คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ๒.พิธีอภิเษกสมรส 125%
“เปิ่นกงล่ะไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าทำไมท่านย่ากับเจ้าถึงได้เสียอกเสียใจขนาดนั้น”
มือเรียวหวีผมของเธออย่างสบายอารมณ์ราวกับว่าทุกอย่างปกติดี
ตรงข้ามกับเสี่ยวไจ้ที่ร้องไห้สะอื้นอยู่เบื้องหลัง “พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปแคว้นต้วนแล้วนะ
มาร้องไห้คร่ำครวญไปก็เท่านั้น”
“ตะ แต่องค์หญิงของหม่อมฉันไม่สมควรต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
เสียงพูดปนเสียงสะอื้นของเสี่ยวไจ้ทำให้แบมแบมชะงักไปครู่ก่อนจะหวีผมต่อ “คนที่ควรไปคือองค์หญิงเหมยฮวาแท้ๆ”
“อย่ามาพูดเป็นตลกน่า”
น้ำเสียงราบเรียบของแบมแบมทำให้เสี่ยวไจ้ลุกขึ้นมอง นางเห็นผู้เป็นนายกำลังร้องไห้อยู่เพียงแต่ไม่มีเสียงสะอื้นเท่านั้น
“มันไม่มีความยุติธรรมหรอกนะ หากโลกนี้ยุติธรรมจริงๆล่ะก็…เปิ่นกงคงได้มีแม่เหมือนคนอื่นเขาแล้ว”
“องค์หญิง…”
“นอนได้แล้ว พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้า”
“เพคะองค์หญิง”
ในเช้าวันต่อมาทุกคนมาส่งแบมแบมหน้าวังแต่มีเพียงท่านย่าคนเดียวเท่านั้นที่ร้องไห้
ก่อนออกเดินทางพ่อของเธอได้ย้ำนักย้ำหนาเรื่องการปฏิบัติตนในฐานะภรรยาที่ดีและเขายังส่งโหย่วเจียนซึ่งเป็นองครักษ์ประจำตัวของกันเตียวในชาติก่อนมาให้ติดตามเธอไปยังแคว้นต้วนอีกด้วย
เมื่อมองแล้วพิจารณาใบหน้าของโหย่วเจียนก็ทำให้แบมแบมรู้สึกได้ว่าเขาเป็นหนุ่มที่หล่อเหลาใช้ได้
น่าเสียดายที่เธอจะต้องไปแต่งงานแล้ว ช่างน่าเสียดายจริงๆ
น่าจะเจอหมอนี่ก่อนจะได้ไม่ต้องแต่งกับฮ่องเต้ต่างเมือง
“เหตุใดถึงถอนหายใจเช่นนั้นล่ะเพคะ?” เสี่ยวไจ้ถามขึ้นอย่างสงสัย
นางสังเกตว่าผู้เป็นเอาแต่ถอนหายใจตั้งแต่ออกมาจากวังแล้ว
“เปิ่นกงน่าจะเจอโหย่วเจียนให้เร็วกว่านี้
หากเจอเร็วกว่านี้ล่ะก็เปิ่นกงจะยอมแต่งงานออกเรือนกับเขาไปแล้ว” คำพูดที่แสนตรงไปตรงมาของผู้เป็นนาย
ใบหน้าของเสี่ยวไจ้อึกอักราวกับมีเรื่องจะบอกแต่ไม่กล้าพูดออกไปได้ “มีสิ่งใดจะบอกกับเปิ่นกงหรือเปล่า
เสี่ยวไจ้”
“คือจริงๆแล้ว โหย่วเจียนนั้นเป็นพวกชายตัดแขนเสื้อ*นะเพคะ”
เสี่ยวไจ้เอ่ยเสียงหวาดพร้อมก้มหน้ามองมือไม่กล้ามองหน้าผู้เป็นนาย
เมื่อเงยหน้าไปก็พบใบหน้าของผู้เป็นนายกำลังกลั้นขำอยู่ “เหตุใดจึงทำเช่นนั้นเล่าเพคะ”
“ฮ่าๆ” มือเรียวข้างหนึ่งกุมท้องตัวเอง ส่วนอีกข้างทุบตักตัวเองเป็นว่าเล่นพร้อมทั้งส่งเสียงหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างไม่คิดอาย
“เขาเนี่ยนะชายตัดแขนเสื้อ ฮ่าๆ คะ แค่คิดเปิ่นกงก็อดไม่ได้ที่หัวเราะแล้ว”
“แต่หม่อนฉันได้ยินมาเป็นเช่นนั้นจริงๆนะเพคะ”
เสี่ยวไจ้ยังคงยืนยันอย่างหนักแน่น
“ก็ว่าไปนั้น”
“พระองค์ไม่เชื่อหม่อนฉัน” น้ำเสียงติดน้อยใจของเสี่ยวไจ้ทำให้แบมแบมยิ้มพร้อมส่ายหน้าไปมาอย่างเอ็นดู
เธออยากบอกจริงๆว่าเสี่ยวไจ้โดนหลอกเสียแล้ว
แบมแบมดูออกว่าโหย่วเจียนไม่ใช่พวกชายรักชายแน่นอน
เพียงแค่เขาคงไม่อยากแต่งงานมากกว่าจึงบอกว่าเป็นพวกชายตัดแขนเสื้อ
“เดี๋ยวเราก็รู้กัน”
*ชายตัดแขนเสื้อ คือ
พวกชายรักชาย
มือเรียวเปิดม่านรถม้าออกไปมองรอบๆ
ดวงตากลมโตสังเกตเห็นความแตกต่างของแคว้นต้วนและแคว้นเหออย่างหนึ่ง
แคว้นเหอล้อมรอบด้วยทะเลสามด้านถึงได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการค้าแต่ในทางแคว้นต้วนนั้นติดทะเลเพียงด้านเดียวคือทางทิศใต้
แต่การทำนาหรือการปลูกพืชผักของที่นี่ดูอุดมสมบูรณ์กว่าแคว้นเหออย่างเห็นได้ชัด
ทันทีที่เธอสบตากับชาวบ้านพวกเขาก็รีบโค้งคำนับทันทีราวกับรู้ว่าเธอจะมาแต่งงานกับฮ่องเต้ของพวก
รู้ดีจนน่าเบื่อหน่ายจริงๆเลยแหละ มือเรียวปิดม่านลงอีกครั้งก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่เดิมพร้อมทั้งหยิบกระจกขึ้นมา
แบมแบมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก็จะปั้นหน้ายิ้มอยู่หน้ากระจกอยู่สักพักก่อนจะวางมันลง
ทันทีที่เข้ามาถึงวังต้วนแบมแบมก็ต้องตกใจไม่น้อยเมื่อได้พบหญิงวัยห้าสิบต้นๆมายืนต้อนรับพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มจนแบมแบมทำตัวไม่ถูก
ถ้าให้เดาเธอคงเป็นแม่ขององค์ฮ่องเต้แน่ๆ แบมแบมที่อึ้งไปเมื่อครู่รีบโค้งตัวทำความเคารพนางแต่ยังไม่ทันที่จะโค้งเธอโดนดึงเข้าอ้อมกอดของอีกฝ่ายเสียก่อน
ใบหน้าสวยในบัดนี้ดูมึนงงอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ…ท่านคงเป็นพระพันปีใช่หรือไม่?” แบมแบมพยายามบังคับเสียให้เป็นปกติ
“หม่อมฉันเหอกันเตียวเพคะ”
“รู้แล้วจ๊ะ
ข้าเคยเห็นเตียวเอ๋อร์ผ่านทางรูปวาดที่พ่อของเจ้าส่งมาให้”
นางพูดพร้อมยิ้มแก้มแทบแตก
ฝ่ายแบมแบมได้แต่อึ้งเมื่อรู้ว่าพ่อของเธอได้วางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว “ตัวจริงงดงามกว่าในรูปวาดยิ่งนัก
ลูกอี้ของต้องชอบแน่ๆเลย”
“เอ่อ…”
“ไปๆ พาว่าที่ฮองเฮาไปอาบน้ำแต่งกายเร็วๆ”
สิ่งหนึ่งที่แบมแบมรู้ได้ทันทีคือพระพันปีนางเป็นผู้หญิงที่ทำอะไรรวดเร็วมากถึงมากที่สุด
“พวกเราต้องจัดการพิธีกันเย็นวันนี้นะ ไม่ใช่เย็นวันพรุ่งนี้”
“มาเถอะเพคะ” บ่าวรับใช้คนหนึ่งพูดพร้อมกึ่งลากกึ่งจูงแบมแบมมาที่ห้องอาบน้ำ
โดยตรงกลางมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่โรยไปด้วยดอกไม้หอม “ลงได้เลยเพคะ
น้ำนี่เราต้มให้พระองค์อาบแล้วยังโรยดอกไม้ที่ช่วยให้กลิ่นกายหอมด้วยนะเพคะ”
“เอ่อ…เปิ่นกงอาบเองได้”
ใครจะกล้าแก้ผ้าต่อหน้าคนเยอะแยะวะ
มาทีสี่ห้าคนแบบนี้เป็นใครก็อายปะวะ
“ไม่ได้เพคะ
พวกหม่อนฉันได้รับคำสั่งโดยตรงจากพระพันปีเพคะ”
บ่าวรับใช้คนเดิมยังคงยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่น
“เดี๋ยวหม่อนฉันตามบ่าวรับใช้ของพระองค์มาด้วยก็ได้นะเพคะ”
“แบบนั้นก็ดี” ในเมื่อไล่ไม่ไปก็ขอเสี่ยวไจ้มาอยู่ด้วยสักคน
ถ้าให้อยู่แบบนี้เพียงลำพังไม่เอาด้วยหรอกนะ บ้าจริงๆ
มือเรียวค่อยๆถอนเสื้อผ้าตัวเองทีละชิ้นก่อนจะก้าวเท้าลงไปแช่ในอ่างน้ำ
ทันทีที่แบมแบมลงไปแช่น้ำเหล่าบ่าวรับใช้ก็รีบลงมาพร้อมกับขัดผิวกาย
เรียกได้ว่าข้างซ้ายก็มีคนหนึ่งถูก ข้างขวาก็มีอีกคนหนึ่งให้ แผ่นหลังนวลก็ถูกบ่าวอีกคนถูกจนสะอาดเอี่ยม
ไหนจะผมที่พึ่งสระมาไม่กี่วันก่อนก็โดนสระใหม่อีกรอบ
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแบมแบมตามแทบไม่ทัน
เพราะทันทีที่อาบน้ำเสร็จก็ถูกสวมชุดสีขาวบางแล้วมาแต่งหน้า
“โอ้ สวรรค์! พระองค์เป็นหญิงที่มีใบหน้างดงามที่สุดเท่าที่หม่อมฉันเคยเห็นมาเลยนะเพคะ”
หญิงวัยกลางคนพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
นางเดินวนรวมตัวแบมแบมพร้อมส่งสายตาพิจารณาบางอย่าง “อื่มๆ หุ่นแบบนี้มีลูกง่าย
แบบนี้พวกเราคงได้พระโอรสและพระธิดาที่แข็งแรงแน่ๆ”
“เปิ่นกงคิดว่า…” ยังไม่ทันที่จะพูดหรืออธิบายเหล่าหญิงวัยกลางคนและบ่าวรับใช้ก็กูกันมาทางแบมแบมทันที “มัดผมก่อนหรือ?”
“เพคะ” หญิงคนเดิมตอบพร้อมยิ้มหวาน “จงเชื่อเราเหล่าผู้ชาย คงสู้ตายเพื่อจะได้โฉมตรู
โชคคอยช่วยและทรงผมสวยหรู”
“เส้นผมของพระองค์นุ่มลื่นมากเลยเพคะ ข้าว่าปล่อยผมดีกว่านะ”
บ่าวรับใช้ที่กำลังเกล้าผมให้แบมแบมหันไปพูดกับหญิงวัยกลางคน
“ก็ดีๆ”
“ลูกสะใภ้ข้างดงามยิ่งนัก” พระพันปีที่เดินเข้ามาพูดขึ้นพร้อมยิ้มหวาน
“ชายชอบหญิงที่อ่อนไหว ยิ้มแย้ม
และว่าง่าย”
“ว่องไวด้วยเพคะ”
“ไหนยืนแล้วหมุนตัวให้ข้าดูสิ”
แบมแบมที่มึนๆอยู่รีบยืนขึ้นโดยมีเสี่ยวไจ้ช่วยประคองพร้อมหมุนตัวให้พระพันปีดู “ เผ่าพันธุ์เยี่ยมและก็เอวเล็กดี แบบนี้ต้องรีบมีหลานให้ข้านะ”
เดี๋ยวสิ!! ลูกชายท่านเปิ่นกงยังไม่เคยเห็นหน้าเลยจะให้ทำหลานแล้วเหรอ?
ข้ามขั้นไปนะคุณแม่ยายขา~
“เรื่องนี้เปิ่นกงคิดว่า…”
แบมแบมที่เตรียมคำพูดจะอธิบายก็ต้องเงียบปากไปในทันทีเมื่อมีเสียงพูดแทรก
“ตายจริง!! ใกล้ได้เวลาไหว้ฟ้าดินแล้วนะเพคะ พระพันปี”
หญิงวัยกลางคนคนเดิมพูดขึ้นพร้อมยิ้มกริ่มซึ่งตรงข้ามกับแบมแบมที่ทำหน้าสีหน้าไม่ถูก
“ข้าลืมเวลาเลย! ไปเถอะลูกเดี๋ยวพี่เขารอนาน”
พระพันปีพูดพร้อมกึ่งจูงกึ่งลากแบมแบมออกจากห้อง
ตลอดเวลาที่ประกอบพิธีแบมแบมพยายามสังเกตใบหน้าของว่าที่สามีเธอ
ใบหน้าที่ปรากฏให้เห็นช่างแตกต่างจากที่เหมยฮวาเคยพูดขู่เธอไว้
เหมยฮวามักพูดเสมอว่าฮ่องเต้แคว้นต้วนต้องเป็นชายที่มีบาดแผลเต็มใบหน้าแน่ๆ
เพราะเขามักจะร่วมทำศึกสงครามครั้งใหญ่ๆเสมอและมักจะมีชัยกลับมาด้วยเช่นกัน
น่าแปลกที่ใบหน้าของชายผู้นี้นั้นมีเพียงรอยแผลเป็นซึ่งไม่ได้ใหญ่มากสามารถบอกได้เลยถ้าไม่มาดูใกล้ๆล่ะก็แทบไม่มีทางเห็นเลย
ส่วนแผลตามร่างกายส่วนอื่นๆนั้นแบมแบมไม่สามารถรู้ได้ ถ้าจะรู้ล่ะก็คงต้องขอร้องให้ว่าที่สามีช่วยถอดเสื้อผ้าให้ดู
พิธียังคงดำเนินไปเรื่อยๆพวกเราไหว้ฟ้าดินและทำส่วนอื่นๆของพิธีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เหลืออย่างเดียวที่ยังไม่ได้ทำคือการเข้าหอ ก็ตื่นเต้นนิดๆล่ะนะ…ชาติที่แล้วไม่เคยแต่งงานนี่หว่า
แบมแบมที่นั่งก้มหน้าและมีผ้าคลุมสีแดงปิดหน้าไว้อยู่มองลอดผ่านผ้าไปเห็นปลายเท้าของผู้เป็นสามี
มือหนาของเขาเปิดผ้าออกเป็นครั้งแรกที่แบบเห็นใบหน้าเต็มของสามีเธอโดยไม่ได้แอบมองหรือมีสิ่งใดบดบังอยู่
ยอมรับแบบหน้าด้านๆเลยว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่หล่อเหลือร้าย ดวงตาคมดุจตาเหยี่ยว
จมูกโด่งเป็นสัน
ริมฝีปากบางเฉียบที่ดูน่าจูบ
ให้ตายเถอะ!! หล่อเป็นบ้าเลย!!
“เจิ้นจะ…” สามีของเธอเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่แบมแบมใช้ปลายนิ้วชี้ทราบริมฝีปากของเขาไว้เสียก่อน แววตาของเขามันบอกว่าไม่มีที่ให้เธออยู่
ใช่!แววตาเหมือนคนที่มีคนรักอยู่แล้ว
“เปิ่นกงคิดว่าท่านคงมีคนที่ท่านรักอยู่แล้ว”
คำพูดของแบมแบมเหมือนไปสะกิดแผลชายผู้เป็นสามี เจ็บเป็นบ้าเลย
มือเรียวเลื่อนไปจึงอีกฝ่ายให้นั่งลงบนเตียงข้างๆเธอ “นั่งเถอะ
เห็นแบบนี้เปิ่นกงก็ไม่คิดจะปลุกปล้ำท่านหรอกนะ”
“ต้องการอะไรกันแน่” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบแต่หน้าแปลกที่หญิงตรงหน้ายังคงยิ้มอยู่
ช่างเป็นรอยยิ้มที่ยากจะอธิบายเสียจริง “เจิ้นมีนามว่าต้วนอี้เอิน เจ้าล่ะ?”
“เหอกันเตียวเพคะ
แล้วท่านก็ควรเรียกเปิ่นกงด้วยชื่อหรือไม่ก็เรียกว่าฮองเฮามากกว่านะเพคะ” แบมแบมยิ้มหวานพร้อมอธิบาย
“เปิ่นกงรู้นะท่านมีคนที่รักอยู่แล้ว”
“เจ้า…”
“ชู่ว~ เปิ่นกงไม่โกรธหรอกนะ แต่ถ้าท่านจะแต่งนางเข้าอีกคนเปิ่นกงก็ไม่ว่า”
ปลายนิ้วเรียวแตะที่ริมฝีปากของผู้เป็นสามีอีกครั้งพร้อมยิ้มอย่างสนุกสนาน
“เจ้าพูดจริงงั้นรึ? ไม่สิ เจ้ากำลังเอ่ยสิ่งใดมา…เจ้ารู้ใช่หรือไม่?”
ฝ่ายผู้เป็นสามีเอ่ยถามเสียงเข้ม เขาไม่เข้าใจนางจริงๆ ประหลาด
นางช่างประหลาดยิ่งนัก
“แน่นอน หนึ่งเดือนหลังจากนี้…ท่านจะแต่งภรรยาเพิ่มกี่คนก็แล้วแต่ท่านเลย”
แบมแบมพูดพร้อมยิ้มก่อนจะพูดต่อ “ในเมื่อการแต่งงานของเราเป็นการแต่งงานการเมืองอยู่แล้ว
ไยต้องรักกันด้วยจริงหรือไม่?”
“จริง
เจิ้นมีหญิงที่รักอยู่แล้วและอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้เจิ้นจะแต่งนางเข้ามาในวังในฐานะกุ้ยเฟย”
น้ำเสียงของผู้เป็นสามีเต็มไปด้วยความจริงจัง ทั้งแววตาและน้ำเสียง
ฮ่องเต้หนุ่มมองผู้เป็นภรรยาของเขาที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่ข้าง “มีเรื่องใดน่าขำกัน?”
“เปิ่นกงแค่แปลกใจก็เท่านั้น รักนางขนาดนั้นทำไมไม่แต่งกับนางก่อนหน้านี้กัน”
ร่างเล็กพูดไปก็หัวเราะคิกคักก่อนจะเปลี่ยนแววตาเป็นเจ้าเล่ห์ “หรือนางเกิดหึงหวงขึ้นมาตอนรู้ว่าเปิ่นกงต้องแต่งกับท่าน?”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
“ก็ไม่ได้อยากรู้นักหรอก” ร่างเล็กของแบมแบมหยักไหล่อย่างไม่สน
มือเรียวเอื้อมไปประคองใบหน้าของเขาแล้วพูดต่อ “เปิ่นกงอยู่กับท่านในฐานะภรรยาและแน่นอนว่าเปิ่นกงก็จะปฏิบัติหน้าที่ภรรยาที่
หากท่านเคารพและให้เกียรติเปิ่นกง ท่านเข้าใจหรือไม่?”
“แน่นอน
เจ้าทำหน้าที่ของเจ้าและเจิ้นก็จำทำหน้าที่ของเจิ้น”
“เปิ่นกงจะเป็นทั้งภรรยา เพื่อน
พี่น้องหรือในฐานะอะไรก็ได้ที่ท่านต้องการ” คำพูดของแบมแบมทำให้แววตาของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคำถาม “ท่านย่าและท่านพ่อของเปิ่นกงมักบอกเสมอว่าหากยังไม่ได้แต่งงานชีวิตเราเป็นของบิดา
แต่งไปแล้วชีวิตเป็นของสามี”
“เราทั้งสองค่ำทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอ
เจิ้นไม่คิดจะก้าวก่ายชีวิตของฮองเฮา”
|
ความคิดเห็น