ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (FIC EXO) KaiSoo รักซึมเศร้า >> Depression

    ลำดับตอนที่ #2 : Depression - 01

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 58


     

      [Depression - 01] 

     
     


               ติ๊ด ด  ด ด ติ๊ด ด ด ด  ติ๊ด ด ด ด ด

    เสียงกดเรียกจากหน้าบ้านคยองซูดังขึ้นหลายครั้ง แต่กลับไม่มีใครมาเปิดประตูรับคนแปลกหน้า

    “พี่ชานยอล ไม่ต้องลุกหรอกเดี๋ยวเค้าไปเปิดเอง” 

    ชานยอลมองตามหลังคยองซูไป ด้วยท่าทางสงสัย เพราะบ้านนี้ไม่ได้รับแขกมานานเกือบปีแล้ว มีก็แต่คุณป้าที่สนิทกันที่มักจะมาดูแลชานยอลบ้างตอนที่คยองซูจำเป็นต้องออกไปธุระข้างนอกอยู่เสมอ     

     

    “ขอโทษนะครับ นี่คือบ้านของคุณคยองซูหรือเปล่าครับ”

    “ผมเองครับ คยองซู”

    “เออคือ ผมเป็นตัวแทนตระกูลคิม มีหน้าที่มารับคุณคยองซูไปที่บ้านครับ”

    “ตามสัญญาต้องเดือนหน้าไม่ใช่หรอครับ”

            “เดือนหน้าเห็นว่าจะไม่ได้แล้วครับ เพราะคุณคิมจะลงเครื่องคืนนี้ตอนห้าทุ่มนะครับ หวังว่าคุณคยองซูคงจะไม่ทำให้ผมต้องหนักใจนะครับ” ชายแปลกหน้าที่อ้างตัวเป็นคนของตระกูลมีท่าทางกังวลจนเห็นได้ชัด คงเป็นคำสั่งที่เด็ดขาดของคุณคิมแน่ๆ เลย

                “แล้วผมจะเตรียมตัวทันได้ยังไงล่ะครับ ผมมีคนที่ต้องดูแลอีกคนนะครับ ไม่ใช่ตัวคนเดียว”

                “คยองซูอ่า คยองซูอ่า” เสียงตะโกนเรียกชื่อคยองซูจากคนในบ้านดังขึ้น

    ชายแปลกหน้าชะเง้อหน้ามองตามเสียงนั้น  “ไม่ทราบว่าใครหรอครับคุณคยองซู”

    “อ่อ พี่ชายน่ะครับ เค้าไม่ค่อยสบายก็เลยต้องมีคนดูแลตลอด ถ้าผมจะต้องไปตอนนี้คงไม่ค่อยสะดวก ยังไงขอเป็นพรุ่งนี้แล้วกันนะครับ”

    “เออ เอ่อ ผมคงต้องรายงานคุณคิมก่อน ถ้ายังไงผมจะมารับอีกทีวันพรุ่งนี้นะครับ ขอบคุณครับ”

    หลังจากที่ชายแปลกหน้าต้องผิดหวังกลับไปแล้ว คยองซูก็ต้องถูกสอบสวนอย่างหนัก

    เมื่อชานยอลรู้ว่าจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปคยองซูจะต้องออกไปทำงานแล้ว

    “คยองซู พี่ได้ยินนะว่าพรุ่งนี้ไอ้ผู้ชายคนนั้นจะมาหาอีก นายจะไปไหน”

    “พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงานแล้ว ผมคงไม่ได้อยู่กับพี่ทุกวัน  แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมให้คุณป้ามาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว เรื่องอาหารการกิน ความสะอาด คุณป้าจะมาดูแลทุกอย่างเลย แล้วถ้าพี่อยากออกไปเที่ยวไหนก็บอกคุณป้าเลยนะครับ คุณป้าจะเป็นคนพาไปครับ”

    “พี่ไม่เอาคนอื่น ทำไมนายถึงเลือกจะไปทำงานข้างนอก แทนที่จะอยู่กับพี่”

    “ผมไม่มีรายได้มาหลายปีแล้วนะครับ ผมไม่มีเงินแล้ว ถ้าไม่ทำงานผมจะเลี้ยงพี่ยังไง”

    “ขายบ้านหลังนี้ แล้วเราไปอยู่ที่ถูกๆ กันมั้ย”

    “ไม่ได้นะพี่ นี่เป็นบ้านของพ่อแม่ผม ทำไมพี่ถึงอยากขาย”

    “พี่ไม่ได้อยากขาย แต่เราก็ต้องใช้เงินไง”

    “ผมไปทำงานหาเงินดีกว่า พี่ไม่ต้องคิดเรื่องนี้อีกเลยนะครับ ผมไม่โอเค”

    “โกรธพี่หรอ?

    ชานยอลพยายามเดินตามคยองซูที่ไม่พอใจจนเดินหนีเค้าไปแล้ว แต่คยองซูกลับไม่ฟังเสียงของชานยอลเลยสักนิด

     “คยองซู พี่ขอโทษ ฟังพี่ก่อน” ชานยอลทิ้งไม้เท้าแล้วล้มตัวลงไปนอนกับพื้น  “โอ้ยยยยยย เจ็บ”

    เพียงแค่คยองซูได้ยินคำว่าเจ็บออกจากปากของพี่ชานยอล มันก็ทำให้คยองซูแทบไม่เป็นตัวเองขึ้นมาทันที ...

    “ไหน .. ดูซิเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ารีบเดินไง” คยองซูรีบวิ่งมาพยุงให้พี่ชานยอลไปนั่งที่โซฟา

    “ยื่นขามาดูดิ่ว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” คยองซูกำลังง่วนกับอยู่กับการหาบาดแผลของชานยอล

    “ตกลงนายโกรธพี่หรอที่เดินหนีพี่ไปหน่ะ พี่ขอโทษนะ พี่จะไม่พูดเรื่องขายบ้านอีก พี่สัญญา” ชานยอลจับมือของคยองซูมากุมไว้ที่แก้มของตัวเอง “พี่ขอโทษนะ”

    “นี่พี่แกล้งล้มอีกแล้วหรอ พี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้พี่ทำแบบนี้ เวลาพี่ไม่พอใจอะไรพี่ก็ชอบทำร้ายตัวเอง พี่รู้ม่ะว่าทุกวันผมเป็นห่วงและเหนื่อยขนาดไหน” สิ้นคำพูดปุ๊บคยองซูก็ปล่อยโฮออกมาด้วยความอึดอัดในใจที่ทนเก็บมันมานาน

    “ร้องไห้ทำไม พี่ขอโทษพี่จะไม่ทำอีกแล้ว พี่ขอโทษนะคนดีของพี่” ชานยอลดึงตัวคยองซูมากอดไว้แน่น “โอเค ต่อไปนี้พี่จะไม่งี่เง่าอีกแล้ว พี่จะไม่ทำให้นายต้องหนักใจนะ”

    “ผมรักพี่นะ พี่อย่าทำแบบนี้อีกนะ อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกผมอีกเลย” เสียงพูดสลับกับเสียงสะอึกสะอื้นของคยองซู ทำให้ภายในอกของชานยอลร้อนรนจนเกือบจะทนไม่ไหว

    “เงียบเร็วคนเก่ง ดูซิร้องเป็นเด็กๆ เลย เสื้อพี่เปียกไปหมดแล้วเนี่ย หยุดร้องได้แล้ว” ชานยอลผละไหล่คยองซูออกมาเพื่อเช็ดน้ำตาให้กับคนที่ตัวเองรักมากที่สุด




             23.10 น. สนามบินอินชอน

    ป้ายชื่อคิมจงอินถูกชูขึ้นเพื่อดึงสายตาของเจ้าของชื่อ มองดูนาฬิกาแล้วเลยเวลามาเกือบ 10 นาที แต่ก็ยังมองไม่เห็นแม้แต่เงาของคิมจงอิน ...

    ”แม่ครับ ผมอยู่นี่ครับ” จงอินลูกชายคนเดียวของตระกูลคิมโผเข้ากอดด้านหลังของคนที่ตัวเองเรียกว่าแม่

    “อ้าวลูก ทำไมมาโผล่ตรงหนี้หล่ะ ลูกไม่ได้มาไฟล์ทนี้หรอ”

    “ผมมาตั้งแต่บ่ายแล้วครับ แต่ว่าผมไม่ได้บอกใคร”

    “แม้แต่แม่ ลูกก็ไม่คิดจะบอกหรอ นี่แม่ต้องโดดทริปไปสังสรรค์กับผู้ถือหุ้นเลยนะ”

    “ก็เพราะผมรู้ไงครับว่าคืนนี้แม่ต้องมีธุระ ผมเลยต้องหลอกแม่ให้มารับผม เราจะได้ไปกินข้าวด้วยกันสองต่อสองไง” ลูกชายตัวแสบยิ้มดีใจที่หลอกล่อแม่จนสำเร็จ “มาครับ เดี๋ยวผมช่วยถือกระเป๋าให้”

    “ว่าแต่เราจะไปกินที่ไหนกันดีหล่ะ ไอ้ลูกชายตัวแสบ”

     

    จงอินยังไม่ทันได้ตอบคำถามของแม่ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าถือก็ดังขึ้น

    “หยิบมือถือให้แม่หน่อยลูก”

    “ไม่ครับ ผมไม่ให้แม่ไปไหนนะคืนนี้ แม่ต้องอยู่กับผม”

    “อย่าเอาแต่ใจซิลูก เอามือถือมาให้แม่” ทั้งสองแม่ลูกพยายามยื้อกระเป๋ากันไปมา แล้วเสียงโทรศัพท์ก็เงียบลง

    “โอเค วางไปหล่ะ เราไปกันดีกว่า แม่ไม่ต้องไปสนใจกับเสียงโทรศัพท์นั่นหรอกครับ แม่สนใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้คนเดียวก็พอนะครับ นะ นะ” จงอินกลายเป็นเด็กขี้อ้อนขึ้นมาทันทีเมื่อได้เจอหน้าแม่หลังจากไม่ได้เจอกันมา13ปี

     

    บนถนนที่มีแสงไฟและร้านค้าเต็มสองทางข้าง แต่จงอินก็ไม่เลือกร้านที่ตัวเองถูกใจได้สักที

    “แม่ครับ แถวนี้มีร้านไหนอร่อยมั้งอ่า ผมลืมไปหมดแล้ว”

    “งั้นไปร้านนี้แล้วกัน ขับตามทางที่แม่บอกก็พอ”

     

    Delicious Place

    “ร้านนี้หรอครับแม่”

    “อืม ร้านนี้แหละจอดข้างในเลยลูก”

    หลังจากที่หาที่จอดได้เรียบร้อย จงอินก็ยังงงๆว่าทำไมแม่ถึงพาร้านนี้ เพราะว่าร้านดูลึกลับกว่าชื่อร้านมาก ดูยังไงก็ไม่น่าอร่อยแต่กลับดูน่ากลัวมากกว่า

    “แม่ครับ ผมว่าผมไม่ชอบร้านนี้นะครับ เปลี่ยนได้ไหมแม่”

    “ร้านนี้แหละ แม่จองโต๊ะไว้แล้ว มา!! ตามแม่มา”

    จงอินเดินตามแม่ตัวเองไป จนสุดปลายทางเดินของร้านก็ยังมองไม่เห็นโต๊ะอาหาร มีเพียงห้องที่ซอยแยกๆ ไว้ เสียงเพลงดังออกมาจนไม่รู้ว่าห้องไหนเป็นห้องไหน

    ประตูห้องสุดท้ายถูกเปิดออก .......

    “ทุกคน .. ดูซิว่าฉันพาใครมา” ประโยคทักทายแรกจากผู้เป็นแม่กับคนไม่ต่ำกว่าสิบคนภายในห้องและเสียงเพลงก็ถูกปิดลงทันที

     

    “อ้าว คุณนายคิม ไหนบอกว่าไม่ว่างไง ทำไมมาได้ล่ะครับ”  เสียงของลุงแปลกหน้าคนนึงดังขึ้น

    “พอดีว่าไอ้ลูกชายตัวแสบมันกลับมาบ้าน ก็เลยพามาแนะนำให้รู้จักซะเลย”

    “ไหน ดูหน้าหน่อยซิว่าเหมือนใคร” ชายแปลกหน้าคนนั้นเดินขยับเข้ามาค่อยๆ มองพิจารณาหน้าตาของจงอิน ซึ่งจงอินมองว่าเป็นการเสียมารยาทมาก

    “นี่คุณ” จงอินผลักอกให้คนนั้นถอยออกไป “กรุณามีมารยาทหน่อยนะครับ ถ้าหน้าผมไม่เหมือนแม่ ก็ต้องเหมือนพ่อซิครับ ถามออกมาได้ยังไง”

    “ใจเย็นๆ ลูก ลุงเค้าล้อเล่น อย่าเสียมารยาทซิ”

    “มันนั่นแหละที่เสียมารยาท ผมไม่กินแล้วครับ ผมจะกลับแล้ว” จงอินไม่สนใจอะไรทั้งนั้น วางกระเป๋าของแม่ทิ้งไว้แล้วเดินออกมาเลย

     

    จงอินเดินออกมาด้วยความเจ็บปวดกับประโยคที่ว่า “ไหนดูซิว่าหน้าเหมือนใคร” ประโยคนี้เป็นประโยคที่เปรียบเสมือนปมด้อยของเค้าตั้งแต่เด็กๆ เค้ามักจะโดนล้อบ่อยๆ ว่าเป็นลูกเก็บมาเลี้ยง แม้จงอินจะเกิดในครอบครัวที่มีฐานะมาก แต่คำว่าครอบครัวของจงอิน ไม่ได้หมายความว่าการมีเงินใช้อย่างสบาย แต่เค้ากลับกลายเป็นเด็กที่ต้องการเวลามากกว่า

    คุณชายตระกูลคิมเป็นฑูตระหว่างประเทศ จำเป็นต้องไปทำงานต่างประเทศเสมอๆ ส่วนคุณนายตระกูลคิมได้ทำธุรกิจหลายอย่าง และมีหุ้นส่วนมากมาย

                แม่เป็นคนสวยที่ใครๆ ก็ชอบมาเกาะแกะเสมอ พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยแม่สาวๆ พ่อจะคอยไปรับส่งแม่ที่ทำงาน แล้วพ่อก็จะแอบมองแม่จนกว่าจะเข้าทำงาน พ่อเห็นว่ามีเพื่อนๆผู้ชายหลายคนมาจีบแม่ แต่พ่อก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะแม่บอกว่า ไม่ชอบให้ยุ่งเรื่องส่วนตัว

                จนวันนึงพ่อได้เป็นฑูตตามที่ตั้งใจไว้ พอแม่รู้ข่าวแม่ก็เลยกลับมาสานสัมพันธ์จริงจังกับพ่ออีกครั้ง จนกระทั่งแต่งงานกันและมีจงอินเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล

     

                จงอินต้องถูกส่งไปอยู่ที่เมืองนอกตอนอายุได้ 11 ปี เค้าเห็นผู้เป็นแม่กำลังกอดกับผู้ชายอื่นในงานศพของพ่อ พร้อมกับคำพูดที่ทำให้เค้าต้องช็อคกลางอากาศ

     “ตอนนี้ฉันโสดแล้ว คุณอย่าทิ้งฉันไปอีกนะ” แม่พูดคำนี้ออกมาทั้งๆ ที่พ่อเพิ่งตายไป เค้าไม่รู้ว่าแม่ทำแบบนั้นเพราะอะไร แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ทำไมแม่ถึงใจร้ายกับพ่อ ทำไมแม่ไม่รักพ่อเลย

    จงอินเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองจากเด็กที่ช่างพูดช่างคุย กลายเป็นเด็กที่เงียบขรึมและเจ้าอารมณ์ จงอินไม่ยอมปริปากพูดอะไรหลังจากงานศพพ่อจบลง จงอินไม่ไปโรงเรียน จงอินอาละวาดทุกอย่างที่ไม่ถูกใจ จงอินกลายเป็นเด็กก้าวร้าวและชอบทำร้ายร่างกาย

    คุณนายตระกูลคิมเลยส่งจงอินไปอยู่โรงเรียนประจำ1ปี แต่ก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้น กลับทำแต่เรื่องเดือดร้อน จนกระทั่งโดยไล่ออก

    ในที่สุดจงอินก็ถูกส่งไปอยู่กับญาติฝ่ายพ่อที่ยังหลงเหลืออยู่เพียงคนเดียวที่ออสเตรีย จากนั้นเค้าก็ไม่ส่งข่าวให้กับทางบ้านรู้อีกเลย

     

     

    “กูไม่สนุกเลยวะ นึกว่าที่นี่จะมีอะไรสนุกๆ ให้เล่นซะอีก” จงอินรีบโทรไปรายงานเพื่อนที่สนิทหลังจากที่กลับมาถึงบ้าน

    [มึงก็ใจเย็นๆ นี่เพิ่งวันแรก รอดูไปก่อนซิวะ]

    “เออ ใช่รอพรุ่งนี้ก่อน ขอบใจมากที่จุดประกายความสนุกให้กู เดี๋ยวกูนอนเล่นๆ คิดก่อนว่าพรุ่งนี้กูจะทำอะไรให้มันน่าสนุกดี”

    [เออ กูนอนแล้วนะมึง บาย]

     

     

     

    หลังจากจบบทสนทนากับเพื่อน จงอินยันตัวเองขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปเปิดโน้ตบุ้คเพื่อทำอะไรบางอย่าง

       
                

              
           ข้อความใหม่ เมื่อสิบสี่ชั่วโมงที่แล้ว คลิก

    “นั่นแน่ มีส่งข้อความมาหาฉันก่อนด้วยหรอ”

    [ต้องขอโทษด้วยนะครับที่วันนี้ผมจะไปหาคุณไม่ได้ แต่รับรองว่าพรุ่งนี้ผมพร้อมจะทำงานให้คุณอย่างเต็มเลยครับ]

    จงอินอมยิ้มกับข้อความที่ได้อ่าน “นายนี่แหละ ของเล่นสนุกๆ ของฉัน ... คยองซู”
     
    50%

     

     

     

    บ้านคยองซู

    คยองซูกำลังง่วนกับการจัดระเบียบบ้านให้เข้าที่เข้าทางมากกว่าเดิม เพราะว่าตัวเองอาจจะไม่มีเวลาทำเหมือนแต่ก่อนแล้ว คยองซูพยายามจัดของที่หยิบใช้บ่อยๆ มาไว้ใกล้มือพี่ชานยอล และเพื่อให้คุณป้าที่จ้างมาดูแลได้หาของง่ายกว่าเดิม

     “พี่ชานยอล หนังพวกนี้พี่ยังจะดูต่อหรือเปล่า ถ้าไม่ดูผมจะเก็บใส่กล่องแล้วนะครับ”

    คยองซูนั่งรื้อกองแผ่นหนังที่ชานยอลชอบเอามาดูซ้ำๆ ทุกวัน

                “นายไม่ดูกับพี่ นายก็เก็บไปเหอะ พี่ไม่อยากดูแล้ว”

                “ไหนว่าคุยกันรู้เรื่องแล้ว ทำไมต้องงอแงด้วย” คยองซูหยุดรื้อของแล้วมาสนใจความรู้สึกของชานยอลแทน

                “พี่รู้เรื่องพี่เข้าใจ แต่พี่ไม่อยากให้ไปเลย จริงๆ นะ พี่ไม่รู้หรอกว่า อาชีพดูแลคนป่วยมันต้องทำอะไรบ้าง ต้องไปเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวเค้าด้วยหรือเปล่า ถ้าทำขนาดนั้น พี่ว่าอย่าไปทำเลย”

                “พี่ชานยอล !! มันน่ารังเกียจมากหรอ กับพี่ .. ผมก็เคยทำมาหมดแล้ว”

                “แต่มันไม่เหมือนกันนะ พี่เป็นแฟนนาย ไม่ใช่คนอื่น!!

                “โอเค ผมไม่ไปทำอะไรแบบนั้นหรอก คนป่วยที่ว่าเนี่ยเค้าไม่ได้ช่วยตัวเองไม่ได้ เค้าแค่ป่วยทางจิตนิดหน่อย เหมือนไปช่วยบำบัดจิตใจเค้าอะไรเงี้ย พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ” คยองซูยิ้มเบาๆ ให้ชานยอลรู้สึกสบายใจกับคำพูด

                “.................” ชานยอลเงียบไปเหมือนกำลังจะพยายามทำความเข้าใจ

    แต่คยองซูก็พอรู้ว่านั่นคืออาการงอนแล้วอยากให้ง้อ พี่ชานยอลจะน่ารักเป็นพิเศษก็ตอนทำปากบู้ก้มหน้าก้มตาสั่นหัวดุกดิก เหมือนเด็กอยากได้ของเล่นแต่ไม่กล้าโวยวายยังไงยังงั้น

                จุ้บบบบบบบบบบ

                “หายหรือยัง” คยองซูบรรจงรอยจูบไปที่หน้าผากของคนที่กำลังเรียกร้องความสนใจ ชานยอลเงยหน้ารับรอยจูบนั่น ทำให้ปากของทั้งสองคนประกบกันพอดี

     

                ทำให้ภาพวันเวลาเก่าๆ ก็ลอยเข้ามาในหัวสมองของทั้งสองคน ภาพที่เคยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น

    ชานยอลพยายามฟื้นฟูส่วนที่ไร้ความรู้สึกนั้น แม้ว่าจะต้องเสียเงินและเวลาไปเท่าไหร่มันก็ไม่เป็นผล คยองซูพยายามช่วยทำให้เรื่องบนเตียงดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรกัน แต่ความรักของทั้งสองคนก็ไม่ได้จืดจางลงไป

    “วันนี้ผมต้องรีบนอนนะครับ” คยองซูรีบละปากออกจากปากของชานยอล เมื่อมือของชานยอลกำลังจู่โจมมาที่เป้ากางเกง

    “แต่พี่ยังไม่ง่วง”

    “ไม่ง่วงก็ต้องรีบนอนบ้างนะครับ ถ้าดื้อแบบนี้ผมจะโกรธจริงๆ ด้วย”

    “โอเค พี่ไม่ดื้อก็ได้ นายรีบไปอาบน้ำมานอนด้วยกันเร็ว ถ้าปล่อยให้พี่คิดถึงมากๆ พี่จะงอแงจริงๆ ด้วย“

    “ถ้าพี่ชานยอลดื้อ ผมจะไปทำงานแบบไม่กลับมาเลย”

    ชานยอลเอามือป้องปากคยองซูแล้วถอนหายใจ “ทีหลังอย่าพูดแบบนี้อีกนะ ว่าจะไม่กลับมาอีก พี่ไม่ชอบเลย ยังไงก็ต้องกลับมานอนด้วยกันทุกคืนแบบนี้ ผัวเมียกันต้องนอนด้วยกันไม่งั้นจะเรียกว่าผัวเมียกันได้ไง”

    “ทำไมพี่ชอบพูดว่าผัวเมีย ผมไม่ชอบเลย ผมไม่คุยกับพี่แล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า”

    “มาหอมทีนึงก่อน”

    “อ๊ะ” คยองซูก็ยื่นแก้มไปให้ชานยอลโดยที่ไม่ได้ขัดขืนอะไร จริงๆ คยองซูก็ไม่ได้โกรธอะไรชานยอลได้นานๆ หรอก แม้ว่าบางครั้งชานยอลที่ชอบทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ชอบเรียกร้องความสนใจและขี้หึงจนเกินเหตุ คยองซูได้แต่เก็บอาการไว้เพราะเค้าเข้าใจความรู้สึกของชานยอลเป็นอย่างดี

    ยังไงคยองซูที่น่ารักที่สุดในสายตาของชานยอลเสมอ แม้ว่าจะขี้บ่น เจ้าระเบียบมากไปหน่อยก็ตาม

     

     

     

     

               

     

    เช้าที่มีแต่ความวุ่นวาย ชานยอลเอาแต่โวยวายเรื่องโน้นเรื่องนี้เหมือนกับว่ากำลังมีโจรขึ้นบ้าน ทั้งๆ ที่แค่คยองซูหาเสื้อตัวโปรดของเค้าไม่เจอ

    “คยองซู ทำไมช้าแบบนี้ พี่หนาวนะ เสื้อตัวนั้นของพี่หายไปไหน”

    “พี่ใจเย็นๆ ซิ ผมจำได้ว่าเก็บไว้ตรงนี้นะ” จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหนา เพียงแต่เป็นกลอุบายของชานยอลที่พยายามจะยื้อเวลาของคยองซูไว้ แม้ว่าชายแปลกหน้าชุดดำที่ทางตระกูลคิมส่งมารับนั้นมารอเกินชั่วโมงแล้ว

    “ทำไมป้ายังไม่มาอีกนะ ปกติไม่ได้เป็นคนผิดนัดอะไรแบบนี้นิ่” คยองซูบ่นงึมงำในขณะที่กำลังค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อตัวโปรดให้ชานยอล

    ชานยอลนั่งอมยิ้มกับข้อความในมือถือที่ก่อนหน้านี้ได้ส่งข้อความไปบอกป้าว่า ขอเลื่อนเวลาเป็น 11.00 น. จากที่คยองซูนัดไว้ก่อนแล้วที่ 9.00 น.

     

    “เดี๋ยวผมจะลองโทรหาป้านะครับ ว่าทำไมถึงผิดนัดแบบนี้”

    “ไม่ต้องโทรหรอก พี่ลองโทรไปแล้ว ป้าเค้าไม่ยอมรับสาย สงสัยคงมีธุระจริงๆ แหละ นายอ่ะรีบหาเสื้อให้พี่เถอะ พี่หนาวววว” ชานยอลรีบบอกปัดให้คยองซูไปทำอย่างอื่นแทนก่อนที่ความจะแตก

     

    ปี๊น ปี๊น เสียงแตรรถถูกกดเรียกจากหน้าบ้าน เพราะว่าตอนนี้มีคนรถมารอนานมากแล้ว คนที่จะเดือดร้อนไม่ใช่คนขับรถคนเดียวแต่จะเป็นคยองซูด้วยที่ไปทำงานวันแรก..ก็สายซะแล้ว

     

                   

                   

                    “พี่ชานยอล ผมไปก่อนนะ พี่ใส่ตัวนี้แหละ ทำไมจะต้องมาอยากใส่ตัวนั้นตัวนี้เอาเวลานี้ด้วย อย่ามาลีลาใส่ผมนะ ผมรู้ว่านี่มันเป็นแผน แล้วก็อย่าให้ผมรู้ว่าพี่ไปเลื่อนนัดป้าด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เย็นนี้ผมจะกลับมาชำระคดีความ แต่ตอนนี้ผมต้องรีบไปแล้ว ผมกลัวนายจ้างไล่ออกตั้งแต่วันแรก แถมเงินค่าจ้างก็ไม่ได้อีก”

                   

    คยองซูจัดแจงเตรียมอาหารและทุกอย่างไว้บนโต๊ะอาหารแล้ว พร้อมกับใส่เสื้อให้ชานยอล ก่อนที่จะพานั่งรถเข็นออกมาที่โต๊ะอาหาร

    ”กินข้าวให้หมด แล้วกินยาตามนี้ วิตามินด้วย ผมเตรียมไว้หมดแล้ว ถ้าเบื่อๆ ก็เปิดหนังดู อย่าลืมหัดเดินด้วยแต่ต้องรอป้ามาก่อนนะ เดี๋ยวล้มไปจะไม่มีใครดูแล ตามนี้นะ ผมต้องรีบไปแล้ว”

     

     

    ปี๊นนนนนน เสียงกดแตรดังยาวขึ้นอีกครั้งเหมือนเป็นสัญญาณให้คนในบ้านรีบมาขึ้นรถ

    “ไปแล้วครับ” คยองซูตะโกนรับเสียงแตรนั่น ก่อนจะหันมาทำหน้าดุใส่ชานยอล “กินข้าวไปเลยพี่ อย่าดื้อ อย่าทำหน้าแบบนี้ อย่าดื้อ อย่างอแง รู้หรือเปล่าที่สั่งไว้อย่าลืมทำนะ”

    ชานยอลนิ่งไปสักพักและตอบออกมาด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ถ้าพี่โทรไปต้องรับสายนะ”

     

    คยองซูพยักหน้ารับแบบส่งๆ แล้วรีบออกจากบ้านไป !!

     

    จงอินนั่งกระดิกเท้ามองนาฬิกาอยู่โซฟา นั่งอยู่แบบนี้เป็นเวลาเกือบชั่วโมงกว่าแล้ว ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าห้องซ้อมเต้นที่ทำขึ้นใหม่สดๆ ร้อนๆ

    “ถ้าจะช้าขนาดนี้ไม่ต้องมาก็ได้มั้ง เงินขนาดนี้มันไม่มีความหมายสำหรับนายเลยหรือไง แบบนี้ก็ไม่สนุกดิ่วะ เสียเวลาซ้อมเต้นของฉันหมด บางครั้งเราก็ไร้สาระกับการนั่งรอคนๆนึงมากไป ไอ้จงอินโง่เอ้ย”  แล้วจงอินก็เอ่ยปากด่าตัวเองที่ยอมเสียเวลานั่งเฉยๆ มาเป็นเวลานานๆ ซึ่งมันไม่ใช่นิสัยของเค้าเลย

     

     

    เสียงคุณลุงคนขับรถตระกูลคิมไอเป็นระยะๆ ท่าทางก็ดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ

    “คุณลุงครับ ขอโทษนะครับ เบาแอร์หน่อยได้ไหมครับ ผมหนาวจนจะแข็งตายอยู่แล้ว”

    คุณลุงไม่ตอบอะไร แต่ยื่นมือไปหรี่แอร์ตามคำสั่งของคยองซู

    “แอร์เย็นขนาดนี้ ทำไมลุงเหงื่อแตกเยอะจัง คุณลุงไม่สบายหรือเปล่าครับ ผมมียามาด้วยนะครับคุณลุง ถ้าไม่สบายบอกผมได้นะครับ” คยองซูพยายามชวนคุณลุงคุยตลอดทาง

    “คุณลุงครับ คุณคิมดุหรือเปล่าครับ”

    “คุณลุงครับ” คยองซูพยายามเรียกคุณลุงอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบอะไรออกมาจากปากคุณลุงเลย

    จนกระทั่งรถคันหรูได้เลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านคนมีตังค์แห่งหนึ่งที่คยองซูรู้สึกว่าไม่คุ้น แถมยังไกลจากบ้านของตัวเองอีกด้วย

    “คุณลุงครับ สวนสาธารณะที่นี่เรามาขี่จักรยานได้หรือเปล่าครับ”

    “อ่ะนี่ครับกุญแจบ้านคุณคิม เดี๋ยวผมจะจอดให้ลงแล้วคุณคยองซูก็เข้าไปได้เลยนะครับ คุณคิมคงรออยู่นานแล้ว โชคดีนะครับ” คุณลุงที่เงียบมาตั้งแต่ขึ้นรถในที่สุดก็ยอมปริปากก็ตอนที่จอดรถหน้าบ้านหลังสีขาวพอดี ...

    “คุณลุงครับ ผมเข้าไปได้เลยหรอครับ จะไม่มีใครว่าผมนะครับ”

    “ถ้าคุณจะโดนว่า ก็เพราะคุณมาสายนั่นแหละครับ ลงไปเหอะครับ ก่อนที่คุณคิมจะระเบิดซะก่อน”

    คยองซูได้ยินคำว่า “ระเบิด” ก็พอจะรู้คนในบ้านคงเอาแต่ใจเอาการอยู่เหมือนกัน

    “งั้น ขอบคุณนะครับลุง คุณลุงขับรถนิ่มมากเลยครับ”

    คุณลุงยิ้มรับด้วยความเขิน แล้วก็รีบออกรถไป

     

     

    ตึก ตึก ตัก ตัก เสียงหัวใจของคยองซูเต้นแรงเหมือนกับว่าจะทะลุออกมายังไงยังงั้น เอาวะ สุดท้ายก็ต้องเข้าไปอยู่ดี สาธุ !! ขอให้คุณคิมอารมณ์ดีด้วยเถอะ

     

    แกร่ก...  คยองซูไขประตูเข้าไปในบ้านที่ไม่คุ้นเคย

    “ขอโทษนะครับ มีใครอยู่มั้ยครับ ผมคยองซูมาแล้วครับ”

    คยองซูมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นมีใครสักคน บ้านก็เงียบสนิทเหมือนกับไม่มีคนอยู่ บันไดใหญ่กลางบ้านก็เชื้อเชิญให้คยองซูเดินขึ้นไป แต่อีกใจก็คิดว่ามันไม่สมควร คยองซูเลยตัดสินใจไปนั่งรอที่โซฟาเงียบๆ คนเดียว

     

    จนเวลาผ่านไปได้ 20 นาที คยองซูคิดว่ามันจะไม่ได้การที่จะมานั่งรอแบบนี้ เลยตัดสินใจเดินขึ้นไปชั้นบน

    พื้นที่ชั้นสองของบ้านถูกออกแบบอย่างเรียบง่าย แทบจะไม่มีข้าวของอะไรให้เกะกะลูกกะตาเลย คยองซูค่อยๆ เดินสำรวจไปทีละห้อง

    ห้องแรกน่าจะเป็นห้องรับแขกหรือไม่ก็ห้องของครอบครัวหรือเปล่า เพราะว่ารูปภาพ ถ้วยรางวัล ประกาศเกียรติคุณอะไรก็ไม่รู้เต็มผนังไปหมด

     

    ขอขอบคุณ คุณ คิม จงอิน  ผู้ออกแบบท่าเต้นและแชมป์บัลเล่ต์ 3 ปีซ้อน ที่ร่วมเป็นนักแสดงรับเชิญละครเวทีการกุศล The University Of Sydney  2015

    “ว้าวววว  แชมป์ 3 สมัย โปรไฟล์ดีจังเลยนะพ่อคุณ ” คยองซูไล่อ่านประกาศเกียรติบัตรแต่ละใบ จนลืมไปว่าตัวเองกำลังทำอะไร

    บ้านหลังนี้ไม่มีรูปเจ้าของบ้านหรือรูปครอบครัวเลยสักใบ  ทำให้คยองซูอดสงสัยไม่ได้ คุณคิมจงอินนี่มันหน้าตาเป็นยังไง แล้วอายุเท่าไหร่ นิสัยใจคอเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆ จะต้องเป็นคนเอาแต่ใจและชอบดูถูกคนตามนิสัยของคนรวย เชื่อได้เลย !!

    คยองซูเดินผ่านห้องที่สองไปเพราะมันไม่น่าสนใจและเหม็นสีเหมือนกับว่าห้องนี้น่าจะทำขึ้นใหม่แล้วยังไม่เสร็จดี

    แต่อยู่ดีๆ คยองซูก็ต้องหันกลับมามองห้องนั้นอีกครั้ง เพราะมีเสียงเพลงดังขึ้นจากข้างใน ... นั่นแสดงว่าจะต้องมีคนอยู่ในห้องเหม็นๆ นั่นแน่ๆ

     

    คยองซูเคาะประตูห้องที่สอง “ขอโทษนะครับ ขออนุญาติเข้าไปนะครับ”  เค้าเคาะอยู่อย่างนั้นแต่ก็ไม่มีใครตอบรับ เว้นแต่เสียงเพลงจะค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนเค้าแน่ใจว่าคนข้างในต้องไม่ได้ยินเสียงของเค้าแน่ๆ

     

    แกร่กกกก .... นี่มันห้องอะไรวะเนี่ย กระจกรอบห้อง เครื่องเสียง ราวเสื้อผ้า เก้าอี้ โต๊ะ ทุกอย่างมารวมอยู่ที่ห้องนี้หมดเลย ขาดแต่เตียงอย่างเดียว ไม่งั้นก็คงคิดว่า คงมีคนมาใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้จริงๆ นะเนี่ย

     

    “ใครให้นายเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาติ” เสียงของใครอีกคนที่อยู่ในห้องก่อนหน้านี้ทักทายขึ้นมาในจังหวะที่เห็นคยองซูกำลังยุ่มย่ามกับเครื่องเสียงของเค้า

    คยองซูหันมาโค้งสุดตัว กับเสียงที่เค้าได้ยินแม้แต่หน้าเค้าก็ยังไม่กล้าชำเลืองมอง

    “ผมขอโทษนะครับ คุณคิม”

    “ทำไมนายคุยกับฉันแล้วไม่ยอมมองหน้า ไหนเอาหน้ามาดูหน่อยซิ” จงอินเชยคางของคยองซูขึ้น

     

    วิ้งงงงงงงงง แสงของความน่ารักสดใสของผู้ชายตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าทำให้จงอินถึงกับอึ้งและพูดอะไรไม่ออก

    “คุณคิมครับ คุณคิม” คยองซูปัดมือไปมาตรงหน้าของจงอินเพื่อเรียกสติคืน

    “เออ เออ นายว่าไงนะ”

    “ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยครับ สวัสดีครับ ผมชื่อคยองซูมาทำงานที่นี่วันแรกครับ”

    “ฉันนัดนายกี่โมง นายรู้มั้ยว่าที่นี่หักค่ามาสายเป็นนาที นาทีละห้าพัน นายมาสายหนึ่งชั่วโมงเท่ากับ 60 นาที ทั้งหมดเป็นเงิน 300,000 บาท รวมที่นายไม่ยอมมาตั้งแต่เมื่อวานทำให้คนรถของฉันเสียเวลาอีก 200,000 บาท รวมเป็น 500,000 บาท นี่แค่วันแรกนายก็โดนหักไป 500,000 บาท แล้วนะ”

    “งั้นคุณก็รีบจ่ายที่เหลือมาซะตอนนี้เลยก็ได้นะครับ”

    “เห็นแก่เงิน” จงอินเริ่มป่วนประสาทคยองซูด้วยคำพูดที่แย่ๆ แต่ตัวเองกลับไม่สนใจความรู้สึกของอีกคน แถมยังซ้อมเต้นต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    คยองซูโกรธจัดเลยเดินไปปิดเพลง แล้วขวางหน้าของจงอิน

    “งั้น ผมขอลาออกแล้วกัน ผมขอกลับบ้านเลยนะครับ”

    “หยุด นายจะออกไม่ได้ เพราะนายได้เซ็นสัญญาไปแล้ว”

    คยองซูนึกขึ้นได้ว่าเคยมีสัญญาส่งมาจากตระกูลคิม โดยลงชื่อคุณนายคิม ส่งมาให้เซ็นสัญญาการทำงาน 6 เดือน โดยให้ค่าตอบแทน 18,000,000 บาท

    “ถ้านายออกตอนนี้ นายก็ต้องจ่ายค่าผิดสัญญามาออก ก็ประมาณ 5 ล้าน นายมีเงินมั้ย”

    “ผมไม่จ่าย เพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิด”

    “ผิด”

    “ไม่ผิด” คยองซูก็ยังยืนยันว่าตัวเองไม่มีความผิดและจงอินก็ไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องอะไรจากเค้า

    “ก็นายผิดสัญญา ผิดเวลา ผิดที่นายตัวเตี้ย ผิดที่นายมาเถียงฉัน ผิดที่นายขัดใจ ผิดที่นายชื่อคยองซู”

    “เดี๋ยวๆ นะครับ คุณคิม นี่มันจะไม่เอาแต่ใจไปหน่อยหรอครับ อย่าเอานิสัยเด็กๆ มาใช้กับคนอื่นแบบนี้ซิครับ”

    “นายว่าใครเป็นเด็ก” จงอินบีบหัวไหล่คยองซูสุดแรง “ฉันถามว่าใครเด็ก”

    คยองซูเบิกตาโตด้วยความตกใจที่เห็นจงอินโกรธจัดขนาดนั้น จนทำให้นึกไปถึงคำว่า ระเบิดที่คุณลุงเคยพูดไว้ นี่มันเป็นระเบิดลูกใหญ่เลยซินะ

    “ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจว่าคุณ” ม๊วฟฟฟฟฟฟฟฟ คยองซูยังไม่ทันพูดจบประโยค จงอินก็จูบไปที่ปากของคยองซู ...........

     

    คยองซูยืนแข็งนิ่งสั่นเครือด้วยความตกใจที่ถูกชายแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันไม่ถึง 20 นาทีจู่โจมแบบถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้

    “ออกไปนะครับ” คยองซูผลักอกจงอินให้ถอยออกห่างจากตัวเค้า

    จงอินยกไหล่ทำหน้ายียวนกวนประสาทแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรกับสิ่งที่ทำลงไปเลยสักนิด

    “เต้นต่อน่าจะสนุกกว่า เล่นกับนายนะ ไปรอข้างนอก ฉันไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายในห้องนี้ ออกไป” จงอินสะบัดนิ้วชี้ไปทางประตูบอกให้คยองซูรีบออกไป

     

    คยองซูเดินกุมปากตัวเองออกมาจากห้องด้วยความงง ตก ใจ โมโห และสับสน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ไอ้ผู้ชายหยาบคายคนนั้นนะหรอ คุณคิมที่เราจะต้องมาดูแล ไอ้คนนี้นะเนี่ยที่รวยล้นฟ้า ไอ้คนนี้นั่นหรอที่เราชื่นชมว่าโปรโฟล์ดี ไอ้โรคจิตนั่นนะ ไม่ ไม่ ไม่ คยองซูตบหน้าตัวเองให้ตื่นจากความคิดที่แสนจะวุ่นวาย

    “พอๆ คิดแต่เรื่องเงินก็พอ เรื่องคนบ้าๆบอๆ อย่าไปสน”

    “นายว่าใครบ้าๆ บอๆ” จงอินเดินออกมาได้ยินสิ่งที่คยองซูกำลังพูดบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

    “เปล่าครับ ผมไม่ได้ว่าใครเลย ผมขออนุญาติลงไปข้างล่างนะครับ” คยองซูรีบวิ่งหนีจงอินลงไปข้างล่าง ก่อนที่จงอินจะทำโทษเค้าแบบแผลงๆอีก

     

    จงอินมองคยองซูวิ่งลงบันไดไปด้วยความตื่นตกใจ มันดูเหมือนเด็กที่ทำความผิดแล้ววิ่งหนีเพราะกลัวพ่อตี  “นายกลัวฉันขนาดนั้นเลยหรอคยองซู นายคงไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมารับศึกครั้งนี้ซินะ ต้องขอบคุณความหวังดีของแม่ที่เรียกตัวฉันกลับมารักษา ทำให้ฉันได้เจอนายนะคยองซู” 






     
     


     

     


    ..............................





    ไอ้คนบ้า มาลวนลามคยองซูคนน่ารักมีแฟนแล้วแบบนี้ได้ยังไง คนผีทะเลมาลวนลามเค้านี่

     

     TALK : 100% แล้วเย่ๆๆ  จงอินเน้อจงอินทำไมนายมันกวนประสาทนักนะ คยองซูก็ออกจะน่ารักขนาดนั่น จะหื่นกามอะไรก็น่าจะค่อยๆเป็นค่อยๆ ไปทำแบบนี้เดี๋ยวเหยื่อก็รู้ตัวหมดซิ

    ,<3 เฟบไว้ซิคะ <3

     


     

    |HELLO|

    Tag : #ฟิครักซึมเศร้า
    Twitter : @Zeaan_B

    อ่านให้สนุกนะคะ






     



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×