ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1.Victim
1.Victim
ท่ามกลางความเงียบสงัดยามค่ำคืนคนในชุดรัดกุมสีดำกำลังแฝงตัวอยู่ในความมืดมืดราวกับเป็นเพื่อนของมันก็ไม่ปาน
เท้าเล็กย่ำลงบนพื้นด้วยความระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงใดๆ ดวงตาเรียวคมจับจ้องไปยังแผ่นหลังของเหยื่อที่มีชีวิตไม่วางตา
ดวงตาของเขาไร้ซึ่งวี่แววของสิ่งที่เรียกว่า 'ความเมตตา' และ 'จิตวิญญาณ' ... ร่างเล็กพริ้วตัวเคลื่อนไปในความมืดอย่างคล่องแคล่วและไร้ซุ่มเสียง
เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายก้าวออกมาจากร้านสะดวกซื้อพร้อมกับข้าวของที่เต็มไม้เต็มมือไม่เหมาะกับขนาดตัวและอีกชีวิตหนึ่งในท้อง เธอเดินไปด้วยความทุลักทุเล ทุกการกระทำของหญิงตั้งครรภ์อยู่ในสายตาของผู้ที่อยู่ในความมืดตลอดเวลา
“...” ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากเรียวนั่นมีเพียงร่างกายที่เคลื่อนตัวตามหญิงสาวไปโดยอัตโนมัติ
แน่นอนว่าเขานั้นพอที่จะรู้ว่ารอบบริเวณนี้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้มากมายขนาดที่เรียกได้ว่า ‘ โดนกล้องรุม ’ เลยก็ว่าได้ และเขาก็ไม่ได้รีบร้อนไปทำธุระอะไรเสียด้วย แล้วทำไมเขาถึงต้องผลีผลามออกไปให้กล้องวงจรปิดจับหน้าเขาได้ด้วยล่ะ ???
“ชักช้าชะมัด” คนที่เฝ้ารอเวลาอยู่ด้านบนดาดฟ้ามองตรงลงไปยังร่างเล็กที่ยืนนิ่งกลมกลืนกับความมืดอยู่ด้านหลังเสาไฟฟ้าอย่างหงุดหงิดใจ ดวงตากลมเลื่อนมามองนาฬิกาข้อมือของตนก่อนจะผละจากการสังเกตการณ์มาหยิบโทรศัพท์กดเบอร์หาใครบางคนอย่างเร่งรีบ
23.45 เลยเวลามา 15 นาทีแล้ว...
[ มีปัญหาอะไร ? ] น้ำเสียงที่แฝงเอาไว้ซึ่งความไม่พอใจของอีกฝ่ายทำให้โทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือเกือบจะร่วงหล่นลงบนพื้นเพราะอารามตกใจ
“...ขอโทษที่โทรมารายงานความคืบหน้าช้าค่ะนายท่าน”
[ รีบๆ พูดมา ] น้ำเสียงเย็นชาที่เล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์ทำให้คนถือโทรศัพท์สะดุ้งเฮือกหนักกว่าเดิม
“เวลา 23.46 เจอาร์กำลังตามประกบเหยื่อค่ะนายท่าน คาดว่าเวลา 24.00 เจอาร์คงจะทำการลงมือค่ะ”
[ เที่ยงคืนโทรมารายงานฉันอีกทีแล้วกัน ตู้ดๆๆ ]
“ให้ตายเถอะ ตามอารมณ์นายท่านแทบไม่ทัน เฮ่อ ก็ยังดีล่ะนะที่ฉันยังมีโอกาสได้รับรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ยังดีกว่าเจอาร์...”
หญิงสาวมองลงไปยังร่างเล็กด้านล่างอีกครั้งหนึ่งด้วยสายตาสงสารปนสมเพช ถึงเธอจะรู้ว่าเขาเป็นอะไรแต่เธอไม่สามารถจะช่วยอะไรเขาได้ ไม่มีวิธีไหนที่จะช่วยเขาให้หลุดพ้นออกมาจากด้านมืดของตัวเองได้
เธอหวังเพียงอย่างเดียวว่าในฐานะอดีตแพทย์ จงฮยอนจะเป็นผู้ป่วยทางจิตรายแรกและรายสุดท้ายที่เธอเจออาการเช่นนี้
การเอาตัวรอดตามสัญชาติญาณของตัวเองโดยไม่รู้ตัว... อาการที่แพทย์อย่างเธอเพิ่งจะเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก
ครั้งแรกที่หญิงสาวพบเด็กหนุ่มที่กำลังออกล่าเหยื่ออยู่ในตอนนี้คือเมื่อปีก่อน ตอนแรกที่เธอเจอเขา เขาคือเด็กหนุ่มนักศึกษาเรียนดีที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้อื่นเท่าไรนักเพราะการมองโลกที่ต่างออกไป แต่เมื่อเธอตกปากรับคำจะทำงานให้กับนายท่านทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่แบบที่เธอคิด...
จงฮยอนก็คือเจอาร์ที่ฆ่าคนได้เลือดเย็นที่สุดคนหนึ่งแบบที่เขากำลังจะลงมือกับหญิงตั้งครรภ์คนนั้น
มือเล็กกำด้ามมีดเล่มบางเฉียบที่เหน็บอยู่กับเข็มขัดหนังไว้แน่นเตรียมเคลื่อนตัวเข้าประชิดตัวเหยื่อ สายตาสอดส่ายมองไปรอบตัวอย่างระมัดระวัง ไร้ซึ่งคน ไร้ซึ่งกล้อง ไร้ซึ่งแสงไฟ... ขาของเขาพลันก้าวเร็วตรงไปยังแผ่นหลังของหญิงตั้งครรภ์โดยไม่รีรอ
คนที่ตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ ยังคงพยายามเป็นอย่างยิ่งที่เดินทรงตัวไม่ให้ตนล้มลงไปกองกับพื้นทั้งที่เจอาร์นั้นได้เข้ามาประชิดด้านหลังของเธอแล้วแท้ๆ เขาถือโอกาสที่เหยื่อไม่ทันได้สนใจรอบข้าง...
ใช้ความได้เปรียบในด้านความไวล็อคหัวของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วจับเงยขึ้นมาเล็กน้อยด้วยมือข้างหนึ่งก่อนจะลงมือใช้มีดเล่มบางในมืออีกข้างปาดลงบนลำคอขาวนั่นโดยไม่ลังเลยังตำแหน่งของเส้นเลือดใหญ่อย่างพอดิบพอดี
เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากลำคอขาวอย่างบ้าคลั่ง เจอาร์มองมันด้วยสายตาเฉยชาก่อนจะปล่อยมือออกจากหัวของหญิงสาวปล่อยให้ร่างของเธอร่วงลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี
...ไม่ทันที่จะได้ทันตั้งตัว ไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ไม่ทันที่ของในมือจะร่วงลงมากองกับพื้น ไม่ทันที่ดวงตาที่เบิกโพลงจะได้ปิดลง...
ตอนนี้หมดหน้าที่ของเขาแล้ว ... เจอาร์เงยหน้าขึ้นไปมองยังดาดฟ้าที่ที่เพื่อนร่วมงานกำลังมองตรงลงมาเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรีบมาจัดการกับศพที่ตนเพิ่งจะลงมือฆ่าไปเมื่อสักครู่ให้เรียบร้อย
“ฉันกลับก่อนล่ะ” เจอาร์อ้าปากพูดเป็นคำให้คนด้านบนได้รับรู้ก่อนจะเดินออกไปจากสถานที่เกิดเหตุราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้เพื่อนร่วมงานอย่าง 'ควอนยอง' ต้องถิดถอนลมหายใจกับตัวเองอีกครั้งหนึ่งด้วยความเหนื่อยใจ
“จะมีสักครั้งไหมที่นายจะอยู่ช่วยฉันจัดการกับศพ ? เสร็จหน้าที่ตัวเอง ทีไรก็หนีกลับก่อนทุกที” หญิงสาวบ่นพึมพำอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไรนักก่อนจะจัดการหยิบกระเป๋าเครื่องมือของตนเองแล้ววิ่งลงไปยังด้านล่างเพื่อจัดการกับศพที่นอนตายตาเบิกโพลงอยู่ให้เรียบร้อย
มีดผ่าตัดอย่างดีกดลงบนต้นแขนของหญิงสาว เธอเม้มปากแน่น เป็นเส้นตรงจ้องมองมีดที่กำลังกดลึกลงไปยังเนื้อเนียนของศพนิ่ง เลือดสีเข้มไหลออกมาราวกับเขื่อนแตกฉาบพื้นสีขาวขุ่นให้กลายเป็นสีแดงคล้ำของเลือด
ริมฝีปากเรียกเล็กเม้มเข้าหากันแน่นยิ่งขึ้นเมื่อเห็นกระดูกสีขาว น้ำสีใสไหลตามโครงหน้าลงมาเพราะความเคร่งเครียดเธอค่อยๆ กดมีดลงบนกระดูกนั่นไม่รีบไม่ร้อนหรือกลัวใครมาเห็น
ไม่ว่าอย่างไร ศพจะต้องประณีตที่สุด...
คนตัวเล็กเดินกลับเข้ามาภายในบ้านพักของตนด้วยสีหน้าปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่ใหญ่ เขาถอดรองเท้าของตนก่อนจะนำมันไปวางไว้ในตู้เก็บรองเท้าแล้วจึงเดินเข้าบ้านไป
ดวงตาเรียวยาวเคลื่อนมองยังนาฬิกาแขวนผนังเล็กน้อย เวลา 00.15 ... วันนี้เป็นวันที่หนักพอสมควรสำหรับเขา
ผ้าขนหนูที่พับอยู่ในตู้เสื้อผ้าและชุดนอนที่แขวนอยู่ด้านหน้าตู้ราวกับได้ตระเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ถูกหยิบเอามาพาดบ่าเล็กอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเดินตรงเข้าไปในห้องอาบน้ำพร้อมกับเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนเลือดข้นอยู่เล็กน้อยและมีดเล่มบางที่ชุ่มไปด้วยเลือด
ซ่า...
มือเล็กหมุนเปิดฝักบัวเต็มแรงทั้งที่เขายังคงสวมเสื้อผ้าอยู่ น้ำมากมายจากฝักบัวไหลลงชะล้างตัวและเสื้อผ้าของเขาพร้อมๆ กัน เจอาร์ใช้มือทั้งสองข้างยันผนังห้องน้ำเอาไว้พร้อมกับปิดเปลือกตาของตัวเองลงอย่างผ่อนคลาย มีดที่ใช้ฆ่าคนมานักต่อนักถูกทิ้งลงบนพื้นกระเบื้องอย่างไม่ใยดี
...เขาอยากจะหลับลงในตอนนี้ อยากจะพักผ่อน...
เจอาร์สะบัดหัวไล่ความง่วงก่อนจะลงมือถอดเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวทิ้งลงกับพื้นเมื่อรอยเลือดบนเสื้อผ้าได้ถูกชะล้างออกจนหมดแล้ว
สายตาของเขาพลันจับจ้องไปยังมีดที่ตนทิ้งลงบนพื้นด้วยความสงสัย ความคิดบางอย่างฉุกขึ้นมาในหัวของเขา
ทำไมเขาถึงต้องฆ่าคนพวกนั้นกัน ??? ทำไมกันนะ ?
เขาอยากจะหาคำตอบสำหรับคำถามนี้เหลือเกินแต่ทุกครั้งที่เขาพยายามที่จะค้นหาคำตอบของมัน ... จิตใต้สำนึกของเขาบอกว่าตัวเองจะตก อยู่ในอันตรายถ้าหากทำเช่นนั้น ทำให้เขาต้องละทิ้งมันไปในที่สุด
นานแค่ไหนแล้วนะที่คำถามนี้หายไปจากหัวของเขา นานเท่าไรแล้ว มันถึงโผล่มาให้เขาได้คิดอีกครั้ง
เจอาร์ไล่ความคิดในหัวอีกครั้งหนึ่งด้วยคำตอบเดิมๆ ที่แสนจะงี่เง่า เขาฆ่าคนเพราะเป็นคำสั่งของนายท่าน มันงี่เง่าเอามากๆ แต่เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ได้ แม้เขาจะไม่รู้ว่าตัวเองทำตามที่นายท่านสั่งไป เพื่ออะไร ...
กริ๊ง...
เสียงโทรศัพท์บ้านที่ดังขึ้นอีกครั้งในรอบวันทำให้เจอาร์ที่กำลังจะเข้านอนต้องเร่งรีบเดินมารับมันถึงห้องรับแขก
"ยอโบเซโย..." เขาไม่รู้ว่าตนเองควรจะพูดอะไร เขารู้ว่าควรจะแนะนำตัวเองแต่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแนะนำตัวเองไปว่าอะไรดี
[ เจอาร์นายทำงานได้เรียบร้อยดีมาก คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ไว้ใจนาย ]
“นายท่าน ?”
[ นายไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ วันนี้นายทำงานหนักมาก ตู้ดๆๆ ]
ทันทีที่จบประโยคเมื่อกี้นี้ของปลายสายเจอาร์นิ่งค้างไปชั่วครู่โดยไม่รู้สาเหตุ ก่อนที่ร่างเล็กจะกระตุกเล็กน้อยราวกับไฟฟ้าช็อตอีกครั้งหนึ่ง...
ดวงตาที่ดูมืดมนเมื่อครู่ตอนนี้กลับส่องประกายสดใสน่ามอง ใบหน้า ที่ดูเย็นชาเปลี่ยนเป็นงุนงงกับหูโทรศัพท์ในมือตัวเอง
“อะไรเนี่ย ?” คนตัวเล็กมองหูโทรศัพท์ที่ตนยกค้างอยู่ด้วยความงุนงงก่อนที่คิ้วเรียวจะเริ่มผูกกันเป็นปมเมื่อเห็นสภาพของตนเองอย่างที่ไม่น่าจะเป็น
ชุดนอน...??? เขาจำได้ว่าเขายังอยู่ในชุดลำลองอยู่เลยไม่ใช่เหรอแถมตอนนั้นก็ยังเย็นๆ อยู่เลยทำไมตอนนี้ถึงมืดขนาดนี้ซะแล้วล่ะ ?
“อีกแล้วเหรอไอ้อาการทำอะไรไปไม่รู้ตัวเนี่ย ?” จงฮยอนอดที่จะคิดไม่ได้ว่าตนเองนั้นอาจจะถูกผีเข้าสิงแต่เผอิญเขาดันไม่ใช่คนที่เชื่อในอะไรพรรคนั้นทำให้ข้อสันนิษฐานนี้ต้องตกไปอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้าสีส้มเมื่อตอนเย็นที่ตอนนี้กลายเป็นท้องฟ้าสีดำมืดในตอนกลางคืนทำให้จงฮยอนฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ในทันควัน ดวงตาเรียวคมเบิกโพลงด้วยความตกใจเขามองไปยังนาฬิกาแขวนผนังด้วยความตกใจ
00.40 !!!
“ให้ตายเถอะ !” เขาสบถออกมาเล็กน้อยก่อนจะวิ่งกลับห้องนอนไป เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง จะอะไรเสียอีกเขามีนัดกับเพื่อนตอนตีหนึ่ง น่ะสิ !!!
เสียงดังอึกทึกของเพลงที่ลั่นออกมาจากเครื่องเสียงขนาดใหญ่และเหล่าผู้คนที่กระโดดโลดเต้นกันอย่างบ้าคลั่งทำเอาคนที่โดนเพื่อนลากมาอย่างมินฮยอนอยากจะหายตัวไปจากสถานที่นี้แทบบ้า
คนร่างสูงนั่งเท้าคางตัวเองอยู่บนเคาน์เตอร์เครื่องดื่มพลางทอดสายตามองไปยังเพื่อนสนิทที่ดูจะร่าเริงเป็นพิเศษด้วยความหัวเสียมากกว่าเดิม
“ขอโทษนะคะ ที่นั่งข้างๆ ว่างรึเปล่าคะ ?” ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวที่เข้ามาหาเขาโดยพลการตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ว่างครับ” มินฮยอนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขารู้ว่าเธอเข้ามาหาเขาเพื่ออะไรเพราะมันเกิดเหตุแบบนี้มา 4 ครั้งแล้วสำหรับเขาในวันนี้ ซึ่งมัน ก็มากเกินพอแล้วสำหรับเขา...
“ขอนั่งด้วยจะได้ไหมคะ ?” ในเมื่อเธอกล้าที่จะขอเขาอย่างหน้าไม่อาย เขาก็กล้าพอที่จะเอ่ยไล่อย่างสุภาพเช่นกัน
“ขอโทษครับผมคงให้คุณนั่งข้างๆ ไม่ได้ ผมชอบอยู่คนเดียว ขอโทษจริงๆ ครับ” เขาโค้งหัวเล็กน้อยพอเป็นพิธีให้กับหญิงสาวก่อนจะหันกลับมาสนใจเครื่องดื่มของตนเองต่อโดยไม่คิดเลยว่าตนเองนั้นได้ทำผู้หญิงหน้าเสียอีกครั้ง ในรอบวัน
หญิงสาวคนนั้นชักสีหน้าไม่พอใจออกมาชั่ววูบหนึ่งก่อนที่จะกลับมา ยิ้มแย้มเช่นเดิมแล้วเดินออกไปหาเพื่อนฝูงที่กำลังนั่งหัวเราะกันอยู่อย่างบ้าคลั่ง
“นายทำผู้หญิงหน้าแตกมากี่ครั้งแล้ววะมินฮยอน ?” แบคโฮหันมาถามเพื่อนสนิทของตนเองแทบกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่กับการกระทำที่เพื่อนสนิทได้ ทำลงไปกับผู้หญิงมากมาย
“หรือนายจะเอาแบคโฮ ?” มินฮยอนถามหน้าตาย เขาไม่เพียงไม่หันหน้ามามองคู่สนทนาเท่านั้นเขายังคงนั่งจิบเครื่องดื่มบนเคาน์เตอร์อย่างสบายใจ อีกต่างหาก นั่นเป็นการกระทำที่แบคโฮยืนยันได้เลยว่าน่าถีบให้ตกเก้าอี้มากที่สุด !!!
“ไม่เอาเว่ย ! นายจะบ้าเหรอ ?!” แบคโฮขึ้นเสียงแข่งกับเสียงดังอึกทึกโดยรอบแทบไม่ทัน
ก็จริงอยู่ที่เขาชอบเที่ยวเล่นแต่เขาก็ไม่ได้พวกผู้ชายที่มั่วผู้หญิงไปเรื่อยแบบนั้นสำหรับเขาแล้วคนแบบนั้นไม่ใช่ลูกผู้ชายด้วยซ้ำ และสำหรับเขาผู้หญิงที่เดินเข้ามาต้องไม่ใช่เสนอตัวแต่ต้องเป็นสารภาพรักต่างหากอย่างนั้นเขาถึงจะเอ็นดูไม่ผลักไสแม้บางครั้งเขาจะเอ่ยปากปฏิเสธพวกเธอไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
“นั่นสิ นายจะบ้าหรือไงที่มาถามฉันว่าหักหน้าผู้หญิงไปกี่ครั้งทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่เอาผู้หญิงพวกนั้นเลย” ร่างสูงปลายตามองคนข้างตัวด้วยสายตากวนประสาทก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินของตัวเองออกมา คว้าเอาธนบัตรสีส้มทอง มาวางไว้บนเคาน์เตอร์ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้
“เฮ่ย ! นั่นนายจะไปไหนน่ะ ?” แบคโฮถามเพื่อนรักดวงตาเบิกกว้าง
“ไปทำงานไง ฉันไม่ได้ว่างงานแบบนายทั้งวันนะ คัง ดงโฮ” สีหน้าเรียบของมินฮยอนทำให้เจ้าของชื่อดงโต้องกลืนคำชวนให้อยู่ต่อของตัวเองลงคอไปแทบจะไม่ทัน
เขาอยู่กับมินฮยอนมานานเขาย่อมรู้ดีว่าสีหน้าแบบไหนของคนตัวสูงนั้นหมายถึงกำลังอารมณ์ไม่ดีไม่ควรที่ใครจะเข้าไปยุ่ง ตอนนี้ใบหน้าของมินฮยอนออกแนวนั้นอยู่...
“ก่อนฉันจะไปฉันขอถามอะไรหน่อย...มาทำไมที่คลับนี่ ?” ดวงตาเรียวหรี่ลงเพื่อให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มอีกคนได้ชัดเจน หลังๆ มานี้แบคโฮดูแปลกไปเขามาที่คลับแห่งนี้เกือบจะทุกคืนเลยด้วยซ้ำ คลับนี่มีอะไรที่ดึงดูดความสนใจเพื่อนของเขากันนะ ?
“ขืนฉันบอกนาย นายต้องอยากฆ่าฉันแน่...” แบคโฮก้มหน้าหลบ สายตาคมของมินฮยอนที่พร้อมจะมองทะลุทุกอย่างแทบไม่ทัน มินฮยอนพ่นลมหายใจแรงก่อนจะเริ่มต้นกวาดดวงตาของตนไปรอบๆ คลับที่เต็มแน่นไปด้วยผู้คน
“ผู้หญิง ?” คิ้วโก่งเลิกขึ้นอย่างสงสัยมีไม่กี่อย่างนักหรอกที่จะทำให้ผู้ชายอย่างแบคโฮหลงหัวปักหัวปำไม่เป็นอันจะทำอะไรและแน่นอนว่าข้อสำคัญหนึ่งในกรณีนั้นคือผู้หญิง
“...”
“นายต้องกลับไปที่แล็ปกับฉันทันทีที่เคลียร์เรื่องนี้เสร็จ และรายงานสรุปคดีของนายที่ค้างอยู่ต้องเสร็จภายในวันพรุ่งนี้” มินฮยอนสั่งเสียงเรียบเด็ดขาด เขาคงปล่อยให้แบคโฮมาที่นี่ไม่ได้สักพักหนึ่งจนกว่าเพื่อนของเขาจะตัดขาดจากเรื่องพวกนี้ได้...
ดวงตาคมเรียวไล่มองยังผู้หญิงมากหน้าหลายตาก่อนจะตัดใจลงเพราะการแต่งตัวและกิริยาของพวกเธอเหล่านั้นช่างไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย
แบคโฮไม่มีทางชอบพวกผู้หญิงพวกนั้นแน่นอน...
ผู้หญิงที่เต้นนัวเนียกันอยู่ยังชั้นหนึ่งที่ฟลอร์เต้นรำพร้อมกับเสื้อผ้า น้อยชิ้นและกิริยาที่ส่อว่าพวกเธอกำลังเข้าหาผู้ชายจึงถูกละความสนใจไปโดยปริยาย
มินฮยอนแหงนใบหน้าขึ้นมองยังชั้นบนที่เป็นชั้นสำหรับลูกค้าวีไอพีของคลับแห่งนี้ด้วยความรวดเร็ว และไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมแบคโฮถึงได้มีอาการแปลกประหลาดอย่างนั้นในเมื่อดวงตาของเขาก็ไม่สามารถละออกมาจาก ร่างบางที่สายตาของเขาพบเจอได้เช่นกัน
ผมสีทองสว่างที่มาจากการย้อมสีผมด้วยความคึกคะนองของเจ้าตัวเคลื่อนลงมาปรกใบหน้าสวย ดวงตากลมเหม่อมองไปยังปากทางเข้าเหมือนกับกำลังรอใครบางคนเดินเข้ามา ทุกอย่างที่อยู่บนใบหน้าของคนตัวบางราวกับพระเจ้าได้สรรค์สร้างขึ้นมาอย่างประณีตและบรรจง
ดูก็รู้ในทันทีว่าเป็นลูกคนดังมีเงินสักคนหนึ่งที่กำลังหนีเที่ยวกลางคืน...
“แบคโฮ.. คนนั้นใช่ไหม ?” คิ้วของมินฮยอนขมวดเข้าหากันก่อนจะหันมามองคนข้างตัวด้วยสีหน้าอธิบายไม่ถูก
“นายแค่อย่าฆ่าฉันก็พอ” แบคโฮยิ้มแห้งเกาหัวแกรกๆ ไม่รู้จะตอบเพื่อนว่าอย่างไร ดวงตาสีประหลาดเหลือบมองร่างบางด้านบนก่อนจะยิ้มออกมาคนเดียว
“ฉันเพิ่งจะรู้ว่านายเป็นพวกนิยมชอบเพศเดียวกัน แต่จะว่าไปชอบเพศเดียวกันนี่น่าจะดีเหมือนกันนะอย่างไงผู้ชายด้วยกันเข้าใจกันก็ดีกว่าผู้หญิง ร้อยเล่ห์ที่ชอบสร้างปัญหา”
มินฮยอนทำคดีมานักต่อนักและส่วนใหญ่ของคดีที่เขาทำนั้นศพที่พบ มักเกิดจากฝีมือของผู้หญิง นั่นทำให้มินฮยอนฝังใจกับเรื่องพวกนั้นและยังคง ไม่ยอมมีแฟนจนถึงทุกวันนี้แม้เขาจะเกิดมาพร้อมกับรูปร่างหน้าตาและสมองที่ ดีพร้อมก็ตาม
“เพศเดียวกัน...?” เบิกตากว้างใส่ร่างสูงอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนเขาจะหันกลับไปมองร่างบางอีกครั้งหนึ่ง ตัวบางหน้าสวยผมยาว...เนี่ยนะผู้ชาย ?!
“เออ คนนั้นน่ะเขาเป็นผู้ชาย น้องมานี่สิ” มินฮยอนทำหน้ายุ่ง เขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็นเหมือนกัน เพื่อยืนยันความคิดของตัวเองเขากวักมือเรียกบาเทนเดอร์ประจำเคาน์เตอร์มาก่อนจะคว้าเอาธนบัตรสีทองให้ไปอย่างไม่นึกเสียดาย
“50000 วอนแลกกับข้อมูลของผู้ชายคนนั้นได้เท่าไร พูดมาให้หมด”
“อะ เอ่อ ครับ”
แบคโฮถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจที่คนข้างตัวยอมเสียเงินจำนวนมากเพียงเพื่อต้องการรู้ข้อมูลของผู้ชายหน้าสวยด้านบน มินฮยอนยักคิ้วหลิ่วตาให้แบคโฮประมาณ ' มัวแต่มองจะได้อะไร '
“คุณคนนั้นเขาชื่อเร็นครับเป็นลูกค้าวีไอพีของคลับเรา การ์ดด้านบนบอกว่าคุณเร็นเป็นน้องชายต่างพ่อของคุณอารอนเจ้าของคลับเขาน่ะครับ คุณเร็นจะมาที่นี่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์มากับเพื่อนคนเดียวตลอดตอนนี้คงกำลังรออยู่” พูดจบบาร์เทนเดร์หนุ่มก็เดินไปจัดการกับเครื่องดื่มให้กับลูกค้าคนอื่นต่อ
“ไงล่ะ อย่างนี้นายว่าดีกว่าไหม ?” มินฮยอนถามแบคโฮพร้อมยิ้มพราว คำว่า 'น้องชาย’ ก็ยืนยันชัดเจนอยู่แล้วว่าคนหน้าสวยด้านบนนั้นเป็นผู้ชายแน่นอนไม่ใช่ว่าเขากำลังอุปาทานไปเองเพียงคนเดียว
“สวยแบบนั้นเนี่ยนะ” เสียงสูงไม่อยากเชื่อ
“เอาล่ะนายต้องกลับไปกับฉัน หมดเวลาแอบมองผู้ชายหน้าสวยคนนั้นแล้วไปเคลียร์งานให้เสร็จซะ”
“เดี๋ยวฉันค่อยตามไป นายกลับไปก่อนเถอะ” แบคโฮถอนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจแค่คิดถึงงานที่กองอยู่บนโต๊ะทำงานก็ปวดหัวแล้ว แต่มินฮยอนก็ทำให้เขาแปลกใจตรงที่สามารถจัดการกับมันได้อย่างรวดเร็วและสมบูรณ์แบบที่สุด
“หนึ่งชั่วโมง” มินฮยอนตัดบทยื่นข้อเสนอสุดท้ายก่อนจะเดินออกไปพร้อมรอยยิ้มเย็น
ให้ตายเถอะ..นี่เขาต้องมาเสียเวลาร่วมชั่วโมงหลังจากจบการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุไปกับการนั่งดื่มมองผู้ชายเป็นเพื่อนแบคโฮเหรอเนี่ย ?
“เหอะ ไร้สาระ” เขาต้องรีบกลับไปทำงานให้เสร็จอย่างน้อยเขาก็ต้องเคลียร์ คดีล่าสุดนี้ให้เสร็จก่อนที่คดีใหม่จะเกิดขึ้น
แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตี 1แล้วแต่ผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาภายในคลับแห่งนี้ก็ยังคงไม่ขาดสาย ร่างสูงเดินออกมาจากคลับชื่อดังก่อนจะหันมองแถวยาวเหยียดของผู้คนที่รอเข้าคลับ นี่เขาควรจะดีใจใช่ไหมที่ไม่ต้องมาต่อแถวแบบนี้ มินฮยอนเบ้ปากก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย
โซลเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหลจริงๆ...
ในขณะที่ร่างสูงกำลังเดินเอ้อระเหยไปยังรถยนต์ส่วนตัวของตัวเองเขาก็ปะทะเข้าให้กับร่างเล็กอย่างไม่ควรจะเป็น
“เหวอ...”
แก๊ง... เสียงของโลหะบางอย่างดังกระทบพื้นพร้อมกับที่มือเรียวเอื้อมไปรั้งเอาไหล่เล็กเอาไว้ไม่ให้ร่างทั้งร่างของคนตรงหน้าร่วงหล่นลงกับพื้น มินฮยอนรอให้แน่ใจว่าคนตัวเล็กจะยืนทรงตัวได้เขาจึงจะปล่อยมือของตนออกมาด้วยความโล่งใจ
“ขอโทษครับ” คนทั้งสองกล่าวคำขอโทษออกมาพร้อมกันต่างตรงที่คนตัวเล็กกำลังโค้งตัวให้กับเขาไม่หยุด มินฮยอนมองการกระทำนั้นนิ่งค้างไปชั่วขณะ
“เอ่อ ไม่ต้องถึงขั้นโค้งหัวก็ได้ครับ”
“ผมชินแล้วล่ะครับ ขอโทษอีกครั้งแล้วก็ขอบคุณที่ช่วยผมเอาไว้ด้วยนะครับ ผมรีบไปหน่อยเลยไม่ได้ดูทาง” คนตัวเล็กโค้งหัวให้เขาอีกครั้งหนึ่งก่อนจะยิ้มแหยๆ แก้เขินที่ตัวเองทำเรื่องน่าอายลงไปอย่างไม่น่าให้อภัย
“ไม่เป็นไรครับผมก็เดินไม่ดูทางเหมือนกัน” คลี่ยิ้มบางตอบกลับไปเช่นกันอย่างเป็นธรรมชาติ
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” อีกฝ่ายโค้งให้กับเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหมุนไหล่เดินออกไปไม่ให้ชนคนตัวสูงตรงหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง
มินฮยอนหันกลับไปมองตามหลังร่างเล็กไปพร้อมรอยยิ้มที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ คนที่เพิ่งจะเดินจากไปถือเป็นคนแรกที่เขาเจอในโซลที่เอ่ยคำ ขอโทษก่อนไม่ว่าตัวเองจะผิดหรือไม่ก็ตาม ถึงแม้คำขอโทษจะจริงใจแต่การโค้งตัวและการยิ้มนั่น…
...แค่ดูจริงใจเท่านั้น…
คนหลายบุคลิก น่าสนใจ...
“เสียงนั่นมันอะไรนะ ?” มินฮยอนย่อตัวลงกับพื้นเพราะความมืดทำให้การมองเห็นของเขาแย่ลงไปอย่างเห็นได้ชัด วัตถุสีเงินเล็กๆ ที่ตกลงบนพื้นจังหวะที่คนตัวเล็กกำลังจะล้มลงสะท้อนแสงหลอดไฟข้างถนนที่ส่องลงมาเป็นอย่างดี มือเรียวหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะยัดใส่ลงกระเป๋าเสื้อแล้วเดินย้อนกลับไปยังคลับที่ตนเดินจากมา
“ตัวเล็ก...รอผมอยู่ที่นั่นนะ ห้ามไปไหน” ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างพึงใจ เขาได้ข้ออ้างที่จะทำความรู้จักกับคนตัวเล็กที่แสนจะน่าสนใจคนนั้นแล้ว ได้แบบไม่ได้ตั้งใจ…BlackForest✿
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น