ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Myths of Warious: ปฐมบทสงครามห้าอาณาจักร

    ลำดับตอนที่ #1 : บลูเบิร์ด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 51
      8
      26 ส.ค. 58

    CR.SH

    เจเนลไม่เคยชอบเหล้าองุ่นแม้แต่น้อย

    เธอเป็นสตรีวัยสิบหกปีที่เติบโตขึ้นในครอบครัวชนชั้นกลาง ลอร์ดบิดา โลเกอร์ ลูเธอร์ สืบทอดตำแหน่งเจ้าของโรงตีเหล็กต่อจากท่านปู่และบรรพบุรุษรุ่นก่อนท่านปู่ขึ้นไป พวกเขานับเป็นผู้ผลิตศาสตราวุธที่มีชื่อเสียง และได้รับความไว้วางใจจากอาณาจักรมาอย่างยาวนาน ศาสตราวุธทุกชิ้นที่ตีตราค้อนแห่งความมั่งคั่ง ล้วนเป็นของชั้นดีที่ตระกูลลูเธอร์ผลิตขึ้นทั้งสิ้น

    เจเนลเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงของชนชั้นกลาง มารดาจะบังคับให้เธอดื่มเหล้าองุ่นและแสร้งทำเหมือนชื่นชอบมัน ดวงตาสีเขียวเหมือนมรกต ผิวพรรณขาวสดใสเหมือนฤดูหนาว เส้นผมสีแดงเพลิงโดดเด่น และรอยยิ้มแห่งความปิติของเธอทำให้ผู้พบเห็นประทับใจได้เสมอ มารดาบอกไว้ เธอต้องกลั้นใจดื่มมัน และฉีกยิ้มโง่เง่าออกมาทุกครั้ง กลิ่นฉุน ๆ ทำให้เธอแสบจมูกจนต้องกลั้นหายใจ รสชาติหวานเฝื่อน ๆ เจือขมยิ่งเลวร้ายกว่า เจเนลอดคิดไม่ได้ว่าบางทีเธอคงเป็นชนชั้นกลางคนเดียวในวารีอัสที่ไม่เคยชื่นชอบเหล้าองุ่นแม้แต่น้อย

    เจเนลกำลังกวาดสายตารอบ ๆ ร้านบลูเบิร์ดด้วยความหม่นหมอง มันเป็นร้านที่ถูกตกแต่งอย่างลวก ๆ โต๊ะเก้าอี้ห้าหกชุดเป็นของทำเองจากไม้มะกอก ซีวา ญาติผู้พี่อ้อนวอนให้เธอพามาที่นี่ เพียงเพราะได้ยินคำเยินยอของชาวบ้านในจัตุรัสเซนต์มิคาเอล เหล้าองุ่นบลูเบิร์ดหอมหวานที่สุดเท่าที่มีขายในวาริอัสเจเนลไม่รู้สึกอย่างนั้น แถมในร้านยังมีคนมากเกินไป ผู้ชายทั้งสิบกว่าคนในร้านเป็นสามัญชน พวกเขาไว้หนวดเคราดุดัน ผิวกายหยาบและเป็นมันเงา สวมเสื้อผ้าเก่าเหมือนผ้าขี้ริ้ว

    เจเนลรู้สึกเย็นไปทั่วท้องเมื่อรู้ตัวว่าเธอและซีวาเป็นสตรี และเป็นชนชั้นกลางเพียงกลุ่มเดียวที่นั่งอยู่ในร้าน

    เราขอเปลี่ยนเป็นน้ำแอปเปิ้ลได้ไหมพ่อค้าเจเนลร้องบอกกับพ่อค้าวัยหนุ่ม เขาเป็นบุรุษเพียงคนเดียวที่ไม่น่ากลัว

    พ่อค้าหนุ่มไม่ขัดข้อง เขาละสายตาจากหนังสือเล่มหนาบนโต๊ะ และเดินกลับเข้าไปหลังร้าน อึดใจหนึ่ง เขาเดินกลับออกมาพร้อมกับถ้วยโลหะสองใบกับเหยือกที่มีน้ำแอปเปิ้ลอยู่เต็มเปี่ยม

    เจเนลยิ้มเจื่อน ๆ แทนคำขอบคุณ พวกเขาบอกว่าเหล้าองุ่นที่นี่หอมหวานที่สุดในอาณาจักร แต่มันยังขมเกินไปสำหรับเรา บางทีลิ้นของเราคงผิดปกติสักอย่าง

    พ่อค้ายิ้มอย่างถ่อมตน เขารินน้ำแอปเปิ้ลใส่ถ้วยโลหะให้เธอ ท่านไม่ผิดปกติเลย นายหญิง เหล้าองุ่นนี้ขมเกินไปสำหรับข้าเช่นกัน แต่ในฐานะพ่อค้า ข้าไม่อาจพูดเช่นนั้นเขากระซิบบอก ก่อนหันไปถามซีวา ท่านก็อยากเปลี่ยนเป็นน้ำแอปเปิ้ลด้วยหรือไม่?”

    ซีวายืดตัวตรง อาภรณ์ผ้าไหมสีเหลืองทองรัดตึงแนบเนื้อหนัง ผ้าคลุมขนเป็ดสีดำไม่อาจซุกซ่อนสัดส่วนโค้งเว้าคับแน่นของเธอได้ ไม่ล่ะ เหล้าองุ่นนี้ไม่หอมหวานอย่างคำโฆษณา แต่เราหลงรักความขมขื่นของมันเธอบอกเสียงเรียบ และยกถ้วยโลหะขึ้นจิบเบา ๆ

    มารดาของเจเนลเคยบอกว่าชาวตะวันออกพูดมีนัยยะเสมอ ซีวา เรวิน เป็นหญิงงามวัยสิบแปดปี และเป็นชาวตะวันออกอย่างไม่ต้องสงสัย เราจะดื่มน้ำแอปเปิ้ลให้หมด หมดเหยือกนี่เลยเจเนลบอกเนือย ๆ หากท่านเลิกพูดจาเหมือนชาวตะวันออก

    เธอยกน้ำแอปเปิ้ลขึ้นดื่มจนหมดถ้วย ล้างความขมในลำคอ

     

    หนนี้ท่านจะอยู่นานเท่าไหร่?” เจเนลถามขึ้น เราอยากให้ท่านอยู่ตลอดไป

    เราก็อยากอยู่กับเจ้าตลอดไป วาลันซ่าไม่มีน้องสาวน่ารักเหมือนเจ้าซีวาบอก เธอฝืนยิ้มอย่างไม่สบายใจ นัยน์ตาสีเข้มดูเศร้าสร้อยลง ถ้าท่านพ่อเสร็จธุระกับลอร์ดเกอร์เมื่อไหร่ เราจะลองคุยเรื่องย้ายมาอยู่ที่วาริอัสเสียที ย้ายมาอยู่อย่างถาวร

    จริงหรือ?” เจเนลถาม และเธอกำลังครุ่นคิด บิดาของซีวาเป็นขุนนางในวาลันซ่า คาร์ล เรวิน เขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของคาร์ลี่ เรวิน ลูเธอร์ มารดาของเจเนล เขามีศักดิ์เป็นท่านลุงของเจเนลอย่างไม่ต้องสงสัย และเจเนลยืนยันได้ว่า ท่านลุงของเธอเฉลียวฉลาดไม่แพ้ลอร์ดบิดาของเธอ แต่เธอยังไม่เข้าใจ เหตุใดท่านลุงผู้เฉลียวฉลาด ถึงไม่ฉลาดพอที่จะถอนตัวจากเรื่องวุ่นวายทางการเมืองในอาณาจักร ตามความเห็นเรา ท่านควรคุยกับท่านลุงอีกเรื่องหนึ่งเจเนลเสนอ ท่านต้องบอกท่านลุง เขาชราเกินกว่าจะนั่งโต้วาทีอยู่ในสภาแล้ว ท่านพ่อบอกว่าอาณาจักรให้อิสระแก่ขุนนางอาวุโส เราอยากให้ท่านมาอยู่ด้วยกันที่นี่ ท่านทั้งคู่

    เจเนล อาณาจักรมองผลประโยชน์ของตนเท่านั้นซีวากระซิบ เธอขมวดคิ้วอย่างจริงจัง ไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลย โทษพวกเขาไม่ได้เธอย้ำอย่างหนัก

    เจเนลไม่ออกความเห็น เธอซดน้ำแอปเปิ้ลนิ่ง ๆ และพยายามเปลี่ยนเรื่องพูดคุย ไม่นานทั้งคู่ก็ลืมความตึงเครียดเมื่อครู่ไปโดยสิ้นเชิง พวกเธอสนทนากันหลายเรื่องตามประสาญาติสนิทที่ไม่ได้พบกันถึงเกือบครึ่งทศวรรษ บัดนี้เห็นได้ชัดว่าซีวาเติบโตเป็นสาวเต็มตัว และเธองดงามราวกับทวยเทพสร้างขึ้น  เธอมีผิวกายสีทองอร่าม เส้นผมสีดำเงางามยาวจรดสะโพก ดวงตาสีเข้มเหมือนมณีนิล เข้ากับใบหน้าคมคายอย่างชาวตะวันออก

    หอนาฬิกาหน้าวิหารเซนต์มิคาเอลตั้งอยู่อย่างท้าทาย เข็มของมันชี้เป็นเส้นตรง บ่งบอกเวลาหกโมงเย็น แสงอาทิตย์อัสดงเปลี่ยนเป็นสีส้มแก่ ๆ อากาศเริ่มเย็นตาม

    เจเนลดึงผ้าคลุมขนแกะสีเทาห่มไว้อย่างลวก ๆ เธอหรี่ตามองญาติผู้พี่ที่เริ่มเมา ก่อนจะถอนหายใจแรง ๆ เธอพยายามมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเธอและญาติผู้พี่ไม่ได้กำลังถูกใครมองเป็นพิเศษ เธอกำลังมองไปเรื่อย ๆ โดยไม่ใส่ใจรายละเอียด กระทั่งหยุดอยู่ที่พ่อค้าเหล้าองุ่นคนเดิมอีกครั้ง

    เจเนลจ้องมองเขา เหมือนแมวป่าช่างสงสัยที่จ้องมองลูกเต่าอย่างสงสัย

    พ่อค้าเหล้าองุ่นเป็นชายที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน เขาตัวเล็กบางเหมือนกับผู้หญิง เส้นผมสีน้ำตาลยาวสองนิ้วชี้ไปทุกทิศทาง นัยน์ตาสีเทาเหมือนครุ่นคิด และสวมเสื้อแขนยาวหลวม ๆ สีเขียวเปื้อนเป็นดวง กับกางเกงสีน้ำตาลทำจากหนังจิ้งจอกราคาถูก

    พ่อค้าเหล้าองุ่นคือสามัญชน เสื้อผ้าของเขายืนยันความจริงเรื่องนี้ แต่เจเนลยังระคายใจ กว่าสามชั่วโมงแล้วที่เขานั่งอยู่ที่เดิม บนเก้าอี้ที่มุมหนึ่งของร้าน เพียงลำพัง นิ้วชี้ไล่ไปบนกระดาษสีเหลืองบนหนังสือปกหนา สายตาจ้องตามนิ้วโดยไม่คลาดแม้วินาที กว่าสามชั่วโมงที่เขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับหนังสือเล่มนั้น เจเนลเห็นเขาขายเหล้าองุ่นให้กับลูกค้า และกลับไปหมกมุ่นกับมันอีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง

    ลอร์ดบิดาบอกว่าหนังสือคือเครื่องประดับของชนชั้นกลาง ผู้รู้อักษรมีราคาในตัวเองเสมอ

    เจ้ามองหาอะไรเจเนลซีวาถามเสียงหวานจ๋อย เธอมองตาม บัดนี้เธอดูเมามากกว่าหกส่วน พ่อค้าหน้าหวาน เราลืมไปได้ยังไงว่าเจ้าก็เติบโตขึ้น เจ้าไม่ใช่เด็กหญิงขี้อายอีกแล้ว

    เจเนลปฎิเสธทันควัน เราแค่สงสัยเท่านั้น! เขาเอาแต่อ่านสิ่งนั้น ตั้งแต่เราเข้ามาที่นี่ น้อยคนที่จะทนอ่านตำราเล่มหนาได้นานขนาดนี้ อีกอย่าง…” เธอพูดเสียงเบาลง เขาเป็นเพียงสามัญชน

    ซีวาจ้องมองพ่อค้าเหล้าองุ่นด้วยแววตาครุ่นคิด และจากนั้น เธอตะโกนร้องเรียกเขา เจเนลไม่ทันตั้งตัว พ่อค้า เราขอเวลาสักเดี๋ยวได้ไหม?” เธอว่า ก่อนหันมากระซิบบอกกับเจเนล เราคิดว่ามันต้องน่าสนใจแน่ ๆ

    พ่อค้าหนุ่มพยักหน้าไกล ๆ เขาละสายตาจากหนังสืออีกหน และเดินตรงมาที่โต๊ะของเจเนล ท่านอยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่? นายหญิงเขายิ้ม ก่อนจะรินน้ำแอปเปิ้ลให้กับเจเนล หนนี้เขารินเหล้าองุ่นให้ซีวาด้วยเช่นกัน

    เจเนลส่งสายตาเข้มข้นให้ญาติผู้พี่ ท่านเรียกเขามา ซีวา

    ซีวายิ้มตอบ เธอย้อนถามกับพ่อค้า นั่งลงก่อนได้ไหม?” เธอว่า พร้อมกับเสยผมขึ้น กำไลทองคำขาวประดับเพชรบนข้อมือ สะท้อนรับแสงอาทิตย์อัสดงเป็นประกายระยับ

    พ่อค้าขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้คั่นกลางระหว่างทั้งสอง การร่วมโต๊ะกับสตรีชนชั้นกลางถึงสองคนไม่อาจทำให้เขารู้สึกยินดีขึ้นมาได้ เขายิ้ม แต่เจเนลรู้ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่มีความกังวลซ่อนอยู่ เรื่องที่พวกท่านอยากคุยกับข้า นายหญิง ข้าขอถามตรง ๆ เถิด มีบางอย่างในร้านที่ทำให้พวกท่านไม่ชอบใจหรือไม่?”

    ไม่มีเรื่องแบบนั้นเลย เจ้าเพียงทำให้ญาติผู้น้องของเราร้อนใจซีวาบอกด้วยความมั่นใจเต็มที่ พ่อค้า เจ้ามีชื่อไหม?”

    ชื่อของข้าคือเอริค บลูเบิร์ด นายหญิงเขาบอกด้วยใบหน้าประหลาดใจ

    เราคือซีวา เรวินซีวาตอบรับ เธอส่งสายตายิ้ม ๆ ให้เจเนล

    ส่วนเราคือเจเนลเจเนล ลูเธอร์

    เอริคลุกขึ้นพรวดเหมือนถูกไฟลวก เขารีบน้อมศีรษะให้ทั้งคู่อย่างตกใจ อย่างที่คิด ท่านคือบุตรสาวของลอร์ดโลเกอร์เจเนล ลูเธอร์ เส้นผมสีแดงเพลิงของท่านงดงามสมคำร่ำลือเอริคบอก ส่วนท่าน สุภาพสตรีชาวตะวันออกที่งดงามที่สุดที่ข้าเคยพบมาก่อน ผู้คนที่นั่นต้องร่ำลือเรื่องของท่าน

    เจเนลเพิกเฉย เธอไม่ให้ราคากับคำชมของเอริค สตรีชนชั้นกลางล้วนคุ้นเคยกับคำพูดตามมารยาท เธอบอกให้เอริคนั่งลง ก่อนจะเริ่มพูดอย่างเป็นทางการ เอริค บลูเบิร์ด เราเห็นเจ้าอ่านหนังสือเล่มนั้นอยู่หลายชั่วโมง เจ้าเป็นสามัญชนที่รู้อักษร เป็นคนแรกที่เราเคยพบมาก่อน หากเจ้าไม่ว่าอะไร เราอยากคุยกับเจ้าเรื่องนั้นเธอตัดเข้าประเด็น เจ้ารู้อักษรจริง ๆ หรือ?”

    เอริคยิ้มเจื่อน ๆ ข้าไม่บอกอย่างนั้น นายหญิง สาเหตุที่ข้ายังอ่านหนังสือเล่มเดิมอยู่นานสองนาน ก็เพราะข้าไม่เข้าใจ ข้าไม่เคยเรียนอ่านอักษรเหล่านี้

    แล้วเหตุใดเจ้าถึงเอาแต่จ้องมัน

    ข้าเชื่อว่าหากข้าทุ่มเทมากพอ สักวันข้าคงเข้าใจเอริคตอบอย่างมั่นใจ

    เจเนลส่ายหัวด้วยความเวทนา เอริค เจ้าทุ่มเทได้ดี แต่ยังขาดประสบการณ์ เจ้าจำเป็นต้องรู้จักอักษร หากเจ้าอยากอ่านหนังสือเธอบอก เราขอลอง อ่านหนังสือของเจ้าได้ไหม เราจะได้บอกเจ้าได้ว่าเจ้ากำลังทุ่มเทไปเพื่ออะไร

    เอริคเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ท่านอยากลองดู? ข้ายินดีอย่างยิ่ง แต่มันเก่ามากจนข้าไม่กล้ายกมันออกมา นายหญิง ข้ารบกวนท่าน…” เขาลุกจากเก้าอี้ช้า ๆ

    ไม่เป็นไร พวกเราจะเดินไปเองเจเนลเข้าใจ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมกับญาติผู้พี่ ทั้งคู่เดินตามเอริคไปที่โต๊ะของเขาอย่างว่าง่าย สามัญชนในร้านมองพวกเธอเป็นตาเดียวด้วยความสงสัย

    เล่มนี้แหละเอริคผายมือไปที่โต๊ะของเขาอย่างระมัดระวัง

    เจเนลเดินเข้าไปใกล้ หนังสือเล่มหนานอนสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะ มันเก่ากว่าตำราพิชัยยุทธ์หนึ่งพันปีของเซอร์ไดม่อน ไร้ซึ่งความน่าเกรงขาม มันสิ้นหวังเกินกว่าสิ่งที่เจเนลเคยเรียกว่าหนังสือ ปกของมันเป็นหนังกระทิงสีน้ำตาลแดงที่ซีดจนไม่เหลือเค้าเดิม อักษรสลักชื่อเลือนหายไป เห็ดราที่เคยผาสุกอยู่บนปก กลายเป็นเพียงซากแห้ง ๆ รอวันผุพัง

    เจเนลพยายามไม่ใส่ใจรูปลักษณ์ของมัน เพราะตราบเท่าที่มันยังทำหน้าที่ของตัวเองได้ก็นับว่ามีค่าเพียงพอ เธอบอกตัวเอง และพยายามเพ่งมองตัวอักษรจาง ๆ บนกระดาษสีน้ำตาลเหมือนใบไม้แห้ง และเธอต้องประหลาดใจอีกครั้ง ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามคาด เธอขมวดคิ้วแน่น และจ้องมันนิ่ง ๆ เหมือนถูกสะกดเอาไว้ ซีวา ท่านมาดูนี่หน่อยเธอส่งเสียงเรียกญาติผู้พี่ นี่มันคืออะไรกัน

    ซีวาสนใจ เธอสร่างเมากลับมาเป็นปกติแล้ว เธอเคลื่อนตัวมายืนข้าง ๆ และจ้องหนังสืออย่างพินิจ ก่อนจะพยักหน้า และส่งเสียงอืมในลำคอ เอริคเจ้าบอกว่าหากเจ้าจ้องมองมันนานพอ เจ้าจะเข้าใจมันได้ อย่างนั้นหรือ?”

    ข้าไม่กล้ายืนยัน นายหญิง

    อักษรในเล่มนี้ ไม่ใช่ภาษาของวาริอัส ไม่ใกล้เคียงเลยเจเนลบอกเคร่งเครียด

    ไม่ใช่ภาษาวาลันซ่าเช่นกันซีวาเสริม

    เรื่องนั้น ข้าคิดว่าข้ารู้อยู่แล้ว นายหญิงเอริคบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ ข้ารู้จักอักษรที่เป็นภาษากลางของอาณาจักรทั้งห้า ข้าเดาว่าอักษรนี้เป็นภาษาของชนเผ่าโบราณที่อยู่ในลองฟรอซ (อาณาจักรทิศเหนือ) บางทีข้าอาจจะเข้าใจอักษรทั้งหมดหากได้กลับไปอ่านภาษากลางของลองฟรอซอีกครั้ง มันคล้ายคลึงกันอยู่สามในห้าส่วน

    เอริค เจ้าบอกว่า เจ้าไม่เคยเรียนอ่านอักษร…” เจเนลว่า

    ข้าจดจำอักษร โดยหวังว่าวันหนึ่งเมื่อข้าเห็นมันจากที่ไหนสักแห่ง ข้าอาจได้รู้ความหมายของมัน นายหญิง จากประสบการณ์ของข้า ข้าพบว่าหากข้าจดจำมันได้แล้ว ข้าจะค่อย ๆ รู้ความหมายของมัน รู้ทีละตัวเอริคว่า

    เจเนลไม่พูดอะไร เธอครุ่นคิด เธอเห็นบางสิ่งในชั่วขณะหนึ่ง เมื่อแสงแดดสีทองแทรกผ่านรูเล็ก ๆ บนผนัง เข้ามาในร้าน เอริคยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ในเสี้ยววินาทีหนึ่งนั้น เธอมองเห็นบุรุษผู้ซึ่งที่มีราคาในตัวเอง ชนิดที่ไม่เคยมีผู้รู้อักษรคนใดอาจเปรียบเทียบได้

     

     

    .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×