คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Depression - 02 [cut scene]
[Depression - 02]
“อ่ะ มานั่งใกล้ๆ ฉันหน่อยก็ได้ รังเกียจอะไรฉันนักหนา” จงอินเรียกคยองซูให้มานั่งที่โซฟาเดียวกัน
“คือไม่ได้รังเกียจหรอกครับ แต่ว่ามันไม่สมควร เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นก็หาว่าผมตีสนิทเจ้านาย”
“ที่นี่ไม่มีคนอื่นหรอกนะ ฉันอยู่คนเดียว ไม่ชอบอยู่กับคนอื่น”
“ก็สมควร” คยองซูพูดในลำคอเบาๆ
“นายพูดว่าอะไรนะ”
“เปล่าครับ”
“ไหนลองเล่าประวัติให้ฉันฟังหน่อยซิ ได้ข่าวว่าทำอาสาสมัครมาก่อนหรอ”
“นี่ครับคุณคิม ประวัติของผมอยู่ในใบสมัครนี้หมดแล้ว ไม่ทราบว่าคุณคิมเคยอ่านหรือยังครับ” คยองซูยื่นซองเอกสารที่เตรียมมาให้กับจงอิน
“ฉันไม่ชอบอ่านหนังสือ เล่ามาให้หมดแล้วกัน เอาเอกสารคืนไปเหอะเกะกะ”
คยองซูถอนหายใจยาว วววว
“ผมชื่อคยองซู อายุ 21 ปีครับ เคยทำงานด้านอาสาสมัครมาก่อน และเคยผ่านอบรมการดูแลผู้ป่วย ด้านกายภาพบำบัด จิตเวชและสุขอนามัยครับ”
“ทำไมถึงชอบอยู่กับผู้ป่วย มันดูน่าสงสารหรอหรือยังไง”
“คือ คือ ผมไม่ได้สงสารผู้ป่วยนะครับ แต่ผมทำด้วยใจรัก ผมรู้สึกเห็นใจคนอื่นมากกว่าครับ ทุกคนต้องการความช่วยเหลือแตกต่างกัน และสิ่งที่ผมสามารถหยิบยืมได้ดีที่สุดก็คือความจริงใจในการช่วยเหลือครับ”
“ตอบแบบนี้เขียนสคริปมาด้วยหรือเปล่า”
“ผมไม่จำเป็นต้องสร้างภาพให้ตัวเองดูดีหรอกครับ ผมไม่กล้าการันตีความสามารถอะไรทั้งนั้นครับ ถ้านายจ้างเชื่อใจให้ผมดูแล ผมก็จะทำอย่างเต็มที่ครับ”
“แล้วนวดเป็นมั้ย”
“พอนวดได้ครับ จะให้ผมนวดให้หรอครับ” คยองซูขยับเข้ามาใกล้เพื่อจะนวดเท้าให้กับจงอิน
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง มันจั๊กกะจี้ ปล่อยๆ ” จงอินดึงเท้าตัวเองกลับมา “นี่ฉันจะเล่าอะไรให้ฟังนะ ฉันเป็นคนอยู่เฉยๆ ไม่ค่อยได้ ฉะนั้นแปลว่าฉันชอบมีกิจกรรมทำตลอดเวลา ยิ่งการเต้นแล้วฉันยิ่งคลั่งไคล้ ถ้านายยิ่งเต้นเป็นนะฉันจะยิ่งชอบนายนะ ถ้านายยิ่งทำกับข้าวอร่อยฉันก็จะให้เงินนายเพิ่ม ถ้านายทำความสะอาดบ้านดีฉันจะไม่อารมณ์เสีย ถ้านายพูดจาดีๆ กับฉันฉันจะพูดดีๆ กับนาย ถ้านายออกไปไหนต่อไหนกับฉัน ฉันจะเป็นคนเลี้ยงนายเอง ดูซิ..ชีวิตนายดีจะตาย นายยังจะอยากลาออกจากตำแหน่งนี้อีกมั้ย”
“แล้วยังไงต่อครับ” คยองซูทำหน้าตาสนใจในทุกคำพูดของจงอิน
“ฉันพูดหมดแล้ว นายมีอะไรจะถามอีกมั้ย”
“มีครับ ก็คือผมจะได้รับเงินก้อนแรกเมื่อไหร่ครับ”
“ทำไม หัวสมองนายถึงคิดแต่เรื่องเงินนะ” จงอินชักอารมณ์เสียที่คยองซูไม่ถามอะไรเกี่ยวกับตัวเค้าเลย
“ก็ผมทำงานแลกเงินนะครับ”
“แล้วความจริงใจของนายเมืjอกี้ไปไหนหมด”
“ถ้าคุณคิมเป็นเพื่อนหรือเป็นคนที่ผมรัก ผมอาจจะมีแต่ความจริงใจแล้วไม่ต้องการเงินก็ได้นะครับ แต่นี่คุณคิมเป็นนายจ้างของผม ผมเป็นลูกจ้าง เราว่าจ้างกันด้วยเงินนี่ครับ”
“อืมมมม พูดดีนะ งั้นเอาไปครึ่งนึงก่อนแล้วกัน” จงอินเขียนเช็คเงินสดจำนวน 5 ล้านโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมากเลยสักนิด คยองซูก็รับไปอย่างงงๆ
“เอางี้นะ วันแรกนายไม่ต้องทำอะไรหรอก จริงๆ งานของนายมันก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว แค่นั่งๆ นอนๆ เป็นเพื่อนฉัน อย่าปล่อยให้ฉันซึมเศร้า ถูกต้องใช่ไหมที่ฉันพูดเนี่ยมันเป็นหน้าที่ที่แม่เคยบอกเธอไว้ใช่ม่ะ”
คยองซูพยักหน้า
“งานกระจอกแบบนี้มีใครจะไม่อยากทำบ้างวะ ก็อย่างว่าอ่ะนะมีเงินจะทำอะไรก็ได้ ฉันไปอาบน้ำก่อน นายอยากทำอะไรก็ทำ แต่ห้ามเข้าห้องซ้อมเต้นของฉันก่อนได้รับอนุญาติ ...เด็ดขาด เข้าใจ๊ ”
ครืนน นน น มือถือของคยองซูสั่นพร้อมกับเสียงเพลงดังขึ้นมาในจังหวะที่จงอินกำลังจะหันหลังไปพอดี
“อ่ะ แล้วที่สำคัญนายห้ามใช้โทรศัพท์ในเวลางาน” จงอินชี้ไปที่มือถือกำลังมีสายเข้า
“แต่..........” คยองซูพยายามจะบอกเหตุผล
“อย่าเถียงฉัน แล้วฉันจะทำดีกับนาย โอเค๊ ฉันไปหล่ะ” จงอินปล่อยประโยคสุดท้ายให้คยองซูคิดต่อเอง
จงอินหลบขึ้นไปชั้นสองแต่ยังคงติดใจกับสายเข้าของคยองซู อดร้นทนไม่ได้ทำให้ต้องแอบดูพฤติกรรมของคยองซูห่างๆ
คยองซูหยิบมือถือมาดูชื่อคนที่โทรเข้า นั่นคงเป็นใครไม่ได้นอกจากพี่ชานยอล สายยังกระหน่ำโทรเข้าเรื่อยๆ ทั้งๆที่คยองซูก็ได้ปิดเสียงไปแล้ว คยองซูเดินไปเดินมาด้วยความกังวลว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นที่บ้านหรือเปล่า ทำไมพี่ชานยอลถึงโทรมาถี่ขนาดนี้
จงอินซึ่งมองดูคยองซูจากข้างบน ก็ได้บ่นพึมพำออกมา
“ดูซิ ว่านายจะกล้าฝ่าฝืนกฎของฉันม่ะ” จงอินยกยิ้มที่มุมปากและรู้สึกสนุกที่คยองซูทำหน้าตาไม่สบายใจเหมือนกำลังหนีใครมาเที่ยวอย่างงั้น “รับซิ รับเลย รับเลย ฉันอยากทำโทษนายเต็มที่แล้วนะ คยองซู
สุดท้ายคยองซูก็ทนลูกตื้อของชานยอลไม่ไหว อีกทั้งตอนนี้จงอินก็ไม่ได้อยู่ตรงหน้า คงไม่เป็นอะไรมั้ง ถ้าจะแอบรับโทรศัพท์
“พี่ครับ ผมทำงานอยู่ ผมรับสายไม่ได้นะครับ แค่นี้นะครับพี่” คยองซูเลือกที่จะบอกปัดชานยอลไปแบบนั้น ทั้งที่ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจที่ต้องทำแบบนี้
“นายทำอะไร คยองซู” จงอินลงมาปรากฎตัวข้างหลังคยองซู
“แค่นี้นะครับพี่” คยองซูรีบวางสายโดยที่ยังไม่ได้ฟังว่าอีกฝ่ายโทรมาต้องการอะไร
“ฉันถามว่านายทำอะไร” จงอินพยายามคาดคั้นให้คยองซูกลัว
“ผมแค่จะบอกปัดให้เค้าวางสายไป ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะไม่สบายใจที่ผมไม่ยอมรับสายนะครับคุณคิม”
“แล้วที่นายรับสาย นายสบายใจขึ้นหรือยัง”
“ก็ยังครับ”
“งั้นก็โทรกลับไปอีกที โทรไปถามว่าเค้าต้องการอะไร แล้วคุยซะให้จบ ฉันให้เวลานายแค่สามนาที ....ไม่ได้มากไป สองนาทีก็น่าจะพอ”
เรื่องของพี่ชานยอลนั้น คยองซูก็ตั้งใจว่าจะไปเคลียร์เย็นนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อเจ้านายสั่งแบบนั้นคยองซูก็คงต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เร็วๆ ซิ รีบกดไปเลย ฉันอยากรู้ว่าใครตายหรือเปล่าถึงโทรมาเยอะขนาดนั้น”
“แล้วคุณคิมจะยืนฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์อยู่ตรงนี้หรอครับ”
“ใช่ บ้านฉัน ฉันยืนตรงไหนก็ได้”
“งั้นผมไป...” คยองซูตั้งใจว่าจะไปคุยข้างนอกให้ห่างจากคนเสียมารยาทตรงนี้
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น เร็วๆ ให้เวลาแค่สองนาที มัวแต่ลีลาอยู่นั่นแหละ” จงอินดึงแขนคยองซูเอาไว้
“งั้นผมไม่โทรแล้ว” คยองซูกำลังจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง
ครืนนนนน พูดยังไม่ทันขาดคำ โทรศัพท์ก็เข้ามาอีกรอบ
“เอ้าๆ ยังไงหล่ะ ถึงนายไม่โทรไป เค้าก็โทรมาอยู่ดี เอ้า เร็วๆ ให้คุยได้แค่สองนาที รับ!!! ฉันสั่งให้นายรับ” จงอินไม่พูดเปล่าแถมยังกดรับสายให้คยองซูอีกด้วย
“ว่า ว่า ว่าไงครับพี่ คุณป้ายังไม่มาหรอ”
[มาแล้ว พี่กินข้าว กินยา กินวิตามินตามที่นายสั่งหมดแล้วนะ เหลือแต่ฝึกเดินนะครับ แต่ตอนนี้พี่คิดถึงนายจะแย่อยู่แล้วเนี่ย .. ]
“พี่ต้องการโทรมาบอกแค่นี้หรอครับ”
[ทำไมต้องทำเสียงแข็งกับพี่ ไปทำงานไม่กี่ชั่วโมงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยนะ]
“ไม่ใช่แบบนั้นครับพี่ พอดีว่าเจ้านายเค้าไม่ใช้โทรศัพท์ในเวลางานก็แค่นั้น แต่ถ้าพี่มีธุระจำเป็นจริงๆ ผมก็จะขออนุญาติเค้าก่อนครับ แต่นี่พี่แค่โทรมาบอกแค่นี้ ทีหลังพี่ส่งไลน์มาก็ได้นะครับ ถ้าผมว่างผมก็จะได้อ่านไงครับ”
[อืมมม พี่ไม่กวนนายแล้วก็ได้] …. แล้วสายก็ตัดไป
“ฮัลโหล ฮัลโหล พี่ ฮัลโหล ”
จงอินมองหน้าคยองซูด้วยความสนใจ ที่เหมือนปลายสายจะเสียงดังโมโหคนตัวเล็กตรงหน้า
“น่าสงสารจังเลย โดนด่าหรอ ไม่เอาไม่ร้องไห้นะ โอ๋ๆ คนเก่ง ” จงอินล็อคหัวของคยองซูมากอดเหมือนพ่อโอ๋ลูก
คยองซูดึงหัวตัวเองออกมาจากอ้อมกอดจงอิน
“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ช่างมันเหอะ ว่าแต่คุณคิมอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ระหว่างที่คุณคิมไปอาบน้ำ ผมจะไปลองหาอะไรทำในครัวก่อน”
“ไม่ต้องทำหรอก”
“ผมทำอร่อยนะครับ”
“เอาเวลาไปอาบน้ำให้ฉันดีกว่า ฉันก็หาคนถูหลังมานานแล้ว”
“เดี๋ยวนะครับคุณคิม ผมว่ามันไม่จำเป็นขนาดนั้น เรื่องส่วนตัวคุณคิมน่าจะทำเองได้นะครับ”
“ก็ไม่เป็นไรถ้านายอยากขัดใจฉันไปเรื่อยๆ ก็ได้ แต่ต่อไปนายก็แค่ทำงานหนักหน่อยนะ”
จงอินก็ไม่ได้ดื้อที่จะให้คยองซูไปอาบน้ำให้อย่างที่พูด เพียงแค่อยากแกล้งคยองซูก็เท่านั้น เค้ารู้สึกมีความสุขเห็นคยองซูทำหน้าโมโห
ผ่านไปเกือบชั่วโมง จงอินก็ยังไม่ลงมาสักที ซึ่งมันผิดสังเกตุเกินไปจนน่าเป็นห่วง
คยองซูเลยตะโกนเรียกชื่อคุณคิมอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงขานรับ
“หรือว่าจะเป็นอะไรไป..” คยองซูคิดไปต่างๆ นานา แต่ลึกๆ ในใจก็คิดว่าคุณคิมอาจจะเผลอหลับไปแบบไม่รู้ตัว หรือไม่ก็คงแกล้งปล่อยให้เค้ารอแบบไม่มีเหตุผล
คยองซูถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนของคุณคิมเข้าไป “คุณคิม คุณคิมครับ ผมขออนุญาติเข้าไปนะครับ”
ก็ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมตะโกนเรียกแล้วไม่ได้ยิน ก็เล่นเปิดเพลงดังซะหูแตกขนาดนี้
คยองซูสำรวจภายในห้องที่ไม่เห็นเงาหัวคุณคิมเลยแม้แต่นิด
“คุณคิมครับ คุณคิมครับ อยู่ไหนครับเนี่ย”
ซู่ ว ววว ว ว เสียงน้ำในห้องน้ำนิ่
ประตูห้องน้ำเปิดแย้มอยู่นิดนึง หรือว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้น ลื่นล้มหัวแตกหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ขอโทษนะครับ” คยองซูค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องน้ำที่กว้างพอๆ กับห้องนอน เสียงน้ำดังมาจากอ่างอาบน้ำหลังม่านหรู น้ำเริ่มไหลนองพื้นจนมาเปียกเท้าคยองซู
“เห้ย คุณคิม” คยองซูกระชากผ้าม่านเปิดออก เห็นสภาพคุณคิมนอนจมลงในอ่างอาบน้ำ คยองซูพยายามดึงตัวจงอินขึ้นมาอย่างเร็ว ก่อนที่จะหมดหายใจไปซะก่อน
“โอ้ย คุณคิม เป็นอะไรไปเนี่ย ตัวหนักขนาดนี้ผมอุ้มไม่ไหวหรอกนะครับ” คยองซูประคองร่างที่หมดสติของจงอินออกมาจากอ่างอาบน้ำ
ด้วยร่างที่กำยำและเปลือยเปล่าของจงอิน ทำให้คยองซูต้องกลืนน้ำลายลงคออยู่หลายครั้ง
“จะทำยังไงดีนะ ผายปอด.... ใช่ต้องผายปอด” คยองซูบีบจมูกจงอินเพื่อไม่ให้อากาศออก และสูดลมเข้าปอดอย่างเต็มที่ก่อนจะที่ประกบปากและเป่าลมเข้าไปเพื่อขยายปอดให้จงอิน รอดูอาการอยู่ 3 วินาที จงอินก็สำลักออกมา
“ฮ่าๆๆๆ” จงอินได้สติลุกขึ้นนั่งแถมยังหัวเราะใส่หน้าคยองซู
“เล่นบ้าอะไรเนี่ยคุณคิม ผมตกใจหมด” คยองซูเช็ดปากและผละตัวเองออกห่างจากร่างจงอิที่ล่อนจ้อนอยู่
“ก็แค่อยากรู้...........”
“อยากรู้ว่าผมผายปอดเป็นหรือเปล่าหรือไงครับ”
“เปล่า...... ฉันอยากรู้ว่านายปากหวานหรือเปล่าก็แค่นั้นเอง” จงอินลุกขึ้นเดินไปโทงๆ แถมหันก้นให้คยองซูดูอีกต่างหาก
“คุณคิม คุณจะหยาบคายเกินไปแล้วนะครับ”
จงอินได้ยินแบบนี้เลยหันด้านหน้ามาให้คยองซูดูแทน
“เห้ย!! คุณโรคจิตเปล่าเนี่ย ผมว่าคุณไปใส่เสื้อผ้าเหอะครับ ไปเหอะครับ ผมขอร้อง” คยองซูโบกมือไล่ให้จงอินรีบไปแต่งตัวซะ
“อ้าว ก็นึกว่าชอบดูซะอีก ดูซิหน้าแดงหมดแล้วเนี่ย” จงอินก้มตัวลงมาหยิกแก้มคยองซู
คนโรคจิต !!
50%
คยองซูต้องทนอยู่กับคนประหลาดแบบนี้ไปอีกนานมั้ย และนี่ก็เป็นอีกวันที่จงอินทำพฤติกรรมแย่ๆ อีกตามเคย
“กลับบ้านไปเหอะ ชักเบื่อ ชักรำคาญมากแล้ว ทำไรต้องไม่ถูกใจ เดี๋ยวจะให้แม่หาคนมาใหม่ ไม่เอานายแล้ว”
“ทำไมคุณคิมเอาแต่โวยวายไปวันๆ ล่ะครับเนี่ย ผมก็ทำทุกอย่างที่คุณคิมต้องการแล้ว คุณคิมจะเอาอะไรอีก ผมก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันนะครับ นี่ผมเป็นลูกจ้างไม่ใช่ทาสคุณคิมนะครับ เวลาแค่อาทิตย์เดียวจะให้ผมรู้ใจคุณคิมไปทุกอย่างก็คงไม่ได้หรอกครับ ผมไม่ได้อยู่กับคุณคิมทั้งวันทั้งคืน ถ้าคุณคิมยังเอาแต่เสียงดัง พูดจาหยาบคาย ทำตัวน่าเกลียดแบบนี้ต่อให้ต้องเปลี่ยนอีกกี่สิบคนก็ไม่พอหรอกครับ”
“นี่นายด่าฉันอีกแล้วหรอ”
“เปล่าครับ”
“หลายครั้งแล้วนะ ที่นายชอบหลอกด่าฉัน ฉันว่าฉันไล่นายออกจริงๆ แล้วกัน”
“คุณคิมพูดเล่นหรือพูดจริงครับ”
“นายเห็นฉันเป็นคนขี้เล่นขนาดนั้นเลยหรอ” จงอินทำหน้าตาขึงขังจริงจังใส่แทนที่จะหัวเราะใส่หน้าคยองซูเหมือนทุกที
“คุณคิมใจร้ายมากนะครับ“ คยองซูเริ่มถอยหนีเพราะกลัวว่าจะโดนทำร้ายร่างกายเหมือนที่เคยโดนมาแล้ว “คุณไม่รู้หรอกว่าผมต้องเอาเงินพวกนี้ไปใช้อะไร ผมมีคนที่ผมรักต้องดูแล ผมต้องเอาเงินไปรักษาเค้า ชีวิตผมลำบากมากมาตลอด 3 ปีแล้ว แล้วผมก็คิดว่ามันจะเป็นหนทางเดียวที่ผมจะสบายขึ้นมาได้บ้างนะครับ”
“คนที่นายรักคือใคร พ่อแม่งั้นหรอ”
“..................”
“พ่อแม่ใช่มั้ย”
“แฟนผมครับ”
“นายมีแฟนแล้วหรอ”
“ครับ”
“อ่อ ถ้าฉันอยากมีแฟนมั้ง ฉันต้องทำยังไงบ้าง ทำตัวน่ารักแสนดีแบบนายหรือไง”
“คุณคิมก็เลิกทำนิสัยแย่ที่ผมเคยบอกไปนั่นแหละครับ แล้วคุณคิมก็รีบรักษาตัวเองไม่ใช่ดื้ออยู่แบบนี้ คุณคิมรู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณคิมกำลังต่อต้านโรคของตัวเอง ภายใต้จิตใจลึกๆ คุณคิมเป็นอีกอย่าง แต่คุณคิมเลือกที่จะแสดงออกมาอีกอย่างเพื่อให้คนอื่นมองว่าคุณคิมไม่ป่วย .. ใช่มั้ยครับ”
“นี่นายกำลังวินิจฉัยโรคของฉันอยู่หรอ”
”ผมเห็นทุกอย่างที่คุณคิมกระทำนะครับ เวลาแค่อาทิตย์เดียวคุณคิมก็ทำให้ผมรู้อะไรเกี่ยวกับตัวคุณคิมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรสนิยมการแต่งตัว รสนิยมการกิน รสนิยมการฟังเพลง หรือจะเป็นรสนิยมทางเพศก็เหอะ”
“รสนิยมทางเพศด้วยหรอ นายรู้นายเห็นงั้นซิ”
“เห็นทุกอย่างแหละครับ เวลาคุณคิมพาผู้หญิงพวกนั้นมา คุณคิมก็ไม่เคยปิดประตูแถมยังเสียงดังด้วย”
“แล้วนายรับได้ไหม”
“มันเรื่องของคุณครับ ผมจะไม่ยุ่ง”
“ฉันถามว่า นายจะรับได้ไหม ถ้าฉันจะมีรสนิยมทางเพศที่เปลี่ยนไป” จงอินเริ่มจู่โจมหนัก ขยับเดินหน้าดันตัวคยองซูจนชนกับโซฟา
“เปลี่ยนไปยังไงครับ” คยองซูพยายามจะถอยอีกสักก้าวสองก้าวแต่เท้าก็ชนกับขอบโซฟาซะแล้ว
จงอินจับไหล่คยองซูไม่ให้หนีได้อีก และกระซิบข้างหูคยองซู “เปลี่ยนไปยังไงน่ะหรอ ก็เปลี่ยนไปชอบผู้ชายแบบนายไง”
“บ้า” คยองซูไม่เชื่อที่จงอินพูด เพราะจงอินมีนิสัยชอบแกล้งแล้วก็ชอบพูดทีเล่นทีจริงตลอดเวลา เหมือนคนสติไม่ดี บางครั้งก็ร่าเริงเกินเหตุ เรื่องที่น่าจะโกรธกลับชอบใจ เรื่องบางเรื่องไม่น่าโกรธกลับโมโหเป็นเรื่องเป็นราว นี่แหละครับอาการของคนเป็นโรคซึมเศร้าและมีอาการ Mania คือมีอารมณ์แปรปรวนไปมาแบบรวดเร็ว ส่วนอาการซึมเศร้าจะกำเริบมากขึ้นก็ต่อเมื่อมีเรื่องที่กระทบจิตใจเค้าอีกครั้ง หรือหยิบเรื่องบางเรื่องมาคิดจนซึมเศร้า ถึงตอนนั้นก็อาจทำให้ขาดสติในการทำอะไรทุกๆ อย่าง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่คยองซูต้องระวังคำพูดทุกครั้งที่พูดกับจงอิน
“ฉันดูบ้ามากใช่มั้ย ฉันบ้ามาตั้งแต่ฉันรู้ว่าแม่มีชู้ แม่ชั้นมีชู้ตั้งแต่พ่อยังไม่ตาย”
“ครับ คุณคิมไม่ต้องพูดก็ได้ครับ ไม่ต้องเก็บมาคิดด้วยนะครับ เชื่อผม”
“แต่ที่ฉันอยากรู้คือ การเป็นชู้มันดีตรงไหน”
“มันไม่ดีหรอกครับ”
“ทำไมแม่ถึงมีชู้ แล้วพ่อไม่ดีตรงไหน”
“ท่านก็อาจมีเหตุผลของท่าน คุณคิมอย่าไปโกรธท่านเลยนะครับ”
“ไม่ ไม่ ไม่ เข้าใจโว้ย” จงอินเดินไปเดินมาเหมือนหนูติดจั่น ว่าไปเค้าอาจจะมีหลายเรื่องอยู่ในหัวที่พร้อมจะระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วนี่ก็คงเป็นเรื่องนึงที่เค้ายังติดใจมาจนทุกวันนี้
เ พ ล้ งง ง ง กรอบรูปคุณชายคิมคู่กับคุณนายคิม ถูกฟาดด้วยไม้เบสบอลของจงอินจนหล่นลงมาตีระนาวเกลื่อนพื้น
“พอแล้วครับคุณคิม ผมขอร้อง คุณตัวสั่นไปหมดแล้ว เอาไม้มาให้ผมเถอะครับ พอแล้วครับ ใจเย็นๆ นะครับ” คยองซูกอดจงอินไว้แน่น ตัวของจงอินสั่นเครือไปด้วยความโกรธ ดวงตาแดงกร่ำแต่มือยังคงกำไม้เบสไว้แน่น
“ฉันเกลียดแม่ แม่ไม่เคยรักพ่อไม่เคยรักฉัน” จงอินทิ้งไม้จากมือแล้วกอดคยองซูร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ ในที่สุดความในใจของจงอินก็ค่อยๆ ถูกปล่อยออกมาพร้อมกับน้ำตาของเค้า
“ผมจะกอดคุณไว้แบบนี้ก็ได้ แต่คุณต้องสัญญาว่าคุณจะร้องไห้ออกมาให้หมดแล้วก็จะไม่ทำแบบนี้อีก”
“อืม ๆ” จงอินพยักหน้าบนไหล่ของคยองซู “ฉันจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก” จงอินกอด
คยองซูแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“คุณคิมใจเย็นๆ นะครับ ค่อยๆ หายใจเข้าลึกๆ ไม่มีใครไม่รักคุณคิมนะครับ” คยองซูลูบหลังให้จงอินใจเย็นขึ้น
พอจงอินสงบสติอารมณ์ตัวเองได้แล้ว คยองซูก็จะขอตัวกลับบ้านก่อนเพราะว่าวันนี้อยู่เกินเวลามาสองชั่วโมงแล้ว
“เดี๋ยวผมเก็บกวาดเศษกระจกนี่เสร็จ ผมจะกลับเลยนะครับ วันนี้คุณคิมจะน่ารักมากถ้ากินยาเสร็จก็ต้องนอนพักผ่อนเลยนะครับ อย่าให้รู้ว่าออกไปข้างนอกดึกๆดื่นๆอีก”
“ทำไมนายรู้”
“คุณลุงคนขับรถมารายงานให้ผมฟังหมดแล้ว” คยองซูยิ้มใส่จงอินที่พยายามจะปกปิดความดื้อของตัวเองแต่สุดท้ายก็ถูกจับได้
“อ่ะ ... จับได้แล้ว จอมสอดแนม นายนี่มันเป็นนักสืบหรือไง” จงอินตะครุบตัวคยองซูจากด้านหลัง
“อุ้ย!! คุณคิม ปล่อยผมเหอะครับ จับผมไว้แบบนี้ ผมจะทำงานไม่เสร็จสักทีนะครับ”
“รีบอยากกลับบ้านไปหาแฟนนายหรือไง”
คยองซูใจลอยไปถึงหน้าชานยอลที่ป่านนี้คงกำลังร้อนใจเพราะเค้ายังไม่กลับบ้านแน่ๆ เลย
“โอ้ย .. ”
“นายเป็นอะไร” จงอินตกใจที่อยู่ดีๆ คยองซูก็ร้องเสียงหลงออกมา
นิ้วของคยองซูถูกเศษกระจกที่จงอินทำแตกไว้บาดเข้า เลือดไหลออกไม่หยุด
“ไหน ดูซิลึกขนาดไหนเนี่ย ไปล้างมือเร็ว” คยองซูเป็นโรคกลัวเลือดอยู่แล้ว ก็ตกใจกลัวหน้าซีดทำอะไรไม่ถูก
“ฉันให้นายไปล้างมือไง ชักช้าอยู่ได้ ถ้าไม่ไปเอง ฉันอุ้มก็แล้วกัน” จงอินไม่พูดเปล่ารวบตัวคยองซูแล้วอุ้มไปห้องน้ำเพื่อล้างแผล
“คุณคิมปล่อย ผมเดินเองได้”
“นายช้าเกินไปแล้ว เดี๋ยวเลือดก็หมดตัวหรอก ไม่ต้องพูดมากเนี่ยจะถึงอยู่แล้ว ตัวเล็กแค่นี้ฉันอุ้มได้สบาย”
จงอินอุ้มคยองซูมาส่งถึงห้องน้ำ จับนิ้วเล็กๆ ของคยองซูมาล้างน้ำ พร้อมกับบีบเค้นให้เลือดไหลออกมาให้หมด
“ไหนดูซิแผลลึกหรือเปล่า”
“คุณคิมทำเบาๆ หน่อย ผมเจ็บ ผมกลัวเลือดด้วย”
“กลัวเป็นเด็กๆ ไปได้” จงอินหัวเราะใส่หน้าคยองซูอีกแล้ว “แผลเล็กนิดเดียว เด็กอนุบาลเค้ายังไม่กลัวกันเลย แต่ทำไมเลือดไหลไม่หยุดเลยอ่ะ” จงอินจับนิ้วของคยองซูมาดูดเพื่อหยุดเลือด
“เอ้ย คุณคิม” คยองซูพยายามดันปากจงอินให้ออกจากนิ้วของเค้า “เชื้อโรคทั้งนั้นเลย เอาปากออกไปเถอะครับ”
แต่จงอินไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ก็ยังดูดแล้วคาย ดูดแล้วคายอยู่แบบนั้น คยองซูก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่แอบมองจงอินทำอะไรแบบนั้นอยู่นาน เอาจริงๆ จงอินก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร แถมยังไม่รังเกียจเค้าอีกด้วย เกิดมาก็ไม่เคยมีใครมาทำอะไรแบบนี้ให้ มีแต่คอยทำให้คนอื่น คิดแล้วก็มีความสุขจัง
ความสุขของคยองซูได้แสดงออกมาทางรอยยิ้มที่เปื้อนหน้า แต่รอยยิ้มนั้นก็ต้องหุบลง
“ยิ้มบ้าอะไรคนเดียว” จงอินเงยหน้ามาเห็นคยองซูยืนยิ้มบิดไปบิดมา
“อ่ออ่อ เปล่าครับ เปล่า”
“เลือดหยุดแล้ว ไปทำแผลกัน ตอนนี้จะเดินไปหรือว่าให้อุ้มไป”
“ดะ ดะ เดินครับ เดินเองครับ” แล้วคยองซูก็รีบวิ่งออกจากห้องน้ำก่อนที่จะโดนจงอินจู่โจมอีกครั้ง
คยองซูชอบทำท่าทางตลกและเลิกลั่ก จนบางครั้งจงอินอดขำไม่ได้
“เอางี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมกลับไปทำแผลที่บ้านก็ได้ครับ เลือดหยุดไหลแล้ว ไม่เป็นไรแล้วครับ ผมไม่อยากให้คนที่บ้านรอนานไปกว่านี้ งั้นผมกลับก่อนเลยนะครับ”
“ถ้าฉันไม่อยากให้นายกลับหล่ะ ถ้าเกิดฉันคิดมากฉันทำอะไรไม่ดีอีกแล้วใครจะช่วยฉัน”
“คุณคิมก็ควรไปกินยาแล้วนอนพักผ่อนไงครับ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว”
“งั้นนายช่วยอยู่กับฉันจนกว่าฉันจะหลับได้มั้ย”
“..............”
“นะ”
“ก็ได้ครับ” คยองซูทำหน้าเซ็งที่สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมลูกอ้อนของจงอินจนได้
ผ่านไปสิบนาที จงอินก็เอาแต่นอนเล่นเกมส์ในมือถือบนเตียง ดูท่าทีก็ไม่ยอมจะนอนสักที คงเป็นแผนอะไรสักอย่างที่ให้คยองซูนั่งแหง่กอยู่แบบนี้
“ถ้าคุณคิมยังเอาแต่เล่นเกมส์ ผมจะกลับแล้วนะครับ”
พอจงอินได้ยินแบบนี้ จงอินรีบวางมือถือลง เอาผ้ามาคลุมโปงแล้วไปเล่นเกมส์ต่อในผ้าห่ม
คยองซูจิ๊ปากที่เห็นจงอินกลายเป็นเด็กดื้อไปซะแล้ว คยองซูเลยเดินไปกระชากผ้าห่มลง
“เอามือถือมา ไม่ต้องเล่นแล้วนะครับ นอนเลยครับ ถ้าอีกสิบนาทีไม่หลับ ผมจะกลับแล้วนะครับ”
“นายจะมาสั่งให้ฉันหลับตายังไง ก็หนังตาฉันมันยังไม่ปิด แล้วสมองมันก็ยังตื่น ฉันก็พยายามแล้วนะ”
“ผมจะปิดไฟ ปิดเพลง แล้วนอนเป็นเพื่อนคุณเอง” คยองซูออกกลอุบายเหมือนกับจะหลอกให้เด็กน้อยเคลิ้มหลับ ขาดก็แต่ไม่มีนิทานเล่าให้ฟัง
จู่ๆ บรรยากาศในห้องนอนก็เปลี่ยนไป มีแต่เสียงแอร์และเสียงลมหายใจของกันและกัน ทั้งสองคนอยู่ภายใต้ผ้าห่มเดียวกัน จงอินโยกหัวไปมาจนคยองซูรำคาญ
“เมื่อไหร่จะนอนครับ”
“นายก็อย่าชวนฉันคุยซิ”
“คุณคิมก็อยู่เฉยๆ ซิครับ”
“ฉันกำลังจะพยายามนอนอยู่ไง”
“แต่คุณคิมไม่ยอมอยู่เฉยๆ เลย แล้วเมื่อไหร่มันจะหลับ”
“อ้าว คนจะนอนนี่ต้องอยู่เฉยๆ หรอ” จงอินกวนประสาทคยองซูด้วยการนอนตัวแข็งทื่อไม่กระดุกกระดิก จนเวลาผ่านไปเกือบสิบนาที คยองซูมั่นใจว่าจงอินคงหลับไปแล้ว เลยค่อยๆ ขยับตัวเพื่อลงจากเตียง
“อย่าไปเลย” เสียงพูดของจงอินใกล้มาก ใกล้อยู่ข้างๆ หูนี่แหละ “อย่าไปเลยนะ อยู่กับฉันก่อน”
ในความมืดนั้น จงอินรวบตัวคยองซูไว้ในอ้อมกอดของตัว เป็นอ้อมกอดที่มาจากด้านหลัง ว่าไปแล้วพี่ชานยอลก็ชอบกอดแบบนี้อยู่บ่อยๆ แต่เวลานี้มีแต่จงอินจะไปคิดถึงชานยอลทำไม
“คุณคิมจะทำอะไรครับ”
“..................”
จงอินล้วงมือเข้าไปในเสื้อของคยองซู เสียงเต้นของหัวใจดังมาก ดังจนจงอินรู้สึกได้
“นายกลัวอะไร”
“.....”
“นายกลัวอะไรบอกฉันซิ นายกลัวใจตัวเองใช่มั้ย”
“คุณคิม”
จงอินลากลิ้นไปที่ใบหูของคยองซู ไล่ยาวมาจนถึงต้นคอท้ายทอย จนคยองซูมีเสียงครางออกมา “อ่าาาา”
จงอินกระซิบข้างหูคยองซูอีกที “คืนนี้อยู่กับฉันนะ คยองซู
-- CUT--
100%
ตามหาฉากนี้ได้ที่ cut #ฟิครักซึมเศร้า นะคะ หาไม่เจอไปถาม @zeaan_b ไรท์เตอร์จ้า
..............................
TALK : อะไรวะ เอะอะพาขึ้นเตียง แล้วคยองซูจะไปยอมเค้าง่ายๆ ทำไม
รักนวลสงวนตัวเหมือนไรท์ซิลูก ต่อให้จงอินแก้ผ้าต่อหน้ายังไม่สนเล๊ย
นอกเรื่อง
มีเรื่องจะมาบอก ตอนนี้เรามีบอทคุณคิม @k_k_im รออยู่ที่ทวิตเตอร์นะคะ มีไรข้องใจเข้าไปด่า เอ้ย ถามได้ที่นั่นเลย ส่วนในอนาคตจะมีบอทคยองซูผู้แสนดีหรือเปล่านั้นก็ยังไม่รู้นะคะ เพราะไม่รู้ว่าจะมีใครอยากมาเล่นด้วยหรือเปล่า
<3 เฟบไว้ซิคะ <3
|HELLO|
Tag : #ฟิครักซึมเศร้า
cut #ฟิครักซึมเศร้า
Twitter : @Zeaan_B
อ่านให้สนุกนะคะ
ความคิดเห็น