คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ๑๓.ฮองเฮากับงานเลี้ยงในวัง 120%
แบมแบมไม่ค่อยเข้าใจว่าทำสามีของเธอถึงได้มีท่าทางที่แปลกไปจากเดิมตั้งแต่วันที่เราสองคนไปเที่ยวนอกวังด้วยกัน น่าแปลกก็คือเขาใส่ใจในทุกเรื่องของเธอมากขึ้น ทุกการกระทำของเขาทำเหมือนว่ามีใจให้เธอ…แต่เขาไม่เคยพูดหรือบอกเลยสักครั้งว่ารักเธอแบบไหนกันแน่
และแน่นอนว่าตัวแบมแบมเองก็ไม่ได้คิดจะถามว่าเขารักเธอหรือไม่
หรือถ้ารักแล้วรักเธอแบบไหน เพราะ…แบมแบมกลัวคำตอบที่เขาจะตอบมา
หากเขาตอบว่าไม่รักมันก็จะสรุปได้ว่าทั้งหมดนั้นเธอมโนไปเองทั้งหมด
แต่ถ้าบอกว่ารักเธอ…เธอก็ไม่รู้อยู่ดีว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
“เหนียงเหนียงได้ฟังที่พี่พูดหรือไม่?”
เสียงของพี่สะใภ้ดังขึ้นทำให้แบมแบมตื่นจากภวังค์ความคิด ใบหน้าของผู้เป็นพี่สะใภ้ฉีกยิ้มบางๆให้
“พี่ได้ยินจากอี้ฟานว่าฮ่องเต้จะทรงจะงานเลี้ยงเพื่อต้องรับทูตจากต่างแคว้น เห็นว่าเป็นหน้าที่ขอเหนียงเหนียงในการจัดงานนิ…มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้นะ”
“ไม่เป็นไรๆ
พี่อี้ชิงกำลังท้องกำลังไส้จะให้ทำมาช่วยเตรียมงานเกรงว่าเปิ่นกงจะโดนท่านอี้ฟานโกรธเสียก่อน”
แบมแบมพูดพร้อมนึกหน้าพี่สามีที่มักจะโกรธง่ายเกินไปนิด
“อี้ฟานนั้นกังวลเกินไป”
อี้ชิงพูดพร้อมทำหน้าไม่พอใจนิดๆก่อนจะหันมายิ้มหวานให้แบมแบมอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
“ช่างเรื่องของพี่เถอะ แล้วเรื่องเหนียงเหนียงกับฮ่องเต้เล่าเป็นอย่างไรกันบ้าง?”
“ก็…ปกติดี”
“ตั้งแต่สมัยเด็กพี่เคยเข้านอกออกวังหลวงจนเป็นเรื่องปกติ
พี่หมั้นกับอี้ฟานตอนอายุหกขวบ ตอนนั้นพี่ไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไหร่…ก็นะไม่ได้หวังให้เขารักเราจนหมดหัวใจอยู่แล้ว
พี่เห็นฮ่องเต้มาตั้งแต่ตอนที่พระองค์ยังเป็นเพียงองค์ชายรอง”
อี้ชิงพูดขึ้นพร้อมหมุนถ้วยชาในมือไปมา “เขาเป็นเด็กดีมากเลยนะ
ดูๆไปแล้วทั้งฮ่องเต้กับเหนียงเหนียงก็มีอะไรที่คล้ายกันหลายอย่างเชียว”
“คล้ายกันอย่างงั้นหรือ?”
“เห็นแบบนี้แต่พี่ตีสนิทกับนางกำนัลคนโปรดของเจ้าเรียบร้อยแล้วนะ”
พูดจบนางก็ชี้นิ้วไปทางเสี่ยวไจ้ที่อยู่รวมกับพวกนางกำนัลคนอื่นๆอยู่ด้านหลัง
“พี่ให้นางเล่าเรื่องเหนียงเหนียงให้ฟัง อย่าไปโกรธหรือกล่าวโทษนางเลยนะ
เป็นความเอาแต่ใจของพี่เอง”
“เช่นนั้นเอง
แล้วที่พี่อี้ชิงบอกว่าตัวเปิ่นกงกับฮ่องเต้เหมือนกันนั้นเหมือนกันอย่างไร?”
แบมแบมที่เห็นเสี่ยวไจ้ก้มหน้าสำนึกผิดก็ส่ายหน้าเชิงบอกว่าไม่เอาผิดแต่อย่างใด
“อย่างแรกก็คงเป็นเรื่องที่ไม่เก่งเรื่องแสดงความรู้สึกตรงๆมั้งนะ
แล้วก็ซุกซนเหมือนกันด้วย…เห็นแบบนั้นแต่ก่อนที่ฮ่องเต้จะรับตำแหน่งไทจื่อเขาเป็นองค์ชายที่ซนมากๆเลยนะ”
นางพูดพร้อมหัวเราะคิกคักในขณะที่แบมแบมกำลังพยายามจินตนาการภาพสามีที่เป็นเด็กซุกซน…แน่นอนว่าพยายามจินตนาการแค่ไหนก็นึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ “มีความสามารถในด้านการค้าการขายเหมือนกัน
แล้วก็…อืม ทำอย่างไรดีนะ
มีเรื่องที่พวกท่านเหมือนกันเยอะจนบอกไม่หมดเลย”
“…”
ไม่รู้ว่าในหัวของแบมแบมกำลังคิดอะไรอยู่แต่บอกเลยว่าตอนนี้การกระทำของเธอมันเร็วกว่าที่สมองจะไตร่ตรองได้
“เป็นความลับนะ เปิ่นกงเริ่มชอบฮ่องเต้แล้วและกำลังรอให้เขาบอกรักเปิ่นกงอยู่”
“เพคะ หม่อมฉันจะรักษาความรักของฮองเฮายิ่งชีพ”
นางพูดพร้อมหัวเราะคิกคัก “เหนียงเหนียงคงกำลังจะกลับตำหนักแล้ว
หม่อมฉันน้อมส่งเหนียงเหนียงเพคะ”
“ให้ตายสิ วุ่นวายจริงๆเลยนะ”
แบมแบมที่กางแผนงานจัดงานเลี้ยงออกมาก็ถอนหายใจเหนื่อย
ถึงเธอจะไม่ได้ถนัดหรือรู้เรื่องการเมืองมากนะ
แต่ก็พอมีความรู้จากความทรงจำของกันเตียวซึ่งเป็นเจ้าของร่างอยู่บ้าง ดูก็รู้ว่าคุณสามีไม่ได้จัดงานเลี้ยงเพื่อกระชับมิตรอย่างเดียว
เพราะมันมีบางอย่างแอบแฝงอยู่ด้วยนั้นก็คือเป็นการแสดงอำนาจให้แคว้นอื่นๆเห็นทางอ้อมว่ามีแคว้นไหนบ้างที่ยอมก้มหัวให้แคว้นต้วน ดวงตาคู่สวยที่กำลังไล่อ่านรายชื่อของเหล่าทูตจากต่างแคว้นหรือพวกองค์ชายองค์หญิงที่ฮ่องเต้ต่างแคว้นส่งมา
โดยมีเจตนาว่าหากองค์ชายหรือองค์หญิงของพวกเขาเป็นที่ถูกใจใครสักคนในราชวงศ์ต้วนจะได้เป็นการกระชับมิตรทางอ้อม
และมีหนึ่งรายชื่อที่แบมแบมสนใจนั้นก็คือคนที่มาจากแคว้นเหอ
แคว้นบ้านเกิดของเธอนั้นเอง เพราะคนที่มาเป็นองค์ชายใหญ่ที่เป็นไทจื่อและเหมยฮวา
“แบบนี้ค่อยดูน่าสนุกขึ้นหน่อย” แบมแบมม้วนแผ่นกระดาษในมือพร้อมหันไปเรียกนางกำนัลให้มาหา “พวกเจ้าจงไปแจ้งเหล่าพระสนมให้มาหาเปิ่นกงที่ตำหนักคุนหนิง
บอกไปว่าเปิ่นกงต้องการให้พวกนางมาช่วยเรื่องงานเลี้ยงของฝ่าบาท”
“เพคะ”
“เสี่ยวไจ้ โหย่วเจียน พวกเจ้าดูนี่สิ…มีคนรู้จักของพวกเรามาด้วย”
แบมแบมพูดพร้อมหัวเราะคิกคัก “พี่ใหญ่มานั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่เหมยฮวานี่ซี~~”
“เหนียงเหนียงต้องการให้กระหม่อมทำเช่นไรเชิญสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
โหย่วเจียนคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หม่อมฉันก็ด้วยเพคะ”
“ไม่รู้ว่าเสด็จพ่ออยากให้เหมยฮวามาเปิดหูเปิดตา
หรือเป็นเพราะนางอยากมาเยี่ยมเปิ่นกง” แบมแบมเว้นช่วงคำพูดไปครู่ก่อนจะพูดต่อ “เสี่ยวไจ้เมื่อถึงวันงานเจ้าจงอยู่ใกล้เปิ่นกงให้ได้มากที่สุด
หากเปิ่นกงต้องการอะไรจะได้บอกเจ้าได้ ส่วนโหย่วเจียนเจ้าจงทำตัวให้เหมือนเหยี่ยวสอดส่องให้ทั่วว่าพี่ชายกับน้องสาวของเปิ่นกงมาด้วยเจตนาบริสุทธิ์”
“พ่ะย่ะค่ะ//เพคะ”
“งานหนักไปหรือ?”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่แสนทรงเสน่ห์ดังขึ้นจากด้านหลัง
ทันทีหันหลังกลับไปก็เจอคุณสามียืนยิ้มหวานให้อยู่ “เป็นอะไรไป?”
หมับ
แบมแบมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ตรงเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายไว้ทันที
“ขอหม่อมฉันอยู่แบบนี้อีกครั้งสักครู่นะเพคะ”
“ได้สิ
อยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”
น้ำเสียงติดตลกของผู้เป็นสามีทำให้แบมแบมแอบทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไป
“พอคิดๆดูแล้ว พักนี้ก็ไม่ได้กอดกันเลยนะ”
แบมแบมหัวเราะเบาๆพร้อมคิดว่าปกติเขาก็ไม่ได้กอดเธอคนเดียวอยู่แล้ว
“ปกติก็มีเหล่าสนมมาให้พระองค์กอดอยู่แล้วมิใช่หรือเพคะ
ไม่จำเป็นต้องรอให้หม่อมฉันมากอดก็ได้นะเพคะ”
“แต่ความรู้สึกตอนกอดไม่เหมือนกัน”
น้ำเสียงเยือกเย็นของอีกฝ่ายทำให้แบมแบมรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังไม่พอใจ
แต่แน่นอนว่าเธอเลือกไม่สน…เพราะถ้าเขาไม่พูดคำคำนั้นเธอเองก็จะไม่พูดเหมือนกัน
“งานเลี้ยงครั้งนี้พี่ใหญ่กับน้องเล็กของหม่อมฉันก็จะมาด้วย
ทำตัวดีๆกับพวกเขาหน่อยนะเพคะ…อย่างน้อยก็เห็นแก่หม่อมฉัน”
เธอยิ้มหวานพร้อมพูดขึ้นอย่างสบายๆทำให้ฝ่ายสามียิ้มบางๆอย่างรู้ทัน
“ได้สิ
แต่ถ้าอะไรที่มากเกินไปฮองเฮาต้องจัดการพวกเขาเองนะ”
“แบบนี้พระองค์ต้องมีโอกาสได้สนมเพิ่มอีกสักคนสองคนแน่ๆเลย”
แบมแบมพูดพร้อมหันหลังให้อีกฝ่ายแล้วทำท่าหนักใจ
แรงสวมกอดจากด้านหลังทำให้แบมแบมหันหน้าไปมองเล็กน้อย
“หากฮองเฮาไม่ต้องการให้ใบหน้าของพวกนางมาเกะกะเพิ่ม…เจิ้นยินดีที่จะปฏิเสธพวกนาง”
“…สุดแล้วแต่พระองค์เห็นสมควรเลยเพคะ”
คืนนี้อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การจัดงานฉลองเป็นอย่างมากและแน่นอนว่าวันนี้เป็นวันที่ทางวังต้วนได้จัดงานเลี้ยงขึ้น
แบมแบมนั่งหลังตรงอยู่หน้ากระจกแล้วปล่อยให้เหล่านางกำนัลแต่งหน้าทำผมให้เธออยู่นาน
พวกนางบอกว่าจะแต่งหน้าและเขียนคิ้วให้เธอด้วย
แต่แบมแบมบอกปัดและลงมือแต่งหน้าด้วยตัวเอง ก็แน่ละ…ใบห้าของเธอออกจะสวยใครจะยอมให้พวกนางกำนัลยุคเก่าเก็บมาแต่งหน้าให้กันละ
แบมแบมแต่งหน้าอ่อนๆโดยเน้นหน้าสวยสว่างสดใสดูสุขภาพดี
คิ้วสวยถูกเขียนอย่างดูตามแบบการแต่งหน้าแบบสาวเกาหลีในยุคของเธอที่กำลังเป็นที่นิยม
ตลอดทางที่เดินไปหาสามีที่ห้องของเขานั้นแบมแบมได้ยินเหล่านางกำนัลและขุนนางมากหน้าหลายตาพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอนั้นงดงาม
แบมแบมเห็นท่าทีไม่พอใจของเหล่าพระสนมที่ไม่พอใจเพราะไม่ได้ออกงานพร้อมกับฮ่องเต้
โดยเฉพาะโจวจื่อวีนั้นไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด…แต่ขอโทษนะ
งานนี้เธอเป็นฝ่ายชนะอีกครั้ง เพียงแค่ครู่เดียวสามีในชุดสีเลือดหมูปักลายมังกร
ถ้าเป็นคนอื่นสวมคนดูเหมือนอีกาคาบพริกแน่ๆแต่พอเป็นฮ่องเต้ต้วนอี้เอินสวมมันกับดูเหมือนว่าชุดนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อพระองค์เพียงคนเดียว
ตลอดงานเลี้ยงเหล่าทูต องค์ชายหรือแม้แต่องค์หญิงจากต่างแคว้นก็พากันมาชนจอกเหล้ากับเธอและสามีโดยมีการพูดอวดถึงข้อดีของแคว้นตัวเองต่างๆนานา
แบมแบมหันไปมองผู้เป็นพี่ชายที่มีใบหน้าเรียบนิ่งจนน่าหงุดหงิดและน้องสาวที่กำลังทำหน้าปกติแต่แววตาของนางแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาอย่างมาก…ช่วยไม่ได้จริงๆก็ตอนนั้นนางปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า
‘ฮ่องเต้แคว้นต้วนต้องเป็นชายผิวหยาบกร้านแน่ๆ
ผิวกายของเขาต้องเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นน่าเกลียดจากสงครามเป็นแน่
และเขาคงต้องแก่มากแน่ๆลูกไม่อยากแต่งกับคนแบบนั้นนะเสด็จพ่อ’ เหมยฮวาเคยพูดไว้แบบนี้
แต่ที่เหมยฮวาพูดก็มีส่วนถูกอยู่บ้างเล็กน้อยตรงที่ผิวของสามีเธอมีรอยแผลเป็น…แต่มันไม่ได้น่าเกลียดเสียหน่อย
“ฝาบาทหากหม่อมฉันจะขอไปหาน้องสาวสักครู่พระองค์จะทรงอนุญาตหรือไม่?”
แบมแบมหันไปถามพร้อมส่งสายตาอ้อนๆ “หม่อมฉันสัญญาว่าจะไปไม่นานเพคะ”
“ได้สิ แต่ต้องมีรางวัลมาแลกนะ”
ฮ่องเต้หนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนักพร้อมหันไปมองเหล่าองค์ชายจากต่างแคว้นที่ส่งสายตาแทะโลมภรรยาของเขา
จุ๊บ
แบมแบมประคองใบหน้าหล่อไม้พร้อมกดจูบที่แก้มข้างซ้ายของเขา
“พอหรือไม่?”
“แค่ครู่เดียวนะ พี่ไม่อยากห่างเจ้าเลยแม้แต่วินาทีเดียว”
การกระทำของเขาคงทำให้หลายคนพากันไปลืออะไรแปลกๆอย่างแน่นอน
คงมีข่าวลือประมาณว่าฮ่องเต้แคว้นต้วนหลงฮองเฮามากหรือไม่ก็พระองค์เป็นชายที่มีเสน่ห์แพรวพราวแน่ๆ
ไม่ว่าจะอะไรก็ตามแต่เชื่อเถอะว่าคงประมาณนี้แน่ๆ
“ถวายบังคมฮองเฮา”
น้ำเสียงของเหมยฮวาฟังดูไม่พอใจอย่างชัดเจน
“ไม่ต้องมากพิธีหรอก
พี่สาวแค่มาทักทายน้องสาวก็เท่านั้นเอง”
คำพูดของแบมแบมทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นพากันซุบซิบนินทาว่าเหมยฮวาไร้ซึ่งความเคารพในตัวพี่สาว
“พี่สาวคิดว่าน้องสาวคนอ่อนล้าจากการเดินจากจึงไม่ลุกมาทักทายกัน
พี่สาวจึงตัดสินใจมาหาเจ้าเอง”
“…”
เหมยฮวาเงียบครู่หนึ่งพร้อมกับในหัวกำลังคิดว่าจะเรียกผู้หญิงตรงหน้าเช่นไรดีระหว่าง
‘ฮองเฮาแห่งแคว้นต้วน’ หรือ ‘พี่สาว’ นางยิ้มหวานพร้อมกล่าว “ต้องขออภัยจริงๆเพคะ
จริงตามที่ฮองเฮาได้กล่าวมา
หม่อมฉันเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางมาจึงไม่ได้ไปทักทายท่านตามประสาพี่น้อง”
“พี่สาวไม่ถือโทษเจ้าหรอก
แต่ทีหลังหากรู้ว่าไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนไกลๆได้ก็ไม่จำเป็นต้องไปที่ไหนไกลๆนะ
เพราะจะเป็นภาระคนอื่นที่ต้องรอเจ้าเปล่าๆ”
ในน้ำเสียงที่แสนห่วงใยกับเป็นคำพูดที่สื่อได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายเป็นภาระ แบมแบมยิ้มหวานก่อนจะพูดเบาๆ
“สามีของพี่นั้นแสนดีที่สุด เป็นถึงฮ่องเต้ เป็นชายที่สง่างามที่สุด
ขอบคุณเจ้าจริงๆที่ไม่ยอมมาแต่งกับเขา”
|
ความคิดเห็น