คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ๑๗.สูญเสียเกินจะรับไหว 125%
ตอนนี้แบมแบมกำลังยืนอยู่ที่ทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งที่กว้างมากๆเรียกได้ว่ากว้างสุดลูกหูลูกตาเลยก็ว่าได้ แบมแบมเดินตรงไปอย่างไร้จุดมุ่งหมายจนกระทั้งไปถึงริมฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่ง
ที่ริมตลิ่งมีเรือไม้ลำเล็กจอดเทียบท่าอยู่โดยบนเรือมีคุณยายท่าทางใจดีอยู่คนหนึ่ง
ยังไม่ทันที่เธอจะก้าวเท้าออกจากที่ก็ถูกมือน้อยๆของเด็กชายท่าทางดูเป็นผู้ใหญ่เกินวัยจับไว้เสียก่อน
เด็กชายสวมชุดสีเหลืองปักลายมังกรสีทองเป็นประกายสวยงาม
ทันทีที่เด็กชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอก็ทำให้แบมแบมรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุนไปในทันที
ดวงตาคู่นี้…ดวงตาที่เหลือกับดวงตาของต้วนอี้เอิน ไม่สิ!
ต้องบอกว่าเด็กคนนี้ถอดแบบมาจากต้วนอี้เอินสามีของเธอเลยก็ว่าได้…จะมีเพียงแค่สีผิวกับริมฝีปากเท่านั้นที่ดูเหมือนเธอ
“ขอโทษนะ…ขอโทษจริงๆ”
ร่างระหงทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกอดร่างของเด็กชายไว้แน่น
ปากอิ่มยังคงพูดขอโทษและดวงตาคู่สวยคู่นั้นก็มีน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย “อึก…ทั้งๆที่น่าจะรู้ตัวให้เร็วกว่านี้แท้ๆแต่กับ…”
“ไม่ใช่ความผิดของเสด็จแม่เสียหน่อย”
เด็กชายพูดขึ้นพร้อมลูบหลังแบมแบมเชิงปลอบใจก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงใจเย็น “ยังไม่ถึงเวลาของเสด็จแม่ที่จะไป
แต่เดี๋ยวลูกจะไปส่งเสด็จแม่เอง”
“ไม่เอา จินหลง…จินหลงลูกแม่” แบมแบมยังคงกอดลูกชายตัวน้อยที่เธอพึ่งรู้ว่ามีและในอีกไม่กี่นาทีเธอก็จะสูญเสียเขาไปแล้ว
“เจ้าจะอยู่กับแม่ไม่ใช่หรือ? ไหนบอกจะคอยปลอบใจแม่อย่างไรเล่า?”
“จินหลง? มังกรทองสินะ” จินหลงหัวเราะเบาๆก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาให้ผู้เป็นแม่อย่างใจเย็นพร้อมพูดต่อ
“ลูกสิ้นสุดเคราะห์กรรมของลูกแล้ว แต่ลูกหวังจริงๆหากเพียง…หากเพียงลูกมีบุญวาสนามากพอที่จะได้เกิดเป็นลูกของเสด็จแม่
ลูกขอเกิดเป็นลูกของเสด็จแม่อีกครั้งได้หรือไม่?”
“จินหลง…”
แบมแบมไม่รู้ว่าเพราะเด็กชายตรงหน้าคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอหรือว่าเพราะเธอผูกพันกับเขามานานพอสมควรกันแน่
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่แบมแบมรู้สึกไม่ให้เด็กคนหนึ่งไปจากเธอ
ทั้งๆที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีอารมณ์รักเด็กเลยแม้แต่น้อย
“ลูกบาปหนายิ่งนัก รู้ทั้งรู้ว่าอาจไม่ได้เกิดเป็นลูกของเสด็จแม่แต่ก็ไม่สามารถหักห้ามใจไม่ให้มาพบหน้าของเสด็จแม่ได้”
จินหลงพูดเสียงแผ่ว ดวงตาของเด็กชายเต็มไปด้วยคราบน้ำตา “ลูกเพียงแค่คิดว่าถ้าได้พบเสด็จแม่แค่เพียงในฝันจะสามารถปลอบประโลมเสด็จแม่ได้…ไม่คิดว่าจะทำให้เสด็จแม่ต้องมาเจ็บช้ำเพราะลูก”
“…”
“ลูกแค่…ลูกแค่อยากจะบอกเสด็จแม่ว่ายังมีลูกที่รักท่านอย่างบริสุทธิ์ใจอยู่”
จินหลงพูดทั้งน้ำตา
“แม่จะทำบุญให้เจ้า
จะสวดมนต์ให้เจ้าทุกวันและจะภาวนาให้เราสองคนได้เป็นแม่ลูกกันอีกครั้ง จินหลง…เป็นลูกของแม่ได้หรือไม่?”
แบมแบมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมเช็ดคราบน้ำตาให้จินหลง
“ลูกรักท่านนะเสด็จแม่ รักท่านที่สุดเลย”
จินหลงตรงเข้ามากอดซุกอกแบมแบมพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “และเสด็จพ่อเองก็รักท่านเหมือนกัน
ได้โปรดอย่าโกรธอย่าเกลียดเสด็จพ่อเลยนะเสด็จแม่…เสด็จพ่อต้องการเสด็จแม่”
“จะพยายามแล้วกัน”
แบมแบมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆโดยในสายตาของเธอในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันเบลอไม่หมดแถมยังปวดหัวมากๆอีกด้วยและไหนจะรู้สึกว่าร่างกายนี้ช้ำสุดๆ
แบมแบมได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของเสี่ยวไจ้และเหล่านางกำนัลต่างๆที่ต่างดีใจที่เธอฟื้นขึ้นมาปนกับเสียร้องไห้สะอื้นและขอบคุณสวรรค์ที่ยังคุ้มครองเธออยู่
แบมแบมที่เริ่มมองอะไรชัดขึ้นนั้นได้ยกมือขึ้นมองพร้อมสำรวจร่างกายตัวเองอย่างช้าๆก่อนจะลูบที่หน้าท้องอย่างแผ่วเบา
ไปแล้วสินะ…จินหลงลูกแม่
“พวกขันทีไม่ต้องรีบไปตามฝ่าบาทหรืออย่างไรกัน
มาร้องไห้สะอื้นกับพวกข้าอยู่ได้”
เสี่ยวเหมยเอ่ยปากไล่เหล่าขันทีที่ร้องได้อยู่ด้านหลัง “ยังอีก!
รีบไปบอกฝ่าบาทสิว่าเหนียงเหนียงฟื้นแล้ว”
“อึก…เหนียงเหนียงดีเหลือเกินที่ท่านฟื้นแล้ว”
เหล่าขันทีท่านพากันพูดไม่เป็นศัพท์พร้อมร้องไห้สะอื้นไปพลางกับรีบวิ่งไปหาฮ่องเต้
“หวงโห่วเหนียงเหนียง
กระหม่อมมีเรื่องสำคัญต้องบอกพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” หลินไจ้ฟ่านที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น
แบมแบมสังเกตว่าอีกฝ่ายกำลังกัดปากอย่างลำบากใจจึงตัดสินใจพูดขึ้นแทน
“จินหลงไปแล้ว เรื่องนั้นเปิ่นกงรู้แล้ว…เพราะจินหลงพึ่งมาส่งเปิ่นกงที่นี้”
“เรื่องนี้จะต้องทูลฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดของหลินไจ้ฟ่านทำให้แบมแบมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ไม่ แค่จับคนที่ทำเปิ่นกงและลงโทษนางได้ก็พอแล้ว”
แบมแบมกัดปากแน่พร้อมลูกท้องตัวเองอย่างแผ่วเบาก่อนจะพูดต่อ “เปิ่นกงอยากทำบุญให้จินหลง”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ณ คุกใต้ดิน
ร่างสูงสมส่วนของฮ่องเต้หนุ่มกำลังยืนมองร่างของนางกำนัลสาวที่มีหน้าที่ซัดผ้าด้วยสายตาเย็นชาจนทำให้คนที่อยู่รอบข้างอดรู้สึกกลัวขึ้นมา
ร่างของนางกำนัลสาวถูกมัดมือทั้งสองเอาไว้เหนือหัว
ตามร่างกายมีรอยช้ำต่างๆมากมายและที่บริเวณหน้าผากของนางมีรอยแผลขนาดใหญ่จนเลือดไหลซึมออกมาเป็นจำนวนมาก
เสียงหอบหายใจของนางดังขึ้นอย่างน่าสังเวชแต่ไม่ได้ทำให้ฮ่องเต้หนุ่มรู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย
“พี่รองพอก่อนเถอะ
หากท่านลงมือมากกว่านี้ละก็มีหวังนางตายก่อนพอดี”
ต้วนควานลินเอ่ยห้ามเสียงสั่น ในตอนนี้พี่ชายที่แสนสมบรูณ์แบบของเขากำลังกายร่างเป็นปีศาจ
“เจ้าคิดว่านางจะได้ตายอย่างสบายๆอย่างนั้นหรือ
เหอะ! อย่ามาพูดให้ขำน่า”
ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยเสียงเรียบพร้อมเดินตรงไปบีบแก้มของนางกำนัลสาวอย่างแรงจนนางเริ่มที่จะร้องไห้อีกรอบ
“ร้องไห้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก
ตอนที่เจ้าทำให้ผู้หญิงของเจิ้นเจ็บตัวทำไมไม่คิดว่าตัวเองต้องมาตายอย่างทรมานบ้างเล่า?”
“หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะเพคะ”
นางกำนัลสาวพูดทั้งน้ำตา
“จะตั้งใจหรือไม่มันเป็นเรื่องที่เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ!!
ลอบทำร้ายเชื้อพระวงศ์ตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร!!”
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” เสียงของโหย่วเจียนองครักษ์เงาของกันเตียวดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ฮ่องเต้หนุ่มละมือจากนางกำนัลสาวอย่างช่วยไม่ได้
“มีเรื่องอะไร?”
“ฮองเฮาได้สติแล้วพ่ะย่ะค่ะ
กระหม่อมมาบอกฝ่าบาทเพราะพวกขันทีไม่กล้าเข้ามาในคุกใต้ดินแห่งนี้”
คำพูดของโหย่วเจียนทำให้ฮ่องเต้หนุ่มรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
“ควานลินไปหาหมอมารักษานางชั้นต่ำผู้นี้”
ฮ่องเต้หนุ่มชี้ไปทางนางกำนัลสาวที่กำลังร้องไห้อยู่อย่างน่าสงสาร “ห้ามให้นางตายเด็ดขาด! อ่อ…หากเจ้าใจไม่แข็งพอที่จะทรมานนางก็ไปตามซือชุนมาช่วย
ไม่ต้องไปตามพี่ใหญ่เพราะพี่ใหญ่กำลังว่าราชการแทนข้าอยู่”
ทันที่ถึงตำหนักของกันเตียวก็มีหลายๆอย่างไหลเข้ามาในหัวของฮ่องเต้หนุ่ม
ช่วงนี้เขาหมางเมินนางจนเรียกได้ว่าแทบไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ
แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับนาง…เขายินดีทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อนาง ตอนนี้สิ่งที่ยากที่ของฮ่องเต้หนุ่มนั่นก็คือการเปิดประตูไปพูดปลอบใจนางผู้เป็นภรรยา
มือหนาดันบานประตูออกก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนของภรรยาเอก ทันทีที่เห็นใบหน้าสวยที่มีรอยช้ำอยู่บางส่วนและผ้าพันแผลที่พันรอบหัวของนางมันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
“พวกเจ้าออกไปได้แล้ว” น้ำเสียงหวานปนเหนื่อยอ่อนของนางเอ่ยสั่งเหล่าขันทีและนางกำนัลก่อนจะหันมายิ้มให้เขาบาง
“หม่อมฉันนึกว่าฝ่าบาทจะทรงยุ่งกับงานราชการอยู่เสียอีก”
หมับ
“เจ็บมากรึเปล่า?”
ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยถามเสียงแผ่วพร้อมทั้งกอดร่างของภรรยาตัวน้อยไว้ในอ้อมกอด
“มากเลยเพคะ” แบมแบมตอบตามความจริง “จะลงโทษนางกำนัลคนนั้นอย่างไรหรือเพคะ?”
“ตัดหัวนางและครอบครัวไปอีกเจ็ดชั่วโคตร”
คำตอบของฮ่องเต้หนุ่มทำให้แบมแบมรู้ว่าตัวเธอนั้นตัดสินใจถูกแล้วที่ไม่บอกเขาเรื่องจินหลง
หากบอกไปว่านางกำนัลคนนั้นทำให้ฮ่องเต้สูญเสียโอรสสวรรค์คนแรกไปละก็…เรื่องคงไม่จบง่ายๆแน่นอน
ขนาดทำร้ายร่างกายยังโดนตัดหัวเจ็ดชั่วโคตรแล้วถ้ารู้ว่าสูญเสียลูกคนแรกไปด้วยเล่า…ไม่ตัดหัวแล้วเสียประจารไปเลยรึไง
“คืนนี้อยู่กับหม่อมฉันได้หรือไม่?”
แบมแบมเอ่ยถามเสียงสั่น จินหลงบอกว่าอี้เอินรักเธอ…แต่ตอนนี้เธอไม่พร้อมที่จะบอกรักเขาและไม่พร้อมที่จะมอบรักให้เขา
การสูญเสียจินหลงยังเป็นแผลสดขนาดใหญ่สำหรับแบมแบม
“ได้สิ
เตียวเอ๋อร์ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม…ได้โปรดเชื่อใจพี่ได้หรือไม่?” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา
“ตอนนี้หม่อมฉันไม่รู้ว่าควรเชื่อใจฝ่าบาทอย่างหมดใจรึเปล่า
แต่เมื่อไหร่ที่หม่อมฉันสิ้นข้อกังขาในตัวฝ่าบาท…เมื่อนั้นหม่อมฉันจะบอกฝ่าบาทเองเพคะ”
“อื่ม” ฮ่องเต้หนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อ
เขาพอจะเดาที่นางพูดออก…เพราะอยู่ๆเขาก็หมางเมินนางไปแล้วหันไปสนใจหญิงอื่นแทนโดยแทบไม่สนใจนางเลย
แล้ววันนี้ก็มาขอให้เชื่อใจซึ่งมันคงเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อใจเขาในตอนนี้
ต้วนอี้เอินกำลังสับสน เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาไม่ใช่พวกที่รักธรรมชาติมากถึงขนาดที่จะเก็บมาฝันแต่พอมองสำรวจดีๆแล้วที่ไม่ใช่ป่า
แต่ที่นี้คือสวนที่เขายกให้กันเตียว…น่าแปลกจริงๆที่อยู่เขาก็ฝันถึงสวนนี้หรือเพราะว่าเดินผ่านจึงเก็บมาฝันกัน
ร่างสูงสวมส่วนเริ่มขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเห็นต้นไม้ดอกไม้บางชนิดที่ในสวนของกันเตียวไม่มีแต่ในฝันของเขาตอนนี้กับมี
‘เสด็จแม่!!’ เสียงตะโกนจากทางด้านหลังทำให้ฮ่องเต้หนุ่มหันไปมอง ภาพของเด็กชายวัยไม่น่าจะเกินห้าขวบวิ่งตรงมาทางเขาพร้อมกับในมือของเด็กชายที่ถือบางอย่างอยู่
‘เสด็จแม่ดูสิ’
‘ไหนมาให้แม่ดูสิว่าเจ้าทำได้ดีหรือไม่’ น้ำเสียงหวานที่แสนคุ้นเคยเอ่ยขึ้นอย่างเอ็นดู
ต้วนอี้เอินยืนนิ่งข้างเมื่อเห็นว่าหญิงคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นภรรยาตัวน้อยของเขา! กันเตียว…หญิงคนนั้นคือนาง
ใบหน้าสวยที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกำลังยิ้มแย้มให้เด็กชายพร้อมพูดจาหยอกล้ออย่างเอ็นดูในขณะที่เด็กชายกำลังพยายามปีนขึ้นไปนั่งบนตักของนางพร้อมชูเชือกถักให้นางดู
ฮ่องเต้หนุ่มเผลอยิ้มตามภาพที่เขากำลังมองอยู่อย่างไม่รู้ตัว
เขาเคยคิดว่าถ้าหากเขากับนางมีลูกด้วยกันสักคน…นางจะรักและเอ็นดูเด็กคนนั้นหรือไม่
และถ้ารัก…นางจะรักเด็กคนนั้นมากแค่ไหน
ตอนนี้เขาได้ทุกคำตอบของคำถามที่เขาสงสัยแล้ว
‘ลูกถักเชือกนำโชคให้เสด็จพ่อ
นี่เส้นแรกเลยนะเสด็จแม่ ลูกทำได้ดีใช่มั้ย?’
เด็กชายยื่นเชือกถักให้ผู้เป็นแม่พร้อมฉีกยิ้มหวานอย่างภูมิอกภูมิใจในผลงาน
‘ไม่ไหวๆ
จินหลงลูกคงไม่ได้คิดจะมอบเชือกเส้นนี้ให้เสด็จพ่อของลูกจริงๆใช่หรือไม่?’ คำพูดของนางทำให้เด็กชายหงอยลงไปในทันที ในขณะที่ฮ่องเต้กับคิดว่าเชือกนี้ก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่แท้ๆ
‘เส้นนี้ให้แม่แทนก็แล้วกัน แล้วเดี๋ยวแม่สอนเจ้าทำไปให้เสด็จพ่อใหม่ดีหรือไม่?’
‘ดียิ่ง! ลูกรักเสด็จแม่ที่สุดเลย!!’ ร้ายกาจ!!
นางต้องการเชือกเส้นนั้นมากกว่าที่ต้องการสอนลูกชายของเราให้ถักเชือกเป็นเสียอีก
“ดูมีความสุขจัง”
เสียงของเด็กชายดังขึ้นข้างๆทำให้ฮ่องเต้หนุ่มหันไปมอง “ฮ่าๆ
เสด็จพ่อท่านต้องไม่เชื่อแน่ๆว่าพระพักตร์ของท่านตอนนี้ดูตลกมากแค่ไหน”
“จินหลง…”
“ที่นี้คือโลกแห่งฝันนะเสด็จพ่อ
ที่เสด็จพ่อทรงทอดพระเนตรอยู่ก็คือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตก็แค่นั้น”
จินหลงอธิบายขึ้น
เมื่อสังเกตดูร่างของเด็กชายนั้นโปร่งใสจนแทบจะมองทะลุตัวได้อยู่แล้ว “เสด็จแม่คงไม่พอพระทัยแน่ๆถ้ารู้ว่าลูกมาหาเสด็จพ่อ
แต่ลูกอาจจะเจอเสด็จพ่อนิ”
“หมายความว่าอย่างไร?” ฮ่องเต้หนุ่มเอ่ยถามเสียงสั่น
ขอร้องละอย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเลยนะ
“เสด็จพ่อลูกตายแล้ว
แต่อย่าโกรธเสด็จแม่ที่ไม่บอกเรื่องนี้กับท่านเลยนะ”
มือป้อมยกขึ้นเช็ดคราบน้ำที่ฮ่องเต้หนุ่มไม่รู้ว่าไหลออกมาจากตาตอนไหน จินหลงยิ้มบางๆพร้อมพูดต่อ
“เสด็จแม่พึ่งรู้ว่ามีลูกอยู่ในครรภ์
หากเสด็จแม่รู้อยู่ก่อนละก็ลูกคิดว่าเสด็จแม่ต้องบอกเสด็จพ่อแน่ๆและที่เสด็จแม่ไม่บอกเรื่องที่ลูกตายไปก็เพราะไม่อย่างให้เสด็จพ่อโกรธนางกำนัลคนนั้นไปมากกว่าเดิม”
“พ่อขอโทษ…พ่อขอโทษ หลงเอ๋อร์ของพ่อ”
ฮ่องเต้หนุ่มดึงร่างโปร่งใสของลูกชายมาสวมกอดพร้อมร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่ได้
|
ความคิดเห็น