คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ⚛︎ Chapter 7 : ฝาแฝดจุดใต้ตา ⚛︎
Ch.7
; ฝาแฝดจุดใต้ตา
“หนู…หนูต้องลงด้วยเหรอคะ?”
“อืม ถึงจะจอดวีไอพี แต่ผู้หญิงอยู่คนเดียวมันอันตรายไป”
ยามนี้พี่จิวขับรถมาถึงลานจอดของผับพี่ฝุ่นแล้ว และฉันก็ไม่คิดว่าตัวเองต้องลงเมื่อพี่จิวบอกเองว่ามาทำธุระไม่นาน ตอนเขาขยับมือมากดปลดเบลท์ออกให้จึงพลันหันมองเขาหน้าตาตื่น
“แต่หนูใส่ชุดนักศึกษามา”
ร่างสูงหลุบตาลงมองชุดบนตัวฉัน ให้ความรู้สึกชวนวูบวาบจนเผลอยกมือขึ้นกอดอกโดยไม่รู้ตัว
เพราะเขาดันบอกว่าจะมารับฉันเข้าสตูด้วยแบบไม่ให้ตั้งตัว วันนี้ถึงไม่มีเวลาให้ไปเปลี่ยนชุด จู่ๆ จะให้เข้าไปทั้งชุดแบบนี้มันคงดูไม่เหมาะสมเกินไป...
ฟุ่บ
“ใส่คลุมไว้”
เชิ้ตแจ็กเกตสีดำถูกนำวางลงบนตักฉัน ครั้นเงยหน้ามองเจ้าของการกระทำ พบว่าเขาเบี่ยงหน้าไปอีกฝั่งแล้ว คล้ายอยากให้เวลาส่วนตัวต่อกัน
ฉันก้มมองเสื้ออีกครั้ง ไม่อยากเรื่องมากจนพานทำเขาช้าตามจึงยอมสอดแขนเข้าสวมใส่จนเรียบร้อยดี ไม่ลืมติดกระดุมด้านหน้าคลุมให้มิดชิดดีด้วย
เสื้อพี่จิวไหล่กว้างมาก ขนาดก็ยาวจนเกือบเท่ากระโปรงพีทเหนือเข่าบนตัวฉัน กลิ่นหอมอ่อนจางเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าของเสื้อเองก็ชวนให้รู้สึกปั่นป่วนยามเผลอสูดดมเสียเหลือเกิน
“เสร็จแล้วค่ะ”
“อืม”
ตอบรับกันเสียงเรียบแล้ว ร่างสูงก็เปิดประตูลงจากรถไป ฉันตั้งใจรีบลงตาม แต่ยังไม่ทันชั่งใจว่าควรเอากระเป๋าลงไปด้วยดีมั้ย ประตูฝั่งตัวเองดันเปิดออกให้โดยพี่จิวเสียก่อน…
“...ขอบคุณค่ะ”
ฉันตัดสินใจวางสัมภาระไว้บนรถแล้วพกมาแค่มือถือ ก่อนสอดตัวออกจากเบาะรถมายืนรอพี่จิวกดล็อกมาเซราติ เรียบร้อยดีถึงสาวเท้าตามเขาไปเงียบๆ
“สวัสดีครับคุณจิว”
“ผมมาหาฝุ่น”
พี่การ์ดมีท่าทีคุ้นเคยกับพี่จิวมากพอสมควร แบบที่แค่เห็นจากไกลๆ ก็จำได้ทันที หากเขามาคนเดียวคงไม่น่าห่วงอะไร แต่ครั้งนี้ดันมีฉันติดสอยห้อยตามมาด้วย สายตาที่พี่การ์ดมองฉันถึงเต็มไปด้วยความชั่งใจ
“นี่น้องผม เกินยี่สิบแล้ว”
อื้อๆ ถึงหนูจะดูกะโปโล แต่ถึงยี่สิบแล้วค่ะ
“อ่า ครับ เชิญเลยครับ”
พี่การ์ดยอมเปิดประตูให้เราเข้าไปด้านใน เวลาทุ่มกว่าเช่นนี้ในร้านยังไม่ถือว่าคับคั่งไปด้วยฝูงชน ทางเดินจึงไม่ได้หนาแน่นจนเดินลำบากเท่าที่ฉันเคยมา
ฉันพอรู้จักพี่ฝุ่นอยู่บ้าง เพราะพี่เขาเป็นรุ่นพี่คนสนิทของพี่โซน เลยมีโอกาสได้เจอพี่เขาอยู่บ้าง และก็รู้ด้วยว่าพี่จิวกับพี่ฝุ่นเป็นเพื่อนสนิทกัน
“ต้องไปชั้นบน”
“ค่ะ”
พี่จิวก้มบอกพลางเดินนำกันไปทางบันได เขาคอยกันคนมีท่าทีจะเดินชนออกให้ตลอดทางจนมาถึงชานบันได ถึงสลับตำแหน่งให้ฉันขึ้นเดินนำก่อน
ทุกอย่างปกติดี จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งเดินสวนลงมา และไม่รู้ว่าเพราะเขาเร่งรีบอยู่หรือเป็นที่บันไดมันแคบไป ยามต้องสวนกันช่วงไหล่เขาจึงกระแทกเข้าที่ตัวฉันเต็มแรง ส่งให้ร่างกายฉันเซจะหงายหลังเพราะไร้แรงยึดเหนี่ยวกะทันหัน
หมับ
“รีบไปตาย?”
“ขะ ขอโทษครับพี่”
“ไสหัวไป”
ฉันกะพริบตาถี่ ตั้งสติคิดได้อีกทีถึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด ครั้นก้มมองบนตัวพบว่าช่วงเอวกำลังถูกร้อยรัดด้วยท่อนแขนกำยำ ขณะที่ช่วงไหล่ขวาถูกฝ่ามือใหญ่อีกข้างรวบกุมจับไว้ แน่นอนว่าแผ่นหลังเองก็…แนบชิดอกอุ่นร้อนไปทุกขณะส่วน
ใจฉันพลันสั่นไหวอย่างหนัก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคุยกับคนที่ชนฉันว่าอะไร รู้แค่สมองมันชาๆ จนได้ยินเพียงเสียงหัวใจของตัวเอง
“เจ็บ?”
พรึ่บพรั่บๆ
ฉันส่ายหน้า พยายามขยับห่างจากสัมผัสแล้วทรงตัวยืนด้วยตัวเอง แต่ติดตรงที่ พี่จิวไม่ยอมปล่อยมือจากเอวกัน
“ให้เดินเองต่อ คงได้ตกบันไดคอหักเข้าก่อน”
เสียงทุ้มดุกล่าวว่า ก่อนขยับคลายแรงกอดรัดลง ทว่าไม่ยอมผละห่าง เขายังคงโอบรัดเอวฉัน ขณะพาออกเดินพร้อมเขาทั้งแบบนั้น ไม่สนสีหน้าเหลอหลาของฉันเลยสักนิด พานให้ต้องเม้มปากแน่นทั้งบีบชายเสื้อแจ็กเกตเขาเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
ไหนพี่บอกจะไม่พามาทำอะไรไงคะ แล้วที่โอบหนูอยู่นี่มันคืออะไรกัน…
ดีที่อย่างน้อยธุระการมาพบพี่ฝุ่นนั้นรวดเร็วดังพี่จิวว่า ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที พี่คนดุก็ขอพาฉันกลับ แต่ใครเลยจะคิดว่าเขายังถือสิทธิ์โอบเอวฉันตั้งแต่ก้าวออกจากประตูห้องวีไอพีจนออกมาถึงลานจอดรถ
ช่างห่วงฉันตกบันไดได้เกินไปแล้วจริงๆ
[Another Part]
“มองไรของมึงวะ”
คนถูกถามไม่ตอบ แต่มองไปยังทิศทางที่คนสองคนพึ่งเดินห่างออกไปด้วยสายตาอ่านไม่ออก
ฟุ่บ
ครั้นมั่นใจในสิ่งที่เห็น จึงไม่คิดเก็บมันไว้กับตัวคนเดียว เขา คว้ามือถือขึ้นเปิดแชตใครบางคน ก่อนพิมพ์ตามที่เห็นส่งไป
xxx : เดินโอบเด็กนั่นเป็นเมียไปทั่วผับ
xxx : ถ้ายังคิดว่าพวกมันไม่เป็นอะไรกันอีก ก็หน้าโง่เต็มที
สำหรับอีกคนคงไม่นึกยินดีกับสิ่งที่รับรู้ แต่กับเขาแม่งโคตรน่าสนุกเลย :)
[LOOKNAI PART]
“พี่ลักยิ้มมาเห็น คงโดนทำหน้านิ่วใส่แหง”
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็โดนข้อหาทำน้องสาวเขาสวยเกินไป”
“มะ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ขนาดนั้นแหละ”
พี่จินว่าทั้งสางมือกับลอนผมฉันให้เข้าที่ แน่นอนว่าฝีมือการทำนั้นล้วนเกิดจากพี่จินคนสวยทั้งสิ้น
วันเสาร์เมื่อวานพี่จินมาหาพี่จิวที่สตูสัก ขาจะกลับเธอแวะมาคุยกับฉันและถามว่าวันอาทิตย์นี้ฉันพอว่างรึเปล่า ฉันจึงตอนไปตามตรงว่าสะดวกช่วงบ่ายเพราะตอนเช้าต้องทำการบ้าน ซึ่งพี่จินพลันพยักหน้ารับและบอกว่าจะมารับฉันไปห้องเธอ ให้เตรียมตัวไว้
ลูกไหนก็ดันเป็นคนใจง่าย พี่สาวคนสวยบอกไว้แบบนั้นก็ทำตามแบบนั้น พอมาถึงห้องจึงได้แต่นั่งนิ่งยอมกลายมาเป็นหุ่นทดลองให้พี่จินไม่มีดื้อรั้น
ซึ่งวันนี้ค่อนข้างแตกต่างจากทุกครั้งที่ฉันเคยมาเรียนแต่งหน้ากับพี่จิน เพราะถูกพี่คนสวยจับแต่งให้เองทุกขั้นตอนแบบจัดหนักจัดเต็ม ขนาดที่ฉันเผลองีบหลับไปหลายรอบพี่จินก็ยังวุ่นกับการจับฉันแต่งหน้าอยู่
พอลืมตามาอีกที ถึงได้เห็นตัวเองเวอร์ชันใหม่อย่างที่พี่จินว่าจริง
“ตั้งแต่แต่งให้เธอมา พี่ว่าเมคอัพสาวญี่ปุ่นเหมาะกับเธอมากที่สุด”
อ่า ถ้าจำไม่ผิดพี่จินบอกเป็นสไตล์ อิการิเมคอัพอะไรสักอย่างนี่แหละน้า
“ลุคนี้หน้าไม่ใสจริงไม่ค่อยรอด แต่เพราะเธอหน้าใสอย่างกับเด็กญี่ปุ่น ขี้แมลงวันใต้ตาก็มีตั้งสองจุดแบบไม่ต้องเติมเพิ่ม ช่างลงตัวอะไรอย่างนี้”
ดีใจที่ตัวเองได้เจอเมคอัพเหมาะกับตัวก็เรื่องหนึ่ง เห็นพี่จินสนุกจนแววตาเป็นประกายซุกซนไปหมดก็นับเป็นอีกเรื่อง
ช่างเป็นคนสวยที่น่ารักได้อะไรขนาดนี้นะแฟนพี่เรา
“ว่าไปก็ตำแหน่งเดียวกับพี่จิวเลย สลับแค่ฝั่ง...เหมือนฝาแฝด”
ฉันเกิดอาการอึกอัก แม้พี่จินจะพูดเชิงพึมพำกับตัวเองมากกว่า แต่พอได้ยินมันก็อดคิดตามไม่ได้ เมื่อมันดันเป็นเรื่องจริงที่เราบังเอิญมีจุดแต่งแต้มบนหน้าคล้ายๆกัน…
เพียงแค่สีแต่ละจุดของฉันนั้นอ่อนจางกว่า เหมือนถ้าให้เทียบกับของพี่จิวก็คือของเขาเป็นของแท้ ส่วนฉันเหมือนของปลอมไปเลย
แต่ว่านะ...อุตส่าห์พยายามไม่พูดถึงมาตลอดแล้วแท้ๆ พี่จินอ่า
“เอ่อ แล้วพี่จินจับหนูมาแต่งหน้าทำไมเหรอคะ หรือแค่อยากแต่งเล่นเฉยๆ คะ”
เสาร์อาทิตย์ส่วนมากพี่โซนต้องกลับบ้านไปดูแลคุณย่าหรือคนที่ฉันเรียกติดปากว่าคุณท่าน ความคิดจึงเอนเอียงไปทางพี่เขาเหงาเพราะแฟนไม่อยู่เกินกว่าครึ่ง
“อาทิตย์หน้ามีงานปาร์ตี้วันเกิดพี่จิว”
หืม? อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดของพี่ชายคนดุของพี่จินเหรอเนี่ย
“งานจัดที่พูลวิวล่าแถวพัทยา เป็นทั้งงานวันเกิดทั้งงานฉลองกับหุ้นส่วนใหม่ของพี่จิวกับพี่ฝุ่น วันก่อนพี่ลองขอพี่โซนกับพี่จิวพาเธอไปแล้วด้วย อนุญาตทั้งคู่ เลยต้องพามาลองแต่งไว้ก่อน”
ครั้นเหตุผลแท้จริงถูกเปิดเผย ฉันพลันกระสับกระส่ายในใจ ไม่ใช่ไม่ยินดีกับวันเกิดของใครอีกคนที่กำลังมาถึง แต่การได้ยินว่าพี่จินจะพาฉันไปด้วยมันเป็นอะไรที่ชวนอึกอักใจเสียเหลือเกิน
ฉันไม่รู้จักใคร แม้กระทั่งกับเจ้าของวันเกิดยังกลัวจนอยากหลบเลี่ยง แล้วให้ไปร่วมงานทั้งอย่างนี้ มันดูยังไงๆ เกินไปแล้ว…
“ไม่ต้องกังวลไป ในงานคนกันเองทั้งนั้น พี่ที่สตูสักยังไปกันหมด จะขาดเธอคนเดียวได้ไง”
“พี่ปีกับพี่วาก็ไปด้วยเหรอคะ?”
“อือ ไปหมด”
ความว้าวุ่นใจลดระดับลงเมื่อรู้ว่าทุกคนที่สตูก็ไป ถึงอย่างนั้นยังอดขบคิดมากอยู่หลายส่วนไม่ได้อยู่ดี
พรึ่บ
“ไป”
“ปะ ไปไหนคะพี่จิน”
ฉันแสดงสีหน้าเหลอหลาเมื่อจู่ๆ ก็ถูกเจ้าของห้องฉุดมือให้ลุกยืนขึ้น
“หาซื้อชุดไปงาน”
“เดี๋ยวก่อนสิคะ หนูอาจไปมะ…”
“มีเพื่อนให้ใส่คู่ทั้งที แบบนี้ต้องช็อปให้จุใจ”
ไม่ทันแม้จะได้ปริปากพูด ทั้งตัวทั้งกระเป๋าสะพายล้วนถูกพี่จินพาออกจากห้องมาอย่างรวดเร็ว แถมระหว่างรอเรียกรถ พี่จินยังมุ่งสนแต่หาเรฟชุดไม่ก็ร้านที่ดูเข้าตาไว้ เห็นพี่เขาดูมีความสุขและตื่นเต้นขนาดนี้ ฉันจะกล้าขัดอะไรได้อีก…
ครั้นมาถึงชอปปิงมอลล์ชื่อดังใจกลางเมือง พี่จินคนคึกคักก็ไม่รอช้าจูงพาฉันเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น เริ่มตั้งแต่ช็อปทั่วไปนอกห้าง วนเก็บจนเข้ามาถึงร้านด้านใน
ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งสามารถเก็บพลังงานล้นเหลือในตัวได้ขนาดนี้เชียวเหรอ ส่วนฉันแค่ลองตามที่พี่เขาเดินเลือกให้ ได้นั่งคอยก็บ่อยกว่ายังแบตเตอรี่แจ้งเตือนว่าควรเข้าชาร์จตั้งแต่ชั่วโมงแรก เข้าใจคำว่าพลังผู้หญิงตอนช็อปก็วันนี้เอง…
“ไปรอพี่หน้าร้านเถอะ จ่ายเสร็จจะรีบตามไป”
“ค่ะพี่จิน”
หกโมงเย็นถือเป็นช่วงพีคไทม์ แต่ละร้านคนจึงเนืองแน่นเอามากๆ กระทั่งจุดต่อคิวจ่ายเงินยังแออัด พี่จินเลยให้ฉันออกมารอหน้าร้านแทน
เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองเปิดประสบการณ์ชอปปิงในเวลาสามชั่วโมงเต็ม หมดพลังงานขนาดที่ จบจากร้านนี้คงต้องขอพี่จินพักแล้วชวนไปกินข้าวแทนก่อน
หิวจนตาลาย เห็นภาพหมุนติ้วๆ ไปหมดแล้ว…
“หืม”
ขณะเดินออกมานอกร้าน เสียงซุบซิบของผู้คน รวมถึงอากัปกิริยาของคนรอบข้างซึ่งคล้ายจะพร้อมใจมองไปทางเดียวกัน พานพาให้ฉันฉงนจนต้องปรายตามองตาม ทว่า…ร่างสูงโดดเด่นเกินใครซึ่งปรากฏในสายตา กลับทำฉันอึ้งงันหนักจนเผลอตาเบิกโพลงกว่าปกติ
พะ พี่จิวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน!
พรึ่บ
กึก
พลันเกิดอาการสะดุ้งโหยง เมื่อร่างสูงซึ่งเคยทำเพียงยืนล้วงกระเป๋าพร้อมกดมือถือไม่สนใจใคร เกิดเงยหน้ามองตรงเอาดื้อๆ
ไม่รู้ว่าเพราะรู้สึกได้ว่ากำลังถูกจ้องหรืออะไรถึงได้รู้ตัว แต่การที่สายตาคมดุคู่นั้นจดบนใบหน้าฉันค้างนิ่งอยู่เช่นนั้น มันช่างชวนให้จิตใจไม่สงบสุขเสียเหลือเกิน…
หน้าฉันมีอะไรเผลอติดอยู่หรือเปล่านะ ถึงจ้องไม่หยุดเลย
จริงสิ…หรือเพราะเมคอัพใหม่ที่พี่จินแต่งให้มันดูไม่เหมาะในสายตาเขากันนะ คาดเดาไม่ออกเลย…
ครั้นรู้สึกปั่นป่วนในใจเกินกว่าจะทนให้เขาจดจ้องเช่นนี้ต่อไป จึงตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าคนตัวโตด้วยตัวเอง
“พี่จิว…สวัสดีค่ะ”
คำกล่าวทักทายจากฉันดูมีผลบางอย่างต่อคนตรงหน้า สายตาดุดันคู่นั้นเกิดการเคลื่อนไหวเสียที ทว่าไม่รู้ว่าดีหรือแย่กว่าเดิม เมื่อเขาดันใช้มันย้ายมาลอบสำรวจการแต่งกายของฉันแทน เป็นการกระทำชั่วเสี้ยววินาที แต่กลับทำฉันร้อนวูบขึ้นทั่วร่างได้โดยไร้เหตุผล
จากเคยเย็นวาบตรงช่วงไหล่และแขน เพราะถูกพี่จินเปลี่ยนให้มาใส่เสื้อสายเดี่ยวระบายลูกไม้สีขาวกับกระโปรงยาวสีครีมแทนชุดเดรสเดิมที่ใส่มา ด้วยเหตุผลว่าเมคอัพญี่ปุ่นแล้วก็ต้องแต่งตัวให้เข้าด้วย
มาตอนนี้กลับหลงเหลือเพียงความรู้สึกกรุ่นร้อนเกาะกุมผิวกาย เพียงเพราะถูกคนตาดุคนนี้ไล่มองดุอย่างเป็นจริงเป็นจัง
อยากให้พี่จินรีบออกมาเร็วๆ จังเลยนะ…
#ของจิว
อาการมันยังไงสุดหล่อ จะเคลิ้มหรือจะดุเอาดีๆ
แถมสปอยล์ค่าา
เห็นคุณรี้ดหลายคนถามมาว่าน้องมีโอกาสเลิกกลัวพี่ม้ายย คำตอบอยู่ข้างล่างแล้วค่ะ!
“การบ้านหนูก็ยังไม่ได้ทำเพราะพี่จิว ตอนนี้ยังมาทำท่าใจร้ายกับหนูอีก หนูไม่ยอมให้พี่จิวทำแบบนั้นแล้วนะ ปล่อยหนูค่ะ! หนูจะไปทำการบ้าน”
พี่จิวโดนเด็กอยากทำการบ้านสู้กลับแล้วค่ะ!
ว่าแต่...ทำแบบนั้นนี่มันแบบไหนกันนะ....0.0
ความคิดเห็น