาบ้างเป็น
ฝ่าบาททรงมีเวลาให้สตรีคนอื่นทั้งๆที่นางกำลังตั้งครรภ์แต่ฝ่าบาทกับเลือกนางผู้หญิงนั้น!!!
“นางมีอะไรดีที่ข้าไม่มีกัน”
โจวจื่อหยวีกัดเล็บพร้อมขบกรามพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หรือว่าฝ่าบาทจะทรงทราบความจริงแล้ว”
“ไม่สิ!
ถ้าทรงทราบความจริงอยู่แล้วละก็คงต้องลงโทษไปแล้วสิ
แต่นี้ไม่เห็นว่าฝ่าบาทจะทรงทำอะไรเลยสักอย่างแล้วเหตุใดจึงไม่มาหาข้ากัน”
ในระหว่างที่โจวจือหยวีกำลังขบคิดอยู่นั้นนางกำนัลสาวคนหนึ่งก็เดินมา
“โจวหวงกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเพคะ อัครเสนาบดีโจวมาขอเข้าเฝ้าเพคะ”
“ท่านพ่อมาอย่างนั้นรึ”
ใบหน้าสวยขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบไปว่า “เชิญให้เข้ามาได้แล้วก็ไปเตรียมน้ำชามา
ส่วนพวกเจ้าที่เหลือออกไปได้แล้ว”
ทันทีที่อัครเสนาบดีโจวเดินเข้ามาโจวจือหยวีก็ไล่เหล่านางกำนัลและขันทีให้ออกไปจากห้องในทันทีโดยที่กำชับไว้ว่าหากไม่ได้เรียกก็ไม่ต้องเสนอหน้าเข้ามา
ทำให้ทั้งเหล่านางกำนัลและเหล่าขันทีต่างพากันรับฟังคำสั่งแต่โดยดี
เพราะพวกเขาทุกคนต่างรู้ดีว่าหากขัดใจผู้เป็นนายแล้วจึงเกิดอะไรขึ้น…นางเป็นคนโมหาร้ายจะตายไป
มีบางครั้งทีลงมือตบตีพวกนางกำนัลเพราะทำงานไม่ถูกใจบ้างก็มี
“คนของพ่อบอกมาว่าหลังจากทราบเรื่องที่เจ้าตั้งครรภ์แล้วฝ่าบาทก็มาหาลูกเพียงแค่ครั้งเดียว
เป็นเรื่องจริงหรือไม่?” อัครเสนาบดีโจวเอ่ยถามพร้อมชิบชาไปพลาง
แม้เขาจะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่เขาเองก็อยากได้คำยืนยันจากลูกสาวอยู่ดี
“เป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะท่านพ่อ
ท่านพ่อหรือว่าฝ่าบาทจะทรงทราบเรื่องที่ฮองเฮาแท้งลูกว่าเป็นฝีมือของคนของพวกเรา”
โจวจือหยวีเอ่ยถามอย่างหวาดหวั่น
“พ่อคิดว่าไม่น่าจะใช้”
อัครเสนาบดีโจวตอบก่อนจะปรับสีหน้าไปครู่ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ใครๆต่างก็รู้ว่าฝ่าบาทไม่ได้มีนิสัยที่ปล่อยให้ผู้กระทำผิดนั้นลอยนวลไปนาน”
“แล้วเหตุใดฝ่าบาทถึงได้ทำท่าทีห่างเหินกับลูกเช่นนี้ละเจ้าคะ
แล้วก็พูดเหมือนรู้ว่าเด็กในครรภ์ของลูกไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์”
ตุบ!!
“โจวจือหยวี!” อัครเสนาบดีโจวทุบโต๊ะจนเกิดเสียงดังพร้อมกัดฟันเรียกชื่อลูกสาวโดยที่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยโทสะ
“หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง จะพูดจะจาอะไรก็หัดระวังปากของเจ้าไว้เสียบ้าง”
“…”
“และที่สำคัญเด็กในครรภ์ของเจ้านั้นเป็นลูกของฝ่าบาท
หากไม่ใช้ลูกของฝ่าบาทแล้วจะให้เป็นลูกคนใครที่ไหนได้กันเล่า” อัครเสนาบดีโจวพูดทั้งๆที่รู้ความจริงอยู่เต็มอก
ความผิดพลาดของโจวจือหยวีและคนตระกูลโจวทั้งตระกูลที่ทำให้โจวจือหยวีตั้งครรภ์นั้นเริ่มต้นมาจากวันที่โจวจือหยวีมาทูลขอฝ่าบาทกับบ้านของนางเป็นเวลาหนึ่งวันโดยเนื่องจากนางต้องการไปใช้เวลาจัดงานวันเกิดให้ผู้เป็นแม่ ทั้งๆที่มันควรเป็นแค่งานเลี้ยงของคนภายในที่มีแค่คนตระกูลโจวและพวกคนที่สมคบคิดจะก่อกบฏร่วมกับตระกูลโจว
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อลูกชายของเขามาบอกว่ารองแม่ทัพเกาผู้มีฝีมือเป็นรองจากแม่ทัพหวังเจียเอ๋อร์มาขอเข้ากลุ่มด้วยโดยรองแม่ทัพเกาให้เหตุผลว่าเกลียดและไม่ชอบหน้าของหวังเจียเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย
รองแม่ทัพเกาคิดว่าแม่ทัพหวังเจียเอ๋อร์ต้องใช้ความที่ตนนั้นสนิทกับฝ่าบาทมาตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นฮ่องเต้จึงทำให้หวังเจียเอ๋อร์ได้เป็นแม่ทัพใหญ่
ค่ำคืนนั้นเป็นทั้งการฉลองวันเกิดให้ฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลโจวแล้วยังเป็นการรวมตัวของคนที่พร้อมจะก่อกบฏเพื่อโค่นล้มฮ่องเต้ต้วนอี้เอิน
ถึงแม้อัครเสนาบดีโจวจะได้ฮ่องเต้หนุ่มเป็นลูกเขยมันยังไม่เพียงพอสำหรับชายชรา
ชายชราต้องการให้ตระกูลของเขาเป็นใหญ่มากยิ่งขึ้นไปอีกและแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดีได้ฮ่องเต้หนุ่มเป็นลูกเขย
แต่ทุกอย่างมันเริ่มผิดแผนเมื่อชินอ๋องต้วนอี้ฟานพี่ชายร่วมมารดาของฮ่องเต้บอกว่าอยากให้ผู้ที่ขึ้นมาเป็นฮองเฮาคือพระธิดาของฮ่องเต้แคว้นเหอ
ความฝันของชายชราเริ่มพังขึ้นมาในทันทีแต่ยังไม่ถึงขั้นพังทลายจนกระทั้งวันที่เขาได้ทราบจากปากฮองเฮาเองว่านางกำลังตั้งครรภ์พระโอรสให้ฝ่าบาท
พระโอรสในครรภ์ที่นางไม่รู้ว่ามีนั้นเป็นเด็กที่มีบุญบารมีสูงมาก…ในตอนนั้นมีสองสิ่งที่ชายชราจะทำได้
อย่างแรกก็คือไม่พูดถึงพระโอรสในครรภ์ของฮองเฮาและสองกำกัดเด็กไปให้พ้นทาง
ในวันนั้นหลินไจ้ฟ่านไปตรวจดูอาการของฮองเฮาและน่าจะบอกเรื่องที่นางแท้งลูกคนแรกให้นางรับรู้แล้ว
แต่ความน่าประหลาดก็คือฮองเฮาแทบจะไม่ร้องไห้ฟูมฟายถึงลูกที่ตายจากเลยแม้แต่น้อย
นางทำเพียงสวดมนต์ของให้ลูกนางได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่า
ภายหลังเขาจึงได้ทราบว่าฮองเฮานั้นไม่ค่อยจะชอบเด็กเสียเท่าไหร่…นั้นคงเป็นอีกเหตุผลที่นางเลือกจะไม่บอกฝ่าบาท
และคืนวันเกิดของฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลโจวนั้นได้นำความน่าอับอายมาให้อัครเสนาบดีโจว
เมื่อชายชราพบว่าโจวจือหยวีลูกสาวที่เขาภาคภูมิใจนั้นได้เมาสุราจนเผลอไปหลับนอนกับรองแม่ทัพเกา
ทั้งลูกสาวและมารดาของนางต่างพากันร้องไห้และเอ่ยขอโทษเขาเสียยกใหญ่ ส่วนรองแม่ทัพเกาเองก็คุกเข่าโขกหัวกับพื้นเพื่อขอโทษและหวังให้เขายกโทษให้
‘ท่านพ่อ อึก…ลูกไม่ได้ตั้งใจนะเจ้าคะ ฮื่อๆ’
ลูกสาวที่แสนภาคภูมิใจของเขาร้องไห้พร้อมกอดขาเขาไว้แน่น
ปากนางเอ่ยคำขอโทษที่ทำให้เขาผิดหวังอยู่ตลอดเวลาจนแทบจำขาดใจตายเพราะไม่ได้หายใจ
‘ท่านพี่อภัยให้ลูกของเราเถอะ
น้องผิดเองที่ให้ลูกดื่มสุรา’
ฮูหยินของเขาคุกเข่าก้มหน้าลงพร้อมร้องขอให้เขาให้อภัยลูกสาว
‘อัครเสนาบดีโจวหากท่านจะลงโทษใครสัก
โปรดลงโทษข้าเถอะขอรับที่ข้าไม่หักห้ามใจตัวเองจนได้ทำการย่ำยีเกียรติ์ของโจวหวงกุ้ยเฟยไป’ รองแม่ทัพเกาคุกเข่าโขกหัวลงกับพื้นพร้อมขอรับโทษจากเขาเพียงผู้เดียว
ถึงจะโกรธชายตรงหน้ามากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่ได้โง่พอที่จะลงโทษอีกฝ่าย
หากลงโทษอีกฝ่ายก็เท่ากับเอาลูกสาวตัวเองไปประจารดีๆนี่เอง
นอกจากฮ่องเต้แล้วใครมันจะไปมีอำนาจลงโทษแม่ทัพหรือรองแม่ทัพได้กันเล่า ถึงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจขอโทษจริงรึเปล่าแต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นรู้เรื่องที่เขาไม่สามารถลงโทษสถานหนักให้ได้อยู่แล้วจึงได้เอ่ยปากพูดมา …ช่างเจ้าเล่ห์นักนะ
‘พลาดไปแล้วมันก็แก้อะไรไม่ได้
ก็ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน’
ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเดินตรงไปเตะที่ใบหน้าของรองแม่ทัพเกาก่อนจะพูดต่อ
'นี่คือโทษของเจ้า'
“ท่านพ่อท่านเรียกลูกมามีอะไรหรือขอรับ?”
โจวจือสวีลูกชายคนโตและคนที่บอกว่ารองแม่ทัพเกาต้องการเข้าพวกกับเขาเอ่ยถามขึ้น
“ท่านพ่อขอรับ”
ชายชรามองจ้องไปที่ดวงตาของลูกชายด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออกก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เจ้าเคยบอกว่ามีที่สามารถทำให้เกิดอาการลุ่มหลงได้จริงหรือไม่?”
โจวจือสวีขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจก่อนจะตอบไปว่า
“จริงขอรับ ท่านพ่อต้องการหรือขอรับ?” เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อพยักหน้าแทนคำตอบโจวจือสวีก็พูดขึ้นว่า
“แต่ฤทธิ์ของยามันอยู่ไม่ได้นานมากหรอกนะขอรับ
และมันทำให้ผู้ที่สูดดมหลงใหลคนแรกที่เห็นหน้าแต่ไม่ได้สามารถบังคับจิตใจได้นะขอรับ”
“เจ้าไม่เคยได้ยินหรอกหรือว่าความรักและความหลงใหลนั้นมีอำนาจมากพอจะทำให้คนคนหนึ่งคลั่งได้เลย”
ชายชราพูดขึ้นพร้อมอธิบายต่อ
“ฤทธิ์มันอาจอยู่ได้ไม่นานแต่คำสั่งของผู้เป็นฮ่องเต้นั้นมีผลบังคับใช้อยู่ตลอด
หากฝ่าบาทกับมาหลงใหลในตัวหยวีเอ๋อร์อีกครั้งละก็ไม่ว่านางจะขออะไรฝ่าบาทก็พร้อมจะหามาประเคนให้นางทั้งนั้นแหละ”
“ท่านคงไม่ได้คิดจะใช้ยาเพื่อให้หยวีเอ๋อร์ขึ้นเป็นฮองเฮาหรอกนะขอรับ”
โจวจือสวีเอ่ยถามอย่างลองเชิง
“ทำไม่ได้หรอก
ฝ่าบาทมีรับสั่งบางอย่างให้ชินอ๋องซือชุนเดินไปแคว้นเหอ…หากทำให้หยวีเอ๋อร์ขึ้นเป็นฮองเฮาละก็คงเกิดสงครามขึ้นเป็นแน่”
ชายชราพูดเสียงเรียบ “แต่แค่ลดอำนาจฮองเฮาลงหน่อยคงน่าจะพอทำได้”
“ลูกจะเร่งหายามาให้เองขอรับ
ท่านพ่อ”
“ดียิ่ง”
ชายชรายกยิ้มเจ้าเล่ห์
ตอนแรกเขาไม่คิดจะทำอะไรฮองเฮาที่มากจากต่างแคว้นเลยถ้าไม่ติดว่าฮ่องเต้มีท่าทีที่ดูเหมือนว่าจะหลงนางมากกว่าหยวีเอ๋อร์ลูกสาวของเขา
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงแล้วถ้าเกิดนางตั้งครรภ์พระโอรสขึ้นมาอีกรอบละก็…ฝ่าบาทคงให้พระโอรสที่เกิดจากฮองเฮาขึ้นครองราชย์ต่อเป็นแน่
“มีอะไรรึเปล่า?”
แบมแบมที่กำลังนั่งวาดรูปสวดดอกไม้อยู่นั้นเอ่ยถามชินอ๋องควานลินที่ยืนอยู่ข้างหลัง
ที่รู้ก็เพราะชินอ๋องซือชุนยังไม่กลับมาจากการเดินทาง
“พี่สะใภ้
ข้าคิดว่าพี่รองต้อง…” ต้วนควานลินมองซ้ายทีขวาทีก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูของแบมแบม
“พี่รองต้องโดนโจวหวงกุ้ยเฟยทำอะไรใส่แน่ๆเลย
พักนี้พี่รองดูรักนางอย่างออกนอกหน้าเกินไปจนน่าแปลกใจ…ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ดูเมินเฉยนางแท้ๆ”
“อาจจะเพราะว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่จึงอยากเอาใจละมั้ง”
แบมแบมตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบทั้งๆที่ในใจกำลังว้าวุ่น “แล้วชินอ๋องอี้ฟานว่าอย่างไรกับเรื่องนี้บ้างเล่า?”
“พี่ใหญ่ไม่ได้ว่าอะไร
เพราะสำหรับพี่ใหญ่แล้วถ้าทำราชการได้ก็ถือว่าเป็นอันพอ”
ต้วนควานลินตอบอย่างไม่สบอารมณ์รัก “พี่สะใภ้ ท่านเองก็รู้สึกว่ามันแปลกไม่ใช่หรือ?”
แบมแบมวางพู่กันลงก่อนจะหันไปพยักหน้ารับ
“ข้านึกว่าเจ้าตามติดนางอยู่ตลอดเสียอีก เหตุใดไม่รู้เล่าว่านางทำการสิ่งใดอยู่”
ต้วนควานลินอึ้งไปครู่ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว
“ข้าเองก็อยากรู้แต่เชื่อว่าเรื่องนี้มันเริ่มจากจวนตระกูลโจวซึ่งข้าไม่สามารถลอบเข้าไปได้
หากลอบเข้าไปอาจทำให้เกิดปัญหาได้”
แบมแบมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น
“โหย่วเจียนออกมาหาเปิ่นกงหน่อย เปิ่นกงมีคำสั่งให้เจ้า”
“กระหม่อมอยู่นี้พ่ะย่ะค่ะ”
โหย่วเจียนปรากฏกายโดยคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแบมแบม
“หวงโฮ่วเหนียงเหนียงมีสิ่งใดโปรดเชิญรับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“พรุ่งนี้เปิ่นกงจะไปดื่มชายามบ่ายกับพี่อี้ชิงโดยเจ้าต้องไปบอกพี่อี้ชิงและไปเชิญภรรยาของไจ้ฟ่านมาด้วย
เปิ่นกงเกิดคิดถึงนางขึ้นมา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่รับคำสั่งเสร็จโหย่วเจียนก็หายตัวไปในทันที
“เป็นองค์รักที่เก่งจริงๆ
แล้วท่านจะทำไปเพื่ออะไร?” ต้วนควานลินเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
แบมแบมยิ้มบางๆก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เจ้าไม่ลองติดต่อกับพวกทหารที่แฝงตัวไปในตระกูลโจวดูเล่าเผื่อจะได้ทราบเรื่องอะไรมากขึ้น
สั่งให้ทหารส่วนตัวที่ฝึกมาเองแฝงตัวไม่ใช่อย่างนั้นหรือ?”
“จริงด้วย เดี๋ยวนะ!!
พี่สะใภ้ท่านรู้ได้อย่างไร!!!”
“เป็นความลับ
ถ้าอยากรู้จะบอกก็ได้ถ้ามาดื่มชาด้วยกันที่วังของชินอ๋องอี้ฟาน”
|
ความคิดเห็น